การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรสังเกตุ คำเตือนบนฉลากก่อนดื่มทุกครั้ง
Group Blog
 
All Blogs
 

Gold - ราคาทอง แนวต้านสำคัญ จะผ่านไปได้หรือไม่

หลังจากที่ทอง Consolidate มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และได้พยายามดีดกลับมาเป็นแนวโน้มขาขึ้นแบบนี้อีกครั้ง ก็มาจากเรื่องเดียวเลย คือ ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ที่ประเทศกรีซ และกลุ่ม PIIGS ซึ่งทำให้หลายคนกังวลว่า จะลุกลามไปเป็น European Crisis ตามหลัง Subprime ที่อเมริกาหรือเปล่า

ใครอยากคุยเรื่องปัญหาหนี้ที่กรีซ ถามแยกประเด็นมาอีกทีนะครับ Update ครั้งนี้ขอ Focus ที่ราคาทองคำในตลาดโลก ว่าจะหมู่หรือจ่า ^^

ราคาทองคำทำจุดสูงสุดได้เมื่อปีที่แล้ว ต้นเดือน ธ.ค. แถวๆ $1,220 จุด ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนในตลาดกังวลกับปัญหาหนี้เสียของ Dubai มาวันนี้ปัญหาคล้ายกันแต่เปลี่ยนตัวละคร ทำให้นักลงทุนในตลาดโลก เริ่มขาย Risky Asset (สินทรัพย์เสี่ยง) และกลับเข้า Safe Heaven อย่าง US Treasury และ ทอง อีกครั้ง มาดูกราฟราคาทองของ Stockcharts.com กันครับ

สาเหตุที่ไม่ย่อรูป เพราะกลัวว่าเล็กไปจะดูลำบาก แนะนำให้คลิ๊กที่รูป แล้วดูภาพขยายนะครับ

แนวต้านสำคัญของราคาทองก็คือ จุดสูงสุดเดิม (Previous High) แถวๆ $1,220 นะครับ

คำถามคือ มีสัญญาณอะไรบอกเราบ้างว่า ราคาทองจะทะลุ High เดิมขึ้นไปได้??
- ดู RSI Indicator จะเห็นว่าเข้าเขต Overbought หรือซื้อมากเกินไป ทำให้ผมให้น้ำหนักว่าจะมีการพักตัวในระยะสั้น 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า อีกที แปลว่า "ราคาทอง ยังไม่น่าจะวิ่งทะลุจุดสูงสุดเดิมไปได้"

แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความหวังครับ ในช่วง 1-2 วันข้างหน้า กลุ่มผู้นำ EU จะประชุม (ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว) หารือเรื่องการช่วยเหลือกรีซ ซึ่งหากผลสรุปออกมาตลาดตอบรับในเชิงบวก ก็จะทำให้หุ้นทั่วโลก Rebound และราคาทองอาจเลือกลงในระยะสั้นไปก่อน ในทางกลับกัน หากผลการประชุ่มออกมายังไม่มีข้อสรุปเหมือนเดิม หรือ สรุปแล้วไม่ช่วยเหลือกรีซ จะทำให้ตลาดหุ้นโดนเทขายต่อมาอีกระลอก และไม่แน่ว่าจะลุกลามกลายเป็น Crisis อีกครั้งก็ได้ เมื่อนั้นราคาทอง ก็ควรทะลุและทำ New High ให้เราดู

ข้อควรระวัง
หากราคาทองขึ้นไป Test $1,220 แล้วไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะให้รูปแบบ Double Top และตามมาด้วยการลงแรง...


กลยุทธ์
- แนะนำขายทำกำไรทอง ที่ราคาเกิน $1,200 ขึ้นไป
- Follow Buy หากราคาทองทะลุจุดสูงสุดเดิมได้
- หากคิดจะซื้อกลับ แนะนำทยอยซื้อแนวรับ $1,170/$1,150




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 17:50:48 น.
Counter : 3207 Pageviews.  

ตลาดหุ้นจีน ผันผวนรับข่าวดีผสมข่าวร้าย

อาทิตย์ที่แล้วสัญญาณไว้ว่า จะมา Review ตลาดหุ้นจีนให้ดูกันนะครับ
ตลาดหุ้นจีนแบ่งแบบหยาบๆ ก็แบ่งออกเป็น 2 ตลาดใหญ่ๆคือ H-Shares และ A-Shares ครับ

โดย H-Shares ก็คือ ตลาดหุ้นที่มีบริษัทที่ทำธุริกจในจีน แต่ไป List ตัวเองในตลาดฮ่องกง เนื่องจากมาตรฐานการบัญชีและความโปร่งใส เป็นที่ยอมรับมากกว่า
ส่วนตลาด A-Shares คือ ตลาดหุ้นในจีนที่ List ในจีนเอง และเทรดกันเป็นสกุลหยวน ซึ่งมีความผันผวนสูงกว่า มีค่า PE Ratio ที่สูงกว่า

ปกติแล้วนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดจีน จะเลือกลงทุนผ่าน H-Shares เนื่องจากมีความผันผวน (Volatility) ต่ำกว่า และราคาหุ้นมักต่ำกว่าตลาด A-Shares ซึ่งเก็งกำไรกันเยอะ

สำหรับกองทุนที่ลงทุนในตลาดจีนในประเทศไทย ก็มีหลายกองให้เลือกด้วยกันนะครับ แต่ในส่วนของ A-Shares นั้นมีแค่ TMBCHEQ ของ TMBAM แค่กองเดียว ... ไปดูกราฟ Xinhua China A50 ของ TMBAM กันก่อน

ดัชนีหลุด Trend Line เส้นสีเขียวลงมา หลังจากก่อตัวเหมือนจะทำ Flag Pattern ให้เราเห็น ดังนั้น แนวโน้มขาขึ้นต้องรอไปก่อนนะครับ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเป็น Sideway (แกว่งตัวออกข้าง) หรือว่าเป็น Down Trend (ขาลง)

หากดัชนีเป็นแบบแกว่งตัวออกข้าง แนวรับเส้นสีแดง ที่ดัชนีประมาณ 9,500-9600 จุด ควรจะรับอยู่ แต่หากหลุดลงมาต่ำกว่านั้น ก็จะให้รูปแบบตาม Down Trend Channel ในเส้นสีเหลือง ครับ

สำหรับข่าวที่กระทบกับจีนช่วงนี้ ก็มีมาตรการระงับสินเชื่อบ้านมือสาม และการกดดันจากฝั่งอเมริกาให้จีนยกเลิกการผูกเงินกับ US$ และล่าสุด National Development and Reform Commission (NDRC) อยู่ระหว่างการศึกษาถึงการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 4 ล้านล้านหยวนใน 9 อุตฯ คาดเสร็จเดือน ส.ค. ปีนี้ เมื่อดูจาก Expected GDP นักวิเคระห์ก็มองว่าน่าจะเกิน 9% ภายในปีนี้ได้ ดังนั้นภาพระยะกลางกับระยะยาว ผมยังเชื่อวาหุ้นในตลาดจีน ยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีอยู่นะครับ

ไปดู H-Shares กันบ้าง



ดัชนีพยายามยืนใน Flag Pattern อยู่ แต่ดูจาก Indicators แล้ว เชื่อว่า น่าจะยืนไม่ได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งน่าจะตามมาด้วยการ Correction เบาๆลงมาอีก แต่แนวรับข้างล่างก็มีหลายแนวครับ 11,900/11,500/11,000 จุด ความแรงของการปรับฐาน คงต้องขึ้นอยู่กับ Sentiment ของตลาดทั่วโลกด้วย ต้อลงลุ้นให้ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ยืนให้อยู่แล้วครับ หวังว่า GDP ประมาณการณ์ Q1 ของ US จะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ น่าจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียวิ่งขึ้นมาได้

ตลาดหุ้นจีน เมื่อเทียบกับ ไต้หวัน, เกาหลีใต้, อินเดีย, อินโดฯ, ไทย และอีกหลายๆที่ในเอเชีย ตั้งแต่ Q4 ปีที่แล้วเป็นต้นมา ต้องยอมรับว่า Underperform มากๆ เราได้แต่รอเวลาครับ วันที่มังกรจะกลับมาโลดแล่นในตลาดทุนได้อีกครั้ง

กลยุทธ์
- ภาพรวม ตลาดหุ้นจีนทั้ง H-Shares และ A-Shares ยังไม่มีสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น
- แนวโน้มโดยรวม ตลาดขาดปัจจัยบวกหนุนให้ดัชนีขึ้นไปได้
- คาดว่า ตลาดอาจ Consilidate (สะสมกำลัง) ในช่วงไตรมาส 2 นี้ โดยเลือก Sideway ก่อนจะมี Rally จริงๆจังในครึ่งปีหลัง
- สำหรับนักลงทุนระยะยาว ทยอยสะสมตามแนวรับ


กองทุนที่แนะนำ TMBCHEQ ของ TMBAM , ABCG ของ Aberdeen และ UOBSA ของ UOBAM




 

Create Date : 27 เมษายน 2553    
Last Update : 27 เมษายน 2553 18:02:21 น.
Counter : 3157 Pageviews.  

SET Index รู้แน่ว่าลง แต่จะรับตรงไหนดี?

ไปดูตลาดหุ้นฝั่ง Deverloped Market เมื่อคืน ทำท่าเหมือนจะย่อลงมาให้ได้ แต่ก็ยังได้รับแรงกระตุ้น และการซื้อกลับเข้ามาในตลาด หลังบริษัทจดทะเบียนรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดดีเกินคาดเยอะทีเดียวครับ

Reuter เปิดเผยว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 ราว 85% จาก 98% รายงานผลประกอบการออกมาสูงเกินคาด ซึ่งสูงกว่าระดับเฉลี่ยที่ 61% ทีเดียว นี้จึงเป็นปัจจัยบวกส่งให้ Dow Jones ยังสามารถยืนเหนือ 11,000 จุดได้ในสัปดาห์นี้

ดูกราฟ Dow Jones จะเห็นว่า เส้นค่าเฉลี่ย EMA 5 วัน ทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งมาตลาด ดังนั้นใครมีกองทุน FIF ที่เกี่ยวข้องกับ US Market อาจใช้สัญญาณการตัดลงของแท่งเทียนผ่าน EMA 15 วันลงมา เป็นจุด Take Profit หรือ Cut Loss ในรอบนี้ได้ครับ



ข่าวอีกเรื่องที่กังวลนักลงทุนทั่วโลก (รวมทั้งควรกังวลเราด้วย อย่าดูแค่การเมืองในประเทศนะครับ) ก็คือ ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซดีดตัวขึ้นสู่ 13.6% ของ GDP ในปี 2009 ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของรัฐบาลที่ 12.7% อยู่เกือบ 1% เต็ม นั้นแปลว่ามาตรการลดการขาดดุลของกรีซ อาจต้องเข้มข้นกว่าเดิม และเจ้าหนี้ที่จะ Finance ยอดหนี้ให้ Greece อย่าง IMF หรือ เยอรมันเอง อาจต้องแบกรับความเสี่ยงจากการช่วยเหลือครั้งนี้เพิ่มขึ้น หลังจากนั้น Moody's Investor ก็ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลกรีซลงอีก ดูท่าทางปัญหาคงยืดเยื้อนะครับ

สรุปคือ ดูจากแนวโน้มทางฝั่งโน้น ค่อนไปทางลบมากกว่านะครับ เพราะผลประกอบการบริษัท ก็ประกาศได้แค่ช่วงนี้ หลังจากนี้ก็ไม่มีข่าวอะไรให้เล่นมากแล้ว

มาดูตลาดหุ้นไทยกันบ้าง
หลังจากล่าสุด ผมลดพอร์ตที่ดัชนี 753 จุดไปแล้ว และ SET Index ปรับฐานลงมาถึง 715 จุด ก่อน Rebound แบบน่าเกลียดกลับมาสูงสุดที่ 770 จุด เมื่อวาน ส่วนตัวก้ไม่ได้ Recommend ให้ซื้อเพิ่ม เนื่องจาก SET Index เปิด Gap ไว้ที่ 775 จุด การ Rebound ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเป้นไปได้แค่ Rebound แข็งๆ หลังจากลงหนัก เท่านั้นเอง แถมเมื่อดู Fibonacci 61.8% ก็อยู่แถวๆ 780 จุด ซึ่งถือว่าเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง ผ่านได้ยาก ดังนั้นจึงแนะนำให้ Sell on Strength ในช่วงทีผ่านมา

ปัญหาคือ ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่า หุ้นลง แต่ปัญหาคือ รับตรงไหนดี
ลองวัดดูว่าขา Rebound รอบนี้เป็น Wave B หมายถึง กำลังทำจบ Wave C อีกครั้ง วัด Fibonacci ขาลง 161.8% ได้แถวๆ 670-680 จุดครับ นั้นเป็นแนวรับที่ปลอดภัยแก่การเข้าซื้อ แต่หากใครใจร้อน และมองการเมืองจบเร็ว สามารถเข้ารับได้ตั้งแต่ 710-715 จุด (Low เดิม ระยะสั้นรอบที่ผ่านมา)



ยังไงก็มีวินัยในการลงทุนนะครับ คิดยังไง ทำอย่างนั้น รู้ว่าผิด ก็ยอมรับและปรับตัว กำหนดจุด take profit และ cut loss ให้ชัดเจน เท่านี้ ตอนหุ้นเป็นขาลง เราก็ไม่เจ็บตัวมากแล้ว

โชคดีในการลงทุนครับ




 

Create Date : 23 เมษายน 2553    
Last Update : 23 เมษายน 2553 9:23:15 น.
Counter : 3115 Pageviews.  

Emerging Markets - แค่ปรับฐาน หรือ เริ่มเข้าสู่ขาลง?

ดูจาก Indicators ทาง Technical ก็ชัดเจนมาตลอด 2 สัปดาห์ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกควรมีการปรับฐานให้เราเห็นกันนะครับ เพียงแต่ที่ผ่านมา ยังหาเหตุผลที่จะเลือกปรับฐานไม่ได้ ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในอเมริกาทยอยออกมาก็น่าประทับใจ Greece ก็น่าจะได้รับการช่วยเหลือจาก EU และ IMF

..... แต่แล้ว วันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นก็หาเหตุผลเลือกวิ่งทางลงได้จากการที่ Goldman Sach โดย SEC ของอเมริกาฟ้อง ในข้อหาฉ้อโกง หลังจากที่ปกปิดข้อมูลกับลูกค้า ซึ่งทำให้ลูกค้าขาดทุนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงวิกฤตการณ์ซับไพรม์ที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ทำให้หุ้นกลุ่มสถาบันการเงินในอเมริกาตกลงมามากกว่า 3% ภายในวันเดียว ส่วน Goldman Sach ราคาร่วงไปเกิน 15% แล้วครับ

ไปดูกราฟ Dow Jones กันหน่อยว่า ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง



จะเห็นว่าดัชนียังอยู่ใน Uptrend Line เส้นสีฟ้า ซึ่งพอดีกับแนวรับจิตวิทยาที่ 11,000 จุดพอดีนะครับ คาดว่าวันสองวันนี้ น่าจะทดสอบตรงนี้นานหน่อย เพราะตลาดต้องการประเมิณความเสียหายจากกรณี Goldman ว่า มีผลกระทบในระดับไหนก่อน ส่วนตัวมองว่า เป็นไปได้ที่ 11,000 จุด จะรับไม่อยู่ เพราะกรณีนี้เข้าข่ายผิดหลักธรรมาภิบาลทีเดียวครับ แต่ตลาดจะเลือก Sideway Up (แกว่งตัวทางขึ้น แต่ความชันลดลง) หรือเปลี่ยนเป็น Downtrend (ขาลง) นั้น ต้องพึ่ง Economic Data และ Earnings ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยออกมาอีกนะครับ

ซึ่งพอมาพิจารณาถึงงบการเงินที่จะประกาศ ก็มีโอกาสที่หุ้นจะถูก Sell on fact ออกมาก่อนอยู่ดี ดังนั้น ระวัง Downtrend ในระยะสั้นๆ 1-2 เดือน แต่ก็จะเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้น สำหรับนักลงทุนระยะยาว

ดู Movement ของ Emerging Markets ตามกราฟข้างล่าง ก็รูปแบบคล้าย Dow



ดูเส้นสีน้ำเงิน Uptrend Line แล้วก็ต้องภาวนาให้วันสองวันนี้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ยืนเหนือเส้นให้ได้เช่นเดียวกับ Dow Jones สาเหตุของการปรับฐาน ไม่ได้มีแค่กรณีการฟ้องร้องของ GS อย่างเดียว แต่เพราะรัฐบาลจีนเตรียมออกมาตรการควบคุมสินเชื่อที่ปล่อยให้กับธุรกิจอสังริมทรัพย์ในประเทศ ทำให้นักลงทุนคาดว่า GDP ของจีนอาจชะลอการเติบโตลงอีก จึงมีแรงขายออกมาเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา เริ่มยากอีกแล้วสิครับ...

กลยุทธ์
- Emerging Markets ยังน่าจะเป็นตลาดที่รองรับเงินทุนที่แสวงหาที่ที่ผลตอบแทนสูงได้ต่อไป เนื่องจากโดยปัจจัยพื้นฐานแล้ว เศรษฐกิจฟื้นตัวดีกว่า Developed Markets และราคาหุ้นไม่ได้แพงเกินไปเมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีต ยังแนะนำให้ถือเป็น Core Asset ในพอร์ตลงทุนระยะยาว
- หาก Dow Jones หลุด 11,000 จุด ค่อยเริ่มทยอยลงทุนใน Emerging Markets ตามแนวรับของ Dow ที่ 10,700 จุด

กองทุนที่ลงทุนในหุ้นตลาดเกิดใหม่ยกตัวอย่างเช่น
TMB Emering Markets Equity Index Fund
AYF Latin America Fund
Aberdeen Global Emerging Markets Fund
ING Thai BRIC 40 Fund
SCB Asian Emerging Markets Fund

ส่วน Update หุ้นไทย หลังจากให้ลดพอร์ตครั้งสุดท้ายที่ 753 จุด (ทาง Twitter ตอนนี้ผมยังไม่ได้รับกลับเลยครับ เอาไว้ภายในสัปดาห์นี้ จะเอา view ระยะกลาง และระยะยาวมาให้ดู

โชคดีในการลงทุนครับ




 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 23:54:49 น.
Counter : 3070 Pageviews.  

SET Index และ การ Break High ของ ราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันในตลาด NYMEX และ WTI ต่างก็วิ่งขึ้นทำ New High แบบ Surprise และหักปากกาเซียนนักวิเคราะห์ไปหลายอยู่ รวมทั้งหักหน้า ซาอุฯ 1 ในสมาชิก OPEC ที่เพิ่งออกมากล่าวว่า ณ ระดับราคาน้ำมันราวๆ $80 ต้นๆนั้น เป็นระดับที่เหมาะสมแล้ว เพราะหากราคาน้ำมันแพงกว่านี้ จะกระทบกับปัจจัยสองปัจจัยด้วยกันคือ
1. เศรษฐกิจที่ทำท่าว่าจะฟื้น เมื่อต้นทุนแพงขึ้น อาจทำให้การฟื้นตัวมีปัญหา และไม่กระจายไปยังทุกภาคส่วนของธุรกิจ
2. ราคาน้ำมันที่แพงไป จะกระตุ้นให้เกิดจากวิจัยและแสวงหาแหล่งพลังงานทดแทนใหม่มากขึ้น ซึ่งหากพลังงานทดแทน หรือ พลังงานทางเลือก มาเร็วกว่าที่ OPEC หรือ ซาอุฯ คิดไว้ย่อมส่งผลเสียต่อเสถียรภาพการเป็นมหาอำนาจด้านพลังงานทันที

เหตุผลอันหลังดูน่ากลัวกว่า ในความเห็นของผู้ผลิตน้ำมัน แต่ในระบบทุนนิยมที่อิงกับน้ำมันมากขนาดนี้ และปัญหาวิกฤตน้ำมันของโลก เราอาจจำเป็นต้องให้ราคาน้ำมันขึ้นไปสูงมากกว่านี้ เพื่อเราเองซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมัน จะได้ตระหนักถึงคุณค่าและใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดจริงๆเสียที

เมื่อดูรูปแบบราคาน้ำมัน ก็ทำให้เชื่อว่า อยู่ในขาขึ้นแบบ Zigzag ฟันปลา แต่หากใช้ข้อมูลในช่วง 1 ปีก่อนหน้านี้ จะเห็นว่า เมื่อ RSI เข้าใกล้ 70 (Overbought Zone) ทีไร ราคาน้ำมันก็หล่นลงมาทุกที แถมการลงแต่ละที ไม่ต่ำกว่า $6-$8 ขึ้นไป (หรือมากกว่า 10% ทีเดียว


มาดู Volatility Index ของราคาน้ำมัน WTI ก็จะเห็น MACD เริ่ม flat ใกล้จะเป็น Buy Signal ทุกที แถม RSI ก็อยู่ใน Band ล่าง ซึ่งแปลว่าน่าจะมีดีดกลับให้เห็น (การดีดกลับของ Volatility Index จะหมายถึง ความเสี่ยงด้านราคาน้ำมัน ที่จะลดลง)


แต่รูปแบบที่ขัดแย้งก็คือ Crude Oil สามารถทำ New High ขึ้นมาได้แล้ว ซึ่งส่วนตัว ผมเชื่อตัว Price Pattern มากกว่าดู Indicators ทั้งหลาย ดังนั้น ในมุมมองส่วนตัว ถึงแม้จะมีการย่อของราคาน้ำมันให้เห็นในอนาคตอันใกล้ ก็คาดหวังว่าจะไม่ต่ำกว่า $83-$84 ลงมา (จุดสูงสุดเดิม) เนื่องจากทำ Pattern Higher High ไปแล้วครับ

มาดูดัชนีหุ้นไทย ซึ่งมีกลุ่มพลังงานอยู่ไม่ต่ำกว่า 35% ของ Market Cap. หากราคาำน้ำมันไม่หลุดแนวรับที่ผมมองไว้ ก็หมายความว่า SET Index น่าจะพยายามสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่านี้ขึ้นไปอีก จากการไหลเข้าของ Fund Flow ต่างชาติ เป็นหลัก สิ่งที่ขัดแย้งกับการขึ้นและการไหลเข้าของ Fud Flow ก็เหมือนกับราคาน้ำมันครับ RSI ของ SET Index ได้เข้าสู่ Overbought Zone แล้ว ทำให้เกิดสมมติฐานว่า จะมีการปรับฐานตามมาในไม่ช้าแน่นอน แนวรับสุดท้ายที่ SET Index ไม่ควรหลุด ก็อยู่แถวๆ 770-775 จุดครับ ซึ่งเป็นที่ๆผมเพิ่มพอร์ตไปครั้งล่าสุดพอดี และเกือบจะลดพอร์ตลงเมื่อตอนที่ SET Index หลุด 780จุดลงมา (แต่วันนั้นติดอะไรไม่ทราบ มาเห็นตอนตลาดปิดพอดี)


สรุปกลยุทธ์
- สำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่เชื่อ Fund Flow ว่าเป็นของจริง แนะนำให้รอเพิ่มพอร์ตอีกครั้งที่แนวรับ 800/770 จุด
- สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่เล่นรอบได้ ให้เริ่มทยอยขายลดพอร์ตเมื่อ SET Index สูงกว่า 814 จุด ขึ้นไป หรือเริ่มทยอยตั้งแต่วันนี้ หากไม่อยากรับความเสี่ยง
- สำหรับนักลงทุนระยะสั้น 800 จุด ขึ้นไป เลือก Selective Buy ในหุ้นมี Story และปันผลหนุนหลังหรือ ได้รับการ Upgrade จาก Broke ต่างชาติ กำหนดจุด Stop Loss ไม่เกิน 3%

สุดท้าย สัญญาณ Sell Signal ยังไม่เกิด ใครที่เล่นแบบ Let's profit run ตอนนี้ ได้มาเกือบๆ 90 จุด ก็รอต่อไปครับ มีสัญญาณเมื่อไหร่ จะ update ให้ทราบอีกที

------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ




 

Create Date : 07 เมษายน 2553    
Last Update : 7 เมษายน 2553 1:29:13 น.
Counter : 3231 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

Mr.Messenger
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]




Head, Investment Consultants Citigold Citibank N.A. (Thailand)
free hit counter
click here
free hit counter
Friends' blogs
[Add Mr.Messenger's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.