|
MMA2006(ต่อ)
คราวนี้ พี่เค้าให้เขียนส่งครับ เป็นคำถามที่จะเก็บไปทำประวัติ ก็ถามว่าถ้าเข้ารอบจะทำอะไรเป็นต้น ช่วงนี้ยุ่งๆ+เศร้าครับ ถ้าว่างจะลองมาเขียนว่าได้ไปเจออะไรมาบ้าง
1. ช่วยเล่าประวัติ / ผลงานความสำเร็จในโครงการแข่งขัน ที่ผ่านมาในชีวิตทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการเงินหรือไม่ก็ตาม ผมเป็นคนที่สนใจด้านการเงินมาตั้งแต่เด็ก เหตุที่ผมสนใจด้านการลงทุนเพราะอยากได้อิสระทางการเงิน เพื่อการดำรงชีวิตให้คุ้มค่าในแบบของผม ช่วงนั้นเพิ่งผ่านเหตุการณ์ต้มยำกุ้งมาไม่นาน ทำให้ผมต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดค่าเงิน เผื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จในการเทรดค่าเงินแบบนั้นบ้าง แต่น่าเสียดายที่หนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนในบ้านเราตอนนั้นหายากมาก จากความผิดหวังที่ไม่ได้หนังสือเกี่ยวกับค่าเงิน แต่ผมก็ได้เจอกับหนังสือการลงทุนในหุ้นที่ดีที่สุดของเมืองไทยคือ หนังสือตีแตกของ ดร.นิเวศ เหมวชิวรากร นั่นทำให้ผมลืมค่าเงินไปสนิทใจ และหนังสือเล่มนี้เองที่จุดประกายการลงทุนให้กับเด็กอายุ14ปีคนนึง เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนอย่างจริงจัง ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมากเท่าที่จะหาได้ ซึ่งในยุคนั้นมีแต่หนังสือของสำนักพิมพ์เบี้ยฟ้าเท่านั้น(นานมาก) และจากเหตุนี้เองทำให้ผมได้พบโลกในอีกมุมมอง ได้พบเพื่อนใหม่มากมาย ทำให้ได้แนวคิดใหม่ๆเสมอ เพราะการแลกเปลี่ยนทางความคิดนั้น เมื่อตอนเจอกันเราเอามาคนละหนึ่ง แต่เมื่อจากไปเราเอากลับไปคนละสอง ผลจากการเรียนรู้ทำให้ผมมีความเข้าใจทางการเงินในระดับหนึ่ง แต่พิสูจน์จากการเข้าร่วมโครงการแข่งขันใดๆก็ตาม ผมมักจะเป็นหนึ่งในคนส่วนใหญ่(นั่นคือตกรอบเสมอ) แต่สิ่งที่ผมได้รับก็มักจะเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากเช่นกัน คือผมได้รู้จักความอดทน รอคอยเวลาของเรา ได้เพื่อนใหม่ ได้ความรู้ใหม่ ทุกครั้งที่ไปอบรมที่ตลาดหลักทรัพย์ผมเหมือนได้ของเล่นใหม่ทุกครั้ง นอกจากด้านการเงินแล้วผมยังสนใจในเรื่องที่คนในวัยเดียวกันไม่ค่อยสนใจ หรือไม่ให้คุณค่ามากนัก สังเกตได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมแต่ละครั้ง ผมมักเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดเสมอ คนอื่นอาจมองว่าเป็นเรื่องที่แปลก แต่ผมมองว่ามันเป็นมุมมอง และการให้คุณค่าในชีวิตที่แต่ละคนต่างมีมุมมองเป็นของตนเอง ดังนั้นผมมีความภูมิใจที่เราเป็นตัวของตัวเอง มากกว่าที่จะว่ายไปกับกระแสแห่งสังคม
2. กิจกรรมต่างๆ ที่เข้าร่วม ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ถ้ามีตำแหน่งใดๆ ก็ระบุมาด้วยครับ เช่น ประธานภาค สมาชิกชมรม, ตำแหน่งในสโมสรนิสิต การอบรมดูงาน ฝึกงานต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ
ถ้าเราเรียกคนที่เป็นผู้บริหารมืออาชีพว่ามือปืนรับจ้างแล้ว ผมคงเป็นมือสังหารรับจ๊อบ เพราะว่าที่ผ่านๆมาผมไม่เคยมีตำแหน่งอย่างจริงจัง แต่หากมีงาน หรือมีกิจกรรมแล้ว ก็จะมีคนติดต่อมาเองว่างานเ็ป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้นะ สนใจจะทำไหม ซึ่งแน่นอนว่าไปทุกงาน โดยส่วนใหญ่แล้ว ผมชอบทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการศึกษา หรือการแนะแนว เพราะผมมองว่าที่สังคมเราเป็นสังคมที่ยุ่งเหยิง หรือที่ผมเรียกว่า สังคมป่วย นั้นล้วนเป็นผลมาจากการศึกษาทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วการจะแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น เราต้องไปแก้ปัญหาที่เลือดใหม่ของสังคม ที่การศึกษา หากจะกล่าวถึงประสบการณ์ในการทำกิจกรรม ผมก็คงไม่ต่างไปจากนักศึกษาคนอื่นๆ คือทำงานคณะบ้าง ช่วยงานมหาวิทยาลัยบ้าง บางครั้งก็ไปช่วยงานนอกตามโอกาส และแน่นอนมักจะเกี่ยวกับการศึกษาและเด็กๆ มีครั้งหนึ่งผมได้ไปโครงการwork and travelนั่นก็เป็นโอกาสที่ดีอีกครั้งในชีวิตเช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น คงเป็นหลังจากการทำกิจกรรมนั้น ผมจะประเมินว่าเราได้รับความรู้อะไรบ้างจากการทำงานนี้ อะไรบ้างที่เป็นสิ่งเตือนใจเราในอนาคต หลายคนอาจทำงานไปตามหน้าที่ หรือทำเพื่อให้จบๆไป สำหรับผมแม้เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ ก็ถือเป็นการเรียนรู้ได้ จากเมื่อก่อนที่ผมพูดไม่เก่ง เมื่อสถานการณ์บังคับบ่อบเข้าๆ ก็กลายเป็นพอพูดได้โดยไม่รู้ตัว หรือจากการไปโครงการwork and travel แม้ผมจะทำร้านfast food แต่ผมได้แง่คิดเกี่ยวกับการค้า และการบริหารคน เพียงเพราะผมนำสิ่งที่ผมทำในแต่ละวันมานั่งคิดว่า ส่วนไหนบ้างที่เราสามารถปรับปรุงได้ หากเราเป็นเจ้าของร้าน
3. หากคุณได้รับตำแหน่ง MM Ambassador 2006 คุณมุ่งหวัง / ตั้งใจ จะทำอะไรในการปฎิบัติตัวในตำแหน่ง MM Ambassador
ผมมีความเชื่อเกี่ยวกับ ชีวิต หน้าที่ และสังคมอยู่ว่า การที่เราจะมีชีวิตที่ดีได้นั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อที่ว่าผลแห่งการทำหน้าที่ที่ดีของเรานั้นจะกลายเป็นประโยชน์ต่อสังคมในที่สุด เช่น หน้าที่ของผู้เป็นครู คือการสอนนักเรียนให้ดีที่สุด ผลคือ เราจะได้อนาคตของชาติที่สดใส หน้าที่ของพ่อค้า คือการขายสินค้าที่ดี ในราคายุติธรรม เมื่อเป็นเช่นนี้ พ่อค้าก็จะได้รับความน่าเชื่อถือ ทำให้ได้กำไรในระยะยาว และสังคมก็จะได้ประโยชน์จากการได้ใช้สินค้าดี ในราคาถูกอีกด้วย การได้สัมภาษณ์ คุณ โกวิท โปษยานนท์ในกิจกรรมของโครงการ ก็ได้เน้นให้ผมเข้าใจถึงคำว่า ตัวตน และหน้าที่ โดยคุณโกวิทได้สอนพวกเราว่า เราต้องรู้ก่อนว่าเราคือใคร เราถึงจะรู้ว่าเราต้องทำอะไร ดังนั้นหากผมมีโอกาสได้เป็นMMA2006 ผมได้ตั้งโจทย์ให้กับหน้าที่นี้ไว้ว่า ทำอย่างไรเราจึงสามารลดช่องว่างระหว่างชนชั้นทางการเงิน เท่าที่กำลังเราจะอำนวยให้ทำได้ แต่การลดช่องว่างในที่นี้แน่นอนว่า เราจะต้องไม่ดึงข้างบนให้ต่ำลง แต่เป็นการดันชนชั้นล่างให้สูงขึ้นแทน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำ คือ ทำอย่างไรให้คน70-80%ของประเทศมีการบริหารทางการเงินอย่างถูกวิธี เพราะคิดง่ายๆว่าผลตอบแทนดอกเบี้ยเงินฝาก0.75ต่อปี เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย12ปีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่12% นั้นต่างกันอยู่มากกว่า10% ดังนั้นหากเรามีเงินต้นหนึ่งแสนบาท ผลตอบแทนจะต่างกันถึงหนึ่งหมื่นบาทต่อปีทีเดียว แต่การให้ความรู้ในแบบของผมนั้น จะไม่ทำแบบ ฑูต ปกติแล้วเมื่อเราเห็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับการเงินมักจะใส่สูทผูกไทด์ ทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยาก เป็นเรื่องของคนเรียนสูง เรียนเฉพาะทาง เป็นเรื่องของคนที่มีเงินเป็นล้านๆบาท ทั้งๆที่การมีรายได้เพียงไม่กี่พันเราก็ต้องมีการบริหารทางการเงินกันแล้ว ดังนั้นการให้ความรู้ของผมจะเป็นไปในแบบ เพื่อน เป็นเพื่อนที่ใส่เสื้อยีดกางเกงยีนส์เหมือนคุณ เป็นเพื่อนที่พูดกับคุณรู้เรื่อง เพราะไม่มีคำศัพท์ยากๆให้ปวดหัว เป็นเพื่อนที่คุณไว้ใจได้ เพราะในคำแนะนำนั้นจริงใจ และไม่มีผลประโยชน์ใดๆแอบแฝง ผมอยากให้คนไทยนั้นมีความสามารถทางการเงินมากพอที่จะบริหารการเงินของตัวให้พอเพียงต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกษียณ แต่ผมจะไม่ยินดีเลย หากเราทำไปด้วยความโลภโมโทสัน ต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุดโดยปราศจากความยั้งคิด เพราะในที่สุดแล้ว เงินไม่สามารถทำให้เรามีความสุขได้ แต่ ใจ ของเราเองที่เป็นสุข แล้วเราจะมีความสุขหรือ หากอยู่บนกองทุกข์ของใครหลายๆคน
Create Date : 23 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2549 17:48:14 น. |
|
1 comments
|
Counter : 983 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
สมุทรปราการ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]
|
ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น
ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
|