Group Blog
 
All blogs
 
มิติใหม่หัวใจเดิม ... จดจำไว้ทุกลมหายใจ มือใครประคองฉันมา ให้ฉันได้รู้คุณค่าความรัก



อารมณ์อยากดูละครไทย แต่ดูละครหลังข่าวเรื่องไหนๆ ก็ยังไม่ถูกใจพอให้ติดตามสักกะเรื่อง เมื่อก่อนในอดีตเยาว์วัยเป็นคนที่ชอบละครไทยหลังข่าวเอามากๆ แต่เดี๋ยวนี้ การจะหาละครไทยที่ถูกใจสักเรื่อง เป็นเรื่องยากมากๆ เลยทีเดียว มนต์รักข้าวต้มมัด ดวงใจอัคนี รอยมาร ช่วงไม่นานมานี้ก็มีชอบอยู่แค่นี้ล่ะมั้งคะ นางฟ้ากับสายชล เรื่องเกมรักเกมร้าย ที่มีนักแสดงคู่ขวัญคู่โด่งดังที่สุดใน พ.ศ. นี้ คือ ณเดช กับญาญ่า ก็ลองเปิดดูกับเขาเหมือนกันแว่บๆ เพราะดูแล้วมันก็ไม่เป๊ก ไม่เหมือนดวงใจอัคนี ที่เปิดดูตามกระแส พอดูแล้วมันโป๊ะเชะ! เคยเมาท์กันกับเพื่อนว่า ทำไมเราถึงดูละครไทยสมัยนี้ไม่ค่อยติดเลย ก็วิเคราะห์กันข้างๆ คูๆ เอาว่า คงเป็นเพราะวัยของเรามั้ง (แก่ขึ้น) จริงเหรอ ...เพราะเราก็ยังติดละครเกาหลีญี่ปุ่นกันอยู่นี่ เปรียบเทียบสมัยก่อนที่ติดละครนักหนากับละครสมัยนี้ มันก็ละครไทยเหมือนๆกัน ทำไมเราดูแล้วไม่ติดเหมือนๆ กันล่ะ เพื่อนเดาว่าคงเป็นเพราะละครสมัยก่อน สร้างจากบทประพันธ์ดัดแปลงมาเป็นบทละครโทรทัศน์ ขณะที่สมัยนี้ละครสร้างจากการเขียนบทโทรทัศน์ขึ้นมาเลย ซึ่งบางทีก็ ...อะไรก็ไม่รู้ หรือต่อให้สร้างจากหนังสือนิยาย แต่นักเขียนเหล่านั้นก็เป็นนามปากกาที่เราเปิดอ่านแล้ว ส่ายหน้าไม่โดน จนทุกวันนี้เราพากันอ่านนิยายน้อยลงมาก ไม่ต้องถามถึงเรื่องที่ประทับใจอ่านแล้วอยากอ่านอีกเลย เพราะไม่ค่อยมี เช่นเดียวกับละครไทยที่หาถูกใจไม่ค่อยได้ แต่อยากดูมากอย่างนี้ ต้องพึ่งพา youtube ซะแล้วล่ะ



ต้องเรื่องนี้เลย ย้อนยุคกลับไปหาละครไทยที่่เป็นเรื่องโปรด "มิติใหม่หัวใจเดิม" ดูอีกครั้งก็ยังติดใจและติดตาม เพราะก็จำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว ตอนแรกจะอ่านเรื่องย่อแต่เสิร์ชหาไม่พบเลย ดังนั้น ... ต้องลงมืออนุรักษ์กันสักหน่อยแล้วกับการเขียนบล็อกละครเรื่องนี้



มิติใหม่หัวใจเดิม

เนื้อเรื่องสนุก คู่พระเอกนางเอกโพดถูกใจ (เห็นภาษาในเฟซบุ้คเขาใช้ โพด แทน โ ค ต ร กันน่ะค่ะ อย่างกะมันจะหลีกเลี่ยงความไม่สุภาพได้งั้นแหละ ขอยืมมาใช้บ้างก็แล้วกัน ถ้ามันอ่านแล้วให้ความรู้สึกกร้านเกรียนน้อยลง ...แต่ก็ไม่เห็นมันจะต่างกันตรงไหน) แล้วตัวประกอบอื่นๆ ก็เป็นนักแสดงในยุคเก่าก่อนสมัยนั้นที่พอได้เห็นหน้าแล้วก็ระลึกได้ว่า คนนั้น คนนี้ นักแสดงที่เราเคยชื่นชอบนี่นา ดูแล้วนอกจากได้ความสนุกจากเนื้อเรื่อง ยังได้ความบันเทิงใจจากนักแสดงที่เคยคุ้นในอดีตอีกด้วย

ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์
เอมี่ เอมิกา กลิ่นประทุม
ต่อง สาวิตรี สามิภักดิ์
แก้ว อภิรดี ภวภูตานนท์
ต้น อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
ธีรพงษ์ เหลียวรักวงศ์
เกริก ชิลเลอร์
อาทิจพันธุ์ คุณานุกร
กลศ อัทธเสรี
สาลินี ปันยารชุน


แค่นักแสดงก็เป็นตัวเบ้งๆ ที่เจ้าฝีมือกันอยู่แล้วค่ะ แม้ว่าฮิวโก้ กับเอมี่จะยังแสดงแข็งๆ กันอยู่บ้าง แต่ถือว่าเป็นคู่ขวัญสุดฮอตคู่หนึ่งในสมัยนั้นเหมือนกัน แต่จะเท่า ณเดช ญาญ่าสมัยนี้หรือเปล่า ก็ไม่ช่างจะเปรียบนะ





พุทธ (ฮิวโก้ ) เป็นลูกชายคนเดียวของพิราม (ธีรพงษ์ เหลียวรักวงศ์) แม่ของพุทธเสียไปตั้งแต่พุทธยังเล็ก พ่อลูกจึงมีกันและกันอยู่สองคน พ่อเคยสัญญาว่าจะไม่แต่งงานกับใครอีก จนกระทั่งได้พบกับ รักร้อย (อภิรดี ภวภูตานนท์) พ่อก็ตกหลุมรักและแต่งงานใหม่ พุทธไม่ชอบแม่เลี้ยง จึงถูกส่งไปอยู่ต่างประเทศกับย่า การที่รักร้อยเข้ามาแทรกกลางระหว่างเขากับพ่อและยังทำให้ต้องแยกกันอยู่ ทำให้พุทธเกลียดชังรักร้อยนับตั้งแต่นั้นมา

สิบปีต่อมา เมื่อย่าของพุทธเสียชีวิตลง พ่อจึงรับพุทธกลับมาอยู่ด้วย การสูญเสียแม่ และความเกลียดชังแม่เลี้ยงที่ฝังอยู่ในใจ ทำให้พุทธโตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน อารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียวง่าย และก้าวร้าว ความเป็นไม้เบื่อไม้เมากับรักร้อยยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นตามวัย รักร้อยนั้น ต่อหน้าสามีก็ทำดีกับลูกเลี้ยง กลายสภาพเป็นแม่เลี้ยงผู้ถูกรังแกบีบน้ำตาเรียกคะแนนความสงสารสารพัด ขณะที่พุทธนั้นใจร้อนและไม่รู้จักคำว่า "ควบคุมอารมณ์" ในสายตาของพ่อ ปัญหาของครอบครัวนี้ จึงดูจะเป็นเพราะพุทธคนเดียวที่ไม่ยอมเปิดใจยอมรับรักร้อยแม้สักขณะจิต





สถานการณ์ยิ่งแย่ลง เมื่อพุทธจับได้ว่ารักร้อยเป็นชู้กับทิวา (อาทิจพันธุ์ คุณานุกร) เพื่อนคนสนิทของพ่อ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง พ่อก็ไม่ยอมเชื่อ คิดว่าแค่เป็นปัญหาความเกลียดชังเดิมๆ ของพุทธที่ทำให้มีอคติกับรักร้อย พุทธยิ่งโวยวายอาละวาดหนักข้อขึ้น และที่แย่ยิ่งกว่านั้น เป็นความผิดพลาดโดยไม่รู้ตัวของพุทธเองที่ถูกยัดยาบ้าไว้ในกระเป๋ากางเกง และรักร้อยก็เป็นคนพบมัน จนเอาไปบีบน้ำตาฟ้องกับสามีได้ว่า พุทธติดยา พ่อของพุทธผิดหวังและเสียใจมากทำให้อาการของโรคประจำตัวกำเริบ จนคืนวันหนึ่งถึงกับล้มหัวฟาดในห้องน้ำและเสียชีวิตลงในเวลา ตีหนึ่งสี่สิบนาที นาฬิกาที่สวมติดข้อมือของพ่อตายในเวลาเดียวกันนั้น พุทธนำนาฬิกาของพ่อไปซ่อมจนมันกลับมาเป็นปกติ

เมื่อพ่อเสียชีวิตไป พุทธกับรักร้อยยิ่งไม่ลงรอยกันหนักขึ้น พุทธโทษรักร้อยเป็นสาเหตุทำให้พ่อของเขาตาย เพราะก่อนพ่อจะตายพุทธหาหลักฐานมาให้พ่อเชื่อได้ว่ารักร้อยกับทิวาเป็นชู้กันจริง ขณะที่รักร้อยก็โทษว่าเป็นเพราะพุทธต่างหาก เพราะพุทธติดยา พ่อถึงเครียดและทำให้โรคกำเริบ แม้พุทธจะรู้แก่ใจว่านั่นก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้พ่อเครียด ผิดหวังและเสียใจในตัวเขา แต่นั่นก็เป็นเพราะรักร้อยเอาเรื่องยาบ้าไปฟ้องพ่อ ทั้งที่พุทธก็ยืนกรานแล้วว่ามันไม่ใช่ยาของเขา และเขาไม่ได้ติดยา

พุทธประสบอุบัติเหตุหลังจากนั้นไม่นาน ในเวลาเดี่ยวกันกับที่พ่อตาย ตีหนึ่งสี่สิบนาที และนาฬิกาเรือนนั้นของพ่อที่พุทธเอามาใช้ก็หยุดเดินที่เวลานี้อีกครั้ง เขาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งแพทย์หญิงยอดหญิง ( สาวิตรี สามิภักดิ์) น้องสาวของแม่ (น้าของพุทธ) เป็นจิตแพทย์ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้






ล้อมเดือน (เอมี่ กลิ่นประทุม) เป็นนักศึกษาพยาบาลฝึกหัดที่กำลังฝึกงานอยู่ในวอร์ดของโรงพยาบาลที่พุทธนอนพักรักษาตัวอยู่ และพุทธก็เป็นคนไข้เจ้าปัญหาที่ล้อมเดือนไม่ค่อยจะปลื้มนัก เมื่อต้องอยู่เวรดึกๆ แล้วคนไข้พุทธก็เอะอะโวยวายว่าเห็นคนที่ตายไปแล้วมาเรียกหา คนแรกก็คือเพื่อนของพุทธเองที่ประสบอุบัติเหตุด้วยกัน ขอร้องให้พุทธไปที่งานศพของเขาเพื่อพบกับพ่อและสั่งเสียในสิ่งที่ยังค้างคาใจจนทำให้ไม่อาจไปสู่สุขคติ คนต่อมาก็เด็กที่เสียชีวิต พุทธเห็นผียายแก่มารับหลานทารกที่ตายไป และฝากพุทธสั่งความกับพ่อแม่ของเด็กว่าไม่ต้องเป็นห่วงยายจะดูแลหลานเอง ส่วนพ่อของพุทธเองไม่ได้มาเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน แต่เข้ามาในกระแสความรู้สึก เหมือนพ่อเข้ามาอยู่ในตัวพุทธทำให้พุทธได้รับรู้เหตุการณ์ ความรู้สึกทุกข์ทรมานของพ่อก่อนตาย นั่นทำให้พุทธรู้ว่าพ่อไม่ได้ตายเพราะโรค แต่ตายเพราะถูกฆาตกรรม แต่การโวยวายของพุทธก็ไม่เป็นผล ไม่มีใครเชื่อเรื่องคนเห็นผี โดยเฉพาะเรื่องที่พ่อมาบอกพุทธให้รับรู้ได้ว่าพ่อถูกฆาตรกรรม

รักร้อย เป็นคนที่พุทธปักใจเชื่อว่าเธอและชายชู้ร่วมมือกันวางแผนฆ่าพ่อของเขา แต่เพราะพุทธเกลียดรักร้อย ไม่ว่าพุทธจะพูดอะไร คนย่อมคิดว่านั่นเป็นเพราะพุทธเกลียดรักร้อย ใครจะเชื่อว่าพุทธสามารถรับรู้และมองเห็นคนตายได้ (หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุในเวลา ตีหนึ่ง สี่สิบนาที) เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ไม่มีใครเชื่อ คนรองรับอารมณ์โกรธของพุทธก็คือนางพยาบาลฝึกหัดหน้าตาซื่อๆ ที่ชื่อล้อมเดือน แม้จะไม่ค่อยพอใจคนไข้ที่ดื้อรั้นคนนี้ แต่ล้อมเดือนก็ข่มอกข่มใจทำหน้าที่ดูแลพุทธ จนพุทธเริ่มพูดจารู้เรื่องขึ้นบ้าง





ยา ... เป็นสิ่งที่พูทธรับรู้ว่า มีคำตอบเกี่ยวกับการตายของพ่อ พุทธจึงคิดหนีออกจากโรงพยาบาล เพื่อจะกลับไปเอาขวดยาของพ่อที่ตู้ยาในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน แต่ถูกล้อมเดือนที่เพิ่งออกเวร จับได้ซะก่อน เพราะห้ามก็ไม่ฟัง จะรั้งก็ไม่ไหว จะปล่อยไปก็เป็นห่วง พุทธเองก็รู้ตัวว่าไม่ไหวจึงขอร้องให้ล้อมเดือนช่วย ล้อมเดือนปากก็บอกว่า ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ แต่ก็ติดตามพุทธไป และเพราะพุทธไม่มีเรี่ยวแรงจะทำได้ เธอจึงเป็นคนที่ลักลอบปีนรั้วปีนขึ้นบ้านของพุทธและเข้าไปโขมยขวดยาของพิรามออกมา พุทธที่คอยด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าบ้าน ถูกตำรวจสายตรวจตระเวณผ่านมาและซิวตัวไปซะก่อนที่ล้อมเดือนจะหลบรักร้อยและทิวาออกมาจากบ้านได้ พุทธเอาตัวรอดจากการถูกสงสัยว่าเป็นหัวโขมยที่แอบมาดูต้นทางได้ แต่ก็ปลีกตัวจากตำรวจคนนั้นไม่ได้ ถูกพาไปดื่มเหล้า เมามาย อาการทรุด และถูกนำส่งตัวกลับโรงพยาบาล

ล้อมเดือนโขมยขวดยาออกมาจากบ้านได้ แต่ออกมาก็เคว้งคว้างอยู่หน้าบ้านเพราะพุทธหายไป ไม่ได้รออยู่ริมรั้วตามที่บอกไว้





การที่พุทธหนีออกจากโรงพยาบาล เป็นเรื่องราวใหญ่โตที่ต้องมีคนรับผิดชอบ ล้อมเดือนเห็นแก่นางพยาบาลที่ต้องรับผิดชอบในฐานะพยาบาลอยู่เวรทั้งที่ไม่ได้ทำความผิดอะไร จึงรับสารภาพว่าเธอเป็นคนรู้เห็นเป็นใจพาพุทธออกจากโรงพยาบาล ล้อมเดือน ถูกพักการฝึกงาน และต้องเสี่ยงต่อการถูกไล่ออกจากการเป็นนักศึกษาพยาบาล คุณหมอยอดหญิงสั่งห้ามไม่ให้ล้อมเดือนพบกับพุทธหลานชายของเธออีก ล้อมเดือนจึงไม่มีโอกาสได้เจอพุทธก่อนออกจากโรงพยาบาล เธอฝากยาขวดนั้นให้พยาบาลนำไปให้พุทธ แล้วกลับมาร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรที่ต้องถูกพักงานและอาจเรียนไม่จบ แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่ถึงกับตัดอนาคตด้วยการไล่ออก แค่เพียงสั่งพักการเรียนโดยจะอนุญาตให้กลับมาทำเรื่องฝึกงานต่อในเทอมหน้า ...นั่นหมายความว่าล้อมเดือนต้องเรียนจบช้ากว่ากำหนด

พุทธถามหาล้อมเดือน และได้รู้จากนางพยาบาลว่า เพื่อปกป้องนางพยาบาลรุ่นพี่ไม่ให้ถูกลงโทษ ล้อมเดือนได้แสดงน้ำใจและความกล้าหาญด้วยการสารภาพความผิดและถูกลงโทษเสียเอง พุทธรู้สึกเสียใจที่ทำให้ล้อมเดือนเดือดร้อน เมื่อพุทธแข็งแรงขึ้นและออกจากโรงพยาบาล เขาจึงขอที่อยู่ของล้อมเดือนจากนางพยาบาลและไปรอพบเธอที่หน้าหอพัก แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่ได้พบกัน (มันต้องมีเหตุให้สวนทางแบบบังเอิญเส้นยาแดงผ่าแปด) พุทธฝากเบอร์โทรของเขาไว้กับเจ้าหน้าที่หอพัก



ล้อมเดือน... เป็นบทบาทที่มีคาแร็คเตอร์ใสๆ น่ารัก ไม่มีมาดนางเอกแบบสวยเริ่ดเชิดหยิ่งหรือเล่นตัวสักนิด แม้จะเคยโกรธพุทธอยู่กรุ่นๆ ที่ทำให้เธอต้องถูกพักการฝึกงาน แต่เมื่อได้เบอร์โทรศัพท์กลับไม่มีสงวนท่าทีแม้แต่น้อย โทรแล้วโทรอีก ส่วนพุทธก็รอแล้วรออีก รอสายจากล้อมเดือน แต่ก็อีกเช่นเคย กว่าพระนางจะได้พบกัน ลุ้นเหนื่อย

เพราะติดต่อพุทธไม่ได้ ล้อมเดือนจึงเป็นห่วง พุทธที่รอโทรศัพท์จนหลับไป ตื่นขึ้นมาในกลางดึก เขาได้ยินเสียงคนเรียก พุทธที่ปกติก็กลายเป็นคนเห็นผี เข้าใจว่าเป็นเสียงของพ่อเรียกเขา พุทธเพิ่งฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยทางกาย ในขณะที่ทางใจยังคงย่ำแย่ เจ็บปวดเสียใจ สะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยา ได้ยินเสียงเรียกเป็นเสียงของพ่อเรียกหา และเกือบจะโดดลงไปหาพ่อจากระเบียงสูงบนบ้าน แต่ล้อมเดือนดึงตัวไว้ได้ทัน พุทธกับล้อมเดือนทันเห็นหลังคนถือสปอร์ตไลท์วิ่งหนีไป ทำให้พุทธปะติดปะต่อเรื่องราวและเข้าใจได้ว่า ตัวเขาเองที่ปากสว่างเรื่องพ่อถูกฆาตกรรมและฆาตกรยังลอยนวล กำลังถูกหมายหัวอีกคน เพราะรู้ว่ามีคนพยายามจะฆ่าเขา พุทธจึงพาล้อมเดือนออกจากบ้านในตอนเช้ามืดและพากันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ พุทธไม่สนใจเรื่องใครจะฆ่าเขา แต่ขอร้องให้สารวัตรนพ ( อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ฯ ) รื้อฟื้นคดีการตายของพ่อขึ้นมาสอบสวนอีกครั้ง พุทธไม่มีหลักฐานนอกจากการบอกเล่าว่าคนตายมาบอก พ่อมาบอกกับพุทธว่าเขาไม่ได้ตายเพราะป่วย แต่ตายเพราะมีคนวางแผนฆาตกรรม ( แต่ไม่ยักบอกว่าใครฆ่า ไหนๆ ก็บอกแล้ว ทำไมไม่บอกให้หมดๆ ไม่เข้าใจจริงๆ ) สารวัตรนพเห็นว่าพุทธคงบ้าไปแล้วทั้งยังโวยวายอาละวาด จึงสั่งให้ตำรวจกักตัวพุทธไว้





แพทย์หญิงยอดหญิง ( สาวิตรี สามิภักดิ์) หรือน้าหญิงของพุทธ เป็นญาติคนเดียวที่พุทธมี พุทธทั้งรักและไว้วางใจน้าหญิง อยากให้แต่งงานกับพ่อและเป็นแม่ของเขาแทนด้วยซ้ำ พุทธขอร้องให้น้าหญิงที่ไม่เชื่อพุทธว่าพ่อถูกฆ่า ให้นำยาของพ่อไปตรวจ น้าหญิงมารับตัวพุทธที่โรงพักและได้นำผลตรวจยามาด้วย ยาที่ไม่ใช่ยา เป็นแต่แป้งที่ว่างเปล่า ไร้สารใดๆ เป็นประโยชน์ต่อการรักษา จึงเป็นเหตุให้สารวัตรนพยอมรื้อฟื้นคดีขึ้นมาอีกครั้ง สืบสวนสอบสวน โดยมีรักร้อย และทิวา ตกเป็นผู้ต้องหา ศาลรับฟ้องคดี และเรื่องดำเนินไปถึงขั้นพิจารณาคดีในชั้นศาล





ความสนุกของเรื่องนี้ จึงพอสรุปได้ว่า

1. เป็นปมฆาตรกรรม ใครฆ่า? ฆาตกรคือคนที่เกลียดชัง หรือที่แท้คนที่รักและไว้ใจใกล้ๆ ตัว เป็นคนทีชั่วอย่างเปิดเผย หรือคนดีที่ปกปิดมุมมืดมิดภายในใจเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน และใครคือแพะรับบาป ?

2. การขึ้นโรงขึ้นศาลพิจารณาคดี มีผู้พิพากษา ทนายความ โจทย์ จำเลย พยาน ขึ้นแท่นใแสดงคำให้การต่อศาลกันอย่างจริงจัง เป็นบรรยากาศเครียดๆ ของการว่าความกันในศาลที่ชอบมากทีเดียวค่ะ (ปกติก็ชอบดูหนังที่เกี่ยวกับกฏหมาย อัยการ การว่าความในศาลมากเลยค่ะ ยิ่งถ้าเป็นหนังฝรั่งที่มีคณะลูกขุน เท่มากมาย)

3.นักแสดงโดดเด่น มีนักแสดงหญิงมากฝีมืออยู่ประกบฝีมือกันตั้งสองคน คือ แก้ว อภิรดี กับ ต่อง สาวิตรี ทั้งสองเจ๊เล่นกันได้ดีมากๆ โดยเฉพาะเจ๊อภิรดี แกเล่นได้เนียนทุกอากัปกริยาทีเดียว





ส่วนอีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ไม่ว่าเรื่องไหน เป็นต้องเรื่องนั้น สีสันความสนุกที่จ้างแสดงแล้วรับรองคุ้ม

เกริก ชิลเลอร์ แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ให้ แต่นิสัยในละครอย่างฮาและโพดน่ารัก กับบทของ "เฮียจืด" พระรองผู้แสนดี ที่กล้ำกลืนอาการแอบรัก "ไอ้ล้อม" เอาไว้เนื่องจากเห็นว่า ยังเด็ก อย่าเพิ่งกระโตกกระตากไป อุตส่าห์เลี้ยงต้อยมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย อยู่ๆ ก็โดนไอ้หนุ่มหน้ามนคนหน้าขาว มาคว้าหัวใจไอ้ล้อมไปครองหน้าตาเฉย

เฮียจืดกับล้อมเดือนรู้จักกันมาแต่เล็ก เพราะต่างก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน เฮียจืดเป็นเด็กวัด ส่วนล้อมเดือนก็ถูกคุณยาย รับจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปอุปถัมถ์ เลี้ยงดูและส่งเสียให้เรียนหนังสือ ความสัมพันธ์ของเฮียจืดกับล้อมเดือนนั้นสนิทสนมกันอย่างมาก เหมือนเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นคนในครอบครัว แต่ "ไอ้ล้อม" หารู้ไม่ เฮียจืดคิดไม่ซื่อมานาน แค่เพียงรอเวลาให้ไอ้ล้อมโต แต่พอมันเริ่มโตเป็นสาวได้เจอคนไข้หล่อๆ อย่าง "ไอ้พุทธ" ไม่กี่วัน ไอ้ล้อมของเฮียก็ออกอาการชัดนัก ว่ามีใจให้ไอ้หนุ่มนั่นเต็มขั้น

ยัง...เท่านั้นยังไม่พอ เพราะชีวิตของไอ้พุทธมีแต่ปัญหายุ่งเหยิง ไอ้ล้อมจึงต้องพลอยลำบากไปด้วย แล้วถ้าไอ้ล้อมลำบาก เฮียจืดจะไม่ลำบากอีกคนได้ยังไง แค่ไอ้ล้อมเป็นห่วงเป็นใยสารพัดอย่างออกนอกหน้านอกตา เฮียจืดก็ช้ำชอกเหลือทน ไอ้ล้อมมันยังอุตส่าห์พาไอ้พุทธมาฝากเฮียจืดช่วยดูแลอีกคนอีกต่างหาก เด็กนี่มันใจร้ายจริงๆ

เฮียจืดอกหัก แต่อาการอกหักของแก เป็นความฮาประการหนึ่ง ที่เกริกเล่นได้ฮาๆ และน่ารักๆ (ชอบมากๆๆๆๆๆๆ)






ต่อมาประการสุดท้าย ที่สุดของที่สุดในเรื่องนี้ คือ คู่พระนางสิคะ

พระเอกหล่อ นางเอกน่ารัก แค่นี้ก็ได้ใจสุดๆ ไปแล้ว แต่ที่พระเอกนางเอกตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา เป็นอะไรที่น่ารักมากๆ

"ตัวติดกัน" ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง ถึงเนื้อถึงตัวนัวเนียเหมือนคู่รักหวานเลี่ยนอะไรทำนองนั้น แต่คือการอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือ เป็นกำลังใจ เป็นความอุ่นใจ เป็นเพื่อนคอยห่วงใยดูแล

กว่าพุทธกับล้อมเดือนจะเจอหน้ากัน ก็ปาเข้าไปตอนที่ 3-4 ตอนแรกรู้สึก ....ว้า ทำไมเจอกันช้าแล้วยังเจอกันน้อยอีก แต่หลังจากที่พุทธออกจากโรงพยาบาลและหาทางติดต่อล้อมเดือนได้ จากนั้นทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันตลอด แบบว่ามีพุทธที่ไหน มีล้อมเดือนที่นั่น





พุทธ ไม่มีแม่ พ่อก็ตาย เหลือน้าหญิงเป็นญาติเพียงคนเดียว แต่การที่น้าหญิงไม่เชื่อเรื่องที่พุทธเห็นคนตาย และเห็นพ่อ ทำให้พุทธเกือบจะเหมือนคนหัวเดียวกระเทียมลีบ หากว่าไม่มีล้อมเดือนคอยอยู่ใกล้ๆ ล้อมเดือนช่วยชีวิตพุทธไว้ไม่ให้ตกจากระเบียง ไปสถานีตำรวจเป็นเพื่่อน พาไปอยู่กับเฮียจืด อยู่เป็นเพื่อนเสมอ เมื่อพุทธเจ็บป่วยก็คอยห่วงใยดูแลไม่ห่าง และล้อมเดือนก็ช่วยสอนให้พุทธควบคุมอารมณ์ใจร้อนไม่ให้วู่วามจนเกินไป

สรุป ... ความสัมพันธ์ของพระนางคู่นี้ เหมือนเนื้อเพลง "ยังจดจำ" ที่ขังร้องโดย กันตะ กัลย์จาฤก เป็นเพลงประกอบละครที่ "ยังจดจำ" อยู่ในความทรงจำเช่นเดียวกับอีกหลายๆ เพลงประกอบละครในยุคนั้นที่่มักจะเป็นที่จดจำได้เสมอ




เพียงแค่สายตา
ก็เต็มไปด้วยความหมาย
ลึกถึงหัวใจที่ให้กัน
ฉันได้มีเธอคอยดูแลอยู่ข้างกัน
อุ่นไอเธอนั้นให้ฝันดี

* อุ่นใจเมื่อมีเธออยู่
และเธอก็คอยมองดูฉัน
กับวันที่เราร่วมกันสร้างมา
จดจำไว้ทุกลมหายใจ
มือใครประคองฉันมา
ให้ฉันได้รู้คุณค่าความรัก

ยามเมื่อท้อใจ
ก็เธอที่คอยจับมือฉัน
ทำให้ทุกวันช่างสวยงาม
ตอบแทนด้วยความดี
จะคอยดูแลไม่เหินห่าง
ปล่อยวางสองหัวใจใกล้ๆ กัน

ทุกแห่งที่พักใจ
ไม่มีที่ใดอุ่นใจเท่าเธอ
สัมผัสที่หัวใจก็คลายหนาว
ทุกข์สุขตั้งมากมาย
เก็บมันไว้ทุกเรื่องราว
เป็นแรงให้เราได้ก้าวต่อไป

ให้ฉันได้รู้คุณค่าความรัก


คือ.. เนื้อเพลงฟังแล้วมันแบบว่า "ใช่เลย" นั่นแหละคือความสัมพันธ์อันน่าซึ้งใจของพุทธกับล้อมเดือน ใกล้ชิดกันมาก แต่ก็ไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวกันมาก เห็นแล้วมันน่ารักจริงๆ อยากให้ละครทำออกมาแค่ประมาณนี้ล่ะค่ะ เหมือนละครญี่ปุ่นเกาหลี ( ส่วนไต้หวัน เยอะไป) คือมีขอบเขตอย่างที่คิดเอาเองว่ามันควรจะเป็น ใครจะคิดว่าหัวโบราณก็ได้ แต่อย่าลืมว่าเรามีเด็กและเยาวชนที่ดูละครหลังข่าวด้วยเหมือนกัน





สำหรับการแสดง เอมี่จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าฮิวโก้ อาจเพราะในช่วงนั้นเอมี่มีประสบการณ์กับละครมามากกว่าล่ะมัง แม้จะแข็งๆ กันบ้าง โดยเฉพาะฮิวโก้ที่สายตายังไม่เข้ากับอารมณ์นัก แต่โดยรวมๆ แล้วก็โอเค เพราะเมื่อคนหล่อคู่กับคนน่ารัก อิอิ ... ความน่ารักจะไปไหนเสีย ถ้าเป็นผู้ชายแล้วมีผู้หญิงน่ารักๆ อย่างนี้คอยดูแลอยู่ตลอด คงต้องใช้คำนี้เลย "ไม่รัก ก็บ้าแล้ว"

ความจริง ก็ชอบทุกฉากทุกตอนที่พุทธกับล้อมเดือนอยู่ด้วยกัน แต่ที่ชอบเป็นพิเศษ คือตอนที่ล้อมเดือนช่วยชีวิตพุทธไว้ครั้งแรก เมื่อพุทธแน่ใจว่ามีใครบางคนอยากให้เขาตาย หลังจากผ่านความเครียดมาทั้งคืน พุทธก็เพิ่งนึกออก ตอนที่ที่เดินออกจากบ้านมาตามถนนด้วยกันเพื่อไปสถานีตำรวจ

"นี่คุณ"

"อะไรอีกล่ะ"

"ผมยังไม่ได้ถามเลย ว่าเมื่อคืนทำไมมาหาได้"

"ก็...คุณบอกให้ฉันติดต่อมาไม่ใช่เหรอ"

"บอกให้โทรมา ไม่ใช่ให้ปีนรั้วเข้าบ้าน"

"ยังจะพูดอยู่อีก ฉันโทรไปหาคุณเป็นสิบทีแล้วนะ
คุณมัวแต่เมาท์อยู่กับใครนะฮะ สายถึงไม่ว่างอย่างนั้น"


"ไม่ไม่ไม่ ผมต่างหากรอสายคุณจนหลับเลย ไม่ได้ยินสักกริ๊งนึงเลย"

"ก็ ช่างเถอะน่า จะอะไรก็ช่าง รีบไปเหอะน่า มัวแต่พูดอยู่นั่นน่ะ"

........แล้วพุทธก็นึกออก เพราะอะไรล้อมเดือนถึงปีนรั้วและปีนขึ้นบ้าน......

"นี่คุณเป็นห่วงผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ"

"คุณนี่จู้จี้จังเลยเนี่ย ไปเหอะน่า เดี๋ยวคนผีก็กลับมาจนได้หรอก"

ตอนที่พุทธพูดประโยคว่า "บอกให้โทรมา ไม่ใช่ปีนรั้วเข้าบ้าน" เป็นน้ำเสียงที่น่ารักมากๆ เลย และเมื่อไปถึงสถานีตำรวจที่พุทธโวยวายแล้วล้อมเดือนพยายามห้ามปราม จนสารวัตรนพต้องเอ่ยปากถาม






"นี่ คุณเป็นอะไรกับเค้าน่ะ"

"เอ่อ ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ"

คำตอบของล้อมเดือนทำให้พุทธที่ฉุนเฉียวอยู่แล้วหันขวับมามองตาขวาง (ฮิวโก้เป็นคนที่ตาดุอยู่แล้ว พอจ้องเอมี่เพราะโกรธประโยคธรรมดาประโยคนั้น ตาดุดูน่ากลัวจัง) เป็นความชัดเจนในความรู้สึก แม้จะพะวงกับเรื่องอื่นอยู่แต่พุทธก็ไม่ปล่อยคำพูดเล็กๆ นี้ผ่านไป

"ไม่ได้เป็นได้ยังไง ! คุณเป็นเพื่อนของผม!
เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผมด้วยซ้ำ!"


สองคนมองหน้าสบตากัน ล้อมเดือนดูจะอินกับคำพูดนั้นเป็นพิเศษ

เมื่อน้าหญิงมารับพุทธออกจากสถานีตำรวจ


"ล้อมเดือน เธอจะไปไหน หมอจะไปส่งให้"


"เอ่อ หนูกำลังคิดว่า"

พุทธตอบแทนล้อมเดือนอย่างมั่นใจ ก่อนจะหันไปถามคำยืนยัน

"ล้อมเดือนจะไปกับผมครับ ใช่ไหมล้อมเดือน"

"ก็ ถ้าคุณอยากให้ฉันไป"

"อยาก อยากให้ไปด้วย"

ล้อมเดือนจะเป็นคนที่พูดเพราะ (เสียงของเอมี่จะเป็นเสียงเล็กๆ แบบเด็กๆ ที่น่ารักอยู่แล้ว) ยิ่งตอนใช้น้ำเสียงปลอบประโลมอารมณ์โกรธของพุทธจะฟังดูทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวาน ส่วนพุทธจะเป็นคนที่พูดห้วนๆ เพราะจะเป็นคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว บวกกับพูดไทยสำเนียงยังไม่ไทยแท้เท่าไหร่ด้วย ก็เลยมักจะตกหล่นเป็นคำสั้นๆ ออกมา อย่างคำว่า "เป็นอะไร" ก็จะเหลือแค่ว่า "เป็นไร"

ส่วนอีกตอนที่ชอบที่สุดคงหนีไม่พ้น ตอนสารภาพรัก อ่า..นะ เวลาที่คู่พระนางเขาตกลงปลงใจกันโดยไม่ใช้คำว่า "รัก" ไม่มีคำพูดอื่นๆ เยิ่นเย้อ

เรื่องไหนเป็นเรื่องนั้นสิน่า โดนใจมาก





พุทธกับล้อมเดือนก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านเรื่องร้ายๆ มาด้วยกัน โดยที่พุทธนั้นถึงขั้นสะบักสะบอมแทบเอาสมองไม่รอด พุทธ..คนเห็นผี ที่ถูกหาว่าบ้า เริ่มจะบ้าเข้าจริงๆ เพราะถูกวางยา ยาที่ใช้รักษาคนดีๆ ให้กลายเป็นบ้า แถมยังถูกช๊อตสมองทั้งที่สมองของพุทธยังปกติดี การที่ล้อมเดือน เฮียจืด และ ดร.ลินดา (สาลินี ปันยารชุน) อดีตอาจารย์แพทย์ด้านจิตเวชแต่หันมาเอาดีเรื่องพลังจิต ร่วมมือกันลักพาตัวพุทธออกมาจากโรงพยาบาลให้พ้นจากอันตรายจากการรักษาที่จงใจให้พุทธเลอะเลือนจนกลายเป็นบ้า คนรักกันจริงเท่านั้นถึงจะกล้าลงมือ ซึ่งถือเป็นครั้งที่สามที่ล้อมเดือนช่วยชีวิตพุทธไว้ หลังจากผ่านครั้งที่สองที่ยาเคยทำให้พุทธมีอาการสติแตก หลงผิด และเกือบโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่ถึงจะผ่านอะไรๆ มาด้วยกัน เมื่อเรื่องคลี่คลายลงให้พุทธได้มีเวลาทบทวนเรื่องอื่นบ้าง พุทธก็เริ่มนึกถึงหัวอกหัวใจของเฮียจืดขึ้นมาเฉยๆ เฮียจืดน่ะรักล้อมเดือนแน่ แต่ใจของล้อมเดือนพุทธไม่รู้ เพราะอยากรู้จึงเอ่ยถามตรงๆ ว่าล้อมเดือนรักเฮียจืดหรือเปล่า

โถ ...จริงๆ ก็จะถามเพื่อตัวเองนั่นแหละ แต่เรื่องอย่างนี้น่ะผู้หญิงไม่เข้าใจหรอก อุตส่าห์เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง กว่าจะเอาตัวออกมาจากโรงพยาบาลได้ก่อนที่สมองจะถูกช็อตจนกลายเป็นบ้าไปจริงๆ กลับมาถามกันว่ารักผู้ชายคนอื่นอยู่หรือเปล่า ล้อมเดือนก็ปรี๊ดสิคะ เลยงอน ตอบไปเลยว่ารักเฮียจืด รักที่สุดในโลก คุณพุทธก็งอนไปเหมือนกันสิคะ รักเขาแต่ปากไม่ตรงกับใจ ทำเป็นใจกว้างเห็นแก่เฮียจืด ผู้หญิงเวลาโดนผลักไสจากคนที่รักไปหาคนอื่น มันก็ต้องมีเคืองกันเป็นธรรมดา งานนี้ร้อนถึงเฮียจืดต้องประสานอาการงอนของคนทั้งคู่ พุทธนั้น ก็รู้อยู่แก่ใจดี ว่าทำไมล้อมเดือนถึงได้เดินตามต้อยๆ เกาะติดคอยดูแลไม่ยอมห่าง แค่อยากฟังให้ชัดๆ แค่นั้นแหละ "รักเฮียจืดหรือเปล่า" ถ้าไม่ได้รักเฮียจืด ก็เป็นการยืนยันว่ารักพุทธไง แต่ดันมาบอกกันชัดถ้อยชัดคำ "รักเฮียจืด" งอนกันไป แต่แค่เฮียจืดไม่มีท่าทีอะไรกับที่พุทธกัดฟ้ันเปิดทางให้ แถมเฮียยังบอกอีกว่าให้พุทธโทรไปหาล้อมเดือนเสียที เพราะเฮียไม่อยากให้ล้อมยังรู้สึกอกหักก่อนเริ่มต้นฝึกงานใหม่อีกครั้ง แค่นี้พุทธก็ยิ้มออกอย่างโล่งใจแล้ว ล้อมเดือนน่ะ งอนเป็น แต่เล่นตัวเป็นซะที่ไหนกัน






ถึงแม้จะหน้างอไม่ยอมขึ้นรถเมื่อพุทธมารับ บีบแตรเสียงดังก็ไม่ยอมลุกจากที่นั่งตรงป้ายรถเมล์ จนกระทั่งโดนคนแถวนั้นไล่ ต่อว่าอีกด้วยว่าทำไมไม่รู้จักเกรงใจคนอื่น เขามาง้อแล้วยังเล่นตัวอีก เสียงดังอยู่นั่นน่ารำคาญ นั่นแหละล้อมเดือนจึงยอมลุกมาหาให้พุทธเรียกขึ้นรถ

"ขึ้นสิ"

"ทำไมต้องขึ้นด้วย"

"ผมมีเรื่องจะบอกคุณ"

"ฉันไม่อยากฟัง"

"ขึ้นเถอะน่า"

....ก็งอนแค่นั้นแหละ แล้วก็ยอมขึ้นรถด้วยอาการงอนตุ๊บป่อง...

"มีอะไรก็รีบว่าๆ มา วันนี้ฉันฝึกงานเป็นวันแรกนะ ไม่อยากจะมีปัญหาซ้ำสอง"

"แล้วอีกกี่วันจะฝึกงานเสร็จ"

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะ"

"เกี่ยวสิ ต้องไปจองตั๋ว"

"ตั๋วอะไร"

"ตั๋วเครื่องบิน"

"บินไปไหน"

"อเมริกา"

"ไปทำไม"

"นี่ เราจะเล่นยี่สิบคำถามอีกนานป่ะเนี่ย
ถ้าจะเล่นต่อ เดี๋ยวก็... จอดข้างถนนก็ได้"


"คุณก็รีบพูดให้มันชัดๆ สิ"

"จะให้พูดตอนนี้เหรอ คือ กลัวว่าคุณจะเก็บความดีใจไม่ได้
แล้วเดี๋ยวเดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุซะเฉยๆ"


"นี่คุณ จะพูดหรือไม่พูดน่ะ ถ้าไม่พูดนะ ฉันจะลงมันตรงเนียะ"

"โอเคๆๆๆๆ พูดแล้วๆ พูดละ ใจเย็นๆ"

"คือ ผม จะไปเรียนต่อที่อเมริกา แล้ว ...กะจะชวนคุณไปด้วย"

"อะไรนะ!"

"ผมจะไปเรียนต่อที่อเมริกา ไปเรียนด้วยกันเถอะ"

"ค คะ คุณ จะชวนฉัน ไปเรียนต่อด้วยกัน"

"ใช่"

"กับคุณ?"

"อะฮ้า"

สิ้นเสียงอะฮ้า เท่านั้นแหละ ล้อมเดือนเอามือปิดหน้าปล่อยโฮ

"อ้าว ล้อมเดือน ล้อมเป็นไรน่ะ ล้อม....."

จนพุทธตกใจ ต้องรีบเลี้ยวรถเข้าจอด

"นี่คุณเป็นไรน่ะ ล้อมเดือนเป็นไร
โกรธผมเหรอ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกคุณนะ
อ๋อ ลืมไป น่าจะปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน
อ่ะ คิดว่าผมไม่ได้พูดเถอะน่ะ นะ "


ล้อมเดือนชะงักอาการร้องไห้ทันทีทันใด

"อ๊ะ อะไรนะ นี่พูดแล้วจะกลับคำเหรอ
นี่ นี่ตกลงคุณจะไม่ให้ฉันไปด้วยแล้วเหรอ"


"ก็ ก็คุณร้องไห้เหมือนไม่อยากไปนี่"

พุทธเริ่มมีอารมณ์คล้ายหงุดหงิดตามนิสัยใจร้อน

"แล้วคุณจะเอายังไงกับฉันเนี่ย"

"ก็มันขึ้นอยู่กับคุณ คุณจะเอายังไง ผมก็เอาอย่างงั้น"

"งั้น ...งั้นฉันไปนะ"

"ก็ไปสิ"

เท่านั้นแหละ ล้อมเดือนก็ล็อคคอพุทธโผเข้ากอด

"เห็นมั้ยเนี่ย โชคดีนะที่จอดรถตรงนี้เนี่ย ไม่งั้นรถชนกันเละเลย"





มันเป็นฉากที่น่ารักมากๆ เลยค่ะ ทั้งน้ำเสียงงอนๆ ของล้อมเดือนที่สะบัดสูงขึ้นๆ ทั้งตอนที่พุทธแอบยิ้มขำๆ หรือตอมีอารมณ์แล้วพูดว่า "ก็คุณร้องไห้เหมือนไม่อยากไปนี่" "ก็มันขึ้นอยู่กับคุณ คุณเอายังไง ผมก็เอายังงั้น" แน่ใจนะ ว่านี่คือการเอ่ยปากฝากรักกับสาว ขอให้ไปต่างประเทศด้วยกัน ก็คล้ายๆ กับเอ่ยปากขอแต่งงานนั่นแหละ ส่วนล้อมเดือนนอกจากจะไม่เล่นตัวยังออกอาการเจียมเนื้อเจียมตัวกลัวพุทธไม่ให้ไปด้วย "งั้น ..งั้นฉันไปด้วยนะ" คนตอบก็ตอบเหมือนรำคาญ "ก็ไปสิ" (ยังไงก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว แล้วจะร้องไห้ทำไมเนี่ย) 5555 เป็นการสารภาพรักแบบที่น่ารักที่สุดในสามโลก ตอนที่พุทธ พาเฮียจืดเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอล้อมเดือนกับคุณยายก็น่ารัก เมื่อคุณยายถามคำตอบ ล้อมก็โอเคทันทีแบบไม่มีสงวนท่าทีไว้กระมิดกระเมี้ยนแม้แต่น้อย แถมคุณยายก็โอเคตามทันที จนเฮียจืดอารมณ์ขึ้น อะไรกัน จะไม่คิดกันสักนิดเลยเหรอ ยกให้เจ้าพุทธมันง่ายๆ ได้ยังไง คุณยายจะไม่เก็บไปคิดคำตอบสักคืนก่อนเหรอ 555 เฮียจืดน่ารักจริงๆ

ถึงจะเป็นละคร ที่เก่ามา 11 ปีแล้ว แต่กลับมาดูอีกทีก็ยังสนุกเหมือนเดิม











































Create Date : 14 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 5 มกราคม 2555 1:18:24 น. 4 comments
Counter : 10997 Pageviews.

 
โอวว คุณ prysang กำลังอยู่ในช่วง
ถวิลหาอดีต (อิ้วว ^^)
เรื่องนี้ไม่เคยดูเลยค่ะ
หลังๆมานี่ก็ไม่ติดละครหลังข่าวเรื่องไหนเลย
(ไม่ใช่ว่าเราจะแอนตี้หรืออะไรแบบนั้นหรอกนะคะ แต่มันไม่รู้จะดูอะไรดี พอเสร็จจากงาน เราก็มาพักผ่อนกับสิ่งที่เราชอบ เวลาก็ผ่านไปแล้ว แป้บๆ^^ ขนาดข่าวตอนนี้ก็เลือกดูเฉพาะแค่ตอนสรุปข่าวต้นชั่วโมงแค่นั้นค่ะ รู้สึกตัวเองบอบบางนะช่วงนี้ รับเรื่องเครียดๆไม่ค่อยไหว อิอิ)
คำพูดที่ว่า เราไม่ค่อยติดละครหลังข่าวในตอนนี้เหมือนเมื่อก่อนนั้น เป็นเพราะเราแก่(มั๊ง)
ไม่จริงนะคะ ไม่จริง
คุณ prysang กับ nobuta ยังละอ่อนอยู่

คอมเม้นท์ไม่ค่อยเกี่ยวกับหนังเท่าไหร่ ไม่ว่ากันนะคะ ^__^


โดย: nobuta wo produce วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:19:03:37 น.  

 
ไม่ได้เมนท์เกี่ยวกับบล็อกก็ไม่เป็นไรค่ะ มาพูดคุย ทักทายแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้ค่ะ

ตอนนี้อยู่ๆ ก็อยากดูละครไทย เลยดูอยู่อีกเรื่องค่ะ

ไม่แก่ ก็ไม่แก่ซิ ใครจะไปว่าอะไรน้ออออ 55


โดย: prysang วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:46:58 น.  

 
ละครในดวงใจเลยค่ะ
ได้มาดูตอนท้ายๆเรื่องเอง
พอตอนอวสานดูมาถึง3ทุ่มครึ่ง ก็อดดู
เพราะพ่อไล่ไปนอน จำได้ว่าเคยเล่นวัน พุธ-พฤหัส ประมาณนี้
เพลงประกอบละครก็เพราะ
ทำให้ชอบฮิวโก้กับเอมี่มากๆเลย ละอ่อนและใสทั้งคู่
จากนั้นทั้งคู่ก็มาสานต่อในเรื่องเงาปริศนา


ชอบมากๆๆๆ ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน ทำให้รู้สึกย้อนอดีตอันหอมหวานอีกครั้ง


โดย: ::ชีสเค้ก_ฟองเบียร์:: วันที่: 4 มกราคม 2555 เวลา:14:39:31 น.  

 
เพิ่งกลับไปดูค่ะ เลยเพิ่งทราบว่าเป็นเรื่องแรกของพี่เอมี่ เราเด็กเกินกว่าจะดูทีวี ฮ่าๆ จากที่ชอบพี่เอมี่ ก็ยิ่งชอบมากๆ ยิ่งคิดถึง เรื่อง เงาปริศนา น่าเสียดายที่มีคนลงให้ดูแต่เหมือนจะขาดไปสองตอน พอจะดูต่อไม่ขาดตอนได้ เเต่ก็เสียดายหายไปหลายฉาก แล้วตอนนั้นเด็กมาก จำไม่ได้ เเทบจำไม่ได้ทั้งเรื่องค่ะ เสียดาย


โดย: ปีส IP: 223.24.172.120 วันที่: 10 ธันวาคม 2561 เวลา:1:16:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.