space
space
space
space

คำพ่อสอน


.....จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

จะนำพาเพียรทำตามคำสอน
จะสืบสานพระดำรัสไม่สั่นคลอน
จะไม่ถอนจากความดีดั่งพ่อทำ
ขอนอบน้อมสองมือประนมกราบ
ใต้ละอองฝ่าพระบาทผู้ทรงธรรม์
ด้วยพระคุณล้นเกล้าเอนกนำ
ลูกจักพลันถวายงานสืบสานไป

.....ให้ส่งเสริมคนดีปกครองบ้าน
อนาคตสืบแต่กาลตามปัจจุบัน
ความขยันอีกซื่อสัตย์คุณอนันต์
จะช่วยยังให้ชีวันไม่อับจน
คงความดีแม้นยากลำบากแสน
ให้ผ่องแพ้วในธรรมอย่าขัดสน
แก้ปัญหาด้วยปัญญาในบุคคล
จะรู้ตนรู้แจ้งทุกขั้นตอน

.....อีกปรัชญาเศรษฐกิจให้พอเพียง
อย่าเบียดเบียนเอาเปรียบเป็นเดียดฉันท์
มีหรูหราหรือมีน้อยไม่สำคัญ
เพียงยึดมั่นให้ยืนได้ด้วยตนเอง
พระดำรัสและโอวาทที่ตรัสสอน
ไม่นิ่งนอนลูกจะทำให้จัดเจน
ตราบจนสิ้นชีวาไม่หวั่นเกรง
ได้บรรเลงตามธรรมแห่งพระองค์


-------------------------------------------

ขออัญเชิญพระบรมราโชวาท
เพื่อทูลเกล้าฯประพันธ์ถวายอาลัย
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า ขอนไม้ลอยลม ผู้ประพันธ์






 

Create Date : 13 ตุลาคม 2560   
Last Update : 13 ตุลาคม 2560 8:21:01 น.   
Counter : 603 Pageviews.  
space
space
สะ-ต(ร)อ(ง)-วันละนิด ตอนที่3 ก่อนวัยอันควร
















สะ-ต(ร)(ง)-วันละนิด
ตอนที่3 
ก่อนวัยอันควร

---เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวเฉพาะผู้ใหญ่ อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ความรุนแรง ฯลฯ เด็กและเยาวชน ไม่ควรรับชม---



...........เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในอพาร์ทเม้นแถบชานเมือง สุรัชยังคงชมวิวจากภายในห้องและปล่อยให้เสียงที่คุ้นเคยดังต่อไปโดยไม่สนใจ
เขาเหนื่อยล้าจากงานมาทั้งวัน งานของเขาต้องใช้โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารตลอดเวลา แม้ตอนนี้จะเลิกงานและถึงเวลาพักแล้ว เสียงที่คุ้นเคยจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้เขาอดคิดเรื่องงานขึ้นมาอีกไม่ได้ เขาเลือกที่จะปล่อยให้โทรศัพท์ดังต่อไป แล้วใช้เวลาพักสายตากับทิวทัศน์ในเมืองจากมุมสูง



..........เขาเช่าอพาร์ทเม้นนี้มาได้สักพักแล้วเพื่อให้เดินทางไปทำงานได้สะดวกขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับการอยู่ห่างจากครอบครัว ห้องหมายเลข39 ดันพ้องกับชื่อวงดนตรีชื่อดังที่เขาชื่นชอบ เขาจึงตกลงปลงใจจะอยู่ที่นี่ทันทีตั้งแต่เห็นเพียงหมายเลขห้อง



..........เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก และสุรัชก็ยังอยากจะปล่อยไว้เช่นเคย แต่อดรนทนไม่ไหวเมื่อนึกขึ้นว่าโทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่5แล้ว
.........."คอขาดบาดตายอะไรหรือไงนะ" สุรัชบ่นกับตัวเองด้วยความหงุดหงิดที่ต้องทิ้งมุมส่วนตัวเดินมายังโทรศัพท์ที่เป็นสัญลักษณ์ของงานประจำนอกเวลางาน เขาค่อยๆเลื่อนมือกดดูmiss callอย่างขี้เกียจ ปรากฏเป็นคนไม่แปลกหน้าแต่แปลกสาย



..........เทอดศักดิ์โทรหาเขาถึง5สายติดๆกัน เทอดศักดิ์เป็นเพื่อนเรียนตั้งแต่สมัยประถมของเขา เรื่อยมาจนกระทั่งถึง มหาวิทยาลัยเขาก็ยังเรียนด้วยกันอยู่ แต่เทอดศักดิ์แทบไม่เคยได้พูดคุยกับเขานอกเหนือจากเวลาเรียนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันนานมาแล้วจากครั้งสุดท้ายที่เทอดศักดิ์โทรมาหาเขา



..........พักหลังนี้สุรัชค่อนข้างเก็บตัว เขาทำแต่งานและงาน จนไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นๆ เขาห่างจากเพื่อนฝูงมากขึ้นเรื่อยๆ และมีแต่เพื่อนร่วมงานกับลูกค้าเท่านั้นที่เขาโทรหา เขาทุ่มเทกับงานมากแต่ก็แทบจะดูไม่เป็นระเบียบเอาเสียเลยสำหรับเรื่องอื่นๆ ห้องที่เริ่มรกและเต็มไปด้วยฝุ่น กับซองสลิปเงินเดือนเก่าๆหลายซองวางสุมกันบนหัวเตียง มดเริ่มไต่ขึ้นกล่องพลาสติกใส่ผัดสะตอที่แม่ฝากติดไม้ติดมือกลับมาให้เขาหลังกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาโทรกลับหาเทอดศักดิ์ด้วยความรู้สึกตกใจและประหลาดใจ



.........."ว่าจะให้ช่วยคุยกับมันหน่อยน่ะ แต่ไม่มีอะไรแล้วล่ะตอนนี้" ทั้งคู่สนทนากันสั้นๆก่อนเทอดศักดิ์จะวางสายไป สุรัชได้ความมาว่าเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของเขาอีกคนหนึ่งกำลังทำอะไรบุ่มบ่าม แต่ตอนนี้เหตุการณ์สงบลงแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง



..........ณรงค์เป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยอีกคนของสุรัช เขาสองคนสนิทกันมากและมีหลายอย่างคล้ายๆกัน การที่เขาสองคนเดินไปไหนมาไหนด้วยกันในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นภาพที่คุ้นตาของนักศึกษาทั้งในและนอกคณะ ณรงค์ไม่ช่างพูดเท่าไรนักแต่ก็พูดได้เก่งกว่าสุรัชมาก แต่สุรัชสื่อสารได้เก่งกว่าในขณะที่ณรงค์ต้องพยายามหลายครั้งที่จะอธิบายเรื่องที่กำลังพูดถึงให้ผู้ฟังเข้าใจ ณรงค์ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงเหมือนๆกับที่สุรัชก็มี ทั้งคู่มักใช้เวลาร่วมกันเป็นประจำในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน ถ้าไม่ใช่ในสนามกีฬาก็นั่งอยู่ด้วยกันโดยมีแก้วเหล้าคนละใบกับเพลงร็อคเก่าๆยุคคุณพ่อ



..........ณรงค์เคยชวนสุรัชไปดูหนังด้วยกันเพียงครั้งเดียวเรื่องที่แสดงนำโดยเจสัน สเตแธม ก่อนที่ทั้งคู่จะค้นพบว่า การแยกย้ายกันไปดูแล้วก็มาเล่าสู่กันฟังในภายหลังให้อรรถรสและความเป็นส่วนตัวได้ดีกว่า แม้ว่าณรงค์จะพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ณรงค์ก็เรียนเก่งในขณะที่สุรัชเรียนแค่ผ่านไปวันๆ บ่อยครั้งที่เพื่อนๆมักถามสุรัชขณะอยู่ลำพังว่า "เฮ้ยสุรัช เห็นณรงค์ไหม" ณรงค์เป็นที่ต้องการตัวอยู่เสมอ ในขณะที่สุรัชแน่ใจว่าที่อีกมุมหนึ่งของมหาวิทยาลัย ไม่ใครถามณรงค์ว่าเห็นสุรัชหรือเปล่า ณรงค์กับสุรัชเรียนจนจบและต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน ทั้งคู่แทบไม่ได้ติดต่อกันอีก จนกระทั่งงานเลี้ยงรุ่นถึงจะเจอตัวกันสักครั้ง



..........ณรงค์เคยเดินกอดคอสุรัชหลังจบงานเลี้ยงรุ่น เขาบอกความในใจที่มีต่อสุรัชว่าดีใจที่ได้ร่วมเรียนด้วยกันมา แทบไม่เคยมีใครกอดคอสุรัชมาก่อน และสุรัชรู้สึกดีใจมากที่ได้พบกับณรงค์อีกครั้งและบอกกลับไปว่าเขาก็ดีใจเช่นกัน 
.........."ดีใจเช่นกันว่ะ หวังว่าจักรวาลคงจะเหวี่ยงเราสองคนมาร่วมหัวจมท้ายด้วยกันอีกในสักวัน"



..........ผ่านงานเลี้ยงรุ่นไปได้ไม่นาน โทรศัพท์จากเทอดศักดิ์ก็มาเพื่อแจ้งข่าวร้าย ณรงค์จากไป อีกครั้งที่ไม่มีคำร่ำลาถึงสุรัช ทิ้งไว้เพียงเรื่องเล่าเรื่องสุดท้ายเกี่่ยวกับการพลัดพราก สุรัชรู้สึกผิดอยู่เสมอเกี่ยวกับณรงค์ เขาควรใส่ใจสิ่งรอบข้างมากกว่านี้ เขากับณรงค์แทบไม่ติดต่อกันเลย และเขาคิดว่าหากได้รับแจ้งข่าวจากเทอดศักดิ์ในครั้งแรก ถ้าเขาได้พูดคุยกับณรงค์บ้างเขาจะสามารถช่วยชีวิตของณรงค์เอาไว้ได้ เพราะเขาเองก็เคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาก่อน



..........สุรัชไม่เคยได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองคาดหวัง เขามองหาโอากาสเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในช่วงเวลาหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เพื่อค้นหาตัวเองว่าจะเดินทางชีวิตของเขาต่อไปอย่างไร เขารู้สึกไม่พร้อม และอยากจะหนีทุกอย่างไปให้หมด เขาเริ่มจินตนาการความตายของตัวเอง วิธีแบบไหนที่จะเจ็บตัวน้อยที่สุด จนแล้วจนรอดเขาก็หาวิธีตายที่ดีไม่ได้ เขายอมรับในที่สุดว่าตัวเองกลัวเจ็บเกินกว่าจะลงไม้ลงมือกับตัวเอง เขาอาจกล้าเผชิญกับปัญหาตรงหน้ามากกว่าที่จะเผชิญกับความเจ็บปวดก่อนลมหายใจสุดท้ายจะมาถึง เขาจึงล้มเลิกความคิดนั้นซะแล้วเลือกจะอยู่กับปัจจุบัน แก้ไขอะไรไปทีละเปราะ


...........อย่างไรก็ตาม สุรัชเคารพในการตัดสินใจจากไปของณรงค์พอสมควร อาจไม่เห็นด้วยแต่ยอมรับ ณรงค์มีใจคอเด็ดเดี่ยวมาแต่ไหนแต่ไร และมักทำอะไรที่ใครๆต่างคาดไม่ถึง สุรัชรู้จักเพื่อนของเขาดี "มันต้องใช้ความกล้าหาญมากอยู่เหมือนกันนะ" สุรัชรำพึงกับตัวเองขณะคิดถึงณรงค์ในห้องอพาร์ทเม้นเบอร์39ที่ปิดไฟมืด "ฉันจะอยู่เพื่อแกเอง ฉันจะทำให้ดีที่สุด จะผ่านทุกอย่างแทนแกเอง" สุรัชตั้งปณิธาน นั่นช่วยปลอบประโลมเขาได้บ้าง การตั้งปณิธานว่าจะเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม เขาจะใช้ชีวิตแทนเพื่อนที่ไม่มีโอกาสได้ใช้อีกแล้ว เขาจะมองปัญหาในอีกแบบ จะฝ่าฟันมันไปแทนเพื่อนของเขา และคิดอยากจะแต่งบทกวีให้เพื่อนผู้จากไปไว้เป็นอนุสรณ์
...........สุรัชหลับตาลง เพื่อกดข่มหยดน้ำตาก่อนที่มันจะไหลออกจากตาของเขาได้ทัน



เหล้าเรา เคยกิน เคยดื่ม
ยาเอย เคยลิ้ม เคยลอง
แขนเรา แขนนาย เคยประคอง
กอดคอ ร่วมทาง ลำบากมา

วันคืน ผันผ่าน ให้ไกลห่าง
หากฝนพรำ ยังใจ ให้เศร้าหมอง
ฉันยังเดิน ย่างไป แม้ลุ่มดอน
แต่เพื่อนจำ จากลา ให้หมองใจ

เพื่อนแท้ เพื่อนรัก จากไปแล้ว
เสียงยังแว่ว ร้องทัก เรียกชื่อฉัน
เรียก"ไอ้รัช" พร่ำบ่น ทุกเชื่อวัน
ก่อนรำคาญ วันนี้ แสนอาวรณ์

เพื่อนด่วนจาก ไปไกล ไม่รอรี
ไม่มีแม้ ถ้อยคำ อำลาฉัน
แต่จะคิด ถึงมึงอยู่ ทุกวี่วัน
ว่าเพื่อนกัน เพื่อนตาย ตลอดไป


 เขียนโดย : ขอนไม้ลอยลม




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2560   
Last Update : 10 ตุลาคม 2560 10:01:19 น.   
Counter : 480 Pageviews.  
space
space
สะ-ต(ร)อ(ง)-วันละนิด ตอนที่ 2 เพื่อนต่างวัยหัวใจเดียวกัน
























สะ-ต(ร)(ง)-วันละนิด
ตอนที่ 2 
เพื่อนต่างวัยหัวใจเดียวกัน


---เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวเฉพาะผู้ใหญ่ อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ความรุนแรง ฯลฯ เด็กและเยาวชน ไม่ควรรับชม---


..........ในระแวกบ้านมีเด็กๆรุ่นราวคราวเดียวกับกับสุรัชหลายคน มีทั้งเพื่อนสนิทที่เป็นเด็กผู้ชาย และเพื่อนที่เป็นเด็กผู้หญิง กับพวกเด็กโตที่เขามักติดสอยห้อยตามไปเล่นฟุตบอลด้วยอยู่เสมอ สุรัชเล่นฟุตบอลได้ดีพอๆกับที่เขาชอบเล่นมัน บาดแผลฟกช้ำบนหน้าแข้งจากการปะทะมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่สุรัชไม่เคยสนใจมันเลย หลังจากรู้จักฟุตบอลได้ไม่นานเขาก็หลงไหลมันจนการตามตัวเขาจากสนามฟุตบอลให้กลับบ้านเป็นเรื่องที่ยากลำบาก 



..........นี่เป็นกีฬาชนิดแรกที่สุรัชได้ข้องแวะกับมันอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่ใช่กีฬาเดียวที่เขาเคยเล่น เมื่อโตขึ้นเขารู้จักอีกหลายชนิดกีฬา เขาสนุกกับการเล่นกีฬาเสมอ แต่ก็ยังหวนนึกถึงฟุตบอลในวัยเด็กที่เขาหลงไหล สุรัชเคยฝันอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติแต่การดำเนินชีวิตของเขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงสักเท่าไร จนสิ่งเหล่านั้นค่อยๆเลือนหายไปจากความนึกคิดของเขา



..........เสียงเอะอะดังมาจากชั้นล่าง สุรัชยังอยู่บนที่นอนในวันปิดเทอมของเด็กประถมต้น เพื่อนๆตะโกนเรียกเขาให้ลงไปเล่นฟุตบอลด้วยกันตามเคย 

..........หลังจากที่สุรัชกุลีกุจอจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย ตอนนี้มีพื้นที่อีกมากบนตัวและเสื้อผ้าพร้อมสำหรับเปิดรับความมอมแมมที่กำลังจะมาถึง แต่สุรัชกลับสะดุดอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เล่นฟุตบอลไม่เป็นและชักชวนให้เขาฟังเรื่องเล่าที่น่าสนใจสักเรื่องนึงก่อน



..........กุ๋ยมาหาสุรัชเป็นประจำในตอนเช้า ก่อนที่สุรัชจะทันไปขลุกกับเด็กผู้ชายในซอยบ้าน กุ๋ยอายุน่าจะมากกว่าพ่อของสุรัชเสียอีก เขามีเคราดกที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวและได้รับการโกนเพียงครั้งคราว กุ๋ยเป็นชายสติไม่สมประกอบ แต่ก็ไม่เคยเป็นพิษเป็นภัยกับใคร กลับกันเขาพร้อมที่จะบำเพ็ญประโยชน์ต่อใครก็ตามที่ต้องการให้เขาช่วย แลกกับข้าวจานเขื่องสนองความหิวของเขาโดยไม่เกี่ยงว่ากับข้าวจะเป็นอะไร กุ๋ยมีกลิ่นเฉพาะตัวที่สุรัชไม่ชอบเท่าไรนัก แต่ก็เป็นเครื่องหมายบอกสุรัชอย่างชัดเจนว่านี่คือกุ๋ยตัวจริงไม่ผิดแน่ กลิ่นเหงื่อเก่าๆผสมกลิ่นยาหม่องมักจะโชยมาก่อนที่เขาจะปรากฏตัว นั่นทำให้สุรัชมั่นใจว่า กุ๋ยไม่ได้อาบน้ำวันละสองครั้งเหมือนเพื่อนคนอื่นๆที่เขาเล่นด้วย



..........กุ๋ยเล่นอะไรไม่เป็น แต่กุ๋ยชอบเล่าเรื่องเป็นชีวิตจิตใจ และมาลงเอยที่สุรัชเสมอ อาจจะเพราะความที่สุรัชไม่ปฏิเสธที่จะฟังกุ๋ยเล่า หรือเพราะสุรัชก็ชอบฟังเรื่องเล่าของกุ๋ยด้วยเช่นกัน ทั้งคู่จึงนั่งอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานๆเสมอ กุ๋ยมักเล่าเรื่องชีวิตของเขากับน้องชาย อุปกรณ์ที่ใช้มีเพียงชิ้นเดียวคือปากกาที่กุ๋ยพกติดตัวในกระเป๋าเสื้อขาดๆโทรมๆ กุ๋ยเขียนภาษาจีน กับแผนที่มากมายบนฝ่ามือ บอกเล่าเรื่องราวและที่อยู่ในอดีตของเขา สุรัชไม่ค่อยเข้าใจนัก เขาจำเรื่องที่กุ๋ยเล่าแทบไม่ได้และจับใจความไม่ถูก นอกจากนี้ก็ยังไม่รู้อีกด้วยว่าสถานที่ๆกุ๋ยกล่าวถึง ตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของโลก แต่สุรัชก็พยายามจินตนาการตามเป็นภาพคล้ายหนังจีนกำลังภายใน ตอนที่พระเอกของเรื่องพเนจรท่องยุทธภพ



..........เผลอแปบเดียวเวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง สุรัชเพิ่งรู้ว่าตัวเองผูกพันและไว้ใจกุ๋ยมากขนาดไหนก็ตอนที่สุรัชเริ่มโตเป็นเด็กหนุ่มแล้ว ก่อนหน้านั้นเขาก็แค่นั่งฟังเรื่องที่กุ๋ยเล่าโดยไม่ได้คิดอะไร แม่ปล่อยให้สุรัชนั่งอยู่กับชายสติไม่สมประกอบอย่างกุ๋ยได้อย่างไร เชื่อว่าแม่ก็ไว้ใจกุ๋ยมากเช่นกัน สุรัชยังจำเสียงของกุ๋ยได้ดีเพราะได้ยินได้ฟังมามาก แต่ทั้งคู่ก็ต้องจากกันในที่สุด กุ๋ยจากไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่ร่ำลาสุรัชเลย รู้ข่าวอีกทีพวกผู้ใหญ่ก็วุ่นวายกับการจัดงานอำลากุ๋ยเป็นครั้งสุดท้ายที่วัดใกล้บ้าน การร่ำลาจบลงไปพร้อมกับหมอกควันจากเมรุเผาศพที่ค่อยๆจางหายไปในอากาศ



..........ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริง แต่แม่น้ำเจ้าพระยาก็ทำให้สุรัชไม่ได้ฟังเรื่องเล่าจากกุ๋ยอีก เขารู้สึกเสียใจที่พักหลังเขามักจะฟังกุ๋ยเล่าได้ไม่จบ เพราะเริ่มจะห่วงฟุตบอลมากกว่า

..........หลังการจากไปของกุ๋ย สุรัชก็เพลิดเพลินกับฟุตบอลต่อไป ไม่นานนักเขาก็ลืมเรื่องเล่าของกุ๋ยจนหมด แต่ไม่เคยลืมเพื่อนต่างวัยที่เขาไว้ใจคนนี้เลย สุรัชได้สัมผัสการจากลาเป็นครั้งแรก และนี่คงไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการจากลาครั้งแรกที่กุ๋ยเล่าให้สุรัชฟัง แต่นี่เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับการจากลาเรื่องสุดท้ายที่กุ๋ยทิ้งไว้ให้สุรัชใคร่ครวญ



..........บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นเมื่อไร สุรัชเรียนรู้เรื่องนี้ได้จากกุ๋ย เรื่องที่กุ๋ยเล่า ทำให้สุรัชพอจะจับใจความได้ว่า ชีวิตของกุ๋ย ได้ประสบพบเจอกับเรื่องราวต่างๆมามากมาย การพบและการพรากจาก ปัจจุบันและอดีตทุกอย่างหลอมรวมอยู่บนฝ่ามือของกุ๋ย ด้วยภาษาที่สุรัชก็อ่านไม่ออก เราแค่เดินทาง เดินทางไปช้าๆเหมือนลายเส้นที่กุ๋ยค่อยๆวาด จากฝ่ามือที่ว่างเปล่าเต็มไปด้วยอักขระและแผนที่ จนกระทั่งเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาถูกกลืนกินโดยสายธารแห่งกาลเวลาในที่สุด...




เขียนโดย : ขอนไม้ลอยลม





 

Create Date : 15 กันยายน 2560   
Last Update : 10 ตุลาคม 2560 10:01:10 น.   
Counter : 522 Pageviews.  
space
space
สะ-ต(ร)อ(ง)-วันละนิด ตอนที่1 เจ้าหญิงหน้าแปลกกับคนแปลกหน้า

















สะ-ต(ร)(ง)-วันละนิด
ตอนที่1 
เจ้าหญิงหน้าแปลกกับคนแปลกหน้า


---เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวเฉพาะผู้ใหญ่ อาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ความรุนแรง ฯลฯ เด็กและเยาวชน ไม่ควรรับชม---

..........ในบ้านหลังเล็กๆแห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ สุรัชมีความคิดบางอย่างระหว่างอาหารมื้อเที่ยงที่เขาโปรดปราน "ผัดสะตอ" เขาย้อนนึกถึงวันเก่าๆ และเริ่มทบทวนว่าเขาเริ่มชอบเมนูรสฝาดนี้ได้อย่างไรสุรัชเริ่มหยิบปากกาขึ้นมา แล้วบันทึกแง่คิดของเขาลงบนแผ่นกระดาษ.........



..........สุรัชเป็นลูกหลานชาวใต้ผู้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่กรุงเทพได้หลายปีแล้ว ชายผิวคล้ำผมหยักศก กับใบหน้าเรียบเฉย เป็นที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในระแวกบ้าน แต่อาจไม่มีใครรู้จักคุ้นเคยกับเขามากนัก ด้วยว่าเขาเป็นคนไม่ช่างพูด และขี้อาย  นั่นทำให้เขาไม่ได้เข้าสังคมเท่าไรนัก กระนั้นเขาก็ไม่ใช่คนเย่อหยิ่งอะไร เขามักส่งยิ้มเรียบๆเป็นการทักทายเพื่อนบ้านอยู่เสมอ ฟันสีขาวตัดกับสีผิวเวลายิ้ม เขาล้อเลียนกับตัวเองอยู่บ่อยๆว่าบรรพบุรุษของเขาสืบเชื้อสายมาจากเอธิโอเปีย 



..........เพื่อนๆมักถามเขาเสมอถึงสาเหตุของความไม่ช่างพูดของเขา เขาตอบอะไรได้ไม่มากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุ บางครั้งถึงขั้นมีคนตั้งคำถามกับเขาว่า วัยเด็กของเขามีปัญหาอะไรรึเปล่า เขาถึงช่างเป็นคนเงียบเชียบขนาดนั้น สุรัชได้แต่ตอบไปว่า วัยเด็กของเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่หากจริงๆแล้วเขาคิดว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นก็ได้



..........สุรัชเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดตอนอายุไม่เกินสามขวบ ก่อนเขาจะกลายมาเป็นคนไม่ช่างพูด เขาอาจไม่ใช่เด็กผู้ชายซนๆที่ชอบปีนป่าย แต่เขาก็นับว่าดื้อติดอันดับ1ในระแวกบ้าน ผู้ใหญ่จึงมักปราบปรามเขาบ่อยๆด้วยการขู่ วิธีที่ใช้ได้ผลเสมอคือคำขู่ว่าหากไม่หยุดดื้อเขาจะถูกลักพาตัว


..........เขาคุยจ้อตามภาษาเด็กหัดพูด พูดไม่ชัดแต่มักตะโกนเสียงดัง แม่เคยเล่าให้เขาฟังว่าครั้งหนึ่งขณะโดยสารรถไฟ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ วีรกรรมของเขาคือการทำให้บรรดาผู้โดยสารทั้งโบกี้แทบไม่เป็นอันหลับนอน เขาเดินคุยไปทั่ว ชวนคุณตา คุณป้า ที่โดยสารรถขบวนเดียวกันมาคุยกับเขา คุยจ้อเสียงดังไปเรื่อยไม่ยอมหยุด แม่ยอมรับว่ามันอยู่เหนือการควบคุมของแม่จริงๆ สุรัชจำอะไรไม่ได้มากในเหตุการณ์นั้น เขาจำได้เพียงว่ามันเป็นการเดินทางบนรถไฟครั้งแรกของเขาที่ช่างยาวนาน เขานึกอิจฉาตัวเองในตอนนั้นอยู่บ่อยๆ เขาอยากคุยเก่งได้เหมือนเด็กคนนั้น เด็กที่รู้สึกเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง แต่เด็กคนนั้นอาจถูกลักพาตัวไประหว่างเดินทางกระมัง

..........สุรัชเข้าเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนใกล้บ้าน ตอนนั้นเขาอายุสามขวบและเขาจำวันแรกได้ดี เขาไม่ชอบที่ต้องไปโรงเรียนสักเท่าไร แค่คิดว่าจะต้องอยู่ห่างแม่ไปอยู่กับคนแปลกหน้าในตอนนั้นก็ทำให้เขาร้องไห้จะกลับบ้าน สุรัชเริ่มต้นไม่ดีเลยสำหรับก้าวแรกในการเผชิญโลกของเขา
..........คุณครูที่โรงเรียนให้เด็กๆในชั้นเรียนระบายสีรูปภาพ ภาพตัวการ์ตูนผู้หญิงสวมชุดกระโปรงยาว ดูคล้ายเจ้าหญิงแบบที่เขาเคยเห็นในทีวี ต่างกันก็ตรงที่ภาพในทีวีมีสีสัน แต่ภาพบนแผ่นกระดาษมีเพียงสีขาวกับลายเส้นสีดำ ตามแต่ "จินตนาการ" เด็กชายสุรัชเลือกที่จะระบายสีบนใบหน้าของเจ้าหญิงเป็นสีม่วง หลังจากคุณครูได้เห็นรูปเจ้าหญิงที่มีใบหน้าสีม่วง



..........สุรัชก็ถูกดุในทันที เขาถูกสั่งให้ลบสีม่วงบนใบหน้าของเจ้าหญิงออกให้หมด "หน้าคนจะเป็นสีม่วงได้ยังไง!" เสียงคุณครูดุเขา ครูเอาผลงานของเพื่อนคนอื่นๆในห้องเรียนให้เขาดู ไม่มีเจ้าหญิงองค์ไหนที่มีสีสันบนใบหน้าเลยแม้แต่องค์เดียว เว้นก็แต่เจ้าหญิงของสุรัช เด็กชายตกใจมาก เขาก้มหน้าก้มตาลบสีบนใบหน้าเจ้าหญิงออกตามคำสั่ง เด็กชายสุรัชยังไม่รู้ว่าโลกนั้นกว้างใหญ่เพียงใด แต่สำหรับเขาแล้วแน่นอนว่ากระดาษระบายสีเพียงใบเดียวก็อาจเป็นโลกทั้งใบสำหรับเขา 
..........สีจากดินสอสีไม้ที่แม่ซื้อให้ยังเกาะอยู่บนใบหน้าเจ้าหญิง โดยที่สุรัชพยายามอย่างหนัก แต่ยังไงก็ลบสีนั้นไม่ออก กระดาษกำลังจะขาดและเขากำลังจะร้องไห้ สีม่วงบนหน้าของเจ้าหญิงกลายเป็นความผิดใหญ่หลวงสำหรับเขา เขากลัวและไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจำไม่ได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จนกระทั่งคุณครูพอใจที่สีม่วงบนใบหน้าเจ้าหญิงเริ่มจางลง พอที่จะทำให้เธอไม่ดูเหมือนมนุษย์ต่างดาว คุณครูจึงเก็บผลงานของสุรัชไปรวมกับของเพื่อนๆ ผลงานของสุรัชเหมือนกับของคนอื่นๆ ไม่แตกต่าง ไม่โดดเด่น "เหมือนตัวฉันเองในวัยผู้ใหญ่" เขาคิด

..........สุรัชนึกถึงเรื่องนี้เสมอเวลาที่เขานึกถึงวัยเด็กของเขา เขาลองคิดดูเล่นๆว่าหากเขาย้อนเวลากลับไปได้เพื่อบอกบางอย่างกับเด็กชายสุรัช เขาจะบอกกับเด็กน้อยว่าไม่ต้องลบออก "ไม่ต้องลบออก เธอไม่ได้ทำผิดอะไร บอกกับคุณครูของเธอว่าเธอเลือกแล้วว่าใบหน้าของเจ้าหญิงควรเป็นสีม่วง ไม่มีใครทำร้ายเธอได้ ฉันจะคุ้มครองเธอเอง"



..........สุรัชไม่ใช่เด็กช่างพูดอีกเลยหลังจากเขาต้องเข้าโรงเรียน สุรัชยืนยันว่าวัยเด็กของเขามีความสุขดีและมันเป็นช่วงเวลาวิเศษที่เขามักหวนนึกถึงอยู่เสมอ แต่ความคิดเห็นเกี่ยวกับครูว่าเป็นคู่ปฏิปักษ์กับเขายังคงติดตัวเขามาจนถึงตอนที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เขาตระหนักดีว่าการอบรมสั่งสอนของครูเต็มไปด้วยความปราถนาดีแต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขากับครูอยู่กันคนละทีม


..........วันนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว จากนักเรียนเขาเป็นคุณครูเสียด้วยซ้ำ คุณครูที่เขาไม่เคยชอบ "กรรมตามสนองฉันแน่ๆ" สุรัชคิดในวันแรกที่เขาเริ่มการสอนในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง เด็กนักเรียนมองคนแปลกหน้าที่หน้าชั้นเรียน และเขาก็มองนักเรียนแปลกหน้า เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักและแนะนำตัว



..........มันไม่เลวสำหรับวันแรกในฐานะครู "อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ให้นักเรียนเอายางลบมาลบสีบนกระดาษ" เขาคิดขณะเดินออกจากห้องเรียนหลังเสียงออดหมดเวลาดังขึ้น..........




เขียนโดย : ขอนไม้ลอยลม




 

Create Date : 05 กันยายน 2560   
Last Update : 10 ตุลาคม 2560 10:00:54 น.   
Counter : 671 Pageviews.  
space
space

สมาชิกหมายเลข 3928744
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 3928744's blog to your web]
space
space
space
space
space