บลอกของคนตัวเล็กๆ h blog
Google
Group Blog
 
All blogs
 
เวลาเศร้าๆ หรือเครียด ผมนึกอะไรไม่ออกเลย แต่ขามันพามาให้นั่งอยู่ริมสระบัวโรงเรียนเก่า ทุกที.......

บ่ายของวันจันทร์ เอ่อ สักจันทร์นี่แหละ ไม่มีเรี่ยวแรงทะเลาะกับใคร อยากระบายเรื่องที่เราเก็บซ่อนเอาไว้ให้ใครก็ได้ฟังสักหน่อย มองไปมองมาไม่มีใครเห็นแต่หมา เดินเข้ามาใน office รกๆ ที่บรรจุความฝันความหวังที่ยิ่งใหญ่ของพ่อ ตั้งอุณหภูมิของแอร์เอาไว้ ที่25องศา ตามคาถาขจัดความจนของท่านนายก ผมหยิบมือถือรุ่นที่ขวางโลกมากที่สุดขึ้นมา (ngage) กำๆปล่อยๆอยู่พักนึง คิดอยู่ในใจว่าจะโทรไปดีหรือเปล่าว้า

ไวเท่าความคิด ผมกดเบอร์เพื่อนสนิทคนนึงของผม เราเป็นเพื่อนกันมา 10 กว่าปี เราสนิทกันมากนะ ผมจำได้ ผมนึกในใจขอให้มันรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกบ้างเถอะ.....

มันรับ ผมบอกเออเป็นไงบ้างวะ ว่างไหม ไปดูหนังกันเปล่า ไม่อ่ะ มันตอบ กูแม่งกำลังเซ็งลูกค้าหว่ะ เห้ย เครียดๆไมวะ ขำๆเดะ มันเสียงซีเรียสเลยบอกว่า กูไม่ขำเลยหว่ะ เวลาได้ยินเสียงโทรศัพท์ ไม่รู้ใครจะโทรมาด่าอีก ผมบอกงั้นคืนนี้เจอกันป่าว ชวนกลุ่มเรามานั่งกินอะไรกันหน่อยดีกว่า

มันบอกว่ากลุ่มเรา มีใครบ้างวะ..... ผมเงียบ ใช่ เพื่อนกลุ่มของเรา กลุ่มที่สนุกสนานเฮฮาทำเรื่องบ้าๆบอๆ ทำเรื่องที่ไม่ว่าจะเศร้าสลดแค่ไหนให้กลายเป็นเรื่องที่ทำให้เราหัวเราะทั้งน้ำตาได้ มันค่อยๆหายไปทีละคน ทีละคน
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าการ คุย กับเพื่อนสนิทจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้ การถามคำตอบคำและเสียงหายใจรดโทรศัพท์นั้น สร้างความอึดอัดใจให้ผมอย่างมาก ผมอยากจะบอกวางสาย แต่ไม่ดีกว่า รออีกแป๊ป คงใกล้แล้ว

นั่นไง สายซ้อนโทรศัพท์เข้ามาแล้ว มันกดไปรับ โดยทันทีทันใด อึดใจเดียวเท่านั้น มันก็กลับมาบอกผมว่า เห้ย เดี๋ยวกูโทรกลับ ลูกค้าโทรมาหว่ะ เรื่องสำคัญ แล้วตัดสายผมในทันที

ผมมองจอโทรศัพท์และคิดในใจว่า มันไม่โทรมาหรอก คนเราจะโทรหากันเมื่อมีปัญหาเท่านั้นหรือ และมารยาทมีไว้ให้สำหรับเจ้านายและลูกค้าเท่านั้นจริงๆหรือ ผมโตเกินกว่าที่จะคิดถึงเพื่อนแล้วใช่ไหม และการคุยโทรศัพท์แบบบ้าๆบอๆ เรื่อยเปื่อย เป็นเรื่องที่ไร้สาระแล้วอย่างนั้นใช่ไหม

แต่ผมจำได้ว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจนะ ที่อย่างน้อยเราก็มีเพื่อน เพื่อนที่เอาไว้พูดคุย ไว้ไต่ถาม ผมคงเรียกร้องอะไรมากไปหน่อยมั้ง

ไม่เอาแล้ว ไม่โทรหาเพื่อนอีก 23 คนของผมแล้ว ผมไม่อยากให้สิ่งที่ผมถนอมไว้ในใจโดนทำลายอีก หมดโควต้าของวันนี้แล้ว เดินออกมานั่งเล่นกับหมาหน้าบ้าน คุยกันสนุกทีเดียวผมกับไอ้แดง (ตอนแรกมันชื่อ แดน นะนักร้องกำลังดังเลยตั้งให้แต่ คนงานเรียกไม่ถูกสักที มารู้ตัวอีกทีมันชื่อไอ้แดงไปเรียบโร้ยยย) เล่นกับมันทีไรต้องเปลี่ยนเสื้อทุกที เลอะมาก แต่อยากเล่น

วางแผนไว้ในใจเรียบร้อย เข้ามาดูว่ามีงานอะไรที่ต้องทำอีกไหม มีนิดหน่อย ช่างมัน ไม่ทำ ขับรถเก่าๆ ไปตามเส้นทางเดิมที่ไม่ได้ไปมานาน คิดอะไรเพลินๆ ฟังเพลงบางเพลงที่ทำให้หัวใจสั่นบ้างนิดหน่อย ก็มาถึงจุดหมายเล็กๆของวันนี้

ผมไม่ได้มาคุยเรื่องเงินกับใคร ไม่ได้มาแกล้งทำเป็นหัวเราะเวลาเจอลูกค้าเล่าเรื่องตลกที่มันที่มันไม่ขำ ไม่ต้องกัดฟันแน่น เวลาโดนลูกค้าดูถูกเรื่องสินค้าที่เสียหายแล้วต้องตีคืน ไม่ต้อง ไม่ต้อง ไม่ต้อง......

"วิฑูรย์หรือเปล่าเนี่ย" เมื่อหันไปตามเสียง ผมก็ได้เจอกับใบหน้าที่ห่างหายไปนาน หวัดดีครับอาจารย์...อาจารย์ เอ่อ ตายแล้วกู จำชื่อไม่ได้
"เอมอรย์ โว้ย ไอ้บ้า ฉันยังจำชื่อแกได้เลยจบไปเป็น 10 ปีแล้ว"
"เป็นไงบ้างเนี่ย ทำไมวันไหว้ครูไม่กลับมาหาอาจารย์บ้างวะ คิดถึงนะโว้ย" ผมอึกอัก
"แล้วไอ้บอม ไอ้เอก ไอ้เด๋อ เป็นไงบ้างวะ วันนั้นไปเดินเจอกันที่ห้างกับไอ้เด๋อทักไม่ทัน มันเดินเร็ว" ผมอึกอักยิ่งกว่าเดิม

อาจารย์ถามถึงเพื่อนแทบจะทุกคนในห้องเลยทีเดียว เรายืนคุยกันอย่างสนุกสนานออกรส เวลาผ่านไปไวมาก เหมือนเราถูกดูดไปในหลุมเวลาสีสดใส เรื่องราวต่างๆถูก
หยิบมาคุยกันเรื่องแล้วเรื่องเล่า วัยที่ห่างกันเกือบ 20 ปีไม่มีความหมายเลยจริงๆ ทุกคนเป็นเด็ก เป็นหนุ่มสาวเสมอในความทรงจำ

ผมแยกกับอาจารย์อย่างมีความสุขมากๆ สำหรับความสุขแล้ว มันไม่มีโควต้านะ สำหรับผม
คิดถึงอาจารย์อีกคนนึงขึ้นมา ไอ้บ้าเอ๊ย จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว ทำไมนิสัยนี้มันแก้ไม่หายสักทีวะ โรคจำหน้าไม่จำชื่อเนี่ย ผมเดินไปเรื่อยๆ มองดูกิจกรรมของเด็กๆหลังเวลาโรงเรียนเลิกอย่างเพลิดเพลิน ไม่นานขาผมมันพาผมมายืนอยู่ที่ห้องพักครูภาษาไทย เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ผมก็มองหาชื่อที่คุ้นเคยบนโต๊ะทันที นั่นไง (แต่ตอนนี้จำไม่ได้อีกแล้ว ขอโทษคร้าบบบบบ) แต่อาจารย์ท่านไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว คงกลับบ้านไปได้สักครู่ เมื่อมองไปที่พื้นโต๊ะทำงานของอาจารย์ ลูกสะอึกก็ออกมาทันที น้ำตารื้นขึ้น
มาไวมาก ยืนทำท่าทำทางแปลกๆ กอดอกลูบหน้าลูบคางแบบเด๋อด๋า

บนโต๊ะทำงานเก่าๆของอาจารย์ มีกระจกใสแผ่นใหญ่วางไว้ คงจะเผื่อเอาไว้สำหรับตัดงานที่ต้องใช้คัตเตอร์ แต่ว่าใต้กระจกใสที่ผมมองทะลุลงไปนั้น เป็นภาพของเด็กนัก
เรียนกลุ่มหนึ่ง สีหน้าท่าทางดูน่าสนุกสนาน บางภาพก็นั่ง บางภาพก็ยืนเป็นกลุ่มทำหน้าทำตาบ้าบอกันมากๆ ผมมองไปเห็นไอ้บอม ที่ยังผอมมากๆ ไอ้เอกที่ยังไม่มีลูกเมียและหน้าตายังไม่บ่งบอกว่าจะกลายเป็นคนที่จะมาร่วมหัวจมท้ายทำเพลงกับผม และไอ้เด๋อที่ยังไม่เป็นเจ้ามือโต๊ะบอล ภาพรวมกลุ่มที่ถ่ายพร้อมกันทั้งห้องมีอาจารย์นั่งอยู่ตรงกลางทำให้ผมรู้สึกใจสั่น สั่นไปด้วยความเป็นสุข

นั่นผมเองนี่หว่าผอมมากดำด้วย เห้ย...นี่อีแตงสมัยยังเป็นทอมบ้าเลือดหนิ ไอ้แก่ ไอ้แดง ไอ้ตี๋ ยืนติดกันเลย......


รูป 6-7 รูปบนโต๊ะอาจารย์ ทำให้ผมรู้สึกดีผสมกับความละอายอย่างเท่าๆกัน ผมเดินออกจากห้องพักครูด้วยใจที่เป็นสุขและตั้งใจว่าคราวหน้าถ้าผมมา ผมจะต้องมาเจอท่านให้ได้ ห้องเรียนเด็กเลวที่ใครๆก็ไม่เอาแล้วอย่างพวกผมอย่างน้อยก็มีอาจารย์ 2-3คนแหละที่รักและเอาใจใส่ สนใจพวกเราจริงๆ ทั้งตอนที่ยังเรียนหรือจบไปแล้ว

เวลามีเรื่องไม่สบายใจ การได้มาเดินสูดกลิ่นวันวาน การได้เดินปะปน ไปกับเด็กๆ ซื้อขนมหน้าโรงเรียนมานั่งกินอย่างนี้ มันมีความสุขจริงๆเลย มันเหมือนได้เติมความเป็นเด็กที่หัวยังโล่งๆ กลับเข้าในใจใหม่ เป็นการ ชาร์จ พลังที่นอกจากจะทำให้กลับบ้านไปอย่างแข็งแรงแล้ว ยังทำให้เรารู้ว่า
อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคนรักเราอยู่บ้างแหละ นอกจากพ่อ แม่พี่น้องแล้ว ตอนนี้ผมต้องเว้นเนื้อที่ไว้ให้กับคุณครูที่โรงเรียนวัดราชโอรสอีก 2-3คนซะแล้ว

ปล.คิดถึงเพื่อนๆ วัดราชโอรส 78 ทุกคนเน้อ .....


Create Date : 15 กันยายน 2548
Last Update : 15 กันยายน 2548 21:37:28 น. 8 comments
Counter : 326 Pageviews.

 


โดย: วงศ์เดือน วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:3:28:17 น.  

 
หวัดดีจ้า


โดย: ตะวันสีชมพู วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:3:53:08 น.  

 
สวัสดีค่ะ

คิดถึงเพื่อนสมัยเรียน ม.ต้น ถึง ม.ปลายทุกคนด้วยเหมือนกันค่ะ


โดย: สาวหน้าใส วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:17:45:13 น.  

 




โดย: Big Spender วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:21:12:21 น.  

 
อ่านแล้วซึ้งจัง คิดถึงสมัยเรียน ม.ปลาย


โดย: Little angle IP: 58.147.52.131 วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:14:14:44 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:19:57:25 น.  

 
เขียนซะ ...

มีคุณครูที่อยู่ในความทรงจำของเราก็หลายคนเหมือนกัน ...​ แต่มีคนนึงประมาณมาได้ชื่อว่าโหดมากที่สุด ...​ตอนที่พวกเราขึ้น ม.ุ6 แล้วมีการจับฉลากชื่อครูประจำชั้น ห้องอื่นพอจับได้ก็จะโห่ เย้ กันสนุกสนาน พอหัวหน้าเราจับได้ เสียงประกาศว่า ครูจิตมนัส ... เท่านั้นแหละ ...​ เงียบกันไปหมดเลย ...​สยอง

แต่ครูเจ๋งสุดแล้ว ...​ คิดถึง


โดย: yourstarlight (yourstarlight ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:23:33 น.  

 

ความทรงจำของคนเรา
คงไม่ได้มีแต่ภาพขาวดำนะคะ




โดย: azamiya วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:17:25:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ความตายสีชมพู
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่มีใครเลวไปกว่าใคร แค่อยากไปให้ไกลๆจากทุกคน.....

Friends' blogs
[Add ความตายสีชมพู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.