space
space
space
space

ทำไม? การงดเซลฟี่ ถึงช่วยพี่ตูนได้



เราอยากที่จะ ก้าว ไปให้ถึงที่สุด
เท่าที่พลังของเราและทุกๆ คนจะมี
เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่า...
แค่ก้าวเล็กๆ จากทุกคน เมื่อรวมกันแล้ว...
มันจะสามารถกลายเป็น“ก้าวยาวๆ”
ขึ้นมาได้จริงๆ

-- ตูน บอดี้สแลม --

ในภาพอาจจะมี 8 คน, คนที่ยิ้ม, ข้อความ
.....จากแคปเปญก้าวคนละก้าว ที่วันนี้ (8/11/60) ก็ล่วงเลยมาเป็นวันที่ 8 แล้ว โดยแคมเปญนี้เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นการวิ่งโดยพี่ตูน นักร้องนำวง Bodyslam โดยจะเป็นการวิ่งด้วยระยะทางถึงกว่า 2,100กิโลเมตร จากอำเภอเบตงจังหวัดยะลา ถึง อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการระดมทุนให้กับโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลที่ขาดแคลนสิ่งจำเป็นทางการแพทย์ รวมทั้งหมด 11 โรงพยาบาล และตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถระดมทุนให้ได้ทั้งสิ้น 700ล้านบาท และยังเป็นการส่งสาส์นแห่งการดูแลสุขภาพไปสู่ทุกๆคนอีกด้วย
.....ซึ่งพี่ตูนและทีมงานเริ่มวิ่งกันมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 และจะแล้วเสร็จถึงจุดหมายปลายทางในวันที่ 25 ธันวาคม 2560 เรียกได้ว่าเป็นซานต้าครอสที่มีตัวตนจริงๆ นำของขวัญวันคริสมาสมาส่งให้กับผู้ป่วยและโรงพยาบาล รวมถึงพวกเราทุกๆคนเลยทีเดียว
.....โดยงานนี้สปอร์ตไลท์ก็ส่องเข้ามาเต็มๆ และทุกคนต่างก็เอาใจช่วยเรียกได้ว่าติดตามสถานการณ์กันแบบก้าวต่อก้าว วันต่อวัน เกริ่นกันมายาวขนาดนี้ ก็ด้วยประมาณอาทิตย์ที่แล้ว มีข่าวคราวมาว่าพี่ตูนเริ่มมีอาการบาดเจ็บ สังเกตได้จากเทปพันกล้ามเนื้อ รวมถึงการที่ต้องออกมาวิ่งกันในวันที่ควรจะเป็นวันพักบ้าง ทำให้ทีมงานของทางโครงการ "ก้าว" ได้ออกมาขอความร่วมมือในการที่จะถ่ายภาพเซลฟี่กับพี่ตูน ให้ไปพบกันที่จุดเช็คพอยท์จะเป็นการดีที่สุด หรืออาจใช้วิธีถ่ายเป็นภาพเคลื่อนไหวขณะพี่ตูนวิ่งผ่าน แล้วค่อยนำมาแคปเจอร์กันเองในภายหลัง ทำไมล่ะ? แค่การถ่ายภาพไปเกี่ยวอะไรกับการบาดเจ็บ แล้วจะลดการบาดเจ็บลงได้หรือ หากปรับเปลี่ยนในเรื่องของการถ่ายภาพ เราไปดูกัน
.....ก็เนื่องจากว่า หากมีการถ่ายภาพเซลฟี่ เหตุการณ์หลักๆที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ก็คือการหยุดวิ่งนั่นเอง แล้วการหยุดวิ่งไปเกี่ยวกับการบาดเจ็บอย่างไร

1. เวลาออกกำลังที่นานขึ้น --- แรกเริ่มเดิมทีนั้น ทีมงานของโครงการก้าวมีแผนจะวิ่งเป็นเซต เซตละประมาณ 10 กิโล ซึ่งจะกินเวลาราวๆ ชั่วโมงครึ่ง ถึงสองชั่วโมงเต็มที่ แต่หากมีการหยุดเพื่อถ่ายภาพเซลฟี่แล้วนั้น คนละนิดคนละหน่อย สะสมกันแล้วนั้น เวลาอาจเลยไปถึง 4 ชั่วโมง ความเพลียความล้าที่เกิดขึ้นนับว่ายาวนานมากๆ รวมถึงเวลาในการพักผ่อน ก็จะต้องถูกเบียดบังไปชดเชยให้กับเวลาที่เสียไป อย่างที่เราทราบกันว่า พี่ตูนออกมาวิ่งในวันที่ควรจะเป็นวันพัก เพื่อชดเชยความล้าช้าที่เกิดขึ้น นั่นก็หมายความว่า เวลาที่จะใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดน้อยถอยลงไปอีก ซึ่งความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บก็จะสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

2. การกระตุกของกล้ามเนื้อ --- การวิ่งมีความเร็วในการเคลื่อนที่ และการที่ต้องหยุด หมายถึงการที่กล้ามเนื้อต้องเกร็งตัวเพื่อออกแรงสำหรับเบรคตัวเอง หากเป็นนักวิ่งระยะสั้น หรือคนที่มีความเร็วมากๆ จะรู้ดีว่า การจะหยุดนั้นต้องค่อยๆหยุด มิฉะนั้นกล้ามเนื้อจะถูกกระตุกอย่างแรง นอกจากนี้ยังมีผลต่อข้อต่อกระดูกโดยเฉพาะหัวเข่าอีกด้วยทำให้มีอาการบาดเจ็บตามมา การวิ่งที่ถึงแม้จะมีความเร็วไม่มากนักเช่นการวิ่งระยะไกลมากๆ ในกรณีของพี่ตูน แต่หากเกิดขึึ้นบ่อยครั้ง หยุดแล้วหยุดอีก หยุดซ้ำ กระตุกซ้อน แล้วหากหมายถึงการหยุดแล้วหยุดอีกไปตลอดระยะทาง 2พันกว่ากิโลเมตร นับว่ามีความเสี่ยงคณานับที่จะเกิดการบาดเจ็บขึ้นได้

3. การใช้กล้ามเนื้อ --- นักวิ่งที่ออกวิ่งในช่วงแรกๆจะมีการถีบส่งแรงของตัวเองขณะออกตัว รวมถึงการวิ่งไปอีกสักระยะนึง ที่ร่างกายจะใช้การทำงานของกล้ามเนื้อชนิดที่เรียกว่าเป็นกล้ามเนื้อสีซีดหรือกล้ามเนื้อกระตุกไว ซึ่งออกแรงได้มากหากแต่จุดอ่อนของมันคือมันล้าได้ไว การที่นักวิ่งต้องหยุด แล้วออกวิ่งอีกครั้งทำให้ร่างกายต้องกลับมาใช้กล้ามเนื้อชนิดนี้มากขึ้นอีก จึงเปรียบเหมือนกันเล่นเวทเทรนนิ่งน้ำหนักน้อยๆ แต่เล่นหลายเซต หยุดเซลฟี่ = 1เซต หลายเซต หลายเซต หลายRep.มากๆ สะสมๆเข้า กล้ามเนื้อชนิดนี้ที่ว่าล้าได้ง่ายอยู่แล้ว จะเกิดการฉีดขาดใหญ่โต จนอาจทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างที่เพิ่งเกิดกับผู้เขียนเมื่อเช้านี้เอง ขณะที่วิ่งผ่านทางแยกที่ต้องหยุดเพื่อให้รถผ่านไปก่อน หลังจากนั้นเริ่มออกตัวอีกครั้ง มีการใช้กล้ามเนื้อเพื่อออกแรงใหม่ ทำให้ตะคริวเริ่มเกาะที่บริเวณน่องซะอย่างงั้น นี่ขนาดวิ่งซ้อมตามปกติที่กินระยะเวลาและระยะทางไม่มาก นับประสาอะไรกับพี่ตูนที่ต้องวิ่งเยอะขนาดนั้น

4. โมเมนต์ตั้ม --- ในนักวิ่งเท้าใหม่ที่เพิ่งหัดวิ่งได้ไม่นาน อาจะไม่สามารถประคองการวิ่งไปได้ในระยะเวลานานๆ ก็อาจใช้การเดินสลับเพื่อเบาแรงและพักร่างกายสักครู่ แต่นักวิ่งที่วิ่งจนอยู่ตัวจนสามารถวิ่งต่อเนื่องได้นานแล้วนั้น การใช้ประโยชน์จากโมเมนต์ตั้มหรือแรงส่งที่มีมาก่อนหน้า จะทำให้สามารถประหยัดพลังงานที่ใช้ได้ส่วนหนึ่ง หากมีการหยุดบ่อยครั้งทำให้สูญเสียโมเมนต์ตั้มมหาศาลและต้องเริ่มออกตัวใหม่ก็จะใช้แรงและกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น นี่ยังไม่นับรวมไปถึงการเผาผลาญพลังงานอย่างต่อเนื่อง และการที่อัตราการเต้นของหัวใจที่มีความสูงต่ำไม่คงที่ ซึ่งจะส่งผลต่อความดันโลหิตที่ลดต่ำลง ทำให้หัวใจต้องบีบตัวสูงขึ้นเพื่อนำเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆให้เพียงพอ

5. การพักผ่อน --- สืบเนื่องมาจากข้อที่ 1 ซึ่งการพักผ่อนที่น้อย ก็จะมีผลที่จะทำให้ระดับฮอร์โมนต่างๆที่ใช้ในการซ่อมสร้างมีเวลาทำงานน้อยลง หนักๆเข้าอาจทำให้ฮอร์โมนอื่นๆที่จะผลักดันให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติเกิดความแปรปรวน นำมาซึ่งความอ่อนล้าสะสมและความเจ็บป่วยได้ หรืออาจเข้าสู่ภาวะ Over training Syndrome

6. การจัดระเบียบของร่างกาย --- การเซลฟี่ที่อาจจะต้องมีการเอนตัว การก้มๆเงยๆเพื่อถ่ายภาพกับเด็กๆหลายครั้ง การหยุดเพื่อทักทาย ล้วนแล้วแต่ทำให้กล้ามเนื้อที่มีความอ่อนล้าอยู่แต่เดิมจากการวิ่ง ประคองส่วนต่างๆของร่างกายได้ไม่ดีพอ ขอยกภาพประกอบด้านล่างจากเพจ Runningning ที่มีการวิเคราะห์ถึงการบิดของเข่าพี่ตูนขณะวิ่งปกติพริ้วๆ กับการวิ่งแล้วมีการทักทายหรือถ่ายเซลฟี่ไปด้วย พบว่าการวางตำแหน่งของเข่าต่างกันอย่างเห็นได้ชัด สะสมไปบ่อยๆในระยะทางไกลๆก็จะมีผลเสียตามมาอย่างแน่นอน
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


.....ทั้งหมดทั้งมวลนั่นก็คือคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไม? การงดเซลฟี่ถึงช่วยพี่ตูนได้ ซึ่งเราๆท่านๆก็สามารถมีส่วนช่วยพี่ตูนได้ง่ายๆจากการงดเซลฟี่และไปพบกันทีเดียวตามจุดเช็คพอยด์ต่างๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้จะบาดเจ็บลงได้มาก นอกจากนี้จากเหตุผลต่างๆ ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับนักวิ่งระยะไกลท่านอื่นๆเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้อีกด้วย
.....สุดท้ายนี้ก็ขอให้พวกเราช่วยกันส่งกำลังใจเชียร์พี่ตูนกันเยอะๆ รวมถึง พี่ป็อกและหมอเมย์ และทีมงานท่านอื่นๆทุกคน ให้ผ่านพ้นทุกอุปสรรคและสามารถทำงานนี้ให้สำเร็จได้ตามที่หวังไว้ทุกประการ

.....สำหรับท่่านที่ต้องการร่วมสมทบทุน ช่องทางการร่วมสมทบทุนเข้าในโครงการก้าวครั้งนี้ก็สามารถทำได้ในหลากหลายช่องทาง เช่น

...สมทบทุน ผ่านทางSMS - พิมพ์ T ส่งไปที่ 4545099 = ครั้งละ 10 บาท ทุกเครือข่าย
...สมทบทุน โดยโอนผ่านบัญชีธนาคาร  - ธนาคารไทยพาณิชน์ สาขารัชโยธิน ชื่อบัญชี มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ (โครงการก้าวคนละก้าว) เลขบัญชี 111-393-5263 ประเภท บัญชีกระแสรายวัน
...สมทบทุน ผ่านทางเคาน์เตอร์เซอร์วิส - ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสของเซเว่นอีเลเว่นทุกสาขา

หรือช่องทางการสมทบทุนช่องทางอื่นๆอีกมากมายตามแต่สะดวก โดยท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามความเคลื่อนไหวได้จากเว็บไซต์ก้าวคนละก้าว ตามลิ้งนี้ >>> https://www.kaokonlakao.com/howto  และแฟนเพจก้าว >>> https://www.facebook.com/kaokonlakao/

ขอส่งแรงใจเชียร์ทุกฝีก้าว by https://navee.bloggang.com





Create Date : 08 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2560 15:01:11 น. 1 comments
Counter : 866 Pageviews.

 
สวัสดีจ้ะ เราแวะมาทักทายนะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน ร้อยไหม adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้วถาวร สักคิ้ว 6 มิติ ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4286561 วันที่: 22 ธันวาคม 2560 เวลา:15:57:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 3928744
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 3928744's blog to your web]
space
space
space
space
space