(2)เด็กพิเศษ...เด็กวิเศษ ตอน ดนตรีที่ดังอยู่ในหัวใจ
ละครที่ไม่มีเสียง
ฉันเคยไปอบรมละครให้เด็กหูหนวกที่จังหวัดพิษณุโลก ใช่แล้วค่ะ...อบรมละครให้เด็กหูหนวกเมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว เป็นเด็กๆชั้นม.ปลาย ประมาณ 30 คน โดยมีครูเป็นล่ามภาษามือให้ในวันแรก พอวันต่อๆมาก็แทบไม่ต้องใช่ล่ามเลยค่ะ เพราะใช้ภาษาท่าทางและภาษาปาก(เด็กอ่านปากเรา)บ้าง พอดีว่า"ละคร"ค่อนข้างเป็นภาษาสากลที่เด็กๆเรียนรู้ได้โดยผ่านภาษากาย ซึ่งก็มีบางส่วนเท่านั้นที่จำเป็นต้องอธิบายให้เข้าใจความสำคัญของแบบฝึกหัดนั้นๆ
วันแรกที่เริ่มสอน... เด็กบางคนก็มีท่าทีแอนตี้เพราะรู้สึกว่าละครเป็นเรื่องไร้สาระ อย่างเช่น'เปี๊ยก' เป็นคนที่ฉันจำได้แม่นยำ เพราะแววตาที่เขามองมามีแต่ความไม่เป็นมิตร และท่าทีที่แข็งกระด้าง ดื้อดึง และป่วนกลุ่มอยู่เสมอนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำ
แต่เด็กส่วนมากจะชอบที่ได้แสดงออก เด็กบางคนมีอาการร่วม คือ นอกจากหูหนวกแล้วยังเป็นออทิสติกอีกด้วย ที่จำได้แม่นยำ ก็คือ เด็กสาวที่ชื่อ'ปูเป้' ซึ่งครูที่นั่นก็เตือนว่าอย่าเชื่อปูเป้มาก เพราะเธอชอบทำอะไรเว่อร์กว่าความเป็นจริง ปูเป้ชอบนั่งพูด(ทำภาษามือ)อยู่คนเดียวเป็นประจำ ด้วยเหตุที่พ่อแม่ไม่ค่อยมารับเธอกลับบ้านอย่างที่สัญญาไว้ เธอจึงมักนั่งรอและคุยไปเรื่อยเปื่อย เหมือนกับว่ากำลังคุยกับคนที่เธอรอ.....
แต่ปูเป้กลับเป็นคนเดียวที่ลุกไปเปิดไฟในเย็นวันที่เรานั่งสรุปงานจนเย็นย่ำ และไม่มีใครคิดที่จะลุกไปเปิดไฟ.......
และปูเป้นี่ล่ะ... ที่ร้องไห้ตอนแสดงเป็นแม่..ในฉากที่ลูกโดนตำรวจจับ ในขณะที่คนอื่นแค่นั่งเฉยๆในบทบาทเดียวกัน ..................................................................
เราจำไม่ได้ว่าเพราะอะไร วันที่สองสายตาของเปี๊ยกถึงอ่อนลง และอ่อนลงเรื่อยๆจนกระทั่งเหลือแค่แววตาอ่อนโยนและออดอ้อนในที่สุด เปี๊ยกกลายเป็นคนคอยนำและอัพให้เพื่อนๆกะตือรือร้นในการเข้าอบรม เปี๊ยกทำแบบฝึกหัดอย่างเต็มที่ ตั้งอกตั้งใจ...แววตาอ่อนโยนนั้นมุ่งมั่น ทำให้เรามีกำลังใจในการสอนมากขึ้น รวมทั้งจากความน่ารักของเด็กคนอื่นๆที่เข้าร่วมอบรมด้วย เป็นการอบรมที่มีความสุขที่สุดอีกครั้งหนึ่ง และไม่เคยลืมจนวันนี้...
คืนวันที่สี่..เพื่อนๆกลุ่มพระจันทร์พเนจรได้เอาละครเงามาแสดงให้เด็กๆดู เด็กๆมีอารมณ์ร่วมตามจนจบเรื่อง แม้ว่าจะเป็นละครเงาไร้เสียง แต่เสียงหัวเราะของพวกเขากลับดังที่สุดจนเราอดหัวเราะตามไม่ได้ ตอนทำกิจกรรมคืนนั้น... พวกเราจับมือกันเป็นวงกลม เปี๊ยกรีบวิ่งมายืนข้างๆฉัน..จับมือฉันไว้แน่น รู้สึกได้ถึงคำขอบคุณที่ผ่านมืออุ่นๆนั้น ฉันขอบคุณตอบผ่านมือนั้นเช่นกัน....
........................................................
วันสุดท้ายของการอบรม เด็กต้องแสดงละครบนเวทีโรงเรียน ทุกคนสั่น..ตื่นเต้น..ลุ้น และสุดท้าย..ภูมิใจ...ที่ได้สื่อสารเรื่องราวที่อยากบอกเล่าผ่านละคร ภูมิใจที่ตัวเองทำได้ ภูมิใจที่ได้ทำสิ่งดีๆ......
...................................................
ทุกวันนี้เด็กๆยังเขียนจดหมายมาหา บางคนก็โทรมาแล้วก็ส่งเสียงอ้อแอ้ๆดังลั่น ได้ยินเขาพยายามเรียกชื่อ"พี่เกด" ไม่ชัด..แต่รับรู้ พอเขาวางฉันก็จะเมซเซจกลับไปว่า"คิดถึงนะ" เพราะถึงตอบไปทางโทรศัพท์..เขาก็ไม่ได้ยิน
...................................................................
หูไม่ได้ยินเสียง..แต่ใจสดับฟัง เด็กหูหนวกเป็นเด็กพิเศษกลุ่มที่น่าเห็นใจและมีปัญหามาก ด้วยเหตุที่ร่างกายเขาปกติ อีกทั้งโดยมากเด็กกลุ่มนี้จะหน้าตาดี ทำให้คนทั่วไปคิดว่าเขาไม่มีปัญหาหรือไม่ต้องการความช่วยเหลือ แต่อย่าลืมว่ามนุษย์เราพัฒนาและมีสังคมได้ด้วย"ภาษา" ทารกเรียนรู้และพัฒนาสมองก็จาก"ภาษา" จากเสียง..ไปสู่คำ..จากคำไปเป็นประโยค ในขณะที่เด็กที่ไม่ได้ยินเสียงจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโลกภายนอกเขาเรียกสิ่งไหนว่าอะไร คนๆที่อุ้มเราอยู่นี่ถูกเรียกว่า"แม่"นะ สีเขียวๆนั่นคือ"ต้นไม้" และก้อนขาวๆบนฟ้านั่นเรียกว่า"เมฆ"............ และเมื่อสื่อสารไม่ได้....สิ่งที่ตามมาคืออารมร์ที่แปรปรวนและรุนแรง
ในขณะที่คนตาบอดแม้จะมองไม่เห็น แต่สามารถรู้เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่ได้ฟังและพูด อย่างน้อยก็ถามเรื่องที่สงสัยได้ อย่างน้อยก็ฟังเพลงเพราะๆได้ อย่างน้อยก็บ่นได้ อย่างน้อยก็บอกรักใครซักคนได้....
จึงไม่แปลกหากจะเห็นคนตาบอดระดับด๊อกเตอร์มากมาย หรือคนที่มีหน้าที่การงานดีๆ ในขณะที่คนหูหนวกมีโอกาสการเรียนรู้น้อยกว่ามาก เพราะแม้แต่ประโยค 1 ประโยค เขายังไม่สามารถเชื่อมโยงได้อย่างลึกซึ้ง ก็เขาไม่เคยได้ยินคำว่า "ที่ ซึ่ง และ อัน" เขาไม่เคยรู้จักคำว่า"ก็" เขาไม่รู้จักคำว่า"อ๋อ" และอีกมากมาย
แต่แน่นอน...เขารู้จักคำว่า"รัก"
........................................................
ครั้งแรกที่ฉันเห็นพวกเขาเล่นดนตรี บางคนตีกลองทอม บางคนเคาะโต๊ะ อีกคนกำลังเขย่าลูกแซ๊ก ส่วนคนโน้นน่ะเหรอตบมืออย่าเมามัน
ฉันได้ยินเสียงเพลง(ดนตรี)ที่ไม่เข้ากันเลย เพราะเขาเล่นมันทั้งที่ไม่ได้ยิน ไม่มีใครได้ยินเครื่องดนตรีของใครเลย แม้แต่ของตัวเอง แต่น่าแปลกที่พวกเขาเต้นและโยกตัวได้เป็นจังหวะเดียวกัน โดยเฉพาะหน้าตาที่เบิกบานสนุกสนานนั่น ทำให้ฉันคิดว่าเสียงเพลงของพวกเขาคงจะไพเราะมากทีเดียว เพียงแต่ไม่มีใครได้ยิน แม้แต่ตัวฉันเอง.... ก็เพราะเสียงเพลงของพวกเขามันดังอยู่ในหัวใจของพวกเขานั่นเอง....
เสียงเพลงที่ไม่มีใครได้ยิน บทกวีที่ก้องอยู่ในหู และคำบอกรักที่ดังอยู่ในหัวใจ
แต่ฉันได้ยิน..จดจำเสมอมา
|
Create Date : 20 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 24 สิงหาคม 2550 15:55:07 น. |
|
8 comments
|
Counter : 655 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: AccessError วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:18:34:51 น. |
|
|
|
โดย: may IP: 61.7.133.79 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:14:10:52 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าเตี้ย วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:15:00:57 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าเตี้ย วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:16:35:31 น. |
|
|
|
โดย: KOok_k วันที่: 10 กันยายน 2550 เวลา:16:31:56 น. |
|
|
|
โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:19:19:21 น. |
|
|
|
โดย: ผัก IP: 125.25.69.235 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:19:54:13 น. |
|
|
|
| |
|
|
คงไม่มีถ้อยคำฝากไว้ มีแต่ดอกไม้ในใจที่เต็มตื้น..อิ่มเอม
สุขสันต์วันจันทร์ค่ะ