Hed003
จดหมายจากอาธน...เด็กชายหลังกำแพง

ในกองจดหมายของบรรดาเด็กๆสถานพินิจฯที่ฉันเคยไปสอนศิลปะ(เพื่อการพัฒนาตน)
มีทั้งจดหมายจากเด็กผู้หญิงบ้านปราณี เด็กๆจากสถานพินิจบ้านสิรินธร
และที่มากที่สุดคงไม่พ้นเด็กๆจากสถานพินิจสงขลาฯ ซึ่งฉันไปทำงานด้วยบ่อยที่สุด และผูกพันมากที่สุด

หนึ่งในนั้นมีจดหมายของอาธนรวมอยู่ด้วยหลายฉบับ
.........................................................
เมื่อปลายปี 47 ฉันกับเพื่อนสนิท(ผู้ชาย)อีกคน
ไปจัดอบรมศิลปะเพื่อการพัฒนาตนให้เด็กๆที่สถานพินิจสงขลา

ฉันเจออาธนที่นั่น
เขาเป็นเด็กหนุ่มวัย 18 ปี
หน้าตากวนๆ
รอยสักทั้งที่แขน ข้อเท้าและขอบตา
ยิ่งทำให้เขาดูเป็นเด็กเกเรมากขึ้น
แฟชั่นสุดฮิตของที่นี่คือการสักขอบตาล่าง
คล้ายๆกับการทาอายไลเนอร์ของผู้หญิง
แต่นี่ใช้วิธีการเอาเข็มหรือของแหลมเท่าที่จะหาได้..สักลงไป

แรกที่เดียวอาธนยังแสดงอาการเฉยๆ
ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนไม่อยากทำกิจกรรม
แต่พอผ่านไปได้ครึ่งวันเขาก็ดูร่าเริงขึ้นเพราะผ่านกิจกรรมละลายพฤติกรรม
ทำให้เขารู้สึกเป็นกันเอง
เริ่มเป็นมิตรและหยอกเย้าฉันมากขึ้น

และตลอดเวลาที่ฉันอยู่ที่นั่นดูเหมือนเขาจะคอยจับตามองฉันไม่ห่าง
คอยหยอก คอยแซว
และพยายามใกล้ชิดสนิทสนม


วันก่อนจะเสร็จสิ้นการอบรม....
เขาเอ่ยปากขอกำไลเงินวงใหญ่ที่ข้อมือฉัน
"ผมอยากได้ ให้ผมเหอะนะ"
"ให้ไม่ได้หรอก มันเป็นของที่ระลึกจากยะลา พี่ชอบมากและอยากเก็บไว้"
ฉันบอกไปอย่างนั้น..แต่เขาก็เพียรพยายามอ้อนวอนขอตลอดทั้งวัน

ฉันก็ยังคงยืนยันคำเดิม
เขาแสดงอาการน้อยใจไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรม
ไม่พูดด้วย
ไม่มองหน้า
ไม่ทักทาย

ฉันรู้..เขาไม่ได้อยากได้กำไลเงินวงนั้น
แต่เขาอยากเอาชนะฉัน
อยากให้ใครๆเห็นว่าเขาเป็นคนสำคัญของฉัน
กำไลวงนั้นเป็นเพียงสัญลักษณ์ของอำนาจ
ที่เขาอยากครอบครองมันไว้เท่านั้นเอง

"ธนอยากเอาชนะพี่ก็แค่นั้นเอง ถ้าธนคิดว่าได้กำไลวงนี้ไปแล้ว
จะทำให้ธนชนะก็เอาไป เพราะถึงยังไงธนก็ได้แต่ของๆพี่ไป
แต่ไม่ได้ความรู้สึกของพี่ไปด้วย พี่ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับใคร
ถ้าธนอยากชนะ พี่ก็จะให้ธนชนะสมใจ"

ฉันถอดกำไลวงนั้นวางไว้ให้เขา.....
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยินดีเสียแล้ว
แววตานั้นดูหม่นหมองและเสียใจ

วันสุดท้ายก่อนที่ฉันจะเดินทางกลับ
เด็กๆหน้าตาเศร้าหมอง
เราให้ที่อยู่กับพวกเขาไว้
ฉันถามว่า..มีใครอยากกอดพี่มั่ง
เด็กๆเดินมากอดทีละคน
ท่าทางประดักประเดิด..เขินอาย
ไม่ใช่เพราะฉันเป็นผู้หญิง
แต่เพราะไม่ชินกับการสัมผัส
การโอบกอด....
บางทีพวกเขาอาจไม่เคยถูกกอดเลยด้วยซ้ำไป

เด็กหนุ่มหน้าตาโหด
เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยสัก
ขอบตาคล้ำเพราะรอยเข็ม
มีคดีติดตัวตั้งแต่คดีเล็กไปจนถึงคดีใหญ๋
..ฆ่าคนตาย พรากผู้เยาว์ กระทำชำเรา
ปล้น ลักทรัพย์ วิ่งราว....

ทุกคนอยากได้รับการกอดจากใครซักคนที่อบอุ่นใจ
ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกฉันท์ชู้สาว..ฉันยืนยัน
มันเป็นอ้อมกอดพร้อมรอยน้ำตา
น้ำตาที่รื้นขอบรอยสักใต้ตานั้นทำให้ฉันเกือบกลั้นน้ำตาไม่อยู่

แต่ไม่มีอาธนอยู่ที่นั่น......

เขาฝากกำไลมาคืน.......
แต่เขาไม่อยู่ตรงนั้น

พวกเราร่ำลาเด็กหนุ่มเหล่านั้น
ฉันเดินผ่านอาธนที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ใกล้ทางออก
"ถ้าอยากจะจากกันแบบนี้ก็ตามใจ ยังไงพี่ก็ขอให้ธนได้ออกไปจากที่นี่เร็วๆ"
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันบอกอาธน
เขาไม่ตอบอะไรนอกจากแววตาที่มีน้ำตารื้น

กลุ่มเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยสัก
ยืนโบกมือและตะโกนลาจนพวกฉันพ้นออกจากกำแพงรั้ว

รั้วที่เป็นกำแพงสูงใหญ่ด้านบนมีลวดหนามหนาดูน่ากลัว
แยกเราไว้จากกัน
สิ่งที่พวกเขาทำ...มันผิดบาป
และต้องได้รับโทษ
ฉันเข้าใจถึงความเป็นจริงเหล่านั้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้นอกเหนือไปจากนั้นคือ
ความรักความเมตตาทำลายกำแพงทุกอย่างลงได้
ความรักจะเปิดดวงตา
ความเมตตาจะเปิดดวงใจให้เราเจอกัน
ระหว่างคนนอกกำแพงกับคนหลังกำแพง
......................................................................

ฉันจากที่นั่นมาไม่นานก็ได้รับจดหมายมากมายส่งความคิดถึงมาจากหลังกำแพง
ฉันตอบทุกฉบับ...เนื้อความยาวเหยียด
บางครั้งก็ส่งเรื่องราวดีๆไปให้อ่าน
แต่โดยมากเด็กๆที่นั่นจะขอสมุดบันทึก
(มีเจ้าหน้าที่เจอสมุดบันทึกที่เด็กๆเขียนถึงฉันมากมาย
ตอนที่เกิดเหตุจลาจลแล้วมีการทำลายข้าวของในนั้นพังยับเยิน)

แล้วจดหมายที่ฉันรอคอยก็มาถึง.......
อาธน......เด็กหนุ่มคนนั้นที่พยายามครอบครองหัวใจของฉัน
..............................................................
เขาเขียนมาขอโทษ...
"ผมเข้าใจแล้วว่าถ้าได้แต่ของ
แต่ไม่ได้หัวใจพี่มาก็ไม่มีความหมายอะไร"

เขาส่งผ้าเช็ดหน้าแทนใจมาให้
ฉันรู้...เขากำลังตกหลุมรักฉัน
ผู้หญิงที่แก่กว่าเขากว่า 10 ปี......
ผู้หญิงที่ทำให้เขารู้ว่าความรักคือการแลกเปลี่ยน
ไม่ใช่การครอบครอง........

เขาเขียนจดหมายมาอีกหลายฉบับ
เราเขียนตอบกันไปมา
ฉันรู้ว่ามีบางอย่างที่เขาอยากบอกแต่เขียนในจดหมายไม่ได้
เพราะจดหมายทุกฉบับจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตรวจก่อนทุกครั้ง

ผ่านไปเกือบเดือน...อาธนโทรศัพท์หาฉัน
เขาแอบใช้มือถือของขาใหญ่
(เด็กที่อยู่นานหรือมีคดีเข้าออกสถานพินิจฯหลายครั้งจนคุมคนอื่นได้)โทรมา

โทรมาเพื่อสารภาพรัก....
เขาบอกว่าเขาทนเก็บไว้ไม่ไหว
ฉันบอก..ฉันรู้อยู่ก่อนแล้ว
และบอกให้เขาเข้าใจว่าความรักเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นใคร
และเมื่อไหร่

"รักพี่ได้ในแบบที่ธนอยากจะรักเถอะ
แต่พี่ก็ยังรักธนในแบบที่พี่รักเหมือนเดิม"
เขาเข้าใจและไม่เรียกร้องอะไร
เขาว่า..ขอแค่ฉันไม่โกรธ..ไม่รังเกียจความรักของเขา
เขาก็รู้สึกดีที่สุดแล้ว
เขาได้เรียนรู้แล้วว่าความรักที่แท้ต้องไม่เรียกร้อง
ไม่ครอบครอง
ไม่เอาชนะ
แต่ต้องสุขใจที่ได้รัก
และต้องรักตัวเองเพื่อให้ตัวเองมีพลังพอจะรักใครคนนั้นต่อไป
..........................................................................
หลังจากนั้นไม่กี่เดือนอาธนถูกปล่อยตัวออกมาเพื่อรอตัดสินคดี
เขาโทรมาอีกหลายครั้ง
ทุกครั้งก็จะขอรูปฉันที่เขาเคยถ่ายไว้
เขาขอยืมกล้องของฉันเพื่อถ่ายรูปฉัน
เขาอยากได้มันไว้เป็นที่ระลึก

ฉันยังไม่ทันได้ส่งรูปนั้นไป
เขาก็โทรมาบอกว่า..ต้องหนีไปอยู่ที่อื่นเพราะคู่คดีมาตามล่า
เขาพยายามโทรมาอีกหลายครั้ง
แต่ฉันมีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
และติดต่อเขาไม่ได้อีก.......
....................................................................
ฉันยังไม่ได้ส่งรูปนั้นให้อาธน
เด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้จักรักตัวเอง
และเพิ่งรู้จักการรักโดยไม่ต้องครอบครอง
ฉันหวังว่าเขาคงอยู่ที่ไหนซักแห่งอย่างมีความสุข
ไม่ใช่หลังกำแพงคุกเล็ก
หรือคุกใหญ่

เด็กหนุ่มคนนั้น....ที่ถึงวันนี้ฉันก็ไม่อาจรัก
แต่ไม่เคยลืมเลือน.........


ป.ล.รูปถ่ายฝีมืออาธน( พฤศจิกายน 2547) รูปที่เขาอยากได้เหลือเกิน....





Create Date : 14 กันยายน 2550
Last Update : 14 กันยายน 2550 13:58:10 น. 10 comments
Counter : 999 Pageviews.

 
น่าสงสารคนที่มีปัญหาอย่างอาธนนะคะ

ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยค่ะ เค้าคงจะเสียใจเหมือนกัน

อดีตไม่สามารถเปลี่ยนได้

และคนเราก็ควรจะมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

คนบางคนก็ไม่ได้ อยากมีปัญหาแต่อยู่กับสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีเท่านั้นเองค่ะ


โดย: เชอรี่ (JAN_CHERRY ) วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:16:21:52 น.  

 
คุณเกด นับถือคุณเกดเลยค่ะ อุ้มมีเพื่อนอยู่คนนึงเหมือนกันค่ะ ทำงานคล้าย ๆ คุณเกด คือเข้าไปทำกิจกรรมอะไรประมาณนี้ในสถานพินิจน่ะคะ

ปล. สงสารน้องอาธนจังเลยค่ะ


โดย: อุ้ม ลืมล็อคอินค่า อิอิ IP: 83.189.201.218 วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:21:41:53 น.  

 
ปล. พึ่งเห็นคุณเกดค่ะ ตาโตเชียวค่ะ หน้าตาคมดีมากเลยค่ะ (ชมน่ะค่ะ อย่าเข้าใจผิดน่ะคะ)


โดย: อุ้ม อีกรอบค่ะ IP: 83.189.201.218 วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:21:43:20 น.  

 
พี่เกดเท่ห์มากๆเลยค่ะ :) แล้วก็เขียนอะไรได้น่าอ่านมากๆๆๆ กิ๊กเกือบหาห้องนี้ไม่เจอเพราะไม่ได้ตั้งเป็นหน้าหลัก กิ๊กค้นบ้านพี่เกดซะทุกห้องเลย ฮี่ๆๆ

อ่านเรื่องอาธนแล้ว นอกจากจะนับถือน้ำใจพี่เกด แต่ยังเข้าใจคนอื่นมากขึ้นอีกนิด บางทีท่าทางบางอย่างอาจจะเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ ต้องการความรักจากคนอื่น แต่เพราะท่าทางแบบนั้นมันอาจจะทำให้คนอื่นยิ่งมองไปในแง่ลบอีก พี่เกดมีจิตวิทยาแล้วก็เข้าใจคนอื่นมากๆเลย

อ่านแล้วเศร้านะคะ ไม่รู้ว่าตอนนี้อาธนเค้ารักตัวเอง และมีคนรัก มากขึ้นหรือยัง


โดย: KOok_k วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:21:50:40 น.  

 
ชอบคอมเม้นท์พี่จากบล็อกของทราย สัมผัสได้ว่าคนๆนี้เป็นคนที่ไม่ได้มองคนจากภายนอก เลยรู้สึกอยากรู้จักผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา เลยตามมาอ่านบล็อกแล้วก็คุ้มค่าที่ตามมาอ่าน ขอเก็บไว้เป็น Favorites นะคะ


โดย: ชาร์เลียท์ IP: 213.200.185.24 วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:17:38:17 น.  

 

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ
ขอบคุณที่สร้างสิ่งดีๆให้แก่เด็กๆเหล่านั้น

ชอบเรื่องของคุณมากมาย

ขอแอดไว้ละกันนะ จาตามมาอ่านเรื่อยๆนะครับ


โดย: jantzen วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:17:41:05 น.  

 
สำหรับจดหมายฉบับที่5และ6
ยินดีอย่างยิ่งค่ะสำหรับมิตรภาพใหม่ๆ
ดีใจที่รู้สึกดีนะคะ และขอบคุณสำหรับคำทักทายค่ะ


โดย: mrs.postman วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:15:06:02 น.  

 
ขอสารภาพ...
คือเมื่อผมอ่านเรื่องนี้จบก็นั่งน้ำตาไหลอยู่พักหนึ่ง
ความจริงๆ มันคลอๆ มาตั้งแต่ครึ่งเรื่องแล้ว
พอจะจบเรื่องมันก็ไหลแบบหยุดไม่ได้

ผมร้องไห้ให้กับอะไร ความรักงั้นหรือ
คงไม่ใช่เพราะความรักที่ไม่สมหวัง แต่เป็นเพราะความรักที่ดูบริสุทธิ์
เป็นแค่ความรักแบบเด็กๆ แต่มันดูจริง จริงพอๆ กับเรื่องราวที่เกิดบนโลก
แบบที่ไม่ต้องดัดแปลงให้เร้าอารมณ์เหมือนกับนิยาย

ผมยังนั่งคิดอีกพักใหญ่ว่าทำไมผมประทับใจกับเรื่องนี้
ไม่มีข้อสรุปครับ และผมว่าไม่ต้องหาข้อสรุปดีกว่า
ถ้าจะรวบรวมจากความรู้สึกทั้งหมดคงได้ความว่า
เพราะผมสัมผัสได้กับความรัก

ขอบคุณที่เล่าให้ฟังครับ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:19:09:08 น.  

 
มาเม้นอีกรอบตรงนี้ อิอิ
ครูเกดตกลงทำอะไรกันแน่หว่า???
น้องกุรโตขึ้นเยอะหรือยัง
แล้วผิงจะมาเม้นอีก
ปล.มันจืดจัง
ปล.2 ผิงเขียน จม.บ่อยมาเลยเดี๋ยวนี้


โดย: แม้วบ้าเพี้ยนๆ IP: 58.9.138.101 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:03:51 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตารื้น ความรักทำลายกำแพงทุกอย่างลงได้ พี่เกดเป็นคนดีจัง


โดย: Bananarumba วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:9:55:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mrs.postman
Location :
นครปฐม Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คุณนายไปรษณีย์วัย(ย่าง) 37 ปี
ที่ไม่ได้ทำงานไปรษณีย์
แต่หลงรักจดหมาย/โปสการ์ด
และตู้จดหมายแบบถอนตัวไม่ขึ้น!
หลังจากที่ได้เดินทางไปในที่ต่างๆ
แล้วพบเสน่ห์ของPostbox ที่แตกต่างกัน

สถานะไม่โสดมาเกือบ 6 ปี
พ่วงด้วยลูกสาวจอมป่วนสองคน
หนูณัฏวัย 4 ขวบกับหนูพิมวัยขวบครึ่ง
กับพ่อหมูสุดที่รัก
ณ บ้านหมูริมทุ่งนานครปฐม

มีความสุขกับการสอนหนังสือในมหา'ลัยเอกชน
มีโรงเรียนสอนศิลปะเล็กๆชื่อ"แตะล๊อกต๊อกแต๊ก"
และอยากเขียนหนังสืออ่านเล่นซักเล่ม
กับหนังสือนิทานที่ลูกเป็นคนวาดภาพประกอบ







หลังไมค์ถึงคุณนายไปรษณีย์



Google
บล๊อกล่าสุด

ครอบครัวตัวดี ตอนที่ 12 พี่ช่างเจรจา กับน้องภาษาต่างดาว

สนามเด็กเล่น ชวนเล่นตุ๊กตากระดาษ

กระเตงทัวร์ : หัวหินชะอำ

กระเตงทัวร์ : ครบเครื่องเรื่องเที่ยว

ครอบครัวตัวดี ตอนที่ 11 ครบรอบแต่งงานกับลมหายใจเดอะมิวสิคัล

จดหมายรักจากใครหลายคน


บล๊อกและลิ้งค์น่าสนใจ คลิ๊กได้เลย

เรื่องราวดีน่าสนใจจากบล็อกคุณ@mantras “ เรื่องของเจ..หนุ่มไทยที่ถูกประหารชีวิตในอเมริกา”

เพลงหลากหลายที่บล๊อกคุณ nilz

ขอบคุณคุณนวลกนกสำหรับcbox

Post box gallery จากคุณyyswim

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mrs.postman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.