แม่จะเข็มแข็งเพื่อหนู/ที่หนึ่งในหัวใจ
Group Blog
 
All blogs
 

-----> บ้าน <-----

“ บ้าน “ คำเดียวสั้นๆแต่มีหลายความหมาย บางคนว่าเป็นที่ซุกหัวนอน เป็นที่รวบรวมวงศาคณาญาติ เป็นที่พักพิงใจยามอกหัก (ถ้าไม่อกหักจะไม่รู้จักว่าบ้านอยู่ที่ไหน) บางว่าเป็นสถานที่ส่วนตัว (อยู่ลึกและลับไม่สามารถให้ใครๆไปพบเจอได้ ประมาณเป็นเมืองลับแล) แต่สำหรับเราเพิ่งมาค้นเจอความหมายก็ตอนที่ชีวิตมีปัญหา แล้วก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรใหญ่โตเลย แค่คนสองคน(สามีและน้องชายเรา) ที่อยู่บ้านเดียวกันไม่ได้ เลยต้องแยกออกมาอยู่เอง

ความจริงสมัยเราเด็กๆ ชีวิตเราก็อยู่บ้านตึกแถวมาตลอด บอกได้คำเดียวเลยว่าเบื่อและไม่ชอบมากๆ เพราะ


หนึ่งปัญหาเรื่องที่จอดรถ ซึ่งคิดว่าใครอยู่บ้านตึกแถวและมีรถมากกว่า 1 คัน คงต้องประสบพบเจอกันแทบทุกคน ต้องแย่งกันจอดรถหรือไม่ก็หน้าบ้านข้าใครอย่าแตะ (บางคนแม้แต่สุนัขหรือแมวเดินผ่านต้องรีบออกมาไล่ให้มันไปไกลๆ ด้วยกลัวว่าจะมาทำลายสวนหย่อมหน้าบ้านที่ลงทุนลงแรงทำกั้นอาณาเขตไว้)



สองปัญหาเรื่องเสียงดัง อันนี้ก็เป็นธรรมดาด้วยพลังเสียงที่บางคนมี (อาจจะเพราะหลอดเสียงที่มีใหญ่กว่าคนปกติ) บวกกับคนในบ้านเกิดอาการน้ำท่วมหูฉับพลัน ทำให้เวลาจะพูดจาต้องใช้การตะโกนอยู่ตลอดเวลา



สามปัญหาบ้านนี้ไม่มีนางเอก อันนี้ปัญหาใหญ่ค่ะ ไม่มีนางเอกมีแต่นางร้าย ไม่ร้ายธรรมดา เป็นนางร้ายโรคจิตค่ะ เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ เลือดในกายจะพลุ่งพล่าน ต้องออกมายืนด่าระบายอารมณ์ แค่เดินสวนกันแล้วไม่ได้มองหน้า ก็โดนหาว่าหยิ่ง จองหอง แต่ถ้าเดินสวนกันแล้วมองหน้า ก็โดนหาว่า มองหน้าหาเรื่องเหรอ ใครต่อเติมบ้านหน่อย คุณเธอจะเป็นจะตายค่ะ คงเพราะเป็นภูมิแพ้ตัวเองที่ไม่สามารถทำบ้านให้สวยงามเหมือนคนอื่นได้ เลยต้องโทรไปแจ้งเขตให้ช่วยมาดูว่า มีบ้านต่อเติมผิดแบบบ้างหล่ะ ฝุ่นควันบ้างหล่ะ สารพัดสารพัน จนทางเขตว่า ผมว่าคุณโทรผิดเบอร์แล้วครับ ควรจะโทรไปโรงพยาบาล (โรคจิต) มากกว่า



สรุป 3 ปัญหาประจำบ้านตึกแถว ก็กลายเป็นตัวผลักดันให้เราคิดว่า คอยดูสักวันหนึ่งเราจะต้องมีบ้านเดี่ยวอยู่ให้ได้ ฮึ่มๆ =====> ตอน 2












 

Create Date : 16 มกราคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:02:32 น.
Counter : 335 Pageviews.  

*-* ัวันเกิด + + + จัดการชีวิต *-*

วันนี้เป็นวันเกิดเราเอง ความจริงก็ไม่ได้รู้สึกว่าสำคัญอะไรมากมายนัก แต่แปลกพอเราปล่อยวางกับมัน ก็กลายเป็นว่ามีสิ่งดีๆที่ไม่ได้คิดถึงเข้ามา อย่างแรกน้องชายเอาของขวัญวันเกิดมาให้ แปลกเพราะปกติต้องทวงถามถึงจะจำได้ แต่ปีนี้ไม่พูดสักคำดันจำได้ อย่างที่สองสามีที่น่ารักบอกจะพาไปกินข้าวนอกบ้าน แต่ก็ปฎิเสธไปหล่ะ เพราะมีโปรเจกต์ที่ใหญ่กว่าวันเสาร์-อาทิตย์นี้ อิอิ อย่างที่สามเพื่อนเก่าๆโทรมาอวยพรให้สุขีสุโขสโมสร อย่างสุดท้ายพาพ่อกับแม่ไปทานข้าว เฮ้อ…รู้สึกว่ามีความสุขดีอีกวัน

การจัดการชีวิต เคยคิดตั้งแต่ 2-3 เดือนที่แล้วว่าถ้าเราไม่อยู่ คนข้างหลังจะทำอย่างไร เลยเริ่มจัดการทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระต่างๆไว้ให้เป็นสัดส่วน พอทำจริงๆแล้ว จากที่คิดว่าง่ายๆทำเด๋วเดียวก็เสร็จ นี่ผ่านมา 5 วันแล้วยังทำไม่เสร็จเลย แต่คงจะทำให้เสร็จวันนี้เป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง ให้รู้สึกว่าถ้าเราไม่อยู่ เราจะไปอย่างสบายใจ ที่ต้องกังวลเพราะลูกยังเล็ก ไหนจะพ่อและแม่ที่สูงวัยมากขึ้น สุดท้ายคุณสามีถึงจะเป็นคนประเภท 3 วันดี 4 วันไข้ก็ตาม แต่โดยรวมๆแล้วเราคิดว่าเราไม่เคยคิดผิดที่แต่งงานกับเค้า (เขียนอย่างไม่อายค่ะ เพราะคุณสามีไม่รู้ว่ามี blog อยู่ 555) คิดไว้ว่าการจัดการชีวิตจะทำทุกๆปี เพราะในแต่ละปีที่ผ่านไปย่อมมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ตามไปด้วย บางคนบอกว่าจะแช่งตัวเองทำไหม ทำแบบนี้เหมือนเป็นลางไม่ดี แต่สำหรับเรา การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือ สัจจะธรรมที่แน่นอนที่สุดในชีวิตแล้วค่ะ








 

Create Date : 10 มกราคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:01:02 น.
Counter : 331 Pageviews.  

>>> เรื่องเล่าจาก...Club Friday <<<

วันนี้ไปซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่ง ชื่อ เรื่องเล่าจาก Club Friday ความจริงหนังสือเล่มนี้เคยเห็นผ่านตามาแล้วทุกครั้งเวลาเดินเข้าไปร้านหนังสือ บังเอิญวันนี้ไปยืนรอพ่อลูกซื้อของกัน เลยไปหยิบมาอ่าน ปรากฏว่าอ่านไปอ่านมาชักติดใจ เหลียวซ้ายแลขวา ยังไม่เห็นวี่แววพ่อลูก รีบหยิบเล่มใหม่แล้วไปจ่ายตังค์เสร็จก็คว้าหมับใส่กระเป๋า (มีกระเป๋าใบใหญ่ๆมันก็ดีอย่างนี้เอง ไว้ช่วยซ่อนของที่ไม่อยากให้เห็นได้ดีนักแล)

พอกลับมาถึงบ้านรีบหยิบมาอ่าน โอ๊ย...เรื่องของคนอื่นแท้ๆ กลับน้ำหูน้ำตาไหลยิ่งกว่าเรื่องของตัวเอง จะเป็นอย่างนี้ประจำไม่ว่าดูหนังหรืออ่านหนังสือ ร้องไห้ได้เป็นวรรคเป็นเวร จนสามีต้องหยิบกล่องทิชชูมาวางไว้ข้างๆ เวลาเห็นท่าไม่ดี ส่วนวันนี้ลูกเดินมาถาม
“แม่ๆเป็นอะไร ทำไมน้ำตาไหล”
“อ๋อ พ่อแกล้งแม่....” อิอิ โบ้ยให้พ่อซะ
“เด๋วหนูจัดการให้...” คุณลูกผู้แสนดีบอก แล้วเดินไปตีพ่อ 2 ที 555 สะใจคุณแม่ หลังจากขอบใจคุณลูกเสร็จก็กลับไปอ่านหนังสือต่อ

มีหลายเรื่องเชียวหล่ะที่อ่านแล้วรู้สึกประทับใจในความรัก ความผูกพัน ความรู้สึกดีดี ที่ใครบางคนมอบให้คนที่เค้ารัก บางครั้งก็ไม่ได้สนใจว่าจะต้องได้รับความรักนั้นตอบกลับมาไหม ขอแค่การได้อยู่ใกล้ๆคนที่เรารักหรือขอแค่ให้เค้าคิดถึงเราเป็นคนแรกเมื่อมีปัญหาก็พอ บางครั้งการเจ็บปวดจากการยอมรับความจริงก็อาจจะดีกว่าการอยู่กับความสุขจอมปลอม

- ใครจะคิดว่าแฟนตัวเองในวันนี้ จะกลายมาเป็นพี่เขยในอนาคต

- ใครจะคิดว่าแฟนตัวเองในวันนี้ จะกลายเป็นภรรยาของชายอื่น

- ใครจะคิดว่าคนที่เราไว้ใจที่สุด จะกลายเป็นคนหลอกลวงตลอดมา

- ใครจะคิดว่าคนที่เราจะแต่งงานด้วย จะกลายเป็นคนที่อยู่ถัดจะบ้านเราไปไม่กี่หลัง (แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเจอกันเลย)

- ใครจะคิดว่าเวลาที่เราคิดว่ามีเหลือเฟือ จะเหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมง

มีอีกหลายๆ เรื่องที่อ่านแล้วทำให้รู้สึกดีกับชีวิตของตัวเอง (ที่ไม่ต้องเจอกับเรื่องปวดใจเหล่านั้น) เรื่องที่ชอบสุดคือ ตนแพ้กลางคืน ก็ใครจะไปคิดว่าในขณะที่เราหลับอย่างเป็นสุข จะมีอีกหลายๆ คนเกลียดเวลากลางคืน เกลียดความเหงา ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยว และไม่สามารถหลับได้อย่างเต็มตื่น เพราะต้องเจอกับฝันร้ายที่ไม่รู้จะหายไปเมื่อไหร่

เมื่อเรามานั่งทบทวนตัวเองว่านานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ร้องไห้(ยกเว้นเมื่อดูหนังหรืออ่านหนังสือ) ก็แทบจะจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่ามันเมื่อไหร่กันที่เราร้องไห้ครั้งสุดท้าย พอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกเป็นสุข เพราะแสดงว่าเราคงมีความสุขกับชีวิต หรือไม่ก็มีความเข้มแข็งของจิตใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เข้ามาก็ไม่สามารถทำให้จิตเราหวั่นไหวไปได้ แต่ที่เราจะพึงระลึกไว้เสมอคือ คนเรามีขึ้นมีลง มีสุขมีทุกข์ เป็นของคู่กัน วันนี้เราหัวเราะได้ก็จงหัวเราะให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย แต่ถ้าวันไหนเราร้องไห้ก็จงร้องไห้เพื่อจะยิ้มรับวันใหม่อย่างสดใส




 

Create Date : 07 มกราคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:00:18 น.
Counter : 2438 Pageviews.  

>_< เรื่องที่ไม่อยากได้ยิน >_<

ผ่านปีใหม่มาเพียงแค่ 1 วัน ก็ต้องมาได้ยินเรื่องที่ไม่อยากได้ยินเลยสำหรับคนใกล้ตัว

หลังจากโทร Happy New Year กับเพื่อน ก็คุยกันไปกันมาเรื่องสัพเหระทั่วๆไป จนกระทั่งเจอคำถามว่า ได้อ่านข่าวของดาราสาวที่ทำให้ครอบครัวๆหนึ่งเขาแตกแยก ถึงขนาดที่ฝ่ายชายเลิกกับภรรยาเขาหรือเปล่า เราก็ถามกลับไปว่าทำไมเหรอ เพื่อนบอกว่าแล้วถ้าตอนนี้เขากำลังเป็นเหมือนดาราสาวคนนั้นเราจะว่าไง ฝ่ายชายแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ทำงานที่เดียวกับเพื่อนรู้จักกันมานาน อยู่ดีดีมาขอให้เพื่อนเป็นกิ๊กได้ไหม สำหรับเราแล้ว คงบอกได้แค่ว่าถ้าอยู่กับเรื่องแบบนี้แล้วมีความสุข ยอมรับความทุกข์ที่จะตามมาได้ก็ทำไปเถอะ เราคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เราคงไม่ได้สนุนสนับหรือห้ามปราบ ขอเว้นวรรคเรื่องนี้ไว้แล้วกัน เพื่อนก็บอกว่า เค้าไม่ได้คิดจะให้มันเกินเลยอะไรไป ที่ยังคบกับฝ่ายชายเพราะรู้จักกันมา 10 กว่าปี ไม่อยากให้ต้องเสียเพื่อนที่ดีดีไป และเพื่อนก็ไม่ได้อยากให้ครอบครัวเค้าต้องแตกแยกกันด้วย เราบอกเรื่องพวกนี้มันเหมือนเส้นใยบางๆ เมื่อไหร่ที่อารมณ์จิตใจอยู่เหนือความคิด เราก็อาจทำให้เส้นใยนั้นขาดได้โดยไม่รู้ตัว คำพูดสุดท้ายก่อนที่จะจบการสนทนาคือ ขอให้เราเชื่อใจเพื่อนว่าจะยังไง เค้าก็จะไม่ทำผิดศีล 5 ไม่ว่าข้อไหนๆก็ตาม




 

Create Date : 02 มกราคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 21:59:16 น.
Counter : 420 Pageviews.  

...ปล่อยวาง...

เดือนนี้ทั้งเดือนจะเป็นเดือนที่ยุ่งที่สุด เป็นเดือนที่มีประชุมบ่อยมาก งานทุกอย่างตั้งแต่ต้นปีจะต้องพยายามทำให้เรียบร้อยก่อนปิดปี และที่สำคัญต้องมีการประเมินผลพนักงาน ไหนเราจะต้องประเมินลูกน้อง และตัวเราเองก็จะต้องโดนประเมินด้วย เป็นเดือนแห่งความเครียดจริงๆ เหมือนเดิมทุกปีเราจะต้องเป็นคนที่โดนประเมินคนสุดท้าย เมื่อเห็นหน้าเพื่อนๆที่เดินออกมาหลังจากประเมินก็รู้สึกถึงชะตากรรมที่ตัวเองจะได้รับทันที 555 ซึ่งก็คงไม่พ้นโดนแจกแจงถึงข้อเสียมากกว่าข้อดีที่มี ตอนแรกรู้สึกกระวนกระวายใจมาก แต่บังเอิญว่าช่วงนี้มีคนส่งเมล์เกี่ยวกับข้อคิดในการทำงานต่างๆมาให้ และโดยเฉพาะพระราชดำรัสในการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ทำให้เราได้มานั่ง ตรึกตรองกับตัวเอง และทำให้เรารู้สึกปล่อยว่างไปเสียอย่างนั้น จากเดิมทุกปีเรากับเจ้านายต้องเถียงกันทุกครั้งเมื่อประเมินผล ต่างฝ่ายต่างก็ว่าเหตุผลของตัวเองถูกและพยายามจะอธิบายให้อีกฝ่ายได้เข้าใจ แต่มาปีนี้เราไม่พูดไม่อธิบายเลยสักคำในสิ่งที่นายว่าเราผิด เรายอมรับและเปลี่ยนมุมมองใหม่ มองในแบบที่นายเรามอง ทำในสิ่งที่นายต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ บางครั้งการที่เราพยายามเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้ถูกต้องตามที่เราหรือคนส่วนใหญ่คิด แต่มันไม่ใช่สิ่งที่นายเราคิด มันย่อมต้องมีปัญหา เราบอกว่าเราจะพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีกว่าเดิม และขอบคุณนายเราที่ยังให้โอกาส แล้วเราก็ได้เห็นท่าทีที่เป็นมิตรมากขึ้นของนายเรา ซึ่งนายคงไม่ได้คิดเหมือนกันเราจะพูดแบบนี้ หลังออกมาจากการประเมินผล เราก็รู้สึกว่า เฮ้อ…หมดไปอีกเรื่อง ขอให้มีทั้งสุขและทุกข์แบบพอเพียงแล้วกัน








 

Create Date : 20 ธันวาคม 2549    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 21:58:33 น.
Counter : 302 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

แม่เจ้าปัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอรหัสผ่านหลังไมค์นะค่ะ
Free Counters
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าปัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.