Group Blog
 
All blogs
 
มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 4 (จบ)



อ่านยกก่อนหน้า

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 1

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 2

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 3


ยามคิดถึง แม้แต่นำในคลองก็ยังเห็นเป็นหน้าช่อม่วง ตงฉินยืนอยู่บนสะพานจ้องมองผืนน้ำแล้วก็หงุดหงิดอารมณ์เสียกับตัวเอง

"ทำไมฉันต้องคิดถึงหน้าเธอด้วยนะ ยัยผีลูกกรอกเอ๊ย"

คิดถึงผี ผีก็โผล่มา

"นี่ทำอะไรอยู่วะฮะ ไอ้ตง"

แค่ได้ยินเสียงยังไม่เห็นหน้า ตงฉินก็สุดดีใจ แต่เก็บอาการเอาไว้ ก่อนหันมาเผชิญหน้า

"อ๋อ ก็ไม่มีอะไรเนี่ย มาที่นี่ทำไมฮะ"
"ก็ฉันอยากมา มีอะไรป่าว" เสียงช่อม่วงยียวน
"ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ" (ยังอุตส่าห์ปากแข็งพูดสิ่งที่ตรงกันข้ามกับใจ)
"วันหลัง ถ้าแกไม่อยากจะเห็นหน้าฉัน แกก็ไม่ต้องมาที่นี่ เพราะแถวนี้มันถิ่นฉัน"
"อ้อนี่ ฉันได้ข่าวว่าแกเนี่ย รับคุณฟองดาวเค้าไปทำงานที่บ้านแกเหรอ โถ ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมแกไม่อยู่บ้านแล้วนั่งจ้องหน้าคุณฟองดาวเค้าไปทั้งวันเลยล่ะฮะ" ช่อม่วงสะบัดเสียง สะบัดหน้าเข้าใส่

"แหม ปากบอกว่าไม่สนใจเรื่องของฉัน แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไงฮะ ฮันแน่ๆ ไปสืบมา?"
ข่อม่วงร้อนตัว รีบหาเหตุมาอ้าง "ใครเค้าอยากจะรู้เรื่องของแก พอดีว่าพี่แป้นกับยายเค้าเอามาเมาท์ให้ฉันฟังต่างหาก"
"เออ เธอรู้แบบนี้ มันก็แล้วนะ เธอจะได้เห็นว่าความคืบห้าของฉันกับคุณฟองดาวมันเป็นยังไงกันบ้างแล้ว" ตงฉินสบช่องจะได้ฟาดฟันอีกฝ่าย

"ฮื้อ (ส่งเสียงหมั่นไส้) ยังไงก็สู้ฉันไม่ได้หรอกโว้ย" ช่อม่วงใช้ปลายมือผลักหน้าผากตงฉินจนหน้าหงาย

"เพราะว่าฉันกับพี่ลายไทน่ะนะ กำลังจะแต่งงานกัน" พูดแล้วก็สะบัดหน้าหันหลังให้ ไม่ทันเห็นสีหน้าที่หม่นวูบของตงฉิน แต่มันก็แค่วูบเดียวเท่านั้นแหละ

"เหรออออ" ตงฉินส่งเสียงกวนๆ ตอบ "ฉันกับคุณฟองดาวก็กำลังจะแต่งงานกันเหมือนกัน"ตัวเองพูดเรื่องแต่งงานกับลายไทได้ แต่ถ้าตงฉินพูดเรื่องแต่งงานกับฟองดาวบ้างช่อม่วงก็องค์ลงทันที
"ไอ้ตง!"
ตงฉินสะดุ้ง "ทำไม เธอจะเรียกชื่อฉันทำไมฮะ"
ช่อหันขวับกลับมาแต่แทนที่จะโกรธจนหน้าเขียว ความโกรธของช่อม่วงกลับเจือไปด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หน้าตานั้นใกล้เดียงกับคนที่กำลังจะร้องไห้ออกมาแต่สะกดกลั้นเอาไว้เต็มแก่ เหมือนอยากจะพูด แต่พูดไม่ออก จึงระบายความอัดอั้นตันใจด้วยการรัวฝ่ามือใส่อกตงฉิน ที่งุนงงกับอาการแปลกๆ นั่นอยู่ ปัดมือช่อม่วงออก

"เฮ้ย! จะตีทำไมเนี่ย" ทุกครั้งที่ช่อม่วงใช้กำลัง มันมีเหตุมีปัจจัยมากกว่านี้ ครั้งนี้ดูจะขาดเหตุผลเกินไป

"ก็ .. ฉันหมั่นไส้นี่หว่า" ช่อม่วงตอบอึกอัก
"อ้าว แล้วเธอมาหมั่นไส้ฉันทำไม"
ช่อขยับปากเหมือนจะตอบ แต่ไม่ตอบ ตงฉินงง เลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีก 'อะไรล่ะ' ช่อม่วงไม่สนใจไม่มีคำตอบให้ รัวมือใส่ตงฉินอีกครั้งด้วยความคับข้องใจ

ทุกครั้ง ตงฉินก็ได้แต่ปัดป้อง อย่างมากก็แค่ผลักตอบ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ตงฉินรวบร่างเล็กๆ ของช่อม่วงเข้ามากอดไว้แน่น ราวกับนั่นจะช่วยผ่อนคลายความอึดอัดใจทั้งหมดที่มี สัมผัสใกล้ชิดที่น่าตกใจ ทั้งยังงุนงง ไม่เข้าใจ พากันนิ่งงันไปชั่วขณะ

( โอ้โห ฉากนี้ สุโค่ย ทั้งแพทและฟิล์มแสดงได้เป็นธรรมชาติและสื่ออารมณ์ได้ดีมากๆ )

ช่อม่วงได้สติก่อน ขืนตัวออกจากอกของตงฉิน ที่ได้สติเหมือนกันไม่ใช่แค่ปล่อยธรรมดา แต่สลัดปล่อยพร้อมกิริยารังเกียจสุดๆ

"อะฮึ๋ย แหวะ หยะแหยง" เกินกว่าจะทำความเข้าใจและยืนอยู่ต่อหน้ากันต่อไปได้ สองคนสะบัดหน้าเดินกลับไปคนละทาง ที่ปลายสะพานไม้ทั้งสองฟาก ต่างคนต่างเหลียวมามอง ช่อม่วงโกรธจนควันจะออกหูอยู่แล้วล่ะ จ้องหน้าจ้องตากันไม่ลดละ

"อ้าว มอง มองอะไร" ตงฉินร้องถามกวนๆ
"มอง มองไอ้คนไม่หล่อน่ะสิ"
"รีบไปเลยไป ฉันรีบกลับไปดูแลคุณฟองดาวดีกว่า"
"โอ๊ย ต๊าย ตาย ตาย ฉันก็ต้องรีบกลับไปเอาใจพี่ลายไทเหมือนกัน ป่านนี้คงจะคิดถึงฉันใจจะขาดแล้วล่ะมั้ง ไปเลย ไอ้คนไม่หล่อ หน้าตาก็ไม่ดี อิโธ่ ทำมาเป็นแอ๊บ"
ตงฉินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แสบนักนะยัยช่อ

"แหม่ พูดตั้งนานไม่ยอมไป ไม่อยากไปละสิ"
"ก็แกไปก่อนดิวะ" ช่อม่วงตะโกนตอบ
"ก็ไปดิ๊"
" หนึ่ง สอง สาม" ตงฉินนับ ช่อและตงต่างรู้ว่าไม่สามารถจะยื้อเวลาที่จะอยู่ด้วยกันได้มากไปกว่านั้น ต้องยอมหันหลังให้กันแล้วเดินจากไป มันช่างยากเย็นเสียจริงๆ ที่จะก้าวจากไปโดยไม่หันกลับมามองตามหลังอีกฝ่าย



บุพเพอาละวาดหนัก เมื่อตงฉินกับฟองดาว และลายไทกับช่อม่วง ต่างควงกันมากินอาหารร้านเดียวกันอย่างบังเอิญ แถมนั่งโต๊ะติดกันอีกต่างหาก ตงฉินนั่งฟากเดียวกับช่อม่วง ลายไทกับฟองดาวมองหน้ากันด้วยสายตาที่ยังเจ็บช้ำ ด้วยนิสัยเอาชนะด้วยกันทั้งคู่ ทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างไม่มีใครยอมถอย สั่งอาหารมากินกัน ตงฉินเอาใจฟองดาวคอยพูดหวานๆ ตักอาหารให้
"คุณฟองดาวทานเยอะๆ นะครับ ผิวพรรณจะได้ผุดผ่องสดใสไม่ดำกร้านเหมือนคนบางคน" ช่อม่วงก้มมองผิวของตัวเองอย่างเจ็บใจที่ถูกตงฉินกระแนะกระแหนว่าดำ ก็เอาคืนด้วยการอกเอาใจลายไทอย่างอ่อนหวาน
"พี่ลายไทจ๊ะ ช่อว่าพี่ลายไททานปลาดีกว่านะจ๊ะ เพราะว่าปลามันช่วยบำรุงสมอง จะได้ไม่โง่เหมือนคนบางคน 'แถวนี้' "ตงฉินได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจ ผุดลุกขึ้นยืนหันมาขึ้นเสียงเอาเรื่องกับช่อม่วง
"นี่เธอว่าใครโง่ฮะ"
"ก็ว่าแกน่ะสิไอ้ตง ก็แกอยากมาด่าว่าฉันดำก่อนทำไม"
"แล้วไม่จริงหรือไง ยัยดำ"
"ไอ้โง่"
"อ้าว เฮ้ย ขึ้นเลย"
"ทำไมฮะ ขึ้นเหมือนกันโว้ย"

สองคนที่อารมณ์ขึ้นด้วยกันทั้งคู่ โก่งคอตะเบ็งเสียงใส่กันหน้าดำหน้าแดง ฟองดาวเหลียวมองผู้คนรอบๆ ด้วยความอับอาย ลายไทแตะแขนช่อม่วงให้ใจเย็นๆ ฟองดาวก็ช่วยขอร้องตงฉินให้นั่งลง ตงฉินอ้างว่าเห็นแก่ฟองดาวจึงยอมนั่งลง ช่อม่วงเห็นตงฉินฟังฟองดาวยิ่งอารมณ์เสีย เอ่ยขอตัวกับลายไทไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่ช่อม่วงบ่นฉุนเฉียวกับหน้ากระจก อยู่ๆ ตงฉินก็โผล่หน้าเข้ามา สีหน้าโกรธเคืองและไม่สนใจด้วยว่ากำลังเข้ามาอยู่ในห้องน้ำผู้หญิง นี่คือความโกรธจริงๆ ไม่ใช่การถกเถียงกันตามความเคยชินเหมือนที่ผ่านมา ทะเลาะกันจริงๆ ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำต่างเลยเถิดไปด้วยแรงอารมณ์
"ถ้าแกแน่จริงน่ะนะ แกก็ทำให้คุณฟองดาวเค้ายอมแต่งงานกับแกเหมือนที่พี่ลายไทเค้ายอมแต่งงานกับฉันสิ" ช่อม่วงท้า และตงฉินก็โกรธช่อม่วงมากมายอย่างที่ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน
"นี่เธอดูถูกฉันเหรอยัยบะช่อ"
"ใช่! ฉันดูถูกแก ทีแกยังมาลงการชีวิตฉัน" เรื่องที่ตงฉินบังอาจไปพูดกับลายไทให้มารักมาแต่งงานกับช่อม่วงยังคงเป็นประเด็นโกรธเคืองที่ช่อม่วงเจ็บ จำ ไม่ลืม ไม่อยากจะทนมองหน้าตงฉินเดินหนีออกจากห้องน้ำ ตงฉินกลับมาที่โต๊ะเหมือนกัน ขณะที่ตัวเองนั่งลง ช่อม่วงก็ชวนลายไทกลับ ตงฉินมองหน้าช่อม่วง แล้วหันกลับมาที่ฟองดาว รวบรวมทิฐิมานะทั้งหมดที่มี บอกรักฟองดาว และขอเธอแต่งงานด้วยดอกกุหลาบที่หยิบขึ้นมาจากแจกันบนโต๊ะ ตงฉินจริงจังถึงขั้นลงทุนคุกเข่าขอแต่งงาน ต่อหน้าต่อตาช่อม่วงตรงนั้นเอง ฟองดาวตกใจ อึกอักที่ตนถูกขอแต่งงานต่อหน้าคนรักเก่าที่ยังเต็มไปด้วยเยื่อใยอย่างลายไท ถ้าสีหน้าของลายไทคือความปวดร้าว ช่อม่วงก็คือคนที่ใจสลาย ตงฉินไม่เห็นหรอกว่าช่อม่วงจ้องมองตนด้วยสายตาและความรู้สึกแบบไหน ช่อม่วงที่ดวงตามีน้ำมาคลอและเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ต่อไปได้ "พี่ลายไทจ๊ะ ช่ออยากจะกลับบ้าน ช่อไปรอที่รถนะจ๊ะ" ผุดลุกขึ้นและเดินผ่านตงฉินไป เช่นเดียวกับลายไทที่ไม่อาจรอจนกระทั่งพนักงานมาเก็บเงินได้เขาหยิบเงินออกมาวางบนโต๊ะเป็นค่าอาหาร มองหน้าฟองดาวและเดินหันหลังจากไป



ตงฉินยังมานั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่ร้านอาหาร นึกถึงช่อม่วง อยากมาดูถูกกันดีนักในที่สุดเขาก็กล้าเอ่ยปากสารภาพรักและขอฟองดาวแต่งงานซะที ความสำคัญของการบอกรักฟองดาวและขอเธอแต่งงาน สำหรับตงฉินแล้วมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการพิสูจน์ให้ช่อม่วงเห็นว่า เขาทำได้ และนั่นคือชัยชนะ ส่วนเรื่องฟองดาวจะคิดอย่างไรนั้น ตงฉินไม่ได้เก็บมาเป็นกังวล เพราะถึงอย่างไร เธอก็ต้องปฏิเสธเขาอยู่แล้ว

เมื่อพบฟองดาวและเอ่ยปากถึงเรื่องการให้คำตอบ ตงฉินเชื่อสนิทใจว่าฟองดาวจะปฏิเสธและรู้สึกโล่งใจ แต่ฟองดาวกลับตอบตกลง ตงฉินช็อคลมจะใส่อยู่ตรงนั้น ฝืนขอบคุณด้วยอาการติดๆ ขัดๆ ที่ฟองดาวเข้าใจไปว่านั่นเป็นเพราะตงฉินดีใจจนพูดไม่ออก

คนสองคนที่รักกัน แต่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง และเพียงเพื่อจะเอาชนะอีกฝ่ายต่างดันทุรังเดินหน้าไปสุดวิถีสุดแรงกำลังโดยไม่สนความรู้สึกลึกๆ ในใจของตนเอง



ตงฉินไม่ย่อท้อที่จะเอาชนะใจอาม่า ด้วยความรักหลานชาย และความสิ้นหวังในตัวช่อม่วงไปแล้ว ทำให้อาม่าตกลงใจยอมไปสู่ขอฟองดาวกับคุณหม่อมแจ่มใสที่อาม่าเกลียดแสนเกลียด ยอมจ่ายค่าสินสอดทองหมั้นที่ราชินีแห่งความเค็มอย่างหม่อมแจ่มใสขูดรีดเอา ใช่ว่าหม่อมแจ่มใสจะอยากได้หลานเขยที่ไม่มีรากเหง้ามาจากเชื้อผู้ดีมีสกุลนัก แต่ด้วยความรักหลานสาวและเห็นว่าครอบครัวตงฉินนั้นก็ทำมาค้าขายจนร่ำรวย ตงฉินเองก็ดูจริงใจ ที่มาคอยป้วนเปี้ยนส่งข้าวสารอยู่ไม่ขาดก็คงเป็นเพราะแอบชอบพอหลานสาวของตนนั่นเอง หากฟองดาวได้แต่งงานกันไป เขาคงจะรักและให้ชีวิตที่สุขสบายกับฟองดาวได้ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ชอบใจอีกฝ่าย แต่เพราะความรักหลาน ก็ยินดีจะลดทิฐิส่วนตัวและหันหน้ามาตกลงใจกันไปอย่างแกนๆ



คนที่เดือดร้อนหนักคืออาโจว เพราะอาโจวไม่ชอบที่ครอบครัวของฟองดาวมีแค่เชื้อสายผู้ดีเก่า แต่ฐานะนั้นยากไร้ และหม่อมแจ่มใจก็เค็มเหลือใจ อาโจวยังคงสนับสนุนย้งยี้สุดกำลัง ทางฝ่ายรื่นรมย์พอได้ข่าวการแต่งงานของตงฉินก็ร้อนใจหนัก นัดอาโจวมาพูดคุยกันอีกครั้ง และชื้ให้เห็นข้อเสียต่างๆ นานา หากว่าอาโจวได้ย้งยี้เป็นลูกสะใภ้ อาโจวคล้อยตามก็จริงๆ แต่ก็ตกลงใจว่า หากต้องเลือกระหว่างฟองดาวและหนูช่อ อาโจวยินดีจะยอมรับความยากจนของฟองดาว มากกว่าที่จะเลือกอาหนูช่อแล้วต้องทนเกี่ยวดองกับรื่นรมย์ในฐานะแม่ยายของลูกชายตน

ไม้ตายสุดท้ายของรื่นรมย์คือการบอกกล่าวให้อาโจวรู้ว่าครอบครัวของฟองดาว เป็นหนี้ลายไท ว่าที่ลูกเขยตนอยู่เท่าไหร่ 3 ล้านเชียวนะ 3 ล้านที่อาโจวจะต้องช่วยครอบครัวลูกสะใภ้ใช้หนี้ และก็เป็นยอดเงิน 3 ล้าน ที่อาโจวตกลงใจในที่สุด อาโจวเลือกหนูช่อ

เมื่อลูกทั้งสองคือตงฉินกับช่อม่วงเป็นตัวแสบ คนเป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดก็คงสุดแสบไม่น้อยไปกว่ากัน รุ่นเดอะบิ๊กอย่างอาม่าและยายแช่มก็วาดลวดลายกันไปเยอะแล้ว รุ่นเล็กตงกับช่อก็แผลงฤทธิ์ไปจนเรื่องลุกลามเกิดแก้ไขขนาดนี้ ถึงคราวรุ่นใหญ่อาโจวกับรื่นรมย์ต้องสำแดงเดชบ้าง สองคนจัดการวางแผนป่วนการเตรียมงานแต่งของตงฉินกับฟองดาว และลายไทกับช่อม่วง โดยอาศัยพี่คล้าวและย้งยี้เป็นเครื่องมือ (พูดง่ายๆ คือหลอกใช้)



รื่นรมย์กับอาโจวจัดการให้ลูกๆ ทั้งคู่ ซื้อแพคเก็จการแต่งงานร้านเดียวกัน ทั้งสองคู่ต้องมาเจอกันในวันเลือกชุดแต่งงาน วันถ่ายรูปที่ต้องมาถ่ายสถานที่เดียวกัน ลายไทและฟองดาวต้องพบหน้ากับด้วยความอึดอัดทรมาน ส่วนตงฉินกับช่อม่วงก็เต็มไปด้วยความเคืองขุ่น และลึกๆ ลงไปในใจของทุกคนคือความร้าวรานในหัวใจที่ต้องกล้ำกลืนเก็บเอาไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองพ่ายแพ้ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมที่จะให้ตัวเองอ่อนแอออกมาให้เห็น

"ช่อจะไม่ยกเลิกงานแต่งงานเด็ดขาด ในเมื่อไอ้ตงมันยืนยันจะแต่งงานกับคุณฟองดาวให้ได้ ช่อก็จะแต่งงานกับพี่ลายไทให้ได้เหมือนกัน ต่อให้มีอีกสักสิบไอ้พี่คล้าว ช่อก็ไม่กลัว"
"ตราบใดที่ยัยช่อยังคิดยืนยันจะแต่งงานกับนายลายไท ฉันก็จะแต่งงานกับคุณฟองดาวให้ได้เหมือนกัน"

(เฮ้อ เหนื่อยใจจริงวุ้ย)

"สงสัยมันจะไม่เวิร์ค" นั่นคือข้อสรุปของรื่นรมย์และอาโจว การส่งย้งยี้กับพี่คล้าวไปราวีกิจกรรมเตรียมงานแต่งของทั้งสองคู่นอกจากจะไม่เป็นผล ยังทำให้ทั้งตงฉินและช่อม่วงมีความมุ่งมั่นที่จะแต่งงานให้ได้อีกด้วย อาโจวกับรื่นรมย์จึงต้องคิดแผนการใหม่

"ในเมื่อเราขัดขวางลูกของเราไม่ได้ เราก็ต้องทำให้ลูกของเราถูกทิ้งไปซะเลย"

และคนที่จะช่วยทำให้เรื่องนี้สำเร็จลงได้ ก็คือลายไท และฟองดาว อาโจวและรื่นรมย์วางแผนให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกัน อาโจวส่งนักเลงมาระรานฟองดาวและรื่นรมย์จัดการให้เป็นความบังเอิญที่ลายไทได้เข้ามาช่วยเธอไว้ ฟองดาวซาบซึ้งในตัวของลายไทเสมอ เช่นเดียวกับลายไทที่ยังรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง สองคนปรับความเข้าใจ แต่วิสัยความเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีของทั้งคู่ ต่างรู้ดีแก่ใจว่าไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไข และไม่อาจหันหลังให้กับปัจจุบันที่กำลังดำเนินไป ทั้งคู่ต่างกำลังจะแต่งงานกับใครอีกคน และเท่าที่ทำได้ก็แค่การบอกลากันด้วยดีเท่านั้น



มันไม่ได้ผลอีกแล้ว รืนรมย์กับอาโจวสุดแสนจะห่อเหี่ยวกับความชุลมุนวุ่นรักของเด็กรุ่นลูกทั้งสี่

เดินหน้าแล้วไม่มีคำว่าถอยหลัง ตัดสินใจแล้วไม่มีคำว่าเปลี่ยนใจ ตงฉินกับช่อม่วงก็เช่นกัน แม้รู้ว่าไม่มีความสุขกับการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการจะทำคือ ฝืนมันไปให้ถึงที่สุด แม้ว่าไม่รู้จะต้องฝืนมันไปจนถึงเมื่อไหร่ก็ต้องทำให้มันเกิดขึ้น ต้องเกิดขึ้นให้ได้



ช่อม่วงตระหนักถึงความจริงข้อนั้นและนั่งเหม่อเหงาๆ อยู่ในสวนคนเดียว ตงฉินก็ตะหนักถึงความจริงข้อเดียวกัน เขาจึงมาหาช่อม่วง ใจเป็นอย่างไรไม่ยอมรับรู้ แต่ที่ยอมรับในที่สุดคือถึงเวลาต้องร่ำลา และจากกันไปด้วยดี

อาจเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ทั้งสองคนตั้งใจจะพูดจากันดีๆ ไม่มีทะเลาะ และพวกเขาก็ทำแบบนั้น คำดีๆ ที่มีให้แก่กันคือถ้อยคำที่มาจากความรู้สึกขอบคุณ แค่คำเบาๆ จากช่อม่วง "ขอบใจ" ในสิ่งที่เคยพยายามทำด้วยกันมา และที่เคยทำอะไรให้ตั้งหลายอย่าง ตงฉินก็มีความสุข และด้วยความรู้สึกเดียวกัน

"ขอบคุณ ที่ทำให้อะไรให้ตั้งหลายอย่าง แล้วก็อยากจะขอโทษด้วยนะที่แกล้งเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ แกล้งเธอแล้วมันมีความสุขยังไงก็บอกไม่ถูก เออ...มันก็ ... มีความสุขน่ะ"

จะพูดกันดีๆ แค่ไหน สุดท้ายยังไงมันก็เป็นธรรมชาติของเขาและเธอที่จะต้องวิ่งสู้ฟัด การรำลาจึงหักมุมด้วยการที่ช่อม่วงหลอกให้ตงฉินหันหลังแล้วถี่บสะโพกเขาเต็มรักจนจุดยุทศาสตร์กระแทกเข้ากับเสารั้วร่วงลงไปหน้าเขียวหน้าเหลืองกับพื้น วิ่งไล่จับ กลั่นแกล้ง เอาคืนเสียงหัวเราะร่าเริงดังก้องสวน



ที่สุดของที่สุด อาโจวและรื่นรมย์ก็ต้องงัดสุดยอดไม้ตายมาใช้ เปิดเผยเรื่องราวความวุ่นวายของตงฉินและช่อม่วงทั้งหมด ทำให้ลายไทและฟองดาวตาสว่างและรู้ความจริงเสียทีว่าที่ผ่านมานั้นทั้งสองตนตกเป็นเครื่องมือของตงฉินและช่อม่วงจนกระทั่งแตกหักกันอย่างไร ตงฉินคือนายชิน และช่อม่วงก็คือมะม่วง ลายไทและฟองดาวจับมือกันด้วยความยินดี แต่ลายไทยังคงเป็นห่วง
"แล้วน้องช่อล่ะครับ"
"ลายไทไม่ต้องเป็นห่วง พราะจริงๆ แล้วยัยช่อกับตงฉินเค้ารักกัน"
"ฮ้า" ลายไท และฟองดาวต่างพากันอุทาน สองคนนั้นเกลียดกันจะตายไป ใครจะไปเชื่อได้ง่ายๆ ว่าทั้งสองคนน่ะ แท้จริงแล้วต่างก็รักกัน อาโจวอดไม่ได้ที่จะบ่นลูกๆ ทั้งสอง

"ใช่ แต่เป็นเพราะว่าเด็กสองคนมันปากแข็ง เรื่องถึงได้วุ่นวายแบบนี้ไง"



เสียโจวลากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาที่บ้านยายแช่ม ระหว่างที่ยายแช่มและอาม่ากิมท้อกำลังปรึกษาหารือกันเรื่องชวนกันไปเที่ยวหลังจากปล่อยวางเรื่องคลุมถุงชนหลานๆ ไปแล้วนั้น ก็ได้ยินเสียงเอะอะข้างนาอก ตงฉินกำลังโวยวาย

"นี่อะไรน่ะเตีว ไหนว่ามาส่งข้าวสารไง นี่อะไรฮะ เตี่ยวพาผมมาที่นี่ทำไม เดี๋ยวเค้าจะหาว่าผมคิดทงคิดถึงเค้า" ตงฉินดึงดันจะกลับแต่ที่ส่งเสียงดังเพราะหวังจะให้อาม่ากับยายแช่มได้ยินเสียงและเรียกตัวเอาไว้ อาม่ากับยายแช่มออกมาดู เห็นตงฉินกำลังฮึดฮัดจะกลับไปท่าเดียว รื่นรมย์ก็รุนหลังช่อม่วงออกมาสมทบ เสียงช่อม่วงบนออดแอด
"นี่อะไรน่ะแม่ จะให้ช่อไปไหน แล้วแม่ให้ช่อแต่งตัวอะไรอย่างนี้เนี่ย"

ช่อม่วงมองกระโปรงที่ตัวเองอย่างไม่เข้าใจแล้วก็หันมาเจอหน้าตงฉินเข้าพอดี พ่อแม่ทั้งสองก็ผลักลูกของตนเข้าหากัน

"ตงฉิน มีอะไรจะพูดกับยัยช่อก็พูดๆ ซะ" รื่นรมย์บอก อาโจวก็เช่นกัน
"ไป ไอ้ตง มีอะไรก็เคลียร์กันซะ จะได้จบๆ ซะที"
สองคนมองหน้าสบตากัน แล้วช่อม่วงก็ร่นไปหลบอยู่หลังแม่ ตงฉินก็ถอยไปอยู่ข้างหลังพ่อ อาม่ากิมท้อกับยายแช่มต่างมองลูกหลานคนนั้นทีคนโน้นที่ด้วยความงุนงง อาโจวสำทับมาอีก
"ให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกันไง มีอะไรก็เคลียร์กันซะ ไอ้เรื่องวุ่นๆ จะได้จบลงซะที มันไม่ดีหรือไง"

"ไม่เคลียร์" "ไม่ดี" "จะปรับทำไม" เป็นคำตอบจากผู้มาใหม่ ย้งยี้ที่กำลังโกรธมาก ที่เพิ่งรู้ตัวว่าอาโจววาดหวังจะได้ช่อม่วงมาเป็นลูกสะใภ้แถมยังกล้ามาหลอกใช้ตนเป็นส่วนหนึ่งในแผนการณ์ ตงฉินได้ที่รีบวางฟอร์ม

"เตี่ยทำแบบนี้ทำไม มันไม่ถูกนะ ทำไมเตี่ยไม่นึกถึงความรู้สึกของคุณฟองดาวเค้าบ้าง ว่าเค้าจะรู้สึกยังไง"

ได้ยินชื่อฟองดาวช่อม่วงก็โกรธวูบ "นั่นสิจ๊ะแม่ แม่ทำแบบนี้ทำไม แม่ไม่นึกถึงใจพี่ลายไทเค้าบ้างเหรอ"

ย้งยี้ก็โกรธ โกรธ โกรธ " กู๋บอกย้งยี้มาสิคะ กู๋ทำแบบนี้ทำไม"
"นั่นน่ะสิเตี่ย เตี่ยทำแบนี้ทำไม" ตงฉินถามบ้าง
ช่อม่วงก็เอาด้วย "นั่นสิแม่ แม่ทำแบบนี้ทำไม"

"ก็เพราะแกสองคนรักกันไง!"

มันเหลืออดเหลือทนกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ แล้วเช่นกัน อาโจวกับรื่นรมย์จึงตะเบ็งเสียงออกมาเช่นนั้น แทนที่จะรอให้เด็กๆ ได้พูดจากันเอง สิ้นสุดคำพูดบรรยากาศเงียบกริบ ตงฉินกับช่อม่วงมองตากันแล้วตกอยู่ในอาการชะงักค้าง ไม่รับรู้ถึงเสียงและสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เกิดขึ้น



เสียงเฮลั่นของอาม่ากิมท้อและยายแช่มที่ดังขึ้น สองคนดีอกดีใจตีมือกัน ย้งยี้โวยวายไม่พอใจและพุ่งเข้ามาดึงตัวตงฉินออกไป โดยที่สายตาตงฉินกับช่อม่วงไม่ได้ละไปจากกันเลย

"ก็เพราะแกสองคนรักกันไง!"


"ก็เพราะแกสองคนรักกันไง!"

เสียงตะโกนของพ่อและแม่เสียงนั้น ยังก้องอยู่ในหัวของตงฉินและช่อม่วงที่คิดถึงคำๆ นั้นด้วยความเหม่อลอย "รัก" เหรอ พวกเขาน่ะเหรอที่รักกัน มันจะเป็นไปได้ยังไง

"ฉันนี่นะรักยัยบะช่อ ฉันน่ะรักคุณฟองดาวต่างหาก" ตงฉินพร่ำบอกกับตัวเองอย่างนั้น

อาโจวและรื่นรมย์มาช่วยกันวางแผนจัดการตงฉินและช่อม่วงที่บ้านลายไท อาม่ากับยายแช่มแอบตามมา ต่อว่าลูกๆ ทั้งสองเรื่องที่ไม่ยอมทำตามเจตนารมย์ของพวกตนเสียแต่แรก แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ สุดท้ายก็ต้องมาทำอย่างพวกเราอยู่ดี

"ก็ตอนนั้นใครจะไปรู้ล่ะแม่ ว่าเด็กสองคนนี้มันจะรักกันเข้าจริงๆ"

อาโจวคิดย้อนไปก็เห็นเป็นอย่างเดียวกัน เด็กสองคนที่ฟาดฟันกันไม่ยั้งมาตั้งแต่เด็กๆ ใครเลยจะไปคิดว่านั่นจะกลายมาเป็นความรักได้ แล้วอาม่ากับยายแช่มก็สุมหัวช่วยกันดัดนิสัยปากไม่ตรงกับใจของหลานตัวแสบทั้งคู่อย่างมีความสุข



เพราะรู้ความจริงและกลับมาคืนดีกับฟองดาวแล้ว โดยที่ตงฉินกับช่อม่วงยังไม่รู้ ลายไทมีความสุขแต่ก็รู้ดีว่าเขามีหน้าที่ต้องทำอะไรบางอย่างให้ช่อม่วงผู้เป็นน้องสาวสุดที่รัก ลายไทถามย้ำ ๆ ซ้ำๆ ถึงเหตุผลการแต่งงานรวมถึงความรักที่ช่อม่วงมีให้เขา ในที่สุดช่อม่วงก็ลังเล กลับมาคิดทบทวนความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อลายไทมาตั้งแต่เด็กๆ และเธอย่อมรู้ดี ทั้งหมดมันคือความผูกพันความสนิทสนมความปลาบปลื้มที่มีต่อพี่ชายข้างบ้าน แต่ทั้งหมดนั่นไม่ใช่ความรักแบบหนุ่มสาว แบบที่คนสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

ถ้าเป็นเรื่องของความรัก ในที่สุดผู้หญิงก็เป็นฝ่ายยอมแพ้และยกธงขาว ช่อม่วงขอยกเลิกการแต่งงานกับลายไท และหวังอยู่ลึกๆ หากตงฉินรู้ข่าวนี้ เขาจะยกเลิกการแต่งงานกับฟองดาวเช่นเดียวกัน

มันก็เกือบจะเป็นอย่างนั้นเมื่อลายไทผู้ได้รับการฝึกปรือเทคนิคการแสดงมาจากยายแช่ม มาพบตงฉินที่โรงสีพร้อมกับจะเอาเรื่องที่ตงฉินปลอมตัวเป็นนายชินคนงานในไร่และวางแผนหลอกลวงต่างๆ ให้เขาและฟองดาวต้องเลิกรากัน เมื่อเห็นว่าลายไทรู้ความจริงแล้ว ตงฉินจึงยอมสารภาพผิดทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ตงฉินยินดีจะคืนฟองดาวให้

"ผมจะเลิกงานแต่งงาน"

"ผมสารภาพก็ได้ครับ ที่ผมจะแต่งงานกับคุณฟองดาว ผมก็แค่อยากจะเอาชนะยัยบะช่อ คุณลายไทคุณยกโทษให้ยัยบะช่อด้วยนะครับ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ยัยละช่อเค้าไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าหากว่าคุณจะโกรธ คุณโกรธผมคนเดียวเถอะครับ เพราะถ้าคุณโกรธยัยบะช่อ เค้าก็คงจะเสียใจมากแน่นอน"



ความรู้สึกทุกอย่างแสดงอยู่บนใบหน้าของตงฉินแล้ว ความรู้สึกผิด ความเศร้า ความเสียใจ อาโจว รื่นรมย์ ยายแช่ม อาม่ากิมท้อ พี่แป้น พี่จั๊บ ต่างออกมารวมตัวเยาะเย้ยตงฉินที่รู้ตัวทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

"นี่อย่าบอกนะครับว่าทุกคนเล่นละครหลอกผม"

ตงฉินรู้สึกอับอายต่อหน้าทุกคนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว รื่นรมย์ออกมายืนข้างหน้าทุกคน
"เอาล่ะ หมดเรื่องลายไทละ คราวนี้ถึงตาน้าบ้างล่ะ ไหนตอบน้ามาซิว่าเรารู้สึกยังกับชัยช่อ"

"ผม..."
ตงฉินไม่คิดว่าจะเจอคำถามตรงๆ แบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก อาโจวเห็นลูกชายไม่พูดจึงออกมายืนเคียงข้างรื่นรมย์บ้าง

"นี่ ไอ้ตง ลูกผู้ชายมันก็ต้องแมนๆ กันไปเลยนะ ชอบก็บอกว่าชอบ รักก็บอกว่ารัก อย่ามามัวอมพะนำอยู่เลย"
"ก็ผมไม่รู้นี่ครับเตี่ยว่ามันเรียกว่าอะไร" ตงฉินยังพยายามจะเถียงไปข้างๆ คูๆ
"ถ้าอย่างเน้ เอาอย่างน้าน" พอถูกโดนแซวว่าพูดผิดอาม่ากิมท้อก็พูดใหม่
"ถ้าอย่างน้าน เอาอย่างเน้ ...ลื้อลองคิดดูนะอาตง เวลาลื้อมีเลื่องเดือกร้อง ลื้อคิดถึงใคมากทิสุก"


ตงฉินไม่ตอบ แต่กำลังคิดถึงตัวเอง ยามที่เดือดร้อน คนที่เขาโทรหาก็คือช่อม่วง นึกถึงเธอตอนไปช่วยให้พ้นมือย้งยี้ที่เกาะเกร็ด พยุงเขาที่มึนเมาฤทฺธิ์ยาขึ้นเรือ นึกถึงเธอไปช่วยเขาที่ติดอยู่ในห้องน้ำเพราะถูกนักเลงของย้งยี้คุมตัวไว้

"ผู้หยิงคงหนาย ที่ลื้ออยากใกล้ชิดมั่กทิสุด"
ตงฉินไม่ตอบอีกเช่นเคยแต่นึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เขากับช่อม่วงใกล้ชิดกัน และอยู่ด้วยกันเสมอที่สะพานไม้ข้ามคลองในสวนสาธารณะนั่น

ยายแช่มขอมีส่วนร่วมในการไล่ต้อนตงฉินบ้าง

"ยายถามตรงๆ เลยนะอาตง ถ้าสมมติว่ายัยช่อจะต้องแต่งงานกับลายไทไปจริงๆ อาตงจะเสียใจไหม"
ตงฉินไม่ตอบ แต่ครั้งนี้ภาพมาเร็วและแรงกว่าที่คิด นึกถึงช่อม่วงใกล้ชิดกับลายไท และนึกถึงที่เธออยู่ในชุดแต่งงาน และกริยาเกาะเกี่ยวใกล้ชิดเมื่อครั้งวันที่ไปถ่ายรูปแต่งงานกันนั้น ตงฉินก็ออกอาการทนไม่ได้อีกต่อไปที่จะคิดถึงภาพเหล่านั้น ...
"โอ้ย ...(พอแล้วครับ) ก็เสียใจสิครับ เอางี้ก็ได้ครับ ผมน่ะรักยัยช่อครับ"

ในที่สุด ในที่สุด ในที่สุดผู้ร้ายปากแข็งก็ยอมเปิดปากสารภาพ ด้วยความเสียใจและหม่นหมองยิ่ง

"แต่... มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะว่าเดี๋ยวยัยช่อก็กำลังจะแต่งงานกับคุณลายไทแล้วนี่ครับ"
รื่นรมย์ยิ้มในหน้า "อ้าว ใครบอกล่ะ ยัยช่อยกเลิกการแต่งงานไปแล้ว และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะยัยช่อรักเรานะตงฉิน"

อารมณ์ของตงฉินดีดขึ้นลงเหมือนเป็นลูกดิ่ง จากเสียใจมาก ก็กลายมาเป็นดีใจมาก แล้วก็ตกลงมาเป็นความกังวลอีกครั้ง เมื่อนึกถึงตัวเองกับฟองดาวที่เตรียมจัดขึ้นแล้ว
"แล้ว ... งานแต่งงานจะเอาไงดีละครับ"
พี่แป้นเสนอ อย่างที่มันต้องเป็นไปอย่างนั้นอยู่แล้วล้านเปอร์เซ็นต์

"คุณตงก็ยกเลิกงานแต่งงานไปเลยสิคะ ยกเลิกไปเลย"

"ฉันไม่เห็นด้วย!"



ยายแช่มคัดค้านการยกเลิกแต่งงานเสียงแข็ง ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน แต่แล้วก็เข้าใจได้ว่า ทั้งหมดมันเป็นแผนดัดนิสัยปากแข็งของช่อม่วงโดยเฉพาะ ยายแช่มอาจจะคิดถูก ถ้าหากตงฉินเป็นฝ่ายยอมให้ช่อม่วงครั้งนี้ จะต้องถูกยัยช่อข่มเหงด้วยการหยิบยกมาเป็นหัวข้อ 'ชนะ' ตลอดไป ด้วยนิสัยของหลานทั้งสองคน รักครั้งนี้จะต้องมาลงเอยด้วยกันตรงจุด 'ครึ่งทาง' นั่นหมายถึงตงฉินต้องไม่ไปง้อ และช่อม่วงต้องยอมรับความรักและการแต่งงานครั้งนี้ด้วยตัวเอง




งานแต่งงานยังคงดำเนินต่อไป ช่อม่วงเห็นทุกคนในบ้านรื่นเริงมีความสุข เสียงพูดคุยหัวเราะของแม่อาม่าและยายที่กำลังช่วยกันเลือกสรรผ้าผ่อนเพื่อตัดชุดสวยๆ สวมใส่ไปงานแต่งงานของตงฉิน มันช่างบาดหู แต่ช่อม่วงก็ไม่อาจแสดงความรู้สึกอะไรออกมาได้นอกจากเข้าห้องปิดประตูและโกรธแค้นตงฉินอยู่เพียงลำพัง ไอ้ตง นะไอ้ตง ทั้งๆ ที่รู้ว่าช่อม่วงยกเลิกงานแต่งงานกับลายไทไปแล้ว มันก็ยังเดินหน้าจัดงานแต่งงานต่อไป แม้เวลาจะใกล้เข้ามาเต็มที ช่อม่วงรู้สึกทั้งเสียหน้าและเสียใจ ความผิดครั้งนี้ตงฉินจะต้องชดใช้อย่างสาสม แต่ช่อม่วงก็ยังหวังอยู่ในวินาทีสุดท้ายตงฉินจะต้องล้มเลิกงานแต่งงานแน่

"ไอ้ตง แกต้องล้มเลิกงานแต่งงาน แล้วก็มาง้อฉัน"
แต่จนแล้วจนรอด เรื่องที่หวังก็ไม่เกิดขึ้น สุดจะทานทนอีกต่อไป ช่อม่วงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าและออกเดินทางไปหัวหิน ทั้งที่รู้ว่าในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของตงฉิน ช่อม่วงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยากไปร่วมงานแต่ง

แม้ยายแช่มจะมั่นใจแผนการของตัวเองแค่ไหน แต่การที่ช่อม่วงไปหัวหินทำให้ตงฉินร้อนรนใจเป็นที่สุด งานแต่งงานจัดขึ้นครั้งนี้โดยที่เจ้าสาวคือช่อม่วงเอง แต่เจ้าสาวไม่รู้ตัว แถมยังหนีไปอีก แต่ยายแช่มก็ยังมั่นใจว่ารู้จักนิสัยหลานสาวดี ยัยช่อจะไม่มีวันยอมแพ้และจะต้องร้อนรนทนไม่ได้และกลับมาทันงานแต่งแน่นอน



แต่ตงฉินไม่มั่นใจ ถึงใครๆ จะบอกว่าช่อม่วงรักเขา แต่ถ้าไม่ได้ยินจากปากของช่อม่วงเองตงฉินก็ไม่อาจวางใจได้ ช่อม่วงจะกลับมาแน่หรือ หากว่าเขาไม่ตามไปง้อ ไปบอกว่ารัก และขอช่อม่วงแต่งงานด้วยตัวเอง

ช่อม่วงที่เชื่อมั่นอยู่ลึกๆ ว่าตงฉินนั้นรักตน และหวังเต็มที่ว่าเขาจะยกเลิกงานแต่งงานและตามมาง้อ ก่อนออกจากบ้าน ก็ย้ำกับแม่และยาย ย้ำแล้วย้ำอีกนี่นาว่ามาหัวหิน ตงฉินจะต้องรู้และตามมาง้อสิ แต่ค่ำก็แล้ว ดึกก็แล้วตงฉินก็ยังไม่มา ช่อม่วงมองพระจันทร์ยามค่ำคืน ยกมือขึ้นอธิษฐานวิงวอนขอให้ตงฉินยกเลิกงานแต่งและตามมาง้อ

ทางฝ่ายตงฉินก็อธิษฐานขอจันทร์ดวงเดียวกัน พรุ่งนี้เขาจะแต่งงานแต่ตอนนี้ไม่รู้เจ้าสาวอยู่ไหน ขอพระจันทร์ได้โปรดเห็นใจส่งตัวเจ้าสาวกลับมาเข้าพิธีได้ทันเวลาด้วยเถิด

ทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างรอคอยความรักของอีกฝ่ายด้วยความหวัง ถ้าตงฉินรักช่อม่วงจริง ก็คงจะตามมาง้ออย่างที่ช่อม่วงรออยู่ที่หัวหิน และถ้าช่อม่วงรักตงฉิน ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมแพ้ ช่อม่วงจะต้องมาขัดขวางงานแต่งพรุ่งนี้


แต่... จะมาแน่หรือ ที่สุดของความกระวนกระวาย วิตกกังวล และหวาดกลัวความผิดหวัง แต่ตงฉินกับช่อม่วงก็ยังดึงดันในหนทางของตัวเอง ใจของตงฉินโลดแล่นไปแล้ว ถ้ามีลำพังตัว่เขาเอง ตอนนี้คงจะอยู่ที่หัวหินเรียบร้อยแล้ว แต่นี่เพราะยายแช่มเชื่อมั่นเช่นเดียวกับคนอื่นเชื่อ ช่อม่วงจะไม่มีวันยอมให้ตงฉินแต่งงานไปได้ ในเมื่อช่อม่วงยกเลิกงานของตัวเองไปแล้ว ถ้าช่อม่วงไม่ได้แต่งเพราะรักตงฉิน ตงฉินก็จะไม่มีทางได้แต่งด้วยเช่นกัน

มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย และเมื่อมันแก้ไม่ได้ ทุกคนมั่นใจช่อม่วงจะกลับมา .. ยกเว้นตงฉิน

เพราะขณะนี้เช้าแล้ว เขาเป็นเจ้าบ่าวในงานแต่ง ในวันแต่ง แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นแม้เงาเจ้าสาว อีกไม่นานพิธีจะเริ่มขึ้น ตงฉินกังวลถึงขีดสุด หวั่นใจจนสุดกลั้น ความที่ไม่เคยเอ่ยปากฝากรักกันมาก่อนยิ่งหวั่นไหว กลัวว่าช่อม่วงจะไม่มา

ที่หัวหินก็เช้าแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังไม่เห็นเงาของหัวไอ้ตง ก็ได้ ...ไอ้ตง ช่อม่วงยินดีจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ยังอดทนที่จะรอคอย ที่สุดแล้วก่อนจะเข้าพิธีจริงๆ ตงฉินจะต้องยกเลิกและตามมาง้อ แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าหากว่ามันไม่มาล่ะ

"ไอ้ตง ฉันเกลียดแก ฉันเกลียดแก!"

ช่อม่วงตะโกนใส่ท้องทะเล และความโกรธเคืองก็ไต่ระดับขึ้นสูงเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วความโกรธ ความน้อยใจ เสียใจ ก็กลายเป็นน้ำตา

"ไอ้ตง ฉันจะฆ่าแก แกตายแน่"

สองมือของช่อม่วงยกขึ้นปาดน้ำตา รวมรวมกำลังใจเรียกความฮึกเหิมทั้งหมดที่คยมีกลับคืนมา แม้ว่าไอ้ตงจะไม่ยอมมาง้อ แม้ว่าไอ้ตงมันดึงดันจะแต่งงานกับคุณฟองดาวให้ได้ แต่อย่าหวังเลย เพราะช่อม่วงจะไม่ยอมแพ้


"แกตายแน่ ไอ้ตง แกตายยยยยยย"



.....


ถ้าไม่ใช่เพราะความพากเพียรที่มีต่อละครที่รักเรื่องหนึ่ง ทั้งหมดที่เขียนมานี้ก็คือความบ้าพลังของคนบ้าบอ เพราะมนต์รักข้าวต้มมัด ที่มัดใจอยู่หมัดจริงๆ ค่ะ ขอชื่นชมและขอบคุณผู้มีส่วนในการทำละครที่แสนสนุกเรื่องนี้ทุกท่านและนักแสดงทุกคน

บทประพันธ์ : ณฤดี
บทโทรทัศน์ : จาวตาล
กำกับการแสดง : พีรพล เธียรเจริญ
ดำเนินการผลิตโดย อรพรรณ วัชรพล
บริษัทโพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด


รายชื่อนักแสดง

รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ แสดงเป็น ตงฉิน
ณปภา ตันตระกูล แสดงเป็น ช่อม่วง
พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แสดงเป็น อาโจว
จินตหรา สุขพัฒน์ แสดงเป็น รื่นรมย์
อรรคพันธ์ นะมาตร์ แสดงเป็น ลายไท
ชิดจันทร์ รุจิพรรณ แสดงเป็น ฟองดาว
ดวงตา ตุงคะมณี แสดงเป็น แช่มชื่น
กอบสุข จารุจินดา แสดงเป็น อาม่ากิมท้อ
มณีนุช เสมรสุต แสดงเป็น หม่อมแจ่มใส
เหลือเฟือ มกจ๊ก แสดงเป็น ก๋วยจั๊บ
ชูศรี เชิญยิ้ม แสดงเป็น ประมวล
อุ่นเรือน ราโชติ แสดงเป็น นังแป้น
มณัสนันท์ กรณ์ปารณีย์ แสดงเป็น ย้งยี้
เขาทราย แกแล็คซี่ แสดงเป็น พี่คล้าว
ณัฐพร เกตุวิเชียร แสดงเป็น ดอกท้อ


นอกจากอรรคพันธ์ (ลายไท) ที่ยังเป็นนักแสดง "ใหม่เอี่ยม" ยังแสดงแข็งเป็นท่อนไม้ และชิดจันทร์ (ฟองดาว) ที่ดูจะไม่ชิดกับบทสาวเรียบร้อยแสนดีและบทของทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ขบขันแล้ว ขอชื่นชมจริงๆ ว่าเขียนบทได้ฮาและนักแสดงทุกคนก็เล่นได้ฮาจริงๆ ฟิล์มขึ้นชื่อเป็นพระเอกคอมเมดี้เต็มตัวและได้รับบทบาทใกล้เคียงกันนี้ในละคร สวย เริ่ด เชิด โสด เช่นเดียวกับแพทที่บทบาทของช่อม่วงดูจะกลายเป็นภาพลักษณ์จนบทของสาวเรียบร้อยเจ้าน้ำตาในละคร สามหัวใจ ดูจะไม่ใช่ตัวเธอเอาซะเลย ในขณะที่พี่อ๊อฟ พงพัฒน์ (เสี่ยโจว) น้ากอบสุข (อาม่ากิมท้อ) น้าตุ๊ก ดวงตา (ยายแช่ม) และ พี่แหม่ม จินตรา (รื่นรมย์) เป็นนักแสดงมืออาชีพอยู่แล้ว การเข้าถึงบทบาทไม่ต้องเป็นห่วงเลย แต่พี่แหม่มเนี่ยนะ ใครจะคิดว่าเธอเล่นได้ฮากับเขาซะมากมายเหมือนกัน ยังมีครูอ้วน มณีนุช (หม่อมแจ่มใส) ที่บทบาทดูเคร่งเครียดเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่ว่าเวลาเข้าฉากกับนักแสดงอื่นๆ มันฮาเกินห้ามใจ เหลือเฟือ(พี่จั๊บ) ชูศรี (พี่มวล) อุ่นเรือน (พี่แป้น) และเขาทราย (พี่คล้าว) ทั้งหมดนี้ก็อย่างฮาหาใดมาเปรียบ มนัสนันท์ (ย้งยี้) นี่ก็ไม่คุ้นหน้าแต่ว่าฝีมือนางร้ายคอมเมดี้เรียกว่าเฉียบขาด รวมถึงการเขียนบทและการดำเนินเรื่องราวที่ปั่นป่วนสุดวุ่นวายและสุดฮาต้องยกนิ้วให้เจ้าของบทประพันธ์ และชื่นชมคนเขียนบทโทรทัศน์ และยกย่องฝีมือผู้กำกับด้วยที่รีดเค้นเอาลีลาสุดรื่นไหลและเฮฮาจากนักแสดงออกมาอย่างรื่นไหล เป็นตัวของตัวเอง เฮฮาได้อย่างน่ารักน่าชัง และเป็นธรรมชาติมากที่สุด



ทั้งหมดนี้ คือ มนต์รักข้าวต้มมัด ละครไทยที่รักอย่างสุดหัวใจ ไม่แพ้ละครเกาหลีหรือละครญี่ปุ่นเรื่องใดๆ ที่เคยเทใจให้เลย

และในที่สุด ก็เสร็จสิ้นโปรเจ็คต์ยักษ์นี้เสียที เป็นการเขียนบล้อกที่เหน็ดเหนื่อยจริงๆ แต่ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกอย่างที่สุด

มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด หวาน มันส์ สนั่นหัวใจจริงๆ

-จบบริบูรณ์-







Create Date : 05 พฤษภาคม 2554
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:56:38 น. 0 comments
Counter : 1954 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.