^0^ BiEnVeNuE ^0^

รู้สึกท้อแท้... กลัวไม่เป็นอย่างที่ฝัน... กลัวไม่ได้อยู่ด้วยกัน

"ภาพฝันหวานที่เธอจินตนาการไว้
ก็เหมือนนิทานเรื่องหนึ่งในวัยเด็ก
ที่เรามักชอบให้จบลง
ด้วยเจ้าหญิงเจ้าชายครองรักกันสืบไป"


ความวิตกกัลวลเมื่อมันมีอยู่กับใคร มันก็หาเรื่องคิดมากจนได้ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง จบเรื่องนี้ ต่อเรื่องนั้น บางเรื่องยังไม่เกิดก็หาเรื่องทุกข์ไปก่อนล่วงหน้า บางคนให้คำตอบตัวเองว่า อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว อยากมีรักแท้จริง เวลามีใครเข้ามาซักคนก็ต้องคิดมากหน่อยเป็นธรรมดา เพราะอยากให้เป็นคนนนี้เลย เบื่อที่ต้องค้นหา และต้องเปลี่ยนแฟนอีก รู้สึกเหนื่อยเต็มทน แสดงว่าความรักไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขในช่วงเวลารักเลยหรือ เธอมองว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาของเธอ เธอมีความรักเป็นตัวหล่อเลี้ยงให้เธอมีความสุขมาได้จนทุกวันนี้ แม้จะมีเรื่องเศร้าบ้าง แต่เธอก็รู้สาเหตุของการเลิกรานั้น ไม่ว่ามันจะมาจากตัวเธอหรือเขา แต่ถามว่าเธอได้อะไรจากมันมาคุ้มค่าหรือเปล่า แม้ไม่ทำให้เธอสุข แต่ก็ทำให้เธอเรียนรู้อะไรอีกมากมาย ซึ่งให้เธอก้าวเดินอย่างระมัดระวังขึ้น หากเธอใช้ประสบการณ์เป็นตัวสอนบทเรียนในชีวิตให้ ไม่ใช่เอาประสบกาณ์เป็นตัวตอกย้ำและลดค่าของตัวเอง เธอจะมีความสุขกับการที่ได้รักใครซักคน และมีความยินดีเมื่อเขาไม่ได้รักเธอ

คนที่ชอบวิตกไปล่วงหน้าว่า ชีวิตคู่ของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป เราจะรักกันยั่งยืนหรือเปล่า คงมีเรื่องอะไรที่มาทำให้เธอไม่สบายใจ หรือมีความไม่เข้าใจอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ บางทีเธอทะเลาะกันแล้วไม่หันหน้าเข้าเคลียร์กันให้เข้าใจ และเมื่อบ่อย ๆ เข้า มันก็พาลทำให้รู้สึกท้อแท้ในความรัก และวิตกังวลนานานนัปประการ ว่า ซักวันเราอาจต้องเลิกกัน ผู้หญิงเป็นเพศที่ช่างฝัน ช่างจินตนาการ เมื่อมีคนรักก็มักฝันหวานถึงวันข้างหน้าที่มีเขาร่วมอยู่ด้วย เป็นจินตนาการที่งดงาม นึกภาพว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันจะเป็นยังไง และเมื่อเกิดความรู้สึกไม่แน่นอนขึ้น ก็กลัวมันไม่เป็นไปอย่างที่ฝัน

ในชีวิตหนึ่งของเธอ...ลองทบทวนดูว่า มีอะไรที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง ไม่ว่าด้านดีหรือไม่ดี ประเภทที่ไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้าก็เกิดขึ้น ส่วนไอ้ที่คิดเอาไว้ก็มักไม่ได้อย่างใจ ถ้ารู้สึกว่ามีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับเธอ เธอต้องเผื่อใจไว้อย่างหนึ่งว่า ภาพฝันที่วางเอาไว้ อาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันอาจบิดเบี้ยวไป เป็นอีกทิศทางหนึ่ง อาจจะดีหรือไม่ดี แต่ขอให้เธอทำทุกวันของความรักให้ดี และหากเธอและเขาเกิดมาเพื่อกันและกันจริง ๆ เหมือนอย่างที่เขาบอกแน่นอน แต่หากมันไม่ใช่ มันก็จะมีเหตุกาณ์บางอย่างเกิดขึ้น ที่บอกเธอได้เหมือนกันว่าไม่ใช่ และเธอเองก็จะยอมรับได้เองว่าภาพฝันหวานที่เธอจินตนาการไว้ ก็เหมือนนิทานเรื่องหนึ่งในวัยเด็กที่เรามักชอบให้จบลงด้วยเจ้าหญิงเจ้าชายครองรักกันสืบไป และถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น ก็จะมีนิทานเรื่องใหม่มาทำให้เธอนอนหลับฝันหวานได้ในวันต่อมา แล้วจะกลัวไปทำไม รู้ไหม! สวรรค์น่ะชอบแกล้งคนคิดมาก ไม่งั้น! มนุษย์คงสมใจอยากกันทั้งโลกแล้วล่ะ




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2550   
Last Update : 20 มิถุนายน 2550 19:58:10 น.   
Counter : 706 Pageviews.  

คนนี้หรือเปล่า...ที่เราจะฝากชีวิตไว้ด้วยได้

"ถ้าเขาดูแลหัวใจตัวเองให้ได้ดี ก็พออุ่นใจว่า
เขาจะสามารถดูแลคนที่เขารักได้ดีเช่นกัน"


ผู้หญิงหลายคนเมื่อถึงวัยหนึ่งที่สมควรจะมีคู่แต่กลับไม่มีก็พยายามมองว่าคนนี้ใช่เนื้อคู่เราหรือเปล่า หรือจะเป็นคนนี้ ส่วนคนที่มีคู่แล้ว และไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฝันไว้ ก็จะเกิดความลังเลอีกเหมือนกันว่า ใช่คนนี้ไหมนะ แล้วเราจะฝากชีวิตไว้กับคน ๆ นี้ได้หรือเปล่า

คงเคยได้ยินกันว่า เมื่อคู่รักคู่ใดตกลงใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ฝ่ายหญิงมักยกชีวิตให้ฝ่ายชายไปดูแล เสมือนว่าฝ่ายชายเป็นเคาน์เตอร์รับฝากของ ไม่เห็นมีใครบอกว่า ฝากชีวิตผู้ชายคนนี้ให้หนูดูแลด้วยนะจ๊ะ เพราะเพศชายเป็นเพศที่สังคมยกย่องว่าเข้มแข็งกว่าผู้หญิง เมื่อมีครอบครัวก็ดำรงตำแหน่งผู้นำ ต้องดูลแลครอบครัวให้ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วชีวิตใครก็ยังอยู่ที่คนนั้น ก็แค่ยินดีที่จะเข้าไปช่วยดูแล ก้าวก่ายชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น และการที่จะดูแลซึ่งกันและกันและกันได้ ต้องดุว่าอีกฝ่ายหนึ่งน่าไว้วางใจแค่ไหนที่จะให้มาดูแลเรา คิดดีแค่ไหนที่จะเป็นเพื่อนคู่คิด มั่นคงแค่ไหนที่จะช่วยเหลือกันได้ในยามตกทุข์ได้ยาก

นอกจากความรักที่มีต่อกัน เมื่อมันก้าวมาสู่การใช้ชีวิตร่วมกัน มันก็ต้องมีคุณสมบัติอื่น ๆ ของเขาประกอบด้วย เช่น ความรับผิดชอบในหน้าที่ ความคิด ความขยันขันแข็ง ความมุ่งมั่น ความพยายาม ความอดทน แล้วแต่ว่าเธอจะให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากกว่ากันสำหรับคนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งสมาชิกคนสำคัญของบ้าน ที่ต้องมีหน้าที่ดูแลกันและกัน เขาก็น่าจะเป็นคนที่สามารถดูแลตัวเองได้ดี คือ สามารถจัดการกับชีวิตของตัวเองให้เป็นไปในทางที่ดีเจริญงอกงาม เพราะถ้าเขาดูแลตัวเองได้ดี ก็พออุ่นใจว่าเขาจะสามารถดูแลคนที่เขารักได้ดีเช่นกัน หากชีวิตของเขาไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้เลย หรือยิ่งแก้ก็ยิ่งแน่นเข้าไปใหญ่ หนทางข้างหน้ามืดมน ชีวิตไม่มีความแน่นอน สังเกตได้จากอารมาณ์และจิตใจ หากไม่สงบนิ่ง ร้อนรน วุ่นวาย อยู่ตลอดเวลา หรือมีทัศนคติที่แย่ต่อผู้อื่น ต่อสิ่งที่พบเห็น เขาก็ไม่สามารถอดทนต่ออุปสรรคในวันข้างหน้าได้

ส่วนเรื่องฐานะ มนุษย์เราสามารถทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ ขอเพียงมีความมานะพยายาม มีความเพียร และพลังใจ บางคนไม่ได้ร่ำรวยมาแต่ชาติกำเนิด แต่เป็นคนขยันและมีความมุ่งมั่น ค้นพบความสามารถที่มีอยู่ในตัว และนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ถือว่าเขาดูแลตัวเองได้ดีเยี่ยม แต่ผิดกับบางคน แม้มีเงินทองมากมาย แต่ไม่รู้จักดูแลเพิ่มเติม ปล่อยชีวิตให้หมดค่าไป วัน ๆ นั่นถือว่า เขาดูแลตัวเองไม่เป็น ก็คงต้องปล่อยเขาให้เดินอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองเขาต่อไปเถิดนะ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย

บางทีความสามารถของคนเ อาจยังไม่ฉายในขณะกำลังเรียน เพราะการเรียนไม่เหมือนการใช้ชีวิตโลกภายนอก หากเราคบกันอยู่ในวัยเรียน เราก็ควรให้เวลาต่างฝ่ายออกไปผจญกับโลกภายนอก แล้วดูซิว่าเขาจะสามารถนำพาชีวิตเขาไปยังจุดหมายที่เขาต้องการได้หรือไม่ ให้โอกาสเขาดูแลชีวิตตัวเองเขาก่อน แล้วเราคอยเป็นกำลังใจให้ เมื่อถึงวันหนึ่งที่เขาสามารถยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างมั่นคง คนแรกที่เขาจะให้ขี่หลังเขา...ก็คงจะเป็นเธอ คนที่เดินเป็นเพื่อนเขามาตลอดทาง




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2550   
Last Update : 20 มิถุนายน 2550 19:37:44 น.   
Counter : 1008 Pageviews.  

ไม่มีใครเข้าใจ ว่าเรารักกันจริง ๆ ที่บ้าน...ไม่ยอมรับเขา

"เขาก้คงคิดว่า. . .
เรารักกันเหมือนเด็กที่เล่นเป็นพ่อแม่กัน
ซักพักมันก็เบื่อกันไปเอง"



อุปสรรคสำคัญอีกอย่างของ "ความรัก" คือการไม่ยอมรับจากผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะครอบครัว ซึ่งก็ต้องมองกันอย่างเป็นกลาง ๆ อย่าพยายามคิดเข้าข้างเขา หรือเข้าข้างเรา ว่าเป็นเพราะอะไร ถ้าเรามองด้วยสายตาของครอบครัวที่มอง หรือคนใกล้ชิดมองเราอาจจะเข้าใจพวกเขามากขึ้นว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่เห็นด้วยกับความรักของเรา

"ความรัก" ก็อย่างที่บอกเมื่อมันเกิดขึ้น มันก็บอกไม่ได้ว่าทำไม แม้รู้ทั้งรู้ว่าคนบางคนไม่น่ารัก แต่ก็ยังรักไปได้ เพราะฉะนั้นเป็นธรรมดาที่คนที่เรารักจะได้รับการปฏิเสธจากคนใกล้ชิด ไม่ว่าฝ่ายเขาหรือฝ่ายเรา อาการที่แสดงออกว่าไม่ชอบ ไม่ถกใจ ประการแรกมักมาจากคุณสมบัติพื้นฐานไม่มีใครรู้จักนิสัยใจคอลึกซึ้งแฟนเราเท่าตัวเรา ไม่มีใครรู้จักเราเท่าเขา การที่พวกเขาแอนตี้ ก็คงเพราะมีคุณสมบัติภายนอกบางอย่างไม่ตรงตามเกณฑ์มาตรฐานวัดระดับคนดี ทุกคนวัดจากตาตัวเอง คนที่ด้อยหลายคุณสมบัติก็ยิ่งถูกแสดงอาการรังเกียจ ไม่เห็นด้วยมากหน่อย ยกตัวอย่างเช่น รูปร่างหน้าตา ฐานะ การแต่งตัว พื่นฐานการศึกษา ตำแหน่งหน้าที่การงาน บางบ้านแถมเถือเถาเหล่ากอ ต้นตระกูลเป็นหลักในการพิจาณาเพิ่มอีกหัวข้อ ถ้าเราหรือแฟนเราขาดคุณสมบัติเหล่านี้แม้เพียงอย่างเดียว อาการตำหนิจะเกิดขึ้นแน่นอน

อีกสาเหตุประการหนึ่งคือหากเรายังอยู่ในวัยที่ยังมีโอกาสพบเจอผู้คนได้อีกหลายพรรษา หรือยังไม่ต้องรีบร้อนมีแฟน ยังเรียนอยู่ เขาก็จะมองว่า ยังมีเวลาอีกมากที่จะเลือกเฟ้นคนที่ดีกว่านี้เข้ามาในชีวิต ในเมื่อยังมีโอกาสเลือก ก็ควรจะเลือก อย่าเพิ่งไปฟันธงว่าเป็นคนนี้ซะทีเดียว เพราะยังไม่เพอร์เฟกพอ บางทีผู้ใหญ่ก็มองอะไรออกมากกว่าเรา แต่บางทีเขาก็ตัดสินอะไรตามประสบกาณ์ของตัวเอง คำเตือนของเขาคือความเป็นห่วงที่มาจากความรักในตัวเรา สิ่งที่เขาเตือนเขาอาจมองเห็นอะไรบางอย่างที่เราไม่เห็น เพราะความรักมันจะปิดตาเราไว้ข้างหนึ่ง เราอาจจะเห็นเขาไม่ชัดเท่ากับคนที่มองมาจากภายนอกก็ได้ ก็เก็บคำเตือนไปพิจารณาดู และดูแลตัวเองในทางที่ดีงาม เขาจะให้เกียรติเรา หากเราเชื่อมั่นว่าความรักครั้งนี้จะนำพาเราไปสู่หนทางที่ดีได้ เราก็เดินหน้าเลย

เราไม่สามารถบรรยายความรักที่เรามีต่อกันให้ใครทราบได้หรอกนะ ว่าเรารักกันยังไง เขาดียังไง การบรรยายสรรพคุณแฟนให้คนที่แอนตี้อยู่แล้วฟัง เขาไม่สนใจเราหรอก สิ่งเดียวที่สามารถเอาชนะใจเขาได้ ก็คือการดูแลความรักของเราสองคนให้ยั่งยืน มั่นคงให้เขาเห็น และที่สำคัญหากเราอยู่ในวัยเรียน เราก็ต้องทำให้เขาเห็นว่า ความรักที่เกิดขึ้นมีพลังที่จะทำให้เราพัฒนาการเรียน และนำพาเราไปสู่สิ่งดี ๆ เรื่องดี ๆ ทำให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าเขามีความสามารถในการพูดคุยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาได้ก็ควรทำ ไม่ใช่การเอาใจ แต่เป็นการทำความรู้จัก และสร้างความสนิทสนมกันมากขึ้น จะรู้จักนิสัยใจคอกันได้ยังไง ถ้าไม่เอาตัวเองไปใกล้ชิดเพราะถ้าคิดจะให้พวกเขาเริ่มก่อน หวังไปเถอะ ยิ่งเหม็นหน้าอยู่

เคยมีหลายคนบอกว่า ตัวเองเอาใจผู้ใหญไม่เป็น เป็นคนเข้าหาผู้ใหญ่ไม่เก่ง พูดก็ไม่เก่ง ถ้ารู้ตัวว่าไม่เก่งเรื่องอะไรก็ไม่ต้องพยายามทำในสิ่งนั้น แค่เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด เพราะเมื่อเป็นตัวเอง เราจะมั่นใจในการแสดงความคิดเห็น พูดคุยในทัศนคติของตัวเอง แม้จะขัดกับเขาในบางเรื่อง แต่มันต้องอาศัยเวลา ซักวันเมื่อเรามีความมั่นคงต่อคนรัก และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเขาจะยอมรับในตัวเราได้เอง เพราะถ้าเรารักกัน อุปสรรคจะมากแค่ไหน เรามีพลังใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายยอมรับเราให้ได้และยินดีอย่างจริงใจที่จะรับเราเข้ามาเป็นสมาชิกอีกคนของครอบครัว

ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าเราจริงใจกันแค่ไหน ไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วที่ใครบอกอะไรก็เชื่อไปหมด ผู้ใหญเป็นโรคเชื่อคนยาก ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ยิ่งถ้าเรากำลังเรียน เขาก็คงคิดว่า เรารักกันเหมือนเด็กที่เล่นเป็นพ่อมแกน ซักพักมันก็เบื่อกันไปเอง ความจริงใจไม่ได้แสดงให้เห็นกันได้ในวันนั้น เราอาจจะพิสูจน์รักแท้ได้เมื่อห้าปีผ่ายไปแล้ว มันอาจฟังดูนานจังเลยนะ แต่ถ้าเธอรักใคร และใช้เวลาช่วงนั้นกับความรักอย่างมีความสุข เธอย่อมรู้ดีว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมันมักผ่านไปเร็วเสมอ




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2550   
Last Update : 20 มิถุนายน 2550 19:08:54 น.   
Counter : 575 Pageviews.  

รักคนที่มีเจ้าของแล้ว

"บางครั้ง. . .
ความรักก็เข้ามาหาเราเพียงเพื่อให้เราเรียนรู้
มิใช่เพื่อให้เราครอบครอง"


ความรักของคนเรามันเกิดขึ้นได้ไม่จำกัดจริง ๆ เราไม่สามารถตั้งอกตั้งใจรักคนนี้ได้ หรือเราไม่สามารถกำหนดได้หรอกว่า คนนี้เราไม่ต้องรักเขา เพราะไม่งั้นคงไม่มีคำพูดที่ว่า "ใจไม่รักดี" เมื่อความรักเกิดขึ้น หากอีกฝ่ายเป็นคนที่พร้อมจะรักใครก็ได้เหมือนเรา ก็ไม่เกิดปัญหาใด ๆ แค่ยังทำให้เขารักตอบเท่านั้นเอง แต่หากเราไปรักคนที่มีแฟนอยู่แล้ว หรือเขามีคนที่เขารักอยู่แล้ว ที่ไม่ใช่เรา ไม่ว่าสถานกาณ์ในขณะนั้น เขากับคนรักของเราจะเป็นยังไง จะรักกันหวานชื่น หรือกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต อาจจะต้องแยกทางกันในไม่ใช้ สิ่งที่เหมาะสมที่สุดที่เราจะทำคือ การไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเป็นมือที่สามให้เขาบาดหมางกันเร็วขึ้น เพียงเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของตัวเอง ที่อยากเป็นเจ้าของเขา

เมื่อเรารักใคร...สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำให้เขาได้ คือ มิตรภาพ แต่หากเขามีแฟนอยู่แล้ว ความเป็นมิตร หรือเพื่อน ก็ย่อมมีข้อจำกัดมากขึ้น เพราะเราไม่สามารถไปบังคับใจใครให้คิดได้ว่า เราไม่มีอะไรกัน โดยเพาะแฟนของเขา ผู้หญิงทุกคนย่อมไม่อยากให้แฟนตัวเองไปสนิทสนมกับผู้หญิงอื่นมากไปกว่าตน แม้จะไม่มีวันเกิดอะไรขึ้น แม้เราจะยืนยันว่า แค่เพื่อน แต่ความไม่ไว้วางใจ และความไม่สบายใจก็ย่อมเกิดขึ้นได้ เพราะความต่างทางเพศเป็นสำคัญ หากผู้หญิงคนนั้นเป็นที่มองโลกแคบ เขาจะเข้าใจแค่ว่า ผู้หญิงผุ้ชายไม่มีใครสนิทสนมกันขนาดนั้นได้ถ้าไม่ชอบกัน และคิดอะไรกัน ที่สำคัญ เธอก็ต้องตอบคำถารมตัวเอง ว่าแรกเริ่มเดิมที เธอก็ไม่ได้หวังจะเป็นแค่เพื่อนกับเขา แต่เมื่อเห็นว่าเขามีแฟนแล้ว เธอก็บังคับตัวเองให้คิดกับเขาแค่เพื่อน แต่ใจลึก ๆ แล้วเธอก็รักเขา ไม่มีใครสามารถบังคับใจตัวเองให้เปลี่ยนรูปแบบความรักได้ หากเกิดความรักแบบหนุ่มสาวกับใคร จะเปลี่ยนให้มาเป็นความรักแบบเพื่อน โดยที่ใจตัวเองยังไม่ยอมรับ ยังไงเธอก็ไม่สามารถแสดงความเป็นเพื่อนกับเขาได้อย่างสนิทใจแน่ มันต้องมีอาการพลั้งเผลอ และการแสดงความรู้สึกที่นอกเหนือไปจากนั้นหลุดออกมา

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องทำ คือ พยายามรักษาจุดที่เหมาะสมนึกถึงความต้องการของตัวเอง บวกกับความเหมาะสม และนึกถึงจิตใจแฟนของเขาด้วย เพราะหากมีการกระทำใด ๆ ที่แสดงให้คนอื่นเห็นว่าเธอรักเขา ในขณะที่แฟนเขาอยู่ตรงนั้นด้วย การแสดงออกของเธอมันข้ามแดนความเป้นเพื่อนไปแล้ว คนที่จะโดนตำหนิ และคนแรกที่จะรู้สึกผิดหากเขาต้องเลิกกัน ก็คือเธอ เธอสามารถมอบความรักให้เขาได้ ในปริมาณที่เล็งเห็นแล้วว่าสามารถรับได้แค่ไหน เหมาะสมหรือไม่ ไม่มากจนทำให้เขาอึดอัด หรือทำให้เขาต้องมีปัญหากับแฟนของเขา

สำหรับคนที่ไปรักคนที่กำลังมีปัญหากับแฟน เคยได้ยินไหมว่าความใกล้ชิดเป็นเหตุ เธออาจจะได้มีโอกาสนั่งฟังเขาปรับทุกข์ได้ปลอบเขา เวลาเขาทะเลาะกัน ได้อยู่ใกล้ ๆ เวลาทุกข์ เธอก็ควรทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ไม่ใช่ยุยงส่งเสริมให้เขาเลิกกัน ถ้าเขารักัน เธอก็ต้องยินดีที่จะเห็นเขามีความสุข และสิ่งไหนที่เธอสามารถช่วยให้เขาเข้าใจกันได้ ก็ควรจะทำ นี่แหละคือความรักที่ดีงามที่สุดที่เธอมอบให้เขาได้เธอจะภูมิใจที่เธอมีส่วนทำให้คู่รักคู่หนึ่งปรับความเข้าใจกันได้ มองเห็นคนที่เรารักมีความสุข แม้เราจะไม่สมหวัง ความทุกข์มันจะอยู่กับเธอไม่นาน สิ่งที่จะติดตัวเธอตลอดไป คือความภูมิใจในตัวเอง และความอิ่มเอมที่ได้ให้ และวันหนึ่งความรักที่สมหวังมันจะกลับมาตอบสนองความดีของเธอเอง

ลองคิดดูว่า ถ้าในทางกลับกัน เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามา โดยทำร้ายคนอีกคนหนึ่ง และหากเขาก็ไม่ได้รักเธอด้วย กลับอาลัยอาวรณ์แฟนเก่า เธอจะได้มาแต่ร่างกายเขา และจะมีคนทุกข์ถึงสามคน คือผุ้หญิงคนนั้นที่โดนเธอขโมยความรัก เขา...ซึ่งเธออ้างความรักของเธอมาผูกรั้งเขาไว้ และเธอ...ซึ่งไม่มีวันมีความสุข เพราะการอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเรา เธอจะรู้สึกแน่ว่ามันทรมานแค่ไหน

แต่หากคนที่เรารัก เขารักเราเช่นกัน เมื่อมีแฟนอยู่แล้ว เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะแฟนเขาก็เป็นคนดี เขาคงเลิกไม่ได้ เธอต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า คนที่เหมาะสมและคู่ควรจะมาให้เธอรักและเป็นคู่ชีวิตของเธอ เขาจะหาทางออกให้ตัวเองได้ เธอไม่ผิดหรอก...หากคิดจะรักคนที่มีแฟน แต่เธอจะผิดหากเธอเข้าไปทำหน้าที่ซ้ำซ้อนคนอีกคน หมายถึงว่าไม่ผิดที่จะรักแต่ผิดหากถือสิทธิ์ว่าเป็นแฟนเขาเหมือนกัน และปฏิบัติกับเขาเหมือนกับแฟนเขาอีกคน ทำอะไรที่เกินเลยหน้าที่ของความรักไป หากเขารักเธอจริง ๆ ไม่ผิดเช่นกันถ้าเขาจะเลิกกับแฟนเขา แต่ต้องไม่ใช่เพราะสาเหตุมาจากเธอเป็นหลัก ถ้าเขาต้องเลิกกัน เขาต้องรู้สึกเองว่าคนที่เขาคบอยู่ไม่ใช่คนที่เขาคิดจะร่วมชีวิตด้วย ด้วยสาเหตุว่าไปด้วยกันไม่ได้ ถ้าเขาให้คำตอบเช่นนี้กับตัวเองได้ เธอก็ไม่ใช่คนผิดที่เป็นคนต่อมาของเขา แม้เธอจะเข้ามาเร็วไปหน่อย ให้เวลาเขาในการตัดสินใจ และจัดการกับปัญหาของตัวเอง ถ้าเขาไม่สามารถทำได้ ก็ควรเข้าใจว่า บางครั้งความรักก็เข้ามาหาเราเพียงเพื่อให้เราเรียนรู้ มิใช่ให้เราครอบครอง
ความรักในรูปแบบนี้ ค่อนข้างอันตรายตรงที่ว่า มันเริ่มอย่างไม่ราบรื่นนัก และมักทำให้เธอระแวงว่า ซักวันเธอจะเหมือนผู้หญิงคนนั้นของเขาหรือเปล่า ซึ่งเธอก็ต้องพิจาณาเขาให้ดีด้วย ต้องประเมินให้ดีก่อนว่า เขารู้สึกกับเธอจริง หรือเพราะเธอรักเขา เขาก็เลยไม่ปฏิเสธเธอ วันหนึ่งเขาจะมีคนต่อไปอีกหรือเปล่า ถ้าคนสองคนรักกันอย่างจริงจัง มันจะมีวิธีที่ทำให้เขาเดินออกมาเจอกับเธอได้เอง และไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะเข้าไปจัดการให้มันเร็วขึ้น หน้าที่ของความรักคือการเดินไปมอบความรัก และยืนเฉย ๆ เพื่อรับมัน ไม่ใช่การดิ้นรนเพื่อให้ได้มา ถ้าความรักที่เธอมีให้เขา เป็นความบริสุทธิ์ใจ เธอจะได้รับความรักกลับมาด้วยความสบายใจเช่นกัน ยื่นรักที่ดีไป ย่อมได้รักที่ดีตอบ ทำใจให้สบาย และยินดีกับทุก ๆ ทางออกที่จะเกิดขึ้นนะ




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2550   
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 20:31:10 น.   
Counter : 8275 Pageviews.  

ทำไมพอเป็นแฟนกัน...เราไม่เข้าใจกันเลย ทำไมเราต้องทะเลาะกัน

"เมื่อถึงวันที่ความรักคงที่
สารกระชุ่มกระชวยงดทำงาน
สิ่งเดียวที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ตลอดไป
คือ ความเข้าใจล้วน ๆ"


หลายคนตอนเป็นเพื่อนกัน รับกันได้ทุกอย่าง เธอกำลังจะทำอะไร จะคิดอะไร จะไปไหน ตามใจเธอ ช่างเธอ ไม่ขัด ไม่มีใครมาก้าวก่าย เจ้ากี้เจ้าการเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย แต่พอเป็นแฟนกัน กลายเป็นว่า มีอะไรหลายอย่างที่เราไม่เข้าใจกัน มีเรื่องต้องขัดใจ เพราะอะไรน่าเหรอ? ก็เพราะคำว่า "แฟน" ทำให้ต่างฝ่ายต่างเริ่มสร้างเงื่อนไขให้กันและกัน ต่างพยายามที่จะรู้ไปทุกเรื่องของอีกฝ่าย แม้แต่เรื่องส่วนตัว คิดอยู่เสมอว่า "คนเป็นแฟนกันต้องไม่มีความลับต่อกัน" แต่บางครั้งเมื่อรู้ความลับของอีกฝ่าย หรื่อเรื่องบางเรื่องถ้าเล่าให้กันฟัง ก็มีอันทะเลาะกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งพยายามเข้าไปจัดการกับเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย หากเป็นการยินยอมพร้อมใจก็ดีไป แต่หากเขามีอาณาเขตล้อมรอบโลกของเขาอยู่ การทำตัวเป็นขโมยเข้าไปล้วงความลับ หรือเดินเข้าไปสำรวจ จะต้องมีเหตุกาณ์ขัดเคืองใจตามมาแน่ ๆ "ความรัก" ไม่ใช่การเข้าไปเป็นชีวิตเขา แต่คือการเข้าไปอยู่ข้าง ๆ ชีวิตเขา
เงื่อนไขของการเป็นคู่รักกันมีมากมายเหลือเกิน แล้วแต่คู่ใครจะสรรหามาตกลงกัน เช่น ฝ่ายหญิงก็มักห้ามฝ่ายชายชายมองผู้หญิง ห้ามไปไหนโดยไม่บอก อาจเลยเถิดถึงขั้นห้ามพูดคุยกับผู้หญิง ถือวิสาสะเอาโทรศัพท์มาเช็คดู ต้องโทรมาหาทุกวัน วันพิเศษอย่างเช่นวันวาเลนไทน์ ต้องมีของพิเศษมอบให้กัน ไปไหนต้องไปรับไปส่ง นัดกันต้องมาตามนัด ห้ามเบี้ยว แม้มีธุระสำคัญที่ไหน ธุระของความรัก ต้องสำคัญมาก่อนเสมอ เงื่อนไขมีมากมายที่ขนเอามาบังคับกันแรก ๆ ในยามรักกันหวานชื่น ก็สามารถทำให้กันได้ทุกอย่างหรอกนะ แต่พอนานไป ธรรมชาติของแต่ละคนก็แสดงออกมา ไม่ได้หมายความว่า เราจะรักกันน้อยลงนะ เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ความรักในระยะแรก ร่างกายเราจะหลั่งสารอย่างหนึ่งออกมา เป็นสารที่สร้างความกระตือรือร้นให้มนุษย์ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก โดยเราสามารถตามใจเขาได้ทุกอย่าง แต่ซักพักหนึ่งเมื่อความรักลงตัว ร่างกายจะหลุดหลั่งสานนั้น ความกระตือรือร้นจะลดลง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ กลายเป็นธรรมชาติของตัวเอง และเมื่อนั้นอะไร ๆ ที่ได้ก็จะไม่ได้ อะไรที่ยอม ก็จะบ่นจนถึงไม่ยอม ไม่ตามใจอย่างเดิม มีข้อโต้แย้ง เกิดขึ้นอยู่เสมอ ๆ

เราลองคบกัน เป็นแฟนกัน ปฏิบัติกันอย่างคนรัก แต่ให้เกียรติกันแบบเพื่อน ถ้าเมื่อไหร่ที่เราคบกันได้โดยไม่มีเงื่อนไขที่ทำให้ต่างฝ่ายไม่สูญเสียความเป้นตัวของตัวเองมากนัก (แน่นอน ความเป็นแฟนก็มีบ้างเหมือนกันที่ต้องมีกฎของการใช้ชีวิตคู่ แต่ไม่ถึงกับบีบรัดอีกฝ่ายหนึ่งมากไป) เธอและเขาจะหมดปัญหาความไม่เข้าใจกัน ทุกครั้งที่ขัดแย้งหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ลองคิดว่าคน ๆ นี้คือเพื่อนเราด้วย ถ้าเรารักเขาจริง จะมาทะเลาะกับเรื่องเหล่านี้อยู่ได้ยังไง ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดว่าถ้าเราเป็นเขา เราจะเป็นอย่างนี้ไหม อย่าเอาอารมณ์มาโยนใส่กัน ให้เอาเหตุผลมาโยนใส่กัน แล้วเมื่อเรามองเห็นเหตุผลของอีกฝ่าย เราจะเข้าใจมากขึ้นว่า ใครกันแน่ที่คิดมากและที่ถูกต้องมันต้องเป็นอย่างไร "แฟน" ก็เหมือนเพื่อนคู่คิดที่จะก้าวไปด้วยกันในวันข้างหน้า และเมื่อถึงวันที่ความรักคงที่ สารกระชุ่มกระชวยงดทำงาน สิ่งเดียวที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ตลอดไปคือ "ความเข้าใจ" ล้วน ๆ




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2550   
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 19:47:30 น.   
Counter : 5028 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

Milintaria
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ยิ้มให้ความผิดหวัง....อย่างคนคุ้นเคย
ยิ้มให้ความมืดมน อย่างคนรู้จักกัน
นี่คือเพื่อน เก่า ที่เรา ต้องเจอ
เจอกันเมื่อนานแสนนาน

ร้องไห้ให้กับมัน ช่างดูง่ายดาย
เหมือนมันไม่ท้าทาย เท่า เรายิ้มให้มัน
สุขก็ยิ้มได้ เจ็บก็ยิ้ม ได้
ให้ราคามันเท่ากัน ยิ้มให้มันก็ พอ.....
[Add Milintaria's blog to your web]