เบื้องหลังน้ำหอมคลาสสิคอย่าง Guerlain Mitsouko/Chanel No.5/Jean Patou Joy และอื่น ๆ หรือแม้แต่ Nina Ricci L'Air du Temps (ปี 1948 - ปัจจุบันนับรวมอายุ 65 ปีพอดี) ที่กำลังเขียนถึงมักมีเรื่องราวอันน่าค้นหาซ่อนอยู่ :)
L'Air du Temps ถือกำเนิดขึ้นในปี 1948 โดยนักปรุงน้ำหอมคือ Francis Fabron หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รอยยิ้มของผู้คน ความสงบสุข ความหวัง และความฝันถึงสิ่งที่ดีงามในอนาคตได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ทางด้านประเทศฝรั่งเศส (Nina Ricci เป็นแบรนด์ที่เริ่มต้นจากการเป็นห้องเสื้อชั้นสูงในประเทศฝรั่งเศส) งานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ความหรูหราฟู่ฟ่า ได้กลับคืนมาราวกับการประกาศอิสระภาพจากสงคราม
Francis Fabron ได้สร้าง Nina Ricci L'Air du Temps ขึ้นมาจากสิ่งที่เขานึกถึง นั่นคือกลิ่นหอมที่เขาปรารถนาจะได้กลิ่นยามจุมพิตลงบนไหล่ของหญิงอันเป็นที่รัก Francis Fabron บอกว่าเขาเป็นคนโรแมนติกและคงจะอยู่อย่างสิ้นไร้จินตนาการหากขาดความฝัน...
ในปี 2008 ทาง Nina Ricci ได้ออกมาโฆษณาว่าในทุก 15 วินาที L' Air du Temps จะถูกขายได้ 1 ขวด จากทั่วโลก มันอาจฟังดูเป็นโฆษณาที่ชวนเชื่อเหลือเกินในยุคปัจบันที่มีน้ำหอมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ในอดีตนั้น L'Air du Temps คือหนึ่งในน้ำหอมที่ขายดีที่สุด ไม่แพ้ Chanel No.5 หรือ Guerlain's Shalimar :)
กลิ่นของ L'Air Du Temps หอมหวานนวล ๆ ด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ จัดอยู่ในน้ำหอมตระกูล Floral โดยดอกไม้ที่เป็นกลิ่นหลักเลยก็คือดอกคาร์เนชั่น (Carnation) และดอกคาร์เนชั่นก็ซ่อนความหมายของตัวมันเองอยู่ ^__^
ในประเทศโปรตุเกสที่ Francis Fabron มานั้นดอกคาร์เนชั่นเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศอิสระภาพ ปี 1974 ที่โปรตุเกสได้เกิดการปฏิวัติระบบเผด็จการโดยการร่วมมือกันระหว่างคณะทหารสมทบและแนวร่วมประชาชน...เป็นการทำรัฐประหารที่ไม่มีเสียงปืนดังขึ้นแม้แต่นัดเดียว บนถนนเต็มไปด้วยดอกคาร์เนชั่น ที่ประชาชนพร้อมใจกันเดินถือชูออกมาปักมันไว้บนปลายปืนและเครื่องแบบของทหาร ดังนั้นในโปรตุเกส ดอกไม้ชนิดนี้จึงมีความสำคัญสำหรับพวกเขามากเพราะมันหมายถึงความหวัง ความสงบสุขและชัยชนะของพลังประชาชนอันนำไปสู่ระบบประชาธิปไตย
ทางด้านขวดที่สวยงามของ L'Air du Temps อันมีนกพิราบที่สัญลักษณ์ของสันติภาพนั้น ถูกออกแบบโดยแบรนด์เครื่องแก้วชื่อดังระดับโลกคือ Lalique และเคยได้รับรางวัล Bottle of the Century สวยงามไร้ที่ติ
จบแล้วหมดพลังงาน อิอิ ขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ บทความนี้เรียบเรียงรายละเอียดยิบย่อยมาจากหลายที่ ขาดตกบกพร่องอย่างไรต้องขออภัย ว่าง ๆ จะมาเขียนให้อ่านใหม่นะคะ ^__^
//www.fragrantica.com/news/L-Air-du-Temps-65th-anniversary-4636.html
//www.oknation.net/blog/print.php?id=797296