Group Blog
All Blog
|
บทขอพรให้อัลลอฮฺอภัยแก่เราและพ่อแม่ของเรา
บทขอพรให้อัลลอฮฺอภัยแก่เราและพ่อแม่ของเรา
وَلاَتَزِدِالظَّالِـمِيْنَ إِلاَّ تَـبَارًا คำอ่าน : ร็อบบิฆฟิรลี วะลิวาลิดัยญะ วะลิมันดะค่อล่า บัยตี มุอฺมินัน วะลิลมุอฺมินีนะ วัลมุอฺมีนาติ วะตะซิดิซซอลิมีนะ อิลลาตะบารอ ความว่า :โอ้ พระเจ้าของข้าพระองค์ โปรดให้อภัยแก่ข้าพระองค์ และแก่บิดามารดาของข้าพระองค์และผู้ที่เข้าไปในบ้านของข้าพระองค์ โดยที่เขาเป็นมุมิน และบรรดาผู้ศรัทธาชายหญิงทั้งหลาย และอย่าได้เพิ่มพูนสิ่งใดให้แก่ผู้อธรรมนอกจาดความหายนะ (ขอให้บรรดาผู้อธรรมได้รับแต่ความหายนะ ) ซูเราะฮฺนูหฺ อายะฮฺที่ 28 บทขอพรให้พ้นจากฟิตนะฮฺต่างๆ
رَبَّنَالاَتَجْعَلْنَافِتْنَةً لِلَّذِيْنَ كَـفَرُوْا وَاغْفِرْلَنَارَبَّنَا إِنَّكَ أَنْتَ الْعَزِيْزُ الْحَكِيْمُ คำอ่าน : ร็อบบะนา ลาตัญญะอัลนา ฟิตนะตัน ลิลละซีนะกะฟะรู วัฆฟิรละนา ร็อบบะนา อินนะก้า อันตัลอะซีซุลหะกีม ความว่า :โอ้ พระเจ้าของเรา โปรดอย่าได้ให้ข้าพระองค์เป็นความวุ่นวาย (ตัวทดสอบ) ให้กับบรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลายเลย และโปรดให้อภัยแก่เราด้วย แท้จริง พระองค์คือ ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ ซูเราะฮฺอัล มุมตะฮินะฮฺ อายะฮฺที่ 5 บทขอพรในวันอีด
ส่งเสริมให้มีการขอพรซึ่งกันและกันในวันอีดทั้งสอง,
ท่านญุบัยร์ บุตรของนะฟีรเล่าว่า ปรากฏว่าบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺเมื่อพวกเขาพบปะกันในวันอีด พวกเขาจะกล่าวขอพรให้กันและกัน" โดยกล่าวว่า คำอ่าน : ตะก็อบบะลัลลอฮุ มินนา ว่ามินก้า คำแปล : ขออัลลอฮฺทรงรับการงานที่ดีจากเราและจากท่านด้วยเถิด (ท่านหาฟิซกล่าวว่า สายรายงานข้างต้นถือว่าหะสัน) 1. การกล่าวตักบีรฺ 2. มีสุนนะฮฺให้เลือกเสื้อผ้าที่ดีที่สุด,สวยที่สุดของเราเพื่อสวมใส่ไปร่วมนมาซวันอีดุลอัฎฮา และอีดิลฟิฏริ โดยผู้ชายก็มีสุนนะฮฺในปะพรมน้ำหอม 3. มีสุนนะฮฺให้รับประทานอาหารมื้อแรกของวันอีดด้วยเนื้อกุรฺบาน ท่านบุร็อยดะฮฺเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺจะไม่รับประทาน (อาหาร) ใน (เช้า) วันอีดุลอัฎฮา จนกว่าจะกลับมายังบ้าน (เพื่อเชือดสัตว์กุรฺบาน) (บันทึกโดยติรฺมิซีย์, อิบนุมาญะฮฺ และอะหฺมัด) ส่วนอีดิลฟิฏริ มีสุนนะฮฺให้รับประทานอาหารเพียงเล็กน้อยก่อนออกไปนมาซอีดิลฟิฏริที่ลานกว้าง (มุศ็อลลา) ซึ่งท่านอนัสเล่าว่า ปรากฏว่าท่านนบีมุหัมมัดจะไม่ออกไปนมาซอีดิลฟิฏริในช่วงเช้าจนกว่าท่านนบีจะรับประทานอินทผลัมเสียก่อน โดยท่านนบีจะรับประทาน (อินทผลัม) เป็นจำนวนคี่ (เช่น 3, 5 หรือ 7 ผลเป็นต้น) (บันทึกโดยบุคอรีย์ และอะหฺมัด) 4. มีสุนนะฮฺให้นมาซวันอีดทั้งสองที่สนามกว้าง (มุศ็อลลา) 5. ส่งเสริมให้บรรดาเด็กๆ และสตรีถึงแม้ว่านางจะมีรอบเดือนก็ตาม ทั้งนี้เพื่อจะได้ออกมาร่วมรื่นเริงในวันอีดทั้งสองโดยพร้อมเพียงกัน 6. มีสุนนะฮฺให้เดินทางไป ทางหนึ่ง และกลับบ้านอีกทางหนึ่ง สาเหตุที่ทำเช่นนั้นเพราะเราจะได้พบปะให้สลามแก่พี่น้องมุสลิมของเราเป็นจำนวนมาก 7. เวลาของการนมาซวันอีดุลอัฎหามีสุนนะฮฺในรีบนมาซ กล่าวคือให้นมาซในช่วงเช้าๆ 8. ไม่มีสุนนะฮฺให้อะซาน หรืออิกอมะฮฺก่อนนมาซอีด 9. ไม่มีนมาซใดๆ ก่อนหรือหลังนมาซวันอีดทั้งสอง ส่วนกรณีที่บุคคลใดไปนมาซวันอีดที่มัสญิด เช่นนั้นเขาสามารถจะนมาซตะหิยะตุลมัสญิดได้ 10. มีสุนนะฮฺส่งเสริมให้มีการละเล่นของเด็กๆท่านอนัสเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺมุ่งหน้าไปยังมะดีนะฮฺ ซึ่งขณะนั้นพวกเขามีการละเล่นสองวัน ท่านรสูลก็กล่าวว่า แน่นอนยิ่งพระองค์อัลลอฮฺทรงทดแทนวันทั้งสองที่ดีกว่าให้แก่พวกท่าน นั่นคือวันอีดุลฟิฏริ และอีดุลอัฎหา (บันทึกโดยนะสาอีย์, อิบนุ หิบบาน โดยรายงานหะดีษเศาะเฮี้ย) 11. ส่งเสริมให้มีการขอพรซึ่งกันและกันในวันอีดทั้งสอง 12. ให้แสดงตนเองให้ผู้คนทั้งหลายทราบว่านี่คือวันแห่งเฉลิมฉลองรื่นเริงของพี่น้องมุสลิมซึ่งเป็นวันแห่งวาระสำคัญยิ่งในรอบปี โดยตกแต่งบ้านช่องให้สะอาดสวยงามตามสถานภาพของตนเอง 13. เยี่ยมเยียนบิดา, มารดา, ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทมิตรสหาย หรือแม้กระทั่งเพื่อนบ้านใกล้เคียง 14. ส่งเสริมให้มีการเลี้ยงอาหารที่บ้าน และแจกจ่ายไปยังเพื่อนบ้าน ตามสถานภาพของตนเอง 15. สำหรับผู้ที่มีสตางค์ก็ควรบริจาคทรัพย์สิน หรือเศาะดะเกาะฮฺให้แก่เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กยากจน, เด็กกำพร้า หรือบุคคลที่ยากจนขันสนทั่วๆ ไป 16. พาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อน ดูสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสรรสร้างไว้ บทขอพรในคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ และสัญลักษณ์ของอัลก็อดรฺ
รายงานจากท่านหญิงอาอีซะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา
กล่าวว่า : โอ้ท่านร่อซูล ! หากฉันรู้ถึง คืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ ฉันจะกล่าวอะไรในคืนนั้น ? ท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า เธอจงกล่าวว่า : اَللَّهُمَّ إِنَّكَ عَفُوّ ٌتُحِبُّ الْعَفْوَفَاعْفُ عَنِّيْ คำอ่าน : อัลลอฮุมม่า อินนะก้า อะฟูวุน ตุหิบบุลอัฟว่า ฟะอฺฟุ อันนี (หะดีษอัตติรมีซีย์หมายเลข/3580:ฮะซันเศาะเฮี๊ยะห์และอันนะซาอีย์ในอะมัลวัล-ลัยละห์ หมายเลข/872 และอะห์มัดในมุสนัดของท่าน 6/171, 182 และอิบนุมาญะห์ หมายเลข/3850 และ อัล-ฮากิม 1/350)) เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเป็นคืนไหน ก็กล่าว 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฏอน ท่านนบีได้กล่าวว่า โอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุดคือสิบวันสุดท้าย ดังนั้นให้เรากล่าวดุอาอ และทำอิบาดะฮฺ มากๆในช่วงนี้ ความหมายของค่ำคืนอัลก็อดรฺ ค่ำคืนอัลก็อดรฺเป็นค่ำคืนหนึ่งของเดือนรอมฏอนอัล-มุบาร๊อก ที่อัลลอฮได้ให้ชื่อว่า"ค่ำคืนอัลก็อดรฺ" เนื่องจากในค่ำคืนนั้นมีเกียรติและความประเสริฐต่างๆ ดังนี้ - เป็นค่ำคืนอัลกุรอานถูกประทานลงมา - เป็นค่ำคืนที่ญิบรีลและบรรดามะลาอีกะฮฺลงมา (ยังโลกดุนยา) - เป็นค่ำคืนที่ความบะรอกะฮ์/ความปลอดภัยและการอภัยโทษถูกประทานลงมา อัลลอฮฺทรงตรัสว่า ... ((لَيْلَةُ الْقَدْرِ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ)) "(การประกอบอิบาดะฮ์ในค่ำคืน) อัลก็อดรฺดีกว่า (การประกอบ อิบาดะห์) หนึ่งพันเดือน (ในค่ำคืนอื่นจากค่ำคืนอัลก็อดรฺ)" (ซูเราะห์อัลกอดัร อายะห์ที่ 3) ท่านรสูล กล่าวว่า ((ومن قام ليلة القدر إيماناً واحتساباً ، غفر له ما تقدم من ذنبه)) "และผู้ใดที่ดำรงไว้ (อิบาดะห์) ในค่ำคืนอัลก็อดรฺด้วยความศรัทธาต่ออัลลอฮฺและหวังในความโปรดปรานและผลตอบแทนจากพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น แท้จริงเขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปทั้งหลายที่ผ่านมา (มุตตะฟะกุนอะลัยห์ : เศาะเฮี๊ยะห์ อัลบุคอรี 2/253 และเศาะเฮี๊ยะห์มุสลิมเลขที่ 760 (1/524)) จากอบี ฮุรอยเราะห์ เราะฎิยัลลอฮุอินฮุ แท้จริงท่านรอซูลกล่าวถึงเกี่ยวกับค่ำคืน อัลก็อดรฺว่า "แท้จริงมันเป็นคืนที่ยี่สิบเจ็ด หรือยี่สิบเก้า (ของรอมฏอน) แท้จริงแล้วบรรดามะลาอิกะห์ในค่ำคืนนั้น (ลงมายัง) พื้นโลกมากกว่าจำนวนเม็ดทราย" (หะดีษอิหม่ามอะห์มัด อัลบัซซาร์ และอัต-เตาะบะรอนีย์ในอัล-เอาซาต และริญาลุน ศิก็อต : มัจญ์มูอ์ อัซ-ซะวาอิด 3/176) ท่านอิหม่ามอันนะวะวีย์กล่าวว่า "ค่ำคืนอัลก็อดรฺเป็นค่ำคืนที่ประเสริฐที่สุดในรอบปี ผู้ใดที่ประกอบอิบาดะห์ (กิยามุลลัยล์) ในค่ำคืนอัลก็อดรฺ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับเตาฟีกในการมองเห็นสัญญาลักษณ์ของค่ำคืนอัลก็อดรฺก็ตาม แท้จริงแล้วเขาจะได้รับผลตอบแทนด้วยผลตอบแทนดังกล่าว" สัญลักษณ์ของค่ำคืนอัลก็อดรฺ ถึงแม้ว่าเราไม่สามารถที่จะเจาะจงตายตัวว่าค่ำคืนอัลก็อดรฺนั้นอยู่ใน ค่ำคืนในบรรดาค่ำคืนที่เป็นคี่ของค่ำคืนสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน ถึงกระนั้น ก็พอมีสัญญาณที่บ่งบอกถึงการมาเยือนของค่ำอัลก็อดรฺอยู่บ้างตามที่มีระบุใน หะดีษ ต่อไปนี้ ซิรฺ บิน ฮุบัยรฺ เล่าว่า มีคนถามอุบัยย์ บิน กะอับว่า “แท้จริง อิบนุ มัสอูดกล่าวว่า “ผู้ใดทำการอิบาดะฮฺยามค่ำคืน (กิยามุลลัยล์) เป็นเวลาครบหนึ่งปี เขาต้องพบกับค่ำคืนอัลก็อดรฺอย่างแน่นอน” อุบัยย์จึงตอบว่า “ฉันขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าองค์ใดที่ควรแก่การเคารพภักดีนอกจากพระองค์ แท้จริง ค่ำคืนอัลก็อดรฺจะอยู่ในเดือนเราะมะฎอนเท่านั้น… และฉันขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺว่าแท้จริงฉันรู้ดีว่ามันอยู่ในคืนไหน มันอยู่ในคืนที่ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สั่งให้พวกเราลุกขึ้นทำการอิบาดะฮฺ มันคือคืนที่ 27 และสัญญาณของมันคือดวงอาทิตย์จะขึ้นในตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นในสภาพที่มี แสงขาวนวล ไม่มีแสงจ้าออกจากดวงอาทิตย์” อิบนุอับบาส เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวถึง (สัญญาณของ) ค่ำคืนอัลก็อดรฺว่า «ليلة القدر ليلة سمحة طلقة لا حارة ولا باردة تصبح الشمس صبيحتها ضعيفة حمراء» “ค่ำ คืนอัลก็อดรฺเป็นค่ำคืนที่อ่อนละมุน อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน และไม่หนาว ดวงอาทิตย์ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นแสงของมันจะเป็นสีแดงอ่อน” อบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า แท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวเกี่ยวกับสัญญาณของค่ำคืนอัลก็อดรฺว่า «إنها ليلة سابعة أو تاسعة وعشرين، إن الملائكة تلك الليلة في الأرض أكثر من عدد الحصى» “มันเป็นค่ำคืนที่ 27 หรือ 29 แท้จริงในค่ำคืนนั้น บรรดามะลาอิกะฮฺจะอยู่บนพื้นดินมากกว่าจำนวนของเม็ดทราย” อัลกอฎีย์อิยาฎกล่าวขยายความหะดีษของอุบัยย์ว่า “ในการอธิบายความหมายของคำพูดอุบัยย์ว่า สามารถตีความได้สองแนวทาง คือ แนวทางแรกคือ คุณลักษณะนี้เป็นสัญญาณเฉพาะของเช้าวันรุ่งขึ้นที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้แจ้งไว้ว่ามันคือค่ำคืนของอัลก็อดรฺ และยึดเอาคุณลักษณะดังกล่าวเป็นหลักฐานเพื่อบ่งบอกว่าเป็นค่ำคืนของอัลก็อด รฺสำหรับพวกเขาในเวลานั้น ไม่ได้หมายความว่าคุณลักษณะดังกล่าวเป็นคุณลักษณะเฉพาะของเช้าวันรุ่งขึ้น ของค่ำคืนอัลก็อดรฺ เฉกเช่นที่ท่านได้แจ้งให้พวกเขาทราบว่าท่านได้ก้มลงสุญูดในน้ำและโคลน ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น แนวทางที่สองคือ มันเป็นคุณลักษณะหรือสัญญาณเฉพาะของค่ำคืนอัลก็อดรฺ...” หมายความว่าทุกๆ เช้าวันรุ่งขึ้นของค่ำคืนอัลก็อดรฺจะมีสัญญาณเหล่านี้เกิดขึ้นตลอด เพื่อบ่งบอกว่าค่ำคืนที่ผ่านมาคือค่ำคืนอัลก็อดรฺ ref : //www.islamhouse.com/p/232784 แสงอาทิตย์ตอนเช้าของคืนนั้นจะไม่เจิดจ้า (ครึม) เสมือนกับดวงจันทร์ในค่ำแรก (ลักษณะจะมีสีแดงอ่อน) หะดีษต่าง ๆ มีดังนี้ หะดีษ ซิรริ บิน ฮุบัยร์ ท่านกล่าวว่า ฉันได้ถามอุบัย บิน กะอับ เราะฏิยัลลอฮุอันฮุว่า แท้จริงพี่น้องของท่านอิบนุ มัสอูดกล่าวว่า ผู้ใดที่กิยามุลลัยเป็นเวลาครบหนึ่งปี แน่นอนเขาจะพบกับค่ำคืนอัลก็อดรฺ อุบัยจึงตอบว่าอัลลอฮทรงให้ความโปรดปรานแก่ อบา มัสอูด ท่านต้องการให้มนุษย์นั้นไม่เพลิดเพลินและให้มีความคาดหวังมาก ๆ แท้จริงแล้วท่านได้ทราบว่าคืนอัลก็อดรฺนั้นเกิดขึ้นในเดือนรอมฏอน (เท่านั้น) แน่แท้จะอยู่ในสิบคืนสุดท้าย และแท้จริง (คืนนั้น) อยู่ในคืนที่ยี่สิบเจ็ด จากนั้นอุบัยกล่าวปฎิญาณว่า ไม่เป็นการยกเว้นอีก แท้จริงแล้ว คืนอัลก็อดรฺเป็นคืนที่ยี่สิบเจ็ดเท่านั้น ฉันถามต่อไปว่า ท่านมั่นใจอย่างไรกับสิ่งเหล่านั้นโอ้ อบัล มุนซิร? ท่านตอบว่า ด้วยสัญญาลักษณ์!! ที่ท่านรอซูลได้เล่าให้เราทราบนั่นคือ…แท้จริงดวงอาทิตย์ขึ้นมาในเช้าของคืนวันนั้นไม่มีแสงเจิดจ้า (หะดีษเศาะเฮี๊ยะห์มุสลิม 2/828 และเศาะเฮี๊ยะห์ อิบนุ คุซัยมะห์ หมายเลข/2193) จากท่านอิบนุ อับบาส จากท่านรอซูล เกี่ยวกับคืนอัลก็อดรฺ ความว่า "เป็นคืนหนึ่งที่มีบรรยากาศที่ดี ไม่ร้อนและไม่หนาว ดวงอาทิตย์ในตอนเช้ามีสีแดงอ่อน จากอบี อักร๊อบ อัล-อะซะดีย์ กล่าวว่า ในเช้าวันหนึ่งของเดือนรอมฏอนฉันได้เยือนบ้านของอับดุลเลาะ บิน มัสอูด ขณะที่ท่านกำลังอยู่บนดาดฟ้า ฉันได้ยินท่านกล่าวว่า "เศาะดะกอลลอฮุวะรอซูลุฮ" (หมายถึง คำดำรัสของอัลลอฮและคำกล่าวของท่านรอซูลนั้นย่อมเป็นสัจจะ) และในระยะงานอื่นมีว่า "เศาะดะกอลลอฮุ วะบัลละฆอรอซูลุฮ" (หมายถึง คำดำรัสของอัลลอฮย่อมเป็นสัจจะและท่านรอซูลได้เผยแผ่สัจธรรมแด่พวกเรา) จากนั้นฉันขึ้นไปหาท่านและถามว่า โอ้! อบู อับดุลเราะมาน ที่ท่านกล่าวว่า เศาะดะกอลลอฮุวะรอซูลนั้นมีความหมายอย่างไร ท่านจึงตอบว่า แท้จริงแล้วท่านรอซูลได้เล่าให้เราทราบว่า แท้จริงคืนอัลก็อดรฺนั้น (เกิดขึ้น) ในส่วนหนึ่งจากเจ็ดคืนสุดท้ายรอมฏอน และแท้จริงแล้ว ดวงอาทิตย์ของเช้าวันรุ่งขึ้นจะไม่เจิดจ้า (ครึม) ท่านอบี อักร็อบกล่าวว่า ฉันจึงขึ้นไปบนดาดฟ้าและมองดูดวงอาทิตย์ (ฉันเห็นจริงตามที่เขาได้บอกมา) ดังนั้น ฉันก็กล่าวเหมือนท่านว่า "เศาะดะกอลลอฮุวะรอซูลฮ์ เศาะดะกอลลอฮุวะรอซูลุฮ์ (หะดีษมุสนัด อิหม่าม อะห์มัด หมายเลข/3857, 4374 ทั้งสองอัสนาดนั้นเศาะเฮี๊ยะ : มัจญ์มูอ อัซ-ซะวาอิด 3/174) การที่ไม่ระบุชัดว่าอัลเกาะดัรอยู่ในค่ำคืนไหนนั้น คงจะเป็นวิทยปัญญาเพื่อมิให้มวลมนุษย์ละเลยจากการประกอบอิบาดะห์ในค่ำคืนอื่น ๆ ของเดือนรอมฏอนอันเป็นค่ำคืนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความประเสริฐ ด้วยเหตุนี้ ครั้งหนึ่งขณะที่อับดุลเลาะ บิน อุนัยร์ได้ถามท่านรอซูลเกี่ยวกับคืนที่ชัดเจนของค่ำคืนอัลก็อดรฺ ท่านรอซูลจึงตอบว่า ความว่า "หากมิใช่เพราะฉันเป็นห่วงว่ามนุษย์จะละเลยการละหมาดในค่ำคืนเดือนรอมฏอน ยกเว้นในคืนนั้นคืนเดียวเท่านั้น แน่แท้ฉันจะบอกค่ำคืนอัลก็อดรฺแก่ท่าน" Ramadan is a holy time for Muslims. ข้อมูลจาก บทขอพรให้อัลลอฮฺให้เราพ้นจากการอธรรมต่อตัวเอง
คำอ่าน : ร็อบบะนา ซ่อลัมนา อันฟุซะนา วะอินลัมตัฆฟิรละนา วะตัร ฮัมนา ละนะกูลัลนะ มินัลคอซิรีน ความว่า : โอ้ พระเจ้าของเรา เราได้อธรรมตัวเอง และถ้าพระองค์ไม่ทรงให้อภัยและเมตตาเราแล้ว เราจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มผู้ที่ขาดทุนอย่างแน่นอน ซูเราะฮฺอัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 23 |
นะ(รก)
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?] เพราะเราไม่รู้ว่า ลมหายใจจะหมดลงเมื่อใด
Friends Blog
Link
|