|
 |
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
 |
17 ธันวาคม 2549
|
|
|
|
ยิ้มไว้...เมื่อภัย(มะเร็ง)มา ตอน 26 (เล่าจากเรื่องจริง) ตอนอวสาน
หลังจากที่ฉันได้มาพักอยู่กับบ้าน ก็ทำให้ฉันได้มีเวลาสำรวจเข้าของสิ่งต่างๆ ในบ้านมากขึ้น ซึ่งฉันก็หันความสนใจมาเป็นเรื่องการประดับตกแต่งบ้าน เพราะในตัวบ้านจะออกเป็นสีชมพูอมเหลืองอ่อนๆ แต่ไม่มีรูปอะไรติดข้างฝาเลย ทำให้บ้านดูเรียบเกินไป ฉันกะชอนก็เลยไปหาซื้อรูปภาพมาติดบ้าน เอาไปเอามาพวกเราก็สู้ราคาไม่ไหว เพราะภาพวาดต่างๆมันแพงซะเหลือเกิน แม้แต่ราคาของกรอบรูปก็ยังสูงลิบลิ่ว แต่มันก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องเอาปริญญาบัตรของป.โทของฉัน กับปริญญาบัตรของป.เอกของชอนไปเข้ากรอบ โดยที่คุณชายชอนเขาก็อยากได้เป็นแบบเดียวกันกับกรอบรูปที่ใส่ปริญญาบัตรของป.ตรีของเขา ซึ่งเจ้าของร้านก็ชาร์จพวกเรา 60 เหรียญต่ออัน แต่ก็ได้งานออกมาสวยสมใจชอนเขา เท่ากับว่า 120 เหรียญก็คือว่าคุ้มแล้ว
ช่วงที่ฉันอยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีอะไรทำ ฉันก็ไปห้องสมุดไปหายืมหนังสือมาอ่าน ไม่รู้เป็นไง ฉันมันเป็นโรคอยู่เฉยๆกับเขาไม่ได้ ถึงแม้ว่าตอนอยู่เมืองไทยพอมีเวลาว่างก็จะไปเรียนโน่น ไปเรียนนี่อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งไปเรียนตีขิมกับเพื่อนที่บริษัทหมีน้อย อย่างเจ้าจ๊อดและพี่แมนดี้ที่มูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะ ช่วงแรกๆฉันกับเจ้าจ๊อดก็นั่งรถไฟที่ดอนเมืองไปลงที่สถานีสามเสน แต่ตอนหลังๆพี่แมนดี้เขาหลงกลฉันไปเรียนขิมเป็นเพื่อนกัน ก็เลยอาศัยรถพี่เขาไปด้วยกัน สบายไปอีกแบบ แต่ตอนนี้พี่แมนดี้เขาเพิ่งคลอดลูกชายสุดน่ารักชื่อน้องนายน์ (nine)ซึ่งหล่อเหมือนคุณพ่อไม่มีผิดเพี้ยนเลย ก็คงจะไม่มีเวลาไปเรียนแล้วแน่ๆเลย ก่อนหน้านี้พี่เขาก็มีเรียนต่อปริญญาโทที่ซิดนีย์ ฉันเลยได้รับคำแนะนำดีๆจากพี่เขาก่อนที่จะมาเรียนที่เมลเบิร์น ซึ่งฉันก็อยากจะเจริญรอยตามพี่เขาเสียเหลือเกิน เพราะพี่เขาสาวสวยหน้ากระเดียดไปทางลูกครึ่งเสียมากกว่า ซึ่งคุณพ่อกะคุณแม่เป็นคนไทยแท้ๆเลย แต่เวลาพี่เขาพูดภาษาอังกฤษแล้วสำเนียงเนี้ยะ ฝรั่งจ๋าเลย ฉันหละอิจฉาพี่เขาจริง จริ๊ง
และเพื่อนบางคนของฉันพอมาอยู่บริษัทหมีน้อยด้วยกันก็เสียดุลย์การค้าให้กับญี่ปุ่นไป หรือว่าจะได้ดุลย์หรือปล่าวก็ไม่รู้นะ อย่างน้องกุ๊กไก่น้องสาวสุดสวยแต่ร่างยักษ์ ก็เป็นน้องจากมอเชิงดอยเหมือนกันและเคยเป็นเมทเก่าของเจ้าลำไพรด้วย น้องเขายังขอคอนเฟริ์มเลยค่ะว่าหมอนของเจ้าลำไพรเหม็นจริงๆ ตอนนี้น้องกุ๊กเขาก็เป็นแม่คนไปแล้วเหมือนกันและได้ลูกสาวตัวน้อยๆลูกครึ่งญี่ปุ่นน่ ารักน่าชังชื่อน้องมะลิ ฉันหล่ะอิจจาเพื่อนๆแต่ลคนจังเลย ต่างก็มีลูกน่ารักๆกันหมด สำหรับฉันแล้วอาจจจะไม่มีโอกาศมีลูกแล้วก็ได้เพราะหลังจากฉายรังสีไปแล้ว ตอนนี้ร่างกายฉันก็เหมือนกับคนที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน และบางทีก็มีโรคร้อนวูบวาบขึ้นที่หน้าประจำเลย แต่น้องกุ๊กไก่เขาสัญญากับฉันว่าเขาจะแบ่งไข่ให้ ถ้าฉันอยากจะมีลูกจริงๆ สัญญากันไว้แล้วนะ อย่ากลับคำหล่ะ
ต่อมาฉันได้คุยกับน้องเปิ้ลซึ่งน้องเขาก็เคยมาเรียนกับฉันอยู่ที่เมลเบิร์น แต่ตอนนี้ย้ายไปเรียนและมีแฟนอยู่ที่ฟินแลนด์ไปและ ไปอยู่ซะไกลเชียว แถมยังหนาวอีกต่างหาก เมื่อก่อนพวกเราสนิทกันมากและน้องเขาก็คอยเป็นธนาคารอีกแห่งนึงของฉันยามที่ฉันเดือด ร้อน ใจบุญสุนทานมั่กมาก รูปร่างก็งดงาม จิตใจก็งดงาม แต่ฉันก็สงสารน้องเขาเพราะหมอวินิจฉัยว่าเป็นซิสที่รังไข่และจะต้องไปผ่าตัด ฉันขอขอภาวนาให้น้องเขาหายเป็นปรกติแล้วขอให้มีลูกได้นะ อย่าเป็นแบบฉันละกัน (เห็นบอกว่าตอนหลังหมอกลัวว่าจะเป็นโรคอัมพฤกติ์ก็เลยไห้ไปตรวจสมองและต้องเสียเงินอ านเลย โชคดีที่ผลออกมาเป็นปรกติ ฉันก็โล่งใจแทน)
พอฉันไปที่ห้องสมุดก็ไปเจอที่บอร์ดว่าทางศูนย์อบรมของชุมชนบ๊อกฮิลล์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันเขา กำลังจะเปิดคอร์สวาดภาพสีน้ำเบื้องต้นขึ้น ซึ่งเขาจะเริ่มสอนตอนกลางเดือนพฤษภานี้ โดยจะเปิดสอนวันละ 3 ชั่วโมง ทุกๆวันพฤหัส เป็นเวลา 7 อาทิตย์ติดต่อกัน โดยค่าเรียนก็ประมาณ 80 เหรียญไม่รวมอุปกรณ์ ฉันก็เกิดกิเลส อยากจะไปเรียนเป็นอย่างมาก แต่ชอนเขาก็ท้วงว่ามันจะได้เรื่องเร้อ เพราะวาดภาพสีน้ำนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แต่ฉันก็อยากจะลองดูสักตั้ง ชอนเขาก็ต้านไม่ไหวเลยยอมให้ฉันไปเรียนก็เลยได้ภาพวาดมาติดบ้านสมใจ แต่ก็ไม่ได้ติดนะคะ ได้แต่วาดเก็บไว้เพราะกรอบรูปมันแพงหน่ะค่ะ ได้ติดแค่ 2 รูปเอง พอมีโอกาศได้เขียนเรื่องเล่าก็เลยเอารูปออกมาโชว์ให้ผู้อ่านได้ชมไปด้วยเลย อ้อ อ่านแล้วอย่าแปลกใจ วีซ่าของฉันไม่ให้เรียนหนังสืออย่างเป็นล่ำเป็นสัน แต่พวกเรียนวาดรูปเล็กๆ น้อยๆแบบนี้ ฉันไปเรียนได้ค่ะ เพราะมันเป็นที่เรียนสำหรับคนแก่ๆไว้หากิจกรรมทำเวลาว่างๆเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นโรงเรียนใหญ่ๆหน่ะค่ะ
วันแรกที่ฉันไปเรียนนั้น พอไปถึงที่ห้องแต่ละคนเขาก็เรียนกับอาจารย์แกรี่ที่สอนฉันนี้กันมาก่อนแล้ว ซึ่งเพื่อนร่วมห้องฉันแต่ละคนเป็นบุคคลชั้นสูงกันทั้งนั้นเลย ที่ว่าสูงนี้ไม่ใช่อะไรหรอกแต่เป็นผู้สูงอายุกันตะหากหล่ะ เช่น แอนดี้ (คุณปู่ผู้ใจดีอายุก็ปาไป 80 กว่าๆแล้ว) เธลมา (คุณป้าแสนสวยวัย 60 กว่าๆ) แมรี่ (คุณยายผู้น่ารัก ซึ่งอยู่ในวัย 70 กว่าๆ) และคนสุดท้ายคือเวนดี้ ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ อยู่ในวัยใกล้เคียงกันกับฉันหน่อย คิดว่าน่าจะอายุสัก 38 ปีได้กระมัง ฉันก็เป็นเด็กใหม่มั่กมากเลย แถมยังไม่เคยใช้พู่กันมาเลยในชีวิตนี้ ก็มาเริ่มเรียนเอาที่นี่แหละ อาจารย์แกรี่นั้นท่านน่ารักมาก พอถึงช่วงพักเบรค ท่านก็จะคอยถามว่าใครอยากดื่มอะไร แล้วท่านก็ไปชงชาหรือกาแฟมาให้คุณตาคุณยายดื่มกัน ฉันคิดว่าคงไม่มีอาจารย์ท่านไหนที่จะ มีความเคารพนอบน้อมและดูแลลูกศิษย์ได้ดีเท่าอาจารย์แกรี่เป็นแน่ ส่วนฉันไม่ดื่มชาหรือกาแฟ
เพราะฉันเอาน้ำมาเองจากที่บ้าน อาจารย์แกรี่ก็จะเอาบิสกิตมาให้ฉันกินแทน น่ารักมั่กมาก ช่วงแรกๆฉันยังไม่มีสีและพู่กัน ฉันก็ต้องเรียนวาด พวกดรออิ้ง ( Drawing) ไปก่อน ตอนหลังมาก็ไปซื้อสีหลักๆไว้ประมาณ 6 สีได้ และก็มีพู่กันประมาณ 4 อัน รูปที่ฉันวาดๆไปหน่ะ ใช้แค่ 6 สีเองนะ ไม่มีแม้กระทั่งสีขาวกับสีดำ ถ้าอยากใช้สีขาว อาจารย์แกรี่ก็ไปจิ๊กสีของคุณตาแอนดี้มาให้ ทุกครั้งที่เราวาดรูปในชั้น เมื่อวาดเสร็จแต่ละคนก็จะต้องเอารูปที่วาดไปโชว์ไว้หน้าห้อง แล้วให้เพื่อนๆผลัดกันชม บางครั้งฉันวาดไปไม่ได้เรื่องเลย แต่ตอนท้ายชั่วโมงเมื่อเพื่อนๆมาดูแล้วเขาก็ชมภาพวาดของเราด้วยความจริงใจ มันทำให้ฉันรู้สึกดีและปลื้มใจในความจริงใจของเพื่อนๆในชั้นเป็นอย่างมาก ฉันก็เลยรู้สึกชอบรูปที่ฉันวาดมากขึ้นทันทีเลย เพราะมีคนชม
พอช่วงเดือนมิถุนายน 2006 ชอนก็ต้องเดินทางไปฝึกอบรมที่มาเลเซียเป็นเวลาประมาณ 5 วัน ฉันก็อยู่บ้านคนเดียว ในใจก็กลัว แต่ไม่ได้กลัวผีนะ ฉันกลัวขโมยหน่ะ มันเหงาๆอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงฟุตบอลโลกด้วย ฉันก็ไม่หลับไม่นอนเลย ตอนกลางคืนก็ดูบอลโลกเพราะที่ออสเตรเลียเวลาแข่งเป็นช่วงประมาณ ตี 2 ตี 3 ของที่นี่ ค่ะ เพิ่งจะได้มาสมหวังก็ปีนี่แหละ (แฟนๆฝรั่งเศสใจเย็นๆก่อนะคะ) หลังจากที่ฉันติดตามเชียร์อิตาลีมา ถึง 17 ปีเต็มๆ ซึ่งฉันก็เชียร์อิตาลีมาตั้งแต่ฉันอยู่มัธยม 4 แล้ว พอมาถึงสมัยที่ฉันเรียนมหาลัยนั้น ฉันก็มีรุ่นพี่ที่ฉันรักมากที่สุดอยู่คนนึง (แต่รักน้อยกว่าชอนนิดนึง) พี่เขาชื่อพี่ไทม์ ซึ่งพี่เขาไม่รู้หรอกว่าฉันหน่ะ แอบชอบพี่เขาอยู่ เพราะพี่เขาบอกว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ไปบอกรักผู้ชายก่อน เท่ากับว่าพี่แกพูดกันไว้ก่อนเลย ฉันก็เลยไม่กล้าที่จะเอ่ยความในใจกับพี่เขาเพราะกลัวว่าเขาจะพาลเกลียดฉันไปเลย ถ้าเขาไม่ได้คิดอะไร ฉันก็เลยเก็บไว้จนมาถึงวันนี้แหละ พี่เขาอาจจะรู้จากเรื่องที่ฉันจะเล่ามานี้ก็ได้ แต่ก็ช่างเถอะ มันเป็นความจริงนี่นา สมัยที่ฉันเรียนมอเชิงดอยอยู่นั้น ฉันก็เป็นเด็กกะโปโล ไม่เคยแต่หน้า ทาลิบกะติกกะเขาเลย ทั้งหน้าก็มันๆ มีสิวอยู่หน่อยๆ ทรงผมก็ตัดซะสั้นจู๋เลย แล้วยังนี้พี่เขาจะชอบเข้าไปได้ยังไง
ถึงแม้ว่าตอนนั้นฉันจะเฉิ่มมาก แต่ขอพูดได้เลยว่าในโลกนี้ไม่เคยมีใครที่รักพี่เขาได้มากไปกว่าฉัน นั้นไม่มีแน่ ขอบอก ฉันดูแลพี่เขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะซื้อผ้าปูที่นอน เพราะพี่เขาเป็นผู้ชายเขาไปซื้อไม่เป็น พี่แกยังจะให้ฉันเลือกลายธงชาติอิตาลี่ด้วยนะ แต่ฉันหาไม่เจอ ซึ่งแต่ก่อนพี่เขานั้นอยู่หอชาย 7 ส่วนตอนนั้นฉันอยู่หอ 3 หญิง ที่มหาลัยของฉันเขาห้ามหญิงชายขึ้นหอกันและกันค่ะ พอฉันขับรถผ่านที่หน้าหอเจ็ด ใจฉันมันก็เต้นแรงๆ พอนึกถึงหน้าพี่เขาใจมันก็วูบๆขึ้นมา อย่างนี้ละมั้งที่เขาว่านั่นคือความรักใช่ไหมหน้อ ทุกๆเย็นฉันจะต้องไปวิ่งที่สวนสมเด็จย่ากับพี่เขา แล้วต่อด้วยยกเวท แม้จะเหนื่อยยากลำบากแค่ไหนฉันก็ทนได้ค่ะ เพราะว่าพออยู่ใกล้คนที่ฉันรักแล้ว ทุกอย่างมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง ฉันมีความสุขมาก แค่ได้ใกล้ชิด
ขอแค่ได้รักเขาอยู่ข้างเดียวฉันก็พอใจแล้วหล่ะค่ะ พอตกเย็นก็ไปทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนพี่เขาอีก เพราะพี่ท่านอยากจะเพิ่มน้ำหนัก พี่แกจะสูงๆ ขาวๆ ตี๋ๆ ถูกใจสาวๆนักแล แต่พี่แกจะผอมไปหน่อย ก็เลยอยากจะบิ้วร่างกายให้ล่ำๆไว้ทรมานใจฉันเล่น ฉันก็เสี่ยงมากที่จะโดนแฟนคลับพี่เขาตบเอา เพราะว่าก็มีแต่ฉันนี่แหละที่ได้เข้าใกล้พี่เขาหน่ะ หญิงอื่นพี่เขาก็ไม่กล้าสนิทกับใคร แต่พออยู่กับฉันแล้วพี่เขาก็เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้เสแสร้ง
ไม่ว่าจะเป็นยังไง ฉันก็จะรักและห่วงใยพี่เขาด้วยความจริงใจ มาถึงตอนนี้ฉันยังจำเบอร์โทรศัพท์บ้านพี่เขาได้อยู่เลย คิดดูละกัน เวลามันก็ผ่านไปเกือบ 14 ปีแล้วนะเนี่ย ถ้าอยากรู้ว่าฉันรักพี่เขาแค่ไหน ก็นับได้จากของขวัญวันรับปริญญาที่ฉันได้ทำให้แก่พี่เขา ซึ่งฉันได้วาดรูปคุณพ่อ คุณแม่ พี่ไทม์ ฉัน น้องสาวของเขา พี่หนึ่งและน้องแก๊บ ซึ่งลูกพี่ลูกน้องของเขา เป็นรูปการ์ตูนที่คล้ายรูปเหมือนโดยจะมีพี่ไทม์ใส่ชุดครุยของคณะวิศวะ แล้วพวกเราก็อยู่ล้อมรอบ ฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใส แล้วฉันก็ฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็กๆ ปะติดไปในรูป ทำเหมือนภาพปะติดหน่ะค่ะ แต่ใช้ความละเอียดและใช้เวลาทำนานมาก ฉันก็ใช้เวลาทำวันละนิดวันละหน่อย โดยที่จะฉีกกระดาษเป็นสีต่างๆ ชิ้นเล็กๆ แล้วติดทีละชิ้นด้วยกาวใส ให้ออกมาเป็นรูปเหมือนของพวกเรา คิดดูแล้วกันค่ะ ขนาดฉันยังนับไม่ได้เลยว่าเศษกระดาษที่ฉันติดไปนั้นมีกี่ชิ้น
ซึ่งความรักที่ฉันมีต่อพี่เขาก็นับไม่ได้เหมือนกันว่ามันมากมายแค่ไหน แต่พอพี่เขาจบไปแล้วก็มีสาวๆจากที่ทำงานมาจีบ พี่แกก็เลยหายไปกับสายลม (gone with the wind) ซึ่งตอนนั้นฉันก็ผิดหวังและเสียใจมาก แต่พอวันเวลาผ่านไป ฉันก็กลับมาคิดว่า เราไม่ได้เป็นแฟนกันหน่ะดีแล้ว เป็นพี่เป็นน้องกันดีกว่า เพราะถ้าเป็นแฟนกัน ถ้าเกิดเลิกกันขึ้นมา ทุกอย่างมันก็ไม่เหมือนเดิม แต่ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ว่ายังไง เราก็ยังรักและเป็นห่วงกันเหมือนเดิม แล้วถ้าฉันลงเอยกับพี่เขาก็อาจจะไม่ได้มาเจอชอนก็เป็นแน่ ฉันก็ถือว่าพวกเราไม่ได้เกิดมาคู่กัน พอมาถึงตอนนี้ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ความรู้สึกดีๆที่มีให้กัน มันก็ไม่เคยลดลงเลย ตอนนี้พี่เขาก็ไปเรียนต่อด๊อกเตอร์ที่ประเทศอักกฤษ แล้วพวกเราก็ยังได้ร่วมเชียร์อิตาลี่ด้วยกันอีก พอมาปีนี้พวกเราก็ได้สมหวังหลัวจากที่เฝ้าคอยมานาน ถึงแม้ว่าพวกเราจะชอบอิตาลี่ แต่ฉันก็ไม่ชอบที่มาแตราชซี่ไปด่าว่าซีดานก่อน ซึ่งซีดานเขาก็น่าจะควบคุมอารมรณ์ให้ดีกว่านี้ เป็นอันว่าถึงแม้อิตาลี่จะชนะแต่ฉันก็ไม่ชอบพฤติกรรมของผู้ร่วมทีมบางคน ขอให้แฟนๆของฝรั่งเศสเข้าใจแฟนๆของอิตาลี่ด้วยนะคะ
เอ้า ดูสิฉันเตลิดไปไกลอีกแล้ว เอาเป็นว่าพอชอนไปที่มาเลเซีย วันๆนึงฉันก็ไม่ทำอะไร ได้แต่วาดรูปตั้งแต่เช้ายันดึก จนได้รูปสวยๆเกือบสิบรูป พอฉันไปเรียนอาจารย์ก็ชมว่าฝีมือฉันก้าวหน้าขึ้น อาจจะเป็นเพราะความเหงากับความเงียบนะ ไม่มีคนมาคอยกวนใจ ฉันก็เลยวาดรูปได้สวยๆได้ดั่งใจ เช้าวันเสาร์ชอนเขาก็กลับมาถึงบ้าน ฉันก็ยังนอนอยู่ที่เตียง เขาก็รีบมานอนหลับปุ๋ยไปด้วยเหน็ดเหนื่อย ซึ่งชอนเขาก็เป็นคนที่ไม่คอยพึ่งพาใคร เวลาจะไปแอร์พอร์ต เขาก็จะขับรถไปเอง แล้วก็จอดทิ้งไว้ พอไปต่างประเทศกลับมา เขาก็ขับรถมาเอง ไม่ต้องมีใครไปรับ ไปส่ง อย่างนี้ดีค่ะ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนคนอื่น พอชอนมาถึง ฉันก็อยากจะคุยกับเขา เพราะไม่ได้คุยกันนานแล้ว แต่เขาก็ยังง่วงอยู่ ฉันก็รอจนกว่าเขาจะตื่น ฉันไม่ลักหลับหรอกค่ะ แหม ผู้อ่านคงจะ ผิดหวังไปตามๆกันหล่ะสิ ขอบอกค่ะว่าพวกเราไม่กุ๊กกิ๊กกัน เพราะฉันยังไม่พร้อมค่ะ ต้องนับถือเขาเป็นอย่างมากเลย ที่ไม่เคยคิดนอกลู่นอกทางเลย เขาก็ถือว่าเรื่องนั้นมันไม่สำคัญ ไว้ให้ฉันพร้อมก่อน เขารอได้ค่ะ น่ารักมาก นี่แหละค่ะแฟนฉัน
เมื่อชอนตื่นขึ้นมา ฉันก็นั่งรอที่ห้องรับแขกอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ใช่อะไรหรอก อยากจะได้ของฝากหน่ะค่ะ อุตส่าห์ไปไกลถึงมาเลเซีย แถมยังได้ไปพักที่โรงแรมฮิลตันด้วย พอชอนเดินลงมาชั้นล่าง เขาก็ไปเปิดกระเป๋าเดินทาง ฉันก็รอดูอยู่ด้วยใจตุ้มๆต่ำๆ “นี่จ๊ะ เบบี้ ของฝากจากเมเลเซีย” ชอนพูดพร้อมยื่นของนั้นให้กับฉัน “ What! (อะไรนะ !)” ฉันร้องออกมาดังๆ “สบู่ก้อนเนี้ยนะ” ฉันถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “ ใช่จ้ะ เป็นสบู่ชาเขียวจากโรงแรมฮิลตันเลยนะ ผมคิดว่าคุณคงจะชอบแน่เลย ” กรี๊ดดดดด ฉันจะเป็นลม เขาไม่ได้ซื้ออะไรมาให้ฉันเลยค่ะ นอกจากจะหยิบสบู่จากโรงแรมมาฝาก นี่แหละค่ะ ชอนของฉันตัวจริงเลยหล่ะ เขาไม่โรแมติดเลยค่ะ พอเล่าให้คุณพ่อกะคุณแม่เขาฟัง พวกเขาก็จะแกล้งพูดว่าลูกใครหว่า นิสัยไม่เหมือนพ่อกะแม่เลย สงสัยจะเก็บมาเลี้ยงนะเนี่ย เฮ้อ... ฉันหล่ะ ฝันสลายนึกว่าจะได้อะไรดีๆมาฝากกันมั่ง
เมื่อเรียนวาดรูปไปได้ครบ 7 สัปดาห์แล้ว ฉันก็กลับมาอยู่ที่บ้าน พอดีเขามีคอร์สต่อไปอีก แต่ฉันไม่ได้เรียนต่อ เพราะว่ามันแพงกว่าเดิมและใช้เวลาเรียนนานกว่า ฉันก็เลยไม่ได้ไปเจออาจารย์และเพื่อนๆที่น่ารักละ ตอนนี้ฉันก็มาอยู่บ้าน วาดรูปไป อ่านหนังสือไป พอถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2006 คุณแม่เดลท่านก็ขนรูปที่เก่าๆของโรงแรมท่านมาให้ประมาณ 12 รูปพร้อมกรอบสวยๆ ฉันก็เลย ใช้รูปพวกนั้นตกแต่งบ้านแทนรูปวาดของฉันเลย รูปภาพต่างๆนั้นเป็นภาพของเมืองเมลเบิร์นในสมัยก่อน ซึ่งชอนเขาก็ชอบรูปพวกนั้นมาก บ้านของเราก็เลยดูดีและน่าอยู่ขึ้นมาอย่างทันตาเห็น คุณพ่อแฮรรี่และคุณแม่เดลมาในวันนี้เพื่อที่จะฉลองครบรอบ 30 ปีของชอน พวกท่านก็หอบของขวัญมาให้ชอน ซึ่งเป็นเครื่องปั่นที่แบบใช้ปั่นน้ำแข็งได้ เป็นแบบที่พวกเราอยากได้พอดี
จากนั้นพวกเรา 6 คนในครอบครัวก็ไปทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง แถวๆ มาลเฟิน (Malven) อาหารอร่อยดีค่ะ แต่ขอบอกว่าแพงจนหูฉี่เลย อย่างพวกของว่างรวม (Mixed Entrees) ที่มีปอเปี๊ยะทอด ทอดมัน ถุงทอง และกะหรี่ปั๊ปอย่างละหน่อย กินกันคนละชิ้น ซึ่งจานนั้นก็ปาไปแล้ว 20 กว่าเหรียญ พวกอาหารหลักก็ปาเข้าไปจานละไม่ต่ำกว่า 30 เหรียญ แถมยังขนมหวานตบท้ายกันอีก งานนี้เป็นคุณพ่อแฮรรี่เป็นคนจ่ายค่ะ เวลาพวกเราไปทานข้าวกับท่าน พวกเราก็ไม่เคยที่จะได้ชักเงินออกจากกระเป๋าเลย คุณพ่อคุณแม่ของชอนท่านใจดีมาก เสร็จแล้วนิคกี้กับฟิลก็ลากลับไปบ้านของเขา ส่วนพวกเราที่เหลืออีก 4 คนก็กลับมาที่บ้านของฉัน
วันรุ่งขึ้นชอนก็ไปทำงาน แล้วฉันออกไปช็อบปิ้งข้างนอกกับคุณพ่อแฮรี่กะคุณแม่เดล โดยพวกเราไปหาซื้อของกันทั้งวันเลย คุณพ่อคุณแม่ท่านก็ได้ของไปตกแต่งโรงแรมเพิ่มเติม พอตกเย็นพวกเราก็ไปทานข้าวที่บ้านของนิคกี้กัน โดยที่ชอนก็ขับรถตรงมาจากที่ทำงานเลย เอาไปเอามาพวกเราลืมซื้อเค้กวันเกิดให้ชอนไปเลย แต่นิคกี้ก็เอาไอศกรีมมาแก้ต่างแทน แล้วฉันกะชอนก็ลากลับบ้าน โดยที่คืนนั้นคุณพ่อกะคุณแม่ท่านย้ายไปค้างที่บ้านาของนิคกี้มั่ง ท่านช่างเป็นพ่อแม่ที่ยุติธรรมมาก เวลามาเยี่ยมลูกๆก็ต้องพักอยู่บ้านลูกๆคนละวัน วันถัดมาคุณแม่เดลโทรมาหาฉันแต่เช้าว่าอย่าเพิ่งไปไหนนะ ท่านจะมาแวะมาหาฉันก่อนกลับ ฉันก็แปลกใจว่าทำไมท่านๆจะคิดถึงฉันมากมาย อะไรเช่นนั้น ที่ไหนได้ ท่านแอบไปซื้อโต๊ะที่ใช้วางพวกเครื่องดื่มหรือของต่างๆ ในห้องรับแขกที่เขาเรียกว่าค๊อฟฟี่ เทเบิ้ล (Coffee table) ซึ่งแบบเดียวกันกะบ้านของนิคกี้เลย ฉันแปลกใจแกมดีใจมาก ท่านทั้งสองกะจะเซอร์ไพรส์ชอนกะฉันโดยการไปซื้อโต๊ะไม้นั้นมาให้ สดๆร้อนเลย ท่านเป็นพ่อแม่ที่อบอุ่นมั่กมากเลยค่ะ ฉันหล่ะโชคดีมากเลยที่มาเป็นลูกสะใภ้ของท่าน
พอช่วงเดือนสิงหา ก็ถึงเวลาที่ฉันไปตรวจเลือด เพื่อตรวจดูเชื้อมะเร็ง แล้วก็ไปหาหมอเบนตามนัด ผลออกมาก็เคลียค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร แล้วฉันก็นั่งรถไฟกลับบ้านเอง เพราะชอนเขาต้องขับรถไปทำงานเลย พอดีฉันหิวเลยแวะไปซื้ออะไรกินที่ร้านเทคอะเวย์ของลุงม้วนและป้าส้ม เมื่อฉันเจอท่านก็บอกว่าฉันเป็นเพื่อนกะลูกหยี เพราะหล่อนเคยมาช่วยลุงกะป้าทำงานอยู่พักนึง คุณป้าเขาก็เลยถามว่าวันนี้ฉันว่างไหม เพราะตอนเย็นลุงกะป้ากลัวว่าเด็กอีกคนนึงในร้านไม่มา เพราะท่านติดต่อกับน้องเขาไม่ได้เลย ยังไงๆ ฉันช่วยมาก่อนได้ไหม ด้วยความที่อยู่บ้านมันเหงา อีกทั้งร้านนี้ใกล้บ้านเลย ก็เลยรับปากว่าจะมาช่วยลุงกะป้าท่าน เอาไปเอา ฉันก็ทำอยู่กับท่านจนถึงทุกวันนี้แหละค่ะ แต่ก็แค่อาทิตย์ละวัน สองวัน ซึ่งลุงกะป้าท่านใจดีมั่กมาก เป็นเหมือนพ่อแม่คนที่สองของฉันเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าฉันจะทำอะไรผิด หรือลืมโน่นลืมนี่ในช่วงแรกๆ แต่ลุงกับป้าก็ไม่เคยดุด่าว่ากล่าวเลย ท่านก็พูดดีๆสอนดีๆ ฉันโชคดีมากเลยที่มาเจอพวกท่าน
ต่อจากนั้นเดือนกันยาที่ผ่านมาฉันก็ไปทำซีที แสกนอีกหนึ่งรอบ ผลก็ออกมาว่าปรกติดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร พอถึงต้นเดือนตุลา ฉันก็ได้รับจดหมายจากเจ้าหน้าที่รีวิว ไทรบิวนอล ซึ่งเขาได้นัดฉันกับชอนไปพบเพื่อจะสัมภาษณ์เรื่องวีซ่ารักษาตัวของฉัน พอไปถึงที่นั่น เจ้าหน้าที่ก็ให้พวกเราไปนั่งรอที่ห้อง เหมือนกับที่เราไปขึ้นศาลเลยค่ะ จะมีโต๊ะให้กับผู้ตัดสินซึ่งเป็นผู้หญิง แล้วก็มีที่กั้นเหมือนผู้พิพากษาอะไรทำนองนั้น แล้วก็มีโต๊ะยางอีกหนึ่งตัว พร้อมมีเก้าอี้ให้ฉันกะชอนนั่งแล้วเขาก็มีการอัดเทปในขณะที่ฉันได้ให้การสัมภาษณ์อีก ด้วย ซึ่งก่อนที่เขาจะถาม เขาก็ให้ฉันสาบานว่าจะพูดแต่ความจริง แล้วก็พูดคำว่าใช่เป็นภาษาไทย หลังจากนั้นเขาก็ซักถามเหตุการณ์ ซึ่งตอนแรกฉันก็เครียดอยู่เหมือนกัน เพราะเขาถามว่าตอนนี้ฉันสบายดีแล้ว ไม่ต้องทำการรักษาแล้ว แต่ทำไม่ฉันถึงอยากได้วีซ่ารักษาตัว ฉันก็หงุดหงิดเพราะตอนนี้ฉันไม่อยากได้แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ฉันต้องทำการส่องกล้องที่ก้น เพื่อเป็นการติดตามผลเท่านั้น
แต่เมื่อเดือนกรกฏาปีที่แล้ว ตอนที่ฉันผ่าตัดอยู่นั้น ฉันต้องการวีซ่ารักษาตัว แต่เจ้าหน้าที่ก็มาปฏิเสธวีซ่าของฉันไปได้ เมื่อถามไปถามมา เขาก็รู้ความจริงว่าเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นได้ทำผิดพลาดอย่างมหันต์ เขาก็เลยสัญญากับฉันว่าจะพยายามช่วยเหลือฉัอย่างเต็มที่ เขาเข้าใจดีว่าคนเป็นมะเร็งมันทรมานแค่ไหนพราะเพื่อนสนิทของเขาก็เป็นมะเร็ง หลังจากที่การสัมภาษณ์เสร็จสิ้นลง พวกเราก็เดินออกมาจากห้อง พอจะขึ้นลิฟต์เราก็เจอผู้ตัดสินคนนั้นอีก พวกเราคุยกันแล้วฉันก็เปิดเสื้อให้ดูแผลผ่าตัด ซึ่งเขาก็เห็นใจฉันมากและบอกกันฉันว่าเขาจะช่วยฉันให้ถึงที่สุด ซึ่งในวันนั้นพวกเราก็กลับบ้านไปอย่างสบายใจ ที่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจฉันและรู้ว่าฉันไม่ได้เป็นคนผิด
หลังจากนั้นฉันก็ไปส่องกล้องที่ก้นในวันอังคารที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมานี้ ก่อนหน้าที่จะไปตรวจนั้นในวันจันทร์ฉันก็กินอาหารได้แค่ถึงตอนบ่ายโมงเท่านั้น แต่ก็ต้องเป็นอาหารที่เขากำหนดให้เท่านั้น เช่น ไก่ ขนมปังขาว เนย มันฝรั่งปอกเปลือก ซุบต่างๆที่น้ำใสๆ เป็นต้น และสิ่งที่ห้ามกินเด็ดขาดคือ พวกเนื้อที่มีสีแดง ผักและผลไม้ต่างๆ หลังจากนั้นเขาก็ห้ามกินอะไรเลยนอกจากน้ำซุปใสๆ หรือว่าน้ำแอ๊ปเปิ้ล พอ 5 โมงเย็นก็ให้กินน้ำที่ผสมกับผงชงเพื่อให้เราถ่ายท้อง ซึ่งชอนเขาตื่นมาชงใส่แก้วไว้ให้แต่เช้าตรู่เลย พอถึงเวลาชอนผู้แสนดีก็โทรมาจากที่ทำงานเพื่อที่จะเตือนให้ฉันดื่มยาแก้วแรกไป แล้วก็ต้องตามด้วยน้ำเปล่าอย่างน้อย 3-4 แก้ว และพอ 6 โมงเย็น เขาก็โทรมาเตือนอีก ฉันก็ต้องดื่มแก้วที่ 2 แล้วตามด้วยน้ำเปล่าหรือว่าจะเป็นน้ำแอ๊บเปิ้ลก็ได้ อย่างน้อย 3-4 แก้ว แล้วพอ ช่วง 1 ทุ่มฉันก็ต้องพยายามดื่มน้ำในเหยือกที่จะมีผงชงอีกชนิดนึง ซึ่งในเหยือกนี้ฉันจะต้องดื่มให้หมดภายในเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละแก้วมันก็มีรสเปรี้ยวหน่อยๆ แต่ฉันก็กล้ำกลืนฝืนทนดื่มๆไปให้มันเสร็จ จะได้จบเรื่องไป สักพักต้องวิ่งเขาห้องน้ำ เป็นสิบๆรอบเลย ต้องถ่ายจนกลายเป็นน้ำใสแจ๋วเลย คิดดูละกัน ไม่งั้นเวลาส่องกล้องแล้วถ้ามีพวกสีเหลืองอ๋อยแล้วมันจะทำให้ผลคลาดเคลื่อนได้
ช่วงดึกฉันก็หิวมั่กมากแต่ก็ต้องทนเพราะเขาให้ดื่มแต่น้ำเปล่าหรือน้ำแอ๊บเปิ้ลเท่าน ั้น และบางครั้งเราก็ต้องอมลูกอมที่มีส่วนผสมของน้ำตาลที่เขาเรียกว่า บาร์ลี่ ชูการ์ (Barley sugar) ให้เราอมไป เพราะว่าการที่เราไม่ได้กินอะไร ร่างกายอาจจะขาดน้ำตาลได้ ซึ่งถ้าขาดน้ำตาลในร่างกายแล้วมันจะทำให้เราปวดหัวอย่างแรง เจ้าลูกอมน้ำตาลนี้ช่วยเราได้เยอะเลย
เช้าวันต่อมาพวกเราก็ตื่นแต่เช้าเพราะหมอเขานัดให้ไปส่องกล้องตอน 8.30 น. แต่ก็ต้องไปถึงที่ศูนย์เวอร์รี่นั้นก่อน 15 นาที ซึ่งก็เป็นคลีนิกเดียวกันกับคุณหมอเบลมมี่นั่นแหละค่ะ แต่วันนี้ส่องกล้องเป็นหน้าที่ของคุณหมอชอว์ (Shaw) พอไปถึงชอนเขาก็ให้ฉันไปรออยู่ข้างในตึกแล้วเขาก็ต้องเลยไปทำงาน ถ้าฉันส่องกล้องเสร็จแล้วเขาก็จะมารับ โห คุณชอนเขาต้องวิ่งรอกทั้งวันเลยวันนี้ ฉันก็ไปนั่งรอสักพักนึงแล้วเขาก็เรียกไปกรอกแบบฟอร์ม เพื่อสอบถามข้อมูลก่อนว่าเราแพ้อะไรไหม กินอาหารครั้งสุดท้ายตอนกี่โมง ซึ่งพอฉันบอกไปเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าฉันทำผิดนะ เมื่อวานนี้ฉันไม่ควรกินอะไรเลย ฉันก็ตกใจอ้าว ก็อ่านตามนั้นเขาบอกว่าก่อนมาทำหนึ่งวันให้กินได้ก่อนเที่ยง แล้วฉันก็ถามว่าถ้าอึของฉันใสแจ๋วเลย ฉันจะส่องได้ไหม เขาก็บอกว่าถ้าใสอย่างที่ว่านั้นก็ไม่มีปัญหา แล้วเขาก็ถามว่าใครเป็นคนเอาเอกสารกับอุปกรณ์การเตรียมตัวให้ไปหล่ะ ทำไม่เขาไม่อธิบายให้เข้าใจก่อน ฉันก็บอกว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบกลับบ้านไปแล้ว เลขาของมิสเตอร์เบลมมี่เลยหยิบเอามาให้ฉัน เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไร แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าอึฉันออกมาใสแจ๋วแลย หลังจากนั้นฉันก็กลับไปนั่งรอต่อ
สักพักนางพยาบาลก็มีเรียกให้ไปใส่ชุกกาวน์ ข้างในเหลือไว้แต่กางเกงในกับถุงเท้า แล้วเขาก็ให้ไปนั่งรอในห้องก่อน จากนั้นนางพยาบาลเขาก็ถามข้อมูลทั่วไปว่าทำไมเราถึงมาส่องกล้อง แพ้อะไรไหม แล้วเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะมีหมดยาสลบมาคุยด้วยนะ สักพักนึงคุณหมอเขาก็มา พอแล้วเขาก็มาบอกว่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงนะ ฉันก็บอกเขาว่าเส้นเลือดของฉันมันเล็กมากเลยนะ เขาก็บอกว่า “ไม่เป็นไรผมจะทรีทคุณให้เหมือนเด็กเล็กๆเลย” แหมคุณหมอนี่ น่ารักจริงๆ ต่อมาคุณหมอชอว์ก็เข้ามาคุยด้วยเพื่ออธิบายให้ฉันเข้าใจถึงขั้นตอนการทำ ว่าเขาจะต้องส่องกล้องเข้าไป ถ้าเจออะไรผิดปรกติเขาก็จะตัดมันออกมาเลย แต่ถ้าไม่มีอะไร เขาก็จะตัดเนื้อออกมานิดนึง เพื่อทำการตรวจสอบอีกทีนึง
และแล้วก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องขึ้นเขียงแล้ว เอ๊ยขึ้นเตียงแล้ว เขาก็ให้ฉันถอดกางเกงในไปกองไว้ที่ปลายเท้า แล้วก็ใส่หน้ากากอ๊อกซิเจน หลังจากนั้นก็ให้นอนตะแคงไปทางด้านซ้าย แล้วคุณหมอก็ฉีดยาสลบให้ ฉันก็หลับไหลไม่ได้สติ พอพื้นมาอีกทีก็นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องถัดไปแล้ว และฉันก็ยังต้องใส่หน้ากากอ๊อกซิเจนอยู่ พอได้สติแล้วนางพยาบาลก็มาถามว่าอยากดื่มอะไรไหม แล้วเขาก็ไปเอาน้ำปล่าวกับบิสกิตมาให้ฉันกิน ฉันพักนึงฉันก็อ๊วกอีกแล้ว เขาก็รีบไปเอากระโถนมาได้ทันเวลา หลังจากนั้นเขาก็ฉีดยาพวกแอนตี้ – นอเซีย (anti-nauxia) คือยาแก้ไม่ให้อ๊วก สักพักเขาก็ไปเอาน้ำคาร์โมมายด์ หอมชื่นใจ มาให้ฉันดื่ม แล้วฉันก็รู้สึกดีขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ให้ฉันไปพบคุณหมอชอว์ ฉันก็ไปดูที่หน้าห้องเห็นชอนมารออยู่แล้วก็เลยเรียกให้เขาไปฟังผลพร้อมกัน แล้วผลออกมาก็เคลีย ไม่มีปัญหาอะไร พวกเราดีใจมาก รีบกลับบ้านเลย เพราะฉันหิวมาก แต่เขาก็ให้กินได้แต่อาหารอ่อน ห้ามกินของเผ็ด ด้วยความที่ทั้งหิว ทั้งง่วง ฉันก็เลยกินมาม่าหมูสับประทังชีพไปก่อน เพราะมันไม่ไหวแล้ว พอมานอนพักได้ครู่ใหญ่ๆ ฉันก็อ๊วกออกมาหมดเลย ในวันนั้นไม่ว่าจะกินอาหารอะไร มันก็ออกไปอย่างไม่มีเหลือ แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นอาการก็ดีขึ้น แล้วฉันก็ไปทำงานตอนเย็นได้ตามปรกติ แล้วก็บอกข่าวดีให้กับลุงกะป้า ท่านทั้งสองก็ดีใจมากที่ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว
ต่อมาในวันศุกร์ ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่น ซึ่งเป็นเสียงของผู้หญิงเขาโทรมาบอกว่าเขาได้รับจดหมายจากริวิว ไทรบิวนอลแล้ว และเขาจะต้องพิจารณาผลวีซ่าให้ฉันใหม่ และเขาก็ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่เขาได้ทำผิดพลาดไป แล้วทำให้ฉันต้องเกิดปัญหาต่างๆตามมา ซึ่งฉันจะไปพบเขาในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ตอนบ่ายสองโมง ฉันก็หวังว่าเขาคงจะให้วีซ่ารักษาตัวให้กับฉัน แล้วพวกเราก็จะยื่นวีซ่าแต่งงานเพื่อสมัครเป็นพี อาร์ (Permanet Resident) ซึ่งต่อไปฉันก็จะได้มีสิทธิ์อย่างถูกต้อง และจะได้เริ่มต้นทำงานเสียที ชีวิตของฉันจะได้มีอะไรดีๆขึ้นมาบ้าง และก็หวังว่าในอีก 4 ปี ฉันจะไม่มีเชื้อมะเร็งเสียที จะได้หายเป็นปรกติ เมื่อถึงเวลานั้นฉันก็อยากจะเป็นแม่คนกับเขาบ้าง คิดว่าคงจะไม่นานเกินรอ บุญรักษาท่านผู้อ่านค่ะ และฉันหวังว่าเรื่องราวการสู้ชีวิตของฉัน จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน ไม่มากก็น้อย และก็คงจะถึงเวลาที่ฉันจะต้องเผยโฉมเสียที เนื่องจากในเรื่องฉันใช้ชื่อตัวละครว่าแพรว ซึ่งจริงๆแล้ว ฉันชื่อ แป๋วค่ะ ส่วนชอนนั้น ชื่อจริงของเขาคือ ไซมอนค่ะ เพราะถ้าใช้ชื่อจริงเขียนแล้วมันเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ถ้าท่านผู้อ่านเรียกพวกเราว่าแพรวกะชอนไปแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะฉันก็ชอบชื่อนั้นมาก ขอขอบคุณที่คอยติดตามอ่านย่างต่อเนื่องนะคะ และคิดว่าอีกไม่นานฉันก็คงจะมีไอเดียเขียนเรื่องใหม่ ก็อย่าลืมติดตามอ่านกันนะคะ มาถึงตอนนี้ก็ใจหายค่ะ เพราะยิ่งเขียนไป ฉันก็ยิ่งชอบ ชอบที่มีคนคอยติดตามและให้กำลังใจ ฉันรับสัมผัสได้ถึงแรงใจของแต่ละคนที่ส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมา ขอขอบคุณมากๆค่ะ
Create Date : 17 ธันวาคม 2549 |
|
123 comments |
Last Update : 17 ธันวาคม 2549 9:34:04 น. |
Counter : 4312 Pageviews. |
 |
|
|
| |
โดย: supplier (Supplier ) 19 ธันวาคม 2549 8:44:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: NuSu IP: 125.29.7.53 19 ธันวาคม 2549 21:57:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: kung IP: 69.43.128.36 20 ธันวาคม 2549 8:43:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: summer_scent (Summer_scent ) 20 ธันวาคม 2549 10:01:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: Kofschip IP: 83.82.217.178 22 ธันวาคม 2549 3:31:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ (myth ) 27 ธันวาคม 2549 9:49:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: summer_scent (Summer_scent ) 29 ธันวาคม 2549 18:47:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ (myth ) 3 มกราคม 2550 2:16:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: kungfu IP: 69.43.144.145 3 มกราคม 2550 7:50:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: เดมิกา IP: 124.120.120.108 5 มกราคม 2550 22:27:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: summer_scent IP: 220.253.29.148 6 มกราคม 2550 6:30:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: supplier (Supplier ) 6 มกราคม 2550 18:59:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: supplier (Supplier ) 13 มกราคม 2550 15:43:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ IP: 125.25.188.82 5 กุมภาพันธ์ 2550 15:30:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: เข็มทิศ IP: 58.9.125.104 8 กุมภาพันธ์ 2550 13:30:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: summer_scent (Summer_scent ) 11 กุมภาพันธ์ 2550 9:32:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: supplier (Supplier ) 14 กุมภาพันธ์ 2550 11:33:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: summer_scent IP: 220.253.57.108 14 กุมภาพันธ์ 2550 14:17:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: muayda IP: 203.155.72.217 21 กุมภาพันธ์ 2550 8:02:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: summer_scent IP: 220.253.115.237 28 กุมภาพันธ์ 2550 9:08:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: มะขาม IP: 68.41.143.169 22 มีนาคม 2550 15:10:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: Htervo 30 มีนาคม 2550 2:53:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: สะพานหิน IP: 219.38.152.139 10 เมษายน 2550 22:21:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: Supplier 19 เมษายน 2550 20:59:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: where_ever IP: 58.136.98.222 1 พฤษภาคม 2550 12:44:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: Supplier 2 พฤษภาคม 2550 20:38:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ (myth ) 7 พฤษภาคม 2550 23:08:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: Wipa_Sathorn IP: 76.187.172.148 9 พฤษภาคม 2550 9:18:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ (myth ) 13 พฤษภาคม 2550 21:27:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: vampippo IP: 61.19.235.210 13 พฤษภาคม 2550 22:54:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: nk IP: 123.100.80.247 14 พฤษภาคม 2550 1:19:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: แมวอ้วน A Little Catz IP: 202.142.193.21 14 พฤษภาคม 2550 13:10:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยายดาค่ะ IP: 81.152.137.176 15 พฤษภาคม 2550 1:33:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: Supplier 15 พฤษภาคม 2550 6:57:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: สะพานหิน IP: 219.38.152.139 15 พฤษภาคม 2550 7:59:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: Wipa_Sathorn IP: 76.187.172.148 15 พฤษภาคม 2550 8:54:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: JFour Husky IP: 202.133.139.219 15 พฤษภาคม 2550 13:47:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: z2you IP: 58.181.204.217 15 พฤษภาคม 2550 19:51:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: เดมิกา IP: 124.120.124.31 15 พฤษภาคม 2550 20:19:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: random-4 16 พฤษภาคม 2550 0:54:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: jengly 16 พฤษภาคม 2550 1:07:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณจ๊ะจ๋า IP: 62.47.175.54 16 พฤษภาคม 2550 1:20:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: เสียงซึง 16 พฤษภาคม 2550 4:22:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: larata IP: 71.203.26.99 16 พฤษภาคม 2550 4:24:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: d__d (มัชชาร ) 16 พฤษภาคม 2550 7:20:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: 9A 16 พฤษภาคม 2550 7:25:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: thattron 16 พฤษภาคม 2550 8:06:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: yuy IP: 77.123.158.71 16 พฤษภาคม 2550 16:13:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: หน่อยอิง 16 พฤษภาคม 2550 20:45:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: tukata001 IP: 65.67.159.71 16 พฤษภาคม 2550 21:51:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: บุหงาตานี IP: 203.113.77.100 16 พฤษภาคม 2550 21:52:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: chichiro 16 พฤษภาคม 2550 22:14:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซออู้ 16 พฤษภาคม 2550 22:41:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลดา IP: 58.9.188.173 17 พฤษภาคม 2550 2:01:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: นุช IP: 62.211.5.221 17 พฤษภาคม 2550 3:08:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: เบ็น IP: 211.28.52.100 17 พฤษภาคม 2550 16:46:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: erina 17 พฤษภาคม 2550 21:02:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: มดเล็ก IP: 202.129.32.227 18 พฤษภาคม 2550 15:22:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: สัมมนามะเร็งลำไส้ใหญ่ IP: 58.8.83.47 18 พฤษภาคม 2550 17:51:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชาเขียวไฟเบอร์ IP: 203.156.70.127 20 พฤษภาคม 2550 0:39:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: เทียนธารา IP: 58.8.136.144 20 พฤษภาคม 2550 1:03:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: Kennn IP: 58.106.70.62 21 พฤษภาคม 2550 12:54:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: B.B. IP: 124.121.73.100 21 พฤษภาคม 2550 13:11:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: Maple Leave IP: 72.39.161.156 22 พฤษภาคม 2550 0:09:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: Owlet IP: 203.151.39.94 23 พฤษภาคม 2550 23:56:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: shnkitty 26 พฤษภาคม 2550 7:41:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: แกงผักหวาน IP: 82.134.101.68 3 มิถุนายน 2550 21:17:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: P_Poy 2 กรกฎาคม 2550 0:51:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) 19 กรกฎาคม 2550 19:58:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 1 สิงหาคม 2550 13:51:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: Manny_Kritty IP: 125.25.78.225 10 สิงหาคม 2550 22:54:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 11 สิงหาคม 2550 10:02:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 1 กันยายน 2550 2:12:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: A Little Catz IP: 202.142.193.21 4 กันยายน 2550 15:24:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 16 ตุลาคม 2550 21:05:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 6 พฤศจิกายน 2550 17:42:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนูปุจฉา IP: 203.155.221.253 22 พฤศจิกายน 2550 21:44:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: st001 IP: 125.25.92.210 29 มกราคม 2551 15:27:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ (myth ) 1 มีนาคม 2551 1:06:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชาเขียวไฟเบอร์ IP: 118.174.253.248 7 มีนาคม 2551 23:34:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: กอเตย IP: 222.221.169.205 11 เมษายน 2551 21:44:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ IP: 58.8.158.115 13 เมษายน 2551 22:34:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ IP: 125.25.151.209 28 เมษายน 2551 10:11:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ IP: 125.25.102.160 20 มิถุนายน 2551 8:38:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ IP: 58.8.161.71 7 สิงหาคม 2551 2:54:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ (myth ) 6 ตุลาคม 2551 21:11:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: มิน IP: 85.180.196.224 3 พฤศจิกายน 2551 4:51:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: มิน IP: 85.180.196.224 3 พฤศจิกายน 2551 4:58:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ (myth ) 14 พฤศจิกายน 2551 6:39:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: สะพานหิน IP: 219.38.152.26 16 พฤศจิกายน 2551 14:33:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้อง สมาชิกบ้าน 146 IP: 117.121.208.2 19 มกราคม 2552 15:24:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ IP: 58.8.157.146 20 มกราคม 2552 0:49:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดา IP: 71.241.226.114 26 มกราคม 2552 22:16:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้อง IP: 125.26.14.179 17 กุมภาพันธ์ 2552 19:19:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียวหล่อ IP: 58.8.154.125 18 กุมภาพันธ์ 2552 8:07:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: แมวอ้วน IP: 202.142.193.21 19 กุมภาพันธ์ 2552 19:36:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: เปิ้ล (อดีต)เเมลเบิร์น IP: 85.77.222.27 12 กรกฎาคม 2552 19:27:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: soomchon 9 พฤศจิกายน 2553 14:10:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: หน่อย IP: 183.88.253.102 22 ธันวาคม 2556 1:11:42 น. |
|
|
|
| |
|
 |
Summer_scent |
|
 |
|
ชีวิตคนเรามีทางเดินแตกต่างกันออกไป แต่ละคนมีวิถีชีวิตไม่เหมือนกัน สำหรับชีวิตของฉันแล้ว ยิ่งต่างจากคนอื่นไปอีก ดูเหมือนจะสมบูรณแบบ มีสามี มีบ้าน มีรถ มีความสุข แต่ฉันก็สุขไม่ได้นาน เพราะ่ว่า ....ฉันเป็นมะเีีีร็งในสำไส้หน่ะสิ
บล็อกนี้เลยอยาถ่ายทอด เรื่องราว ความรู้สึกของฉัน ว่าฉันต่อสู้กับโรคนี้ได้ยังไง ...ตามอ่านดูนะคะ ....มีหลายตอนมากเลย
|
|
|
ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มามากมาย แต่สิ่งดี ๆ ที่คุณมีทั้งญาติ เพื่อนร่วมเรียน เพื่อนร่วมงาน คุณหมอ (โดยเฉพาะคุณชอน คุณไซมอนน่ารักมาก)
ขอบคุณมากนะคะ ขอให้สุขภาพแข็งแรง เป็นกำลังใจให้