In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
ทำดี มีความสุข

เรื่องนี้เกิดเมื่อตอนวันเกิดครับ เป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเองอิ่มเอมในความสุข เลยเอามาแบ่งปันกัน คนอ่านอาจจะรู้สึกว่า เอ นี่มันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆเองนี่นา แต่สำหรับผม ผมได้ก้าวข้ามผ่านอะไรหลายๆอย่างไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเคยพลาดอะไรหลายๆอย่างไป ลองมาดูกันว่า กับเรื่องเล็กๆน้อยๆผมได้อะไรมาบ้างครับ

วันเกิดผมเมื่อเดือนที่ผ่านมา คุณแฟนเค้าจะเซอร์ไพร้ เลยฝากผมซื้อไฟแช็ค ๕๕คือฝากซื้อของแบบนี้ก็รู้แล้วล่ะครับ ว่ามีเค้กแน่นอน แต่พอถึงตอนนั้นจริงๆด้วยเหตุการณ์ที่เค้าสร้างน่ารักมากครับ ขนาดรู้ว่ามีเค้กยังยิ้มแทบไม่หุบเลย แต่ตรงนี้ขอข้ามไปเพราะเป็นเรื่องของเราสองคน อิอิ และมันก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเล่าโดยตรง เรื่องที่จะเล่าคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนไปซื้อของที่7-11ครับ

ผมแวะเข้าไปหาไฟแช็คซึ่งมันไมมีอ่ะ มีแต่ไม้ขีดไฟกลักใหญ่ๆ เอถ้าเอาไปแล้วจะเอาไปทำอะไรต่อวะเนี่ย อืมไฟแช็คมันอันเล็กอาจจะเก็บไว้ที่เคาเตอร์นะ ก็เดินถือน้ำเปล่าไป1ขวด ปรากฏว่าที่เคาเตอร์มีไฟแช็ค ก็โอเค น้ำเปล่า1 ไฟแช็ค1 แล้วปกติผมจะเอาธนบัตรใส่ไว้ในกระเป๋าหลังของกางเกง วันนั้นจำได้ว่ามีธนบัตรแบบ20บาทอยู่ใบเดียว ก็หยิบส่งให้พนักงานโดยที่ไม่ได้ดู ปรากฏว่าพนักงานทอนเงินมา83บาท ผมก็งง เอหรือว่าเราจะเอาธนบัตร100บาทมาใส่เพิ่มแล้วหวา ก็ยืนงงตรงนั้นสักพัก แต่ดูพนักงานไม่ทักท้วงอะไร แปลว่าเราคงจ่ายแบ็งค์100ไปจริงๆแหละ ก็เดินงงๆออกมาจากร้าน หลอดเหลิดไม่ได้เอามาเลย(ตอนนั้นผมไม่กล้าบอกเพราะเคยคิดดงินเกินให้ร้านค้าไปแล้ว จากนั้นมาไม่ค่อยกล้าอีก เพราะคิดว่าเราอาจจะพลาด แต่คนขายน่ะไม่ยอมพลาดแน่ๆ)

จนเดินไปได้สักพัก เอ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเราเคยเอาธนบัตร100บาทมาใส่กระเป๋าตอนไหน ก็เอ๊ะยังไงนะ แล้วทำไมเค้าทอนมาตั้งเท่านี้ล่ะ แล้วปกติผมจะเป็นคนขี้อายมาก ปากหนัก เรื่องให้เข้าไปถามใหม่เนี่ย ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ(สำหรับคนที่รู้จักผมเป็นการส่วนตัว จะรู้ว่าบนเวทีกับเวลาปกตินี่คนละเรื่องกันเลย) แล้วถ้าไปถามก็ไม่รู้ว่าจะถามว่าอะไรดี เค้าจะจำได้ไหม บลาๆๆ

ที่สุดเอ เค้าน่าจะมีกล้องนะ อาจจะดูประหลาดสักหน่อยถ้าจะไปขอดูกล้องว่าพนักงานทอนเงินมาเกินหรือเปล่าแค่80บาท แต่ถ้าเค้าต้องรับผิดชอบมันก็เยอะอยู่นา แต่เอายังไงดีไม่ค่อยกล้าด้วย คิดว่าถ้าเราเอามาเนี่ยเรารู้สึกผิดแน่ๆ ปกติถ้าหาทางคืนไม่ได้จะเอาไปบริจาค แต่นี่ก็เดินมาไม่ไกล เอาน่าจะอายอะไร นี่เราจะทำดีนะ

ก็เลยเดินกลับไป คนเยอะมาก(อีกเหตุผลที่เขิน เพราะเวลาคุยนานๆคนอื่นต้องรอ และสงสัยว่ามีเรื่องอะไรกัน) ก็รอจนเคาเตอร์ว่าง เดินเข้าไปถามเค้าว่า "ทอนเงินผมมาผิดหรือเปล่าครับ" พนักงานหันมา
"พี่จ่ายธนบัตร20บาทมาใช่ไหมคะ"
"ครับผมว่าน่าจะใช่นะ"
"เนี่ยมีธรบัตร20บาทอยู่ในช่อง100บาท"
ขอบคุณพี่มากเลยนะคะ พนักงานขอบคุณด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมเคยทำงานบริการมาก่อน เคาเตอร์เนี่ยเค้าจะมียอดเงินแล้วเช็คตลอด ถ้ามันเกินบริษัทรับไป แต่ถ้าขาดน้องๆอาจจะต้องรับผิดชอบ

จริงๆเงินแค่80บาทอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน การเข้าไปสอบถามอาจเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับคนหลายๆคน แต่สำหรับผมการได้ก้าวข้ามความเขินอายเพื่อที่จะทำเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมดีใจมากครับ เราได้ข้ามสิ่งที่น่ากลัว(สำหรับผม)นั่นคือความอายที่จะทำดีไป หลายครั้งเพียงแค่เพราะว่าไม่กล้าเอ่ยปากถาม ทำให้เราพลาดอะไรหลายๆอย่าง หรือต้องทนรออะไรนานกว่าปกติ เพียงแค่เพราะ"ความไม่กล้า"เท่านั้นเอง

และผลตอบแทนของผมก็คือความสุขใจที่ได้ทำดี ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเก่าๆของตัวเอง และได้กินเค้กอร่อยๆในวันเกิดของตัวเอง

อิอิ

อ๊ะๆยังไม่จบน้า มีอีกเรื่องนึง คือในวันเดียวกันหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว วันนี้อารมณ์ดีจากเรื่องดีๆหลายเรื่อง เลยเอาหนังสือมาอ่านชื่อว่า"สมาธิภาวนา" เป็นหนังสือรวบรวมคำสอนของหลวงพ่อพุทธ ฐานิโย ก็อ่านไปจนเจอประมาณว่า "ให้กำหนดพุทโธๆไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่นแม้กระทั่งลมหายใจ" หลักใหญ่ใจความก็ประมาณนี้ คือกำหนดแต่คำนี้ ก็เลยเออปกติเรากำหนดที่ลม บางทีพอละเอียดแล้วมันจับไม่อยู่เลยหลง คิดว่าถ้ากำหนดเป็นคำๆแบนี้มันหยาบขึ้น น่าจะง่ายกว่ากันมาก

ผลปรากฏว่าวันนั้นนั่งได้สบายๆเลย กำหนดเวลาไว้ไม่นานสำหรับมือใหม่หัดขับ แต่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลย ที่สามารถกำหนดรู้ได้ครบตามเวลาอย่างไม่ขาดหายเลย ไม่มีหลงไปแล้วมาสะดุ้งรู้ กำหนดรู้อยู่ตลอดกับคำว่า"พุทโธๆ" ไม่ได้กำหนดเร็วๆนะ เอาตามสบายๆของเรา แต่เอาให้ดังๆในใจ จะได้ไม่หลง

มันสงบมากพอครบกำหนดเวลานี่มันใสเลย รู้สึกการนั่งกรรมฐานไม่ได้ยากอีกต่อไปแล้ว หลังๆเลยนั่งได้ง่ายขึ้นไม่อิดออดเหมือนก่อนแล้ว เข้าใจแล้วว่าการนั่งเป็นอย่างไร ทำไมหลายคนทำไปแล้วทำต่อเนื่องเพราะมันดีอย่างนี้นี่เอง ไอ้นั่งแล้วปวดหัว ปวด เมื่อย หนัก อ้อ มันยังไม่ใช่นะ

เป็นเรื่องที่ดีมากที่เกิดขึ้นในวันเดียว ในเวลาใกล้ๆกัน และเกิดในวันเกิดของเราด้วย จริงๆแล้วการทำดีไม่ใช่เรื่องยาก ทำแล้วคนอื่นไม่รู้แต่เราอิ่ม เราภูมิใจในตัวของเราเอง เราจะรูสึกได้ว่าเราได้ทำลายสิ่งไม่ดีลงไปแล้วหนึ่ง และสร้างสิ่งดีๆให้มีขึ้นในตนหนึ่ง และถ้าเราทำได้แบบนี้ปีละครั้งเราจะพัฒนาไปปีละอย่าง ถ้าเราทำได้เดือนละครั้ง เราจะพัฒนาตัวเองได้ปีละสิบสองครั้ง ถ้าอาทิตย์ละเรื่องก็พัฒนาได้สิบสองเรื่อง และถ้าเราทำได้วันละเรื่อง เราจะเป็นมนุษย์ที่ดีเร็วขึ้นไปอีก

หลังจากอ่านจบแล้วลองถามว่า "วันนี้เราทำเรื่องให้ตัวเองอิ่มเอมใจหรือยัง" หรือ "พรุ่งนี้ เราจะทำอะไรดีๆให้เกิดกับตัวเราและสังคมโลกได้บ้าง"

มีความสุขทุกท่านครับ


Create Date : 03 มีนาคม 2553
Last Update : 6 มีนาคม 2553 2:58:09 น. 2 comments
Counter : 472 Pageviews.

 
เป็นกำลังใจให้ทำดีต่อไปนะค่ะ


โดย: ^.^ IP: 203.144.144.164 วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:10:10:23 น.  

 
เป็นแล้วต้องเป็นตลอดไปนะ


โดย: ขอบฟ้าบูรพา วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:19:29:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.