แม่จะเข็มแข็งเพื่อหนู/ที่หนึ่งในหัวใจ
Group Blog
 
All blogs
 

ชีวิต

เริ่มเรื่องราวประทับใจของหนังเรื่อง love actually ที่สนามบิน ที่ๆ ใครบอกว่า love is all around ความรักอยู่รอบตัวคุณ แต่เมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เรากลับคิดว่า love is all around ของจริงของแท้ อยู่ที่โรงพยาบาลต่างหาก

กลิ่นไอ ของความสุข ความเศร้า เสียงหัวเราะ และน้ำตา มีครบที่นี่ ทุกสิ่งที่แสดงออกมา มันคือ ความรักล้วนๆ มันมาจากความรู้สึก ไม่ต้องเสกสรร ปั้นแต่งใดๆ

ขณะที่เรานั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด เตียงคนไข้คนแล้วคนเล่าที่ถูกเข็นเข้าไปด้านใน เมื่อเรามองผู้คนเหล่านั้น ทำให้เรารู้สึกว่า บางทีในความโชคร้ายที่เราได้ประสบอยู่ มันมีโชคดีที่เรามองข้ามไปก็ได้

ภาพของครอบครัว พ่อแม่ลูก ที่เข้าไปให้ห้องผ่าตัดพร้อมๆ กัน

ภาพของลูกๆ ที่มาส่งคุณแม่

ภาพของคุณยาย ที่มาส่งคุณตา

ภาพของหญิงท้องแก่คนหนึ่ง มายืนส่งลูกวัยไม่เกิน 2 ขวบ

สายตา และความรู้สึกที่แสดงออกมา บ่งบอกได้ถึงความรัก ความห่วงใย

ยิ่งเมื่อไปนั่งรอที่หน้าห้อง ไอ ซี ยู จะได้เป็นทั้ง น้ำตา และรอยยิ้ม

ภายในห้อง ไอ ซี ยู มีหญิงสาวและชายหนุ่มผู้เป็นลูกที่กำลังบีบ นวด มือเท้าให้คุณแม่ที่นอนอยุ่บนเตียง

พ่อและแม่ที่ยืนกุมมือลูกชาย ที่นอนหลับอยู่

คุณยายที่คอยเข้าไปดู คุณตาเป็นระยะๆ ถึงแม้ว่าคุณตาจะยังไม่รับรู้ใดๆ

ความหวังมีอยู่ทุกแห่งในโรงพยาบาล

พวงมาลัยบนเตียงคนไข้

ธูปเทียนที่อนุสาวรีย์ของเสด็จพ่อ

ดอกไม้วางอยู่หน้ารูปสมเด็จย่า

คุณจะพบรอยยิ้มบนใบหน้าของคนไข้ที่ได้กลับบ้าน

รอยยิ้มของนางพยาบาลผู้อารีย์ (ไม่แพ้ รพ เอกชน)

ถึงวันนี้เรื่องร้ายๆ ที่เราได้เจอ ยังไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องดีๆ ได้

แต่ชีวิตมันก็ยังต้องดำเนินต่อไป เหมือนกับเพลงที่ว่า

อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิด สติ เราให้ทัน

อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน หล่ะทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:38:38 น.
Counter : 294 Pageviews.  

ไม่.คาด.คิด

หลายบทความที่เคยได้อ่าน

หลายเรื่องราวที่เคยได้ฟัง

หลายภาพยนตร์ที่เคยได้ดู

หลายบทเพลงที่เคยได้ยิน

“วันนี้คุณบอกรักหรือยัง”

“วันนี้คุณแสดงความรักให้คนใกล้ตัวคุณได้รู้หรือป่าว”

แน่นอนเราไม่เคยละเลย ถึงมันจะไม่ได้มากมายอะไรนัก

แต่ก็แสดงให้เค้ารู้ว่า

ถึงจะโกรธ จะโมโห จะไม่ชอบใจในหลายๆ พฤติกรรม

ต่อให้ทะเลาะกันแค่ไหน

สุดท้าย ยังไงก็ยังรัก

หลายบททดสอบชีวิตคู่ที่ผ่านมา

บางครั้งทำให้เราท้อใจ เบื่อหน่าย และหมดหวังในชีวิตคู่

แต่คิดว่าคงไม่มีครั้งไหนที่ สะเทือนใจเราได้เท่าครั้งนี้

เมื่อวันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่าน

เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“พี่ค่ะ ที่โรงพยาบาลโทรมาค่ะ เรื่องอาการป่วยของแฟนพี่ เค้าต้องการให้พี่โทรกลับไปคุยกะเค้าค่ะ”

“….....” เราเงียบ

“พี่.....เค้าบอกว่าตรวจเจอก้อนเนื้อในสมอง หมออยากจะคุยกับญาติคนไข้”

“…....” เราเงียบ

“ พี่ฟังอยู่ป่าวพี่”

“อืม ฟังอยู่เด๋วจะโทรไป” เราวางสาย

อยู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง

ใจคิดว่าตอนนี้แฟนเราจะรู้หรือยัง จะเป็นไงบ้าง อยากจะไปยืนอยู่ใกล้ๆ

รีบให้แม่ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่ รพ. ดูหลานที่เพิ่งคลอด ช่วยเดินไปถามรายละเอียด

ตัวเราเองไม่สามารถจะโทรไปเองได้ ด้วย สติ ณ ตอนนั้น ยังไม่พร้อมจะรับรู้

หลังจากนั้นแม่โทรมาบอกว่า ก้อนเนื้อใหญ่ประมาณ 6-7 ซม หมอว่าควรจะผ่าตัด

ก้อนเนื้อเริ่มทำให้สมองบวม เพราะไปเบียดก้านสมองแล้ว

เราฟังไปก็ร้องไห้ไป พอวางหูจากแม่

รีบติดต่อญาติที่พอจะรู้จักกับหมอที่ศิริราช

หลังจากติดต่อได้เรียบร้อยแล้ว หมอที่ศิริราชก็ได้กรุณา ให้คิวผ่าวันที่ 9 นี้

ด้วยเพราะหมอท่านนี้เป็นอาจารย์หมอ และเป็นหมอที่เก่งที่สุดทางด้านการผ่าตัดสมอง

กว่าจะได้คิวต้องรอไปถึงเดือน กค แต่ในเคสเรา คงไม่สามารถรอได้นานถึงขนาดนั้น

จึงขอร้องหมอให้ช่วยเห็นใจ และให้ดูแฟ้มความจำเป็นของคนไข้ด้วย

หมอถึงได้ให้คิวมา ทั้งนี้ต้องขอบคุณพี่ๆ พยาบาลอีกหลายท่าน

ที่ช่วยแนะนำ และช่วยเหลือทุกด้าน เมื่อจัดการเรื่องผ่าตัดเสร็จ

ก็มาถึงเรื่องที่ ทรมานใจ เพราะเราต้องเป็นคนพูดกับแฟนว่าเค้าป่วยเป็นอะไร

แค่เราเดินเข้าไปในห้อง ยังไม่ได้เห็นหน้าก็ร้องไห้เป็นเต่าเผาแล้ว

แบบนี้จะพูดอะไรได้ เราเลยไปนั่งคุยกับคุณหมออีกครั้ง

ถึงความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่ จะเกิดหลังผ่าตัด

หมอช่วยพูดให้กำลังใจ เราเองก็เริ่มมีสติ ค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์

เดินเข้าไปพูดกับแฟน เหมือนว่าเป็นเพียงแค่โรคเล็กน้อย

ที่ผ่าตัดออกไปแล้ว เค้าก็จะหายเป็นปกติ

ตอนแรกแฟนเราก็ อึ้ง แต่หมอก็เดินมาช่วยพูดอีกครั้ง

เค้าก็เริ่มเข้าใจ

ณ ตอนนี้

อาการของแฟนเรายังปกติดีอยู่ อาจจะเพราะทาง รพ ที่อยู่

ช่วยให้ยาประทังไปชั่วคราวก่อน จากวันแรกๆ ที่เข้า รพ

เค้าจะนอนซม ปวดหัว อาเจียน ปวดตา

ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว คิดว่าทั้งทางร่ายกายและจิตใจด้วย

แรกๆ เค้ารับไม่ได้ ไม่ยอมผ่าตัด กลัวว่าถ้าผ่าตัดไปแล้ว

จะไม่ปกติดีเหมือนเดิม

เราก็พยามยามพูดให้กำลังใจ รีบผ่าตอนนี้เปอร์เซ็นต์ที่จะหายก็มีมาก

แต่ถ้ายิ่งรอต่อไป เปอร์เซ็นต์มันก็ลดลงไปเรื่อยๆ

เค้ายอมทำตามแต่โดยดี

สำหรับเรา ไม่คิดอะไรไกลไปกว่าขอให้การผ่าตัด

สำเร็จลุล่วงไปด้วยไม่มีอุปสรรคใดๆ

บททดสอบที่ไม่คาดคิดนี้ ทำให้เรารู้ว่า

ถ้าคุณมี สติ ทุกปัญหาย่อมมีทางออก

และพลังแห่งความรัก มันมีอนุภาพมากกว่าที่คุณคิด




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:37:20 น.
Counter : 379 Pageviews.  

-*- Japan Food -*-

รวบรวมหน้าตาอาหารที่กินใน 6 วัน ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะถูกปาก ถูกใจทุกอย่าง เสียดายที่ไม่ได้กินซูซิสายพาน กับไม่ได้ลองยืนทานที่ร้านแถวสถานีรถไฟอ่ะ

มื้อแรกที่ร้านนี้เลย อาหาร 24 ชั่วโมง







ซื้อข้าวหน้าหมูผัดขิง กะซุปมิโซมากินคลายหนาว


ของเพื่อนเป็นไก่คาราโอเกะ+ปลาชุบแป้งทอด+ข้าวหน้าหมูผัดผักรวม



วันต่อมากินแม็ค โอ้ว คิดถึงเบเกอร์หมู 19 บาทบ้านเราจิงๆ






ต่อมากินราเมงหน้าหมูสับแบบต้มยำหน่ะ อร่อย สุดยอด



เพื่อนกินราเมงหน้าผักรวมมั้ง เยอะมั่กๆ กินได้ 2 คนเลย กับเกี๊ยวซ่า แล้วก็ข้าวหน้าแกงกะหรี่หมู






หน้าตาอาหารร้านต่างๆ






มื้อต่อมา ข้าวหน้าไก่โอเกะ+น้ำซุป กะ ข้าวหน้าไข่กับหมูทอด






มื้อต่อมา ราเมงราดหน้าทะเล



ผัดยากิโซบะ




บรรยากาศในร้าน




เครปอร่อยเหมือนกัน แต่ไม่เห็นแข็งๆ เหมือนบ้านเราเลย มันออกนิ่มๆ เละๆ อ่ะ


































จบด้วยบรรยากาศการกินอาหารของเด็กที่มาทัศนศึกษาที่ สวน Ueno นะค่ะ








ไว้จะมาประมวลภาพสวน Ueno ครั้งหน้าค่ะ




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2550 20:55:42 น.
Counter : 679 Pageviews.  

* - * Final In Japan * - *

วันที่ 4-5-6
วันนี้ตื่นกันสายหน่อย อ้อยอิ่งทานอาหารเช้าที่ไม่อร่อยของโรงแรม 10 โมงกว่าแพ็คกระเป๋าเสร็จ ก็ย้ายโรงแรมไปที่ใหม่ อยู่แถวสถานีรถไฟ ueno จุดศูนย์กลางโตเกียว เพราะหากใครจะไปจะมาระหว่าสนามบินกับโตเกียวก็ต้องมาตั้งหลักที่นี่ก่อนหล่ะ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเล็กๆ มีห้องแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่น ห้องที่จองไว้เป็นแบบญี่ปุ่น นอนหลับสบายเหมือนอยู่เมืองไทยดี เสียแต่ห้องเล็กมั่กๆ เอากระเป๋าวางแล้วก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอะไรแทบไม่ได้เลย

จากนั้นก็พากันไปส่งน้องในทริปคนหนึ่งที่ต้องกลับก่อน ได้ไปเดินเล่น Ueno Park ซึ่งอยู่ติดกับ Ueno zoo เสียดายที่ 2 วันที่เหลือ ฝนตกทั้งวัน ทำให้ดอกซากุระที่มีอยู่ไม่มากในสวน ร่วงหล่นไปอีก จะมีให้ชมก็น้อยนิด และจะออกดอกให้ชมอีกก็หลังวันที่ 20 ไปแล้วนั่นหล่ะ พอเดิมชมสวนกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาล่ำลาน้องที่เดินทางกลับ ส่วนเราตะลุยช้อปย่าน Ueno ต่อ แหล่งช้อปย่านนี้อยู่แถวริมทางรถไฟ มีทั้งตลาดสด ของกิน ของใช้ แถมอากาศเย็นๆ เดินได้ไม่มีเหนื่อยเลยหล่ะ เดินแถว Ueno เหมือนเดินในเมืองไทยเลยหล่ะ ได้เจอคนไทยกันเต็มไปหมด ขาช้อปส่วนใหญ่มีแต่คนไทย ทั้งน้ำหอม เครื่องสำอาง กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เวลาซื้อของที่ญี่ปุ่น ต้องช่วยเหลือตัวเอง รื้อ ค้น และหา ไซส์กันเอง แล้วเดินไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ หรือเรื่องทานอาหารบางร้านก็มีเมนูพร้อมภาพประกอบให้ดู แต่บางร้านมีโชว์ที่ด้านหน้า ด้านข้างจะเป็นตู้กดให้คูปองอาหารออกมา นำไปให้ที่เคาน์เตอร์ทำอาหาร พนักงานก็จะทำอาหารตามคูปองที่ได้รับ พอทานเสร็จก็เอาถาดไปคืนที่เคาน์เตอร์เหมือนเดิม ดังนั้นร้านนึง จะมีพนักงานแค่ 2-3 คน ก็พอแล้ว คนญี่ปุ่นทานอาหารเสียงดัง ซึ่งหมายความ อร่อยมาก แต่ทานแล้วสะอาด ไม่มีหกหล่น เลอะเทอะ หรือไม่เศษอาหารต่างๆ ก็จะทิ้งอยู่ในถาด ไม่มีกระเด็นหรือวางอยู่นอกถาดให้พนักงานต้องมาตามเก็บกันอีกรอบ

ดังนั้นอีก 2 วันที่เหลือ เราจึงช้อปกันอย่างสนุกสนาน เพราะวันกลับต้องออกจาก Ueno เวลา บ่าย 2 โมงครึ่งเป็นอย่างช้า ขึ้นเครื่องกลับเวลา 18.30 น แต่ปรากฎว่าเครื่อง ดีเลย์ไปถึง 8.30 น เลยได้ช้อปต่อที่สนามบินเพลินไปเลย กลับถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพเวลา 0.30 น ขอปรบมือให้กัปตันค่ะ ขับได้ดีมากๆ.... บ๊าย บาย Japan และสัญญากับตัวเองไว้เลยว่า ต้องมาเยือนแดนปลาดิบนี้อีกแน่นอนค่ะ


ประมวลภาพค่ะ

วันแรกที่เดินทาง กับสารการบิน ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ กัปตันขับห่วยค่ะ




ไวเหมือนโกหก ถึงแล้วสนามบินนาริตะ




ที่พัก เรียวกัง kangetsu












มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ กับไมโครเวฟให้ใช้ฟรีด้วยค่ะ





บรรยากาศภายในห้องพัก











ห้องน้ำกะทัดรัด




ไว้จะมาลงให้ชมแบบจุใจกันเลยครั้งหน้า








 

Create Date : 28 เมษายน 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2550 20:54:39 น.
Counter : 420 Pageviews.  

. . . Japan Part III . . .

เช้าวันที่สาม หลังจากเก็บสัมภาระกันเรียบร้อย ก็เตรียมตัวย้ายที่พัก ไปแถวชินจูกุกัน โรงแรมที่นี่ ส่วนใหญ่จะให้เข้าห้องพักเวลาประมาณ บ่าย 3 – 4 โมง ส่วนเวลา check out ก็ 10 – 11 โมงเช้า ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถึงได้ให้ check out ออกเร็วขนาดนั้น มารู้เหตุผลก็ต่อเมื่อเวลา 10 โมง พนักงานทำความสะอาดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยกลางคน ต่างพากันหิ้วอุปกรณ์ทำความสะอาดมาช่วยกันทำความสะอาดกันยกใหญ่ เหมือนว่าเป็นการจ้างแบบ part time และต้องทำให้เสร็จภายในช่วงเวลาที่กำหนด โรงแรมที่นี่เวลาออกจากห้องต้องฝากกุญแจไว้ที่เคานท์เตอร์ และเค้าจะมาทำความสะอาด เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ให้ทุกวัน แถมด้วยทุกคนค่อนข้างอัธยาศัยดีกันมากๆ เจอกันตอนเช้าก็ทักทาย โค้งคำนับกันหลายสิบครั้ง กว่าจะได้ออกจากโรงแรม

ตอนออกจากโรงแรม บังเอิญไปเจอร้านค้าขายสินค้ามือสอง ร้านเล็กมากแต่ของเยอะเป็นพันชิ้น มีทั้งแบรนด์ ไม่แบรนด์ ต้องค่อยๆ เลือกดู ร้านค้ามือสองจะพบเจอได้ตามเขตชานเมือง และราคาก็ไม่แพงด้วย พากันช้อปต่อหมดไปหลาย แวะพักทานข้าวก่อน ขึ้นรถไฟไปที่โรงแรมใหม่

เที่ยงกว่าได้โอกาสใช้บริการแท็กซี่ ถ้าเป็นในเขตเมือง เรียกรถแท็กซี่ตามป้ายที่เค้าจอดรับ ส่วนถ้าอยู่ชานเมืองก็สามารถเรียกตรงไหนก็ได้เหมือนบ้านเรา ราคาเริ่มต้นก็ 660 เยน เวลาจะขึ้นรถเราต้องรอให้คนขับเป็นคนปลดล็อคเพื่อให้ประตูเปิด ไม่งั้นอดขึ้น เวลาจะลงก็เหมือนกันคนขับจะเป็นคนเปิดประตูให้ แท็กซี่ที่นี่ทันสมัยดี จะมีจอเป็น GPRS หากคนขับไม่รู้จักสถานที่จะไป เพียงแค่คีย์ชื่อสถานที่ลงไปเท่านั้น จะปรากฏในหน้าจอว่าอยู่ที่ไหน และแสดงให้ดูว่าจากจุดที่เราอยู่ ต้องไปอย่างไร

ถนนในเมืองของญี่ปุ่นจะวิ่งกัน 2 เลน แต่หากออกไปชานเมืองส่วนใหญ่จะเป็นแบบวิ่งเลนเดียว เป็นทางวันเวย์ มีซอยเล็กซอยน้อยเชื่อมต่อกันมากมาย วิ่งรถเลนเดียวน่าจะสะดวกกว่า มีช่องสำหรับคนหรือจักรยานโดยเฉพาะ ดูแล้วเหมือนปลอดภัยดี แต่รถในญี่ปุ่นก็วิ่งเร็ว ไม่แพ้รถซิ่งในบ้านเราเหมือนกัน ทางที่ดีจะเดินหรือข้ามถนน ทำตามกฎจราจรไว้ปลอดภัยที่สุด

โรงแรมที่มาพักใหม่นี้ โดยรวมแล้วไม่น่าประทับใจเหมือนที่แรก ด้วยเป็นโรงแรมแบบตะวันตก เดินก็ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก อยู่บริเวณแถวๆ ห้างอิเซตัน โชคดีที่มีห้องทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจึงได้เอากระเป๋าเก็บเข้าห้องพักเลย จากนั้นก็นั่งรถไฟไปเที่ยวกันที่วัด Asakusa คนเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเริ่มทยอยกันกลับบ้างแล้ว กว่าจะเดินถึงวัด แวะชมร้านค้าริมทาง ก็เสียเวลามากโข ทำให้ไม่สามารถเข้าชมภายในได้ ทำได้เพียงไหว้พระและอธิฐานอยู่ด้านนอก บริเวณกำแพงวัดก็อยู่ในระหว่างซ่อมบำรุงอยู่ ร้านค้าในบริเวณวัดของค่อนข้างแพง ไม่สมควรซื้อเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะของฝาก จะซื้อได้ก็เพียงขนมต่างๆ สีสัน หน้าตา น่ากิน และอร่อยมากๆ

เข้ากลับจากวัด แวะช้อปต่อที่ห้างอิเซตัน กลับถึงห้องพักก็เกือบสามทุ่มกว่า รีบพักเอาแรงเก็บไว้ ย้ายโรงแรมต่อวันพรุ่งนี้ เฮ้อ...เบื่อจริงเรื่องย้ายโรงแรมเนี้ย ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสมาอีก รับรองอยู่โรงแรมเดียวตลอดทริปเลย จะสะดวกกว่าและไม่เสียเวลาด้วย เพราะรถไฟค่อนข้างตรงเวลา มีหลายขบวน และวิ่งถึงเที่ยงคืน


วัด Asakusa






















แผนที่ภายในวัด แสดงให้เห็นตำแหน่งที่น่าสนใจต่างๆ









ไหว้พระ+อธิฐาน โดยการโยนเหรียญ



ร้านค้าต่างๆ








ขนมไส้ถั่วแดง แสนอร่อย









ไว้จะมาลงเพิ่มอีกค่ะ





 

Create Date : 25 เมษายน 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2550 20:53:43 น.
Counter : 370 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

แม่เจ้าปัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอรหัสผ่านหลังไมค์นะค่ะ
Free Counters
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าปัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.