แม่จะเข็มแข็งเพื่อหนู/ที่หนึ่งในหัวใจ
Group Blog
 
All blogs
 

เรื่องรัก...ธรรมดา

อีกครั้งที่ต้องเขียนถึงเรื่องความรัก
ทำมั๊ย
ทำไม
ความรักมันถึงมีอานุภาพได้มากมายเพียงนี้
ทำให้คนหนึ่งคนเกลียดกลางวันและหวาดกลัวยามค่ำคืน
ทำให้คนหนึ่งคนร้องไห้อยู่นานหลายปี
ทำให้คนหนึ่งคนกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนอยู่ในสังคม
ทำให้คนหนึ่งคนโกรธเกลียดตัวเอง และคิดว่าตัวเองไม่เคยดีพอ
ทำให้คนหนึ่งคนมีแต่อดีต ไม่ยอมรับปัจจุบัน และไม่เห็นอนาคต
เฮ้อออออออออออ ขอถอนหายใจดังๆ อยากช่วยเพื่อน ใจจะขาด
แต่ทำไม่ได้ เพราะเธอไม่เปิดใจ ไม่ฟังใคร ไม่รับรู้
ฉันต้องปล่อยให้มันเป็นไป
ปล่อยให้เธอเดินไปในทางที่มืดมิด เดียวดาย และหนาวเหน็บ
เพื่อที่เมื่อวันหนึ่งเธอพร้อมจะก้าวออกมาจากโลกที่มืดมน
เธอจะรู้ว่า ยังมีอีกหลายๆ คน ที่พร้อมก้าวเดินไปพร้อมเธอ
ฉันจะรอวันนั้น....

ฉันไม่รู้รายละเอียดความรักของเธอมากนัก
แต่สิ่งที่รับรู้คือ เธอกับเขาอยู่ห่างไกลกัน
ไม่เพียงแค่ระยะทาง แต่เป็นเรื่องของหัวใจด้วย
เธอไม่เคยรู้สึก ทุกครั้งที่เธอเล่าให้ฟัง
ฉันสัมผัสได้ถึงความห่างไกล
ไดอารี่ที่เธอเขียน
มีแต่ความน้อยใจ ความสับสน ความว้าวุ่น ความโหยหา
และจบลงที่เธอให้อภัย เธอจะลืม เธอจะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น
ซึ่งเขาไม่เคยรับรู้
วันแล้ววันเล่าที่เรื่องราวเป็นแบบนี้
โทรหาไม่รับสาย
รับแล้วไม่อยากคุย
ไม่ว่าง แล้วจะโทรกลับ
เธอรอ และรอ
มีแต่ความเงียบ
จนเธอทนไม่ได้
เธอโทรไปอีกครั้ง
เขาหลับแล้ว
จนวันนี้ที่เธอตัดสินอีกครั้ง
เธอจะเลิกรอ เธอจะยอมรับความจริง
ว่าความรักมันคงถึงทางตันแล้ว
ก่อนที่เธอจะพูด
เขาากลับบอกว่า
ตอนนี้เราเป็นอะไรกัน
เราอยู่ในฐานะไหน
เหมือนว่าที่ผ่านมา เราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ
แล้วตอนนี้เขาขอให้ชีวิตเขาไม่มีเพื่อนคนนี้
จะได้ไหม????
เธอไม่ตอบ แต่น้ำไหลริน
มันจ็บข้างใน มันจุกจนพูดไม่ออก
เข้าใจไหม
นี่คือที่เธอเล่าให้ฉันฟัง

ฉันอยากตะโกนบอกทุกคนที่อกหัก
ว่า “แล้วมันจะเป็นอีกเรื่องที่ผ่านไป”
จริงๆ นะ
เพียงแต่มันคงต้องใช้เวลา
ไม่ใช่ใช้เวลาเพื่อลืม
แต่ใช้เวลาเพื่อได้อยู่กับตัวเอง
ได้สำรวจตัวเอง มองตัวเองในมุมมองใหม่ๆ
มองไปนอกหน้าต่างบ้าง
จะเห็นดอกไม้ที่บานอยู่
จะเห็นฝนที่กำลังตก
จะเห็นว่าเข็มนาฬิกากำลังเดินหน้า
มันไม่เคยถอยหลัง
ชีวิตคนก็เหมือนกัน

ฉันคิดว่าเธอคงได้มาอ่านนะ

เป็นห่วงเสมอ















 

Create Date : 26 มิถุนายน 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:44:11 น.
Counter : 362 Pageviews.  

1 เดือนกับมะเร็งสมอง

ฉบับที่ 1
เมื่อวันพฤหัสที่ 24 พฤษภา เราพาแฟนไปหาหมอคลินิกพิเศษแผนกรังสีที่ รพ ศิริราช เอาฟิลม์ไปให้หมอดู หมออธิบายขั้นตอนให้ฟังว่า การฉายรังสีจะทำหลังจากผ่าตัด 1 เดือน เป็นการฉายแบบ 3 มิติ เพื่อให้มีผลกระทบกับเนื้อสมองส่วนดีน้อยที่สุด และก่อนที่จะฉาย ต้องให้แกไปทำ MRI อีกรอบ เพื่อดูว่ายังมีเซลล์ไม่ดีอยู่ส่วนไหนบ้าง จากนั้นถึงจะประชุมทีมแพทย์รังสี แล้วค่อยนัดทำการฉายแสง

ตอนนี้ไปเดินเรื่องบัตร 30 บาทอยู่ เพราะไม่ได้ทำประกันสังคม ส่วนที่รักษาต่อจากนี้ก็ยังไม่ได้คุยกะประกันว่าจ่ายด้วยไหม วันนี้เราไปจองคิวทำ MRI ที่ศิริราชได้ทำวันที่ 18 มิถุนายน เร็วสุดแล้ว ขนาดจ่ายเงินเองนะ แต่ถ้ารอใช้สิทธิ 30 บาท ก็โน่นเลยวันที่ 6 กรกฎาคม

วันอาทิตย์เตียงมาเยี่ยม เตียงยังสบายดี ทั้งน้ำหนาวและน้ำทิพย์ก็โตขึ้นเป็นกอง น้ำหนาวหล่อ แมนมั่กๆ แต่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่เลย ส่วนน้ำทิพย์ขวบห้าเดือนแล้ว เดินเก่ง ไม่ค่อยพูดเหมือนกัน แต่ยิ้มเก่ง เตียงมาก็ช่วยให้กำลังใจเฮียชัยดีขึ้นเยอะเลย จากที่แกคิดว่าอาจจะไม่ฉายแสง ได้คุยกะเตียง เตียงบอกว่าควรทำ ถ้าไม่ทำอาจทำให้มันโตขึ้นอีกและลามไปที่อื่น

ฉบับที่ 2
เย็นวันพุธเป็นวันที่หมอนัดตรวจอีกครั้ง คราวนี้ได้พอหมอผ่าตัด หมอพุดคุยกับแฟนให้ทำโน่นทำนี่สักพัก ก็บอกให้แฟนออกไปรอข้างนอก แล้วขอคุยกับญาติคนไข้ ซึ่งมีเราและแม่บุญธรรมยอีกคนที่ไปด้วย หมอบอกว่า คนไข้เป็นมะเร็งชนิดที่ร้ายแรงที่สุด การผ่าตัดทำได้แค่เอาเนื้อร้ายออกให้มากเท่าที่จะมากได้ หมอคิดว่าคนไข้จะสามารถอยู่ได้ในระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปี ในช่วงนี้อาการของคนไข้อาจจะดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะแย่ลงเรื่อยๆ หากเนื้อร้ายเกิดขึ้นในส่วนที่หมอสามารถผ่าตัดเอาออกได้ หมอจะพยายามรักษาเท่าที่หมอจะทำได้ดีที่สุด แต่ถ้าอยู่ในส่วนที่ไม่สามารถผ่าตัดออกได้ เราต้องทำใจไว้ส่วนหนึ่งด้วย เรื่องการฉายแสงหรือให้คีโม เป็นเรื่องที่ควรจะทำ เพราะหากไม่ทำจากที่หมอบอกว่า 6 เดือน – 1 ปี มันอาจจะเป็นแค่ 2-3 เดือน เท่านั้น

จากนั้นก็นัดให้มาพบอีกครั้งตอนเดือน กรกฏาคม วันเกิดปันปันพอดิบพอดี (ปันปันจะได้เปลี่ยนบรรยากาศไปฉลองที่ รพ .)

สำหรับเราแล้ว สิ่งที่หมอบอกมันก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายหรือรับไม่ได้ไปกว่านี้ เพราะแค่หมอบอกว่ามีเนื้องอกในสมอง เราก็เริ่มทำใจตั้งแต่นั้นแล้ว พอออกจากห้องแฟนถามใหญ่ว่าหมอพูดอะไร ทำไมเขาฟังด้วยไม่ได้ เราบอกว่าหมอบอกแค่ว่าเป็นมะเร็ง อย่าเครียด เพราะมันอาจกลับมาอีกก็ได้ ตอนนี้แข็งแรง แต่ถ้าเครียดไม่รักษาสุขภาพ จะยิ่งทำให้มะเร็งแพร่กระจายเร็วขึ้น แล้วก็บอกห้ามขับรถ เขาอยากขับรถเองมากๆ คงรู้สึกรำคาญตัวเองที่จะไปไหนมาไหน ต้องอาศัยหรือรอคนอื่นมาขับรถให้

ตอนแรกๆ เราคิดว่าจะไม่บอกเรื่องที่หมอบอก แต่พอคิดไปคิดมาเปลี่ยนใจ ไว้รอให้เฮไปทำ MRI วันที่ 18 มิถุนายน แล้วรอผลออกมาก่อนดีกว่า เพื่อดูว่ามะเร็งอยู่ในส่วนไหนบ้าง ปรึกษาเรื่องฉายแสงด้วย จากนั้นจะค่อยๆ บอก เราเองไม่ได้คิดตามที่หมอบอกว่า 1 ปี แต่ก็นั่นหล่ะอยู่ที่ตัวแฟนเราและความพยายามของเราด้วย ไม่ว่าจะกี่เดือนหรือกี่ปี ณ ตอนนี้ทุกวินาทีมันก็มีค่ามีความหมาย จะทำให้แฟนเราสบายใจ มีความสุขมากที่สุด เราเองก็รู้ดีว่ากำลังใจที่สำคัญที่สุดของแฟนคือเราและปันปัน เราเองก็จะทำให้ดีที่สุดเช่นกัน

ฉบับที่ 3
ปัญหาเรื่องการป่วยของแฟนกับความหวังดีของญาติ เป็นเรื่องที่เราไม่ชอบอย่างมาก โดยปกติแล้ว หากไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ เราจะไม่สุ่งสิงหรือสนิทสนมกับใครมากนัก ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติหรือเพื่อน เพราะเป็นคนชอบคิดชอบทำอะไรเอง นิสัยของลูกคนโตและเป็นขบถอย่างเห็นได้ชัด เรื่องที่แฟนไม่สบายและวันที่เราไปคุยกับหมอมีเราและแม่บุญธรรมที่ไปฟังด้วยกัน พอฟังเสร็จ แม่ก็รีบมาบอกกับเราว่าอยากจะพาไปนั่งสมาธิที่วัดแถวสุโขทัย 3 วัน เรายิ้มๆ แต่ไม่ตอบ ตอนเราไปทำเรื่องจ่ายเงินรับยา แม่ก็คุยอยู่กับแฟน กลับถึงบ้าน แฟนบอกจะไปวัดที่สุโขทัย 3 วัน เราก็เฉยๆ อยากไปก็ตามใจ

วันถัดมาเปลี่ยนใหม่ แม่บอกไปไม่ได้คนป่วยห้ามไป เปลี่ยนไปธรรมกายแทน ซึ่งพอบอกเราก็ไม่อยากให้ไป เพราะแฟนไม่ได้นับถือแนวนี้และต่อต้านมาตลอด แฟนบอกว่าไปสักครั้งเพราะเกรงใจแม่ เราก็อดทนเห็นว่าแฟนไปด้วยความเต็มใจ พอโทรคุยกับแม่บุญธรรม เค้าบอกว่า อยากให้ไปฝึกนั่งสมาธิดู จะได้มาฝึกนั่งเองที่บ้าน เราก็โอเค ปรากฎไปตั้งแต่ 7 โมงเช้า กลับมาถึงบ่าย 4 โมง แถมยังไม่ได้กินข้าวมาด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าแฟนเหนื่อยมาก ตัวแม่เองก็เหนื่อยด้วย พอแม่กลับไป แฟนพูดว่า แม่บอกว่าถ้าเงินประกันชีวิตออก ให้เอาไปทำบุญหมื่นห้า เราปรี๊ดแตกเลยบอกว่า ห้ามเด็ดขาด เอาเงินที่ได้ไปรักษาตัวเองยังจะดีกว่า แล้วครั้งต่อไปก็ไม่ต้องไปแล้วด้วย นี่แค่ความหวังดีของคนหนึ่งคนน่ะ

แต่ผู้หวังดีทั้งหลาย จะทราบไหมว่า คนที่คอยดูแลคนป่วยเนี้ย ต้องอดทนขนาดไหน ทนอารมณ์ ทนความดื้อ แล้วไหนต้องพยายามทำให้คนป่วยอารมณ์ดีให้มากที่สุด มันเหนื่อยนะ เหนื่อยพอๆ กับคนป่วยเชียวหล่ะ แต่ความหวังดีคงยังไม่หมดแค่นี้ หากคนอื่นได้ทราบข่าวอีก ความหวังดีคงมากองท่วมท้นบ้าน ไม่ใช่ไม่อยากรับ แต่บางครั้งความหวังดีที่มีให้กับวิถีชีวิตของคนป่วยและคนดูแล มันคนละทางหรือเป็นเส้นขนานกันเลย จะให้ทำได้ไง ณ เวลานี้อยากให้เค้าจิตใจสงบ ไม่คิดมาก ไม่ฟุ้งซ่าน

หรือบางทีการให้แฟนได้รับรู้ความเป็นจริง แล้วให้แกตัดสินใจเองว่าอยากรับหรือไม่อยากรับความหวังดีที่มาให้ อาจจะเป็นหนทางที่ดีก็ได้





 

Create Date : 21 มิถุนายน 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:43:24 น.
Counter : 7897 Pageviews.  

ไม่มีทางออกสำหรับความรัก

เช้าวันก่อน เพื่อนหญิงโทรมาร้องไห้ว่าโดนเพื่อนชาย(ที่มีเมียแล้ว) กอด จูบ ลูบ คลำ แล้วถามว่า แบบนี้เสียตัวแล้วยัง เป็นคำถามที่ออกมาจากปากของหญิงวัยสามสิบกว่า ที่ยังบริสุทธิ์อยู่ แล้วยังถามต่อไปว่า แบบนี้ แสดงว่าเค้าไม่รักฉันแล้วใช่ไหม ไม่เห็นคุณค่าฉันแล้วใช่ไหม อืม คำถามนี้น่าคิด

แต่ขอตอบตามความคิดเห็นของตัวเองว่า ป่าวเลย เพื่อนชายอาจจะยังเป็นคุณค่าของเธออยู่ เพราะเห็นคุณค่าของเธอมากมาย เลยต้องหวังครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ บางครั้งการมีเซ็กส์กันระหว่างหญิงกับชาย มันไม่ใช่เรื่องของการเห็นคุณค่าหรือไม่เห็นคุณค่า แต่มันเป็นความเรียกร้องในใจและร่างกาย ที่แวดล้อมด้วยบรรยากาศ ณ ตอนนั้น

เพื่อนหญิงบอกว่า ที่สำคัญฉันดันเผลอไผลไปด้วย โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดตามมา เพียงแต่ที่หยุดการกระทำก่อนที่มันจะไปไกลกว่านี้ เพราะความกลัว ณ เวลานั้น ไม่ค่อยจะมีใครคิดถึงความถูกผิด สิ่งที่ควรทำไม่ควรทำ มักจะคิดถึงความกลัว ส่วนอีกฝ่ายก็คิดถึงแต่ความต้องการ

หลังจากนั้นอีก 2 วัน เธอกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงว่า ฉันตกลงกับเค้าแล้วว่า เราจะเป็นเพื่อนที่สนิทกัน แบบไม่มีเซ็กส์มาเกี่ยวข้อง จะดูแล ห่วงใยซึ่งกันและกัน เพราะถึงยังไง ฉันคงตัดใจจากเค้าไม่ได้ ฉันคิดไว้แล้ว่า ถ้าฉันไม่ได้แต่งงานกับเค้า ฉันก็ขออยู่เป็นโสด ถ้างั้นฉันขออยู่แบบมีเค้า (ที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ) ดีกว่าตัดใจจากเค้า


น่าแปลกที่เวลาเราไม่มีความรัก เราก็มักจะพยายามหาประตูที่จะเปิดเข้าไปให้เจอใครสักคนที่จะให้เรารักหรือรักเรา แต่พอหลงไปในวังวนแห่งความรักแล้ว ยากนักที่จะหาทางออกเจอ ทั้งๆที่บางครั้ง ทางออกมันก็อยู่ตรงหน้า แต่กลับยอมที่จะเจ็บปวดเพื่อแลกกับความสุขชั่วคราวนั้นต่อไป





 

Create Date : 13 มิถุนายน 2550    
Last Update : 20 กันยายน 2550 10:57:35 น.
Counter : 330 Pageviews.  

FACT = ความจริง

วันนี้เป็นวันฟังผลการตรวจชิ้นเนื้อของแฟนเรา เราไม่ได้ไปด้วย แต่น้องสาวของแฟนช่วยพาไป แฟนเราซึ่งตอนนี้แข็งแรงดี เหมือนคนเดิมเกือบจะทุกอย่าง เพียงแต่แกจะไม่ค่อยโกรธและบ่นมากๆ ถ้าไม่จำเป็น หลังกลับจากผ่าตัดแกก็ทำงานของแกตามปกติ ทานข้าว ดูทีวี รับโทรศัพท์ คุยกะลูกค้า ล่าสุดมะวานออกไปหาลูกค้า แกสามารถทำอะไรได้อีกหลายๆ อย่างที่เราคาดไม่ถึง สำหรับเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมแล้ว คงจะเห็นว่าแกคือคนเดิมจริงๆ หน้าตายังดูสบายดี มากกว่าเราเสียอีก

สำหรับผลการตรวจชิ้นเนื้อ สรุปคือ เป็นมะเร็ง ผลที่ออกมสำหรับเราแล้วไม่ได้ตกใจอะไร เพราะก่อนหน้ามีคุยกับหมอแล้ว แกบอกว่า 90% น่าจะเป็นผลทางลบ เราก็เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่ที่กระวนกระวายก่อนหน้านี้คือ อยากให้แกได้ผ่าตัดเร็วๆ เห็นแกนอนซมแล้วก็รู้สึกไม่ดีตามไปด้วย หมอบอกว่าตอนผ่าได้พยามยามเอาเนื้อที่ไม่ดีออกให้ได้มากที่สุดแล้ว ตอนนี้คืออยากจะให้ฉายแสงต่อเนื่องกันเป็นเวลา 25 วัน โดยทำทุกวัน ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์ แล้วอีก 3 เดือน มาทำ MRI อีกครั้งเพื่อดูว่ามีการลามไปยังจุดอื่นหรือป่าว สิ่งที่หมอห้ามคือ การขับรถ และสิ่งที่ต้องระวังคือ การชัก หมอให้ยากันชักมาทานทุกคืนก่อนนอน และหากมีอาการอะไรให้รีบมาหาหมอโดยเร็ว

ล่าสุดที่ไปพบหมอฉายรังสีมา สำหรับการฉายรังสีจะทำได้หลังผ่าตัดไป 1 เดือน โดยจะต้องไปทำ MRI เพื่อดูว่ายังมีก้อนเนื้ออยู่ตรงส่วนไหนอีกบ้าง จากนั้นจะประชุมทีมหมอเพื่อวิเคราะห์ว่าควรจะทำตรงจุดไหนบ้าง ให้กระทบเนื้อสมองส่วนที่ดีน้อยที่สุด และการฉายรังสีที่สมองจะเป็นแบบ 3 มิติ ซึ่งช่วยให้กำหนดจุดได้ตรงและครอบคลุมได้มากกว่าแบบเดิม


หลังจากที่ได้คุยกับเพื่อนแล้ว หลายคนแนะนำวิธีการรักษาในแบบต่างๆ มาให้ เราเองขอบคุณในความหวังดีและความห่วงใยที่มีให้ สำหรับเราแล้วสิ่งที่คิดไว้ในใจ หน้าที่คือการสนับสนุนและให้กำลังใจในทุกอย่างที่แกอยากจะทำ ไม่ว่าแกอยากจะรักษาด้วยวิธีไหน แผนปัจจุบันหรือแผนโบราณหรือแนวบำบัด ขอแค่ให้แกอยากทำสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง ด้วยความตั้งใจ เราก็จะสนับสนุนทุกอย่าง หรือแม้ถ้าแกเลือกที่จะไม่ทำ เราก็จะไม่บังคับ เพราะชีวิตเป็นของแก ขอแค่แกมีความสุขในสิ่งที่เลือกก็พอ


การคิดและตัดสินใจแบบนี้มันไม่ง่ายเลย หากมองในมุมกลับกัน ข้อดีของการที่แกไม่สบาย คือแกจะได้อยู่ในความดูแลของหมอตลอด เราไม่ต้องปากเปียกปากแฉะบอกให้แกไปตรวจสุขภาพอีกแล้ว และเราจะได้มีข้ออ้างพาแกไปเที่ยวบ่อยๆ ด้วย

แต่สิ่งที่ยากคือ ต่อให้เราคิดว่ามันไม่ยาก บางครั้งก็อดร้องไห้เงียบๆ คนเดียวไม่ได้ รู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิด รู้สึกสงสารแฟน รู้สึกสงสารปันปัน คิดอะไรต่ออะไรไป สารพัดสารพัน แต่ไม่เคยท้อใจ เพราะมีพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนๆ คนรอบข้างที่ดีๆ ที่คอยให้กำลังใจเราอีกต่อหนึ่ง

ยามนี้ ความรัก คือสิ่งที่จะช่วยเยียวยา ทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้น





 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:41:47 น.
Counter : 340 Pageviews.  

ประหยัด

ตอนนี้เหมือนเป็นยัยบ้าหอบฟาง

เหตุเพราะที่บ้านพากันเก็บสะสมขวดน้ำพลาสติก

และกระป๋องน้ำอัดลม

เพื่อรวบรวมเอาไปขาย

ยังไม่ได้ขัดสนถึงขนาดเก็บของเก่าไปขายนะ

แต่ก็รู้สึกดีเวลาไปเก็บขวดน้ำพลาสติก

หรือกระป๋องที่ทิ้งเรี่ยราดอยู่

อย่างน้อยเราเก็บมา 1 ชิ้น

ขยะก็หายไปหนึ่งชิ้นหล่ะ

เมื่อก่อนเราก็ไม่เคยสนใจเลย

ทานน้ำเสร็จก็วางทิ้งไว้

เพิ่งมารู้ค่ารู้ราคาเมื่อเก็บมาขายนี่หล่ะ

ขวดน้ำใส ได้กิโลละ 16-18 บาท

ส่วนกระป๋องน้ำอัดลม ได้กิโลละ 60-70 บาท

กระดาษกล่อง กระดาษที่ไม่ได้ใช้ก็ขายได้

โดยแยกขายเป็นกระดาษสี กิโลละ 3-4 บาท

กระดาษขาว-ดำ กิโลละ 4-6 บาท

หนังสือหรือสมุดโทรศัทพ์หน้าเหลือง กิโลละ 1-2 บาท

ดูเหมือนเป็นเงินน้อยนิด

แต่ที่บ้านเก็บไปขายเฉพาะจากที่ทานเองและคนรอบข้างให้มาบ้าง

ขายรวมๆ กันแต่ละครั้งก็ได้เงินประมาณ 3-4 ร้อยบาท

เก็บเป็นค่าขนมให้เด็กๆ หรือไปซื้ออาหารมาทานกันได้ทั้งบ้าน

ความประหยัดเป็นสิ่งที่ปลูกฝังกันได้

รู้ใช้ รู้เก็บ รู้กิน

แค่นี้ก็ไม่อดตายแล้วหล่ะค่ะ




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 20 กันยายน 2550 10:56:07 น.
Counter : 341 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

แม่เจ้าปัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอรหัสผ่านหลังไมค์นะค่ะ
Free Counters
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าปัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.