กลับมาอีกรอบ ไปมามาไป
Group Blog
 
All blogs
 

มิ้งกิทัวร์: อาสาฬบูชาที่จังหวัดแพร่ (2)

ตอนแรก



คำเตือน เรื่องมิ้งกิทัวร์นี้ ไม่ว่าตอนไหน ๆ ก็มีแต่น้ำแกงล้วน ๆ ส่วนเนื้อ และผักไม่ค่อยมี ถ้าหวังจะได้สาระที่แกล้มมาพร้อมกับเนื้อหาเต็มเปี่ยมแล้ว อาจจะคิดผิดหลงผิดได้ นอกจากนี้ อนาคตของเรื่องก็หายไปพร้อมกับเนื้ออีกต่างหาก มีสติอยู่กับตัวไว้เป็นดี จะได้ไม่พลาดพลั้งเป็นเหยื่อหวานหมู :D :D :D

โอ นึกออกแล้ว ก่อนอ่าน ขอให้ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต หรือตลาดตามแต่ถนัด แล้วซื้อเนื้อหมู เนื้อวัวมาสักโลสองโลเพื่อกินแกล้มไประหว่างอ่าน เพื่อเพิ่มเนื้อ(หา) ซึ่งการนี้ ถ้ามีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้าก็จะดีมาก เพราะว่าจะนอกจากจะหมักปรุงรสได้เข้าเนื้อแล้ว ยังจะทำให้เนื้อนั้นนุ่มอีกด้วย

แล้วก็ถ้าซื้อเนื้อไก่มาก็ให้แน่ใจว่าได้แหล่งที่เชื่อใจ-ไว้ใจได้ อย่าเอามือเปล่าสัมผัสไก่ตอนปรุงและทำอาหารถ้าไม่แน่ใจ แล้วก็ถ้ามีปัญหาโคเลสเตอรอลหรือว่าระบบการย่อยพิการ จะเป็นปลาก็ได้ ไม่ขัดข้อง แค่แน่ใจไว้ก่อนว่าจะปรุงปลาออกมาได้ไม่คาว หรือว่า ถ้าเป็นมังสวิรัติจะเลือกเต้าหู้ หรือโปรตีนเกษตรก็ตามใจชอบนะคะ :D :D


โอ้ นอกเรื่องไปอะไรก็ไม่รู้ตั้งแต่ต้นเรื่อง แล้วเล่าเรื่องเดินทางงวดนี้จะมีอนาคตไหมคะ? นั่นแหละ นั่นแหละ หนูก็ได้อาหารมาประหนึ่งถือขันถือกระป๋องขอเลยทีเดียว คุณน้าคนหนึ่งถึงกับให้ขนมปังจาค็อบโฮลวีทแบบอร่อยมากมาหนึ่งกล่องใหญ่ คือจริง ๆ คุณน้านั่นก็คงกะว่าจะให้แบ่งกันทั้งคันรถหรอก แต่ก็คงจะหลงหน้าตาใสซื่อน่ารักน่าสงสาร (ที่ฉาบไว้เปลือกนอก) จนให้หลานรักเป็นผู้ดูแลกิจการขนมปังกรอบจาค็อบ

แต่ปัญหาก็เกิดค่ะ ใครบอกกันนะว่ามารไม่มี บารมีไม่เกิด อุปสรรคย่อมเกิดขึ้นเมื่อเรา (จริง ๆ แล้วคือ “หนู” คนเดียว) จะเปิดฝากระป๋องมารับประทาน เปิดไม่ได้ค่า พยายามเอามือแงะ แงะ ก็ไม่มีปัญญา แล้วหนูก็มีแต่อุปกรณ์การนอนเสียด้วย จะเอาหมอนไปแถกเปิดฝาได้ไหมคะ หรือจะต้องใช้ผ้าห่มกับผ้าพันคอคะ ก็ไม่ได้ ไม่ได้เห็น ๆ

หน้าตาละห้อยยังใช้ได้ผลอยู่ หนูไม่ยอมถูกริบหน้าที่ดูแลกระป๋องจาค็อบไปเด็ดขาด ก็เลยได้คุณน้าอีกคนบริจาคเหรียญบาทมาเพื่อแงะต่อ แต่ดูจากหน้าตาและท่าทาง คุณน้าก็เปลี่ยนใจให้เหรียญสิบมา มิฉะนั้นกว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ อีกทีมันอาจจะยังแงะพยายามอย่างน่าสงสารต่อไปก็มีลุ้น ดังนั้น ด้วยเหรียญสิบอาจจะมีหวังขึ้นมาบ้าง อืมมม เป็นไปได้สูงว่า ถ้ารัฐบาลไทยทำเหรียญพัน คุณน้าก็อาจจะเอาเหรียญพันนั้นมาให้หลานแล้วก็เป็นได้

ความพยายามก่อให้เกิดความสำเร็จ – ถ้ามิใช่เป็นเพราะความพยาบาทต่อฝากล่อง – ดังนั้น มิช้ามินานหนูก็ได้ล้าลาเดินแจกขนมปังทั่วรถตั้งแต่หน้ารถยันท้ายรถสมใจ กิน กิน กินไป แทะ แทะ แทะ ก็เริ่มจะคอแห้ง แล้วก็ได้ชากลมกล่อมจะคุณป้าอีกคนมากลั้วคอต่อพอดี

อย่างไรก็ตาม เล่าไปก็มีแนวโน้ม และความโน้มเอียงสูงมากกว่าจะสับสนกันทั้งคนเล่า และคนฟัง เพราะว่าทุกคนในคณะล้วนเป็นป้า ๆ น้า ๆ ทั้งนั้น อาจจะเริ่มมีการใช้ตัวย่อ ว่า ป้ามอ น้าวอ ป้าณอ ในอนาคตกาลด้วยเสียแล้ว เพราะทั้งนี้ การแบ่งเส้นอายุผู้มาทำบุญคณะนี้ นอกจากจะสี่สิบขึ้นไปแล้ว ก็มีหนู แล้วก็จะเป็นเด็ก ๆ ซึ่งไม่เกินสิบสองอีกสองสามคน

(ถ้าไม่มีป้า ๆ ทั้งหลายมาอ่าน อยากจะบอกจริงจริ๊งว่า มีหนูและน้อง ๆ มาช่วยหาค่าเฉลี่ย สาธุ หนูจะถูกฆ่าไหมเนี่ย แต่ป้า ๆ ก็เป็นพวกปฎิบัติธรรมกับได้หนูมาช่วยค่านะคะ :D :D) ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคณะนี้เต็มไปด้วยป้า ๆ น้า ๆ มากมายเกินจะเล่าโดยไม่สับสนได้ยาก ดังนั้น อนาคต อาจจะต้องเริ่มใช้ตัวย่อจริง ๆ จัง ๆ แล้ว

หนังท้องอิ่ม หนังตาก็เริ่มหย่อน ... ฮ่าฮ่า ฮิปฮูเร มิ้งจะได้หลับแล้วเหรอคะ?? ขอบคุณค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอบคุณชาวนาสำหรับข้าวแสนอร่อย ขอบคุณชาวไร่สำหรับส้มแสนดี ขอบคุณคนทำขนมปัง ขอบคุณคนเลี้ยงหมู และที่จะขาดไม่ได้ ขอบคุณโรงงานเหรียญกษาปณ์ และที่สำคัญ ป้า ๆ น้า ๆ ที่รักยิ่งของหนูสำหรับข้าวปลาอาหารนะคะ

งูเหลือมมิ้งซึ่ง “ขมาบ” (มาจากคำว่า เขมือบ บวกกับ งาบ) อาหารไปหลายขนาน เลื้อยกลับมาที่รังนอน แล้วเพราะหวังใจไว้เป็นอย่างสูงว่าจะได้จำศีลอย่างสงบ ก็เลยเลื้อยเหยียดลงซุกหน้ากับหมอนที่รัก เย้ นิทราอันแสนหวาน โอ ลา ลา ... แต่ว่า แต่ว่า ทำไมไม่มาคะ คุณนิทราที่รักของหนู หนูไม่ได้ลืมคุณไว้ที่กรุงเทพนะคะ เราขึ้นรถมาด้วยกันนี่นา คุณหายไปไหน ไปหนายยย โฮโฮ ฮือฮือ

พลิกซ้ายป่ายขวาตะแคงหน้าตะแคงหลังก็ไม่หลับ แล้วไอ้ที่บอกว่าความพยายามจะทำให้เกิดความสำเร็จมันก็เหมือนจะถูกใช้หมดไปกับฝาจาค็อบแล้ว ความพยายามที่จะข่มตาหลับมันก็หายไป แล้วการพยายามนั้นมันก็ทรม๊านทรมานอีกต่างหาก ดังนั้น และเพราะฉะนั้น อิฉันก็ทำสิ่งที่ไม่เคยทำในวันแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเช้าวันแรกเล๊ย คือการลุกขึ้นมาแล้วก็เริ่มหาเพื่อนเล่น นั่นแหละค่ะ แม้การจะมาออกฤทธิ์กันตั้งแต่เพลาเช้า อาจจะผิดวิสัยหนูไปนิด แต่ป้า ๆ น้า ๆ ก็คุ้นเคยและเคยคุ้นไปจนถึงเคยชินกับการเล่นกับเด็กไฮเปอร์อย่างหนูดี ด้วยความที่เห็นกันมานาน

(มีต่ออีกยาว - ตามประสาพวกน้ำเยอะ)


[อ่านแล้ว ชอบ-ไม่ชอบ คิดเห็นยังไง ติชมกันได้เลยนะคะ เผื่อ “พูดไปไร้สาระ” จะได้เริ่มมีสาระได้กับเขาบ้าง ^^” ขอบคุณค่ะ “D]



ปล. เพราะว่าหลัง ๆ อัพบล็อกถี่น้อยลงกว่าเดิมมาก ดังนั้นแอบขอแนะนำบล็อกทางเลือกค่ะ ที่ a cultured side น่าจะอัพเรื่องหนักจริงจังและบ่อยจุใจแน่ ๆ :D




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2549    
Last Update : 20 สิงหาคม 2549 17:44:22 น.
Counter : 795 Pageviews.  

มิ้งกิทัวร์: อาสาฬบูชาที่จังหวัดแพร่

คำเตือน (1) มิ้งกิทัวร์เป็นการเล่าเรื่องยาวแบบไม่มีอนาคต (แปลว่าจะจบหรือไม่ก็ได้) จึงขอความร่วมมือจากผู้อ่านให้เตรียมใจรับคราวเคราะห์เช่นนี้!! (2) และเนื่องจากต้องเอาแรงที่จะวาดรูปไปเล่าเรื่อง อาจจะไม่มีรูปวาดประกอบนะคะ จึงขอให้ผู้อ่านทำใจรับทั้ง (1) และ (2) อย่างจำใจจำยอมมม :D :D :D

หลังจากทั้งคนเขียนและคนอ่านเป็นอิสระต่อกันมานาน ก็ถึงเวลาที่จะได้ร่วมก่อวิบากกรรมที่แปลว่าการรอนแรมผจญภัยด้วยกันครั้งใหม่แล้ว หลังจากทำเอื่อยเฉื่อยจนไม่ได้เล่าเรื่องไปลำปางไปแล้วทีนึง ก็กลายเป็นว่าขอเป็นเล่าเรื่องไปเมืองแพร่ก็แล้วกัน

นั่นแหละค่ะ เกิดจะเริ่มเรื่อง ก็ต้องเล่าเท้าความว่า ทุกครั้งที่มีวันสำคัญทางศาสนา ขอให้เชื่อขนมกินได้เลยว่า บุพการีทั้งสองของอิฉันจะต้องกระตือรือร้นที่จะไปจาริกแสวงบุญที่ต่างจังหวัดอยู่เสมอ และด้วยความที่หนูเป็นลูกดี (ดีแบบ ดี-โอ-จี ซึ่งแปลว่า ดีม๊ากมากกกก แบบอภิชาตบุตรเลยทีเดียว!) ก็จะไม่มีปากเสียงใด ๆ ที่จะคัดค้านการถูกนับหัวรวมไปได้ด้วยเลย (หรือแปลว่า อาจจะมีปากมีเสียง แต่ไม่มีผลต่อการนับรวมจำนวนหัวก็ได้ – ขอให้แปลความด้วยความตั้งใจ และเลือกความหมายที่ถูกเองตามใจ)

และดังนั้น อาสาฬบูชานี้ หนูก็อย่าได้หวังจะกลิ้งเป็นลูกขนุนยักษ์อยู่บ้านเล๊ย เราไปทำบุญต่างจังหวัดกันดีกว่า

ก่อนหน้านี้คณะศรัทธาก็ไม่เยอะนัก ไปแค่รถตู้สบาย ๆ คนเดียวก็พอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หนูก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม๊ทำไม พระมารดาล๊าลาของหนูถึงได้มีสาวก เอ๊ยย เพื่อนฝูง และญาติธรรมเยอะขนาดนั้น งอกมาเรื่อย ๆ ยิ่งกว่าหินงอกหินย้อย อ๊ะ ไม่สิ งอกมาด้วยสปีดที่ทำให้เกิดที่ดินงอกมาตามหลักกฎหมายดีกว่า เพราะว่ามาเร็วกันเหลือเกิน ... นั่นแหละ นั่นแหละ กว่าจะรู้ตัว เราก็ได้คนมาหนึ่งคันรถบัสแล้ว

และเมื่อยามเช้ามาถึง ก็ได้เวลาที่คณะศรัทธาจะได้ออกร่อนเร่รอนแรมไปแพร่กัน ปกติแล้วต้องขอสารภาพเลยว่า เนื่องจากการเดินทางใช้เวลานาน และอีมิ้งซึ่งนับว่าเวลากระตือรือล้นคึกคักจะเป็นได้มากกว่าลูกลิงกินยาม้าก็มักจะคลุ้มคลั่งไม่มีอะไรทำอยู่ในรถ ดังนั้น ก็เลยกลายเป็นธรรมเนียมที่อีมิ้งเด็กผีสิงนั่นจะเล่นอยู่คนเดียวทั้งคืน และวันต่อมาก็จะหลับ หลับ และหลับด้วยอุปกรณ์การนอนที่เตรียมไปอย่างพร้อมมูลมีตั้งแต่หมอนใบใหญ่ หมอนกอด หมอนข้างง—เอ๊ย หมอนคอ ผ้าห่ม ถุงเท้า ที่ปิดตา เสื้อหนาว ผ้าพันคอ ฯลฯ

แล้วก็จะหลับแบบว่า พอขึ้นรถปุ๊บ ล้อหมุนปั๊บ หนูก็จะเอาหมอนมาตบ ๆ แล้วก็ทิ้งตัว (แปลว่าจริงจังมากกว่า “เอนตัว”) ลงนอนก่อนจะหายเข้าห้วงนิทราไปที่เบาะหน้าสุดของรถ หลับถึงขนาดที่ว่า ถ้าหยุดรถแวะลงไปทานอาหารกลางวัน มิ้งก็จะลงไปด้วย *แต่* เป็นการลงไปนอนต่อเท่านั้น! เช่น ถ้าเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวก็จะเกิดเหตุการณ์ชนิดที่ว่าพอชาวประชานั่งล้อมวงนั่งปุ๊บ หนูก็จะนั่งลงไปด้วย แต่เอาหน้าฟุบกันโต๊ะแล้วก็หลับไป จนกว่าใครสักคนจะจิกขึ้นมาเพื่อกลับขึ้นรถไปนั่นแหละ บางครั้งแยกร้านกัน มิ้งจะก็ถึงกับตอบคนที่แยกร้านไปไม่ได้ว่าเข้าร้านอะไร กินอะไร เพราะไม่ได้สนใจอะไรเลย นอกจากพุ่งตัวไปที่โต๊ะแล้วหลับ

อย่างไรก็ตาม การเล่าเรื่องการหลับของหนู ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป เพราะว่าเกิดขึ้นแล้ว เกิดอาถรรพ์สยองขวัญผีหลอกขึ้นแล้ววว งวดนี้หนูไม่หลับค่า!!!!! กรี๊ดด!! กรี๊ดดดด!!! คุณพระคุณเจ้า!!!! ทำอย่างไรก็ไม่หลับ พลิกซ้ายพลิกขวาหลิกหน้าพลิกหลังหนูก็ยังไม่หลับบบ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนนะคะ โฮโฮ กระซิกกระซิก .. หนูทำอะไรผิดไปคะ หนูทำอะไรผิดไป ???? Tell me why? Dis-moi pourqui? Perche?

นั่นแหละ ตาแข็งค้างยิ่งกว่าถูกถ่างตาไว้ด้วยกาแฟผสมแอฟเฟตามีนบวกยาบ้า ไม่หลับ นับแกะดีไหม บอกตัวเองให้หลับ หรือจะลุกขึ้นมากระโดดให้เหนื่อย ๆ จนน็อคเดี้ยงหลับไปเองดี ในที่สุดก็ไปถึงขึ้นหาอาหารมารับประทาน คุณป้าคนนึงทำข้าวผัดมาอร๊อยอร่อย การกินอาจจะทำให้หนังท้องตึงหนังตาหย่อนก็เป็นได้ หนูก็เลยลุกขึ้นมาเคี้ยวข้าวผัด อร่อยมาก ๆ ถึงขนาดต้องเติม แล้วป้าอีกคนก็ใจดีให้ส้มมา แล้วป้าอีกคนก็ให้ขนมปังไส้หมูผัดซอสทำเองอร่อยมาก ๆ มาอีก "น้องมิ้ง" ของป้า ๆ น้า ๆ ก็เลยฆ่าเวลาที่นอนไม่หลับด้วยการทำหน้าตาใสซื่อหลอกขออาหารป้า ๆ ทั้งคันรถไปยิ่งกว่าลูกหมาหน้าโรงเรียนอนุบาลเด็กกันไป

(มีต่อ - และอีกย๊าวยาวด้วย!)

ตอนสอง
+++++++++++

อ่านแล้ว ชอบ-ไม่ชอบ คิดเห็นยังไง ติชมกันได้เลยนะคะ
เผื่อ “พูดไปไร้สาระ” จะได้เริ่มมีสาระได้กับเขาบ้าง ^^”
ขอบคุณค่ะ “D




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2549    
Last Update : 18 สิงหาคม 2549 15:39:30 น.
Counter : 646 Pageviews.  

ฝันร้ายหมายเลขสี่สิบแปด ... และการจับแพะชนแกะ


*ภาพวาดด้วยความรวดเร็ว 3 วินาทีอีกแล้วว ^^"

วันก่อนนี้อิฉันต้องตื่นเช้ากว่าปกติเจ้าค่ะ เพราะมีงานสำคัญที่จะต้องทำ แล้วก็เพราะความหวาดหวั่นว่าจะไม่ตื่นอย่างไรมิทราบได้ ก็เลยตื่นมาก่อนเวลาที่จะตื่นจริงชั่วโมงกว่า ๆ ... ถ้าเป็นคนธรรมดา ก็อาจจะตื่นขึ้นมาลุกขึ้นมาอาบน้ำไปทำงานแล้วก็ได้ แต่บังเอิญ หนูเป็นพวกติดเตียงขี้เกียจ ขี้เซาพิเศษชนิดเป็นคอมโบ้งูแมวเซาตอนง่วงพับและก็งูเหลือมป่าหลังกินวัวไปสามตัวเจ็ดตัวเช่นนี้ หนูจะทำอย่างไรได้ ถ้าไม่กลับไปนอนต่อคะ?

แล้วก็นั่นแหละค่ะ มาแล้ว มาแล้ว พอกลับไปนอนก็เกิด “ความฝันประหลาดพิสดารนัมเบอร์สี่สิบแปด” ขึ้นมา ... อิฉันฝันว่าเกิดอาเพศอะไรก็มิอาจทราบได้ - ตามลักษณะอาเพศที่ดี (ดีที่แปลว่า typical ไม่ได้ดีเพราะแปลว่า “ดี” จริง ๆ – คืออยู่ดี ๆ (ที่แปลว่า อยู่เฉยๆ ไม่ได้แปลว่า อยู่แบบดี ๆ แล้วจะเกิดแน่นอน) มันก็เกิดขึ้นมาในวันดีคืนดี เอ๊ยย.. วันซวยคืนร้ายของเรา

นั่นก็คือ กรี๊ดดด!! ในฝันนั้น น้ำดื่มน้ำใช้ น้ำในบ่อ ในบึง ในหนอง ในคลอง ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนกลายเป็นยางเหนียว ๆ หมดค่ะ แล้วที่สำคัญ ก็คือ ... พอน้ำกลายเป็นไอ้ยางบ้า ๆ นี่ ก็จะหายใจเอาอากาศตรงนั้นเข้าไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ก็เลยต้องหอบผ้าหอบผ่อน เอาท่านแมวทั้งหลายกระเตงใส่รถ และก็หนีไปสถานที่ทดลองโครงการพระราชดำริทางภาคเหนือ ของในหลวง

แล้วก็เป็นการหนีแบบคณะเดินทาง ใน Lord of The Ring ม๊ากมากกค่ะ คือ รื่นเริงทัศนาจรไปเรื่อย ไม่ได้ตระหนักเล๊ยว่ากำลังหอบแมวหนีตาย หรือว่าต้องเร่งรีบติดจรวดกันปานไหน เพราะแม้จะถึงขนาดกรีดไปเคาะประตูบ้านเรียกป้าที่อยู่ใกล้ ๆ กันให้หนีไปด้วยก็ตามที ยังมีการพักเล่นน้ำ พักทำกับข้าว แล้วก็พักอะไรต่อมิอะไรตามรายทางไปเป็นจุด ๆ เหมือนไม่ได้ทราบซึ้งและซาบซึ้งเลยว่าอันตรายกำลังซิ่งมอไซด์ delivery สุดด่วนมาหาเราที่กำลังคลานกระดึ๊บ ๆ ไป

และแล้วเพราะมัวแต่ไปเรื่อย ๆ ไปช้า ๆ เราก็หนีไปดอยอ่างขางไม่ทัน (อาจจะงง ๆ ว่าดิฉันพิมพ์มั่วไป แต่ที่บอกว่าดอยอ่างขางนี่ถูกแล้วล่ะ ทำไมในตอนจบในฝัน มันกลายเป็นดอยอ่างขางไปได้ก็ไม่รู้) ตอนนี้น้ำเปิดจากก๊อกข้างตัวเรา กลายเป็นยางเหนียว ๆ ไปหมดแล้ว แล้วเราก็หายใจเอาอากาศที่อยู่ตรงน้ำนั้นเข้าไปด้วยยย!


... โฮโฮ หนีไม่ทันแล้ว ...


แล้วก็ตื่นพอดี ยังมีอารมณ์หนีตายที่ทำให้ปวดหัว แล้วก็แขนซ้ายชาไปซีกหนึ่งอยู่เลย – ซึ่งก็ได้พบว่า คุณหนูบุ้งกี๋กำลังเอาตัวทั้งตัวของเธอทับแขนจนขยับไม่ได้อยู่พอดี อันนี้ ฝันร้ายเกิดขึ้นเพราะยายแมวกี้หรือเปล่าหนอ

แต่ก็นั่นแหละ อันนี้ ในฝันก็ไม่ได้บอกด้วยว่า หายใจเข้าไปแล้วจะเป็นอย่างไร หรือว่าถ้าไม่มีน้ำใช้เป็นแค่ยางเหนียว ๆ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อ เพราะในฝัน บางคนก็หนี บางคนก็ไม่รู้เรื่อง เพราะยังมีเด็ก ๆ เอาไม้นั่งกวนยางสนุกสนานอยู่เลย คือมีคนที่ตระหนัก และก็ไม่ตระหนัก ที่สำคัญก็คือ มีคนที่ตระหนก และก็ไม่ตระหนก แต่พวกหนูน่ะเหรอคะ ก็แค่กลัวจัดถึงขั้นอพยพไปแล้วเรียบร้อย ….

แล้วที่สำคัญกว่าการเป็นยางเหนียว ๆ ก็คือ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นดอยอ่างขางที่จะกลายเป็นสถานที่ลี้ภัย มานั่งนึก ๆ ดู .. เอ หรือจะเป็นเพราะหนังสือที่อ่านก่อนนอนคะ? หนูอ่านเรื่องหนังสือวิชาการฝรั่งที่พูดเรื่องระบบโลกไปเรื่อย ๆ แล้วก็เปลี่ยนเป็นล้างสมองด้วยการ์ตูนแนว RPG ก่อนนอนนี่นา ....

เอ เอ๊ะ อ๊ะ หรือว่า หรือว่า ไอ้ยางเหนียว ๆ นั้นจะตีความได้หมายถึงทุนนิยมโลกที่กำลังคืบคลานมาดูดกลืนเรา และก็มีทั้งคนที่รู้ ไม่รู้ และการหายใจเอาไอ้อากาศที่อยู่กับยางผีสิงเหนียว ๆ เข้าไปก็คือการยอมรับทุนนิยม ยอมให้ทุนนิยมมาอยู่ร่วมกับชีวิต ครอบงำชีวิต เป็นนายชีวิต และทางเดียวที่จะแก้ได้ สำหรับประชาชนชาวไทยก็คือ การกลับไปสู่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว ถึงตีความเป็นสัญลักษณ์ในฝันได้ด้วยโครงการพระราชดำริทางภาคเหนือ ซึ่งต่อมากลายเป็นดอยอ่างขางกันหนอ? ตีความไปได้แบบมั่วซั่วมาก ๆ แต่ก็เพราะเป็นอีมิ้งวิปลาสนั่นเอง

แต่เอ .... ปกติจิตนิวรณ์ อันคือเหตุที่เอาจิตไปผูกกับเรื่องราวแล้วเอามาฝันก็ไม่เกิดกับหนูนี่คะ?

อย่างไรก็ตาม มีคนบอกว่า ตำราทำนายฝันไหน ๆ ก็ตีความไม่ได้ความประหลาดเป็นอย่างนี้แน่ เฉพาะเรื่องที่ฝันก็ประหลาดพอแล้ว การตีความยิ่งพิลึกเข้าไปใหญ่ - ก็บอกแล้วนี่นา ว่าเป็นการจับแพะชนแกะตามแบบฉบับของมิ้งน่ะ!


+++++++++++


อ่านแล้ว ชอบ-ไม่ชอบ คิดเห็นยังไง ติชมกันได้เลยนะคะ
เผื่อ “พูดไปไร้สาระ” จะได้เริ่มมีสาระได้กับเขาบ้าง ^^”
ขอบคุณค่ะ “D




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2549    
Last Update : 25 มิถุนายน 2549 23:56:43 น.
Counter : 1986 Pageviews.  

มิ้งกิทัวร์: ภาคเลยไปเลย (9) และจบ

ก่อนเข้าเรื่อง: ตอนนี้จะยาวเป็นพิเศษนะคะ เพราะได้ทำการบีบให้จบในตอนนี้แล้ว ขอบคุณผู้มีอุปการะทั้งหลายสำหรับแรงส่ง แรงผลัก แรงกระชาก และที่สำคัญ แรงถีบทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยนะคะ เย้!

และแล้ว เมื่อผ่านพ้นมื้ออาหารเช้ารันทดที่ชาวเราต้องพยายามต่อสู้กับการลงไปขนานกับพื้นตามแนวราบแล้ว เราก็ได้เวลาเดินทางลาจากโรงแรมเพื่อไปยังภูเรือกัน และอิฉันนั้นก็เกาะนั่งรถคุณพี่ไป เพราะว่าติดใจถูกซีดีเพลงโปรดที่ไม่ได้ฟังมาหลายปีหลอกล่อมา

ระหว่างทาง เราแวะที่ Chateau De Loei เพื่อดูของฝากต่าง ๆ นานา แล้วอีมิ้งก็เฉื่อย ๆ เนือย ๆ เหนื่อย ๆ ดูของไปเรื่อย ๆ .... สร้อยคอไม่เก๋พอ ถุงผ้าไม่รู้จะเอาไปทำอะไร รองเท้าแตะที่บ้านก็เพียบ ไวน์ก็ยังมีที่บ้าน .... เป็นเช่นนี้จนมิ้งหันไปแซวเพื่อนคุณพี่ที่เอาตะกร้ามาใส่ของที่ซื้อแบบเต็มที่เพื่อเป็นการฆ่าเวลาแบบร้ายกาจ

แต่แล้ว ที่บอกกันว่ากรรมออนไลน์เร็วแบบยิ่งกว่า Real Time ก็เป็นเรื่องจริง เมื่อหนูได้เคลื่อนตัวไปถึงตู้แช่นั้น หนูก็ได้เจอสิ่งที่เรียกว่า มะเขือเทศราคาถูก!! กรี๊ดด มะเขือเทศราคาถูกค่ะ พ่อแม่พี่น้อง!! ตอนแรกนึกว่าดูราคาผิดเพราะหน้าตาฉ่ำโบ๊ะโซน่าเจี๊ยะขนาดนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร แพ็คห้าลูกราคาสิบบาทเท่านั้น กรี๊ดดด!!!

มิ้งกิที่อินเลิ๊ฟรักมะเขือเทศม๊ากมาก เลยรีบเอามะเขือเทศสองแพ็คไปจ่ายเงิน แล้วหลังจากนั้น คุณป๋าก็บอกให้ไปซื้อน้ำแข็งเพื่อแช่มะเขือเทศสุดที่รักของหนูให้คงความสดฉ่ำระหว่างทางก่อนจะถึงกรุงเทพฯ เมื่อไปซื้อน้ำแข็งแล้ว น้ำแข็งแบบแบ่งขายราคายี่สิบบาทพอดี อะไรกันคะ ราคาเท่ากันขนาดนี้ อะไรกัน มะเขือเทศสองแพ็ค แพ็คละสิบบาท ก็ยี่สิบบาทใช่ไหมคะ

ยี่สิบบาท กับ ยี่สิบบาท ....

ราคาเท่ากันขนาดนี้ แล้วอีมิ้งก็เลยบ้าไปซื้อมะเขือเทศมาอีกหลายแพ็คเพื่อให้คุ้มค่าน้ำแข็ง (เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายจริง ๆ คำนวณกันไว้แล้วใช่ไหมคะ คุณผู้จัดการขา?) หลายแพ็คจนถูกพี่คนที่ถูกเดี๊ยนล้อไปเมื่อกี้ล้อกลับนั่นแหละ เค้าอาจจะถึงขนาดคิดว่ามิ้งซื้อมะเขือไปสมทบเทศกาลปามะเขือเทศที่สเปนก็เป็นไปได้ เพราะมิ้งเอาตะกร้ามาขนกะว่าจะเอาไปแจกผู้คนทั้งหลายด้วย แล้วก็นะคะ ถ้าไม่ได้แจกหนูต้องตายเพราะวิตามินเอและซีท่วมร่างแน่ มะเขือเทศร้อยกว่าลูกแบบนั้น!

แล้วเราก็ได้หยุดรถข้างทางเพื่อซื้อหาสตอเบอรี่ฉ่ำชื่นใจ ผลิตภัณฑ์การเกษตรแสนถูกและดีอีกอย่างกัน .... แล้วสิ่งที่มิ้งคาดไว้ก็เป็นจริง ระหว่างทางที่นั่งรถผ่านกันมา มีร้านขายต้นพิตทูเนียสวยงามบานตระการตายั่วยวนอยู่ตามสองฝั่งข้างทาง และพระมาร (ดา) หนูซึ่งหลงรักดอกไม้ชนิดนี้มากเป็นชีวิตจิตใจจะอดใจไว้ได้อย่างไรคะ? ไปไหนก็ขนกลับบ้านมาทุกคราตลอดมา นั่นแหละค่ะ ขณะที่ชาวประชำลังซื้อเลือกหาสตอแบฯ ติดไม้ติดมือกันอยู่นั้น คุณป๋าก็จูงมือคุณแม่ข้ามถนนล้าลาเพื่อจะไปหาดอกพิตทูเนีย

โอ้ ต้นพิตทูเนียจ๋า ...
ต้นพิตทูเนียที่รัก


แล้วมิ้งซึ่งเป็นโรคตามขบวนแห่ก็ได้วิ่งเกาะไปด้วยอีกคน ชอบนี่นา การตามขบวนแห่ ตามไปดูแบบนี้ แล้วเราก็ต้องพบกับความผิดหวังรวดร้าวเมื่อว่า อาเจ๊เจ้าของแผง เอ๊ยย เจ้าของสวนไม่อยู่ เอาดอกไม้ไปส่ง แล้วเด็กที่ร้านก็ไม่รู้ราคา จะโทรเข้ามือถือไปหาเจ๊แก เด็กก็ไม่รู้เบอร์อีก โอ้ ชีวิตนี้น้องเขาเกิดมาเป็นเด็กเฝ้าร้านมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ

แล้วแม่ก็เลยต้องทิ้งเบอร์มือถือแม่ไว้ให้เด็กเผ้าร้านแทน ก่อนจะกลับออกมาขึ้นรถ แต่ระหว่างทางคุณหญิงแม่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเดินชมความงามของต้นพิตทูเนียที่รักก่อน


(หน้าตาสวนพิตทูเนียที่ทำร้ายจิตใจคุณแม่ขา)



(ดอกไม้ดอกไร่อื่น ๆ 1)



(ดอกไม้ดอกไร่อื่น ๆ 2)


หลังจากนั้น แม่แวะดูที่ให้เพื่อนของคุณพี่ และก็เพราะที่ ๆ ไปดูนั้นเป็นที่ติดภูเขา และหนทางลำบากยากแค้นลาดชันนัก ก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นนั่งรถกระบะหรูหรากันไป แล้วอีมิ้งซึ่งเกิดมีวิญญาณผจญภัย adventure soul ประหนึ่งมีวิญญาณแฮริสัน ฟอร์ดในอินเดียน่า โจนส์ภาคสี่มาสิงร่างก็เกิดอยากกระชากกระทืบวัยทำเก๋ด้วยการขอเก๋นั่งหลังรถกระบะไป ซึ่งก็กลายเป็นว่าต้องทรมานสังขารพ่อและพี่ชายให้มานั่งด้วย ตามสมการดังนี้

เมื่อ พ่อ = ติดตามมาเป็นเพื่อนแม่
พี่ชาย = accompany คุณเพื่อน
อีมิ้ง = ติดแจ๋นแด๋นมาด้วย
ดังนั้น พ่อ + พี่ชาย = นั่งเป็นเพื่อนมิ้งที่หลังรถ


นั่นแหละ แล้วอีป้าแก่ก็ได้ค้นพบว่า ร้อน ร้อน และร้อนมาก แดดส่องตรงหัวชนิดอีกแป๊บนึงก็คงจุดไฟเผามดได้ และก็เกาะลำบ๊ากลำบากก พอรถหยุดดูที่จุดที่หนึ่ง เพื่อนพี่ และคุณหญิงแม่ก็ลงจากรถเพื่อดูที่ให้ชัด ๆ แล้วพวกหนูสามคนก็กระโดดลงมาจากหลังรถกระบะ แล้วหลังจากนั้นพอจะเปลี่ยนจุดดูที่ หนูก็มั่วด้วยการจิกชาวคณะทั้งสามไปนั่งข้างหลังต่อ ก็คงจะดูเหว๋อเล็กน้อยที่ตอนแรกทั้งหมดทั้งสิ้นจิกให้มิ้งไปนั่งหน้าแล้วหนูก็หัวเด็ดตีนขาดไปนั่งระรื่นกระดี๊กระด๊าอยู่ข้างหลัง และพอไม่ทันไร ก็กลับมาข้างหน้าอีกแล้ว … ก็สังขารหนูไม่ให้นี่คะ

นั่นแหละ หลังจากดูที่กันดารทรหดเสร็จ เราก็ได้เวลาไปหาอาหารกลางวันอีกแล้ว ทัวร์กินนอนเป็นเรื่องจริงของจริง จริง ๆ ด้วย ข้ามรายละเอียดไปก็แล้วกันนะ รู้แต่เพียงว่า บรรยากาศรีสอร์ทสบายมาก ๆ แล้วอาหารก็อร่อยมาก ๆ อีกแล้วก็แล้วกัน กิ๊บ กิ๊บ ยังคิดถึง ยำรสเด็ดอยู่เลย

หลังอาหารกลางวัน เราก็ได้ไปกราบพระธาตุศรีสองรักกัน แล้วก็มีเรื่องอีกแล้วค่ะ ทุกท่านขา เมื่อจอดรถพี่วีระของหนูก็ได้พูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า คนใส่เสื้อสีแดงห้ามขึ้นไป หนูก็นึกว่าคุณพี่กัดเล่น แต่แล้ว .. แต่แล้ว .... โฮโฮ กระซิกกระซิก หนูก็เจอป้ายที่บอกว่า ห้ามคนใส่เสื้อแดงชุดแดงขึ้นไป ห้ามคนกางร่มขึ้นไป ห้ามคนใส่หมวกขึ้นไป ฯลฯ นะคะ อีมิ้งซึ่งร้อยวันพันปีไม่เค๊ยไม่เคยใส่เสื้อแดงเถือกเพิ่งไปถอยเสื้อยืดใหม่สีแดงแด๊งแดงมาจากสีลม และด้วยความภูมิใจเกินร้อยแบบข้ามไปถึงล้านก็เอามาใส่แบบภูมิใจเสนอวันนี้พอดี

แต่ไม่เป็นไรค่ะ หนูเป็นเด็กที่ยืดหยุ่นสูง กระเป๋าเสื้อผ้าอยู่หลังรถเนื่องด้วยเรากำลังจะเดินทางกลับบางกอกกันใช่ไหมคะ เอามาเปลี่ยนเลยก็แล้วกัน แต่นะคะ บุญมีแต่กรรมบัง อยู่ดี ๆ ก็บังเกิดอะไรก็ไม่ทราบ เปิดท้ายรถตู้ไม่ออกก เปิดอย่างไรก็เปิดไม่ได้ค่ะ คุณขา ฮือฮือ กระซิกกระซิก ... แต่คนที่ถือความมุ่งมั่นและถือสุภาษิตว่า ความพยายามนำไปสู่ความสำเร็จอย่างหนูจะท้อแท้ท้อถอยง่าย ๆ เหรอคะ มิบังควรใช่ไหมคะ นั่นแหละค่ะ หนูก็เลยได้ทางออกที่ไม่รู้ว่าเรียกว่าทางตันหรือเปล่า เพราะหนูใช้วิธีเอาเสื้อหนาวซึ่งอยู่ในถุงเครื่องนอน (กรุณาย้อนกลับไปดูความหมายและอรรถประโยชน์ของถุงเครื่องนอนนี้ได้ในตอนที่ 2 นะคะ – ในกรณีที่จำไม่ได้ เพราะเรื่องมิ้งเลยไปเลย และเลยไปไกลนี้ได้ใช้เวลานานมากกว่าจะมาถึงตอนนี้บทนี้) มาสวมทับ ซึ่งก็จะขอบอกว่า ร้อนมาก ๆ ค่ะ คุณเสื้อได้ช่วยให้หนูใส่เสื้อที่ไม่ใช่สีแดงแล้วอย่างมาก เพราะความหนาที่ใส่ไปเพื่อกันหนาวอย่างหนา

จนถึงกับต้องตั้งข้อแม้บอกแม่ว่า แม่ขา ขอให้ใช้เวลาให้สั้นที่สุดนะคะ ... นั่นแหละ พอขึ้นไปถึง กราบพระธาตุเสร็จ ผู้ปกครองทั้งสองก็เกิดอารมณ์เก๋พินิจพิจารณาความงามของพระธาตุ และต้นลั่นทมที่มีดอกขาวพราวพร่างร่วงกระจายอยู่ตามพื้น


(มองผ่านใต้ร่มลั่นทม)


อืมม .. หนูเป็นลูกของบุคคลทั้งสองใช่ไหมคะ ดังนั้น การที่หนูจะมีอารมณ์ร่วม และช่วยชื่นชมความงามขององค์พระธาตุ และต้นไม้ใบหญ้าใด ๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดประการใดใช่ไหมคะ? นั่นแหละค่ะ ล้าลาร่าเริงไปสักพัก หนูก็เริ่มรู้สึกวูบค่ะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ไม่ใช่อะไรเลย หนูใส่เสื้อหนาวหน๊าหนาอยู่นี่เอง แล้วก็เลยเป็นนิมิตว่า ลงไปได้แล้วเถิดรา

นั่นแหละ ถึงรถปั๊บ หนูก็รีบถอดเสื้อหนาวออกในบัดดล แล้วเราก็นั่งรถต่อกันมาเรื่อย ๆ มาแวะทานข้าวที่สระบุรี ซึ่งก็จะขอข้ามมื้ออาหารไปก็แล้วกัน จะได้จบพอดี ไชโยๆๆ

(จบ)
……..

จบภาค 9 ซึ่งเป็นภาคจบของเรื่องได้เสียที ไชโย ดีใจมาก ๆ หนูทำลายอาถรรพ์คำสาปที่เขียนเรื่องเที่ยวไม่เคยจบได้แล้ว โฮโฮ ดีใจมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ!

ขอบคุณทุกท่านที่ได้กรุณาอดทนสละติดตามเรื่องราวยาวยืดนี้มาได้อย่างใจเย็น สาธุ ๆ ๆๆ ขออานิสงค์นี้จงส่งผลให้ท่านทั้งหลายเจริญ พร้อมพรั่งด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ โดยถ้วนหน้าด้วยเทอญ เย้!

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น มิ้งก็ได้ไปลำปางต่อมา จะมีใครกล้าฟังต่อไหมคะ โดยเฉพาะเมื่อเรารู้กันแน่แก่ใจว่ามิ้งจะใช้เวลาเกินแรมเดือนต่อเรื่องเช่นนี้??


+++++++++++

อ่านแล้ว ชอบ-ไม่ชอบ คิดเห็นยังไง ติชมกันได้เลยนะคะ
เผื่อ “พูดไปไร้สาระ” จะได้เริ่มมีสาระได้กับเขาบ้าง ^^”
ขอบคุณค่ะ “D




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2549    
Last Update : 2 มิถุนายน 2549 13:24:10 น.
Counter : 640 Pageviews.  

มิ้งกิทัวร์: ภาคเลยไปเลย (8)

ก่อนลงเรื่อง: กราบขอบพระคุณญาติโยมทั้งหลายที่มาเป็นแรงหนุน แรงส่ง แรงกระชาก จนไปถึงแรงถีบจนพ้นอาถรรพ์แต่งเรื่องเที่ยวไม่เคยจบนะคะ เรื่องนี้คงมีอนาคตแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ ... สิ้นปีเราจะทำโล่ประกาศเกียรติคุณแบบสลักชื่อให้ทุกท่านนะคะ

ความเดิม - มิ้งกำลังอิจฉาหมาเล่นน้ำอยู่

นั่นแหละค่ะ พอนังมิ้งเริ่ม ๆ อิจฉาหมาเล่นน้ำแล้ว พ่อก็ลากลูกสาวที่ทำท่าอิจฉาเกินงามกระทั่งหมาขึ้นรถไป และระหว่างทางคุณพี่ผู้หญิงอย่างเป็นทางการของหนูก็ภูมิใจมากที่จะนำเสนอมะพร้าวแก้วขึ้นชื่อเป็นลำดับต่อไป ดังนั้น เราก็เลยจอดรถแวะซื้อมะพร้าวแก้วที่คนขายและเจ้าของร้านเป็นเพื่อนของคุณพี่ผู้หญิงกัน

โอ๊ยย... ถ้าเป็นสมัยก่อน มิ้งจะมีความสุขมากเลยนะเนี่ย มะพร้าวแก้วชิ้นใหญ่บะเอ๊กเหมือนว่าถลกหนังหัวมะพร้าว เอ๊ย ขูดออกมาได้แผ่นละลูกแบบนี้ แต่หลัง ๆ เนี่ยเผอิญว่าหมดรักขนมหวานไปแล้วนิดหน่อย ก็เลยแค่กรี๊ดกร๊าดกับขนาดชิ้นและวิธีทำแทน ก็ไม่เคยเห็นนี่คะ หนูเคยเห็นแต่แบบสำเร็จรูปเป็นถุงพร้อมให้หนูแทะ

ระหว่างนี้ แล้วโอ หนูก็เข้าใจได้ว่าทำไม ถึงเกิดปัญหาน้ำตาลขาดแคลนขึ้นมาในประเทศไทย ขนมเหล่านี้ใช้น้ำตาลน้ำหวานเยอะเหลือเกิน ...

เนื่องจาก มีเวลาเยอะ แล้วมิ้งก็เริ่มเปอร์ตามประสา ดังนั้น อีลูกลิงกินยาม้าอย่างหนูก็เริ่มช่วยคุณป๋าเก็บลูกตะขบเล่น สนุกมาก ๆ ได้กระโดดไปกระโดดมา

และอะไรต่อเหรอ? เราก็นั่งรถกลับเข้าโรงแรมกันน่ะสิคะ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจังหวัดเลยของเราจะเขียว เขี๊ยว เขียว ได้แบบนี้ เกือบร่ำ ๆ จะตกวิชาภูมิศาสตร์แล้วหลงคิดว่าจังหวัดนี้เป็นส่วนหนึ่งของภาคเหนือมากกว่าจะเป็นภาคอีสานเสียแล้วเชียว อย่างต้นไม้เค้าก็เขียว และไม่แล้งเหมือนทางอุบล อุดร บุรีรัมย์กันไป ถึงขั้นที่บอกได้ว่าเมืองเลยเป็นเมืองที่น่ารักกว่าที่คิดไว้มาก ถึงขั้นใกล้เคียงกับการตกหลุมรักเลยเชียวล่ะ


(เขียวซะขนาดนี้น่ะ)


อืม กลับเข้าโรงแรม เราก็มีลั้ลลาลั้ลลาลาอยู่ในห้องกันเล็กน้อย พร้อมกับเพื่อกลับมารับคุณนายที่รักของหนูที่เพิ่งฟื้นตื่นจากหลับไหล ก่อนที่จะเดินทางไปแสวงหาอาหารเย็นรับประทานกัน บอกได้คำเดียวจริง ๆ ว่างวดนี้เป็นการเดินทางแบบกินนอนมาก ๆ เมื่อกี้เพิ่งเล่าเรื่องสะแน๊กกกที่ริมแก่งไปเอง

ก็ขอข้ามมื้ออาหารไปแล้วก็แล้วกันเนอะ เอาเป็นว่า หลังมื้ออาหารเราก็กลับมาคาราโอเกะต่อที่โรงแรมกัน แล้วก็เหมือนประหนึ่งมิ้งกิและคณะจะเมากัญชา (จากไหนก็ไม่รู้ เปรียบเทียบไปได้มั่วสะบัด!) ก็เพราะเราขำเริงร่ากันจนดึกดื่นมาก ๆ ถึงขนาดที่มิ้งเองก็หัวเราะรื่นเริงแบบที่รู้ตัวเลยว่าไม่ได้หัวเราะเต็มเสียงอย่างนี้มานาน หัวเราะจนตัวร้อนเพราะเลือดสูบฉีดสุดชีวิตจริง ๆ คิดทีไรก็ยังหัวเราะขำกับเหตุการณ์ตอนนั้นได้อยู่เลย

อย่างไรก็ตาม ก็มีเรื่องเกิดขึ้นค่ะ เนื่องจากเราเริ่มร้องคาราโอเกะกันในยามค่ำคืนและดำเนินต่อไปโดยไม่ยอมหยุด โรงแรมชั้นล่างก็ปราศจากผู้คนเสียแล้ว แล้วมิ้งกิซึ่งเริ่มง่วงก็เดินไปล้างหน้าในห้องน้ำคนเดียว ซึ่งก็เงียบมาก ๆ และวังเวงมาก ๆ และก่อนหน้านั้น ก็เพิ่งเดินขึ้นมาจากที่จอดรถชั้นใต้ดินกับพี่ชายสุดที่รักเสียด้วย ซึ่งจะบอกว่ามิ้งเป็นคนที่กลัวที่จอดรถแบบนี้มากมากมากและมากมากมากมากด้วยเหตุผลส่วนตัว นั่นก็ทำให้มิ้งล้างหน้าด้วยความหวาดหวั่น แล้วก็...

กรี๊ดด... เสียงอะไรน่ะ ฮือฮือฮูฮู.. อยู่

เสียงมาจากไหนคะ กรี๊ดดด น่ากลัวจังเลยยยย


อีมิ้งกรี๊ดดในใจไปสักพัก ก็เริ่มได้ยินเสียงอื่นตามมาด้วย

แล้วเธอจะไป จะไปก็ไป .... (อะไรสักอย่างแบบนี้)

เอาล่ะค่ะ Q.E.D. แล้ว มันก็คือเสียงเพลงจากห้องคาราโอเกะค่ะ! อยากจะกรี๊ด ใครจะคิดว่าเสียงเพลงจะตามมาหลอกได้ไกลขนาดนี้คะ? แล้วก็จำเพาะเป็นตอนเปลี่ยนเพลงแล้วมีคร่ำครวญฮือฮือลาตามเพลงก่อนเริ่มเสียด้วย แล้วหนูจะไปทราบไหมคะ? ฮือฮือ รู้อย่างนี้รอเดินมาพร้อมคุณแม่ขาก็ดีหรอก

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกตามจริงไปเลยว่า การเดินมาล้างหน้าคราวนี้ได้ผลเกินร้อยค่ะ ตื่นสนิท ตื่นจริง ๆ ... ถึงแม้จะเป็นการตื่นเพราะแตกตื่น ตื่นตระหนก และตื่นตูมไปก็เถิดนะ ลงท้ายมันก็ตื่นได้จริง ๆ

แล้วคณะนักร้องเสียงทอง (ที่ไม่รวมเดี๊ยน) ก็ร้อง ร้อง ร้อง จนในที่สุดก็ไม่ไหวแล้ว ... พนักงานไม่ไหวแล้วนั่นเอง มาทำตาปรือจะปิดอยู่หลังห้อง บิดามารดาก็เลยตัดสินใจว่าถึงเวลาแยกย้ายกันไปนอนแล้ว

วันรุ่งขึ้น แน่ใจได้เลยว่าสมาชิกทั้งหลายคงจะโซซัดโซเซลงมาเจอกันที่โต๊ะอาหาร แล้วด้วยความที่ลงมาสายมาก ๆ ก็ได้เวลาเก็บบุฟเฟท์พอดี ซึ่งสมาชิกแต่ละคนก็เป็นอารมณ์มือไวได้รางวัลมาก รีบ ๆ หยิบ ๆ ตัก ๆ อาหารของแต่ละคนกันมาก่อนอย่าง (พยายาม) จะรวดเร็ว (ต้องใช้คำว่าพยายามเพราะเมื่อคืนวานดึกมาก จนคล้ายกับว่าไม่ได้นอนกัน แล้วร่างกายที่ปราศจากการพักผ่อนอย่างเพียงพอมันจะเป็นอะไรได้นอกจากสังขารต้องสู้ล่ะคะ?)

นั่งล้อมวงกันทานข้าวไปคุยกันไป แล้วพี่ชายก็เล่าให้ฟังว่าที่เลย โดยเฉพาะที่ภูเรือนั้น หน้าหนาวจะหนาวมาก หนาวขนาดที่มีแขกของโรงแรมมาโวยวายโวยวายอยู่บ่อย ๆ อย่างครั้งหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า แขกกลุ่มนั้นหนาวมาก หนาวจนขอให้พนักงานช่วยลดอุณหภูมิแอร์ที่กำลังเปิด แล้วพนักงานก็พร่ำแต่บอกได้ว่า เอ่อ ลดไม่ได้ครับ ลดไม่ได้ครับ จนแขกกรีดอาละวาดต้องเชิญผู้จัดการมาให้ แล้วคุณแขกผู้มีอุปการะก็ฟ้อง ฟ้อง ฟ้อง โวยวายจนกระทั่งผู้จัดการบอกว่า ลดไม่ได้ครับ เราไม่ได้เปิดแอร์ แต่อากาศเย็นนั่นแหละ

ก็ขนาดนั้นเลย จริงเท็จไม่รู้ รู้แต่ว่า กรี๊ดด น่าสบายจัง หนูเลิ๊บอากาศเย็น

+++++++++++

อ่านแล้ว ชอบ-ไม่ชอบ คิดเห็นยังไง ติชมกันได้เลยนะคะ
เผื่อ “พูดไปไร้สาระ” จะได้เริ่มมีสาระได้กับเขาบ้าง ^^”
ขอบคุณค่ะ “D




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2549 0:57:26 น.
Counter : 766 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

หมาเลี้ยงแกะ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"มากระโดดโลดเต้นสนุกสนานไร้สาระไปกับหมาเลี้ยงแกะไฮเปอร์ที่ขยายสาขามาจาก blogspot กัน!"

หลงเข้ามาใหม่? คิดอะไรไม่ออก? แวะไปดูโครงสร้างบล็อกและการอัพเดทเรื่องได้เลยนะคะ




[* เรื่องล่าสุด ]


เล่าล่าสุด 2009
ทางแยก
ดื่มน้ำไหมแมว
วาดวัว



Friends' blogs
[Add หมาเลี้ยงแกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.