Group Blog
 
All blogs
 

Secret Garden "ไม่มีความรักที่ง่ายบนโลกใบนี้หรอก"



ซีรีย์เกาหลี – 가든시크릿 Secret Garden
Episode : 20
Producer: Oh Se Kang
Director: Shin Woo Chul, Kwon Hyuk Chan
Screenwriter: Kim Eun Sook
Broadcast period: 2010-Nov-13 to 2011-Jan-16


เฮ้อ ... ขอถอนใจสักเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็ดูจบลงเสียทีสำหรับซีรีย์เรื่อง Secret Garden ที่พยายามตั้งชื่อเรื่องภาษาไทยเป็นของตัวเองสักเท่าไร ก็คิดดีๆ ไม่ออก ถ้าสรุปจากเนื้อหาเท่าที่คิดได้ชื่อนึงก็ไม่กิ๊บเก๋ยูเรก้าเอาซะเลย ..มนต์รักต่างชนชั้น..(ฮ่าๆ เชยสะบัด)




ช่วงนี้ไม่ทราบว่าเป็นยุคทองของซีรีย์เกาหลีหรืออย่างไร ซีรีย์ที่ออกมาติดๆ กันจึงมีแต่เรื่องน่าดู ต้องเหนื่อยคอยติดตามกันตอนต่อตอน(อย่างจดจ่อ) ถึงอย่างนั้นก็ยังดูไม่ทัน ก่อนหน้านั้นเป็นระยะเวลานานมากแล้วที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับซีรีย์เกาหลีมากนัก เพราะปกติจะชอบซีรีย์ญีปุ่นมากกว่า การจะตัดสินใจเลือกดูซีรีย์เกาหลีสักเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากว่าไม่ใช่นักแสดงคนที่ไว้วางใจฝีมือ(และหน้าตาด้วย) หรือต่อให้วางใจกันมาก่อน ก็ใช่ว่าพอเริ่มต้นดูไปแล้ว เนื้อเรื่องจะสนุกน่าสนใจมากพอให้มัดใจไว้อยู่ ความหล่อของพระเอก ความแสนดีของพระรองก็ใช่ว่าจะช่วยได้เสมอไป มิหนำซ้ำถ้าเรื่องน่าเบื่อจนเหลือทน หน้าหล่อๆ ของพระเอกก็มีสิทธิ์ถูกเหม็นเบื่อได้เหมือนกัน แต่พักนี้ซีรีย์ใหม่ๆ ที่ออกมาให้รับชมกันผ่านเว็บ Series8-FC เห็นแล้วต้องร้อง โอ้โห่ ...นี่กะออกมาฆ่ากันหรืออย่างไร พระเอกแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นอุปป้าคนโปรดที่ห่างหายจากสายตาไปนาน แล้วบทพี่ท่านทั้งหลายจะเผยอหน้ากลับมาให้เห็น ก็ดาหน้าออกผลงานมาพร้อมๆ กัน แบบไม่เว้นระยะให้หาอะไรอื่นทำ





จางฮยอก (ที่สุดของความไว้วางใจ) กับเรื่องราวหักเหลี่ยมเฉือนคนในสงครามการเงินและบทบาทของชายหนุ่มผู้ทะเยอทะยานไปสู้จุดมุ่งหมายจนสามารถละทิ้งได้ทุกอย่าง เรื่อง Midas จึงน่าสนใจอย่างมาก ได้ข่าวว่าผิดกลิ่นซีรีย์เกาหลีทั่วไปที่เคยมีแต่ รัก รัก รัก เสียด้วย จางฮยอกคนนี้ใช่ว่าจะวางใจในฝีมือได้เท่านั้น แต่วางใจกับการเลือกรับเล่นละครของจางฮยอกได้เลย

คิมแจวอน (นี่ก็ไว้วางใจที่สุด) หายหน้าไปนาน แต่กลับมาพร้อมกับละครที่มีความยาวถึง 30 ตอน Can You Hear My Heart เรื่องราวความรักของชายหูหนวกที่ดูเค้าโครงแล้วน่าจะสุดซึ้งตรึงใจผสมผสานไปกับความเข้มข้นในเนื้อหาที่ต้องลุ้นไปกับปมของเรื่องที่ชวนติดตาม ที่สำคัญคือมันกลายเป็นอคติไปแล้วว่าละครที่แจวอนเล่นย่อมเป็นละครที่สนุก และเท่าที่ดูไป 7 ตอน มันก็สนุกจริงๆ น้ำตางี้ล้นทะลัก

โจฮยอนแจ (ก็ไว้วางใจเป็นอย่างสูง) กับบทบาทคุณพระเอกในปาฏิหารย์รักโรแมนติกอย่าง 49 days หาก Secret Garden เป็นเรื่องราวรักสลับร่าง 49 days ก็เป็น 'รักแฝงร่าง' เพราะวิญญาณนางเอกนั้นไปยืมร่างของผู้อื่น (ภาษาบ้านๆ เรียกว่า เข้าสิง) เพื่อค้นหาน้ำตาน้ำตาแห่งความจริงใจจากคน 3 คน ภายใน 49 วัน แล้วจะได้กลับคืนชีวิตหลังความตายด้วยร่างแท้จริงของตนเองที่นอนแช่เป็นเจ้าหญิงนิทราหลังจากประสบอุบัติเหตุ

แถมยังมี 'ม้านอกสายตา' อย่าง The Thorn Birds ทั้งที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับนักแสดงหลักๆ ของเรื่องเท่าไรนัก แต่เนื้อเรื่องที่สนุกเข้มข้มก็ชวนลุ้นและติดตามมาแล้ว ถึง 18 ตอน นอกจากนี้ยังมี Dream High ซีรีย์วัยรุ่นวัยฝันที่ไม่รู้จักนักแสดงหลักสักคน แต่สนใจความดังจากเสียงชื่นชมและชื่นชอบ แล้วยังมีพล็อตเรื่องน่าสนใจอย่าง Paradise Ranch เรื่องรักของหนุ่มสาวที่แต่งงานกันตอนอายุยังน้อยในวัย 17 ปี อยู่กัน 6 เดือนแล้วอย่าร้าง แล้ว 6 ปีต่อมาเมื่อทั้งคู่กลับมาพบเจอกันอีกครั้งรักก็ลมพัดหวนโดยมีชางมิน (ดงบังชินกิ) รับบทเป็นพระเอกครั้งแรกคู่กับสาวน้อยน่ารักอย่างลียอนฮี

สำหรับ Secret Garden ความน่าสนใจหลักนั้นอยู่ที่ ฮยอนบิน หรือบินนี่ในดวงใจของใครๆ หลายคนนั่นเอง

เฮ้อ ...เยอะซะจน ..เนื้อยเหนื่อย



Secret Garden


เป็นเรื่องราวความรักของ คิมจูวอน (ฮยอนบิน), ประธานห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ร่ำรวยมหาศาล กับหญิงสาวคนธรรมดาพื้นๆ อย่าง กิลราอิม (ฮาจีวอน) สตั๊นท์หญิงผู้แสดงฉากแอคชั่นได้เก่งกาจสวยงามแต่ยามเผยโฉมหน้าก็จะถูกสวมแทนด้วยหน้าตาสวยๆ ของนางเอกตัวจริง(รันทดเนอะ)


คิมจูวอน ดูจะเป็นภาพลักษณ์ของชายหนุ่มสมบูรณ์แบบหากดูกันที่เปลือกนอก คือ หล่อเริ่ด ขับรถหรู อยู่บ้านหลังงามเว่อร์ท่ามกลางแมกไม้สวนสวยและอณาจักรผืนดินที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ เป็นทายาทของตระกูลนักธุรกิจผู้มั่งคั่งที่บอกได้คำเดียวว่า 'รวยโคดๆ' (เริ่ดได้อีก)




แต่หากจะว่ากันที่นิสัยนอกจากจะเอ่ยคำว่าสมบูรณ์แบบไม่ได้แล้วยังต้องเรียกได้ว่าบกพร่องอย่างรุนแรง เพราะนอกจากความหยิ่งยโส ไม่เห็นหัวใครและชอบดูถูกคนแล้ว ก็ไม่เห็นว่าพระเอกคนนี้จะมีอะไร(ที่เป็นนิสัยดีๆ)ซ่อนอยู่อีก แน่นอนว่านี่คือพระเอกแนว Bad Boy ที่มัดใจผู้รับชมสาวๆ ได้เสมอมาตามประสา 'หญิงชอบชายเลว' นั่นคือคำที่หนุ่มๆ มักกระแนะกระแหน และสาวๆ อย่างเราก็ชอบหยิบยกมาเมาท์กันเล่น แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าใครก็อยากรักคนดีๆ ด้วยกันทั้งนั้น เว้นแต่มันเลือกไม่ได้ที่ดันไปหลงรักคนเลวเข้า หรือไม่ตอนแรกที่รักกันก็ไม่รู้ แต่เพิ่งมารู้เอาทีหลังว่ามันเลว...เลยกลับลำไม่ทันเพราะถลำรักไปแล้ว แต่จุดหนึ่งที่สาวๆ ชอบพระเอกแนว Bad boy ในละครเราต้องไม่หลงลืมว่า Bad boy เหล่านั้นไม่ได้ very bad จริงๆ เสียหน่อย ก็เป็นเพียงแค่บุคลิกภายนอก ที่มักจะดูเย็นชา ร้ายกาจ ไม่ยอมใคร แต่จริงๆ แล้ว มักจะเป็นคนดีที่ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยเปลือกร้ายๆ จริงใจ กล้าได้กล้าเสีย รักษาคำพูดและคำสัญญา ใครดีก็ดีด้วย ใครร้ายก็ร้ายตอบ ตัวละครมักจะเป็นอย่างนั้น แบบที่เราอาจใช้คำพูดอย่างเช่นเป็นนักเลงจริง ...กำลังนึกถึงซีรีย์ไต้หวันที่พระเอกเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟีย เรื่อง The Outsider พระเอกผู้คุมบ่อนคาสิโน่เรื่อง All in หรือ มือขวาเจ้าพ่ออย่าง East of Eden หรือต่อให้ไม่ใช่บทนักเลง แต่เป็นตัวแสบสุดร้าย อย่างเรื่อง Why Why Love , Devil Beside you หรือแม้กระทั่งซีรีย์เกาหลีสุดดังอย่าง You're beautiful ถ้าใครได้ดูจะรู้ว่าพระเอกที่ว่าเหล่านี้มีมุมของความใจดี ความอ่อนโยน และความเอาใจใส่ต่อผู้อื่นซุกซ่อนอยู่



แต่คิมจูวอน เรื่อง Secret Garden ไม่มีให้เห็นในลักษณะนี้ ถ้าเอาความหล่อ รวย หยิ่งยโส และร้ายกาจไปเทียบกับบทของฮวางแทคยอง ( จางกึนซอก You're beautiful) จะเห็นได้ว่ามีความคล้ายกันก็จริง แต่ก็มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แทคยองนั้นเป็นคนใจดี ดูเหมือนจะไม่เห็นหัวใครแต่แท้จริงเป็นคนที่เอาใจใส่ต่อคนรอบข้าง มีเหตุผลและเป็นสุภาพบุรุษผู้ปกป้องภายใต้บุคลิกภายนอกที่ดูเย็นชา แต่คิมจูวอนเรื่องนี้เขาไม่ได้ฟอร์ม และเขาไม่ได้ซ่อนอะไรอยู่ เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ คือ หยิ่งยโสในความร่ำรวย ในความฉลาดทำเงินที่ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตคือเป็น CEO ของห้างดังและยังชอบเอาชนะต่อทุกสิ่งตามประสาคนที่เกิดมามีทุกสิ่งและได้ทุกอย่าง ตัวตนของเขาก็เหมือนกับคำพูดของออสการ์ในเรื่องที่บอกว่า

"นายได้แต่คิดว่า นายจะสูญเสียอะไรไป แต่นายไม่เคยสนใจ
ว่าใครจะได้รับความเจ็บปวด นั่นคือการใช้ชีวิตของนายและตัวตนของนาย"
(จริง)

จูวอนคนนี้ร่ำรวยแบบอลังการงานสร้างสรรค์คุณสมบัติพระเอกมาก สวมเสื้อแฮนด์เมดราคาแพงจากดีไซเนอร์ฝรั่งเศส อิตาลี แม้ว่ามันจะเป็นแฟชั่น 'วิบวับ'ที่ดูตลกในสายตาคนทั่วไป ก็อย่าได้แคร์ (แพงซะอย่าง มีอะไรมั้ย) ดูคอนเสิร์ตโอเปร่าจูวอนจะจองที่นั่งสามที่ เพื่อสองที่ข้างๆ จะว่างไว้ จะได้ใช้ที่พักแขนคนเดียวและไม่ต้องใกล้ชิดผู้อื่น เป็นคนที่คิดว่าตัวเองอยู่ในระดับชนชั้นที่สมควรได้รับการดูแลที่แตกต่าง การแบ่งแยกและความอยุติธรรมเป็นเรื่องธรรมดาที่อยู่ในสามัญสำนึกปกติของคนชั้นสูง คิมจูวอนที่ไม่มีอะไร(ดี) ซับซ้อนไปกว่านั้นจึงเป็นบทที่ขาดเสน่ห์ต่างไปจาก Bad boy เรื่องอื่นๆ แต่ก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฮยอนบินยังอุตส่าห์เล่นออกมาได้น่าเอ็นดูอย่างนั้น ( ไม่เข้าใจจริงๆ)

แม้แต่ประโยคสั่งเสียในช่วงบทสำคัญของเรื่อง

"อย่าไปรักคนอื่นนะ เพียงแค่คิดถึงผม และมีชีวิตอยู่คนเดียวตลอดไป"

นี่ก็แสดงความเป็นตัวตนที่ค่อนข้างจะเห็นแก่คนที่ตนรักน้อยไปสักนิด (แต่เห็นแก่ตัวเองค่อนข้างเยอะเลย 555) อย่างที่บอกเขาไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าที่เป็นอยู่นั้นจริงๆ



แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นแกนหลักของเรื่องทั้งหมด เพราะเมื่อชายหนุ่มผู้ผยองในความสมบูรณ์แบบของตัวเองไปตกหลุมรักกิลราอิมผู้หญิงธรรมดา ไม่มีระดับ ไม่มีการศึกษา (นางเอกจบแค่มัธยม) ไม่มีตระกูล ภาษาไทยเราเรียกว่า ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไร้สกุลรุนชาติ (ว่ากันเข้าไป) และไม่มี 'เงิน' เป็นแค่ผู้หญิงจนๆ คนหนึ่ง นั่นจึงเป็นปัญหาของตัวพระเอกเองที่รักเขาแต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากมีรอยตำหนิบนความเพอร์เฟ็คต์ของชีวิต การหลงรักคนอย่างนางเอกดูจะเป็น 'ข้อบกพร่อง' ที่ยากจะยอมรับ และจูวอนก็พยายามจะทำความเข้าใจว่าทำไมคนเลิศเลออย่างเขาถึงไปรักคนอย่างกิลราอิมได้ ขณะเดียวกันก็พยายามหลอกตัวเองไปพร้อมๆ กัน ว่าการตามรักตามจีบอย่างไม่ลดละจะเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่คิดจริงจัง และมันจะจบลงภายในอนาคตอันใกล้



เป็นธรรมเนียมที่ค่อนข้างจะตายตัวสำหรับละครรักต่างชนชั้นที่นางเอกของเรื่อง กิลราอิม จะต้องเป็นหญิงสาวผู้รักในศักดิ์ศรี มีความภูมิใจในตัวเอง ไม่เห็นแก่เงิน และเป็นคนดีๆ ที่สมควรถูกรัก และการที่จะทำให้ดอกฟ้าคิมจูวอนโน้มกิ่งลงมาให้เด็ดได้ ก็ต้องเป็นคนที่ 'ไม่เหมือนใคร' ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนในชีวิตมหาเศรษฐีของคิมจูวอนผู้ที่สาวๆ จะเข้ามารุมล้อมด้วยความยินดีและปรารถนาจะเป็นคนที่ถูกเลือก แต่กับสาวคนนี้เธอไม่ห็นคิมจูวอนอยู่ในสายตา การเป็นตัวของตัวเองและกล้าเมินคนอย่างจูวอนชนิดที่ไม่ไว้หน้า ทำให้จูวอนรู้สึกว่ากิลราอิม 'เธอเจ๋งมาก'

6 ตอนแรก ดำเนินไปด้วยการตามจีบด้วยวิธีการแปลกๆ ที่สุภาพบุรุษโดยทั่วไปเค้าคงไม่ทำกัน การถือคติ 'ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก' ค่อนข้างจะออกแนวหน้าด้านแต่ว่าแสนจะน่าเอ็นดู ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป เมินเท่าไหร่ก็ไม่มีถอย ใครจะคิดอย่างไร มองแบบไหนไม่สนทั้งนั้น เป็นนิสัยไม่ดีของคนหล่อคนรวยอย่างคิมจูวอนที่อยากได้อะไรแล้วต้องได้ แล้วทั้งที่ตามจีบเขาอย่างนั้นพฤติกรรมและคำพูดก็ยังเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามที่ทำให้กิลราอิมต้องเจ็บช้ำน้ำใจอยู่เสมอ



คิมจูวอนมีพี่ชายลูกพี่ลูกน้องชื่อ คิมวูยอง (Yoon Sang Hyun พระเอก Lady Castle คู่กับยุนอึนเฮ) หรือที่รู้จักในวงการบันเทิงเกาหลีกับฐานะนักร้องซุปเปอร์สตาร์นามว่า ออสการ์ ที่มีชื่อเสียงในวงการมานานและกำลังจะออกอัลบั้มเพลงเป็นอัลบั้มที่ 7 ออสการ์เป็นพรีเซนเตอร์ห้างสรรพสินค้าของจูวอน และสองพี่้น้องก็มีความสัมพันธ์ที่ลุ่มๆ ดอนๆ คือไม่ถึงกับไม่ลงรอยกันแต่ก็ใช่ว่าจะปรองดองกันดีนัก การถกเถียงเอาชนะกันแต่ละครั้งจูวอนมักจะเป็นฝ่ายชนะและสบโอกาสบีบออสการ์เป็นลูกไก่ในกำมือ แต่ทั้งคู่ก็รู้อยู่ลึกๆ ว่าออสการ์เป็นฝ่ายแอบยอมๆ ให้น้องชายอยู่เสมอ



กิลราอิมเป็นแฟนคลับที่ชื่นชอบในตัวนักร้องดังอย่างออสการ์มานานกว่า 13 ปีและนั่นเป็นเหตุให้เธอได้พบกับจูวอน และการพบกับจูวอนก็ทำให้ได้รู้จักสนิทสนมกับตัวจริงของออสการ์ที่ค่อนข้างจะเป็นคนเปิดเผยและเป็นกันเองมากกว่าจูวอนหลายเท่า นั่นทำให้จูวอนตามรักตามหึงจนเป็นภาพอารมณ์ที่กุ๊กกิ๊กน่ารักอยู่บ่อยๆ ออสการ์มีภาพลักษณ์ของการเป็นเสือผู้หญิงแต่น้อยคนจะรู้ว่าเขามีรักแท้เป็นหญิงเดียวในดวงใจชื่อ ยุนซอล (Kim Sa Rang) แต่เพราะความเข้าใจผิดบางอย่างทำให้ยุนซอลทิ้งออสการ์ไปในวันที่เขาคุกเข่ายื่นแหวนขอแต่งงาน และออสการ์กยังคงทุกข์ทรมานกับความรักครั้งนั้นแม้เวลาจะผ่านมาหลายปี จนกระทั่ง ยุนซอลกลับมาจากอเมริกา และกลายมาเป็นคู่ดูตัวของจูวอนน้องชายของเขาเอง อีกทั้งเธอยังเป็นผู้กำกับการถ่ายทำ MV เพลงของออสการ์อีกด้วย



Secret Garden จึงดำเนินเรื่องด้วยเรื่องราวความรักของคนสองคู่

คิมจูวอน /กิลราอิม ความแตกต่างทางชนชั้นทำให้ต่างพยายามปฏิเสธอีกฝ่ายแต่ความรักก็ดึงดูดเข้าหากัน ราอิมไม่เชื่อถือในความจริงใจและจริงจังของจูวอน และจูวอนก็ไม่เชื่อตัวเองว่านั่นเป็นความจริงจังแต่เป็นแค่ความรู้สึกชั่วครั้งชั่วคราวโดยตัดสินอนาคตของตัวเองไว้แล้วว่า 'เป็นไปไม่ได้' ที่เขาจะรักและครองคู่กับราอิม เพราะผู้หญิงที่คู่ควรกับเขา ต้องมีความสมบูรณ์แบบประเภทเดียวกัน ที่จะส่งเสริมความมีหน้ามีตาและเอื้ออำนวยต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่กิลราอิมไม่มีอะไรสักอย่างที่จูวอนต้องการ ...



คิมวูยอง(ออสการ์)/ยุนซอล สองคนที่ต้องเลิกรากันเพราะความเข้าใจผิด และต่างก็ยังเสียใจกับความรักที่สูญเสีย ออสการ์ไม่รู้เหตุผลว่าเขาถูกทิ้งเพราะอะไร ส่วนยุนซอลคนที่เป็นฝ่ายทิ้งไปก็ยังเจ็บช้ำและเคืองขุ่นกับหตุผลที่ทำให้เธอต้องทิ้งออสการ์ไป ยังเสียใจไม่รู้จบกลายเป็นความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด การกลับมาพบกันอีกครั้งทำให้ถ่านไฟเก่าคุกรุ่น แต่ก็พยายามปิดกั้นเชื้อไฟเอาไว้ด้วยการทำ การพูด ที่ทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกเสียใจ ทั้งที่ไม่ว่าจะทำอะไร ต่างคนก็ต่างเจ็บเพราะความจริงคือทั้งคู่ยังคงรักและไม่เคยลืมความผูกพันในอดีตที่มีต่อกัน



ไปๆ มาๆ เรื่องราวก็มีอยู่แค่นั้นและกลายเป็นความน่าเบื่อขึ้นมาเป็นระยะ แต่ก็มีประเด็นหนึ่งของเรื่องที่ดูเหมือนจะสำคัญแต่ก็ไม่ค่อยเป็นความสำคัญต่อเนื้อหาเท่าไรนักก็คือการสลับร่าง เมื่อวันหนึ่งพวกเขาปั่นจักรยานเข้าไปในป่าพบร้านอาหารที่มีชื่อว่า สวนลึกลับ (Secret Garden) จูวอน และราอิม ได้ไวน์มาจากหญิงชราแปลกประหลาดเจ้าของร้าน เมื่อเขาและเธอดื่มไวน์นั้นในคืนเดียวกัน และตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่า เขาและเธอสลับร่างกัน



ไม่ทราบว่าคนอื่นดูแล้วงงหรือไม่ สวนลึกลับ หญิงแก่ประหลาด และไวน์มนต์ดำนี่แทรกมาได้ไงกับเรื่องรักต่างชนชั้นที่ดำเนินอยู่ ก็คงจะไม่งงเท่าไหร่ถ้าเราหลงคิดไปว่านี่คงเป็นปมลึกลับที่รอลุ้นเฉลยอย่างสนุกของเรื่อง และผู้เขียนเองก็คิดเช่นนั้น การสลับร่างถือเป็นจุดขายความคอมเมดี้ แต่พอจูวอนออกอาการตุ้งติ้ง เอ่อ คือว่า คือ ... พอเห็นฮยอนบินแสดงกิริยาหญิงแอ๊บแบ๊วเช่นนั้น อาการ 'รับไม่ได้' ถึงกับเอ่อขึ้นคอเลยทีเดียว ต้องรีบสอบถามเพื่อนที่ดูไปก่อนทันทีว่าพระเอกนางเอกจะสลับร่างแบบนี้ไปจนปมสวนลึกลับคลี่คลายในตอนท้ายเรื่องเลยหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น Secret Garden คงเป็นอีกเรื่องที่ผู้เขียนต้องยอมตัดใจทอดทิ้งฮยอนบินกลางคัน เหมือนที่เคยทำมาแล้วกับเรื่อง Kim Sum Soon และ Word within เรื่องแรกเพราะรักนางรองมากกว่านางเอก (จนทนดูไม่ได้) เรื่องหลังเพราะบุคลิกอันอ่อนไหวของพระเอกเองที่ผู้เขียนรู้สึกว่านั่นเป็นความอ่อนแอที่ไม่อยากจะเห็นในตัวของพระเอกละคร



แต่ดูๆ ไปไม่นานจากนั้น จูวอนและราอิมก็สลับร่างกลับมา โดยจัดให้เกี่ยวเนื่องกับบรรยากาศฝนตก เมื่อฝนตกเขาและเธอจะสลับร่างกัน การสลับร่างไปใช้ร่างของอีกฝ่ายทำให้เกิดความใกล้ชิดกันมากขึ้นเพื่อเรียนรู้ในการดำรงตนเป็นอีกฝ่ายและช่วยกันคิดหาทางออก แต่ดูแล้วก็ไม่ได้มีเชิงสัมพันธ์จนถึงกับจะตั้งชื่อเรื่องได้ว่า 'วุ่นนักรักสลับร่าง' อะไรทำนองนั้น ( 555 ยังคงติดใจเรื่องการตั้งชื่อ) เพราะเรื่องหลักคือการฝ่าฟันอุปสรรคของการเป็นรักต่างชนชั้น ซึ่งถ้าหากตัดแฟนซีในส่วนของการสลับร่างนี้ออก แล้วดำเนินเรื่องไปตามวิธีของคนปกติ จะไม่กระทบเนื้อเรื่องในการพยายามยอมรับความรู้สึกหรือการถูกกีดกันที่จะยังเป็นไปตามครรลองของเรื่องเท่าไรนัก




เมื่อถูกรักเล่นงานกำแพงที่ตั้งป้อมไว้ในใจก็ค่อยๆ ทลายลง มันยากจะยอมรับด้วยกันทั้งสองฝ่าย รักแท้ของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์และซินเดอเรลล่าแสนสวยเป็นนิทานที่จบลงอย่างผาสุขเกินกว่าจะเป็นไปได้ในชีวิตจริง

จูวอนจึงเริ่มหลอกตัวเองด้วยการใช้นิทานลิตเติ้ลเมอร์เมด ที่ตอนจบเงือกน้อยต้องกลายเป็นฟองคลื่นและหายไป เป็นข้ออ้างที่ดูดีสำหรับการพยายามดึงราอิมเข้ามาในชีวิต แค่ชั่วครั้งชั่วคราวและจะจบลงในวันหนึ่งข้างหน้า นั่นหมายถึงราอิมจะหมดค่าและความสำคัญถูกตัดออกไปจากชีวิต แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนราอิมก็ไม่อยากเป็นลิตเติ้ลเมอร์เมด และไม่ว่าใจจะรู้สึกอย่างไรความสัมพันธ์ก็ไม่ได้คืบหน้าไปไหน สุดท้ายจูวอนจึงตกลงใจที่จะเป็นลิตเติ้ลเมอร์เมดของราอิมซะเอง หมายถึงว่าเขาจะเป็นฝ่ายรักเธอและเป็นฝ่ายถอนตัวไปจากชีวิตของเธอเองเหมือนที่ลิตเติ้ลเมอร์เมตกลายเป็นฟองคลื่น ตำนานลิตเติ้ลเมอร์เมดถูกหยิบยกมาใช้เป็นรูปแบบของความรักที่จูวอนหวังจะให้เป็นไป แต่คงลืมไปว่าเป็นเพราะรักที่มีต่อเจ้าชาย ลิตเติ้ลเมอร์เมตจึงหัวใจสลายกลายเป็นฟองคลื่นแล้วหายไป ถ้าใครสักคนจะเป็นลิตเติ้ลเมอร์เมดและหายไป มันก็คือความรักและความเจ็บปวด






จริงๆ แล้วเรื่องเป็นแนวโรแมนติก แฟนซี คอมเมดี้นะคะ แต่ทำไมเขียนออกมาซีเรียสจังหว่า 555 คงเป็นเพราะมีความเป็นเมโลดราม่าอย่างที่ Drama Wikii ระบุประเภทเอาไว้ด้วย

อย่างที่กล่าวไปแล้ว ที่คิดว่าการสลับร่างไม่ได้มีผลอะไรกับเนื้อหาที่เป็นตัวของมันเองอยู่แล้ว ไม่ใช่เพื่อการเรียนรู้ตัวตนอีกฝ่ายจนเกิดความเข้าใจและยอมรับวิถีชีวิตที่แตกต่าง เพราะจูวอนในร่างราอิมนอกจากจะไม่ปรับตัวยังเอาเงินมาปรับความสะดวกสบายให้ตัวเองในร่างของราอิมอีกด้วย (แต่งห้องใหม่ซะงาม) การสลับร่างจึงเป็นเพียงการทำให้เกิดความสนุกสนานจากความวุ่นวายเล็กๆ เป็นความกุ๊กกิ๊กน่ารัก และหากจะว่ากันตรงๆ แล้ว กิลราอิมตัวจริงที่แสดงโดยฮาจีวอนไม่ได้มีบุคลิกบ๊องแบ๊วน่ารักอย่างตอนที่จูวอนอยู่ในร่างของราอิม เพราะราอิมมีบุคลิกเป็นสาวห้าวแมนๆ ที่ดูเยือกเย็น แต่ฮยอนบินดูจะเล่นน่ารักเกินความเป็นราอิมไปสักนิ้ด (ยิ้มหวานกว่านางเอกตัวจริงด้วยล่ะ ยิ้มแล้วแก้มบุ๋มน่ารักอีกต่างหาก 555)





การสลับร่างไปมาเป็นการขยายเนื้อเรื่องให้มีความสนุกเพิ่มขึ้นมา และถ้าจะมีความสำคัญต่อเรื่องจริงๆ ก็คงเป็นช่วงท้ายที่ราอิมประสบอุบัติเหตุ การสลับร่างถูกใช้เป็นการแสดงความเสียสละและรักแท้ของจูวอนที่พาร่างอันไร้สติของราอิมไปยังที่ที่ฝนตก เพื่อจะสละชีวิตของตนเองไปเป็นเจ้าหญิงนิทราแทน แต่พอนึกถึงว่าถ้าร่างของราอิมต้องตายไปพร้อมกับจิตวิญญาณของจูวอน แล้วราอิมจะต้องมีชีวิตอยู่ภายในร่างผู้ชายๆ ของจูวอนไปพร้อมๆ กับการใช้ขีวิตที่ไม่ใช่ของตัวเอง ผู้เขียนก็รู้สึกอิหลักอิเหลื่อเกินกว่าจะเกิดความซาบซึ้งในประเด็นนั้นได้





และไม่ว่าเรื่องจะยาวถึง 20 ตอน มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า รักต่างฐานะที่ต้องยอมรับหัวใจตัวเอง และฟันฝ่าอุปสรรคใหญ่อุปสรรคเดียวคือช่องว่างของชนชั้นทางสังคมที่ทำให้ว่าที่แม่สามีต้องคอยกีดกันอย่างสุดจิตสุดใจ ทำให้มันไม่ง่ายเข้าไว้โดยไม่นึกถึงเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น มันวนๆ ซ้ำๆ อยู่กับการพยายามรักๆ เลิกๆ แต่ก็หักห้ามหัวใจไม่ให้มาพบกันไม่ได้ แล้วก็ซ้ำๆ อยู่ที่ เดี๋ยวแม่พระเอกก็เรียกตัวนางเอกมาเคลียร์ เดี๋ยวก็ใช้เงินฟาดหัว เดี๋ยวไปเหยียบย่ำถึงที่บ้าน เดี๋ยวก็เรียกมาคุย มาเคลียร์อีกละ ค่อนข้างจะน่าเบื่อเลยทีเดียว หากไม่ได้คู่ของออสการ์มาช่วยคั่นๆ บรรยากาศและประคับประคองกันไว้ แม้ว่าความรักของออสการ์กับยุนซอลก็จะวนเวียนอยู่กับอารมณ์เดิมๆ ที่น่าเบื่อไม่แพ้กัน แต่ก็ชอบอาการปวดหัวใจที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของออสการ์ทุกครั้งเมื่อได้เห็นหน้ายุนซอล ออสการ์ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดีทีเดียว อีกทั้งการดูออสการ์นั้นเป็นความสนุกได้อย่างหนึ่ง เพราะบุคลิกของตัวละครเองที่มีความเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ ทั้งยังซื่อๆ ตรงๆ แล้วก็ไม่ค่อยฉลาด จนเป็นความตลกที่น่ารัก ต้องยอมรับว่าออสการ์เป็นตัวละครที่โดดเด่นและมีเสน่ห์เป็นสีสันของเรื่องอย่างยิ่งในท่ามกลางตัวละครจำนวนมากในเรื่องนี้ ที่เราจะเห็นจนเคยชินกันแล้วกับการเป็นละครเกาหลี คือ ต้องมีตัวละครเยอะๆ เข้าไว้




จะใส่ตัวละครเข้าไปเยอะแค่ไหนก็ไม่ว่ากัน หากเรตติ้งดีพอจะลากยาวออกไปได้อีกหลายๆ ตอน และหากตัวละครจะยังเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง แม้ว่าจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่สามารถตัดทอนหรือรวบรัดจำนวนคนที่รับบทบาทลงได้ แต่ที่ไม่น่าพอใจอย่างยิ่ง คือ ไม่รู้ใส่มาเพื่ออะไร น้องสาวของพระเอก มีทำไมไม่อาจทราบได้ ตอนแรกคิดว่าจะมีไว้เพื่อรอดามอกพระรองผู้อกหักรักคุด แต่แล้วก็หายไปซะเฉยๆ ตั้งแต่กลางเรื่อง หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เคยมีบทพูดจากับพระเอกผู้เป็นพี่ชายแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำไป (สวยซะด้วย เสียดายจัง) คุณปู่กับแม่เลี้ยง ไม่ต้องมีก็ได้ ออกมาเป็นตัวประกอบที่ไร้ความสำคัญอยู่สองสามแว่บแค่นั้นเอง ถ้าหากอยากจะหาผู้เป็นเจ้าของมรดกก็รวบๆ มาอยู่ที่แม่พระเอกคนเดียวทั้งหมดก็ดูจะเข้าเรื่องเข้าราวมากกว่า แต่ก็นั่นแหละมันเป็นธรรมขาติของละครเกาหลีที่ต้องมีคนเยอะๆ เข้าไว้โดยเฉพาะการแสดงความเป็นทายาทของ 'ตระกูลใหญ่' ( จึงต้องมีคนเยอะๆ เข้าไว้ไงล่ะ) บทเจอกัน เดินคุยกัน กินอาหารแล้วคุยกัน ช่วยลดๆ ลงหน่อยมันก็น่าจะช่วยให้เรื่องกระชับขึ้น ดูจากเนื้อหาแล้ว Secret Garden ควรจะดำเนินไปและจบลงได้ภายใต้มาตรฐานจำนวนตอนของซีรีย์เกาหลีทั่วไปคือ 16 ตอน ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง หากจะพยายามตัดความเยิ่นเย้อออกไปซะบ้าง



หรืออย่างยืดเต็มที่ เรื่องนี้ก็น่าจะจบลงได้แล้วตั้งแต่ตอนที่ 18 หลังจากเวทมนต์ได้สิ้นสุดลง แต่การที่ทั้งสองคนฟื้นคืนสติ แล้วพระเอกดันสูญเสียความทรงจำนั้น โอ้แม่เจ้า... ถ้าถือรีโมทอยู่ก็อยากจะเขวี้ยงทิ้งไปเลยจริงๆ แล้วแม่ของพระเอกยังถือเป็นเครื่องมือดีๆ มากีดกันอีกเหมือนได้แรงกระตุ้นมาเริ่มต้นใหม่ เพราะพระเอกเสียความทรงจำเกี่ยวกับนางเอกไปด้วย มามุกนี้เกินกว่าจะทนรับได้จริงๆ แต่ก็ต้องจำทนเพราะดูมาแล้วตั้ง 18 ตอน พอถึงบทจะจำได้ก็จำได้ขึ้นมาเอาดื้อๆ หลังจากที่ลืมไปแป๊บๆ ซะงั้นแหละ แล้วที่เคืองจริงๆ คือไม่มีอะไรอีกเลยที่เกี่ยวข้องกับสวนลึกลับ ที่ทำท่าจะลึกลับให้น่าค้นหาในตอนแรก พ่อนางเอกที่ตายไปแล้ว ร่างหญิงแก่ ร้านอาหารที่หายไป และไวน์ประหลาดที่ตอนสลับร่างดื่มไวน์จริงๆ แต่ตอนคืนร่างในยามสิ้นเวทมนต์ไปดื่มกันอยู่ในความฝัน แต่ก็คงต้องทำใจเพราะนี่คือ Secret Garden กระมัง จึงยังคงความเป็น secret เอาไว้ทื่อๆ อย่างนั้นแหละ





มีขัดใจอยู่อย่างหนึ่งที่จูวอนสลับร่างกลับมาตอนติดอยู่ในลิฟท์และโรคกลัวที่แคบกำเริบรุนแรง ราอิมสละการออดิชั่นหนังฮอลลีวู้ดเพราะเป็นห่วงจูวอน การที่คนเรายอมละทิ้งสิ่งสำคัญในชีวิตสิ่งหนึ่งไปเพื่อสิ่งหนึ่งก็เพราะสิ่งที่เลือกนั้นมีความความสำคัญและคุณค่าต่อจิตใจมากกว่า แทนที่จะเน้นความซาบซึ้งใจต่อกันตรงนั้น กลับไปเน้นความทุ่มเทของพระเอกที่เป็นผู้สร้างปาฏิหารย์อย่างน่าทึ่ง (แล้วนางเอกก็ซึ้งอย่างมาก) ด้วยการทำโอกาสที่เสียไปให้กลับคืนมาใหม่ จูวอนพยายามติดต่อผู้กำกับหนังฮอลลีวู้ดคนนั้นแล้วแสดงความยิ่งใหญ่ด้วยการส่งเครื่องบินส่วนตัวไปรับกลับมาเกาหลีเพื่อมาดูนางเอกแสดงฉากแอคชั่นคนเดียวโดยเฉพาะ ... กำลังจะซึ้ง แต่ยังไม่ทันซึ้งก็ได้ความหมั่นไส้มาแทน อะไรมันจะปานนั้น



ฮาจีวอน นักแสดงผู้รับบทนางเอกกิลราอิมนั้น เคยชมผลงาน 100 Days with Mr. Arrogant หนังเรื่องนี้ดูเพราะพระเอกคิมแจวอน แต่ก็จดจำนางเอกฮาจีวอนได้ตั้งแต่นั้นมา แม้จะไม่เคยดูผลงานอื่นเลยนับจากเจ็ดปีที่แล้ว แต่ถ้าเอ่ยถึงฮาจีวอนจะรู้ทันทีว่าเป็นคนไหน นั่นอาจเป็นเพราะเธอมีหน้าตาแบบที่คิมจูวอนพระเอกของเรื่องใช้คำว่า "สวยเฉี่ยว" และผู้หญิงที่สวยเฉี่ยวนั้นไม่ใช่จะมีให้เห็นเกลื่อนนัก ดูเผินๆ เหมือนไม่สวย แต่ก็สวย จะอธิบายเป็นคำพูดก็คงบอกไม่ถูก บทบาทของกิลราอิมดูเหมาะเจาะกับจีวอนมาก และเธอแสดงได้ดีโดยเฉพาะบทของสตันท์หญิง ทั้งรูปร่างและการแสดงของจีวอนทำให้การเล่นฉากแอคชั่นดูแข็งแรงว่องไวและสมจริง




Lee Philip ผู้รับบทพระรองที่รักและหวังดีต่อกิลราอิมนั้น คิดว่าเป็นบทพระรองที่ไม่โดดเด่นเท่าที่ควร เพราะมีออสการ์เป็นคู่รักคู่เด่นอีกคู่ที่ดำเนินเรื่องควบคู่กันไปอย่างมีความสำคัญ ความเป็นพระรองแสนดีที่นางเอกควรจะรักให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะ (ถ้าการรักกับพระเอกมันยากเย็นนัก) จึงไม่มีอะไรให้ต้องอึดอัดเท่าไรนัก เพราะโผล่มาแต่แรกบุคลิกก็ใจเย็นเป็นน้ำแค่เห็นก็บอกได้ว่าไม่ต้องมีลุ้นให้นางเอกหวั่นไหวและถ้าเปรียบกับบุคลิกของพระเอกก็บอกได้คำเดียวว่าช่างเป็นพระรองที่หมดหวังในตัวนางเอกอย่างชัดเจนแต่แรกซะจริงๆ



ทั้งหลายทั้งปวง ที่ทำให้ดู Secret Garden 20 ตอน จบลงได้ เป็นเพราะฮยอนบินเองที่ดันเกิดมาหล่อ ขนาดว่าผอมบางแก้มตอบหุ่นจะปลิวลมต่างไปจากเมื่อก่อนเยอะฮยอนบินก็ยังหล่อ ขัดใจอีกนิดหน่อยยามที่ยืนคู่กับนางเอกทีไร ทำให้ฮาจีวอนดูตัวหนาไปสักหน่อย ไม่ใช่เพราะเธออ้วนนะคะ จีวอนน่ะหุ่นดีมากเลยล่ะค่ะ แต่เป็นเพราะฮยอนบินผอมมากไปต่างหากเลยทำให้เธอดูล่ำไปนิด ( มันเป็นเรื่องของภาพแห่งความสมดุลย์ 555)




และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญและเป็นจุดขายที่ดีที่สุดนอกจากฮยอนบินและฮาจีวอน ก็คือ ความรักโรแมนติกและฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักที่หวานฉ่ำล้นจอ เรื่องราวหกตอนแรกก่อนที่จะเข้าไปสู่การสลับร่างและกระบวนการถูกกีดกันนั้นน่าสนใจชวนติดตามมากที่เดียว แล้วก็ยังดูได้เรื่อยๆ มาจนครึ่งเรื่อง แต่เแรงดึงดูดก็ไม่ได้มากพอ เพราะเมื่อไหร่ที่ Can you hear my heart หรือ The Thorn Birds ถูกอัพตอนขึ้นมาใหม่ในเว็บซีรีย์8-FC ก็พร้อมชิ่งจาก Secret Gargen โดยทันทีแม้ว่าจะยังดูค้างตอนอยู่ ไว้ค่อยกลับมาดูใหม่ แต่ก็ดูจนจบเรื่องได้เพราะมีฉากเลิฟเลิฟประคับประคองเอาไว้ ( อิอิ ชอบ )



กล่าวถึงฉากรักซีรีย์เกาหลีเดี๋ยวนี้ก็ชักจะเยอะขึ้นนะคะ อยากรู้จริงว่าประเทศเขาจะมีปัญหากับกระทรวงวัฒนธรรมบ้างหรือเปล่า 555 เดี๋ยวนี้ละครบ้านเราก็เสนอภาพเลิฟซีนค่อนข้างมาก เหมือนที่จูบจริงจังของแพนเค้กกับเป้อารักษ์ (ละครเธอกับเขาและรักของเรา) ถูกวิจารณ์ให้ได้ยินว่ามันออกจะเกินไปหน่อย หรือเรยากับฉากบนเตียงในดอกส้มสีทองที่ได้ยินหัวอกคนเป็นเป็นแม่บ่นๆ ว่าเป็นห่วงลูกหลานจะลุกขึ้นมาเอามือปิดตาก็ไม่ทันเสียแล้ว แล้วก็พร่ำบ่นว่า ทำไม ทำไมถึงต้องทำภาพออกมาเยอะขนาดนั้น ( ผู้เขียนก็มีคำถามในใจเหมือนกันว่า แล้วดูทำไม ดูแล้วก็บ่น)


ใน Secret Garden นี่ก็จูบอยู่นั่น จูบซะเนิ่นนานกว่าที่เคยเห็นในซีรีย์ทั่วไป คอซีรีย์ที่เคยเห็นบ่นๆ อยู่ในเว็บซีรีย์ออนไลน์ที่เป็นซับอิงคงจะเริ่มพอใจมากขึ้น เพราะเคยเจอที่บ่นๆ ว่า ทำไมต้องจูบกันอยู่แค่นั้น ดูกระด้างและไม่สมจริง เข้าใจว่าคนบ่นคงไม่ใช่สาวกชาวเอเชียนกระมัง เพราะเธอๆ ดูท่าอยากจะเห็นการจูบดูดดื่มแบบฝรั่งมากกว่า สำหรับ Secret Garden เมื่อมีพระเอกหน้าตาดีกับนางเอกหน้าตาดีที่ถือเป็นการจับคู่ที่เหมาะสม ทำให้ฉากเลิฟเลิฟออกมาดูน่ารักสวยงาม ซึ่งมีให้เห็นอยู่เป็นระยะตลอดเรื่อง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ละครรักโรแมนติกน่าดูน่าชมอยู่เสมอ Secret Garden ก็เป็นเช่นนั้น กุ๊กกิ๊กหวานฉ่ำมากกกกก



สิ่งหนึ่งที่ชอบในซีรีย์เรื่องนี้ คือการสื่อความ "ความคิดถึง" จูวอนที่มีราอิมอยู่ในห้วงความคิดเสมอ โดยสื่อความคิดถึงเป็นภาพการมีเธออยู่ด้วยกันในสถานที่นั้นๆ กับเขาเหมือนมีตัวตนอยู่จริงๆ เป็นไอเดียที่น่ารักดีค่ะ

และอีกสิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆ คือบ้านของพระเอก ดูเรียบง่ายแต่ก็หรูหรามีสไตล์ สวยงามและโมเดิร์นสุดๆ ไม่อยากจะบอกเลยว่าห้องนั่งเล่นที่มีชั้นหนึ่งสือเต็มผนังอย่างนั้น ช่างตรงกับภาพความใฝ่ฝันของผู้เขียนที่ฝันอยากจะมีห้องหนังสือลักษณะนั้นเป็นของตัวเองสักห้อง ฝันค่ะฝัน




ที่ได้ใจมากๆ ต้องเป็นเพลงประกอบละครค่ะ เพราะทุกเพลงโดยเฉพาะเพลงหลักที่ขับร้องโดย ฮยอนบินเอง ( คนอะไรก็ไม่รู้ นอกจากหล่อแล้วยังเสียงดีอีก) พอเพลงนั้นขึ้นมาทีไรมันสะท้านทุกที เพียงแต่เรื่องมันไม่ได้เศร้าขนาดนั้น ถึงจะมีเสียงเพลงเพราะจับใจช่วยบิ๊วอารมณ์แต่ก็ไม่มีน้ำตาสักปริ่มให้กับซีรีย์เรื่องนี้ แต่เพลงนี้ต้องโหลดลงมือถืออย่างแน่นอน ไพเราะจริงๆ



กล่าวถึงการนำลิตเติ้ลเมอร์เมดมาใช้สื่อถึงความรักในเรื่องทำให้นึกถึง My Girl Friend is a Gumiho ที่เคยเอาไปใช้ก่อนหน้าและใช้ได้ค่อนข้างตรงเผงและโดนใจกว่า เพราะนางจิ้งจอกเก้าหางที่ต้องทรมานกับการสูญเสียหางตัวเองไปทีละเส้น ก็เหมือนกับเงือกน้อยยินยอมต่อแม่มดเอาเสียงไปแลกกับขาเพื่อให้ได้กลายเป็นมนุษย์ และเหตุผลที่จุดจบจะต้องลงเอยด้วยการ 'หายไป' ก็บีบคั้นได้อย่างน่าสงสาร ใน Gumiho พระเอกได้ฉีกหน้าสุดท้ายของลิตเติ้ลเมอร์เมดออกจากหนังสือและแต่งเรื่องราวแฮปปี้เอนดิ้งขึ้นมาเองเพื่อให้นางเอกสบายใจและเชื่อว่าสุดท้ายเรื่องจะลงเอยด้วยความสุขอย่างนั้น การที่เธอค้นพบตอนจบของนิทานในภายหลังและตระหนักถึงความจริงที่จะเป็นไปทำให้ผู้เขียนต้องเสียน้ำตาไปโข ส่วน ใน Secret Garden พระเอกก็เปลี่ยนตอนจบของลิตเติ้ลเมอร์เมดด้วยเหมือนกัน สมกับเป็นนิทานบันลือโลกนะคะ เป็นแรงบันดาลใจที่ดีในการนำมาใช้เปรียบเทียบกับความรักที่ต้องมีมีจุดจบอย่างน่าเศร้า แม้จะนำมาใช้อย่างคล้ายคลึงกันโดยบังเอิญก็เถอะ







และหากใครชอบที่จะดูละครรักโรแมนติกล่ะก็ ซีรีย์เกาหลีควรถูกเลือกเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาต้องเป็นซีรีย์ไต้หวัน ส่วนซีรีย์ญี่ปุ่นนั้นแม้แต่เป็นซีรีย์แนวรักๆ โดยตรง คุณก็จะไม่สามารถหาอะไรกุ๊กกิ๊กหวานฉ่ำขนาดนั้นได้ หรือถ้าหากเป็นซีรีย์ฝรั่งรักแท้รักเดียวอะไรทำนองนั้นมันคงจะหาไม่ได้ง่ายนัก หากไม่ติด Prison Break ที่ไมเคิลรักเดียวต่อซาร่าห์และไม่เคยมีสัมพันธ์ชู้สาวกับหญิงอื่นใดตลอด 4 seasons อาจจะพูดได้เต็มปากว่าความสัมพันธ์ชายหญิงแบบหนึ่งเดียวในซีรีย์ฝรั่งไม่มีให้หาหรอก ตัวละครมักจะเกิดความรู้สึกชอบพอและก็เปลี่ยนใจไปมาได้ง่ายๆ วนไปเวียนมาในหมู่เพื่อนและคนรู้จักของตัวเองไม่เว้นแม้แต่ละครวัยรุ่นวัยใสอย่างเช่น Gossip girls , one three hill , Glee ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติในชีวิตจริง แต่เวลาดูละครเราไม่ต้องการดูความเป็นจริงของชีวิตนักหรอก เราชอบดูละครประะโลมโลก รักแท้ รักเดียวใจเดียว และรักลงเอยแบบแฮปปี้เอนดิ้ง





Secret Garden จึงเป็นละครที่เชื่อได้ว่าคอซีรีย์เกาหลีที่ชื่นชอบแนวรักโรแมนติก จะไม่มีใครพลาด

ทิ้งท้ายด้วยประโยคเด็ดจากเรื่อง

"ไม่มีความรักที่ง่ายบนโลกใบนี้หรอก"



จริง!





ฮยอนบินสมัยที่ยังล่ำมีน้ำมีนวล





ขอบคุณซีรีย์ออนไลน์
//www.series8-FC.com




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:56:25 น.
Counter : 5350 Pageviews.  

มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 4 (จบ)



อ่านยกก่อนหน้า

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 1

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 2

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 3


ยามคิดถึง แม้แต่นำในคลองก็ยังเห็นเป็นหน้าช่อม่วง ตงฉินยืนอยู่บนสะพานจ้องมองผืนน้ำแล้วก็หงุดหงิดอารมณ์เสียกับตัวเอง

"ทำไมฉันต้องคิดถึงหน้าเธอด้วยนะ ยัยผีลูกกรอกเอ๊ย"

คิดถึงผี ผีก็โผล่มา

"นี่ทำอะไรอยู่วะฮะ ไอ้ตง"

แค่ได้ยินเสียงยังไม่เห็นหน้า ตงฉินก็สุดดีใจ แต่เก็บอาการเอาไว้ ก่อนหันมาเผชิญหน้า

"อ๋อ ก็ไม่มีอะไรเนี่ย มาที่นี่ทำไมฮะ"
"ก็ฉันอยากมา มีอะไรป่าว" เสียงช่อม่วงยียวน
"ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ" (ยังอุตส่าห์ปากแข็งพูดสิ่งที่ตรงกันข้ามกับใจ)
"วันหลัง ถ้าแกไม่อยากจะเห็นหน้าฉัน แกก็ไม่ต้องมาที่นี่ เพราะแถวนี้มันถิ่นฉัน"
"อ้อนี่ ฉันได้ข่าวว่าแกเนี่ย รับคุณฟองดาวเค้าไปทำงานที่บ้านแกเหรอ โถ ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมแกไม่อยู่บ้านแล้วนั่งจ้องหน้าคุณฟองดาวเค้าไปทั้งวันเลยล่ะฮะ" ช่อม่วงสะบัดเสียง สะบัดหน้าเข้าใส่

"แหม ปากบอกว่าไม่สนใจเรื่องของฉัน แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไงฮะ ฮันแน่ๆ ไปสืบมา?"
ข่อม่วงร้อนตัว รีบหาเหตุมาอ้าง "ใครเค้าอยากจะรู้เรื่องของแก พอดีว่าพี่แป้นกับยายเค้าเอามาเมาท์ให้ฉันฟังต่างหาก"
"เออ เธอรู้แบบนี้ มันก็แล้วนะ เธอจะได้เห็นว่าความคืบห้าของฉันกับคุณฟองดาวมันเป็นยังไงกันบ้างแล้ว" ตงฉินสบช่องจะได้ฟาดฟันอีกฝ่าย

"ฮื้อ (ส่งเสียงหมั่นไส้) ยังไงก็สู้ฉันไม่ได้หรอกโว้ย" ช่อม่วงใช้ปลายมือผลักหน้าผากตงฉินจนหน้าหงาย

"เพราะว่าฉันกับพี่ลายไทน่ะนะ กำลังจะแต่งงานกัน" พูดแล้วก็สะบัดหน้าหันหลังให้ ไม่ทันเห็นสีหน้าที่หม่นวูบของตงฉิน แต่มันก็แค่วูบเดียวเท่านั้นแหละ

"เหรออออ" ตงฉินส่งเสียงกวนๆ ตอบ "ฉันกับคุณฟองดาวก็กำลังจะแต่งงานกันเหมือนกัน"ตัวเองพูดเรื่องแต่งงานกับลายไทได้ แต่ถ้าตงฉินพูดเรื่องแต่งงานกับฟองดาวบ้างช่อม่วงก็องค์ลงทันที
"ไอ้ตง!"
ตงฉินสะดุ้ง "ทำไม เธอจะเรียกชื่อฉันทำไมฮะ"
ช่อหันขวับกลับมาแต่แทนที่จะโกรธจนหน้าเขียว ความโกรธของช่อม่วงกลับเจือไปด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หน้าตานั้นใกล้เดียงกับคนที่กำลังจะร้องไห้ออกมาแต่สะกดกลั้นเอาไว้เต็มแก่ เหมือนอยากจะพูด แต่พูดไม่ออก จึงระบายความอัดอั้นตันใจด้วยการรัวฝ่ามือใส่อกตงฉิน ที่งุนงงกับอาการแปลกๆ นั่นอยู่ ปัดมือช่อม่วงออก

"เฮ้ย! จะตีทำไมเนี่ย" ทุกครั้งที่ช่อม่วงใช้กำลัง มันมีเหตุมีปัจจัยมากกว่านี้ ครั้งนี้ดูจะขาดเหตุผลเกินไป

"ก็ .. ฉันหมั่นไส้นี่หว่า" ช่อม่วงตอบอึกอัก
"อ้าว แล้วเธอมาหมั่นไส้ฉันทำไม"
ช่อขยับปากเหมือนจะตอบ แต่ไม่ตอบ ตงฉินงง เลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีก 'อะไรล่ะ' ช่อม่วงไม่สนใจไม่มีคำตอบให้ รัวมือใส่ตงฉินอีกครั้งด้วยความคับข้องใจ

ทุกครั้ง ตงฉินก็ได้แต่ปัดป้อง อย่างมากก็แค่ผลักตอบ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ตงฉินรวบร่างเล็กๆ ของช่อม่วงเข้ามากอดไว้แน่น ราวกับนั่นจะช่วยผ่อนคลายความอึดอัดใจทั้งหมดที่มี สัมผัสใกล้ชิดที่น่าตกใจ ทั้งยังงุนงง ไม่เข้าใจ พากันนิ่งงันไปชั่วขณะ

( โอ้โห ฉากนี้ สุโค่ย ทั้งแพทและฟิล์มแสดงได้เป็นธรรมชาติและสื่ออารมณ์ได้ดีมากๆ )

ช่อม่วงได้สติก่อน ขืนตัวออกจากอกของตงฉิน ที่ได้สติเหมือนกันไม่ใช่แค่ปล่อยธรรมดา แต่สลัดปล่อยพร้อมกิริยารังเกียจสุดๆ

"อะฮึ๋ย แหวะ หยะแหยง" เกินกว่าจะทำความเข้าใจและยืนอยู่ต่อหน้ากันต่อไปได้ สองคนสะบัดหน้าเดินกลับไปคนละทาง ที่ปลายสะพานไม้ทั้งสองฟาก ต่างคนต่างเหลียวมามอง ช่อม่วงโกรธจนควันจะออกหูอยู่แล้วล่ะ จ้องหน้าจ้องตากันไม่ลดละ

"อ้าว มอง มองอะไร" ตงฉินร้องถามกวนๆ
"มอง มองไอ้คนไม่หล่อน่ะสิ"
"รีบไปเลยไป ฉันรีบกลับไปดูแลคุณฟองดาวดีกว่า"
"โอ๊ย ต๊าย ตาย ตาย ฉันก็ต้องรีบกลับไปเอาใจพี่ลายไทเหมือนกัน ป่านนี้คงจะคิดถึงฉันใจจะขาดแล้วล่ะมั้ง ไปเลย ไอ้คนไม่หล่อ หน้าตาก็ไม่ดี อิโธ่ ทำมาเป็นแอ๊บ"
ตงฉินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แสบนักนะยัยช่อ

"แหม่ พูดตั้งนานไม่ยอมไป ไม่อยากไปละสิ"
"ก็แกไปก่อนดิวะ" ช่อม่วงตะโกนตอบ
"ก็ไปดิ๊"
" หนึ่ง สอง สาม" ตงฉินนับ ช่อและตงต่างรู้ว่าไม่สามารถจะยื้อเวลาที่จะอยู่ด้วยกันได้มากไปกว่านั้น ต้องยอมหันหลังให้กันแล้วเดินจากไป มันช่างยากเย็นเสียจริงๆ ที่จะก้าวจากไปโดยไม่หันกลับมามองตามหลังอีกฝ่าย



บุพเพอาละวาดหนัก เมื่อตงฉินกับฟองดาว และลายไทกับช่อม่วง ต่างควงกันมากินอาหารร้านเดียวกันอย่างบังเอิญ แถมนั่งโต๊ะติดกันอีกต่างหาก ตงฉินนั่งฟากเดียวกับช่อม่วง ลายไทกับฟองดาวมองหน้ากันด้วยสายตาที่ยังเจ็บช้ำ ด้วยนิสัยเอาชนะด้วยกันทั้งคู่ ทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างไม่มีใครยอมถอย สั่งอาหารมากินกัน ตงฉินเอาใจฟองดาวคอยพูดหวานๆ ตักอาหารให้
"คุณฟองดาวทานเยอะๆ นะครับ ผิวพรรณจะได้ผุดผ่องสดใสไม่ดำกร้านเหมือนคนบางคน" ช่อม่วงก้มมองผิวของตัวเองอย่างเจ็บใจที่ถูกตงฉินกระแนะกระแหนว่าดำ ก็เอาคืนด้วยการอกเอาใจลายไทอย่างอ่อนหวาน
"พี่ลายไทจ๊ะ ช่อว่าพี่ลายไททานปลาดีกว่านะจ๊ะ เพราะว่าปลามันช่วยบำรุงสมอง จะได้ไม่โง่เหมือนคนบางคน 'แถวนี้' "ตงฉินได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจ ผุดลุกขึ้นยืนหันมาขึ้นเสียงเอาเรื่องกับช่อม่วง
"นี่เธอว่าใครโง่ฮะ"
"ก็ว่าแกน่ะสิไอ้ตง ก็แกอยากมาด่าว่าฉันดำก่อนทำไม"
"แล้วไม่จริงหรือไง ยัยดำ"
"ไอ้โง่"
"อ้าว เฮ้ย ขึ้นเลย"
"ทำไมฮะ ขึ้นเหมือนกันโว้ย"

สองคนที่อารมณ์ขึ้นด้วยกันทั้งคู่ โก่งคอตะเบ็งเสียงใส่กันหน้าดำหน้าแดง ฟองดาวเหลียวมองผู้คนรอบๆ ด้วยความอับอาย ลายไทแตะแขนช่อม่วงให้ใจเย็นๆ ฟองดาวก็ช่วยขอร้องตงฉินให้นั่งลง ตงฉินอ้างว่าเห็นแก่ฟองดาวจึงยอมนั่งลง ช่อม่วงเห็นตงฉินฟังฟองดาวยิ่งอารมณ์เสีย เอ่ยขอตัวกับลายไทไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่ช่อม่วงบ่นฉุนเฉียวกับหน้ากระจก อยู่ๆ ตงฉินก็โผล่หน้าเข้ามา สีหน้าโกรธเคืองและไม่สนใจด้วยว่ากำลังเข้ามาอยู่ในห้องน้ำผู้หญิง นี่คือความโกรธจริงๆ ไม่ใช่การถกเถียงกันตามความเคยชินเหมือนที่ผ่านมา ทะเลาะกันจริงๆ ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำต่างเลยเถิดไปด้วยแรงอารมณ์
"ถ้าแกแน่จริงน่ะนะ แกก็ทำให้คุณฟองดาวเค้ายอมแต่งงานกับแกเหมือนที่พี่ลายไทเค้ายอมแต่งงานกับฉันสิ" ช่อม่วงท้า และตงฉินก็โกรธช่อม่วงมากมายอย่างที่ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน
"นี่เธอดูถูกฉันเหรอยัยบะช่อ"
"ใช่! ฉันดูถูกแก ทีแกยังมาลงการชีวิตฉัน" เรื่องที่ตงฉินบังอาจไปพูดกับลายไทให้มารักมาแต่งงานกับช่อม่วงยังคงเป็นประเด็นโกรธเคืองที่ช่อม่วงเจ็บ จำ ไม่ลืม ไม่อยากจะทนมองหน้าตงฉินเดินหนีออกจากห้องน้ำ ตงฉินกลับมาที่โต๊ะเหมือนกัน ขณะที่ตัวเองนั่งลง ช่อม่วงก็ชวนลายไทกลับ ตงฉินมองหน้าช่อม่วง แล้วหันกลับมาที่ฟองดาว รวบรวมทิฐิมานะทั้งหมดที่มี บอกรักฟองดาว และขอเธอแต่งงานด้วยดอกกุหลาบที่หยิบขึ้นมาจากแจกันบนโต๊ะ ตงฉินจริงจังถึงขั้นลงทุนคุกเข่าขอแต่งงาน ต่อหน้าต่อตาช่อม่วงตรงนั้นเอง ฟองดาวตกใจ อึกอักที่ตนถูกขอแต่งงานต่อหน้าคนรักเก่าที่ยังเต็มไปด้วยเยื่อใยอย่างลายไท ถ้าสีหน้าของลายไทคือความปวดร้าว ช่อม่วงก็คือคนที่ใจสลาย ตงฉินไม่เห็นหรอกว่าช่อม่วงจ้องมองตนด้วยสายตาและความรู้สึกแบบไหน ช่อม่วงที่ดวงตามีน้ำมาคลอและเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ต่อไปได้ "พี่ลายไทจ๊ะ ช่ออยากจะกลับบ้าน ช่อไปรอที่รถนะจ๊ะ" ผุดลุกขึ้นและเดินผ่านตงฉินไป เช่นเดียวกับลายไทที่ไม่อาจรอจนกระทั่งพนักงานมาเก็บเงินได้เขาหยิบเงินออกมาวางบนโต๊ะเป็นค่าอาหาร มองหน้าฟองดาวและเดินหันหลังจากไป



ตงฉินยังมานั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่ร้านอาหาร นึกถึงช่อม่วง อยากมาดูถูกกันดีนักในที่สุดเขาก็กล้าเอ่ยปากสารภาพรักและขอฟองดาวแต่งงานซะที ความสำคัญของการบอกรักฟองดาวและขอเธอแต่งงาน สำหรับตงฉินแล้วมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการพิสูจน์ให้ช่อม่วงเห็นว่า เขาทำได้ และนั่นคือชัยชนะ ส่วนเรื่องฟองดาวจะคิดอย่างไรนั้น ตงฉินไม่ได้เก็บมาเป็นกังวล เพราะถึงอย่างไร เธอก็ต้องปฏิเสธเขาอยู่แล้ว

เมื่อพบฟองดาวและเอ่ยปากถึงเรื่องการให้คำตอบ ตงฉินเชื่อสนิทใจว่าฟองดาวจะปฏิเสธและรู้สึกโล่งใจ แต่ฟองดาวกลับตอบตกลง ตงฉินช็อคลมจะใส่อยู่ตรงนั้น ฝืนขอบคุณด้วยอาการติดๆ ขัดๆ ที่ฟองดาวเข้าใจไปว่านั่นเป็นเพราะตงฉินดีใจจนพูดไม่ออก

คนสองคนที่รักกัน แต่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง และเพียงเพื่อจะเอาชนะอีกฝ่ายต่างดันทุรังเดินหน้าไปสุดวิถีสุดแรงกำลังโดยไม่สนความรู้สึกลึกๆ ในใจของตนเอง



ตงฉินไม่ย่อท้อที่จะเอาชนะใจอาม่า ด้วยความรักหลานชาย และความสิ้นหวังในตัวช่อม่วงไปแล้ว ทำให้อาม่าตกลงใจยอมไปสู่ขอฟองดาวกับคุณหม่อมแจ่มใสที่อาม่าเกลียดแสนเกลียด ยอมจ่ายค่าสินสอดทองหมั้นที่ราชินีแห่งความเค็มอย่างหม่อมแจ่มใสขูดรีดเอา ใช่ว่าหม่อมแจ่มใสจะอยากได้หลานเขยที่ไม่มีรากเหง้ามาจากเชื้อผู้ดีมีสกุลนัก แต่ด้วยความรักหลานสาวและเห็นว่าครอบครัวตงฉินนั้นก็ทำมาค้าขายจนร่ำรวย ตงฉินเองก็ดูจริงใจ ที่มาคอยป้วนเปี้ยนส่งข้าวสารอยู่ไม่ขาดก็คงเป็นเพราะแอบชอบพอหลานสาวของตนนั่นเอง หากฟองดาวได้แต่งงานกันไป เขาคงจะรักและให้ชีวิตที่สุขสบายกับฟองดาวได้ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ชอบใจอีกฝ่าย แต่เพราะความรักหลาน ก็ยินดีจะลดทิฐิส่วนตัวและหันหน้ามาตกลงใจกันไปอย่างแกนๆ



คนที่เดือดร้อนหนักคืออาโจว เพราะอาโจวไม่ชอบที่ครอบครัวของฟองดาวมีแค่เชื้อสายผู้ดีเก่า แต่ฐานะนั้นยากไร้ และหม่อมแจ่มใจก็เค็มเหลือใจ อาโจวยังคงสนับสนุนย้งยี้สุดกำลัง ทางฝ่ายรื่นรมย์พอได้ข่าวการแต่งงานของตงฉินก็ร้อนใจหนัก นัดอาโจวมาพูดคุยกันอีกครั้ง และชื้ให้เห็นข้อเสียต่างๆ นานา หากว่าอาโจวได้ย้งยี้เป็นลูกสะใภ้ อาโจวคล้อยตามก็จริงๆ แต่ก็ตกลงใจว่า หากต้องเลือกระหว่างฟองดาวและหนูช่อ อาโจวยินดีจะยอมรับความยากจนของฟองดาว มากกว่าที่จะเลือกอาหนูช่อแล้วต้องทนเกี่ยวดองกับรื่นรมย์ในฐานะแม่ยายของลูกชายตน

ไม้ตายสุดท้ายของรื่นรมย์คือการบอกกล่าวให้อาโจวรู้ว่าครอบครัวของฟองดาว เป็นหนี้ลายไท ว่าที่ลูกเขยตนอยู่เท่าไหร่ 3 ล้านเชียวนะ 3 ล้านที่อาโจวจะต้องช่วยครอบครัวลูกสะใภ้ใช้หนี้ และก็เป็นยอดเงิน 3 ล้าน ที่อาโจวตกลงใจในที่สุด อาโจวเลือกหนูช่อ

เมื่อลูกทั้งสองคือตงฉินกับช่อม่วงเป็นตัวแสบ คนเป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดก็คงสุดแสบไม่น้อยไปกว่ากัน รุ่นเดอะบิ๊กอย่างอาม่าและยายแช่มก็วาดลวดลายกันไปเยอะแล้ว รุ่นเล็กตงกับช่อก็แผลงฤทธิ์ไปจนเรื่องลุกลามเกิดแก้ไขขนาดนี้ ถึงคราวรุ่นใหญ่อาโจวกับรื่นรมย์ต้องสำแดงเดชบ้าง สองคนจัดการวางแผนป่วนการเตรียมงานแต่งของตงฉินกับฟองดาว และลายไทกับช่อม่วง โดยอาศัยพี่คล้าวและย้งยี้เป็นเครื่องมือ (พูดง่ายๆ คือหลอกใช้)



รื่นรมย์กับอาโจวจัดการให้ลูกๆ ทั้งคู่ ซื้อแพคเก็จการแต่งงานร้านเดียวกัน ทั้งสองคู่ต้องมาเจอกันในวันเลือกชุดแต่งงาน วันถ่ายรูปที่ต้องมาถ่ายสถานที่เดียวกัน ลายไทและฟองดาวต้องพบหน้ากับด้วยความอึดอัดทรมาน ส่วนตงฉินกับช่อม่วงก็เต็มไปด้วยความเคืองขุ่น และลึกๆ ลงไปในใจของทุกคนคือความร้าวรานในหัวใจที่ต้องกล้ำกลืนเก็บเอาไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองพ่ายแพ้ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมที่จะให้ตัวเองอ่อนแอออกมาให้เห็น

"ช่อจะไม่ยกเลิกงานแต่งงานเด็ดขาด ในเมื่อไอ้ตงมันยืนยันจะแต่งงานกับคุณฟองดาวให้ได้ ช่อก็จะแต่งงานกับพี่ลายไทให้ได้เหมือนกัน ต่อให้มีอีกสักสิบไอ้พี่คล้าว ช่อก็ไม่กลัว"
"ตราบใดที่ยัยช่อยังคิดยืนยันจะแต่งงานกับนายลายไท ฉันก็จะแต่งงานกับคุณฟองดาวให้ได้เหมือนกัน"

(เฮ้อ เหนื่อยใจจริงวุ้ย)

"สงสัยมันจะไม่เวิร์ค" นั่นคือข้อสรุปของรื่นรมย์และอาโจว การส่งย้งยี้กับพี่คล้าวไปราวีกิจกรรมเตรียมงานแต่งของทั้งสองคู่นอกจากจะไม่เป็นผล ยังทำให้ทั้งตงฉินและช่อม่วงมีความมุ่งมั่นที่จะแต่งงานให้ได้อีกด้วย อาโจวกับรื่นรมย์จึงต้องคิดแผนการใหม่

"ในเมื่อเราขัดขวางลูกของเราไม่ได้ เราก็ต้องทำให้ลูกของเราถูกทิ้งไปซะเลย"

และคนที่จะช่วยทำให้เรื่องนี้สำเร็จลงได้ ก็คือลายไท และฟองดาว อาโจวและรื่นรมย์วางแผนให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกัน อาโจวส่งนักเลงมาระรานฟองดาวและรื่นรมย์จัดการให้เป็นความบังเอิญที่ลายไทได้เข้ามาช่วยเธอไว้ ฟองดาวซาบซึ้งในตัวของลายไทเสมอ เช่นเดียวกับลายไทที่ยังรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง สองคนปรับความเข้าใจ แต่วิสัยความเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีของทั้งคู่ ต่างรู้ดีแก่ใจว่าไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไข และไม่อาจหันหลังให้กับปัจจุบันที่กำลังดำเนินไป ทั้งคู่ต่างกำลังจะแต่งงานกับใครอีกคน และเท่าที่ทำได้ก็แค่การบอกลากันด้วยดีเท่านั้น



มันไม่ได้ผลอีกแล้ว รืนรมย์กับอาโจวสุดแสนจะห่อเหี่ยวกับความชุลมุนวุ่นรักของเด็กรุ่นลูกทั้งสี่

เดินหน้าแล้วไม่มีคำว่าถอยหลัง ตัดสินใจแล้วไม่มีคำว่าเปลี่ยนใจ ตงฉินกับช่อม่วงก็เช่นกัน แม้รู้ว่าไม่มีความสุขกับการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการจะทำคือ ฝืนมันไปให้ถึงที่สุด แม้ว่าไม่รู้จะต้องฝืนมันไปจนถึงเมื่อไหร่ก็ต้องทำให้มันเกิดขึ้น ต้องเกิดขึ้นให้ได้



ช่อม่วงตระหนักถึงความจริงข้อนั้นและนั่งเหม่อเหงาๆ อยู่ในสวนคนเดียว ตงฉินก็ตะหนักถึงความจริงข้อเดียวกัน เขาจึงมาหาช่อม่วง ใจเป็นอย่างไรไม่ยอมรับรู้ แต่ที่ยอมรับในที่สุดคือถึงเวลาต้องร่ำลา และจากกันไปด้วยดี

อาจเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ทั้งสองคนตั้งใจจะพูดจากันดีๆ ไม่มีทะเลาะ และพวกเขาก็ทำแบบนั้น คำดีๆ ที่มีให้แก่กันคือถ้อยคำที่มาจากความรู้สึกขอบคุณ แค่คำเบาๆ จากช่อม่วง "ขอบใจ" ในสิ่งที่เคยพยายามทำด้วยกันมา และที่เคยทำอะไรให้ตั้งหลายอย่าง ตงฉินก็มีความสุข และด้วยความรู้สึกเดียวกัน

"ขอบคุณ ที่ทำให้อะไรให้ตั้งหลายอย่าง แล้วก็อยากจะขอโทษด้วยนะที่แกล้งเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ แกล้งเธอแล้วมันมีความสุขยังไงก็บอกไม่ถูก เออ...มันก็ ... มีความสุขน่ะ"

จะพูดกันดีๆ แค่ไหน สุดท้ายยังไงมันก็เป็นธรรมชาติของเขาและเธอที่จะต้องวิ่งสู้ฟัด การรำลาจึงหักมุมด้วยการที่ช่อม่วงหลอกให้ตงฉินหันหลังแล้วถี่บสะโพกเขาเต็มรักจนจุดยุทศาสตร์กระแทกเข้ากับเสารั้วร่วงลงไปหน้าเขียวหน้าเหลืองกับพื้น วิ่งไล่จับ กลั่นแกล้ง เอาคืนเสียงหัวเราะร่าเริงดังก้องสวน



ที่สุดของที่สุด อาโจวและรื่นรมย์ก็ต้องงัดสุดยอดไม้ตายมาใช้ เปิดเผยเรื่องราวความวุ่นวายของตงฉินและช่อม่วงทั้งหมด ทำให้ลายไทและฟองดาวตาสว่างและรู้ความจริงเสียทีว่าที่ผ่านมานั้นทั้งสองตนตกเป็นเครื่องมือของตงฉินและช่อม่วงจนกระทั่งแตกหักกันอย่างไร ตงฉินคือนายชิน และช่อม่วงก็คือมะม่วง ลายไทและฟองดาวจับมือกันด้วยความยินดี แต่ลายไทยังคงเป็นห่วง
"แล้วน้องช่อล่ะครับ"
"ลายไทไม่ต้องเป็นห่วง พราะจริงๆ แล้วยัยช่อกับตงฉินเค้ารักกัน"
"ฮ้า" ลายไท และฟองดาวต่างพากันอุทาน สองคนนั้นเกลียดกันจะตายไป ใครจะไปเชื่อได้ง่ายๆ ว่าทั้งสองคนน่ะ แท้จริงแล้วต่างก็รักกัน อาโจวอดไม่ได้ที่จะบ่นลูกๆ ทั้งสอง

"ใช่ แต่เป็นเพราะว่าเด็กสองคนมันปากแข็ง เรื่องถึงได้วุ่นวายแบบนี้ไง"



เสียโจวลากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาที่บ้านยายแช่ม ระหว่างที่ยายแช่มและอาม่ากิมท้อกำลังปรึกษาหารือกันเรื่องชวนกันไปเที่ยวหลังจากปล่อยวางเรื่องคลุมถุงชนหลานๆ ไปแล้วนั้น ก็ได้ยินเสียงเอะอะข้างนาอก ตงฉินกำลังโวยวาย

"นี่อะไรน่ะเตีว ไหนว่ามาส่งข้าวสารไง นี่อะไรฮะ เตี่ยวพาผมมาที่นี่ทำไม เดี๋ยวเค้าจะหาว่าผมคิดทงคิดถึงเค้า" ตงฉินดึงดันจะกลับแต่ที่ส่งเสียงดังเพราะหวังจะให้อาม่ากับยายแช่มได้ยินเสียงและเรียกตัวเอาไว้ อาม่ากับยายแช่มออกมาดู เห็นตงฉินกำลังฮึดฮัดจะกลับไปท่าเดียว รื่นรมย์ก็รุนหลังช่อม่วงออกมาสมทบ เสียงช่อม่วงบนออดแอด
"นี่อะไรน่ะแม่ จะให้ช่อไปไหน แล้วแม่ให้ช่อแต่งตัวอะไรอย่างนี้เนี่ย"

ช่อม่วงมองกระโปรงที่ตัวเองอย่างไม่เข้าใจแล้วก็หันมาเจอหน้าตงฉินเข้าพอดี พ่อแม่ทั้งสองก็ผลักลูกของตนเข้าหากัน

"ตงฉิน มีอะไรจะพูดกับยัยช่อก็พูดๆ ซะ" รื่นรมย์บอก อาโจวก็เช่นกัน
"ไป ไอ้ตง มีอะไรก็เคลียร์กันซะ จะได้จบๆ ซะที"
สองคนมองหน้าสบตากัน แล้วช่อม่วงก็ร่นไปหลบอยู่หลังแม่ ตงฉินก็ถอยไปอยู่ข้างหลังพ่อ อาม่ากิมท้อกับยายแช่มต่างมองลูกหลานคนนั้นทีคนโน้นที่ด้วยความงุนงง อาโจวสำทับมาอีก
"ให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกันไง มีอะไรก็เคลียร์กันซะ ไอ้เรื่องวุ่นๆ จะได้จบลงซะที มันไม่ดีหรือไง"

"ไม่เคลียร์" "ไม่ดี" "จะปรับทำไม" เป็นคำตอบจากผู้มาใหม่ ย้งยี้ที่กำลังโกรธมาก ที่เพิ่งรู้ตัวว่าอาโจววาดหวังจะได้ช่อม่วงมาเป็นลูกสะใภ้แถมยังกล้ามาหลอกใช้ตนเป็นส่วนหนึ่งในแผนการณ์ ตงฉินได้ที่รีบวางฟอร์ม

"เตี่ยทำแบบนี้ทำไม มันไม่ถูกนะ ทำไมเตี่ยไม่นึกถึงความรู้สึกของคุณฟองดาวเค้าบ้าง ว่าเค้าจะรู้สึกยังไง"

ได้ยินชื่อฟองดาวช่อม่วงก็โกรธวูบ "นั่นสิจ๊ะแม่ แม่ทำแบบนี้ทำไม แม่ไม่นึกถึงใจพี่ลายไทเค้าบ้างเหรอ"

ย้งยี้ก็โกรธ โกรธ โกรธ " กู๋บอกย้งยี้มาสิคะ กู๋ทำแบบนี้ทำไม"
"นั่นน่ะสิเตี่ย เตี่ยทำแบนี้ทำไม" ตงฉินถามบ้าง
ช่อม่วงก็เอาด้วย "นั่นสิแม่ แม่ทำแบบนี้ทำไม"

"ก็เพราะแกสองคนรักกันไง!"

มันเหลืออดเหลือทนกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ แล้วเช่นกัน อาโจวกับรื่นรมย์จึงตะเบ็งเสียงออกมาเช่นนั้น แทนที่จะรอให้เด็กๆ ได้พูดจากันเอง สิ้นสุดคำพูดบรรยากาศเงียบกริบ ตงฉินกับช่อม่วงมองตากันแล้วตกอยู่ในอาการชะงักค้าง ไม่รับรู้ถึงเสียงและสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เกิดขึ้น



เสียงเฮลั่นของอาม่ากิมท้อและยายแช่มที่ดังขึ้น สองคนดีอกดีใจตีมือกัน ย้งยี้โวยวายไม่พอใจและพุ่งเข้ามาดึงตัวตงฉินออกไป โดยที่สายตาตงฉินกับช่อม่วงไม่ได้ละไปจากกันเลย

"ก็เพราะแกสองคนรักกันไง!"


"ก็เพราะแกสองคนรักกันไง!"

เสียงตะโกนของพ่อและแม่เสียงนั้น ยังก้องอยู่ในหัวของตงฉินและช่อม่วงที่คิดถึงคำๆ นั้นด้วยความเหม่อลอย "รัก" เหรอ พวกเขาน่ะเหรอที่รักกัน มันจะเป็นไปได้ยังไง

"ฉันนี่นะรักยัยบะช่อ ฉันน่ะรักคุณฟองดาวต่างหาก" ตงฉินพร่ำบอกกับตัวเองอย่างนั้น

อาโจวและรื่นรมย์มาช่วยกันวางแผนจัดการตงฉินและช่อม่วงที่บ้านลายไท อาม่ากับยายแช่มแอบตามมา ต่อว่าลูกๆ ทั้งสองเรื่องที่ไม่ยอมทำตามเจตนารมย์ของพวกตนเสียแต่แรก แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ สุดท้ายก็ต้องมาทำอย่างพวกเราอยู่ดี

"ก็ตอนนั้นใครจะไปรู้ล่ะแม่ ว่าเด็กสองคนนี้มันจะรักกันเข้าจริงๆ"

อาโจวคิดย้อนไปก็เห็นเป็นอย่างเดียวกัน เด็กสองคนที่ฟาดฟันกันไม่ยั้งมาตั้งแต่เด็กๆ ใครเลยจะไปคิดว่านั่นจะกลายมาเป็นความรักได้ แล้วอาม่ากับยายแช่มก็สุมหัวช่วยกันดัดนิสัยปากไม่ตรงกับใจของหลานตัวแสบทั้งคู่อย่างมีความสุข



เพราะรู้ความจริงและกลับมาคืนดีกับฟองดาวแล้ว โดยที่ตงฉินกับช่อม่วงยังไม่รู้ ลายไทมีความสุขแต่ก็รู้ดีว่าเขามีหน้าที่ต้องทำอะไรบางอย่างให้ช่อม่วงผู้เป็นน้องสาวสุดที่รัก ลายไทถามย้ำ ๆ ซ้ำๆ ถึงเหตุผลการแต่งงานรวมถึงความรักที่ช่อม่วงมีให้เขา ในที่สุดช่อม่วงก็ลังเล กลับมาคิดทบทวนความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อลายไทมาตั้งแต่เด็กๆ และเธอย่อมรู้ดี ทั้งหมดมันคือความผูกพันความสนิทสนมความปลาบปลื้มที่มีต่อพี่ชายข้างบ้าน แต่ทั้งหมดนั่นไม่ใช่ความรักแบบหนุ่มสาว แบบที่คนสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

ถ้าเป็นเรื่องของความรัก ในที่สุดผู้หญิงก็เป็นฝ่ายยอมแพ้และยกธงขาว ช่อม่วงขอยกเลิกการแต่งงานกับลายไท และหวังอยู่ลึกๆ หากตงฉินรู้ข่าวนี้ เขาจะยกเลิกการแต่งงานกับฟองดาวเช่นเดียวกัน

มันก็เกือบจะเป็นอย่างนั้นเมื่อลายไทผู้ได้รับการฝึกปรือเทคนิคการแสดงมาจากยายแช่ม มาพบตงฉินที่โรงสีพร้อมกับจะเอาเรื่องที่ตงฉินปลอมตัวเป็นนายชินคนงานในไร่และวางแผนหลอกลวงต่างๆ ให้เขาและฟองดาวต้องเลิกรากัน เมื่อเห็นว่าลายไทรู้ความจริงแล้ว ตงฉินจึงยอมสารภาพผิดทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ตงฉินยินดีจะคืนฟองดาวให้

"ผมจะเลิกงานแต่งงาน"

"ผมสารภาพก็ได้ครับ ที่ผมจะแต่งงานกับคุณฟองดาว ผมก็แค่อยากจะเอาชนะยัยบะช่อ คุณลายไทคุณยกโทษให้ยัยบะช่อด้วยนะครับ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ยัยละช่อเค้าไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าหากว่าคุณจะโกรธ คุณโกรธผมคนเดียวเถอะครับ เพราะถ้าคุณโกรธยัยบะช่อ เค้าก็คงจะเสียใจมากแน่นอน"



ความรู้สึกทุกอย่างแสดงอยู่บนใบหน้าของตงฉินแล้ว ความรู้สึกผิด ความเศร้า ความเสียใจ อาโจว รื่นรมย์ ยายแช่ม อาม่ากิมท้อ พี่แป้น พี่จั๊บ ต่างออกมารวมตัวเยาะเย้ยตงฉินที่รู้ตัวทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

"นี่อย่าบอกนะครับว่าทุกคนเล่นละครหลอกผม"

ตงฉินรู้สึกอับอายต่อหน้าทุกคนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว รื่นรมย์ออกมายืนข้างหน้าทุกคน
"เอาล่ะ หมดเรื่องลายไทละ คราวนี้ถึงตาน้าบ้างล่ะ ไหนตอบน้ามาซิว่าเรารู้สึกยังกับชัยช่อ"

"ผม..."
ตงฉินไม่คิดว่าจะเจอคำถามตรงๆ แบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก อาโจวเห็นลูกชายไม่พูดจึงออกมายืนเคียงข้างรื่นรมย์บ้าง

"นี่ ไอ้ตง ลูกผู้ชายมันก็ต้องแมนๆ กันไปเลยนะ ชอบก็บอกว่าชอบ รักก็บอกว่ารัก อย่ามามัวอมพะนำอยู่เลย"
"ก็ผมไม่รู้นี่ครับเตี่ยว่ามันเรียกว่าอะไร" ตงฉินยังพยายามจะเถียงไปข้างๆ คูๆ
"ถ้าอย่างเน้ เอาอย่างน้าน" พอถูกโดนแซวว่าพูดผิดอาม่ากิมท้อก็พูดใหม่
"ถ้าอย่างน้าน เอาอย่างเน้ ...ลื้อลองคิดดูนะอาตง เวลาลื้อมีเลื่องเดือกร้อง ลื้อคิดถึงใคมากทิสุก"


ตงฉินไม่ตอบ แต่กำลังคิดถึงตัวเอง ยามที่เดือดร้อน คนที่เขาโทรหาก็คือช่อม่วง นึกถึงเธอตอนไปช่วยให้พ้นมือย้งยี้ที่เกาะเกร็ด พยุงเขาที่มึนเมาฤทฺธิ์ยาขึ้นเรือ นึกถึงเธอไปช่วยเขาที่ติดอยู่ในห้องน้ำเพราะถูกนักเลงของย้งยี้คุมตัวไว้

"ผู้หยิงคงหนาย ที่ลื้ออยากใกล้ชิดมั่กทิสุด"
ตงฉินไม่ตอบอีกเช่นเคยแต่นึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เขากับช่อม่วงใกล้ชิดกัน และอยู่ด้วยกันเสมอที่สะพานไม้ข้ามคลองในสวนสาธารณะนั่น

ยายแช่มขอมีส่วนร่วมในการไล่ต้อนตงฉินบ้าง

"ยายถามตรงๆ เลยนะอาตง ถ้าสมมติว่ายัยช่อจะต้องแต่งงานกับลายไทไปจริงๆ อาตงจะเสียใจไหม"
ตงฉินไม่ตอบ แต่ครั้งนี้ภาพมาเร็วและแรงกว่าที่คิด นึกถึงช่อม่วงใกล้ชิดกับลายไท และนึกถึงที่เธออยู่ในชุดแต่งงาน และกริยาเกาะเกี่ยวใกล้ชิดเมื่อครั้งวันที่ไปถ่ายรูปแต่งงานกันนั้น ตงฉินก็ออกอาการทนไม่ได้อีกต่อไปที่จะคิดถึงภาพเหล่านั้น ...
"โอ้ย ...(พอแล้วครับ) ก็เสียใจสิครับ เอางี้ก็ได้ครับ ผมน่ะรักยัยช่อครับ"

ในที่สุด ในที่สุด ในที่สุดผู้ร้ายปากแข็งก็ยอมเปิดปากสารภาพ ด้วยความเสียใจและหม่นหมองยิ่ง

"แต่... มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะว่าเดี๋ยวยัยช่อก็กำลังจะแต่งงานกับคุณลายไทแล้วนี่ครับ"
รื่นรมย์ยิ้มในหน้า "อ้าว ใครบอกล่ะ ยัยช่อยกเลิกการแต่งงานไปแล้ว และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะยัยช่อรักเรานะตงฉิน"

อารมณ์ของตงฉินดีดขึ้นลงเหมือนเป็นลูกดิ่ง จากเสียใจมาก ก็กลายมาเป็นดีใจมาก แล้วก็ตกลงมาเป็นความกังวลอีกครั้ง เมื่อนึกถึงตัวเองกับฟองดาวที่เตรียมจัดขึ้นแล้ว
"แล้ว ... งานแต่งงานจะเอาไงดีละครับ"
พี่แป้นเสนอ อย่างที่มันต้องเป็นไปอย่างนั้นอยู่แล้วล้านเปอร์เซ็นต์

"คุณตงก็ยกเลิกงานแต่งงานไปเลยสิคะ ยกเลิกไปเลย"

"ฉันไม่เห็นด้วย!"



ยายแช่มคัดค้านการยกเลิกแต่งงานเสียงแข็ง ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน แต่แล้วก็เข้าใจได้ว่า ทั้งหมดมันเป็นแผนดัดนิสัยปากแข็งของช่อม่วงโดยเฉพาะ ยายแช่มอาจจะคิดถูก ถ้าหากตงฉินเป็นฝ่ายยอมให้ช่อม่วงครั้งนี้ จะต้องถูกยัยช่อข่มเหงด้วยการหยิบยกมาเป็นหัวข้อ 'ชนะ' ตลอดไป ด้วยนิสัยของหลานทั้งสองคน รักครั้งนี้จะต้องมาลงเอยด้วยกันตรงจุด 'ครึ่งทาง' นั่นหมายถึงตงฉินต้องไม่ไปง้อ และช่อม่วงต้องยอมรับความรักและการแต่งงานครั้งนี้ด้วยตัวเอง




งานแต่งงานยังคงดำเนินต่อไป ช่อม่วงเห็นทุกคนในบ้านรื่นเริงมีความสุข เสียงพูดคุยหัวเราะของแม่อาม่าและยายที่กำลังช่วยกันเลือกสรรผ้าผ่อนเพื่อตัดชุดสวยๆ สวมใส่ไปงานแต่งงานของตงฉิน มันช่างบาดหู แต่ช่อม่วงก็ไม่อาจแสดงความรู้สึกอะไรออกมาได้นอกจากเข้าห้องปิดประตูและโกรธแค้นตงฉินอยู่เพียงลำพัง ไอ้ตง นะไอ้ตง ทั้งๆ ที่รู้ว่าช่อม่วงยกเลิกงานแต่งงานกับลายไทไปแล้ว มันก็ยังเดินหน้าจัดงานแต่งงานต่อไป แม้เวลาจะใกล้เข้ามาเต็มที ช่อม่วงรู้สึกทั้งเสียหน้าและเสียใจ ความผิดครั้งนี้ตงฉินจะต้องชดใช้อย่างสาสม แต่ช่อม่วงก็ยังหวังอยู่ในวินาทีสุดท้ายตงฉินจะต้องล้มเลิกงานแต่งงานแน่

"ไอ้ตง แกต้องล้มเลิกงานแต่งงาน แล้วก็มาง้อฉัน"
แต่จนแล้วจนรอด เรื่องที่หวังก็ไม่เกิดขึ้น สุดจะทานทนอีกต่อไป ช่อม่วงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าและออกเดินทางไปหัวหิน ทั้งที่รู้ว่าในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของตงฉิน ช่อม่วงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยากไปร่วมงานแต่ง

แม้ยายแช่มจะมั่นใจแผนการของตัวเองแค่ไหน แต่การที่ช่อม่วงไปหัวหินทำให้ตงฉินร้อนรนใจเป็นที่สุด งานแต่งงานจัดขึ้นครั้งนี้โดยที่เจ้าสาวคือช่อม่วงเอง แต่เจ้าสาวไม่รู้ตัว แถมยังหนีไปอีก แต่ยายแช่มก็ยังมั่นใจว่ารู้จักนิสัยหลานสาวดี ยัยช่อจะไม่มีวันยอมแพ้และจะต้องร้อนรนทนไม่ได้และกลับมาทันงานแต่งแน่นอน



แต่ตงฉินไม่มั่นใจ ถึงใครๆ จะบอกว่าช่อม่วงรักเขา แต่ถ้าไม่ได้ยินจากปากของช่อม่วงเองตงฉินก็ไม่อาจวางใจได้ ช่อม่วงจะกลับมาแน่หรือ หากว่าเขาไม่ตามไปง้อ ไปบอกว่ารัก และขอช่อม่วงแต่งงานด้วยตัวเอง

ช่อม่วงที่เชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่าตงฉินนั้นรักตน และหวังเต็มที่ว่าเขาจะยกเลิกงานแต่งงานและตามมาง้อ ก่อนออกจากบ้าน ก็ย้ำกับแม่และยาย ย้ำแล้วย้ำอีกนี่นาว่ามาหัวหิน ตงฉินจะต้องรู้และตามมาง้อสิ แต่ค่ำก็แล้ว ดึกก็แล้วตงฉินก็ยังไม่มา ช่อม่วงมองพระจันทร์ยามค่ำคืน ยกมือขึ้นอธิษฐานวิงวอนขอให้ตงฉินยกเลิกงานแต่งและตามมาง้อ

ทางฝ่ายตงฉินก็อธิษฐานขอจันทร์ดวงเดียวกัน พรุ่งนี้เขาจะแต่งงานแต่ตอนนี้ไม่รู้เจ้าสาวอยู่ไหน ขอพระจันทร์ได้โปรดเห็นใจส่งตัวเจ้าสาวกลับมาเข้าพิธีได้ทันเวลาด้วยเถิด

ทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างรอคอยความรักของอีกฝ่ายด้วยความหวัง ถ้าตงฉินรักช่อม่วงจริง ก็คงจะตามมาง้ออย่างที่ช่อม่วงรออยู่ที่หัวหิน และถ้าช่อม่วงรักตงฉิน ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมแพ้ ช่อม่วงจะต้องมาขัดขวางงานแต่งพรุ่งนี้


แต่... จะมาแน่หรือ ที่สุดของความกระวนกระวาย วิตกกังวล และหวาดกลัวความผิดหวัง แต่ตงฉินกับช่อม่วงก็ยังดึงดันในหนทางของตัวเอง ใจของตงฉินโลดแล่นไปแล้ว ถ้ามีลำพังตัว่เขาเอง ตอนนี้คงจะอยู่ที่หัวหินเรียบร้อยแล้ว แต่นี่เพราะยายแช่มเชื่อมั่นเช่นเดียวกับคนอื่นเชื่อ ช่อม่วงจะไม่มีวันยอมให้ตงฉินแต่งงานไปได้ ในเมื่อช่อม่วงยกเลิกงานของตัวเองไปแล้ว ถ้าช่อม่วงไม่ได้แต่งเพราะรักตงฉิน ตงฉินก็จะไม่มีทางได้แต่งด้วยเช่นกัน

มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย และเมื่อมันแก้ไม่ได้ ทุกคนมั่นใจช่อม่วงจะกลับมา .. ยกเว้นตงฉิน

เพราะขณะนี้เช้าแล้ว เขาเป็นเจ้าบ่าวในงานแต่ง ในวันแต่ง แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นแม้เงาเจ้าสาว อีกไม่นานพิธีจะเริ่มขึ้น ตงฉินกังวลถึงขีดสุด หวั่นใจจนสุดกลั้น ความที่ไม่เคยเอ่ยปากฝากรักกันมาก่อนยิ่งหวั่นไหว กลัวว่าช่อม่วงจะไม่มา

ที่หัวหินก็เช้าแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังไม่เห็นเงาของหัวไอ้ตง ก็ได้ ...ไอ้ตง ช่อม่วงยินดีจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ยังอดทนที่จะรอคอย ที่สุดแล้วก่อนจะเข้าพิธีจริงๆ ตงฉินจะต้องยกเลิกและตามมาง้อ แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าหากว่ามันไม่มาล่ะ

"ไอ้ตง ฉันเกลียดแก ฉันเกลียดแก!"

ช่อม่วงตะโกนใส่ท้องทะเล และความโกรธเคืองก็ไต่ระดับขึ้นสูงเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วความโกรธ ความน้อยใจ เสียใจ ก็กลายเป็นน้ำตา

"ไอ้ตง ฉันจะฆ่าแก แกตายแน่"

สองมือของช่อม่วงยกขึ้นปาดน้ำตา รวมรวมกำลังใจเรียกความฮึกเหิมทั้งหมดที่คยมีกลับคืนมา แม้ว่าไอ้ตงจะไม่ยอมมาง้อ แม้ว่าไอ้ตงมันดึงดันจะแต่งงานกับคุณฟองดาวให้ได้ แต่อย่าหวังเลย เพราะช่อม่วงจะไม่ยอมแพ้


"แกตายแน่ ไอ้ตง แกตายยยยยยย"



.....


ถ้าไม่ใช่เพราะความพากเพียรที่มีต่อละครที่รักเรื่องหนึ่ง ทั้งหมดที่เขียนมานี้ก็คือความบ้าพลังของคนบ้าบอ เพราะมนต์รักข้าวต้มมัด ที่มัดใจอยู่หมัดจริงๆ ค่ะ ขอชื่นชมและขอบคุณผู้มีส่วนในการทำละครที่แสนสนุกเรื่องนี้ทุกท่านและนักแสดงทุกคน

บทประพันธ์ : ณฤดี
บทโทรทัศน์ : จาวตาล
กำกับการแสดง : พีรพล เธียรเจริญ
ดำเนินการผลิตโดย อรพรรณ วัชรพล
บริษัทโพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด


รายชื่อนักแสดง

รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ แสดงเป็น ตงฉิน
ณปภา ตันตระกูล แสดงเป็น ช่อม่วง
พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แสดงเป็น อาโจว
จินตหรา สุขพัฒน์ แสดงเป็น รื่นรมย์
อรรคพันธ์ นะมาตร์ แสดงเป็น ลายไท
ชิดจันทร์ รุจิพรรณ แสดงเป็น ฟองดาว
ดวงตา ตุงคะมณี แสดงเป็น แช่มชื่น
กอบสุข จารุจินดา แสดงเป็น อาม่ากิมท้อ
มณีนุช เสมรสุต แสดงเป็น หม่อมแจ่มใส
เหลือเฟือ มกจ๊ก แสดงเป็น ก๋วยจั๊บ
ชูศรี เชิญยิ้ม แสดงเป็น ประมวล
อุ่นเรือน ราโชติ แสดงเป็น นังแป้น
มณัสนันท์ กรณ์ปารณีย์ แสดงเป็น ย้งยี้
เขาทราย แกแล็คซี่ แสดงเป็น พี่คล้าว
ณัฐพร เกตุวิเชียร แสดงเป็น ดอกท้อ


นอกจากอรรคพันธ์ (ลายไท) ที่ยังเป็นนักแสดง "ใหม่เอี่ยม" ยังแสดงแข็งเป็นท่อนไม้ และชิดจันทร์ (ฟองดาว) ที่ดูจะไม่ชิดกับบทสาวเรียบร้อยแสนดีและบทของทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ขบขันแล้ว ขอชื่นชมจริงๆ ว่าเขียนบทได้ฮาและนักแสดงทุกคนก็เล่นได้ฮาจริงๆ ฟิล์มขึ้นชื่อเป็นพระเอกคอมเมดี้เต็มตัวและได้รับบทบาทใกล้เคียงกันนี้ในละคร สวย เริ่ด เชิด โสด เช่นเดียวกับแพทที่บทบาทของช่อม่วงดูจะกลายเป็นภาพลักษณ์จนบทของสาวเรียบร้อยเจ้าน้ำตาในละคร สามหัวใจ ดูจะไม่ใช่ตัวเธอเอาซะเลย ในขณะที่พี่อ๊อฟ พงพัฒน์ (เสี่ยโจว) น้ากอบสุข (อาม่ากิมท้อ) น้าตุ๊ก ดวงตา (ยายแช่ม) และ พี่แหม่ม จินตรา (รื่นรมย์) เป็นนักแสดงมืออาชีพอยู่แล้ว การเข้าถึงบทบาทไม่ต้องเป็นห่วงเลย แต่พี่แหม่มเนี่ยนะ ใครจะคิดว่าเธอเล่นได้ฮากับเขาซะมากมายเหมือนกัน ยังมีครูอ้วน มณีนุช (หม่อมแจ่มใส) ที่บทบาทดูเคร่งเครียดเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่ว่าเวลาเข้าฉากกับนักแสดงอื่นๆ มันฮาเกินห้ามใจ เหลือเฟือ(พี่จั๊บ) ชูศรี (พี่มวล) อุ่นเรือน (พี่แป้น) และเขาทราย (พี่คล้าว) ทั้งหมดนี้ก็อย่างฮาหาใดมาเปรียบ มนัสนันท์ (ย้งยี้) นี่ก็ไม่คุ้นหน้าแต่ว่าฝีมือนางร้ายคอมเมดี้เรียกว่าเฉียบขาด รวมถึงการเขียนบทและการดำเนินเรื่องราวที่ปั่นป่วนสุดวุ่นวายและสุดฮาต้องยกนิ้วให้เจ้าของบทประพันธ์ และชื่นชมคนเขียนบทโทรทัศน์ และยกย่องฝีมือผู้กำกับด้วยที่รีดเค้นเอาลีลาสุดรื่นไหลและเฮฮาจากนักแสดงออกมาอย่างรื่นไหล เป็นตัวของตัวเอง เฮฮาได้อย่างน่ารักน่าชัง และเป็นธรรมชาติมากที่สุด



ทั้งหมดนี้ คือ มนต์รักข้าวต้มมัด ละครไทยที่รักอย่างสุดหัวใจ ไม่แพ้ละครเกาหลีหรือละครญี่ปุ่นเรื่องใดๆ ที่เคยเทใจให้เลย

และในที่สุด ก็เสร็จสิ้นโปรเจ็คต์ยักษ์นี้เสียที เป็นการเขียนบล้อกที่เหน็ดเหนื่อยจริงๆ แต่ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกอย่างที่สุด

มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด หวาน มันส์ สนั่นหัวใจจริงๆ

-จบบริบูรณ์-







 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:56:38 น.
Counter : 1949 Pageviews.  

มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 3



อ่านมนต์รักข้าวต้มมัด ยกที่ 1 และ ยก ที่ 2

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 1

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 2


ความสัมพันธ์ของลายไทและฟองดาวคืบหน้าไปเรื่อยๆ ลายไทไปแนะนำตัวรู้จักกับหม่อมแจ่มใส ที่ดูจะชื่นชอบลายไทเป็นพิเศษ และตงฉินก็ร้อนรนอิจฉา เพราะที่ตนเทียวไล้เทียวขื่อส่งข้าวสารมานาน ทั้งลดแลกแจมแถมและให้ฟรีๆ ยังไม่เคยได้รับความเอ็นดูจากหม่อมเหมือนกับที่ลายไทได้รับตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวขาเข้าไปในบ้านเพื่อแนะนำตัวกับหม่อม ลายไทกับฟองดาวพบปะคบหากันอย่างเป็นทางการผ่านสายตาผู้ใหญ่

ทางฝ่ายตงกับช่อก็ไม่น้อยหน้า ตงฉินเริ่มเข้านอกออกในบ้านข้าวต้มมัด คุ้นเคยกับยายแช่มและรื่นรมย์ จนเสียงเรียก "ยายครับ" และ "น้ารื่นครับ" ฟังดูสนิทชิดเชื้อกว่าที่เคยเป็น เพียงแต่สองคนคงไม่รู้ตัวถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องๆ เดียว นั่นคือทำอย่างไรลายไทกับฟองดาวถึงจะเลิกรากันได้ แล้วตงฉินก็คิดแผนหนึ่งออกมา ช่อม่วงได้ฟังถึงกับชมเปาะ

"ฉันไม่อยากคิดเลย ว่าแกจะคิดแผนที่มันเลวได้กว่าหน้าตาอีก" (นี่คือคำชม) "นี่ถ้าไม่เลวจริง คิดแผนนี้ไม่ได้หรอกนะตง" ( 5555 )
"คำถามคือ เราจะทำตามแผนนั้นได้ยังไง"
ตงฉินรีบให้คำอธิบาย

"แกอย่าลืมสิ ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เพื่อนของฉันคนนี้มันถนัดเรื่องยุแยงตะแคงรั่ว เสริมให้คนเค้าแตกแยกกัน ปากหวานก้นเปรี้ยว สุดยอดดด"
"เออ สุดยอดเลย ใครวะเพื่อนแกคนนี้"
"ก็เธอไง!"

เพื่อน ? แม้แต่สถานะก็เปลี่ยนแปลงไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้คำว่า 'เพื่อน' ดูจะห่างไกลจากความรู้สึก ไม่เคยอยู่ในความคิดคำนึง แต่ตอนนี้ตงกับช่อคงจะรู้อยู่แก่ใจพวกเขายอมรับการเป็นเพื่อนกัน มันอาจไม่ใช่ใช่แค่วันนี้ แต่ยาวนานก่อนหน้านี้ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเล็กๆ ในโรงเรียน



แต่ความที่ลายไทเป็นคนซื่อตรง ใจดีมีเมตตาและมองโลกผ่านสายตาในแง่ดีอยู่เสมอ และฟองดาวเองก็เป็นคนลักษณะเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าตงกับช่อจะพยายามทำให้สองคนเข้าใจผิดกันอย่างไร ลายไทกับฟองดาวก็ยังรักและเข้าใจกันดังเดิม ยังไม่นับที่แผนเกิดมุมหักกลับตาลปัตรทำให้ทั้งสองซาบซึ้งใจต่ออีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น ( ตงเอ๊ย ช่อเอ๊ย ช่างเป็นความพยายามที่น่าอนาถจริงๆ)

"ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเค้าสองคนถึงได้เลิกกันยากเย็นนัก"
"เค้าก็เลิกกันยาก พอๆ กับที่เราจีบเค้ายากนั่นแหละ"

รื่นรมย์เริ่มไม่สบายใจที่ช่อกับตงพยายามทำลายความรักของลายไทกับฟองดาว

"ทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีนะช่อ นี่ถ้าทำลายความรักของพวกเค้าไปแล้ว มารู้ตัวทีหลังว่าไม่ได้รักชอบเค้าจริงๆ แม่จะหัวเราะให้ฟันร่วง"
"โธ่ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วจ้าแม่ ช่อน่ะ ทั้งรัก ทั้งหวง ทั้งห่วงพี่ลายไท อยากให้พี่ลายไทมาเป็นแฟนช่อ ขอช่อแต่งงานแล้วเราก็รักกันชั่วนิรันดร"

เพราะลายไทกับฟองดาวยังเหนียวแน่น แผนของตงกับช่อจึงยิ่งแรงหนักข้อขึ้น

"ถ้าขืนพี่ลายไทยังเป็นแบบนี้นะ เราสองคนเหนื่อยแน่ แถมยายกับอาม่ายังเร่งงานแต่งงานของเราอีก นี่เหลืออีก 2 เดือนเองนะ จะทันมั้ยเนี่ย"

แล้วก็คิดแผนนั้นแผนนี้ขึ้นมาอีก ยุแยงแต่ละฝ่าย เป่าหูคนโน้นที คนนี้ที ตบซ้าย ตะล่อมขวา พยายามให้เรื่องลงร่องลงรอยตามแผนที่วางไว้ โทรคุยกัน นัดเจอกันมาปรึกษาหาความเล่าความคืบหน้าสู่กันฟังและเดินหน้าทำตามแผนอย่างไม่ย้อท้อ และแผนที่ทั้งสองคนลงมือทำนั้นยิ่งแรงหนักข้อขึ้น

"ฉันว่างานนี้นะ ไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้างหนึ่ง"
"เธอแน่ใจหรือยัยบะช่อ ฉันดูแล้วเนี่ย นายลายไทยังดูเข้าข้างคุณฟองดาวอยู่เลยนะ"
"ฉันเชื่อในฝีปากของฉัน คุณฟองดาวต้องคล้อยตามฉันอย่างแน่นอน ฟันธง!"
"ถ้าเกิดมันเป็นแบบที่เธอพูด มันก็ดี๊ ฉันจะได้วางใจซะที ถ้าเกิดเค้าสองคนเลิกกัน เราสองคนก็ได้มีความสุขกันซะทีนะยัยบะช่อ"

ตงฉินเผลอกอดไหล่ช่อม่วงดั่งเพื่อนสนิทคุ้นเคย เพราะมัวแต่ดีใจกับแผนที่มีแนวโน้มจะสำเร็จช่อม่วงเองก็เผลอไปขณะหนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้มองหน้ากันผลักทิ้ง แล้วกระเถิบถอยห่าง


สองคนจากเคยเป็นศัตรู ตอนนี้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกันคือยกเลิกการแต่งงานและได้คนที่ตนคิดวารักมาครองคู่ ต่างผนึกกำลังกันเต็มที่เพื่อหมกมุ่นกับการทำภารกิจ 'สร้างความร้าวฉานคืองานของเรา' งัดสารพัดวิชามารออกมาใช้จนหมดไส้หมดพุง ทั้งเล่ห์ ทั้งกล ทั้งมนต์คาถา(ถ้ามี) ไม่เหลืออีกแล้วคุณธรรมมโนธรรม ขอแค่ฟองดาวกับลายไทแตกคอกันให้เร็วที่สุด

ใจจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องของฟองดาวและลายไทจนลืมตัวเอง ต่างไม่รู้ตัวเลยว่าความใกล้ชิดที่มีต่อกันได้หลอมละลายความเป็นศัตรูไปทีละเล็กละน้อย จากอริกลายเป็นเพื่อนที่คุ้นเคย เข้าใจ เห็นอกเห็นใจและรู้สึกดีต่ออีกฝ่ายทีละเล็กทีละน้อย เพราะมีภารกิจให้ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เจอกันทุกวันจนไม่ทันคิดว่าหากวันหนึ่งไม่ได้มาเจอหน้ากันเหมือนช่วงเวลาเหล่านี้ ความรู้สึกจะเป็นอย่างไร สองคนตงกับช่อยังไม่รู้หากวันไหนต้องห่าง แรงฤทธิ์ความคิดถึงจะเล่นงานขนาดไหน ตอนนี้ยังไม่รู้ตัวก็ซ่าส์กันต่อไปเพื่อพิสูจน์คำกล่าวที่ว่า ' ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น'



สองคนแอบตามมาดูเหตุการณ์(ตามแผน) ที่บ้านหม่อมแจ่มใส ในสวนที่ช่อม่วงแอบดูอยู่ ตงฉินเห็นหม่อมแจ่มใสเดินมากลัวว่าจะถูกจับได้ คว้าตัวช่อม่วงหลบ เจ้าตัวไม่ทันระวังจึงหน้าคะมำมาชนหน้าตงฉิน ตงฉินลูบแก้มที่โดนปากน้อยๆ ของช่อม่วงสัมผัส ด้วยอาการขยะแขยง

"หมดกัน อีกแล้ว นี่ยัยบ้าฉันเผลอแป๊บเดียวหลอกแต๊ะอั๋งฉันเลยหรือไงวะ"
"ใครอยากไปแต๊ะอั๋งแกฮะ แล้วไม่ต้องมาทำท่าทางรังเกียจฉันเลยนะไอ้ตง"
"นี่ ฉันไม่ได้ทำหรอกนะ แต่ฉันน่ะรังเกียจเธอจริงๆ"
ช่อม่วงทนคำพูดร้ายกาจแบบนั้นไม่ได้ สองมือกาง สิบนิ้วข่วนแคว่กลงบนใบหน้าของตงฉิน พร้อมทั้งขยุ้มบีบคอ เร็วยังกะวอกเกินกว่าที่ตงฉินจะป้องกันได้จึงคว้าคอช่อม่วงบีบมั่ง ยื่อกันไปมาจนกระทั่งหม่อมเดินมาใกล้บริเวณนั้นสองคนจึงชะงัก
"หยุดเดี๋ยวนี้นะยัยช่อ ลืมไปแล้วเหรอว่าเรามาทำอะไรกัน"
"เออ ลืมไปเลยว่ามีภารกิจสำคัญ วันหลังน่ะแกอย่ามาปากเสียอีกนะโว้ย"
"เออ ถือว่าสะเดาะเคราะห์ก็ได้วะ"

ช่อม่วงหันขวับ แม้จะขัดใจแต่ต้องทนข่มเอาไว้เพื่อเรื่องที่สำคัญกว่า

ต่อให้แผนพลิกสักกี่ครั้ง ต่อให้แผนหักมุมทำให้ลายไทและฟองดาวรักกันมากขึ้นสักกี่หน แต่หากคนเราไม่ละทิ้งความตั้งใจ สู้ต่อไป ต่อไป อย่าได้หยุด อย่าได้ยั้ง สุดท้ายมันก็สำเร็จ (จนได้) ความหนักแน่นมั่นคงของลายไทและฟองดาวที่ว่าทนทายาดยังต้องพ่ายแพ้ให้กับความร้อยเล่ห์เพทุบายและความดื้อด้านมหาอึดของตงฉินและช่อม่วงในที่สุด เฮ้อ ..... สำเร็จซะทีวุ้ย สองคนตงกับช่อตีมือกันด้วยความดีใจ



น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วใจอ่อนๆ ของลายไทและฟองดาวจะไม่กร่อนเพราะลมร้ายที่คอยเป่าหูอยู่ทุกครั้งได้ไง คนสองคนที่รักกันต้องเลิกรากันไปทั้งที่ยังรัก อกกลัดหนองและน้ำตานองหน้าด้วยน้ำมือมารที่ชื่อตงฉินและช่อม่วง

ปิศาจสองตนชนแก้วน้ำปั่นฉลอง ณ สะพานไม้ริมคลองที่เคยสิงสถิต

"เย้! ในที่สุดสองคนนั้นเค้าก็ลิกกันแล้ว"
"อ๊ะ แน่นอน นี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแผนของเรามันจะเริ่ดขนาดนี้นะตง"
"เฮ้ย เออ สองคนนั้นเค้าเลิกกันแล้ว แล้วเราล่ะ แล้วเรา ทำอะไรกันต่อดี"

คำถามที่ไม่เคยคิดมาก่อนหลุดออกมาจากปาก ช่อม่วงและตงฉินมองหน้ากัน เนื่องจากไม่เคยคิดสงสัยจึงไม่เคยนึกหาคำตอบไว้ด้วยเช่นกัน

"อ้าว แล้วไงต่อล่ะ" ช่อม่วงถามกลับ ตงฉินอึ้ง ช่อม่วงก็อึ้ง ก่อนจะรีบหาคำตอบมาแก้สถานการณ์ติดขัดนี้

"เออ ก็นี่ ในเมื่อเค้าเลิกกันแล้ว แกก็ไปจีบคุณฟองดาวเค้าต่อเลยดิ แกน่ะอยากเป็นแฟนกับคุณฟองดาวเค้าไม่ใช่เหรอ"
"เออ ใช่ๆๆๆ" ตงฉินเออออด้วยเสียงกุกกัก และสีหน้าก็ดูไม่ได้ลิงโลดดีใจอย่างที่ควรเป็น

"เธอก็เหมือนกัน ไปเดินหน้าจีบนายลายไทเลยสิ รีบไปทำคะแนนเลย เธอน่ะ อยากได้นายลายไทให้สมใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"

คำตอบของตงฉิน ช่อม่วงก็ไม่ได้ฟูฟ่องดีใจเช่นกัน "เออ เหรอๆๆ อยู่แล้วๆ" อึกอักรับคำ ก่อนจะผุดลุกขึ้น ช่อม่วงชักอยากจะไปให้พ้นสถานการณ์กระอักกระอ่วนที่หาสาเหตุไม่ได้เหล่านี้

"เออ เฮ้ยๆ งั้นเราสองคนก็แยกทางกัน แกก็รีบไปหาคุณฟองดาวไปปลอบใจเค้า"

ตงฉินคว้าแก้วน้ำปั่นสองแก้วของตนและของช่อม่วงมาถือ แล้วลุกขึ้นยืนเช่นกัน

"เออ เธอก็รีบไปปลอบใจนายลายไทเหมือนกันเลย"

"งั้นเราสองคนก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกแล้วไง ก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีกแล้ว จะดีไหม ดีไหม ฮะ " ช่อม่วงถามย้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจว่าการไม่เจอกันจะดีจริงหรือเปล่า ตงฉินอึกอัก คำพูดชักจะขาดคำเป็นห้วงๆ เสียงไม่ปะติดปะต่อ

"ใช่ .. เพราะว่าเราสองคน ...เกลียดกัน" คำว่า 'เกลียด' ของตงฉินก็น้ำเสียงไม่มั่นใจ เอ่ยไม่เต็มปากและย้ำถามไปกับอีกฝ่ายเหมือนอยากให้ยืนยันคำตอบ "ใช่ไหมล่ะ" ช่อม่วงก็พยายามเต็มที่ที่จะพ่นคำนั้นออกมา

"ใช่ดิ ฉันน่ะ เกลียดแก จะตายไป"
"เออ ฉันก็ ..เกลียดเธอ เหมือนกัน อย่างงั้น เธอรีบๆ กลับบ้านไปเลยไป" "เอ้า นี่" ตงฉินยื่นแก้วน้ำปั่นส่งให้ ช่อม่วงรับไปแกนๆ
"เออ ...เกลียดกัน" ช่อม่วงส่งเสียงดังเหมือนจะย้ำคำว่า เกลียดเข้าไปในหัวใจของตัวเอง ก่อนจะร้องบอกตงฉิน "ไปแล้วโว้ย"
"ไปเลย" ตงฉินส่งเสียงตาม แต่ต่างคนต่างแอบมองตามหลังกันด้วยดวงตาลอยละห้อยหา ก็วันนี้เพิ่งจะเจอกันแป๊บๆ แต่ดูเหมือนว่าตงและช่อไม่มีเรื่องอะไรต้องพูดจากันอีกต่อไปแล้ว



ทำให้คนเค้าเลิกกันได้ดังหวัง สมความตั้งใจที่เพียรพยายามมาตั้งนาน แต่ไหงกลับเข้าบ้านด้วยอาการเซซังเหมือนคนอกหัก เห็นแว่บเดียว ยายแช่ม รื่นรมย์ และพี่แป้นก็บอกได้ทันทีว่าช่อม่วงวันนี้ดูหงอยเหงาผิดปกติ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนนอนแม่ผู้ห่วงใยจึงเข้ามาดูอาการ เห็นช่อม่วงนั่งซึมอยู่บนเตียงก็ถามไถ่

"ไงเรา ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ทำให้ลายไทกับฟองดาวเค้าเลิกกันไม่สำเร็จล่ะสิ"
"ใครว่าล่ะแม้ สองคนนั้นเค้าเลิกกันแล้วน้า" ช่อม่วงลากเสียง
รื่นรมย์ยิ่งประหลาดใจ "อ้าว! แล้วทำไมดูช่อไม่มีความสุขเลยล่ะลูก"
ช่อม่วงก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ฝืนร่าเริงตอบ
"ใครว่าล่ะแม่ ช่อมีความสุขจะตาย"
"นี่ยัยช่อ แม่เลี้ยงแกมาแต่เล็กจนโต ทำไมจะดูไม่ออกว่าแกกำลังมีความทุกข์หรือมีความสุข" สิ่งที่รื่นรมย์คาดว่าจะเกิดขึ้น คงเกิดขึ้นแน่แล้ว 'เดี๋ยวก็ดีกัน เดี๋ยวก็ตีกัน เดี๋ยวก็ตัดกันไม่ขาดหรอก' รื่นรมย์เคยบ่นเด็กสองคนไปอย่างนั้น และท่าทางมันจะเป็นจริงแล้วตอนนี้

"แต่เอาเถอะแม่อยากให้เราลองคิดดูให้ดีๆ ละกัน ว่าความสุขของเราคือการได้ลายได้มา หรือเป็นเพราะว่าเราได้ใกล้ชิดกับใครบางคนกันแน่"

ทางฝ่ายตงฉิน จั๊บก็สังเกตเห็นอาการซึมกระทือเหมือนกัน ปากบอกว่ามีความสุข แต่สีหน้าดูจะไม่ใช่
"ผมว่าสีหน้านายน้อยไม่เห็นจะมีความสุขเลย" ตงฉินแสร้งทำหัวเราะเสียงดังลั่น และยืนยันความสุขความพอใจที่ฟองดาวเลิกกับลายไทซะได้ แต่จั๊บก็ยังขัดด้วยความคิดเดิม
"คนที่เค้ามีความสุข เค้าไม่ต้องฝืนกันขนาดนั้นหรอกครับนายน้อย"
"ฝืนอะไร ใครฝืน"ตงฉินเถียง และลุกหนีจั๊บที่สายตาจ้องจับสังเกต

"ถ้าเกิดว่านายน้อยดีใจ ผมก็ดีใจด้วย แต่ถ้าหากว่ามันไม่ใช่ เปลี่ยนใจก็ยังทันนะครับ เพราะนอกจากนายน้อยจะได้ไม่ทำบาปที่คำให้คนอื่นเค้าเลิกกัน นายน้อยอาจจะค้นพบอะไรบางอย่างที่เหมาะสมกับตัวนายน้อยเองก็ได้นะครับ"

แววตาของตงฉินกระตุกกับคำพูดของจั๊บ เต็มไปด้วยความรู้สึกเพียงแต่มันยากจะรับรู้และยอมรับได้



ความหงุดหงิดที่กวนใจอยู่นี่ เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างที่พยายามที่จะทำความเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ ตงฉินมองโทรศัพท์มองแล้วมองอีก เผื่อว่ายัยช่อจะโทรมาหรือบางทีเขาก็โทรไปเพื่อพูดคุยกันเหมือนเช่นทุกวัน แต่ตอนนี้ลายไทก็เลิกกับคุณฟองดาวแล้ว ถ้างั้นจะมีเรื่องอะไรให้คุยกันอีก กระวนกระวายกับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงโดยปราศจากเสียงเรียกเข้า มันหงุดหงิดเสียจริง แล้วก็ทนไม่ไหว ตงฉินตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร

เสียงเรียกเข้า ทำให้ช่อม่วงที่เดินไปเดินมาด้วยความวุ่นวายใจอย่างไร้สาเหตุชะงักกึก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเขม้นมอง เมื่อเห็นว่าใครโทรมา ก็ยิ้มออกทันที ตั้งสติวางฟอร์มเต็มที่ก่อนรับสาย

"อะฮึ่ม" ช่อม่วงกระแอมเสียงรับโทรศัพท์
"ฮัลโหล ช่อม่วงเหรอ"
"ไง นี่ โทรมาทำไมนี่ฮะ โว้ย คนเค้าจะหลับจะนอน นี่ไม่ได้มีความเกรงใจคนอื่นเค้าบ้างหรือไงฮะไอ้ตง"
"นี่ ยัยช่อ ฉันก็ไม่ได้มีความพิศวาสอยากคุยกับเธอนักหรอก แต่ว่าฉันเพิ่งนึกออก...." ด้วยกลัวจะเสียฟอร์ม ตงฉินรีบบอกเรื่องที่พอจะเป็นสาเหตุให้โทรมาหาช่อม่วงได้ นั่นก็คือ เมื่อลายไทกับฟองดาวเลิกกันแล้ว นายชินคนงานในไร่ของลายไทก็ไม่มีบทบาทความจำเป็นอีกต่อไป เขาบอกช่อม่วงว่าพรุ่งนี้จะไปลาออกจากไร่ และให้ช่อม่วงปิดปากเรื่องนี้ให้สนิทด้วย แล้ววางสายไปทันที

กดวางไปแล้ว ตงฉินก็เสียดาย ที่ตัวเองรีบวางสาย แล้วมองโทรศัพท์ด้วยอาการหงอยๆ ช่อม่วงก็เหมือนกัน เมื่อครู่เพิ่งจะดีใจอยู่หยกๆ ที่ตงฉินโทรมา พูดสองสามประโยคแล้ววางสายแบบนี้ เหมือนดีใจค้าง ช่อม่วงมองโทรศัพท์ลังเล ก่อนจะตัดสินใจเป็นฝ่ายโทรไป

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในมือทำให้ตงฉินสะดุ้ง ตื่นเต้นที่ช่อม่วงโทรกลับมาจนมือไม้สั่นทำโทรศัพท์เกือบหลุดมือ ใบหน้านั้นเปื้อนรอยยิ้มแบบกลั้นไว้ไม่อยู่ ก่อนจะทำเสียงกวนๆ ตอบกลับไป
"ฮาโหล โทรมาทำไมเนี่ยฮะ" แต่เมื่อรับสายก็วางฟอร์มเหมือนเดิม ช่อม่วงกลัวเสียฟอร์ม รีบบอกเรื่องที่พอจะเป็นข้ออ้างของการโทรมาเหมือนกัน คือเรื่องที่เธอจะไปลาออกจากการเป็นลูกศิษย์ของฟองดาว เพราะ 'มะม่วง' ก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป กำชับตงฉินไม่ให้ปากโป้งถึงเรื่องนี้ด้วย

ต่างคนต่างรู้ว่าหมดเรื่องพูดแล้ว ตงกลัวช่อจะวางสาย รีบหาเรื่องมายื้อเอาไว้
"เฮ้ย ไม่มีอะไรแล้วเหรอ"
ช่อม่วงพยายามนึก แต่ก็ ... "ไม่มี"
"เฮ้ย นึกดูดีๆ ดิ๊ เผื่อมันมีอะไร " ตงพยายามยื้อไว้อย่างเต็มที่ " เพราะถ้าฉันนอนหลับไปแล้ว ฉันไม่รับสายนะโว้ย"
ได้ยินอย่างนั้น ช่อม่วงก็ฉุน "ไม่มีแล้วโว้ย" นึกแล้วนึกอีกมันก็ไม่มีจริงๆ อุตส่าห์เปิดฟอร์มให้ ยัยช่อก็ยังไม่มีเรื่องจะพูดอีก มันน่าขัดใจดีแท้ " เออ ไม่มีก็ไม่มี งั้นฉันนอนละนะ" เอ่ยไม่เต็มเสียงนัก ตงฉินพูดอย่างนั้น ช่อม่วงก็พูดไม่ออก ตงฉินยังรอหวังว่าช่อม่วงจะพูดอะไร แต่เธอกดวางสายไปเงียบๆ แล้วสองคนก็ต่างถือโทรศัพท์ จ้องมองมันแล้วต่างคนก็ต่างเศร้า



นายชิน ไปลานายไท มะม่วงไปลาครูฟองดาว ต่างคนต่างก็พบว่าทั้งลายไทและฟองดาวอยู่ในสภาพของคนเสียใจยับเยินขนาดไหน จากน้ำมือของตัวเอง

ตงฉินรู้สึกผิด และมานั่งซึมอยู่ที่สวนสาธารณะที่เก่า สายตาก็มองหาคนที่เคยอยู่ที่นี่ด้วยกันเสมอ ช่อม่วงก็ไม่ต่างกัน ซึมเซามาที่สวนเพราะรู้สึกผิดต่อความเสียใจของฟองดาวที่ยังขังตัวเองอยู่ในห้องและร้องไห้ไม่หยุด เห็นช่อม่วงเดินคอตกมา ตงฉินแอบยิ้มด้วยความดีใจ ช่อม่วงเห็นตงฉิน ก็ถอนใจ
"เฮ้อ เบื๊อเบื่อ" เป็นการระบายความรู้สึก ไม่ได้จะหมายถึงเบื่อตงฉิน แต่อีกฝ่ายทั้งที่ลอบยิ้มเมื่อได้เห็นหน้า กลับแสร้งทำอีกอย่าง ให้ช่อม่วงได้ยิน
"เฮ้อ เซ็งขึ้นมาเลย! มาที่นี่ เหมือนกันเหรอ""ก็ .. ไม่รู้จะไปไหน" ช่อม่วงตอบเบาๆ ด้วยอารมณ์ไม่อยากทะเลาะด้วย นั่งลงข้างๆ ที่ม้านั่งตัวเดียวกันสีหน้าหงอยๆ
"เหมือนกันเลย" ตงฉินยอมรับเหงาๆ เช่นกัน

สองคนต่างปรับทุกข์เรื่องของลายไทและฟองดาวด้วยความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้น ต่างคนต่างเป็นห่วงกลัวฟองดาวและลายไทจะคิดสั้น แต่พูดกันไปไม่กี่คำ คำพูดของแต่ละฝ่ายก็ชักจะผิดหู และเริ่มกล่าวหาอีกฝ่าย ช่อม่วงอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งโกรธง่ายกว่าปกติ ผุดลุกขึ้นยืน เห็นช่อลุกขึ้นตงก็ใจหาย (ก็เพิ่งจะได้เจอหน้าไม่กี่นาทีแท้ๆ) แต่พยายามซ่อนสีหน้าเอาไว้

"หนอย ไอ้ตง มาหาว่าฉันโทษแกเหรอ เออ ! ได้! ต่อไปนี้นะ ฉันจะเลิกโทษแก แล้วเราสองคนก็ต่างคนต่างไป ไม่ต้องมายุ่งกันอีก"
ไอ้ตงก็โกรธเป็นเหมือนกันนะ แล้วตอนนี้ไม่ใช่แค่โกรธมันแฝงความน้อยใจไว้ด้วย

"เออ! เดี๋ยวต่อไปนี้ มีอะไรไม่บอกเลยสักเรื่อง ดีเหมือนกัน" พูดออกมาอย่างนั้น ช่อก็ใจหายเหมือนกันนั่นแหละ
"เธอไปเลยไป ไม่อยากเห็นหน้า"
"แกก็ไปก่อนดิ" ช่อม่วงเถียง
"ฉันมาก่อนนี่" ตงฉินไม่ละละ เอาสิ งานนี้ให้มันรู้ไป ใครจะชนะ
"ก็ฉันมาทีหลัง" (ฉันมาทีหลัง แกก็ต้องไปก่อนสิ ช่อคงอยากจะบอกอย่างนั้น)
"โอ้โห่ ขึ้นเลย" ตงขึ้นเสียง ช่อก็มีโมโห
"ขึ้นเหมือนกันโว้ย " เพื่อจะข่มอีกฝ่ายให้ได้ ช่อโดดขึ้นไปยืนบนม้านั่งหน้าตาเอาเรื่อง "ทำไม ฮะ"

( เพราะฟิล์มนั้นตัวสูง ปกติเวลาเถียงกันเอาเป็นเอาตาย มักจะก้มตัวลงมาเพื่อจ้องหน้าจ้องตาแพท ที่ตัวเล็กๆ บางๆ สูงแค่ปลายคางของฟิล์ม การที่แพทขึ้นไปยืนบนม้านั่งทำให้อยู่สูงกว่าฟิล์มเล็กน้อย เป็นฝ่ายที่ได้ชะโงกหัวลงมาข่มมั่ง แม้ว่าจะสูงกว่าแค่เพียงเล็กน้อย แต่มันเป็นภาพที่น่ารักมาก )

"งั้นไปพร้อมกันแปะ" ตงฉินตัดสิน ต่างคนต่างแยกไปคนละทาง ด้วยขาที่ก้าวเดินห่างออกไปแบบไม่เป็นใจนัก ต่างลอบหันหลังกลับมามองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าซึมๆ


ไม่มีเรื่องจะคุยกัน ไม่มีเรื่องจะเจอกัน และไม่ได้เจอกัน ทำให้ตงฉินต้องดิ้นรนหาทางออก ด้วยการไปยังที่ที่คาดหวังว่าจะเจอช่อม่วง แอบมาด้อมๆ มองๆ ที่บ้านของลายไท พอถูกพี่มวนจับได้ก็อ้างว่ามาหาลายไท แล้วก็อดไม่ได้
"เออ พี่ครับ ช่วงนี้ ยัยช่อมาที่นี่บ้างหรือเปล่าครับ" พอได้คำตอบว่าไม่ รอยยิ้มก็ผุดพรายแต่ตงพยายามกลั้นเอาไว้ อ้างไปแล้วว่ามาหาลายไท เลี่ยงไม่ได้ตงฉินก็ต้องเข้าไปพบ ลายไทไม่เข้าใจว่าตงฉินมาหาตนทำไม ตงอ้างว่ามาซื้อกล้วย เห็นสภาพลายไทแล้วตงฉินก็อดสงสารไม่ได้ พยายามปลอบใจลายไท นึกถึงช่อม่วงขึ้นมา วูบหนึ่งของความรู้สึกปรารถนาดี ตงฉินจึงพูดให้ลายไทได้คิด ถึงความดีงามและความรู้สึกดีๆ ที่ช่อม่วงทุ่มเทให้ลายไทด้วยความรัก

ช่อม่วงก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน ทำทีไปติดต่อซื้อบ้านฟองดาวที่เคยประกาศขาย แกล้งทำไม่รู้ว่าการประกาศนั้นได้ยกเลิกไปแล้ว และถือโอกาสเลียบเคียงถามถึงตงฉิน เมื่อรู้ว่าตงไม่ได้มา และความสัมพันธ์ของตงกับฟองดาวไมได้มีอะไรคืบหน้าไปจากเมื่อก่อน ช่อก็แอบดีใจ แต่ข้างในลึกๆ ก็เกิดความสงสาร ช่อม่วงอยากช่วย จึงพูดถึงตงฉินในแง่ดีๆ ให้ฟองดาวได้ฟัง และบอกอ้อมๆ เป็นการหว่านล้อมให้ฟองดาวได้คิดและเข้าใจซะทีว่า ตงฉินมีใจให้และแอบรักฟองดาวมาเนิ่นนาน



ความคิดถึงมันรุนแรงขนาดไหน ไอ้ตงคงไม่รู้และไม่เข้าใจว่ามันคือความคิดถึง ก็แค่ .. อยากจะเห็นหน้าให้มันหายหงุดหงิด

ช่อม่วงที่ระเบียงบ้านตอนค่ำคืนก็นั่งหงอยกับโทรศัพท์ รอ และ รอ เผื่อว่าจะมีใครโทรมาบ้าง แต่ ... ไอ้ตง ก็ไม่โทรมา

เสียงร้องและเสียงอะไรหนักๆ ตกจากที่สูงดังพลั่กอยู่ริมรั้ว ช่อนึกว่าโขมย รีบออกมาดูคว้าท่อนไม้มาด้วย ตงพยายามสุดชีวิตที่จะหนีไปจากสถานการณ์อันน่าอับอายนี้ แต่ว่าตกต้นไม้ มันจุก มันเจ็บ นอนคลุกดินคลุกหญ้าลุกไม่ขึ้น ช่อม่วงถามเสียงดังว่าใคร ตงไม่ตอบ ช่อเตรียมเงื้อไม้เต็มที่ ดีนะ ที่ยังไม่ทันฟาด เห็นหน้าซะก่อน

"มาปีนต้นไม้แอบดูยัยช่อทำไม" ยายแช่มตั้งคำถาม ขณะที่รื่นรมย์นั่งทายาบีบนวดหลังให้ตงฉินที่อึกอักพูดไม่ออก
"อ่าๆ ไม่ต้องพูด ยายพอจะมองออก เขินล่ะซี้ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงน่ะฮื้อออ">"นี่ เอางี้ไหมล่ะ พรุ่งนี้ยายจะชวนอาม่านะ ไปหาฤกษ์แต่งงานให้เราสองคน เอาให้เร็วที่สุดเลย จะได้ทนใจโจ๋ ดีป่ะล่ะ"

ก่อนจะเสียฟอร์มไปมากกว่านี้ ตงฉินรีบแย้ง
"ผมยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้หรอกครับ"ช่อม่วงได้ยินดังนั้น ถึงจะหน้าบึ้งตึง แต่ดวงตาวามแววเหมือนจะมีน้ำตาขึ้นมารื้นๆ
"ทำไมฮะ ฉันเองก็ไม่อยากแต่งตอนนี้เหมือนกัน นี่ยายจ๋า ไม่ต้องไปขอฤกษ์เลยนะ ยกเลิกมันไปเลยได้ยิ่งดี"
ตงฉินได้ยินคำว่า 'ยกเลิก' ก็ฮึดฮัดขึ้นมาทันที

"แหมมมม 'ยกเลิก' นี่เธอนึกว่าฉันอยากแต่งงานกับเธอนักหรือไงฮะ"
"พูดยังงี้ หมายความว่าไงฮะ ไอ้ตง" ช่อม่วงโกระพุ่งเข้าหาตงฉินสองมือจิกขยุ้มตรงหน้าอกตงฉินที่ร้องจ๊าก ตัวบิดด้วยความเจ็บปวดที่ยัยช่อมอบให้ เดือดร้อนรื่นรมย์ ยายแช่ม และพี่แป้นเข้ามาห้ามปราม พี่แป้นนั้นกอดเอวช่อม่วงรั้งไว้

ยายแช่มออกจะงุนงงกับเด็กๆ นัก ตงฉินคิดถึงช่อม่วงแน่นอน ไม่งั้นจะลงทุนมาปีนต้นไม้แอบดูยัยช่อทำไม แต่ปากก็บอกว่าจะไม่ยอมแต่งงาน แล้วก็ยังทะเลาะกันอีก เฮ้อ วัยรุ่นสมัยนี้ เอาใจไม่ถูก

ตงฉินลากลับ ช่อม่วงออกมาส่ง หรือที่จริงคือการตามมาเอาเรื่องนั่นเอง

"สาระแน มาแอบดูฉันทำไม"
"ฉันเนี่ยนะ สาระแนมาแอบดูเธอ ฉันน่ะ ไม่มีดวงตาไปพิศวาสร่างกายของเธอหรอกนะยัยบะช่อ ฉันก็แค่..." คนเถียงข้างๆ คูๆ มันจะเถียงไปเนียนๆ ได้อย่างไร ก็ต้องมีอึกอักกันบ้าง และจะว่าไปแล้วตงฉินก็ไม่รู้เหตุผลว่าเขาทำเรื่องขายหน้าแบบนั้นทำไม
"ก็แค่อะไร"
"ก็แค่อยากรู้ความเคลื่อนไหวของศัตรู" (ดำน้ำไปได้ขุ่นๆ)

ช่อม่วงได้ยินคำว่าศัตรู ก็ยกเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับลายไทมาเยาะเย้ย ช่อกับลายไทอยู่บ้านติดกัน ช่อวิ่งเล่นในสวนของลายไทมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งลายไทอกหักยิ่งเป็นโอกาสของช่อม่วงเต็มที่ จริงๆ แล้วช่อมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับลายไทดีกว่าตงฉินกับฟองดาวเยอะ แต่จะให้ยัยบ้านี่มาข่มได้อย่างไร ตงฉินไม่ยอมแพ้จึงเกทับช่อม่วงเรื่องที่เข้าไปดามอกดามใจของฟองดาวตอนเศร้าเสียใจกอดเธอไว้แนบอก ให้ช่อม่วงได้ฟังบ้าง ได้ยินตงฉินพูดถึงฟองดาว ช่อม่วงหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ อารมณ์อยากเอาชนะทำให้ตงและช่อไม่ได้สังเกตความรู้สึกของกันและกัน อะไรก็ตามที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกพ่ายแพ้ ไม่ว่ามันจะจริงหรือเท็จก็พร้อมจะพ่นมันออกมาโจมตีคู่ต่อสู้

"เออ แกกลับบ้านแกไปเลยนะโว้ย ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก"พอหมดแรงจะเถียง ช่อม่วงก็ออกปากไล่ ไอ้ตงไม่เห็นมีอะไรต้องแคร์ (แต่สีหน้าแคร์เต็มๆ) เห็นหน้าไม่ทันไร คำก็ไล่สองคำก็ไล่ ไปก็ได้วะ
"ฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าเธอเหมือนกัน" ตงฉินร้องตอบ

ช่อม่วงพยายามจะแก้ไขความผิดที่ทำให้ลายไทและฟองดาวต้องเสียใจ เช่นเดียวกับตงฉินที่พยายามอยู่เช่นกัน แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะสิ่งที่ลายไทคิดคือ

"พี่รู้แล้วว่าไม่มีใครรักพี่เท่าน้องช่ออีกแล้ว"



ทางด้านฟองดาวก็เปิดใจให้ตงฉินมากขึ้น ทั้งที่ตงฉินไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นอีกแล้ว เหตุเพราะเขายังดิ้นรนให้หลุดพ้นจากความรู้สึกบางอย่างที่รบกวนจิตใจอยู่ตอนนี้ไม่ได้เลย

ตงกับช่อพบกันอีกที่สะพานไม้ข้ามคลองในยามค่ำคืน สองคนระบายความทุกข์ที่ลายไทกับฟองดาวดูจะไม่หันหลังกลับมามองหน้ากันอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าตงและช่อยินยอมจะพ่ายแพ้และสนับสนุนให้ทั้งสองคนกลับไปคืนดีกันก็ตาม

ยิ่งนานวัน ความเสียใจก็ยิ่งพอกพูน ลายไทหันไปพึ่งเหล้าและพยายามดิ้นรนให้พ้นไปจากความเจ็บปวดเหล่านี้ ช่อม่วงคือหนทางที่ลายไทมองเห็น ลายไทต้องการจะแต่งงานกับช่อม่วง คนที่รักเขาและคอยอยู่เคียงข้างมาตลอด คำพูดจากปากของลายไทขณะเมา ลือสะพัดไปทั่ว ถึงหูพี่คล้าวที่เดือดร้อนใจ แต่ไม่มากไปกว่าตงฉินที่พยายามจะหัวเราะร่าอยู่หรอก


เมื่อช่อม่วงได้ยินข่าวลือ มาถามเอาความจริงกับลายไท พี่ลายไทที่เคยใฝ่ฝันนักหนาก็ยืนยันความตั้งใจที่จะแต่งงานกับช่อม่วงและบอกกล่าวเธอเรื่องที่ได้ติดต่อผู้ใหญ่เตรียมไปสู่ขอ ช่อม่วงถามหาเหตุผลที่ลายไทต้องการจะแต่งงานกับตน "เพราะน้องช่อรักพี่" นั่นคือเหตุผลที่ดีพอหรอกหรือที่ช่อม่วงจะยอมแต่งงานกับคนๆ หนึ่ง เพราะพี่ที่รักน้องน้องช่อนั้น เป็นรักแบบไหนกัน แต่แล้วลายไทก็หลุดปากเรื่องที่ตงฉินได้พูดจาบางอย่างที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจแต่งงานของลายไทครั้งนี้

"ไอ้ตง สาระแนจริงๆ เลย ใหญ่โตมาจากไหนถึงมาตัดสินใจแทนคนอื่นเค้า"

จะด้วยเหตุอะไร ใครจะรู้ ช่อม่วงถึงบังเกิดความรู้สึกทั้งโกรธทั้งน้อยใจกับแค่ตงฉินจะสนับสนุนให้ช่อได้รักกับลายไท ในเมื่อช่อม่วงก็พูดอยู่ตลอดเวลาว่ารักและลายไท และแผนการณ์ที่ร่วมมือกันมาทั้งหมดก็เพื่อความรักที่มีต่อลายไท

"น้องช่อจ๊ะ ว่าไงจ๊ะ ตกลงน้องช่อจะแต่งงานกับพี่ไหม"

'ได้ ไอ้ตง แกอยากให้ฉันแต่งงานกับพี่ลายไทนักใช่มะ'
"แต่งค่ะ!"

ช่อม่วงเดินหน้าเต็มกำลังด้วยความโกรธตงฉินเป็นแรงผลักดัน มีแต่ไอ้ตงเท่านั้นแหละที่ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง

ขีดจำกัดความอดทนของอาม่าและยาย ฟางเส้นสุดท้ายที่หลุดลอย



ครอบครัวของฟองดาวมีปัญหาเรื่องการเงิน ตงฉินจึงชวนช่วยให้ฟองดาวได้มาทำงานที่โรงสี แม้เตี่ยและอาม่าจะไม่เต็มใจนัก ฟองดาวที่มีปมเจ็บช้ำมากจากลายไปก็พร้อมยินดีจะอดทนและเอาชนะใจผู้ใหญ่ทั้งสอง ตงพาฟองดาวมาทำงานวันแรก หลังจากเตี่ยเรียกฟองดาวไปทำงานแบบไม่เต็มใจนัก และอาม่าก็สำทับฟองดาวอย่างเข้มงวดอีกคำรบหนึ่ง อาม่าก็เรียกจั๊บให้ไปส่งที่บ้านคุณยายแช่ม ตงฉินที่ไม่มีเหตุ ไม่มีเรื่องจะไปหาช่อม่วงมาสักพักใหญ่ ออกอาการ ตาโต หูผึ่งทันที

"อาม่าครับ อาม่าจะไปทำอะไรหรือครับ"
"อาม่าก็จะไปหาคุงพี่แช่มน่ะเส่ะ จาปายคุยเรื่องอาคุงหนูช่อ ทำมาย ลื้ออยากไปด้วยเหรอ"

ตงตั้งท่าจะปฏิเสธแต่อาม่ารีบตัดบทสั่งให้จั๊บไปช่วยงานเสี่ยโจวและสั่งให้ตงฉินขับรถไปส่งแทน อาม่าไม่สนใจตงฉินที่วางฟอร์มส่งเสียงบ่นเดินตามหลัง

"โอ่โห่ อาม่าครับ ผมไม่อยากไปเลย" แต่สีหน้าดีใจ รอยยิ้มผุดพราย กระทุ้งแขนราวกับจะร้อง oh yes! ออกมายังไงยังงั้นเลย ตงไปส่งอาม่าที่บ้านยายแช่มแต่ก็วางฟอร์มไม่ยอมเข้าไปในบ้าน ได้แต่เดินงุ่นง่านอยู่หน้ารั้วคนเดียว พึมพำอยู่กับตัวเอง "ไอ้ตงนะไอ้ตง ทำไมเป็นแบบนี้นะ ทำไงดี" มันเป็นความทุกข์ทรมานใจที่หาสาเหตุและหาทางออกไม่ได้ รู้แต่ว่าถ้าได้พบหน้าใครบางคนคงดีขึ้น สายตากวาดไปทั่วเพื่อแลหา ช่อม่วงหน้าหงิกกลับมาจากบ้านของลายไทเห็นตงฉินยืนหันหลังชะเง้อชะแง้อยู่จึงส่งเสียงถาม

"ไอ้ตง แกมาทำไมวะ"
แค่ได้ยินเสียง ตงฉินก็หัวใจพองโตและเบ่งบานออกมาทางสีหน้า รีบตั้งสติตั้งฟอร์มปรับโหมดอารมณ์บนใบหน้าก่อนจะหันไปหา

"อาราย ใครมา ฉันมาส่งอาม่ามาหายายเธอต่างหาก" เสียงยียวนนั่นกวนอารมณ์ช่อม่วงที่ขุ่นมัวอยู่แล้วให้ขุ่นคลั่กกว่าเดิม
"ก็ดี๊ เพราะถ้าแกมาหาฉันล่ะก็ ฉันจะได้ไล่ตะเพิดแกออกไปเดี๋ยวนี้เลย"พอจะโดนไล่ ตงฉินพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมสีหน้าสลดของตัวเอง แต่เสียงที่เอ่ยถามออกไปก็อ่อนล้าเต็มที
"ฉันทำอะไร ผิดตรงไหน ทำไมถึงต้องไล่ตะเพิดฉันด้วย"
"ก็ฉันเกลียดแกนี่" คำตอนที่สวนกลับแบบไม่มียั้งคิดทำให้ตงฉินหน้าสลดวูบ (มันเกินจะควบคุม) พูดไม่ออก ก็ไม่ใช่คำแปลกใหม่อะไร แต่ครั้งนี้ทำไมเจ็บหัวใจนักก็ไม่รู้
"แกคิดว่าแกดีเด่มาจากไหนเหรอ ถึงได้มาบงการชีวิตฉัน"
"นี่ อะไรของเธอฮะยัยบะช่อ ฉันไปบงการชีวิตเธอตอนไหน"
"ก็ใครใช้ให้แกสาระแนไปบอกพี่ลายไทว่าให้มาแต่งงานกับฉัน"

นี่ก็ดูเหมือนทุกครั้งที่ทะเลาะกัน แต่จริงๆ แล้วไม่เหมือน โกรธกันครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดา เพราะมันไม่ใช่แค่โกรธแต่เจือไปด้วยความจริงจัง ความเสียใจ น้อยใจ พูดเรื่องแต่งงานมันกระทบใจนะ ใช่ว่าไอ้ตงจะไม่แยแสเรื่องนี้เมื่อไร

"แล้วไม่ดีหรือไง! ก็ฉันเห็นว่าเธออยากได้นายลายไทจนตัวงี้สั่นนนนน ฉันก็ช่วยสงเคราะห์ให้ เฮ่อ เรานี่นะทำบุญไม่ขึ้น ทำบุญบูชาโทษแท้ๆ"
ยิ่งพูดยิ่งแรง ช่อม่วงน้อยใจจนจะร้องไห้อยู่แล้ว แต่สู้ทนสีหน้าเอาไว้
"ก็ได้ ขอบใจแกมากนะไอ้ตงที่ช่วยชี้ทางสว่างให้" ตงฉินได้ยินเสียงประชดแต่ทำไม่มอง ลอยหน้าลอยตาไปอีกทาง

"แล้วตอนนี้ ฉันก็ทำตามความต้องการของแกแล้วด้วย สมใจแกล่ะสิ"

"อื้อ" ตงฉินรับคำสั้นๆ นั่นยิ่งทำให้ช่อม่วงโกรธซะจนไม่อาจทนยืนอยู่ตรงนั้นได้ หากไม่ทำอย่างนั้นช่ออาจจะร้องไห้โฮออกมาตรงหน้าตงฉินก็ได้ รีบสะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไป

ช่อม่วงไปแล้ว ตงฉินถึงพึ่งระลึกถึงคำพูดของช่อม่วงว่ามันหมายความว่าอย่างไร ที่เขารับคำส่งๆ ไป
"ช่อ อะไรนะ .."
ช่อม่วงจะแต่งงานกับลายไทหรือ ตกลงไปแล้วหรือ

"โธ่เว้ย ทำไมถึงไม่พูดวะ"
ตงฉินอยากจะพูดอะไร ใครจะรู้ได้ แต่เท่าที่รู้ทุกอย่างดูจะเลยเถิดไปไกลเกินกู่กลับ



ในห้องนั่งเล่นที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ช่อม่วงบอกกล่าวทุกคนเรื่องการแต่งงาน ขอโทษทุกคนที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของยายและอาม่าได้

"ถ้าเป็นไอ้ตงเองก็เถอะ ช่อว่ามันก็คงต้องทำแบบช่อเหมือนกันนั่นแหละ"ตงฉินมองหน้าช่อม่วงด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้
"ม่ายจิงหลอก อาตงน่ะ บอกอาม่าว่ายินดีจะทำตามคำสั่งของอาม่าจริงๆ นะอาหนูช่อ"
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ช่อเชื่อว่าไอ้ตงไม่ได้เต็มใจอยากแต่งงานกับช่อจริงๆ จริงไหมล่ะไอ้ตง" หันไปถามคู่อริ ที่คาดว่าจะร่วมมือกันคัดค้านการแต่งงานกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่คำตอบที่ตงฉินให้ช่อม่วงมีแต่ความเงียบ

อะ อ้าว ไอ้ตง ปกติมันต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรื่องนี้สิ นี่อะไร นั่งเงียบเป็นสากกระเบือ ช่อม่วงรู้สึกเหมือนถูกลอยแพให้รับหน้ากับปัญหานี้คนเดียว

ตงฉินไม่ตอบ เพราะไม่รู้จะตอบอะไร มันสับสนอลหม่านขัดแย้งกันอยู่ในใจ ถ้าตอบออกไปว่าไม่ต้องการแต่งงานกับช่อม่วง นั่นหมายความว่าช่อม่วงจะได้แต่งกับลายไท นั่นมัน ... ใช่สิ่งที่เขาต้องการหรือเปล่า

รื่นรมย์ดูหน้าลูกๆ แล้ว ก็พอดูออก โดยเฉพาะตงฉินที่ไม่เคยเคร่งเครียดขนาดนั้นมาก่อน รีบไกล่เกลี่ยก่อนที่เด็กสองคนจะใช้แต่อารมณ์ทำเรื่องลุกลามไปมากกว่านี้ รื่นรมย์เตือนสติให้ช่อม่วงใคร่ครวญเรื่องนี้ให้ดีๆ "นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะลูก" "
ช่อคิดดีแล้วล่ะจ๊ะแม่ ให้ช่อแต่งงานกับพี่ลายไทเถอะนะจ๊ะ พี่ลายไทเค้าบอกว่า ถ้าเค้าได้แต่งงานกับช่อ เค้าจะมีความสุด'มาก'เลยล่ะค่ะ"
ตงฉินสะอึก เพราะคำที่ช่อม่วงลอยหน้าลอยตาพูดและเน้นเสียงตรงคำว่า 'มาก'อยู่นั่น คือคำที่เขาเป็นคนพูดกับลายไทเอง และยัยช่อก็หยิบยกเอามามันประหัตประหารเขาอยู่ตอนนี้ อาม่าและยายพยายามจะซักไซ้ช่อม่วง ความสุขของลายไทมันเกี่ยวกับพวกเราตรงไหน แล้วช่อม่วงก็โต้แย้งผู้ใหญ่แบบข้างๆ คูๆ เพราะไม่มีเหตุผลดีๆ จะกล่าวอ้างเช่นกัน แป้นถึงกับออกปากว่าช่อม่วงพูด(พล่าม)อะไร ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด


มองหน้า ศัตรูตัวร้ายส่งเสียงประชดประชันข้างฟากมาแล้วตงฉินก็คับแค้นใจจนอับจนคำพูดจะโต้ตอบให้เผ็ดร้อนดั่งเคย

เงียบ ไอ้ตงไม่พูดอะไรเลย ช่อม่วงเคว้งอยู่ตรงนั้น ยายแช่มมองเด็กสองคนแล้วให้โมโหนัก "ถามจริงๆ เถอะนะ ไม่รักตงฉินเค้าบ้างหรือไง!" ยายแช่มตะเบ็งเสียงออกมาชนิดที่ทำให้ตงฉินสะดุ้งตกใจ ถามตรงขนาดนั้นช่อม่วงอึกอัก "เอ่อ ช่อต้องตอบด้วยหรือจ๊ะยาย"
ช่อมองหน้าตง อึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกมา คำพูดเหล่านั้นเคยพูดใส่หน้ากันมาแต่เล็กจนโตก็จริง แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ไม่รู้มันคืออะไร แต่ค่อนข้างแน่ใจได้ว่ามันจะทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย ตงกับช่อมองหน้ากัน ช่อม่วงอึกอักที่ถูกคาดคั้นและกำลังจนมุม ตงฉินตาแดงก่ำ (น้ำตาตกในซะละมั่งน่ะ ) ตัดสินใจที่จะเป็นคนยุติสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ ผุดลุกขึ้นยืน

"เอางี้แล้วกันครับ ผมมีคำตอบ ตอบทุกเรื่องในวันนี้ เรื่องทั้งหมด"
ตงที่ตาแดงๆ มองหน้ายัยช่อม่วงตัวแสบ ยัยคนที่กำลังปฏิเสธการแต่งงานกับเขาและเรียกร้องขอไปแต่งกับคนอื่น มันเจ็บหัวใจ ทำไมต้องเจ็บก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเจ็บ ตงสูดลมหายใจ รวบรวมทิฐิมานะทั้งหมดพูดมันออกมา แม้ว่าพูดแล้วจะเจ็บเจียนตายก็ตาม

"ยัยช่อ กับผม เกลียดกัน ยัยช่อเกลียดผม ผมก็เกลียดยัยช่อ เราสองคนเกลียดกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ แล้วก็จะเกลียดกันไปจนวันตายด้วย
เพราะฉะนั้นเนี่ย ให้ยัยช่อแต่งงานไปกับนายลายไทเถอะครับ"


ตงส่งเสียง 'เกลียด' เน้นหนัก ย้ำ ชัด ทุกถ้อยทุกคำ อาม่ากิมท้อกับยายแช่มอ้าปากค้าง แล้วทั้งสองคนก็ลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกัน ยายแช่มและอาม่าถึงขีดสุดของความอดทนต่อพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของหลานชายและหลานสาวแล้ว ประกาศยกเลิกความตั้งใจที่จะให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน ไม่สนใจอีกแล้ว ตามใจ ใครอยากจะทำอะไรก็เชิญ จะไม่ขอรับรู้รับเห็นอะไรอีกต่อไป

"ปุเดี๋ยวลัก ปุเดี๋ยวเลิกกันอยู่ล่าย อั๊วปวกหัว"
อาม่ากิมท้อเซ็งสุดขีดจริงๆ และยายแช่มก็เช่นกัน
"เดี๋ยวก็รักกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็กัดกัน เดี๋ยวก็ดีกัน มันอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้"



อาม่ากับยายพากันเดินออกไปจากห้อง ทิ้งตงฉินกับช่อม่วงให้มองหน้ากัน ด้วยเหตุอะไร ตงฉินกับช่อม่วงไม่ยอมรับรู้ แต่ที่รู้คู่ทั้งคู่ต่างเสียใจ ช่อกับตงมองตากันช่อเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดไม่ออก และหากต้องเปิดปากจริงๆ อาจจะร้องไห้ออกมาก็ได้ ทางที่ดีที่จะไม่เสียฟอร์มคืออย่าเห็นหน้ากันเลยดีกว่า สองคนหันหลังให้กัน ช่อเดินเข้าไปข้างใน ตงเดินออกจากบ้าน หมดแล้ว ไม่เหลืออะไรที่ต้องพูดกันแล้วจริงๆ เพราะถึงจะอ้างว่าไม่ต้องการแต่งงานกันอย่างไร ก็ยังมียายกับอาม่ายื้อยุดสองคนไว้ด้วยกันอยู่ ตอนนี้ยายกับอาม่าก็ปล่อยฟางเส้นสุดท้ายทิ้งไปแล้ว ตงกับช่อ ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกจริงๆ ไม่มีแม้แต่เรื่องที่จะหยิบยกมาถกเถียงทะเลาะกันได้

รื่นรมย์ได้แต่มองเด็กๆ คนโน้นที คนนั้นที รู้สึกหมือนมีภูเขาลูกใหญ่มาตกทับอก และจะปล่อยให้เป็นบบนี้ไม่ได้

รื่นรมย์นัดเสี่ยโจวมาปรึกษาเรื่องลูกๆ บอกให้รู้ว่าตงฉินกับช่อม่วงต่างก็รักกัน แต่เพราะทิฐิมานะที่จะเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ ทำให้ไม่ยอมรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง อาโจวได้ยิน ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก กล่าวหาว่ารื่นรมย์คิดอะไรบ้าๆ
"แกเป็นพ่อประสาอะไร ลูกมีปัญหาดูไม่ออก"
แต่อาโจวก็ยังยืนยัน " เด็กสองคนนั่นมันเกลียดกันจะตาย มันจะรักกันเข้าไปได้ยังไง"
"แต่ฉันเป็นแม่ ฉันดูออกว่าลูกสาวฉันกำลังตัดสินใจ แล้วลูกชายของแกก็กำลังเสียใจ"
ไม่ว่ารื่นรมย์จะอธิ่บายอย่างไรอาโจวก็ไม่ยอมเชื่อ ได้แต่หัวเราะที่รื่นรมย์เสียสติไปแล้ว

ติดตามมนต์รักข้าวต้มมัดตอนต่อไป

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 4 (ยกสุดท้าย)




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:56:51 น.
Counter : 1767 Pageviews.  

มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 2



อ่านบทแรก...

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 1

เพื่อข้อตกลงที่ให้ไว้แก่กัน ตงฉินจำต้องทนลำบากเป็นนายชินคนงานในไร่กล้วยของลายไท คอยหาโอกาสใกล้ชิดเจ้านายหนุ่มและพูดจาชื่นชมช่อม่วงให้ดูดีในสายตาของลายไทอยู่เสมอ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ตงฉินก็ลากช่อม่วงมาทำตามแผนของตนบ้าง เมื่อไม่มีที่ไหนที่จะไปจึงพาช่อมาที่บ้านของตัวเอง โดยให้จั๊บสร้างเรื่องหลอกอาม่าและเตี่ยโจวให้ออกไปจากบ้าน สองคนอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องนอนตงฉิน เถียงกันไป ด่ากันไป บางจังหวะที่เออออห่อหมกเห็นตรงกันก็พากันหัวเราะสนุกสนานเสียงดังลั่น จั๊บที่ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของ 'นายน้อย' ประสานเสียงหัวเราะร่วนกับ 'คุณช่อ' ถึงกับออกปาก

"ไม่เคยได้ยินนายน้อยหัวเราะแบบนี้มาก่อน ท่าทางมีความสุข"

ตงฉินซื้อเสื้อผ้ามามากมายเพื่อให้ช่อม่วงลองแต่งตัวในสไตล์ต่างๆ ไหนๆ เขาก็น้ำเน่าปลอมตัวไปเป็นนายชินแล้ว ยัยช่อก็ต้องหัดน้ำเน่าด้วยเหมือนกัน หลังจากได้ช่อม่วงในลุคส์ที่ตงฉินพอใจคือเป็นสาวเปรี้ยวจัดแต่งหน้าจัด จับสวมวิกผมตรงหน้าม้าจนดูเป็นสาวร็อคสาวพังค์ไปแล้ว ตงฉินก็พาช่อม่วงไปที่บ้านคุณหม่อมแจ่มใสแนะนำว่าเธอเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเขาเองชื่อว่า "มะม่วง" และจัดแจงเรื่องขอสมัครกับคุณหม่อมแจ่มใสให้ช่อม่วงได้มาร่ำเรียนรำไทย เรื่องนี้ไม่ได้ปรึกษากันมาก่อนช่อม่วงถึงกับเหวอรับประทานและทำท่าจะไม่ยอมจนตงฉินต้องขอเวลานอกกับหม่อมแจ่มใส่ ลากช่อม่วงออกมา (ด้วยกิริยาโอบดึงแบบละมุนละม่อมเพราะอยู่ต่อหน้าคุณหม่อม) เพื่อทำการเจรจาตกลงกัน

"ไอ้ตง! แกจำไม่ได้เหรอ ตอนที่เราเรียนรำคู่กันมันเป็นยังไง"
"ก็แข็งเป็นไม้อย่างเธอมันก็ได้ศูนย์น่ะสิ"
"เออสิวะ แล้วแกจะส่งฉันมาเรียนรำไทยทำเผือกอะไร!"

การพูดคุยของตงฉินกับช่อม่วงมักจะมีคำพูดนึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งเขาและเธอยังเป็นเด็กและมีอดีตความทรงจำร่วมกันมาในลักษณะนี้อยู่เสมอ นั่นแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ที่พันผูกอย่างใกล้ชิดของคนทั้งคู่แม้จะเป็นไปในลักษณะของศัตรูคู่อริ แต่ก็น่ารักดี

สุดท้ายตงฉินก็จัดแจงให้ช่อม่วงได้เรียนรำไทยกับหม่อมได้สำเร็จ พร้อม กับโดนหม่อมเอาความเค็มมาขูดรีดค่าเล่าเรียนจากตงฉินสูงกว่าราคาปกติไปสองสามเท่าโดยอ้างว่าเห็นท่าทางแข็งๆ ของช่อม่วงแล้วคงจะเป็นงานหนักที่ต้องสอนกันอย่างยากเย็นแน่นอน ก่อนจะทิ้งช่อม่วงไว้เรียนรำไทกับหม่อมแจ่มใสและคุณฟองดาว ตงฉินมองช่อม่วงด้วยสีหน้าห่วงกังวล "

"จะไหวมั้ยน้า ยัยบะช่อ" ( ความห่วงใยเป็นบ่อเกิดของความรัก)



ที่สะพานไม้ริมคลองสถานที่นัดพบประจำระหว่างตงฉินและช่อม่วง สองคนมาเจอกัน ช่อม่วงโอดครวญที่ถูกดัดเนื้อดัดตัวจนระบมไปทั้งร่าง นั่งทายาแก้ฟกช้ำส่งเสียงบ่นอุบ ด่าตงฉินที่ทำให้ต้องลำบากไปเรียนรำไทยกับหม่อมสุดเคี่ยว ตงฉินรำคาญ (บวกความเห็นใจนิดๆ) จึงคว้ายามาทาให้ช่อม่วงเสียเอง ช่อม่วงบ่นไม่อยากไปเรียนรำไทยอีกแล้ว ตงฉินใจเสียจึงพยายามเกลี้ยกล่อมและบอกว่าเขาเองก็ลำบากเหมือนกันที่ต้องทำงานหนักในไร่ขุดดินแบกกล้วยทุกวัน ช่อม่วงไม่มีทางเลือกเพราะไหนๆ ก็ลงเรือลำเดียวกันมาแล้ว เพื่อลายไทและฟองดาว ทั้งคู่ต้องอดทนเพื่อเอาชนะใจคนทั้งคู่ให้ได้

รื่นรมย์แม่ของช่อม่วงไม่เห็นด้วยนักที่ช่อม่วงจะจับมือเป็นพันธมิตรกับตงฉิน เพราะไม่คิดว่าแผนมันจะสำเร็จได้โดยง่าย แต่ช่อม่วงกลับยืนยันมั่นใจ

” มันต้องสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็นี่ไงแม่ ถ้าเกิดช่อเป็นแฟนพี่ลายไท ส่วนไอ้ตงมันก็จีบหญิงของมันติดก็เท่ากับว่าทั้งช่อและมัน ต่างคนต่างมีแฟน อาม่ากิมท้อกับยายที่เป็นมือที่สามก็ต้องหลีกทาง ยอมยกเลิกงานแต่งงานน้ำเน่านี้ซะ”

“แล้วแกคิดเหรอว่ายายแกจะยอมง่ายๆ รู้จักยายแช่มน้อยไปแล้วมั้ง ยายแกลื่นยิ่งกว่าปลาไหลใส่สเก็ต”นั่นเป็น

นั่นเป็นเหตุผลที่รื่นรมย์ต้องพยายามช่วยลูกสาวอีกแรงหนึ่งด้วยการคอยสกัดกั้นแผนการณ์ต่างๆ ของคุณยายแช่มชื่น

“ไม่ต้องห่วงหรอกแม่ ช่อเชื่ออยู่แล้วว่าเราถ้าเราสองแม่ลูกร่วมมือกัน เราต้องผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้แน่นอน”


แต่มันมีวิกฤติยิ่งกว่านั้นรออยู่ ตงฉินกับช่อม่วงต่างไม่รู้เลยว่าท่ามกลางเมฆหมอกจากแผนการณ์เจ้าเล่ห์ของทั้งคู่นั้น ความสัมพันธ์อันสดใสของลายไทและฟองดาวก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นทีละเล็กละน้อย ลายไทเคยพบหน้าฟองดาวในงานวันเกิดเสี่ยอู๊ดที่ฟองดาวรับมาแสดงดนตรีไทยนั่งตีขิมอยู่ตรงทางเข้าหน้างานด้วยชุดไทยห่มสไบสีหวาน และหม่อมแจ่มใสมาตามฟองดาวกลับหม่อมโกรธที่ฟองดาวรับงานลักษณะนี้เพราะหม่อมมองว่าไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรีของผู้ดีเก่าเพราะดนตรีไทยควรจะได้บรรเลงให้กับคนที่เห็นคุณค่าได้ฟัง ไม่ใช่มานั่งบรรเลงแค่เป็นเสียงประดับอยู่บริเวณหน้างานโดยที่คนผ่านไปผ่านมาไม่ได้ให้ความใส่ใจฟัง ฟองดาวถูกหม่อมแจ่มใสพาตัวกลับบ้าน ลายไทได้ยินว่าเจ้าหน้าที่จัดงานจะไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้ เขาจึงนำเงินไปมอบให้เจ้าหน้าที่คนนั้นแทนเพื่อนำไปใช้เป็นค่าจ้างของฟองดาว ทั้งยังฝากโน๊ตแสดงความชื่นชมการตีขิมของเธอไปให้โดยลงชื่อของเขาไว้ ฟองดาวมีความสุขกับกำลังใจจากโน๊ตเล็กๆ ที่ลงชื่อเจ้าของไว้ "ลายไท"



ลายไทผ่านมาเห็นหม่อมแจ่มใสอีกครั้งที่ตลาด หม่อมกำลังทะเลาะกับแม่ค้าเรื่องราคากับปริมาณของผักที่เธอคิดเอาเองว่ามันน้อยไปไม่สมราคากัน (คิดด้วยความเค็มระดับทะเลทะเลเรียกทวด) เห็นยาย นึกถึงหน้าหลานสาว นับจากนั้นมา ลายไทจึงแอบเอาเงินไปให้แม่ค้าร้านผักอยู่เสมอเพื่อที่ว่าทุกครั้งเมื่อหม่อมแจ่มใสมาซื้อผัก จะได้ให้ผักกับหม่อมไปเยอะๆ ตามที่หม่อมต้องการ แม้แม่ค้าจะมองหน้างงๆ ไอ้หนุ่มคนนี้ชอบพอหม่อมรุ่นยายหรือเปล่าวหว่า ? (555) แต่ลายไทไม่ได้สนใจในท่าทีประหลาดใจนั้น

ฟองดาวสงสัยเรื่องผักจำนวนมากที่คุณยายหม่อมได้มาในราคาถูกๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรจนวันหนึ่งฟองดาวมาตลาดกับคุณยาย และเมื่อแยกจากหม่อมย้อนกลับมาซื้อของตามลำพังจึงพบลายไทกำลังจ่ายเงินให้แม่ค้ารายนั้น ฟองดาวเกือบจะเข้าใจผิดคิดว่าลายไทเอาเงินมาดูถูกศักดิ์ศรีของคนอื่น รวมถึงสงสัย

"ที่คุณทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเพราะคุณคิดจะจีบคุณยายฉันใช่มั้ยคะ" (คิดได้นะคะคุณ)

แต่ด้วยเหตุผลอธิบายและความจริงใจของลายไท ฟองดาวก็เข้าใจและยังมีอารมณ์ขันเย้าลายไทเล่น

“ถ้างั้นก็แล้วไปค่ะ ฉันนึกว่าคุณคิดเกินเลยกับคุณยายฉันซะอีก” (5555)

หนุ่มหล่อลายไท และสาวสวยฟองดาว พบกันบ่อยขึ้นและมิตรภาพของทั้งคู่ก็งอกงาม โดยที่ "นายชิน" และ "มะม่วง" ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่เลยสักนิด


นายชินตีสนิทกับลูกพี่ลายไท ช่อม่วงก็ใกล้ชิดกับคุณครูฟองดาว สองคนจึงพอรู้นิสัยใจคอของคนทั้งคู่รวมถึงเสป็คหญิงชายที่ฟองดาวกับลายไทมีอยู่ในใจด้วย ตงฉินกับช่อม่วงจึงพากันมานั่งคอตกอยู่ที่สะพานไม้ข้ามคลอง เพราะจากที่ตงฉินมอมเหล้าลายไทจนได้รู้ ผู้หญิงที่ลายไทชอบไม่มีอะไรเลยที่เหมือนช่อม่วง ตรงข้ามกันทุกอย่าง

” ใช่ เขายังบอกอีกนะว่า ผู้หญิงในสเป็คของเขาจะต้องเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ใจเย็นสุภาพ ที่สำคัญต้องมีความเป็นกุลสตรีสูงมากๆ ด้วย”

และสิ่งที่ช่อม่วงได้มาก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก

“ของฉันว่าเลวร้ายแล้ว ของนายหายนะกว่าอีก”
“ทำไม อย่าบอกนะว่าคุณฟองดาวเขาไม่ชอบผู้ชาย”
” ไม่ใช่อย่างนั้น แต่สเป็คผู้ชายอย่างที่คุณดาวชอบน่ะ ห่างไกลนายยิ่งกว่าโลกกับดาวพลูโตซะอีกน่ะสิ ทั้งชอบผู้ชายใจเย็น รักธรรมชาติ รักเสียงดนตรีไทย แล้วก็อะไรอีกเยอะแยะ แต่ทุกอย่างไม่ใช่นายเลยแม้แต่นิดเดียว”

พากันห่อเหี่ยวอยู่ตรงนั้น จะทำยังไงก็ดี เฮ้อ.. นึกขึ้นมาได้ว่าลักษณะผู้หญิงที่ลายไทชอบเหมือนคุณฟองดาวเด๊ะ แล้วลักษณะผู้ชายที่คุณฟองดาวชอบก็เหมือนพี่ลายไทไม่มีผิด

"เฮ้ย สองคนนั้นเค้าคงไม่รู้จักกันใช่ไหม" ตงฉินช่อม่วงมองหน้าสบตากันด้วยความหวาดระแวง
"เป็นไปไม่ได้ พวกเค้าจะรู้จักกันได้ไง" ( 5555 สิ่งที่กลัวได้เกิดขึ้นแล้ว) ทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างก็ตระหนักกันดีว่า ลายไทกับฟองดาวไม่ควรจะพบเจอและรู้จักกันเด็ดขาดเพราะว่าทั้งคู่ต่างเป็นสเป็คของกันและกันและอาจตกหลุมรักกันได้อย่างแน่นอน

แค่เรื่องพื้นฐานการชอบพอก็ดูจะยากเย็นกว่าที่คิดหลายเท่า จะทำยังไงกันดี ตงฉินกับช่อม่วงกลุ้มใจอยู่สักพักก็นึกขึ้นมาได้

” ฉันนึกออกแล้ว ฉันว่าผู้ชายอย่างที่คุณฟองดาวชอบดูเหมือนกับพี่ลายไทยังไงไม่รู้สิ จริงๆ ถ้านายอยากเป็นผู้ชายแบบที่คุณฟองดาวชอบ นายก็ลองศึกษาจากพี่ลายไทดูสิ”

เป็นความคิดที่น่าสนใจ

“จริงด้วยสิ จะว่าไป ผู้หญิงอย่างที่นายลายไทชอบก็เหมือนคุณฟองดาวเหมือนกันนะ ในเมื่อเธออยู่ใกล้คุณฟองดาวแล้ว เธอก็ลองเลียนแบบคุณฟองดาวดูสิ บางทีนายลายไทอาจจะหันมาชอบเธอจริงๆ ก็ได้นะ”

ตงและช่อต่างยิ้มฝันหวานด้วยความหวังอันชื่นบาน

“จริงด้วยสิ แหม โชคดีนะที่สองคนนี้ไม่รู้จักกัน ไม่งั้นเราสองคนแย่แน่ๆ เลยว่ามั้ย”

พากันหัวเราะคิกคักมีความสุขกับไอเดียบรรเจิดที่เพิ่งคิดได้ .... หารู้ไม่ ลายไท กับฟองดาว เขาพัฒนาความสัมพันธ์จากคนรู้จักไปเป็นคนรักชอบพอถึงไหนกันแล้ว



ลูกศิษย์-มะม่วง สนิทสนมกับครูสอนรำไทย-ฟองดาว มากขึ้น และตกลงใจจะเป็นมากกว่าครูกับลูกศิษย์คือเป็นเพื่อนกัน ฟองดาวนั้นจริงใจส่วนยัยช่อของเรานั้นยิ่งกว่าไก่กา ทางด้านนายชินก็ตีซี้จนเป็นลูกน้องที่สนิทคุ้นเคยกับลายไท ทำให้ทั้งมะม่วงและนายชินกระหยิ่มยิ้มย่องกับแผนการณ์ที่ดำเนินไปด้วยดี หรือนี่จะเป็นแค่คลื่นลมสงบก่อนพายุใหญ่

อุปสรรคขวากหนามนั้นมีอยู่ อย่างยัยแช่มที่ร้องไม่เชื่อพันไม่เชื่อว่าคนอย่างลายไทจะมาชอบหลานสาวจอมแก่นของตนได้ จึงทำทีมาเยี่ยมลายไทเพื่อดูลาดเลา และคอยเป่าหูลายไทไปด้วยในตัว ด้วยการตำหนิบ่นว่าพฤติกรรมที่ไม่ดีต่างๆ ของช่อม่วง ทั้งตื่นสาย ขี้เกียจตัวเป็นขน ไม่ช่วยทำงาน เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่มีความเป็นกุลสตรี หาดีสักนิดก็ไม่ได้ หากผู้ชายคนไหนได้มันไปเป็นเมีย บรา บรา บรา (เอ่อ .. ยายแช่มคะ นั่นหลานยายนะคะ พูดถึงยังกับมันเป็นเห็บที่น่ารังเกียจ 555) ตงฉินได้ยินยายแช่มอย่างนั้นแทนที่จะหัวเราะเอิ๊กๆ นึกซ้ำเติมอย่างที่ควรเป็นกลับมีสีหน้าหม่นลงด้วยความเห็นอกเห็นใจ ก็ยายแช่มเล่นงานขัดขวางหนักขนาดนี้ แล้ว ...

"จะไหวมั้ยเนี่ยยัยช่อ"

"จะรอดไม้ยเนี่ยยัยช่อเอ๊ย"

"แล้วจะเป็นห่วงไปทำไมวะ"
ตงฉินเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง

น้องช่อของพี่คล้าว

พี่คล้าว
(เขาทราย กาแล็คซี่) แอบหลงรักช่อม่วงมานาน คอยเทียวไล้เทียวขื่ออยางไม่แคร์สายตายายแช่ม รื่นรมย์ หรือตัวช่อม่วงเองจะจิกด่าเปิดเปิงยังไงพี่คล้าวไม่เคยสน เพราะพี่คล้าวรักน้องช่อสุดหัวใจ เมื่อรู้ข่าวช่อม่วงกับลายไทเป็นแฟนกันพี่คล้าวไม่พอใจอย่างมาก

"ข้าไม่ยอม ข้าอุตส่าห์เที่ยวไปเทียวมา เพียรสู่ขอน้องช่อมาตั้งหลายปี แต่ยายแช่มกัยแม่รื่นไม่เคยยกให้ แล้วไอ้หน้าเหี่ยวที่ไหนวะ จะมาแย่งน้องช่อของข้าไป ข้าไม่ยอม!"

พี่คล้าวพาลูกน้องประจำตัว 'ห้อย' และ 'โหน' บุกมาหาลายไทถึงบ้านเพื่อข่มขู่ให้เลิกกับช่อม่วง แต่ลายไทก็ไม่สนใจคำขู่ตลอดจนท่าทีสุดกร่างของพี่คล้าว ปฏิเสธที่จะทำตามความต้องการที่พี่คล้าวร้องขอ

"ก็ได้ ในเมื่อเอ็งไม่ยอมทำตามคำสั่งข้า งั้นข้าจะขอประกาศเป็นศัตรูกับเอ็ง”

พี่คล้าวก้มลงกำก้อนดินขึ้นมาขยี้โปรย (มันเป็นซีนที่ฮาโค-ต-ร)

” ธรณีนี่นี้เป็นพยาน ข้าไอ้คล้าว ขอสาบานว่า ตราบใดที่ไอ้ลายไทไม่เลิกกับน้องช่อ ยอดรักในดวงใจของข้า ข้าจะขอจองล้างจองผลาญมันทุกชาติไป”

เพราะพี่คล้าวไม่แน่จริงจึงได้แต่แหงนหน้าขู่ลายไทที่ตัวสูงโย่งกว่าเยอะ พี่คล้าวพยายามขู่ขวัญด้วยการกระทืบเท้าลงดินก่อนจะแจ้นจากไป นายชินที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหลกับลูกพี่ลายไทตรงนั้นด้วย งงเป็นไก่ตาแตกกับเหตุการณ์ตรงหน้าและไอ้บ้าที่มากร่างแล้ววิ่งหนีหางจุกตูดไปนั่น หันไปถามเอากับมวลว่าพี่คล้าวคนนี้เป็นใคร



"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" ที่สะพานไม้ข้ามคลอง ตงฉินหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง จนตัวงอ น้ำหูน้ำตาไหล

” ไม่เห็นเธอเล่าให้ฉันฟังเลยว่ามีหนุ่มหล่อกล้ามใหญ่มาหลงรัก แต่จะว่าไป ทำไมเธอไม่เป็นแฟนกับพี่คล้าวล่ะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยวางแผนหลอกนายลายไทมาเป็นแฟนให้เมื่อย”

ช่อม่วงเหล่มองตงฉิน หึ ไอ้ตง ทำมาปากดี ใช่ว่าจะช่อม่วงจะไม่รู้ ยัยหมวยย้งยี้ที่เพิ่งตามมาราวีถึงบ้านแต่บังเอิญช่อม่วงไม่อยู่และย้งยี้ก็ระรานหาเรื่องเอากับรื่นรมย์แม่ของเธอ

“แล้วทีแกล่ะ ทำไมไม่เลือกยัยหมวยย้งยี้มาเป็นแฟนบ้างล่ะ”

ตงฉินสะอึก 'ย้งยี้' แค่ได้ยินชื่อก็ทำเอาสะดุ้ง

"อย่าพูดแบบนั้นสิ แค่นึกก็ขนลุกแล้ว"
"นั่นไงล่ะ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ"




ต่งต๊งของย้งยี้


ย้งยี้ (มณัสนันท์ กรณ์ปารณีย์ ) เป็นลูกสาวเถ้าแก่มีฐานะร่ำรวย เป็นทั้งเจ้าแม่เงินกู้ เจ้าแม่ตลาด และเป็นเจ้าของแผงเช่าอีกด้วย มีนักเลงหัวไม้เป็นลูกน้องมากมาย

"ย้งยี้ปักใจรักต่งต๊งมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะค่ะ ยังไงซะย้งยี้ไม่ยอมให้ต่งต๊งเป็นของคนอื่นเด็ดขาด"

ย้งยี้ได้รับการสนับสนุนในการเข้าชิงตำแหน่งหลานสะใภ้ของอาม่าเป็นอย่างดีจากอาโจวเตี่ยของตงฉินที่อยากได้ย้งยี้มาเป็นลูกสะใภ้เพราะมีฐานะมั่นคงร่ำรวยที่สุดในละแวก แต่งงานกับย้งยี้เงินต่อเงินไอ้ตงจะมั่งคั่งสุขสบายไปชั่วลูกชั่วหลาน

ตั้งแต่อาม่าเริ่มแผนการณ์คลุมถุงชน ใจจริงอาโจวไม่เคยคิดสนับสนุนอยู่แล้ว ถึงช่อม่วงจะเป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดู เป็นหลานสาวคนเดียวของยายแช่มเจ้าของกิจการเข้าต้มมัด มีการศึกษาดี ฐานะความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าใคร ไม่มีอะไรให้น่ารังเกียจ แต่การที่ "หนูช่อ" เป็นลูกสาวของรื่นรมย์ (ที่อาโจวเคยก่อเรื่องไว้และกลายเป็นคู่อริกันมาตลอด) หากต้องเกี่ยวดองกันความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวคงจะไม่ราบรื่นนัก สรุปง่ายๆ คือ อาโจวเอ็นดูช่อม่วงอยู่ก็จริง แต่ถึงยังไงอาโจวก็ไม่อยากดองกับคู่อริอย่างรื่นรมย์ จึงผูกสมัครรักใคร่ยกตำแหน่งว่าที่ลูกสะใภ้ให้กับย้งยี้เพียงคนเดียว และพยายามเสนอย้งยี้ให้เป็นทางออกของตงฉินอยู่เสมอ แต่ว่า .. ถ้าพูดเรื่องย้งยี้ตงฉินจะปรี๊ดแตกทุกครั้ง

” หน้าตาก็พอไหวนะเตี่ย แต่นิสัยนี่ไม่ไหวเลย ทั้งเอาแต่ใจตัวเอง กิริยามารยาทก็ไม่เรียบร้อย ไม่เป็นกุลสตรี ผู้หญิงอย่างนี้ผมไม่เอาด้วยหรอก”

หากจะเทียบกันกับศัตรูคู่อาฆาตที่พักนี้หันมาจับมือเป็นพันธมิตรกันชั่วคราวอย่างช่อม่วง ปากบอกว่าเกลียดแต่ตงฉินไม่เคยหนีห่างไปไหน ตรงกันข้ามคือหาเรื่องตอแยถกเถียงกลั่นแกล้งกันอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย แต่กับย้งยี้ที่ไม่ชอบเหมือนกันแต่ตงฉินจะทำทุกทางเพื่อหลบเลี่ยงและหลีกหนีไปให้ไกล

เรื่องจะรักกับพี่คล้าว หรือตกลงปลงใจกับอาหมวยย้งยี้ จึงเป็นเรื่องยี้ๆ ที่สองคนพากันส่ายหน้า "ยอมตายดีกว่า"



อาม่ากิมท้อกับยายแช่มวางแผนให้ช่อม่วงกับตงฉินได้พบหน้ากัน โดยไม่รู้ว่าเด็กสองคนก็พบกันอยู่แล้วที่สะพานไม้ข้ามคลองเพื่อวางแผนการล้มการแต่งงานด้วยกัน อาม่ากับยายเชื่อว่าถ้าเจอกันบ่อยๆ เดี๋ยวเด็กมันก็รักกันเอง ยายแช่มให้ช่อม่วงเอาข้าวต้มมัดไปส่งที่ศาลเจ้า ส่วนอาม่าก็ให้ตงฉินไปไหว้เจ้าด้วยเช่นกัน วางแผนให้สองคนไปเจอกันแล้วติดตามไปดู ผลที่ได้ดูก็ไม่ต่างจากทุกครั้ง ตงฉินกับช่อม่วงกรุ่นๆ อยู่ในอารมณ์ที่ทะเลาะถกเถียงกันครั้งล่าสุดเนื่องจากการทำตามแผนโดยฝืนตัวผิดธรรมชาติให้เป็นเหมือนลายไทและฟองดาวนั้นมันชวนหงุดหงิดใจนัก

เห็นหน้ากันที่ศาลเจ้ารู้ว่าถูกอาม่ากับยายหลอกอีกแล้วยิ่งขัดใจ เถียงกันไปเถียงกันมากลายเป็นทะเลาะกันวุ่นวาย ตงฉินป้องกันตัวเองจากมือช่อม่วงที่หยิกข่วนไม่ยั้งเผลอผลักจนช่อม่วงล้มลงไปกองกับพื้น ช่อม่วงส่งเสียงร้องไห้ ตงฉินตกใจเป็นห่วงรีบเข้าไปพยุง

"เฮ้ย ช่อ ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ เจ็บมากมั้ย"

แต่น้ำใจเนื้อแท้ที่เผลอผุดออกมาไม่มีค่าอะไรในยามที่ช่อม่วงกำลังโกรธจัด เมื่อลุกขึ้นได้จึงใช้ฝ่าเท้าอัดเข้าไปเต็มๆ ที่จุดยุทธศาสตร์ ตงฉินถึงกับตาเหลือกหน้าเขียวหน้าเหลืองนอนกองอยู่ที่พื้น ความโกรธเกินควบคุมทำให้ช่อม่วงกระโดดขึ้นคร่อมหักแขนหักขาบีบคอทุบตีตงฉินอย่างไม่มียั้ง ไม่ต่างอะไรกับเด็กห้าขวบทะเลาะกันแล้วใช้กำลังหักหาญเอาชนะคู่ต่อสู้ อาม่ากับยายแช่มที่ตามมาพบจึงทั้งหัวเสียและเสียกำลังใจไปไม่น้อยกับสภาพความสัมพันธ์ของหลานทั้งสอง

"ผมผลักมันนิดเดียวเองเตี่ย มันเล่นผมเกือบตาย"
ตงฉินทายาไป บ่นไป เห็นสภาพฟกช้ำดำเขียวของลูกชายแล้ว อาโจวก็อนาถใจ และไม่วายแนะนำเหมือนเช่นทุกครั้ง "แต่งกับหนูย้งยี้เถอะ"



***

สองคนยังดิ้นรนกันต่อไป ตงฉินบอกให้ช่อม่วงหัดมีมารยาหญิง มีจริตจก้านนิ่มนวลอ่อนหวาน แม้มันจะขัดธรรมชาติของช่อม่วงอย่างแรง แต่เพื่อมัดใจลายไทให้อยู่หมัดช่อม่วงต้องทำให้ด้ายยยย เพราะขืนยังเป็นอยู่แบบนี้

"ผู้หญิงอย่างเธอ อย่าว่าแต่ไอ้ลายไทเลย ฉันก็ไม่ชอบ ผู้ชายทั้งโลกก็ไม่ชอบ! "
"ก็ไอ้กริยาแบบนี้แหละ เมื่อไหร่จะจะเปลี่ยนนิสัยสักทีเนี่ย"

ทะเลาะกันไปมาช่อม่วงก็ฟิวส์ขาด

"ไอ้ปากเสีย พูดจาดีนักนะแก ฉันว่านะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ร่วมมือกับแกแล้ว เชิญแกไปจีบคุณฟองดาวคนเดียวเลยไป"
ปกติตงฉินคงไม่ยอมง้อช่อม่วงแต่เรื่องนี้มันจำเป็น พอช่อพูดแบบนั้นตงก็ลนลานรีบบอก

"เฮ้ยๆๆๆ ช่อ ขอโทษ "

สำนวนคำและน้ำเสียงที่ตงกับช่อพูดกันในละครเรื่องนี้เป็นเสน่ห์มัดใจอย่างหนึ่ง ยามทะเลาะก็น่ารัก ยามดีกัน ง้อกันเล็กๆ พูดคุยกันปกติก็น่าเอ็นดูไม่เหมือนการแสดง แต่ดูเป็นธรรมชาติเหมือนเพื่อนทั่วไปที่คุยกันในยามปกติ

ฝืนเรียนรำไทยอยู่ได้ไม่นาน ช่อม่วงก็เกิดเปลี่ยนใจเพราะตงฉินมาเล่าให้ฟังอยู่เสมอว่าพี่ลายไทของเธอ ไม่เคยเห็นพูดถึงเธอเลยสักนิด วันๆ เอาแต่ฟังดนตรีไทย ช่อม่วงจึงอยากจะเรียนตีขิมเพื่อไว้ใช้เล่นให้ลายไทฟังอย่างที่เขาชอบ

"อะไรนะ หน้าอย่างเธอนี่นะ จะเรียนตีขิม"
"ทำไมวะ หน้าอย่างฉันจะเรียนตีขิมมันจะผิดอะไรนักหนา"
"มันก็ไม่ผิดหรอก แต่ที่ฉันจำได้นะ ตอนเด็กๆ ขนาดเธอเขย่าอังกะลุงยังผิดเสียงเลย แล้วจะไปเรียนตีขิมได้ยังไง"
"นี่ไอ้ตง แกจะมองในทางชื่นชม สรรเสริญฉันบ้างได้ไหมฮะ"

อาโจวที่รู้เรื่องตงฉินไปชอบพอฟองดาวหลานสาวของหม่อมแจ่มใส กลัวจะได้เกี่ยวดองกับบ้านนั้นที่เป็นผู้ดีแต่ศักดิ์ส่วนฐานะนั้นเข้าขั้นยากจนอย่างมาก อาโจวจึงมาหารื่นรมย์เพื่อขอความร่วมมือให้สนับสนุนการแต่งงานของลูกทั้งสองคน เพราะในสายตาของอาโจวยังไงอาหนูช่อก็มีภาษีเหนือกว่ายัยเด็กฟองดาวที่มีฐานะสิ้นไร้คนนั้นแน่ แต่รื่นรมย์ไม่ยอมร่วมมือเพราะรู้ว่าช่อม่วงรักลายไทและไม่ต้องการจะแต่งงานกับตงฉิน อาโจวต้องผิดหวังกลับไป เมื่อรื่นรมย์ไม่เอาด้วยอาโจวจะหวังพึ่งใครได้อีกนอกจากย้งยี้ที่มีใจอยากยกตำแหน่งลูกสะใภ้ให้ไปแต่แรก



อาโจวเตี่ยของตงฉินก็มีแผนการณ์ของตนเช่นกัน สั่งให้ตงฉินไปดูเรือที่อาโจวจะซื้อมาใช้กับอาเจ็กเล้ง ให้ตงฉินรออยู่ที่ท่าเรือ เมื่อลงเรือที่มารับไปแล้ว ย้งยี้กับสาวใช้ประจำตัวที่ซ่อนตัวอยู่ก็โผล่ขึ้นมาเซอร์ไพรส์ ตงฉินตกใจมาก คิดจะหนีก็หนีไม่ทันหนีซะแล้วเพราะเรือออกจากท่ามาเรียบร้อย ความที่ตงฉินรังเกียจและหวาดกลัวความบ้าคลั่งของย้งยี้จับจิตจึงแอบส่งข้อความโทรศัพท์ไปหาช่อม่วงให้มาช่วย ช่อม่วงกำลังตีขิมอยู่ด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายโดยมีหม่อมแจ่มใสนั่งหลับๆ ตื่นๆ ฟังอยู่ เห็นข้อความจากตงฉินแล้วช่อม่วงออกปากบ่นเบาๆ "ก่อเรื่องอีกแล้วนะแก" ช่อม่วงเปิดเสียงขิมจากเครื่องเล่นซีดีเพื่อกล่อมหม่อมแจ่มใสแทนเสียงตีขิมของเธอเอง แล้วรีบตามไปช่วย



ตงฉินรับสายที่ช่อม่วงโทรมาแกล้งบอกย้งยี้ว่าเป็นสายของเตี่ยและพยายามอธิบายว่าเขาอยู่ตรงไหนของเกาะเกร็ด ย้งยี้ต้อนหน้าต้อนหลังตงฉินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งอ้างว่ามารออาเจ็กเล้ง ตงฉินกลัวย้งยี้และไม่สบายใจมาก อากาศร้อนอบอ้าวแต่ไม่ยอมดื่มน้ำส้มคั้นที่ย้งยี้พยายามคะยั้นคะยอ แต่สุดท้ายย้งยี้กับสาวใช้ก็ใช้กำลังจับตงฉินตอนเผลอตัวกรอกน้ำส้มใส่ปาก น็อคดาวอยู่ตรงนั้น แต่ช่อม่วงก็เป็นวีรสตรีขี่เรือตามมาอัดย้งยี้และพาตงฉินที่ถูกมอมยากลับบ้านมาได้อย่างทุลักทุเล (ปกติเขามีแต่พระเอกไปช่วยนางเอก เรื่องนี้นางเอกไปช่วยพระเอกแทน เป็นอีกหนึ่งตอนที่ฮามากๆ โดยเฉพาะตอนช่ออัดย้งยี้และถีบสาวใช้ของย้งยี้ตกน้ำถึงสองรอบ) และงานนี้คนที่ต้องชดใช้ด้วยการคุกเข่าขออภัยต่อหน้าบรรพบุรุษ พร้อมกับตบหน้าตัวเองแรงๆ ร้อยครั้งตามคำสั่งของอาม่ากิมท้อก็คืออาโจว ที่นอกจากจะโดน 'มี้' ลงโทษแล้วยังรู้สึกผิดต่อลูกชายที่เกือบจะถูกขืนใจด้วย แต่ก็นั่นแหละถึงยังไงมันก็ดีไม่หยอกถ้าย้งยี้จะได้กลายมาเป็นสะใภ้



ในอาการสะลึมสะลือ ตงฉินจำได้ลางเลือนที่ช่อม่วงพยายามปลุกเขาขึ้นจากเตียงและพยุงลงเรือขึ้นท่ากลับบ้านอย่างทุลักทุเลด้วยความซึ้งใจ วันรุ่งขึ้นตงฉินคิดเอาดอกกุหลาบไปให้ฟองดาว แต่ไม่กล้าให้ด้วยตัวเอง ฝากช่อม่วงไปให้ จึงถือโอกาสเอ่ยปากขอบคุณเสียงอ้อมแอ้มอยู่ในคอ เพราะไม่คุ้นเคยกับการที่ต้องมีคำพูดต่อกันในลักษณะนี้มาก่อน

"แกไม่ต้องมาขอบคุณอะไรฉันหรอก เพราะไม่ว่ายังไง...ฉันก็ถือเป็นบุญคุณอยู่แล้ว" (5555 มุขนี้โดนใจมาก โดยเฉพาะการเน้นเสียงหนักในตอนท้าย 'อยู่แล้ว' )

แป่ว ... ตงฉินกำลังจะซึ้งก็อารมณ์ค้างทันทีเลยเชียว

"เออ ฉันรู้อยู่แล้ว คนอย่างเธอมันไม่เคยช่วยอะไรใครฟรีๆ หรอก"

ช่อม่วงเอากุหลาบแดงดอกสวยให้ฟองดาวบอกว่าตงฉินฝากให้มา ฟองดาวรับไปและวางมันไว้กับพื้น จนที่สุดก็ไปเผลอเหยียบมันซะกลีบเละ ช่อม่วงเอาซากกุหลาบของตรงฉินกลับมาที่สะพานไม้แล้วหัวเราะเยาะเย้ยมีความสุข แต่ในขณะเดียวกันเมื่อตัวเองไปหาลายไทที่บ้านก็ไม่ได้รับความสนใจเลยเหมือนกัน โทรมาเล่าให้ตงฉินฟัง ตงฉินก็หัวเราะเยาะกลับเสียงดังลั่น

"ว๊าก ฮะๆๆ สมน้ำหน้า มาว่าฉันดีนักว่าคุณฟองดาวเค้าไม่แล แล้วทีเธอล่ะ พี่ลายไทเค้าก็ไม่แลเหมือนกัน"

"หุบปากไปเลยนะไอ้ตง ที่ฉันเล่าให้แกฟัง เพื่อที่จะให้แกหทางทางช่วยฉันว่าจะทำยังไงให้พี่ลายไทเค้าสนใจ ไม่ใช่ให้แกมาหัวเราะเยาะกันแบบนี้ "

"ก็บอกแล้วไง ว่าอย่างเธอ ผู้ชายที่ไหนเค้าจะมาชอบ ยัยเมือก ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะเธอน่ะ มันไม่มีเสน่ห์เกินเยียวยาแล้ว"

แต่ตงฉินก็พาช่อม่วงออกมาเที่ยวเล่นในห้างสรรพสินค้าวันรุ่งขึ้น เพื่อช้อปปิ้งเสื้อผ้าและแปลงโฉม แต่ทำไปทำมาสองคนก็ทะเลาะกันเช่นเดิม ตงฉินโมโหกรุ่น

" ฉันนะ ทำบุญบูชาโทษแท้ๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับเธอ เธอก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ต่อไปนี้นะ ทางใคร ทางมัน" ตงฉินเดินหนี

"ฮื่อ ไอ้ตง ผู้ชายอะไรวะเนี่ย ขี้งอนชะมัด ตงงงง" ช่อม่วงร้องเรียกและจำเป็นต้องเป็นฝ่ายง้อบ้างล่ะทีนี้ (เป็นคู่ที่น่ารักและแสดงได้น่ารักมากๆค่ะ)

ทางฝ่ายลายไทกับฟองดาวก็นัดพบกัน เล่าเรื่องราวส่วนตัวสู่กันฟัง ความรักของลายไทที่มีต่อช่อม่วงเป็นความจริงใจที่ลายไทมีแก่ใจอยากจะเล่าสู่ผู้หญิงที่เขาชอบให้เธอฟัง

"ตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยติดของเล่นหรอกครับ ติดเพื่อนเล่นมากกว่า ผมมีน้องสาวอยู่คนหนึง อยู่บ้านติดกัน เค้าเป็นเด็กน่ารัก แล้วก็ซนมาก ผมรักเค้าเหมือนน้องสาวแท้ๆ ถึงทุกวันนี้เราก็ยังดูแลกัน ไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด" อา.. พี่ลายไท ไม่รู้ซะแล้ว น้องเรากำลังสุมไฟจ้องเผาเรือน(รัก)ของพี่อยู่

อาม่ากิมท้อกับคุณยายแช่มชื่นหาได้ยอมวางมือไม่ เห็นหลานสาวหลานชายไม่อยู่ติดบ้านทุกวันก็นึกสงสัย ไปทำอะไรที่ไหนกัน สองผู้ใหญ่แอบสะกดรอยช่อม่วงจนไปพบรถจอดอยู่หน้าบ้านหม่อมแจ่มใส บุกเข้าไปจะค้นหาตัวช่อม่วงให้ได้ จนกลายเป็นทะเลาะวิวาทกับหม่อม ผู้ดีที่รังเกียจความหยาบคาย ไม่มีมารยาท กิริยาไม่เรียบร้อยดั่งคนไม่เคยได้รับการอบรม (เยอะได้อีกค่ะหม่อมขา) เพราะมีหม่อมแจ่มใสคอยขวาง ช่อม่วงในคราบของ "มะม่วง" จึงรอดพ้นสถานการณ์วิกฤตไปได้หวุดหวิด (อย่างฮา) หม่อมแจ่มใสเรียกร้องค่าเสียหายจากอาม่าถ้าไม่งั้นจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก จำนวนเงินที่หม่อมเรียกทำให้อาม่ากิมท้อแค้นใจมากถึงกับสาปส่งบ้านหลังนี้ที่เค็มชนิดไร้ขีดจำกัด

ยายแช่มขอร้องให้ช่อม่วงไปส่งข้าวต้มให้กำนันสันทัดที่สั่งข้าวต้มมัดมาหลายเข่งและอยู่ไกลถึงนครนายก (แถวนั้นมันไม่มีข้าวต้มมัดหรือไงกัน) อาม่าขอให้ตงฉินไปเป็นเพื่อนเพราะช่อม่วงเป็นผู้หญิงไม่อยากให้ขับรถไกลๆ คนเดียว ตงฉินทำตัวเหมือนหงุดหงิดไม่เต็มใจ แต่ปากก็ไม่ได้ปฏิเสธสักคำ สองคนต่างไม่รู้ตัวเองว่ามีความแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือทะเลาะกันทุกวี่ทุกวันแต่ก็อยู่ด้วยกันทุกวันทั้งที่ทะเลาะกันนั่นแหละ ถ้าไม่ชอบทำไมไม่เกลียดแล้วก็อยู่ให้ห่างๆ กันซะล่ะ

ขึ้นรถมาด้วยกันได้ก็ถกเถียงกันอีก ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายที่ทำให้ต้องโดนจับคู่มาด้วยกัน

" นี่เธอนึกว่าฉันอยากมานักหรือฮะ ฉันปฏิเสธอาม่าไม่ได้ต่างหาก"
"ฉันก็ปฏิเสธยายไม่ได้เหมือนกันโว้ย"

ช่อม่วงทำหน้าที่ขับรถ ส่วนตงฉินก็เอาแต่หลับหัวพิงกระจกประตู ช่อม่วงจึงจอดรถแล้วเลื่อนกระจกลง ตกฉินหัวทิ่มและตื่นขึ้นมางัวเงีย
" นี่กะจะนอนให้ตายเลยหรือไงฮะ" แต่ด่าไม่กี่คำเมื่อตงฉินถามว่าเราอยู่ที่ไหนกีย ช่อม่วงอ้อมแอ้มบอกเรื่องที่เธอจำทางไม่ได้จนขับรถหลงทาง เป็นเรื่องให้ทะเลาะกันอีก

"นี่เธอมีสมองไว้คั่นหูแค่นั้นเองหรือ"
"นี่แกว่าฉันโง่หรือไอ้ตง"
"ไม่ได้โง่อย่างเดียว งั่งด้วย นี่ตอนเด็กๆ เธอก็ชอบลอกการบ้านฉันอยู่ตลอด โตมานึกว่าจะฉลาดขึ้นบ้าง ไม่มีเลย" ตงฉินใส่อารมณ์เต็มที่

(พวกเขาพูดถึงตอนเด็กๆ อีกแล้ว มีเรื่องให้พูดถึงตอนเด็กๆ อยู่เสมอ เมื่อเริ่มต้นทะเลาะกัน)

ช่อม่วงไม่พอใจที่ตงฉินด่าว่าโง่ แต่สู้ทนเก็บอาการเอาไว้

"เออนี่ตง ช่วยลงไปดูล้อหลังให้หน่อยดิ คืองี้ ฉันขับๆ แล้วรู้สึกล้อหลังมันจะแบนนะ มันกุ๊บกิ๊บๆ ยังไงไม่รู้ ไหนๆ แกก็ฉลาดปราดเปรื่อง ร่ำเรียนก็สูงจบวิศวะมา ดูมีความรู้น่ะนะ ช่วยลงไปดูให้หน่อยสิ"

ตงฉินได้ยินคำเยินยอก็ยิ้มปริ่มยืดอกภูมิใจตัวเองเล็กน้อย พอลงจากรถไปสีหน้าช่อม่วงก็เปลี่ยนเป็นนางมารร้ายจอมเจ้าเล่ห์ทันที

"หนอย..มาหาว่าฉันโง่ ไอ้งั่งเอ๊ย"

ช่อม่วงออกรถหนีทันที ตงฉินเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหลอกให้ลงจากรถและกำลังจะถูกทิ้ง วิ่งตามรถที่ช่อม่วงขับหนีไปสุดชีวิต ช่อม่วงเดี๋ยวชลอรถ เดี๋ยวเร่งความเร็วแกล้งตงฉิน แถมยังยื่นมือออกมาโบกเป็นเชิงบอกให้ตงฉินไล่ตามมาให้ทันด้วย ตงฉินวิ่งตามรถจนหมดเรี่ยวหมดแรง อยู่ๆ รถก็หยุดแล่น ตงฉินรวบรวมกำลังเฮือกที่เหลืออยู่ วิ่งตามมาทันและกระโดดเกาะท้ายรถไว้แน่นเพราะกลัวช่อม่วงจะทิ้งไว้ในถนนสายเปลี่ยวกลางท้องทุ่งที่ยากจะมีรถสองแถวผ่านไปมาให้หาทางกลับ (555 เป็นตอนที่ตลกและชอบซะจริงๆ) ตงฉินท้าให้ช่อม่วงขับรถไป "เอาดิ๊ ขับไปดิ๊" เพราะเขาจะไม่มีวันปล่อยมือจากรถแน่ ช่อม่วงหันมายิ้มแหยๆ ส่งเสียงบอกกล่าวอ้อมแอ้มเพราะรู้ว่าตงฉินต้องด่าเปิงแน่

"แฮ่ .. น้ำมัน...หมด"
"อย่ามาอำ ยังไงๆ ฉันก็ไม่ปล่อยมือแน่ เธอหลอกฉันอีกไม่สำเร็จหรอก"
"แฮ่ ...ไม่ได้อำ น้ำมัน หมด..จริงๆ สตาร์ทให้ดูไหม" ช่อม่วงสตาร์ทเครื่องให้ดู แล้วตงฉินก็ทรุดฮวบนั่งกองพิงรถหมดแรงอยู่ตรงนั้น

สองคนจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินไปตามถนนกลางทุ่งที่ไม่มีรถผ่านไปมาสักคัน แล้วก็ทะเลาะกันในยามคับขันขึ้นมาอีก เพราะต่างฝ่ายต่างโทษกัน

"นอกยัยโง่แล้ว เธอยังเขลาอีก แล้วก็ยังไม่รอบคอบอีกด้วย รู้ก็รู้ว่ามาต่างจังหวัดทำไมถึงไม่รู้จักเช็คน้ำมันให้ดีฮะ " ยามโกรธช่อม่วงชอบเห็นตงฉินเป็นกระสอบทราย "ยัยโง่ ยัยงั่ง ปากปลาร้า ผิวอีกา"
ฟังแต่ละคำสิใครจะทนไหว ช่อม่วงรัวมือขณะที่ตงฉินเป็นผู้ชายก็ทำได้แค่ยื้อยุดฉุดมือไว้ไม่ให้ทุบตีตัวเองและพยายามสลัดยัยตุ๊กแกนี่ให้หลุดไปจากตัวเท่านั้น แต่บางทีเป็นผู้ชายมันก็มีน้ำโหเหมือนกันใครจะยอมเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว อารมณ์ขุ่นมัวของตงฉินทำให้ผลักตอบช่อม่วงไปบ้าง แต่แรงของตงฉินก็ไม่ใช่น้อยๆ คราวนี้ผลก็คือช่อม่วงถลาตกถนนลงไปข้างทาง จนข้อเท้าเคล็ด



ภาพที่ตงฉินแบกช่อม่วงใส่หลังเดินอยู่กันตามลำพังบนถนนกลางทุ่งจึงเป็นฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักไม่กี่ฉากในเรื่องนี้ เพราะส่วนใหญ่สองคนนี้ไม่เคยเลิกตั้งป้อมทะเลาะกัน และนั่นเป็นภาพที่น่ารักมากๆ กรอดูแล้วดูอีกตั้งแต่เริ่มทะเลาะกันจนช่อม่วงหลอกตงฉินลงจากรถ เพราะสองคนเล่นได้ฮามากๆ ทว่ากุ๊กกิ๊กได้แค่สั้นๆ ทั้งคู่ก็ทะเลาะกันอีกทั้งที่ขี่หลังกันอยู่นั่นแหละ ตงฉินแกล้งโยนช่อม่วงลงจากหลังลงไปกองกับพื้น "โอ๊ย ไอ้ตง ฉันเจ็บนะโว้ย" ช่อม่วงลุกขึ้นได้ก็ตรงเข้าบีบคอตงฉิน ตงฉินไม่ยอมสองมือจึงคว้าคอช่อม่วงตอบ บีบคอยื้อกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีสติได้ว่ามีคนขี่มอเตอร์ไซด์คันหนึ่งผ่านมา ตงฉินปล่อยมือจากช่อม่วงทิ้ง วิ่งตามร้องเรียกรถมอเตอร์ไซด์โดยไม่สนใจช่อม่วงที่เดินโขยกเขยกอยู่ข้างหลัง "หือ ไอ้ ไอ้ สุภาพบุรุษ!" ช่อม่วงร้องด่าตามหลัง



หาน้ำมันมาเติมรถจนได้ คราวนี้ไม่ไว้ใจอีกแล้ว ตงฉินแย่งกุญแจมาจากมือช่อม่วงขอเป็นคนขับรถเอง ช่อม่วงเดินอ้อมไปจะขึ้นรถอีกด้าน ตงฉินได้ทีเอาคืน ออกรถขยักขย่อนแกล้งให้ช่อม่วงขึ้นรถไม่ได้และคอยเดินตาม

เฮ้ออ น่ารักอะไรกันขนาดนี้ น่ารักแบบเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับซีรีย์เกาหลี และน่ารักแบบนี้ไม่มีเหมือนใครหรือเหมือนเรื่องไหนมาก่อน

ช่อม่วงเอาเรื่องที่ตงฉินผลักตกข้างทางจนเจ็บตัวกลับมาไปฟ้องแม่กับยาย งานนี้ตงฉินโดนอาม่าด่าสลดเพราะเขาทำยัยช่อตกจริงเจ็บจริงกลับมาบ้าน โดนข้อหาไม่เป็นสุภาพบุรุษรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ (แต่มือหนักยังกะเท้าช้าง) ไปเต็มๆ

แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองก็ใช่จะละความพยายาม วางแผนให้ช่อม่วงไปเที่ยวต่างจังหวัดกับตั๋วและที่พักที่มีคนให้มาฟรี ถ้าไม่มีใครไปใช้สิทธิ์ก็เกรงใจคนให้ที่อุตส่าห์เอื้อเฟื้อให้มาและเชื้อเชิญอยู่หลายครั้ง ระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างกำลังเก็บกระเป๋าก็พากันเอะใจในการคะยั้นคะยอของยายและอาม่า โทรหากัน จึงได้รู้ว่า โดนยายกับอาม่าเล่นอีกแล้ว สองคนจึงสุมหัวกันซ้อนแผนตลบหลังผู้ใหญ่ทั้งคู่ ออกจากบ้านไปตามคำสั่ง ไปเจอกันด้วยความดี๊ด๊ามีความสุข ตงฉินกลับไปเป็นนายชินหลอกพาลายไทออกจากบ้าน ช่อม่วงในคราบมะม่วง ชวนคุณครูฟองดาวออกมาเปิดหูเปิดตา แล้วแยกตัวออกมาสลัดคราบกลับไปเป็นช่อม่วงกับตงฉิน ระหว่างที่ลั่นล้านัดแนะกันมีความสุขที่จะทำทีไปพบฟองดาวกับลายไทโดยบังเอิญ อาม่ากับยายแช่มก็มาพบสองคนเข้า สองหลานตัวแสบไม่ได้ไปต่างจังหวัดอย่างที่คิดแต่กลับมาสุมหัวกันอยู่แถวนี้ จับมานั่งไต่สวนทวนความจนพอรู้เรื่องที่สองคนรวมหัวกันเพื่อวางแผนล่มการแต่งงาน ยายแช่มและอาม่าโกรธหลานมากที่โกหกพกลม ตีสองหน้ามาหลอกลวงผู้ใหญ่ ( อาม่ากับยายไม่ได้ดูตัวเองกันเลย ลูกไม้ตกใต้ต้นแท้ๆ)

"ผมไม่มีวันรักยัยบะช่อ ต่อให้ผมต้องตายผมก็ไม่มีวันรัก"
"ผมทำไม่ได้ครับอาม่าไปกับยัยบ่ะช่อ ผมตายดีกว่า ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับยัยช่อนี่หรอกครับ"

คำพูดของตงฉิน แรงส์! กระเทือนใจช่อม่วงให้หันขวับมา

"ทำไมฮะ ไปกับฉันแล้วมันทำไม มันต้องตายเลยหรือวะฮะ"

สองคนผุดลุกขึ้นต่อหน้าอาม่าและยาย แล้วก็ทะเลาะกันอีกก่อนจะหันมาสรุปว่า

"จะให้เราสองคนมารักกัน มันเป็นไปไม่ได้"


อุบายหนึ่งแว่บเข้ามาในหัวอาม่า ทำทียอมประนีประนอมประกาศจะตามใจทั้งคู่ ถ้าไม่อยากแต่งงานกัน เพราะอิดหนาระอาใจถึงขีดสุด แต่ว่าเพื่อความสุขของอาม่าสักครั้ง เพื่อเยียวยาความผิดหวังที่อาม่าจะไม่ได้อาหนูช่อมาเป็นหลานสะใภ้ ทั้งสองต้องควงกันไปงานแซยิดของอาม่าที่จะถึงเร็วๆ นี้

ตงกับช่อต่างดีใจจับไม้จับมือกันในที่สุดความร่วมมือและการลงทุนลงแรงที่ทำไปก็เป็นผล ทั้งสองคนพากันเดินหน้าจีบลายไทและฟองดาวอย่างสบายใจ

แต่ไม่ทันไรรื่นรมย์ก็แอบได้ยินยายแช่มเมาท์กับแป้นเรื่องที่วางแผนร่วมกับอาม่า (เพิ่งจะพากันด่าหลานไปหยกๆ) จะประกาศการแต่งงานของทั้งคู่กลางงานแซยิด และสองคนจะไม่กล้าหักหน้าทำลายงานแซยิดของอาม่าท่ามกลางแขกเหรื่อผู้ใหญ่มากมายที่มาร่วมงาน

อาม่ารู้จักฤทธิ์ของตงและช่อน้อยไปแล้ว สองคนนี้หรือจะไม่กล้าหักหน้า ไม่ใช่แค่หน้าหรอกที่จะหัก แต่จะหักหลังให้ด้วย ตงกับช่อวางแผนซ้อนแผน ช่อจะควงพี่ลายไปไปเปิดตัวในฐานะแฟน และตงฉินก็จะควงคุณฟองดาวมาในฐานะเดียวกัน ชิงตัดหน้าไม่ให้อาม่าและยายประกาศงานแต่งออกมาท่ามกลางผู้คนมากมาย



ช่อม่วงกับลายไทเป็นเหมือนพี่น้อง การพาลายไทไปทำหน้าที่แฟนกำมะลอจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ความสัมพันธ์ของตงฉินกับฟองดาวนั้นช่างห่างไกลจากคำว่าเพื่อนหรือคนสนิท ตงฉินแทบไม่เคยได้พูดจาตรงๆ กับฟองดาวเลยด้วยซ้ำ เรื่องนี้ช่อม่วงต้องทำงานหนัก หลอกฟองดาวมากินข้าวนอกบ้านและให้บังเอิญพี่ชายตงผ่านมาพบ ช่อม่วงชวนตงฉินกินข้าวด้วยกัน และขอตัวไปห้องน้ำปล่อยให้สองคนคุยกัน ช่อเปลี่ยนตัวเองแต่งหน้า ใส่วิก ติดไฝ สวมชุดคลุมท้อง เมาแอ๋เข้ามาในร้าน มาพบตงฉินกับฟองดาวเข้าก็แสดงกิริยาหยาบคายด่าว่าฟองดาวต่างๆ นานา เมื่อตงฉินออกโรงสุภาพบุรุษปกป้องฟองดาวช่อม่วงก็หันมาเล่นงานทุบตีตงฉินไม่ยั้ง ตามแผนด้วยส่วนหนึ่ง ด้วยความสะใจส่วนตัวด้วยส่วนหนึ่ง (ที่เป็นส่วนใหญ่) ทุบตีไม่มียั้งไม่มีออมมือยังไม่พอ ยัยบะช่อยังนอกบทยกจานยำวุ้นเส้นขึ้นมา เท้าเหยียบขาตงฉินไว้ไม่ให้ดิ้นหนี



"เฮ้ยๆๆๆๆ" ตงส่งเสียงปราม แต่ช่อไม่มีติดเบรกอยู่แล้ว สีหน้าอำมหิตส่งเสียงคำรามลอดริมฝีปากออกมาเบาๆ "แกตายยยยยยยย" เทยำวุ้นเส้นราดหัวตงฉินทันที ยัยช่อนะยัยช่อ ทำกันได้ขนาดนี้ ตงฉินหมดความอดทน เมื่อช่อม่วงยกอาหารอีกจานขึ้นมา ตงฉินตะโกน "หยุด!" ผุดลุกขึ้นแย่งจานไปจากมือช่อม่วงแล้วตรงเข้าอุ้มช่อม่วงออกมาจากร้านทันที (เป็นอีกหนึ่งตอนที่ฮาท้องแข็ง แพทและฟิล์มเล่นได้ธรรมชาติและฮามากๆ) ที่นอกร้านตงฉินบ่นอุบ " ทำอะไร ทำไมไม่เตี๊ยมกันก่อน คิวบู๊น่ะฮะ นี่เล่นหยิบอะไรได้ก็ทุบมาเต็มๆ ทุบเป็นปลาดุกเลย" ช่อม่วงลอยหน้าลอยตาอ้างว่าทำไปเพื่อความสมบทบาท เพราะฟองดาวคอยอยู่ตงฉินไม่อยากทะเลาะด้วยให้เสียแผน รีบกลับเข้าไปหาฟองดาวในร้าน

ฟองดาวมัวแต่ตกใจ ไม่ทันเห็นหน้าค่าตาช่อม่วงให้ชัดๆ เมื่อตงฉินกลับมาเรียกร้องความสงสารที่อาม่าบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงขี้เมามากชู้อย่างช่อม่วง เช่นเดียวกับที่ "มะม่วง" กลับมาจากห้องน้ำ และทำทีรู้เรื่องที่ "คู่หมั้นของพี่ตง" มาอาละวาด มะม่วงยิ่งบีบน้ำตาสงสารพี่ชายสองคนเล่นละครกอดกันร้องไห้หดหู่ ฟองดาวสงสารและยอมตงลงจะช่วยด้วยการเป็นคู่ควงของตงฉินไปในงานแซยิดของอาม่า แผนการก็สำเร็จลงด้วยประการฉะนี้ หุหุ อาม่าและยายเตรียมหลักหักกระอักเลือดได้เลย


สองคนมาชนแก้วน้ำปั่นกันที่สะพานไม้ข้ามคลอง ตงฉินมีความสุขมากแม้ว่าแก้มที่โดนช่อม่วงชุกจะบวมตุ่ย

"ตั้งแต่รู้จักกับเธอมา วันนี้เธอน่ารักที่สุดเลย"
"แล้วปกติฉันไม่น่ารักหรือวะ"
"ก็ .... ไม่นะ" ช่อม่วงก็กำลังอารมณ์ดีที่แผนการณ์เป็นไปด้วยดี จึงไม่ถือสาคำพูดของตงฉินในครั้งนี้
"อะไรจะมีความสุขเท่าที่เราสองคนไม่ต้องแต่งงานกันนะ แค่นี้โลกมันก็สวยงามแล้วนะช่อ"

สองคนยิ้มอารมณ์ดีมีความสุขกัน ไม่มีโอกาสรู้ล่วงหน้าเลยว่า ในอนาคตที่จะไม่ต้องแต่งงานกันจริงๆ นั้น นอกจากมันจะไม่สุขแบบนี้ยังจะทุกข์ขนาดหนักอีกด้วย

แผนแตกโพละ กับคนหน้าแตกละเอียด

ในงานแซยิดของอาม่า แขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย ด้วยไม่อยากให้แผนพลิก อาม่ากิมท้อจึงรวบรัดตัดตอน ประกาศตัวว่าที่เจ้าสาวชิงตัดหน้าก่อนที่ตงฉินและช่อม่วงจะชิงลงมือ ที่วางแผนไว้ว่าเมื่ออาม่ากับยายเห็นคู่ควงแล้วจะไม่กล้าประกาศงานแต่งจึงผิดแผน ช่อม่วงจำใจลากลายไทติดแขนออกมา เช่นเดียวกับการประกาศตัวเจ้าบ่าวตงฉินที่ดึงฟองดาวออกมาข้างตัวด้วย ลายไทกับฟองดาวเห็นหน้ากันต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายมีแฟนแล้วแต่ยังมาหลอกลวงเป็นชอบพอตน ฟองดาวไม่รู้ว่าช่อม่วงคือน้องสาวสุดที่รักที่ลายไทเคยพูดถึง เธอขอตัวออกจากงานทันทีเพราะเสียใจที่เห็นลายไทมีคนอื่นอยู่แล้ว ลายไทรีบตามไปทันที ทิ้งช่อม่วงกับตงฉินไว้กลางเวที ผู้ใหญ่ทุกคนมองตามฟองดาวและลายไทก่อนจะหันขวับมาจ้องทั้งสองแสบกันเป็นตาเดียว ยายแช่มกับอาม่ารู้สึกเสียหน้าและโกรธหลานทั้งสองมาก

"ช่อ ทั้งชีวิตของยาย ยายไม่เคยขออะไรช่อเลย ถ้าช่อกับตงไม่เหมาะสมกันจริงๆ ยายก็กล้าทำแบบนี้หรอก"

"ก็ถ้าเรื่องอื่นช่อก็ทำให้ยายได้ยกเว้นเรื่องนี้"
"ผมทำแบบนี้ไม่ใช่อกตัญญู แต่ผมรักคุณฟองดาวจริงๆ เห็นใจผมเถอะครับอาม่า ยายแช่ม"

"อาม่าคะ ช่อน่ะ เกลียดไอ้ตงมันจริงๆ นะจ๊ะ เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือน กิ้งกือ เหม็นหน้ามันยิ่งกว่าเหม็นจักกะแร้อีก"
ตงฉินมองหน้าเคือง 'นี่ยัยช่อเธอต้องพูดมันขนาดนั้นเลยเหรอ'

"ผมก็เกลียดยัยช่อครับ เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือน กิ้งกือ ปลาไหล โคกระบือ เกลียดยิ่งกว่าขี้หมาอีกนะครับ" ช่อม่วงจ้องตงฉินตอบราวจะกินเลือดกินเนื้อ 'ไอ้ตง นั่นมันเกินไปแล้วโว้ย'

ไม่ต้องถกเถียงกัน อธิบายกันให้มากความเพราะย้งยี้กับพี่คล้าวตามมาป่วนด้วยอีกคู่ ขณะที่ฟองดาวกับลายไทหลังจากปรับความเข้าใจกันได้ ก็จูงมือกันมาสารภาพ เพื่อความรักที่มีต่อฟองดาว ลายไทเลือกที่จะกตัญญูต่อยายแช่มแล้วหักหลังน้องสาวช่อม่วงด้วยการสภาพความจริง เขากับช่อม่วงไม่ได้รักและเป็นแฟนกัน สายตาของลายไทที่มองมายังช่อม่วงมีความรู้สึกผิดและเสียใจ

"น้องช่อจ๊ะ พี่ขอโทษ พี่คงร่วมมือกับน้องช่อโกหกคุณยายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว"

ทางฝ่ายฟองดาวก็สารภาพความจริงด้วยเช่นกัน เธอไม่ได้รัก และไม่ได้เป็นแฟนตงฉิน ฟองดาวเอ่ยปากขอโทษที่ไม่อาจช่วยเหลือตงฉินอีกต่อไปได้ แล้วสองคนก็โอบประคองกันหันหลังออกไปจากงาน ตงฉินกับช่อม่วง ก่อนที่จะถูกทุกคนรุมเล่นงาน จึงหงายหลังเป็นลมล้มพับอยู่ตรงนั้น

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า" อาม่ากิมท้อไม่เคยได้หัวเราะสมน้ำหน้าใครด้วยความสะใจแบบนี้มาก่อน ตัวแสบทั้งสองกล้าหักหน้าผู้ใหญ่กลางงานแล้วเป็นไงล่ะ หน้าแตกเสียเอง

"อาตง ลื้อขัดขืน แข็งข้อกับอาม่า อาม่าจะลงโทษลื้อ โดยการเร่งงานแต่งงานให้เร็วขึ้น""
อาม่าทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ"
"ทำไมไม่ได้ ทีพวกลื้อยังกล้าฉีกหน้าอั๊ว"

เอาเป็นว่าอาม่ารู้แล้ว ตงฉินหลงรักหลานสาวอาคุงนายหม่อมเกลือนั่น อาม่าไม่พอใจมากเพราะยังแค้นใจหม่อมแจ่มใสไม่หายและไม่คิดว่าเค็มอย่างนั้นจะยอมเกี่ยวดองรับหลานสาวมาร่วมวงศ์ตระกูลกันได้ ถึงอาม่าจะดีใจที่ลายไทกับฟองดาวรักกันไปซะได้ แต่จากประสบการณ์อาม่าไม่ไว้ใจหลานทั้งสอคนอีก สองคนกับยัยแช่มคิดว่าต้องวางแผนอย่างระมัดระวังรอบคอบมากขึ้น ไม่ได้ห่วงคนของเขา (ลายไทกับฟองดาว) แต่ห่วงคนของเรา เพราะช่อม่วงกับตงฉินคงไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ และถ้าเกิดไปทำให้ลายไทกับฟองดาวแตกคอกันได้สำเร็จก็จะเป็นปัญหาขึ้นมาอีก ยายแช่มไม่กังวลนักกับการรับมือหลานทั้งสองแถมยังให้กำลังใจอาม่าหากลายไทกับฟองดาวมีอันต้องเลิกรากันจริง

"ฉันเชื่อสายตาตัวเองดี ลายไทคงไม่หันมามองยัยช่อหรอก"

สองคนตงกับช่อก็รู้แล้วเช่นกันระหว่างลายไทกับฟองดาวเป็นกิ๊กกันอยู่ ต่างรู้ตัวว่าระดับความยากเย็นในการคัดค้านงานแต่งงาน ได้เพิ่มมากขึ้นตามขนาดของอุปสรรค

ถึงแม้เรื่องต่างๆ จะเป็นแผนการณ์ที่กุขึ้น แต่การถูกลายไทหักหลักกลางคันทำให้ช่อม่วงเสียใจไม่น้อย ลายไทก็รู้ตัวดีว่าผิดและมาขอโทษพร้อมทั้งสารภาพเหตุผลที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะเขารักคุณฟองดาว ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ช่อม่วงเสียใจหนักขึ้น แม้ต่อหน้าจะไม่โวยวาย แต่หลังจากนั้นช่อก็ลงทุนประท้วงด้วยการแกล้งล้มป่วย (ตรอมใจขนาดนั้น) ลายไทพยายามจะมาเยี่ยมน้อง แต่ก็ถูกยายแช่มกีดกัน แถมอาม่ายังบังคับให้ตงฉินเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ามานอนค้างบ้านยายแช่มเพื่อดูแลช่อม่วงในฐานะคู่หมั้นคู่หมายที่กำลังจะแต่งงานกัน ลายไทที่เป็น 'คนอื่น' ต้องล่าถอยไป

ตงฉินกล่าวหาช่อม่วงเรื่องที่เธอสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงขนาดต้องลดศักดิ์ศรีด้วยการแกล้งป่วยเพื่อยื้อลายไทไว้ แต่เมื่อถูกตอกหน้าว่าตงฉินเองก็ไม่ได้มีแผนอะไรที่ดีกว่านี้ เมื่อร่วมมือกันไม่สำเร็จเธอก็จะหาทางด้วยตัวของเธอเอง การที่เธอต้องล้มป่วยก็เพื่อไม่ให้ลายไทสะดวกนักที่จะไปหา ไปสานสัมพันธ์กับฟองดาวในขณะที่ยังรู้สึกผิดต่อช่อม่วงอยู่ ตงฉินเถียงไม่ออกก็เลยต้องตกกระไดพลอยโจน ตามน้ำ เลยตามเลยตามแผนป่วยของช่อม่วง ความใกล้ชิดของตงและช่อ ทำให้หลายๆ ครั้ง แม้จะทะเลาะกันอยู่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็กลับกลายเป็นเข้าใจผิดว่าเด็กๆ ทั้งสองคนกำลังรักกันหวานชื่น

เมื่อลายไทถูกกีดกันมาเยี่ยมช่อม่วงไม่ได้ เขาก็มีเวลาที่จะไปหาฟองดาว ตงกับช่อเห็นแผนการณ์ป่วยไม่ได้ผล ช่อม่วงหายดี ตงฉินกลับไปบ้านของตน และสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างช่อกับตงก็เริ่มขึ้นอีกครั้งโดยมีเป้าหมายปฏิบัติการคือ ทำลายล้างความรักของลายไทและฟองดาว

เช่นเดียวกับพี่คล้าวกับย้งยี้ที่คอยเทียวไล้เที่ยวขื่อก่อความรำคาญ (พี่คล้าว) และความหวาดกลัว (ย้งยี้) ให้กับช่อม่วงและตงฉิน พี่คล้าวนั้นถึงกับลงทุนวางแผนอุ้มช่อม่วงเพื่อรวบหัวรวบหางแต่ปรากฏว่าอุ้มผิดตัว ไปอุ้มเอายายแช่มไป ทำให้ไอ้พี่คล้าวงานนี้โดนด่าแทบเสียผู้เสียคน

ส่วนย้งยี้ ตอนที่ตงฉินไปค้างบ้านช่อม่วง เธอพาลูกน้องมาราวีเพื่อตามตงฉินกลับบ้าน ไม่ว่ายังไงหมวยทอร์นาโดอย่างย้งยี้ก็ไม่ยอมกลับถ้าไม่ได้ตงฉินไปด้วย ช่อม่วงออกอุบายให้ย้งยี้ล่าถอยกลับไปด้วยการรับปากจะให้ตงฉินไปเที่ยวด้วยหนึ่งวัน เมื่อสัญญาของช่อม่วงเป็นเพียงลมปากที่ไม่มีใครสนใจทำตามหลังจากนั้น ย้งยี้จึงพาลูกน้องนักเลงมาดักฉุดตรงฉินอีกครั้ง ที่สุดของความจวนตัวที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ คนที่ตงฉินนึกถึงในยามเดือดร้อนก็คือช่อม่วง

"ยัยบะช่อ! ฉันกำลังตกอยู่ในอันตรายเธอรีบมาช่วยฉันด่วนเลย"

ช่อม่วง ที่ปากบอกปัด ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลืออย่างไม่มีเยื่อใย แต่ทุกครั้งการกระทำก็ตรงกันข้าม ช่วยไป บ่นไป

"โว้ย ทำไมฉันต้องมาทำอะไรอย่างนี้ เพื่อแกด้วยนะ"

มันเป็นปฏิบัติการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างคู่ย่ายาย และคู่ลูกคู้หลานโดยแท้ ทั้งอาม่ากิมท้อ ยายแช่ม แม่รื่นรมย์ เตี่ยโจว ช่อม่วง และตงฉิน ต่างก็มีแผน และแผน และแผนของตัวเองที่จะทำให้ความต้องการบรรลุความสำเร็จ ตงฉินกับช่อม่วงแสร้งทำเป็นรักและสนิทสนมกันมากขึ้นเพื่อที่จะได้ควงคู่กันตะลอนๆ ออกไปทำตามแผนของตนได้ อาม่ากับยายพยายามจับให้มั่นคั้นให้ตายเพื่อตามดูว่าเด็กสองคนคบคิดทำอะไรกันอยู่ แต่ก็ไล่ไม่ทันเสียที ครั้งหนึ่งอาม่าเคยสะกดรอยหลานสองคนไปที่ร้านอาหาร ตงกับช่อเกือบจะจวนตัว ต้องหลบกันหัวซุกหัวซุน เพื่อที่จะหลบอาม่าให้พ้น ตงฉินถึงกับกอดช่อม่วงคนที่ตนออกปากว่าเกลียดนักเกลียดหนาเอาไว้ทั้งตัว และนั่นก็เป็นอีกฉากหนึ่งที่ดูกุ๊กกิ๊กและน่ารักมากๆ

บ้านของฟองดาวกำลังจะถูกยึด ตงฉินรู้เข้าโดยบังเอิญจึงอยากจะหาทางช่วย ด้วยการลากตัวช่อม่วงออกมาจากบ้าน และขอให้ช่อม่วงไปคุยกับคุณน้าญาติของเธอที่เปิดโรงเรียนสอนแดนซ์ให้จ้างคุณหม่อมแจ่มใสไปสอนรำไทย ช่อม่วงเห็นแก่ผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับหากฟองดาวซาบซึ้งในน้ำใจตงฉิน สองคนจึงช่วยกันขอร้องโดยหลอกเจ้าของโรงเรียนว่าหม่อมแจ่มใสเป็นมะเร็งและอยากจะสอนรำไทยอย่างมีความสุขความภาคภูมิใจในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต (ตงและช่อใช้หมัดหนักในการแก้ปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ) ตงฉินถือโอกาสคอยไปรับไปส่งหม่อมแจ่มใส และพาไปกินอาหารซึ่งหม่อมก็ยินดีที่มีคนช่วยประหยัด( เค็มอยู่แล้ว) อาม่ากับเตี่ยโจวมาพบตงกับหม่อมเข้า เกิดเป็นเหตุให้ทะเลาะกันอาม่าอาโจวจิกด่าคุณหม่อมแจ่มใสที่โกรธและอับอายจนตัวสั่น แม้ตงฉินจะพยายามช่วยหม่อมสุดชีวิตแต่ก็ไม่อาจแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปในทางที่ดีขึ้นได้

ตงโทรเรียกช่อออกมาที่สะพานไม้ ช่อมาหาและพบว่าตงกำลังเศร้าสุดขีดกับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ใหญ่ของตนและฟองดาว

"โถๆ ไอ้ตง ฉันไม่เข้าใจเล้ยว่าทำไมแกถึงได้ซวยแบบนี้วะ""
นี่จะมาช่วยหรือมาซ้ำเติมกันแน่ยัยช่อ"

ช่อม่วงไม่มีแก่ใจจะเยาะเย้ย ตรงกันข้าม ช่อกลับเห็นอกเห็นใจตงฉินอย่างแท้จริง

"ก็แกน่ะ ทำไมไม่รู้จักระวังให้ดี ปล่อยให้อาม่ากับลุงโจวสะกดรอยตามแกได้ยังไง"
"ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าอาม่ากับเตี่ยจะทำถึงขนาดนี้"

อย่างที่อาม่าบอกไง หลังจากเหตุการณ์วัดแซยิด อาม่าไม่มีทางไว้ใจช่อม่วงกับตงฉินอีก

"เฮ้อ บะช่อเอ๊ย ฉันคงหมดเครดิตให้หม่อมเอ็นดูฉันอีกต่อไปแล้ว เธอต้องช่วยฉันนะยัยบะช่อ"

ช่อม่วงเอื้อมมือไปตบไหล่ตงฉินปลอบใจ

"เออ ค่อยๆ คิดนะ เดี๋ยวมันก็มีทางออกเองแหละ ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยให้แก เสียคะแนนไป แล้วก็ปล่อยให้พี่ลายไทยเค้าได้เรตติ้งอยู่คนเดียวหรอก ฉันนะ จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แกได้คะแนนกลับมาให้ถึงที่สุดเลย"

เสียงเจื้อยๆ ปลอบใจของช่อม่วง มือที่คอยตบไหล่ให้กำลังใจ ทำให้ตงฉินรู้สึกดีขึ้น สายตาที่มองช่อม่วงบ่งบอกความเชื่อมั่น ไว้วางใจ และที่สำคัญมันมีความซาบซึ้งใจปะปนอยู่ในนั้นด้วย

ติดตามอ่าน

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 3




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:57:04 น.
Counter : 2813 Pageviews.  

มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 1



อยากจะเขียนถึงละครเรื่องนี้มานานแล้ว เพราะไม่ใช่จะพบเจอกันง่ายๆ กับละครไทยที่ทำให้ต้องรีบปั่นงานสุดชีวิตในตอนกลางวันเพื่อจะบึ่งหน้ากลับมาให้ทันดูละครหลังข่าวในตอนกลางคืน (ช่วงเวลาออกอากาศ พุธ-พฤหัส เวลา 20.30-22.30) แต่ไม่ว่าจะติดละครขนาดไหน สุดท้ายงานก็ต้องมาก่อน วันไหนกลับมาไม่ทันดู จะรู้สึกเสียดายสุดใจ กลายเป็นความไม่อิ่มอกอิ่มใจ เมื่อละครจบไปแล้ว จึงต้องหาแผ่นมาดูกันอีกรอบสนุกกันอีกหนแบบไม่ให้คลาดสายตาไปแม้สักช็อตเดียว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเวลามากพอจะเขียนถึง จนกระทั่งครั้งนี้เป็นรอบที่สามแล้วสำหรับการดู มนต์รักข้าวต้มมัด ถ้าดูกันได้ย้ำๆ ขนาดนี้ ไม่เขียนถึงก็ดูจะอยุติธรรมต่อละครสัญชาติไทยไปสักหน่อย

จัดอันดับละคร เฮฮา-น่ารัก-โรแมนติก-แห่งปี ที่ได้ดูประจำปี 2010


1. มนต์รักข้าวต้มมัด
2. My girl friend is a Gumiho
3. You're beautiful
4. ดวงใจอัคนี
5. Momo Love



ที่ต้องยกเรื่องจัดอันดับในใจขึ้นมาโชว์ ก็เพราะต้องการจะบอกให้ชัดๆ ว่ารักละครเรื่องนี้แค่ไหน เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เดิมๆ ซ้ำๆ "รักเกิดจากความเคยชิน" ตามประสาคนนิยมความรักที่ถูกถักทอเยื่อใยมาจากความผูกพัน

ความผูกพัน ที่หมายถึงความสนิทชิดใกล้ ความสม่ำเสมอ ความคุ้นเคย

ทั้งที่ดูละครแนวนี้มาไม่น้อย แต่ทั้งหมดที่เคยดูมาไม่มีคู่ไหนที่จะผูกมัดพันกันได้น่ารักน่าเอ็นดูและน่าส่ายหน้าได้เท่ากับ 'ตงฉิน' และ 'ช่อม่วง' แห่งมนต์รักข้าวต้มมัดได้อีกแล้ว

Smiley You're beautiful เกือบๆ จะได้เป็นที่หนึ่งในใจเพราะบทบาทเหลือเกินเหลือกินของคุณพระเอกฮวังแทคยองที่ฝากฝีมือไว้โดยพระเอกสุดฮอตจางกึนซอก แถมยังมีคนมาคอมเมนท์เรื่องนี้ไว้ในบล็อกตั้งเกือบร้อย (ปลื้มใจสุดๆ)ตัดสินกันยากมากกับ My Girlfriend is a Gumiho ที่เป็นผลงานของผู้เขียนบทเดียวกัน (คู่พี่น้องตระกูลฮง) แต่ Gumiho ก็เฉือนเอาชนะไปด้วยความเหนือกว่าตรงไอเดียสุดบรรเจิดเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางและความสุขความชื่นใจจากรอยยิ้มกระจ่างโลกของลีซึงกิและชินมินอา ทว่ามนต์รักข้าวต้มมัดก็เอาความสามัญธรรมดาตามประสาละครทีมชาติไทยของเรานี่แหละ ชิงตัดหน้าสองซีรีย์เกาหลี ปาดหน้าเค้กคว้าอันดับหนึ่งในใจไปครองได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ฟิล์ม ( รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ) ปรากฏหน้าตาให้เห็นเป็นครั้งแรกในหนังเรื่อง "ว้าย บึ้ม เชียร์กระหึ่มโลก" และหันไปถามใครสักคนว่า นั่นใครน่ะ? เมื่อไหร่ที่ได้ตั้งคำถามแบบนี้ แสดงว่าได้ชอบนักแสดงคนนั้นเข้าให้แล้วและจะชอบอยู่อย่างนั้นยากจะเปลี่ยนแปลง โดยส่วนตัวคิดว่าฟิล์มเหมาะกับการเป็นแสดงมากกว่านักร้อง เรื่องอื่นอาจไม่เคยดูเพราะเนื้อเรื่องไม่เอื้ออำนวยต่อความใส่ใจ แต่เรื่องนี้ถือเป็นการรอคอยตั้งแต่ได้ข่าวว่าแสดงคู่กับแพท ด้วยเนื้อหาที่โดน และบทบาทที่ฟิล์มและแพททำได้ยิ่งกว่าตีบทแตก บางคนอาจคิดว่ามันเป็นบทที่ง่ายเพราะแสดงเป็นวัยรุ่นเด็กแนวที่อารมณ์สนุกนานใกล้เคียงอยู่แล้วกับตัวตนคนแสดงจริงๆ แต่กลับมองว่าบทของแพทและฟิล์มไม่ง่ายในยามที่ต้องค่อยๆ สะท้อนความรู้สึกจริงๆ ที่มันก่อตัวขึ้นภายในใจ ขณะที่การแสดงออกต่อกันยังคงพยายามที่จะรักษาสัมพันธภาพของคนเกลียดกันไว้สุดฤทธิ์

ฟิล์มและแพทได้รับคำชมมากมายจากผลงานเรื่องนี้จากการที่เล่นได้เป็นธรรมชาติสุดๆ โดยเฉพาะตัวแพทเองนั้นถึงกับได้รับคำวิจารณ์ว่าเรื่องนี้เธอไม่ต้องใช้การแสดง เพราะนั่นคือตัวตนของเธอเองล้วนๆ (555 ท่าทางจะจริง)

ความสมน้ำสมเนื้อในแบบศัตรูคู่อาฆาต




ตงฉิน (ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) เป็นลูกชายคนเดียวของ อาโจว (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เถ้าแก่โรงสีข้าวผู้ร่ำรวยและมีอันจะกิน แต่สมบัติพัสถานทั้งหมดนั้นก็ยังไม่ได้ตกเป็นของอาโจวซะทีเดียวหรอก เพราะเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดยังคงเป็นของอาม่ากิมท้อ (กอบสุข จารุจินดา) ที่ยังไม่ได้แจกจ่ายมรดกให้ลูกหลาน เพราะอาม่ายังแข็งแรงดีไม่ซี้ซั้วแหงแก๋ทอดทิ้งมรดกไปง่ายๆ ตงฉินจึงเป็น 'นายน้อย' ของโรงสีข้าวไทยเจริญกิจที่มีฐานะร่ำรวย



ช่อม่วง
(แพท ณปภา ตันตระกูล) เป็นลูกสาวคนเดียวของ รื่นรมย์ (จินตรา สุขพัฒน์) หากเทียบกันที่ฐานะความเป็นอยู่ก็มิได้น้อยหน้ากว่ากันเลย เพราะกิจการข้าวต้มมัดของ คุณยายแช่มชื่น (ดวงตา ตุงคะมณี) ซึ่งเป็นกิจการครอบครัวนั้นต้องถือว่าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของกรุงเทพ 'ข้าวต้มมัดยายแช่ม' โด่งดังไปทั่วตลาดสี่มุมเมือง มียอดส่งขายตลาดเป็นอับดับหนึ่ง เคยออกรายการทีวีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาเนิ่นนาน

ช่อม่วงเป็นสาวสวย แก่น เฮี้ยว เปรี้ยว ซ่าส์ หัวรั้น ไม่ยอมคน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คงไม่ผิดไปจากผู้เป็นแม่และยายเมื่อตอนสาวๆ นัก เพราะถึงทั้งสองจะแก่ตัวลงแล้วก็ยังไม่สิ้นลายแม้แต่น้อย ทว่าจะแก่นแก้วแสนซนขนาดไหน ช่อม่วงก็เป็นแก้วตาดวงใจของแม่รื่นรมย์และเป็นหลานรักสุดสวาทขาดใจของยายแช่มชื่น

ทางฝ่ายตงฉินก็ไม่ต่างกัน นอกจากจะเป็นลูกชายคนเดียวของอาโจว ยังเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนที่อามากิมท้อผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดของตระกูลทั้งรักทั้งหวง ในส่วนบุคลิกนิสัยนั้นเป็นอันว่าไม่ต้องบรรยายให้มากความ เพราะเหมือนกันกับช่อช่วงราวกับโขลกออกมาจากพิมพ์นิสัยเดียวกัน เพียงแต่ฝ่ายหนึ่งเกิดเป็นชายและอีกฝ่ายเกิดเป็นหญิง

คนย่านเดียวกัน เรียนชั้นเดียวกัน โรงเรียนเดียวกัน ลูกคนเดียวเหมือนกัน นิสัยเหมือนกัน จะเพราะอะไรๆๆ ที่เหมือนกันเกินไปแบบนี้ หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ สองคนนี้ไม่กินเส้นไม่กินรอยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ก่อเกิดเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ชะตาไม่เคยต้องกัน ไม่ถูกกันในระดับที่ว่าเจอกันเมื่อไหร่เป็นต้องมีเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้ง ทั้งเพื่อนทั้งครูต่างเป็นที่รู้กัน มีตงฉินกับช่อม่วงที่ไหน ความวอดวายบรรลัยอยู่ที่นั่น



งานคืนสู่เหย้าศิษย์เก่าโรงเรียนวัดหนองปลาบู่

"แกแน่ใจนะว่ามันไม่ไปแน่ๆ "
นั่นคือคำถามแบบขู่เข็ญของช่อม่วงเมื่อเพื่อนหญิงชวนไปงานเลี้ยงศิษย์เก่าคืนสู่เหย้าที่โรงเรียน
"เพราะถ้ามันไป ฉันไม่ไป!"
"ถ้าแกแน่ใจว่ามันไม่ไป ฉันก็ไป"

แต่ใครจะรู้ ตงฉินก็คงถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้มางานศิษย์เก่าโดยคิดว่าไม่มีช่อม่วงมาร่วมงานเช่นกัน

"ก็ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะมางานนี้ด้วยนะฉันคงไม่มาหรอก ไม่อยากจะเห็นหน้ายัยตัวแสบอย่างเธอ"

และแล้วมันก็เริ่มจากความจำเป็นที่บังเอิญจับฉลากได้เป็นคู่กันในเกมชิงรางวัล เริ่มถกเถียง ทะเลาะกัน ตงฉินสะบัดหน้า ช่อม่วงสะบัดเท้าลุกหนี แต่ไม่ทันจะไปไหนไกลตงฉินก็มาตามช่อม่วงเพราะไม่งั้นเขาจะต้องถูกตัดสิทธิ์ออกจากงาน เพราะกิจกรรมในงานจะต้องมีคู่อยู่จนจบ แถมยังโดนจับฉลากหมายเลขให้ไปร้องเพลงคู่กันอีก แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไงช่อม่วงก็ไม่ยอมขึ้นเวทีร่วมกับตงฉิน

ตงฉินได้ทีรีบขี่แพะไล่

"ป๊อดอะดิ๊ ...เดี่ยวเพื่อนๆ เค้าก็รู้หมดหรอกว่าใจปลาซิว แกล้งอะไรก็โดนเอาคืนตลอด ทำอะไรไม่ได้ก็เลยไม่กล้า.. ป๊อด"

ช่อม่วงจ้องหน้าตงฉินราวจะกินเลือดกินเนื้อเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา

"แกว่า..ใครป๊อด"

ตงฉินยังคงเล่นหน้าเล่นตา " ถ้าไม่ป๊อดก็ขึ้นไปดิ๊"



ไอ้ตงมันกล้ามาท้า มีหรือช่อม่วงจะยอมให้ไอ้ตงมันสบประมาท ทั้งสองจึงก้าวขึ้นไปบนเวที พร้อมกับที่เพื่อนๆ ร่วมรุ่นเริ่มออกอาการอกสั่นขวัญแขวน ตงฉินกับช่อม่วงต้องร้องเพลงคู่กัน

ตง :บ้านของพี่ทำนา ทำนา ปลูกข้าวทุกเมื่อ
ช่อ :น้องก็ทำนาเกลือ ขายเกลือไว้ซื้อข้าวกิน
ตง : บ้านของพี่อยู่ที่กาฬสินธ์
ช่อ : ส่วนตัวยุพินอยู่สมุทรสาคร

สงครามเริ่มก่อหวอดจากน้ำเสียงและใบหน้าที่คอยสะบัดใส่กันจนแทบหน้าพลิกนี่เอง

ตง : พี่มาเจอะคนหง่อม! คนดำ! อยู่ที่ดาวคะนอง
ช่อ : นับว่าเป็น'กรรม!' ของน้อง มาพบ พี่ดันทักน้องก่อน
ตง : อยากเจอกับพี่คนสมุทรสาคร
ช่อ : ที่พี่เว้าวอนพูดมาไม่กล้าจริง!

สองคนจ้องตากันเป็นไฟ ราวกับจะให้อีกฝ่ายมอดไหม้ไปต่อหน้า

ตง : พี่ทำนาปลูกข้าว รักน้องสาวดำเมือก
ช่อ : น้องเป็นสาวนาเกลือ
ตง : หนุ่มนาข้าวอยากขว้างทิ้ง!

ณ ขณะนั้น ความโกรธของช่อม่วงใกล้ถึงขีดสุดแล้ว ส่วนเพื่อนๆ ในงานข้างล่างเวที เริ่มมองหน้าสบตากันเพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอแห่งมหันตภัย

ตง : ถ้าพี่ไม่ไปขอๆ พ่อจะว่ายังไง
ช่อ : ก็ช่างหัวแกปะไร! ถ้าไม่ไปขอฉันจริงๆ
ตง : (หนัง)หน้าอย่างนี้ รับรองต้องโดนทิ้ง
ช่อ : ถ้าแกแน่จริงก็เข้ามาลองดู!

และแล้ว ศึกนี้บนสังเวียนงานคืนสู้เหย้าก็ประทุตามความคาดหมาย และติดตามมาด้วยความวอดวายตามคาดคิด

ลีลาความยียวนกวนประสาท ความแสบซ่าส์ของตงฉินและช่อม่วงกับฉากลิ้นกับฟัน ปะ ฉะ ดะ ปะทะคารม ตามติดด้วยฉากตะลุมบอนที่โหด-มันส์-ฮา ทำให้ดูครั้งแรกก็โดนข้าวต้มมัดทำพิษเสพติดซะแล้ว



ทำไมจะต้องโกรธแค้นกันขนาดนั้น คำตอบมันเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานในชีวิตของตงฉินและช่อม่วง มันเริ่มมาตั้งแต่ตอนพวกเขาเป็นเด็กเล็กๆ การกลั่นแกล้งกันสารพัด ตงฉินที่แอบตัดหางเปียทั้งดุ้นของช่อม่วง และได้รับผลตอบแทนด้วยการยันโครมผ่าหมากที่จุดกึ่งกลางยุทธศาสตร์ ถ้าตงฉินแกล้งปล่อยลมจักรยานของ "ยัยช่อ" จักรยานของ"ไอ้ตง" ก็ต้องถูกช่อม่วงเอาคืนด้วยการถอดน๊อตล้อกระจุย ตีกันจนถูกคุณครูทำโทษให้ยืนขาเดียวกางแขนคู่กันหน้าเสาธง ยืนคาบไม้บรรทัดคู่กันหน้าห้องเรียน แล้วทั้งที่ถูกทำโทษอย่างนั้นก็ยังทะเลาะกันไม่ได้หยุดหย่อนให้เป็นที่ลือลั่นไปทั้งโรงเรียนและครูบาอาจาร์ก็สุดเอือมระอา

"ทะเลากันได้ทุกวันนะเธอสองคนเนี่ย"
"ต่อหน้าฉันพวกเธอยังทะเลาะกันได้อีก"


"ผมจะไม่ทะเลาะกันแล้วครับ" ตงฉินตะโกนตามคำสั่งของครู
"ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแกไอ้ตง!" ส่วนนี่คือคำตะโกนของช่อม่วงที่ยืนกางแขนอยู่ข้างๆ กัน



ใช่จะมีแต่ครูเท่านั้นที่รู้ความ เพราะทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างเป็นลูกคนเดียวของพ่อและแม่ การพบปะคู่อริแล้วเจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับมาบ้านจึงเป็นเรื่องรับรู้ผ่านหูตาของอาโจวและรื่นรมย์ แต่อาโจวก็อดตำหนิลูกชายไม่ได้

"โตเป็นวัวเป็นควายอยู่แล้ว ยังจะทะเลาะกับผู้หญิงอีก รู้ถึงไหน อายถึงนั่น"

"โธ่ เตี่ยน่ะ ไม่รู้อะไร ยัยนั่นมันใช่ผู้หญิงธรรมดาซะที่ไหน ต้องเรียกว่าเหนือมนุษย์ หรือพวกอมนุษย์
อะไรที่มนุษย์เค้าไม่ทำกันน่ะนะ ยัยนี่ทำหมดเลย"


แต่มันเป็นบุพเพอาละวาดประกอบดวงชะตาอับปางหรืออย่างไรที่ทำให้อามากิมท้อของตงฉินกับคุณยายแช่มชื่นของช่อม่วง เป็นเพื่อนรักสุดชีวิตจิตใจกับมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นสาวรุ่นและได้พบรู้จักกันในฐานะนางงามแลกเปลี่ยนสานสัมพันธ์ไทยจีน หนึ่งคือ 'นางงามข้าวต้มมัด' และอีกหนึ่งคือ 'นางงามซาลาเปา/ ถูกใจถูกคอจนกลายเป็นเพื่อนสนิทมิตรแท้ต่อกันตลอดมา สัมพันธภาพนี้แม้ล่วงเลยเข้าสู่วัยชราก็ยังยืนยงไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่าอาม่ากิมท้อจะไม่ค่อยได้อยู่ที่เมืองไทยนักก็ตาม

การกลับมาของอาม่าพร้อมคำประกาศิต




เมื่ออาม่ากิมท้อกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร สองคนกับยายแช่มที่ติดต่อกันอยู่แล้วโดยปกติ จึงคบคิดจะให้หลานชายและหลานสาวแต่งงานกันเพื่อคงมิตรภาพความเกี่ยวดองให้แน่นแฟ้นระหว่างสองครอบครัว

"หลานชายของอาม่ากิมท้อ หล่อมากกกกก"

ยายแช่มโฆษณากับหลานสาว ทางฝ่ายอาม่าก็ไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อบอกกล่าวกับหลานชาย

"หลางสาวของเพื่อนอาม่า ได้เข่าว่า น่าลักม้ากกก"



เป็นเค้ารางทะมึนแห่งหายนะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

เพราะตงฉินไม่รู้ว่าเพื่อนรักของอาม่าคือยายของ 'ยัยบะช่อ'
และช่อม่วงไม่รู้เพื่อนรักของคุณยายคืออาม่าของ 'ไอ้ตง'

เช่นเดียวกับที่ทั้งคู่ไม่รู้ 'หลานชายของอาม่า' และ 'หลานสาวของเพื่อนอาม่า' คือคู่อริตัวเป็นๆ ที่เห็นกันไม่ได้เป็นต้องวิ่งสู้ฟัดกัดกันวายป่วง

แค่รู้ว่ากำลังจะถูกจับคลุมถุงชน ทั้งตงฉินและช่อม่วงก็ไม่มีทางยอมแน่อยู่แล้ว ถ้าหากทั้งสองได้รู้ว่าคู่ดูตัวที่อาม่าและคุณยายจัดแจงมาพบกันไม่ใช่ใครที่ไหนอื่นแต่เป็น "ไอ้ตง!" และ "ยัยบะช่อ!" อะไรจะเกิดขึ้น?

ไม่ง่ายหรอกนะที่อาม่ากิมท้อและยายแช่มจะจับหลานชายหลานสาวมาในงานดูตัวได้ แค่ยังไม่ทันเห็นหน้ากันทั้งคู่ก็ปฏิบัติการ 'หนีการดูตัว' ซึ่งบุพเพอาละวาดยังคงเล่นสนุกอย่างตั้งใจเมื่อส่งความบังเอิญให้นำพาคู่อริทั้งสองคนมาเจอกัน ช่อม่วงกับตงฉินทะเลาะกันอีกจนกระทั่งภัตตาคารแห่งนั้น... เอ่อ ..เละตุ้มเป๊ะ!

พวกอาม่าและยายแช่มตามมาพบและห้ามปราม ตงฉินกับช่อม่วงจึงเพิ่งเอะใจในความสัมพันธ์ของยายแช่มกับอาม่าที่มาด้วยกัน ก้มลงมองชุดที่ตัวเองสวมใส่ สีแดงขาว matching กันสมเป็นเนื้อคู่ตุนาหงัน ความจริงเรื่องหลานสาวคุณยายและหลานชายอาม่าจึงปราดขึ้นสู่สมองและนั่นมันเป็นสิ่งที่ทั้งคู่รับไม่ได้ ตงฉินกับช่อม่วงถึงกับลมใส่ ช็อกตาตั้ง หงายหลังตึงด้วยกันทั้งคู่ (5555)





ไขว่คว้าหาทางออก


"ช่อไม่แต่ง! ยังไงๆ ช่อก็ไม่แต่ง ต่อให้คุณยายจะฆ่าช่อให้ตายอยู่ตรงนี้ ช่อก็ไม่แต่ง ช่อไม่มีแต่งงานกับไอ้ตงเด็ดขาด!"

"เรื่องอื่น ผมยอมอาม่าได้ทุกอย่าง แต่เรื่องนี้ผมยอมไม่ได้จริงๆ ยังไงผมก็จะไม่ยอมแต่งงานกับไอ้...... ยัยช่อม่วงเด็ดขาด!"

"ยายรู้ไหมจ๊ะ ไอ้ตงฉินมันเป็นศัตรูของช่อมาตั้งแต่เด็กจนโต ขนาดงานเลี้ยงรุ่นนะ มันยังกล้ามีเรื่องกับช่อจนงานเค้าล่มหมดเลย"

(ตัวเองไม่ได้มีส่วนด้วยเล้ย)

"ยัยช่อนั่น มันแกล้งผมมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะอาม่า แถมวันก่อนไปเจอในงานเลี้ยงรุ่น ยังทำร้ายร่างกาย เอาเท้าถีบผม ผมทนไม่ได้ ความเป็นกุลสตรีก็ไม่มี แถมกิริยามารยาทก็ไม่เรียบร้อย เนื้อตัวมอมแมม ตัวเป็นดำเป็นด่าง รับไม่ได้ ! อาม่า สงสารผมเถอะครับ เอามาทำเมียเนี่ยนะ โอ๊ย! ใครจะเอายัยนั่นมาทำเมียนะอาม่า"

"ต่อให้ไม่มีกิน ผมก็ไม่ง้อ ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับยัยบ้านั่นเด็ดขาด"

ผลัดกันฟ้องอาม่าและยายของตัวกันเข้าไป ฟ้องได้อีกค่ะฟ้องได้อีก



หนีหัวใจไปสุดหล้า

ยัยช่อจะไปหาเพื่อนที่ฮ่องกง ไอ้ตงจะไปหาเพื่อนที่สิงคโปร์ แล้วก็ดันบังเอิญจะต้องมาเจอกันอีกที่แอร์พอร์ต ถึงจะเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรู แต่ก็อยากรู้ความเป็นไปขออีกฝ่าย

ตงฉินถาม "จะไปไหน" "ไปทำไม"
ช่อม่วงจ้องหน้า "แล้วแกล่ะ .. มาทำอะไร" "ไปทำอะไร"

จากนั้นก็ลุกลาม

"ยัยเน่า"
"ไอ้โกหก"
"แต่งงานกับเธอ เป็นตุ๊ดดีกว่า"
"แก..ไอ้หน้าตี๋ เห่ย! ห่วย! แต่งตัวต่ำๆ รับไม่ได้ ไปตายซะดีกว่าไป๊"
"อ้าว เฮ้ย! ยัยนี่ นี่ขนาดยังไมได้เป็นอะไรกัน เธอยังมาข่มเหงฉันขนาดนี้ บอกไว้ก่อนเลยนะยัยบะช่อ ผู้ชายอย่างฉันเนี่ย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาข่มเหงมาก่อนเว้ย ยังงี้รับไม่ได้หรอก ไม่มีใครอยากแต่งงานกับเธอหรอก อย่างเธอน่ะเชิญอยู่เป็นหม้ายขันหมากไปเลย"

ไม่ชอบหน้าแต่ก็ไม่มีใครถอย แหงล่ะ ใครถอยก่อนก็แพ้ดิ

"แกน่ะ ไปเลยไป"
"เฮ้ย! เป็นบ้าเหรอ เมียก็ไม่ใช่ มาออกคำสั่งอะไรแบบนี้เนี่ยฮะ"
"ถ้าฉันเป็นเมียแก ก็แสดงว่าฉันออกคำสั่งแกได้น่ะสิ นั่นแน่ะ ทำมาเป็นขี้คง ขี้คุย ที่แท้ก็กลัวเมียนี่หว่า กลัวเมียๆๆ"

ยื่นหน้าเถียงกันเป็นเด็กๆ ด้วยเรื่องที่ไร้สาระมาก

"ยัยดำ! ใครกลัว? ฉันไม่กลัวหรอกเมีย แต่ว่าเต้องเทิดทูนเค้า เกรงใจเค้าหน่อย แต่ว่าคนๆ นั้นไม่ใช่เธอแน่นอน"
"ไอ้เผือก"
"ไอ้ดำ"
"ไอ้เวร ไอ้ตัวซวย"

แล้วก็ก็ถึงขั้นลงมือลงฟัน ช่อม่วงพอความโกรธเคืองถึงขั้นอัดอั้นตันใจก็กระโดดเข้ากัดตงฉินที่ปกติก็ไม่ใช่คนร้ายกาจคอยรังแกผู้หญิงอะไรแบบนั้นหรอกแต่กับยัยบะช่อมันเหลือทนจริงๆ ตงฉินจึงกัดตอบ

"โอ๊ย มากัดฉันทำไมเนี่ย" ตงฉินร้องลั่น
"แกก็ก็กัดฉันเหมือนกัน"ช่อม่วงยืนมือให้ดูรอยที่ตงฉินกัดบนหลังมือ


"ชิชะ! ให้มันน้อยๆ หน่อยยัยบ่ะช่อ ไม่เอาละ ไม่อยากเถียงกับเธอแล้วไปดีกว่า"

ช่อม่วงคว้าแขนรั้งตงฉินไว้แล้วสะบัดทิ้ง

"ก็บอกว่าไม่ให้ไปไงวะ คนที่จะไปคือฉันแล้วแกก็ต้องเป็นคนที่ถูกทิ้ง ไม่ใช่ฉันเป็นคนถูกทิ้ง ไอ้เผือก ไอ้ลิง!"

ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเพราะแย่งกันจะเป็นคนที่ไปก่อนช่อม่วงกระชากกระเป๋าตงฉินโยนลงบันไดเลื่อน เพื่อที่จะได้หนีไปก่อน แล้วแสร้งทำหน้าทำเสียงสำนึกผิด "อุ๊ย ตง ช่อขอโทษ มันหลุดมืออออออ" ( ซีนนี้แพทแสดงได้สุดแสบ น่ารักมากๆ)

ตงฉิน ลังเล ระหว่างกระเป๋ากับช่อม่วงจะเลือกอะไร สุดท้ายก็เดินตามช่อม่วงไป ตงฉินดึงกระเป๋าเป้ช่อม่วงไว้ ไม่ยอมโดนทิ้งเหมือนกัน (โว้ย) ดึงเอาเป้ของช่อม่วงออกมาแล้ววิ่งหนี ช่อม่วงวิ่งตาม เกิดเหตุเป็นความชุลมุนวุ่นวายกลางแอร์พอร์ตเมื่อทั้งสองคนทะเลาะกันหนักเสียงดังลั่นแบบไม่มีใครยอมใคร ช่อม่วงโดดขึ้นคร่อมหลังตงฉินที่ไถลไปกองกับพื้นได้ก็ลงมือทุบตีไม่ยั้ง ช่อม่วงนั้นเป็นผู้หญิงตงฉินจะทำอะไรก็ไม่ถนัดอยู่แล้วนอกจากคอยยื้อยุดฉุดมือปกป้องตัวเอง (จะเห็นได้ว่าสถานะทางเพศ ทำให้ช่อม่วงกร่างได้เต็มที่ ขณะที่ตงฉินจะอยู่ในวิถีของการ 'ยอม' อยู่นิดๆ เสมอ) สุดท้ายคู่วิวาทจึงไปลงเอยที่โรงพัก

แต่ใช่ว่ามันจะจบ ....ยังไปทะเลาะกันอีกที่ห้องสอบสวน แข้งขาที่เตะถีบกันอยู่ใต้โต๊ะต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดือดร้อนถึงผู้ปกครองต้องมาประกันตัว

"ยอมรับล่ะสิว่าแกมันไม่ใช่สุภาพบุรุษ"
"เธอมันก็ไม่ใช่สุภาพสตรีเหมือนกัน ยัยปากเปราะ"
"ไอ้ปากเสีย"
"ยัยผีลูกกรอกเอ๊ย"
"คอยดูไอ้ตง แม่ฉันมาเมื่อไหร่ แกตายแน่"
แม่ของช่อม่วงคือรื่นรมย์ เตี่ยของตงฉินชื่ออาโจว เมื่ออาโจวกับรื่นรมณ์มาเจอกัน โอ้โห่.. คู่พ่อแม่นี้อาการหนักยิ่งกว่าคู่ลูกๆซะอีก



ความสมานฉันท์ของยายแช่มกับอาม่ากิมท้อพี่พยายามจะเกี่ยวดองกัน จริงๆ แล้วมีมาตั้งแต่ในอดีตเมื่ออาโจวและรื่นรมย์ยังเป็นหนุ่มสาว ทั้งสองถูกผู้ใหญ่คลุมถุงชนให้แต่งงานกัน และทั้งคู่ก็ตงลงปลงใจยินยอมตามความต้องการของผู้ใหญ่ แต่อาโจวดันไปทำแม่ของตงฉินท้องเสียก่อน เลยทำให้รื่นรมย์ต้องหม้ายขันหมาก อับอายขายหน้าไปทั่วทั้งบาง และมองหน้ากันไม่ติดตั้งแต่นั้นมา สำหรับรื่นรมย์มันไม่ใช่แค่ความโกรธเกลียด แต่เป็นแค้นฝังหุ่นที่มันปะทุเป็นไฟทุกครั้งเมื่อเห็นหน้าไอ้โจว

“โถ่ รื่นรมย์ หัดปล่อยวางซะบ้างเถอะ ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วจะยึดติดอะไรมากมายกับอดีต”
” ไม่ปล่อยเว้ย คนที่เสียหายคือฉันจะให้ลืมง่ายๆได้ไง อุตส่าห์หลบหน้ามา20กว่าปี ดันซวยมาเจอกันที่นี่ คอยดูนะจะด่าให้หาทางกลับบ้านไม่ถูกเลย”
“เฮ้อ ก็เพราะปากอย่างนี้ ฉันถึงไม่หลวมตัวแต่งงานด้วย นี่สงสัยสามีเธอคงทนปากเธอไม่ไหวเลยหนีตายไปซะก่อน น่าสงสารจริงๆ”
“ถ้างั้นเมียแกคงน่าสงสารกว่า ได้ข่าวว่าตายก่อนสามีฉันอีกไม่ใช่เหรอ สงสัยจะทนนิสัยเจ้าชู้ของแกไม่ได้”
โจวอารมณ์ ชักขึ้นโมโหเหมือนกัน “ไม่จริง ฉันไม่เคยเจ้าชู้ออกนอกลู่นอกทาง ฉันรักเมียฉัน เรารักกัน ฉันอยู่กับเขาฉันมีความสุข ดีกว่าไปอยู่กับผู้หญิงอารมณ์ร้ายอย่างเธ้อ”
“รักกันมากนักเหรอ คิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะเสียใจหรือไง รู้ไว้ซะด้วยนะ ฉันก็รักผัวฉัน เขาดีกว่าแกไม่รู้เท่าไหร่ และที่สำคัญ ฉันเกลียดแก และไม่เคยเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับแก”
“ไม่เสียใจแล้วโกรธทำไม”
“ฉันไม่ได้โกรธ ฉัน เกลียดเว้ย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครทำให้ฉันเสียหน้านอกจากแก ยอมไม่ได้เว้ย”
” โดนซะบ้างก็ดี จะได้ไม่คิดว่าตัวเองเจ๋ง จริงๆโดนฉันทิ้งดีกว่าโดนคนอื่นทิ้งนะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ปากโป้ง เธอควรจะขอบคุณฉันที่ทำให้เธอเข้าใจชีวิต ไม่ใช่มายืนเท้าเอวด่าแบบนี้”
“หนอย ไอ้โจว ไอ้แก่หลงตัวเอง”
“โถ่ ยัยรื่นรมย์ ยัยป้าหน้าเหี่ยว”

ช่อม่วงดุขนาดไหนแม่ของช่อม่วงยังดุยิ่งกว่า ถ้าเปรียบกันที่กองทัพหนุน ต้องถือว่าไอ้ตงเสียเปรียบช่อม่วงเยอะ เพราะอาโจวพ่อของตงฉินกลัวแม่ของช่อม่วงซะหัวหด แต่ในความกลัวก็ไม่ได้ลดทอนความยียวนกวนประสาทของอาโจวลงได้ และทุกครั้งรื่นรมย์ก็ฉุนขาดจนถึงกับต้องลงไม้ลงมือ เดือดร้อนถึงยายแช่มและอาม่าต้องมาประกันตัวทั้งคู่ลูกและคู่หลาน

ความลับที่ยายแช่มพยายามจะปิดบังรื่นรมย์จึงถึงคราวแตก และทำให้ลูกสาวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

"ไม่รู้ล่ะ ยังไง ฉันก็ไม่ให้ลูกฉันแต่งงานกับลูกของไอ้โจวเด็ดขาด! "

นั่นคือเหตุผลที่ยายแช่มต้องปิดบังเรื่องหลานชายของอาม่าไม่ให้รื่นรมย์รู้

"ไอ้ตงมันคิดจะหนีงานแต่งงาน มันคิดจะทิ้งช่อ มันเป็นผู้ชายห่วยๆ ไม่มีความรับผิดชอบ" (ด่าไม่ได้ดูตัวเองเล้ย)



ลูกแสบขนาดไหน แม้ร้ายยิ่งกว่า แล้วถ้าเป็นยาย? อย่าให้เซด ยายแช่มน่ะนะปลาไหลเรียกทวด เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวประกอบกับฝีมือการแสดงตบตาและแต่งเรื่องราวปั้นน้ำเป็นตัว-โกหกเป็นไฟ ยายแช่มเก่งเป็นเลิศ ต่อให้รื่นรมย์กับช่อม่วงรวมพลังกันต่อต้าน ยายแช่มก็ไม่หวั่น ยิ่งถ้ามีอาม่ากิมท้อเป็นคู่หูคู่คิดเรียกได้ว่าคู่สองแม่ลูกไม่ครณามือยายแช่มกับอาม่าหรอกน่า

ดูจากสถานการณ์แล้ว งานนี้ไอ้ตงต้องขอสงบศึกชั่วคราว

ตงฉินแอบปีนขึ้นบ้านช่อม่วงตอนดึก ไม่ได้มาเพื่อ'เข้าหา' แต่มาเพื่อเจรจาหาความร่วมมือเพื่อพากันหลุดพ้นไปจากการคลุมถุงชนนี้ แต่พูดกันไปพูดกันมาก็กลับกลายเป็นว่าทะเลาะกันเหมือนเช่นเดิม

"พูดแบบนี้เธออยากแต่งงานกับฉันใช่ไหมล่ะ"
"ไอ้บ้าตง ฉันอยากจะรู้นักแกเอาสมองส่วนไหนคิด ฉันน่ะเหรออยากจะแต่งงานกับแก ไม่มีทางหรอกโว้ย"

"ทำไมเธอถึงไม่อยากแต่งงานกับฉัน"
เพราะฉันไม่ได้รักแก"
"แล้วทำไมเธอถึงไม่รักฉัน"
เป็นคำถามชวนอึ้งเล็กน้อย เพราะไม่เคยคิดมาก่อน เออ นั่นสิทำไมไม่รัก แต่มันก็นึกคำตอบได้ไม่ยาก
"เพราะฉันมีคนที่ฉันรักแล้วน่ะสิ ฉันน่ะมีแฟนแล้วโว้ย!" ช่อม่วงประกาศโพล่ง แถมย้ำตอกย้ำด้วยความมั่นใจสุดๆ "เค้าทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งแสนดี ดีกว่าแกเป็นร้อยเท่าล้านเท่า"

ตงฉินอึ้ง เป็นไปไม่ได้ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด คนอย่างยัยช่อใครที่ไหนจะเอามัน เรื่องนี้โกหกชัวร์ เขาท้าให้ช่อม่วงพาแฟนมาแนะนำตัว คิดว่าช่อม่วงจะจนมุมที่ไหนได้ กลับยอมรับปากง่ายๆ

อยากเป็นคนของเธอ

แฟนที่ช่อม่วงกล่าวอ้างไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เพราะละครเรื่องนี้ยังมีตัวประกอบสำคัญๆ ที่ทำให้เรื่องราวสนุกสนานชวนติดตามยิ่งขึ้น



พี่ลายไทของช่อ .. ลายไท (อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์) เป็นเจ้าของไร่กล้วยแค่รั้วกางกั้น ถ้าไม่ถือเอาพื้นที่ไร่กล้วยกว้างใหญ่ของลายไทเป็นระยะห่างก็ต้องถือว่าเป็นคนบ้านติดกัน บ้านของลายไทส่งกล้วยและใบตองให้ที่บ้านช่อม่วงมาเนิ่นนานหลายสิบปีแม้พ่อแม่ของลายไทจะเสียชีวิตไปแล้วเขาก็ยังรับช่วงต่อ ลายไทจึงเป็นพี่คนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก โตขึ้นก็ช่อม่วงก็แอบรักพี่ลายไทสุดหล่อแบบหัวทิ่มหัวตำ ให้แก่นเซี๊ยวขนาดไหนเจอพี่ลายไททีไรช่อม่วงเป็นต้องตกม้าตายสิ้นลายสนิทเพราะแพ้ทางผู้ชายอบอุ่นแบบไทยแท้ของลายไทที่หล่อทั้งภายในจิตใจและหล่อภายนอกที่หน้าตา แต่สำหรับลายไทแล้วไม่เคยเห็นช่อม่วงเป็นอื่นน้องจาก "น้องช่อ" ที่มีความหมายความสำคัญเหมือนกับเป็นน้องสาวของเขาเอง ลายไทจึงไม่เคยเข้าใจท่าทีและความเพียรพยายามของช่อม่วงที่พยายามสนิทชิดใกล้ และปล่อยให้ความรักของช่อม่วงเป็นรักที่คอยเก้อตลอดมา


คุณฟองดาวของตง.. ฟองดาว (ชิดจันทร์ รุจิพรรณ) หลานสาวของ หม่อมแจ่มใส(มณีนุช เสมรสุต) ผู้ดีเก่าสุดเคี่ยวและเป็นที่สุดๆๆของความเค็ม จน จมหนี้ แต่ยังหยิ่งยโสในศักดิ์ศรีตระกูลเก่าที่เป็นนักดนตรีไทยเคยถวายงานรับใช้อยู่ในวัง และปัจจุบันเปิดบ้านทำเป็นโรงเรียนสอนรำไทย และดนตรีไทย โดยมีฟองดาวเป็นคนดูแล ฟองดาวเป็นสาวสวยแบบไทยๆ คงคุณสมบัติเบญจกัลยาณี จิตใจงามพร้อม เรียบร้อยเป็นผู้ดีและมีความเป็นกุลสตรีอย่างครบถ้วน ตงฉินบังเอิญมาส่งข้าวสารให้บ้านของหม่อมแจ่มใสและได้พบหน้าฟองดาว ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ละเม้อเพ้อพกและยกให้เธอเป็นนางฟ้าในดวงใจ จนต้องคอยหาเรื่องมาส่งข้าวสารแทนคนงานอยู่เสมอพร้อมกับสนองความเค็มของคุณหญิงแจ่มใส ด้วยการลด-แลก-แจก-แถม-จนถึงขั้นให้ฟรีๆ ตงฉินยังแอบโขมยรูปของฟองดาวไปจากบ้านคุณหญิงแจ่มใสนำไปตั้งไว้บนหัวนอน และยังเคยแอบถ่ายภาพเก็บรูปของเธอไว้หลายรูปซ่อนไว้ในกล่องใต้เตียง แต่ก็นั่นแหละอาการมือไม้อ่อนแทบยืนไม่อยู่ทุกครั้งที่ตงฉินพบฟองดาว ในสายตาของเธอนั่นเป็นแค่อาการของคนตลกๆ ที่ชวนขำแต่ฟองดาวไม่เคยเห็นลึกเข้าไปว่านายตงคนส่งข้าวสารรู้สึกอย่างไรกับเธอ

สรุปคือ ทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างมีเทพบุตรในฝันและนางฟ้าในดวงใจ และด้วยนิสัยไม่ยอมแพ้กันทั้งคู่ ปฏิบัติการชิ่งหนีการแต่งงานมีหรือจะถูกเลิกราไปง่ายๆ



เมื่อไอ้ตงถูกลูบคม - (ยัยบะช่อบังอาจเอาแฟนมาเย้ยถึงถิ่น)

จากที่นั่งยัน นอนยัน ตะแคงยันก็ทำ พยายามจะหนีไปก็แล้วยังเปลี่ยนใจยายและอาม่าไม่ได้ ด้วยความที่เป็นลูกหลานจะพุ่งตะบันเข้าชน คัดค้านให้มากกว่าหัวชนฝาก็ทำไม่ถนัดนัก ยายแช่มมีไม้เด็ดที่การบีบน้ำตา อ้างคำสัญญา อาการป่วยและบุญคุณต้องทดแทน
"หากไม่มีกิมท้อวันนั้น คงไม่ไม่มีฉันวันนี้"
ส่วนไม้ตายของอาม่าก็ไม่ต่างกัน คำสัญญา ความรับผิดชอบที่อาโจวเคยทำพลาดไป บุญคุณต้องทดแทนไม่ต่างกัน "หากไม่มีอาคุงเพ่แช่มวังน้าน ก็คงไม่มีอาม่าในวันนี้" แถมอาม่ายังมียิ่งกว่าไม้ตาย แต่เป็นไม้เพชรฆาตนั่นคือ สมบัติพัสถาน "เมื่อลูกหลานมันไม่เชื่อฟัง อั๊วก็จะยกสมบัติทั้งหมดให้อาคุงพี่แช่มไปให้หมดเลย"


ช่อม่วงพยายามคิดหาแผนการณ์แยบยลเพื่อจะเอาตัวรอดไปจากการคลุมถุงชนครั้งนี้ให้ได้ งานนี้ต้องทุ่มเทสุดใจมีเรี่ยวแรงมีสมอง มีกลเม็ดเด็ดพรายอะไรต้องงัดมันออกมาใช้ให้หมด หากต้องแต่งงานกับไอ้ตงล่ะก็ ช่อม่วงขอยอมตายถวายหัวซะยังดีกว่า

ยอมเปิดอกกับลายไทตรงๆ "พี่ลายไทจ๋า" มีหรือจะทู่ซี้นิ่งดูดายหาก "น้องช่อ" มีเรื่องเดือดร้อนไม่สบายใจ ช่อม่วงเป็นหลานยายแช่มเรื่องทักษะการแสดง เสแสร้ง และบีบน้ำตาขอบอกเลยว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว ใส่ไฟว่าที่สามี(ตงฉิน) ไม่ยั้งว่าเป็นคนเลวสารพัดหาที่ดีไม่ได้ จนลายไทจึงรู้สึกสงสาร ด้วยความรัก(น้อง) ถึงไม่เต็มใจก็ปฏิเสธไม่ลง เมื่อช่อม่วงขอความช่วยเหลือให้ลายไทเป็นแฟนกำมะลอตบตาคุณยาย หากเธอมีคนที่รักที่ชอบมีหรือยายแช่มจะกล้าบังคับฝืนใจ ยายแช่มรักช่อม่วงขนาดไหนใครๆก็รู้ แต่เพราะยายแช่มเห็นไส้เห็นพุงหลานสาวลิงทโมนสุดที่รักจึงมั่นใจเกินร้อย ยัยช่อมันไม่เคยมีใคร (อีกความหมายหนึ่งคือ ไม่มีใครเอามัน) อย่างแน่นอน ต่อให้ยายแช่มเหวอรับประทานแค่ไหนเมื่อช่อม่วงพาแฟนมาแนะนำ และแฟนคนนั้นก็คือลายไท คนที่ยายแช่มเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ และก็รักเอ็นดูอยู่ไม่น้อยไม่ต่างกับหลานชายแท้ๆ คนหนึ่ง แล้วจะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรว่าอะไรไปเข้าสิงคนดีๆ อย่างลายไทให้มาปักใจรักยัยช่อ ยายแช่มเห็นแล้วให้นึกเสียดายจับจิตจับใจหากลายไทจะได้หลานสาวของตัวไปเป็นเมีย (อ้าว ยาย)

ช่อม่วงพาลายไทไปแนะนำตัวที่บ้านของตงฉิน เพื่อบอกกล่าวกับอาม่าและถือโอกาสสนองคำท้าเยาะเย้ยใส่หน้าตงฉินไปด้วย



หัวเด็ดตีนขาดตงฉินก็ไม่มีวันเชื่อว่าลายไทกับช่อม่วงเป็นแฟนกันจริงๆ อาม่ากิมท้อใจเสียไม่น้อยเมื่อว่าที่หลานสะใภ้พาใครก็ไม่รู้ ที่ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ ทั้งดูดี มาแนะนำว่าเป็นแฟน จึงสัมภาษณ์ลายไทยิบ เป็นใคร มาจากไหน รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และรักกันได้ยังไง ถึงลายไทจะไม่ถนัดทางการแสดงแต่ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะร่วมหัวจมท้ายกับช่อม่วงในปฏิบัติการคู่รักแหกตานี้ แต่เมื่อตงฉินถามหา "ถามจริงๆนะครับ ผู้หญิงปากอย่างนี้ คุณชอบไปได้ไง” ลายไทก็ตอบด้วยความจริงใจ ” น้องช่อเป็นคนน่ารัก สดใส จริงใจ ไม่มีความเสแสร้ง ที่สำคัญเขาเป็นคนที่ทำให้ผม หัวเราะได้ตลอด เขาทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้”เ อาเถอะถึงยังไงตงฉินก็ไม่ปักใจเชื่อเด็ดขาดว่าคนอย่างยัยบะช่อจะหาผู้ชายมาเป็นแฟนได้

“รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงว่า หน้าตาหม่นหมองชอบกล ผมว่าคุณคงจะโดนยัยช่อม่วงเล่นของ หรือไม่ก็แอบใส่ยากล่อมประสาทแน่ๆ หรือไม่ก็ท่าทางสายตาจะมีปัญหา”

.....

"โกหก ฉันไม่เชื่อ ยังไงฉันก็ไม่มีทางเชื่อว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมีแฟน เธอจงใจจะทำให้ฉันเสียหน้าใช่มั้ย คิดว่าฉันจะหลงกลผู้หญิงรอบจัด หน้าซื่อใจคด ไว้ใจไม่ได้อย่างเธอเหรอยัยช่อม่วง”

.....

"เธอเห็นว่าพ่อฉันทิ้งแม่เธอก่อนเลยจะใช้แผนเดียวกันล่ะสิ อย่าฝันเลย ฉันไม่มีทางยอมให้เธอยกเลิกงานแต่งงานด้วยเหตุผลนี้แน่นอน”

.....

มันจะด้วยเหตุผลตื้นๆ หรืออะไรลึกๆ ภายในใจที่ทำให้พูดออกไปโดยไม่ทันรู้สึกตัวก็แล้วแต่ ตงฉินก็พูดออกมาแล้ว และทำให้อาม่าตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น ดีใจสุดๆ

“อาตง พูดแบบนี้แสดงว่า ลื้ออยากแต่งงานกับหนูช่อแล้วใช่มั้ย”

มองหน้าศัตรูคู่อาฆาตแล้วประกาศลั่นวาจาอย่างมั่นใจ

“ใช่ ผมชักอยากแต่งงานขึ้นมาตะหงิดๆและผมจะไม่ยกเลิกงานแต่งงานเด็ดขาด อย่าคิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายทิ้งฉันไปได้นะยัยช่อ ไม่มีทาง”

ใครๆ ก็ไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายสุขุมนุ่มนวลอย่างลายไทจะมาถูกใจอะไรกับลิงทโมนอย่างช่อม่วง ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ ล้านไม่เชื่อ รื่นรมย์ผู้เป็นแม่รู้อยู่แก่ใจว่าคนอย่างลายไทคงไม่ตาบอดมารักยัยช่อ ทว่าเห็นแก่ความสุขของลูกสาวที่ไม่ใช่แค่หวังยกเลิกการคลุมถุงชลูกสาวตัวเอง แต่ช่อม่วงหวังจริงๆ หากได้ใกล้ชิดลายไทมากขึ้นในฐานะแฟนกำมะลอ สักวันหนึ่ง"พี่ลายไทของช่อ"อาจจะหันมามองและรักเธอเข้าจริงๆ จนกระทั่งกลายเป็นสามีจริงๆ ในอนาคต ถือเป็นการยิงหนักสติ๊กลูกเดียวได้นกสองตัว ช่อม่วงฝันหวานไว้เช่นนั้น



เอ่ยถึงลูกน้องลูกไล่ของแต่ละบ้านผู้มีส่วนร่วมอยู่เสมอกับปฏิบัติการมนต์รักข้าวต้มมัด

บ้านตงฉิน มี "ไอ้จั๊บ" ( เหลือเฟือ ) ที่คอยรองมือรองเท้าเถ้าแก่อาโจว คอยรับใช้เป็น พขร.ให้อาม่า และเป็นหนังหน้าเสื่อรับทำหน้าที่ทุกอย่างที่ตงฉินออกคำสั่งบังคับให้ทำ

บ้านช่อม่วงมี "พี่แป้น" สาวใช้ผู้รักเจ้านายทุกคน เรียกใช้ได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคุณรื่น คุณช่อ แต่ใจจริงแท้แป้นซื่อสัตย์และภักดีต่อผู้อาวุโสสูงผู้มีอำนาจสูงสุดภายในบ้านนั่นก็คือคุณนายแช่ม

บ้านลายไทมี "พี่มวล" ผู้ทำหน้าที่หัวหน้าคนงานคอยดูแลสวนกล้วยให้ลายไท เป็นลูกน้องคนสนิทที่อยู่กันมาตั้งแต่ลายไทลืมตาเกิด

ตงฉินคับแค้นใจไม่หายที่ช่อม่วงเอาแฟนมาเย้ยถึงบ้าน ทั้งยังไม่อยากเชื่อว่ายัยสุดแสบช่อม่วงจะมีแฟน เป็นไปไม่ได้แน่นอน จึงส่งจั๊บไปทำทีซื้อกล้วยที่สวนของลายไทเพื่อสืบข่าว

คุณยายแช่มก็ไม่อยากจะเชื่อถึงจะรักลายไทแค่ไหนก็มีใจให้ "หลานตง" ของเพื่อนรักกิมท้อมากกว่า อาศัยนังแป้นเป็นแฟนกับเจ้ามวลูกน้องของลายไท จึงส่งแป้นไปสืบ ปฏิบัติการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างยายแช่มผู้เป็นยาย กับรื่นรมย์และช่อม่วงที่สมัครใจอยู่ฝ่ายเดียวกันจึงเกิดขึ้น โดยที่แป้นเองต้องหาทางเอาตัวรอดจากนายหญิงทั้งสาม

จั๊บรู้มาจากมวลว่าคุณลายไทยังไม่มีแฟน ตงฉินหัวเราะร่าอย่างมีความสุข 'อะไรจะสุขขนาดนี้ไม่มีเท่า' นี่ไม่ใช่แค่ความโล่งใจที่ยัยช่อไม่มีแฟนที่จะถือเป็นชัยชนะเหนือหนุ่มโสดที่..ก็..ไม่มีใครเอา(เช่นกัน) อย่างตงฉินได้เท่านั้น แต่เป็นความสะใจเหลือล้น ยัยบะช่อนะยัยบะช่อ กล้ามาเล่นละครตบตากันถึงบ้าน แบบนี้ต้องเอาคืนกับยัยตัวแสบโดยการจับโกหกให้มั่น คั้นให้ตายและเอามาประจานให้อับอายขายหน้ากันไปเลย ตงฉินจึงติดหนวดใส่วิกปลอมตัวไปสมัครเป็นคนงานในไร่ของลายไท ( ลงทุนขนาดนั้น)

ยายแช่มกับอาม่ารอฟังข่าวจากแป้นไม่ไหว จึงต้องไปเยี่ยมเยียนลายไทที่บ้านเพื่อนสืบข่าวด้วยตนเอง และพบช่อม่วงขลุกอยู่ที่นั่นด้วย อาม่าอ้างอยากชมสวนจึงถือโอกาสแยกตัวช่อม่วงออกไป เปิดโอกาสให้ยายแช่มคาดคั้นเอากับลายไทด้วยความหวังว่าลายไทจะยอมสารภาพ ลายไทก็เกือบๆ แล้วล่ะ แต่ยังเห็นแก่น้องช่อผู้น่าสงสาร จึงยังยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าเขาเป็นแฟนรักกันกับช่อม่วง ทางฝ่ายอาม่าก็ถือโอกาสสอบสวนความในใจของช่อม่วงที่มีต่อลายไท ได้ยินคำชื่นชมที่ทะลักล้นออกมาจากใจของช่อม่วงแล้วอาม่าก็นึกท้อ แต่ยังไม่วายจะหาคะแนนให้หลานชายให้ได้

"อาตงของอาม่าอีก็จบวิศวะนะ จบมาก็มาช่วยงานที่โรงสี มีลูกน้องหลายสิบคน เอาการเอางานไม่เที่ยวไม่เก ไม่ออกนอกลู่นอกทาง อีเป็นคนดีจริงๆ ดีจนอาม่าอยากจะถามอาหนูช่อเหมือนกัน ทำไมถึงรังเกียจอาตงนัก" อาม่าประเมินต่ำไปแล้ว เพราะระหว่างตงฉินกับช่อม่วงมันไม่ใช่แค่ความรังเกียจ แต่มันคือความชิงชัง

"ถ้าหากโลกนี้มีผู้ชายเหลืออยู่คนเดียวคือหลานชายอาม่า ช่อ ก็จะยอมเอาหัวปักเลน แล้วกลั้นใจตายอย่างอนาถ"



ตงฉินในคราบคนงานของลายไทชื่อ "นายชิน" เดินท่องสวนผ่านมาได้ยินเข้าพอดี ได้ยินแบบนั้นมันก็เจ็บเหมือนกัน แต่จะเจ็บใจหรือเจ็บหัวใจแยกไม่ออก ก็เหมือนกันนั่นแหละวะยัยช่อ เพราะหากถามตงฉินในคำถามอย่างเดียวกัน ตงฉินก็มีคำตอบดังลั่น

"ถ้าหากโลกนี้เหลือยัยนั่นแค่คนเดียว ผมจะเอาหัวมุดถังข้าวสารให้มันหายใจไม่ออกตายไปเลยนะอาม่า"

แค่จะจับให้ได้ว่าช่อม่วงโกหก ตงฉินของเราทิ้งงานทิ้งการที่โรงสีไปคลุกคลีอยู่ที่ไร่ของลายไท ได้พบกับช่อม่วงในคราบของนายชินที่บ้านลายไทหลายครั้งจนเกือบความแตกแต่ก็เอาตัวรอดไปได้ โดยที่ช่อม่วงเองสงสัยในความลับๆล่อๆของนายชินอยู่ตะหงิดๆ วันหนึ่งจึงแกล้งไปหาตงฉินที่บ้านเพื่อจะเลียบเคียงให้รู้ทางของศัตรู แต่ตงฉินไม่อยู่ แถมยังเสียรู้ถูกอาม่าผลักยัดเข้าไปในห้องนอนของตงฉินและขังไว้ในห้องนั้น

อาโจวโทรตามลูกชายกลับบ้าน " ตง ! กลับบ้านมาเดี๋ยวนี้ หนูช่ออยู่ที่บ้านเรา อาม่าขังหนูช่อไว้ในห้องแกน่ะ" ตงฉินหวั่นใจว่าความลับจะแตกจึงหาทางมอมเหล้าลายไท แล้วก็เสร็จสมอารมณ์หมายเค้นเอาความจริงมาได้อย่างทุลักทุเล อัดเสียงลายไทเมาแอ๋ไว้เรียบร้อย
“น้องช่อกับฉัน เราไม่ได้เป็นแฟนกันร๊อกกกก ฉันช่วยเล่นละครเป็นแฟนน้องช่อ ตบตาคนอื่นเฉยๆ แต่นายอย่าบอกใครนะ เดี๋ยวน้องช่อจะเดือดร้อน” ฮ่าฮ่าฮ่า ตงฉินหัวเราะด้วยความสะใจ 'เสร็จฉันล่ะยัยช่อ'

แต่ไม่ทันแล้วล่ะตงฉิน เพราะยัยช่อที่ถูกขังไว้ในห้องเห็นรูปหมู่ที่ถ่ายร่วมกับเพื่อนในห้องเรียนสมัยมัธยมที่ตัวเธอในรูปนั้นมีเขางอกประดับหัวพร้อมข้อความเขียนกำกับไว้ "นางมาร" เห็นแล้วโมโหขาด ช่อม่วงจึงหยิบปากกาเมจิกมาละเลงหน้าตงฉินซะทุกรูปในห้อง แกล้งรื้อค้นจนไปพบหนวดพบวิก เท่านั้นยังไม่พอ ยังพบ "กล่องดวงใจ" ใต้เตียงนอนที่บรรจุรูปสาวสวยหยาดเยิ้มคนหนึ่งเอาไว้ไว้ตรึม

มันเรื่องอะไรนักหนาที่ช่อม่วงต้องไปสนใจเรื่องส่วนตัวของตงฉิน อาจมีข้ออ้างว่าต้องรู้เขารู้เราถึงจะรบร้อยครั้งแล้วชนะร้อยครั้ง (แต่มันแค่นั้นจริงๆ เหรอ) ช่อม่วงคาดคั้นเอากับจั๊บพอรู้ว่าสาวงามในรูปคือคุณฟองดาวหลานสาวผู้ดีเก่าชื่อหม่อมแจ่มใส ช่อม่วงก็ทุ่มสุดตัวพุ่งไหล่ใส่ประตูเพื่อประกาศอิสรภาพจากการถูกขังแล้วแจ้นตรงไปยังบ้านคุณหม่อมแจ่มใสทันที แกล้งไปพบฟองดาวเพื่อสอบถามรายละเอียดการสมัครเรียนดนตรีไทย ถามไปถามมาด้วยความเจ้าเล่ห์ร้อยเล่มเกวียน สาวใสซื่ออย่างฟองดาวมีหรือจะรู้ทันช่อม่วง ถามไม่กี่คำช่อม่วงก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ หึหึ หึหึ

"ไอ้ตงเอ๊ย ไอ้งี่เง่า นึกว่าแน่ ที่แท้ก็แอบรักเขาข้างเดียวนี่หว่า เสร็จฉันล่ะ"


ต่างคนต่างดีใจ คิดว่าตนถือไพ่เหนือกว่า ต่างคนต่างตรงใจนัดกันมาเจรจา (ไม่ถูกกัน แต่ต่างคนต่างมีเบอร์โทรของกันและกัน?) พบกันที่กึ่งกลางสะพานไม้ข้ามคลองเล็กๆ กลางสวนสาธารณะ ตงฉินเปิดฉากด้วยการเปิดเสียงลายไทที่อัดไว้ ช่อม่วงตกใจออกอาการเลิ่กลั่กที่ถูกจับได้จะมั่วดำน้ำยืนกรานว่าไม่จริงก็ไม่ได้เพราะตงฉินเปิดหลักฐานเป็นเสียงพยานปากเอกชื่อพี่ลายไทซะเต็มหู
"นี่ นี่นายไปเอาเสียงพี่ลายไทมาได้ยังไงน่ะฮะ"
“มันเป็นวิธีที่เธอคิดไม่ถึง”
ตงฉินอวดด้วยความภูมิใจในวิธีของตัวเองล้วงเอาวิกออกมาสวมงัดเอาหนวดออกมาติด
“วิธีที่เกิดจากมันสมองอันชาญฉลาดของฉัน”

ช่อม่วงหันมองตงฉินด้วยสีหน้าระอาใจ ในความกระหยิ่มยิ้มย่องของคนตรงหน้าที่กำลังติดหนวดใส่วิกอย่างเริงร่า
“วิธีแยบยลที่คนธรรมดาคิดไม่ถึง ว่าที่แท้จริงแล้วฉันก็คือ” ตงฉินหันมาพร้อมกับหนวดและวิก “ไอ้ชิน”ช่อม่วงแบะปากแสดงสีหน้ารำคาญใจ มองตงฉินแล้วพูดอย่างเย็นชา “ปัญญาอ่อน”แป่ว!!! ตงฉินอารมณ์ค้าง กะจะหัวเราะอย่างสะใจ แต่ยัยช่อไม่เห็นจะตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไรเลย

” นี่นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอห๊ะ” ช่อม่วงควักหนวดกับวิกที่ได้มาจากห้องนอนตงฉินปาใหน้า ควักแว่นตากับหนวดที่เจอในห้องนอนตงฉินออกมาจากกระเป๋าขว้างใส่ตงฉิน “เออ! ฉันรู้แล้ว ที่จริงฉันก็สงสัยตั้งนานแล้ว แต่ไม่คิดว่าผู้ชายฐานะดีมีการศึกษาอย่างนายจะใช้วิธีปลอมตัวเหมือนในละคร น้ำเน่า ดูดิ ใส่แว่นตา ติดหนวด เฮ้อ ถ้าไม่ปัญญานิ่ม คิดไม่ได้นะเนี่ย”

ตงฉินทั้งเหวอ ทั้งเจื่อนแต่ไม่ยอมลง “เออ! จะปัญญานิ่มหรือปัญญาอ่อนก็มีหาหลักฐานมาจับ โกหกเธอได้ก็แล้วกัน โธ่! แล้วไอ้แผนแฟนกำมะลอของเธอ คิดว่าฮอลลีวูดนักหรือไง มันก็น้ำเน่าเหมือนกันแหละวะ”
“เออ! ฉันให้พี่ลายไทมาหลอกเป็นแฟนฉันแล้วจะทำไม ดีกว่านายแล้วกัน โถ โถ โถ โถ ...โถถถถ แอบชอบผู้หญิงทั้งที แต่ก็ไม่ก็ไม่มีน้ำหน้าจะไปจีบเค้า”
ตงฉินสะอึกหยุดกึก สีหน้าเปลี่ยนทันที “เธอ พูดอะไรของเธอ”ช่อม่วงยิ้มเหนือชัยชนะที่มี “หึหึ หึหึ ฉันก็พูดถึง คุณฟองดาว สกาวเดือน น่ะสิ”

ให้มันได้อย่างนี้สิถึงจะสมน้ำสมเนื้อ ตงฉินเคืองที่ช่อม่วงมารู้ความลับ ขู่จะเอาเรื่องช่อม่วงปั้นน้ำเป็นตัวเรื่องลายไทไปฟ้องคุณยายแช่ม
"ริอ่านโกหกยายแช่มเลยนะยัยบะช่อ เธอตายแน่"
ช่อม่วงแพ้ทางแต่ไม่มีทางยอมเป็นลูกไล่ให้ตงฉินข่มได้แน่
"ก็เอาซี้ ฉันก็จะเอาเรื่องของแกไปฟ้องคุณฟองดาว ว่าแกน่ะ แอบชอบเค้า แถมยังเป็นไอ้โรคจิตแอบถ่ายรูปเค้าไว้ตั้งเยอะตั้งแยะ ทีนี้แหละคุณฟองดาวจะต้องเกลียดแก แน่นอน โฮะ โฮะ โฮะ" ช่อม่วงสะใจอะไรอย่างนี้ที่เห็นตงฉินหน้าซีดไปกับคำขู่ ให้มันรู้ไป่ใครจะแน่กว่ากัน

เจรจาหย่าศึก

ต่างคนต่างมีจุดอ่อน ถ้าถูกยายแช่มจับได้ และความลับแตกใส่คุณฟองดาวล่ะก็ ตายทั้งคู่! เพราะฉะนั้นมาสามัคคีรวมพลังเลิกตีกันชั่วคราวแล้วช่วยกันหาทางออกดีกว่า ช่อม่วงจะไม่บอกคุณฟองดาว ตงฉินก็ต้องไม่ฟ้องยายแช่มด้วยเช่นกัน

"ดีแล้วที่นายคิดได้ เพราะถ้านายบอกยาย เราสองคนก็ไม่ได้อะไร แล้วยังต้องโดนจับแต่งงานกันอีก เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะมาห้ำหั่นกันเอง เราควรจะหันหน้าเข้าหากันสมานฉันท์ฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปให้ได้”
“พูดอะไรงงๆ สมานฉันท์อะไรของเธอ”
"ก็ถ้าเราสองคนไม่อยากแต่งงานกัน นายก็ต้องช่วยพูดให้พี่ลายไทมาเป็นแฟนฉันให้ได้”
“แล้วเธอจะทำอะไร”
“ส่วนฉันก็จะช่วยนายจีบคุณฟองดาว..ว..ว..ว”
ตงฉินตาเป็นประกาย “จริงเหรอ”
” จริ้ง ถ้าเขายอมเป็นแฟนกับนาย แล้วพี่ลายไทก็เป็นแฟนกับฉันจริงๆ เราสองคนก็ต่างคนต่างมีแฟน อาม่ากับยายก็ทำอะไรเราไม่ได้ งานแต่งงานของนายกับฉันก็ต้องล่มสลายไปในสายหมอก”
“เฮ้ย! แล้วฉันจะแน่ใจได้ไงว่าเธอช่วยฉันจีบคุณฟองดาวจริงๆแล้วมันจะสำเร็จ”
“เชื่อมือฉันเถอะน่า”
“ฉัน-ไม่-เชื่อ มือเธอ ฉันจะเป็นคนคิดแผนเอง เธอต้องทำตามที่ฉันสั่ง(กอดอก)โอเคป้ะ?”
“โอเค๊ ฉันจะทำตามแผนนาย แต่ก่อนอื่นนายต้องทำตามแผนของฉันก่อน”
“แผนอะไร”
“แผนมัดใจพี่ลายไทให้อยู่หมัด”

เอาล่ะสิทีนี้ เมื่อสองตัวแสบจับมือกันสมานฉันท์ชั่วคราว ความมันส์ยกกำลังสองกำลังจะอุบัติขึ้นบนสังเวียน


โปรดติดตามตอนต่อไป...

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 2




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:57:15 น.
Counter : 3229 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.