สาระน่ารู้เกี่ยวกับ แอร์บ้าน และระบบไฟฟ้าในบ้าน
Group Blog
 
All blogs
 

รีวิว...อะไหล่เครื่องทำความเย็น SANHUA



รีวิวฉบับนี้จะเป็นการรีวิวซ่อมเครื่องปรับอากาศ โดยใช้อะไหล่เครื่องทำความเย็นจากแบรนด์ SANHUA ซึ่งแบรนด์นี้ถือเป็นผู้ผลิตอะไหล่และอุปกรณ์ในระบบ HVAC รายใหญ่จากจีนแผ่นดินใหญ่ สินค้าของแบรนด์นี้มีอยู่หลายอย่างซึ่งครอบคลุมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ที่ใช้ในระบบทำความเย็นและระบบปรับอากาศ



โดยแบรนด์ SANHUA จัดว่าเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ในระบบทำความเย็นรายใหญ่ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 30 ปี มีต้นกำเนิดที่มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน
แรกเริ่มเดิมทีนั้น
SANHUA เคยเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์ในระบบทำความเย็นให้กับ Danfoss แต่ภายหลัง Danfoss ได้ปรับเปลี่ยนฐานการผลิตโดย Danfoss ได้กลับไปผลิตสินค้าเอง ทำให้ทาง SANHUA ซึ่งมีศักยภาพด้านการผลิตอุปกรณ์ในระบบทำความเย็นอยู่แล้ว และยังมีข้อมูลสินค้าหลายๆอย่างที่เคยผลิตให้ Danfoss มาก่อนหน้า จึงตัดสินใจผลิตสินอุปกรณ์ในระบบทำความเย็นออกมาในแบรนด์ของตนเองโดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “SANHUA” ในช่วงเริ่มต้นได้ผลิตสินค้าออกมาเพื่อตีตลาดในจีน และได้ประสบความสำเร็จ จนขยายตลาดไปยังฝั่งยุโรป อเมริกา และมายังไทยอีกด้วย

และจะว่าไปแล้ว ในปัจจุบัน สินค้าในกลุ่มของอุปกรณ์ระบบทำความเย็นที่วางจำหน่ายในไทย มีแบรนด์สินค้าจากจีนเข้ามาวางจำหน่ายอยู่มากมาย และคุณภาพสินค้าก็มีหลายเกรด แต่เมื่อพิจารณาจากประวัติความเป็นมาและความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต แบรนด์ SANHUA ก็จัดว่าเป็นสินค้าที่มีเกรดคุณภาพค่อนข้างดีและมีราคาที่ย่อมเยา เมื่อเทียบกับสินค้าแบรนด์จากทางฝั่งยุโรปและอเมริกานี่จึงทำให้อุปกรณ์ระบบทำความเย็นแบรนด์ SANHUA เป็นอีกแบรนด์ที่น่าสนใจเหมาะสำหรับนำมาเป็นตัวเลือกในการใช้งานเลยก็ว่าได้


เพราะในปัจจุบัน SANHUA ถือเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์สินค้าของตน ให้กับองค์กรใหญ่ ๆ หลายองค์กรเช่น ในกลุ่มของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ก็จะมีตัวอย่างเช่น Mercedes Benz, BMW, แม้แต่ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าค่าย Tesla ที่เป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ระดับโลกก็ยังไว้ใจเลือกใช้สินค้าแบรนด์ SANHUA และนอกจากนั้นบริษัทผลิตแอร์ชื่อดังหลายรายก็ไว้วางใจที่จะเลือกใช้แบรนด์ SANHUA เช่นกัน อาทิเช่น Samsung, Carrier, Daikin, LG และอื่น ๆ อีกมากมาย

โดยในบ้านเราผู้น้ำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ SANHUA หนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท แสงชัยอีควิพเม้นท์ (1984) จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ทำความเย็นและไฟฟ้าครบวงจร



และรีวิวฉบับนี้ ก็ได้รับการสนับสนุนอะไหล่เครื่องทำความเย็นแบรนด์ SANHUA จาก บริษัท แสงชัยอีควิพเม้นท์ (1984) จำกัด ซึ่งได้กรุณาจัดส่งอุปกรณ์ที่ใช้ซ่อมเครื่องปรับอากาศตามที่ผมต้องการมาให้

โดยอุปกรณ์ที่นำมาใช้และรีวิวในครั้งนี้ประกอบไปด้วย ฟิลเตอร์ดรายเออร์ (Filter Dryer), เซอร์วิสวาล์ว (Service Valve) และ ไซท์กลาส (sight glass)



อุปกรณ์ที่ส่งมาจาก บริษัท แสงชัยอีควิปเม้นท์ (1984) จำกัด




มาดูอย่างแรก ซึ่งนั่นก็คือ ฟิลเตอร์ดรายเออร์ (Filter Dryer) ซึ่งมีหน้าที่เป็นตัวกรองและดูดความชื้นในระบบเครื่องทำความเย็น


กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ฟิลเตอร์ดรายเออร์ SANHUA



เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบฟิลเตอร์ดรายเออร์ และเอกสารคู่มือแนะนำผลิตภัณฑ์



ฟิลเตอร์ดรายเออร์ของ SANHUA ผ่านการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมไปถึงผ่านมาตรฐาน DIN และ ARI คุณภาพและมาตรฐานที่มีนั้นเทียบได้กับฟิลเตอร์ดรายเออร์ของแบรนด์ดังระดับโลกหลายๆแบรนด์
ดูด้วยตาเปล่าเบื้องต้นก็พอจะเห็นได้ถึงความทนทาน ชั้นของสีเคลือบที่ดูด้วยตาเปล่าก็พอจะเห็นได้ว่าเป็นชั้นสีเคลือบที่มีความหนาและดูดีมีคุณภาพ
ซึ่งข้อมูลที่ผู้ผลิตให้มานั้น ก็ได้มีการการันตีในเรื่องของความทนทานเอาไว้โดยเฉพาะสีพ่นเคลือบภายนอกที่มีการทดสอบจำลองสถานการณ์โดยใช้กรดเกลือความเข้มข้นสูงซึ่งผลการทดสอบปรากฏว่าสีพ้นเคลือบฟิลเตอร์ดรายเออร์สามารถทนต่อสภาพของกรดเกลือความเข้มข้นสูงได้นานถึง 500 ชั่วโมง
แต่ในสภาวะการใช้งานปกตินั้นคงไม่มีใครเอากรดเกลือความเข้มข้นสูงไปพ่นใส่ฟิลเตอร์ดรายเออร์โดยตรงเป็นแน่ดังนั้นจึงมั่นใจไดในระดับหนึ่ง ว่าฟิลเตอร์ดรายเออร์ตัวนี้สามารถทนทานในสภาพแวดล้อมการใช้งานปกติได้ค่อนข้างดี



และนี่ก็คือภาพตัดที่แสดงให้เห็นด้านในตัวฟิลเตอร์ดรายเออร์ของ SANHUA ซึ่งด้านในจะประกอบไปด้วย สารดูดซับความชื้น Molecular Sieves และ สารดูดซับกรด Activated Alumina โดยสารดังกล่าวจะถูกอัดเป็นแท่งบรรจุมาให้อย่างเต็มที่

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของสารดูดซับความชื้อที่มีใช้ในฟิลเตอร์ดรายเออร์ของ SANHUAนั้น คือสาร Molecular Sieve (โมเลกุลลาร์ ซีฟหรือ ที่เรียกว่า Synthetic Zeolite เป็นสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติในการดูดความชื้น ที่ดีมาก ภายใต้ความชื้นสัมพัทธ์รอบข้างในระดับที่ต่ำมาก(10% - 30%) โดยมีประสิทธิภาพ ในการดูดความชื้นประมาณ 22% ของน้ำหนักตัวเอง และด้วยโครงสร้างพิเศษเฉพาะตัวที่มีในสาร Molecular Sieve ทำให้มันมีพื้นผิวสัมผัส ประมาณ 7-800 ตารางเมตรต่อ 1 กรัม และมีแรงดึงดูดความชื้น ที่สูงมาก ข้อดีดังกล่าวทำให้ปัญหาการคายความชื้นน้อยกว่า เมื่อเทียบกับ Silica Gel ในสภาวะที่อุณหภูมิรอบข้างสูงขึ้น


ภาพตัดอีกมุมของฟิลเตอร์ดรายเออร์ ยี่ห้อ SANHUA ซึ่งแสดงให้เห็นถึงชั้นของตัวบอดีที่ทำมาจากเหล็กหนาแข็งแรงทนทานพร้อมกับแสดงให้เห็นชั้นของสีเคลือบที่หนา และเป็นสีเคลือบคุณภาพสูงที่ดูเงางามอีกด้วย






อุปกรณ์ชิ้นต่อมา นั่นก็คือ เซอร์วิสวาล์ว (Service Valve) หรือวาล์วบริการที่ติดตั้งในระบบเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ
โดยในเครื่องปรับอากาศรุ่นปัจจุบัน ส่วนใหญ่เกือบทุกเครื่องจะต้องมีเซอร์วิสวาล์วติดตั้งอยู่ที่บริเวณด้านข้างของชุดคอยล์ร้อน (
Condensing Unit) ซึ่งเซอร์วิสวาล์วจะมีหน้าที่เป็นวาล์วสำหรับเปิดปิดน้ำยาที่อยู่ในชุดคอยล์ร้อน และยังเป็นจุดที่ใช้เชื่อมต่อท่อน้ำยาแอร์ที่มาจากชุกคอยล์เย็น (Fan Coil Unit) อีกด้วย



สำหรับเซอร์วิสวาล์ว ของ SANHUA นั้นจะแตกต่างไปจากเซอร์วิสวาล์วแบบธรรมดาทั่วไป โดยเซอร์วิสวาล์วของ SANHUA นั้นจะไม่มีซีลยางรองอยู่ด้านใน เนื่องจากยางพวกนี้เมื่อใช้งานไปนานๆอาจเสื่อมสภาพ และเป็นสาเหตุทำให้เกิดการรั่วซึมของสารทำความเย็นในระบบได้ 




การที่เซอร์วิสวาล์ว ของ SANHUA ซึ่งไม่มีซีลยางด้านในแต่สามารถกักเก็บสารทำความเย็นได้โดยที่ไม่มีการรั่วซึม นั่นก็เพราะว่าเซอร์วิสวาล์วของ SANHUA ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยใช้วัสดุคุณภาพดีร่วมกับเครื่องจักรที่ทันสมัยในการผลิต ทำให้บริเวณรอยต่อด้านใน สามารถปิดได้แนบชิดสนิทกันจนแรงดันสารทำความเย็นไม่สามารถรั่วไหลออกมาได้นั่นเอง และนอกจากนี้ตัวผลิตภัณฑ์ยังมีการรับประกันให้ถึง 1 ปี อีกด้วย







และอุปกรณ์ชิ้นสุดท้าย นั่นก็คือ ไซท์กลาส (sight glass) หรือบางท่านอาจจะเรียกว่า “ตาแมว” หรือ “ตาแก้ว” โดยไซท์กลาสนั้นเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ดูสถานะหรือดูการไหลของสารทำความเย็นหรือน้ำยาที่ไหลในระบบเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศนั่นเอง


กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ไซท์กลาส SANHUA



เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบไซท์กลาส และเอกสารคู่มือแนะนำผลิตภัณฑ์



ไซท์กลาส ของ SANHUA ตัวเรือนถูกขึ้นรูปมาเป็นชิ้นเดียว หน้าปัดกระจกมีขนาดใหญ่ สังเกตง่ายซึ่งแผ่นกระจกที่หน้าปัดนั้นถูกปิดผนึกมาเป็นการถาวร ไม่สามารถเปิดออกได้ ช่วยป้องกันการรั่วซึมได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีแถบสีบอกสถานะของสารทำความเย็นอยู่ตรงกลางหน้าปัดอีกด้วย







ดูในส่วนของอุปกรณ์และข้อมูลเบื้องต้นของอุปกรณ์ไปแล้ว คราวนี้มาดูรีวิวการนำอุปกรณ์เหล่านี้มาติดตั้งใช้งานจริงบ้าง



โดยแอร์ที่จะนำมาสาธิตในครั้งนี้เป็นแอร์ที่เคยใช้งานจริงอยู่ มีอายุการใช้งานมาประมาณ 7 ปีแต่ในช่วงหลังแอร์เครื่องนี้ก็มีปัญหา โดยปัญหาหลักเกิดจากเซอร์วิสวาล์วของเดิมที่มากับตัวแอร์รั่ว เพราะซีลยางข้างในเสื่อมสภาพ เป็นผลให้น้ำยารั่วซึมออกไปจากระบบ




สภาพของเซอร์วิสวาล์วของเดิมที่มากับแอร์ซึ่งซีลยางข้างในเสื่อมสภาพ จนทำให้น้ำยารั่วซึมออกมา




เตรียมทำการรื้อเซอร์วิสวาล์วของเก่าออก และเตรียมเซอร์วิสวาล์วอันใหม่ ของ SANHUA ที่จะนำมาเปลี่ยน




หลังจากตัดเซอร์วิสวาล์วอันเก่าออกแล้ว




เริ่มทำการเชื่อมเซอร์วิสวาล์วอันใหม่ของ SANHUA เข้าไปแทนที่




หลังจากเชื่อมเซอร์วิสวาล์วอันใหม่ของ SANHUA เข้าไปแทนที่แล้ว ก็ขันสกรูประกอบกลับเข้าที่ให้เรียบร้อย




เปลี่ยนเซอร์วิสวาล์วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยพร้อมนำไปติดตั้งกลับเข้าที่



ก่อนจะนำชุดคอยล์ร้อนที่เปลี่ยนเซอร์วิสวาล์วแล้วกลับไปติดตั้งที่เดิม ก็ได้มีการเชื่อมฟิลเตอร์ดรายเออร์ ของ SANHUA เข้าไปในระบบด้วย เพราะแอร์เครื่องนี้ เดิมทีไม่ได้ถูกติดตั้งฟิลเตอร์ดรายเออร์มาจากโรงงาน การที่เราเพิ่มฟิลเตอร์ดรายเออร์เข้าไปก็เพื่อให้ในระบบแอร์มีตัวกรองความชื้นที่คอยจัดการสิ่งสกปรกและความชื้นที่อาจจะมีปะปนมาในระบบ และยังมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์เครื่องนี้ ให้ทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพนานยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

ฟิลเตอร์ดรายเออร์ ของ SANHUA ที่เตรียมจะนำไปเชื่อมเข้ากับท่อแอร์ของเดิม 
โดยฟิลเตอร์ดรายเออร์ที่จะนำมาเชื่อมเข้าระบบนั้นต้องติดตั้งให้ลูกศรบอกทิศทางหันไปในทางที่สอดคล้องกับทิศทางการไหลของน้ำยาในระบบด้วย

 




ก่อนจะเชื่อมฟิลเตอร์ดรายเออร์ก็ได้มีการใช้ผ้าชุบน้ำห่อเอาไว้ เพื่อลดความร้อนที่เกิดขึ้นในระหว่างเชื่อมท่อ




ฟิลเตอร์ดรายเออร์ที่เชื่อมเข้าระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว



 นอกจากติดตั้งฟิลเตอร์ดรายเออร์เพิ่มเข้าไปในระบบแอร์ของเดิมแล้ว ก็ได้มีการติดตั้งไซท์กลาส ของ SANHUA เพิ่มเข้าไปในระบบอีกด้วย เพื่อให้สะดวกในการดูสถานะการไหลของน้ำยาแอร์ในระบบ


ไซท์กลาสที่ถูกเชื่อมเข้ากับระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว




หลังจากติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆแล้วเสร็จ




ยกคอยล์ร้อนขึ้นติดตั้งยังตำแหน่งเดิมทำการเชื่อมต่อท่อน้ำยาแล้วทำการแว็คคั่มระบบเป็นเวลา 30 นาที จากนั้นก็พร้อมเดินเครื่อง




เริ่มเดินเครื่องพร้อมชาร์จน้ำยา R22 เข้าไปในระบบ จนค่าแรงดันน้ำยา R22 ที่วัดได้อยู่ที่ประมาณ 70 psig ซึ่งถือว่าเป็นค่าที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจึงหยุดชาร์จน้ำยา




วัดค่ากระแสไฟฟ้าได้ที่ 2.8 (แอร์ขนาด 9,000 BTU)

ค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดได้ของแอร์ขนาดนี้เทียบกันแล้วถือว่าค่อนข้างน้อย ซึ่งก็ถือเป็นผลดี




ในระหว่างที่แอร์ทำงาน สังเกตที่ไซท์กลาสที่ได้ใส่เพิ่มเข้าไป พบว่าน้ำยาไหลได้ดีไม่มีฟองอากาศปนในน้ำยา และที่ตรงกลางหน้าปัดจะเห็นได้ว่าแถบแสดงสถานะขึ้นแถบเขียว ซึ่งหมายถึงในระบบแห้งดีปราศจากความชื้น ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นก็คงเป็นผลมาจากประสิทธิภาพของฟิลเตอร์ดรายเออร์ที่ใส่เข้าไป ซึ่งช่วยทำหน้าที่จัดการกับความชื้นที่มีปนเข้าไปในระบบได้เป็นอย่างดี




แอร์เครื่องนี้ ภายหลังจากได้เปลี่ยนเซอร์วิสวาล์วและเพิ่มฟิลเตอร์ดรายเออร์ กับ ไซท์กลาส เข้าไป โดยรวมก็ทำงานได้เป็นปกติเรื่องการทำความเย็นนั้นก็ทำความเย็นได้ดีตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไรเลย




ก่อนจะจบรีวิวครั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณ บริษัท แสงชัยอีควิปเม้นท์ (1984) จำกัด ที่ได้กรุณาสนับสนุนผลิตภัณฑ์คุณภาพดีจาก แบรนด์ SANHUA มาให้
และผมก็ต้องขอจบรีวิวลงแต่เพียงเท่านี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชม...สวัสดีครับ










 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2560    
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2560 20:58:42 น.
Counter : 9564 Pageviews.  

รีวิวเครื่องดูดฝุ่น Dyson V8 Fluffy



เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาผมได้รับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายมาจากผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งซึ่งได้กรุณาส่งเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Dysonรุ่น V8 Fluffy มาให้ผมได้ลองใช้งาน 

และในโอกาสนี้ผมเลยถือโอกาสหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้แล้วนำมาทำเป็นรีวิวให้ได้ชมกันเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้กับท่านที่สนใจในเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้



เริ่มแรกมาดูกันที่กล่องบรรจุภัณฑ์กันก่อน

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายDyson V8Fluffy บรรจุมาในกล่องกระดาษที่มีสีพื้นเป็นสีขาวโดยที่หน้ากล่องมีการพิมพ์ภาพผลิตภัณฑ์เอาไว้อย่างชัดเจนน้ำหนักสินค้ารวมกล่องบรรจุภัณฑ์ อยู่ที่ 4.92 กิโลกรัม



เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะเป็นอย่างที่เห็นในภาพ



หยิบออกมาชิ้นแรกสุดคือคู่มือการใช้งาน ซึ่งมีการอธิบายรายละเอียดประกอบการใช้งานไว้หลายภาษาหนึ่งในนั้นก็มีภาษาไทยรวมอยู่ด้วย





อุปกรณ์ต่างๆที่ให้มาในกล่องมีการบรรจุหีบห่อและจัดวางไว้ให้มาเป็นอย่างดี





อุปกรณ์ต่างๆที่ให้มาในกล่องมีอยู่ด้วยกันหลายชิ้น ส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเป็นอุปกรณ์ในส่วนของหัวดูดและหัวแปรงแบบต่างๆที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างครอบคลุมหลากหลายรูปแบบรองรับการใช้งานที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ





หัวดูดแบบลูกกลิ้งนุ่มเป็นหัวดูดตัวหลักที่ถือเป็นพระเอกของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายDyson V8Fluffy โดยเป็นหัวดูดที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในรูปแบบที่เป็นการดูดฝุ่นบนพื้นซึ่งไม่ว่าจะเป็นบนพื้นแข็งทั่วๆไป และพื้นพรม ก็สามารถใช้งานได้ทุกพื้นผิว


ในขณะที่ใช้งานลูกกลิ้งที่อยู่ในหัวดูดอันนี้ ก็จะหมุนไปด้วยในขณะที่เรากำลังดูดฝุ่นการหมุนของหัวดูดลูกกลิ้งนี้ทำให้การดูดฝุ่นบนพื้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพราะลูกกลิ้งที่หมุนนี้จะช่วยดึงเอาเศษขยะชิ้นใหญ่ๆรวมไปถึงฝุ่นผงที่มีขนาดเล็กมากๆให้ถูกดูดขึ้นมาได้อย่างหมดจด

นอกจากนี้ที่บริเวณข้อต่อของหัวดูดนี้ก็ออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสามารถหักเลี้ยวหรือเคลื่อนตัวในแนวขึ้นลงได้อย่างไม่ติดขัดอีกด้วย





เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้มาพร้อมก้านต่อสีส้มที่ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงและมีน้ำหนักเบาซึ่งเป็นก้านต่อเอนคประสงค์ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานที่หลากหลาย เช่นการดูดฝุ่นบนพื้นสามารถทำได้โดยใช้หัวดูดแบบลูกกลิ้งหมุนร่วมกับก้านต่ออันนี้และในการดูดฝุ่นบริเวณที่สูงก็สามารถใช้ก้านต่ออันนี้ต่อกับหัวแปรงแบบอื่นๆเพื่อดูดสิ่งสกปรกในบริเวณที่สูงได้เช่นกัน





หัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็กเป็นหัวดูดแบบที่คล้ายกับหัวดูดแบบลูกกลิ้งหมุน ซึ่งหัวดูดอันนี้จะเป็นหัวดูดแบบแปรงหมุนที่มีมอเตอร์ติดอยู่ด้านใน



ในขณะที่ใช้งานหัวดูดแบบนี้มอเตอร์ที่ติดอยู่ด้านในก็จะหมุนหัวแปรงไปด้วยพร้อมๆกัน เพื่อช่วยดึงเอาสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนพื้นผิวออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ



หัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็กออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในแบบที่เป็นการทำความสะอาดบนเบาะหรือโซฟา





หัวดูดแบบปากแคบเหมาะจะใช้ทำความสะอาดในซอกหรือพื้นที่แคบแบบ อย่างเช่นการดูดตามแนวซอกมุมต่างๆหัวดูดอันนี้ถือว่าทำได้ดี เพราะด้วยรูปทรงที่แคบตรงปลายแรงดูดที่ปลายหัวดูดจึงแรงและค่อนข้างมีพลังสูงเลยทีเดียว





หัวดูดฝุ่นที่นอนเป็นหัวดูดที่ถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อใช้ดูดฝุ่นรวมไปถึงสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ตามที่นอนหรอเบาะผ้าต่างๆหัวดูดอันนี้จะเป็นแบบที่หมุนไม่ได้และไม่มีส่วนที่หมุนอยู่




หัวดูด 2 in1 เป็นหัวดูดที่ออกแบบมาให้ใช้งานเป็นได้ทั้งหัวดูดฝุ่นและแปรงปัดฝุ่นถือเป็นเป็นหัวดูดสารพัดประโยชน์ที่นำไปใช้งานได้หลายที่






แปรงปัดฝุ่นขนนุ่ม เป็นหัวแปรงอีกอันหนึ่งที่ออกแบบมาให้สำหรับใช้ในการทำความสะอาดในแบบที่ต้องการความนุ่มนวล





นอกจากหัวดูดและหัวแปรงแบบต่างๆแล้วเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ยังมีข้อต่อแบบพิเศษแถมมาให้อีกด้วยซึ่งเป็นข้อต่อโค้งที่ออกแบบมาให้สามารถปรับมุมได้  เพื่อใช้ในการความความสะอาดในบริเวณที่สูงๆ หรือบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึง



ตัวอย่างการใช้ข้อต่อโค้งร่วมกับหัวดูดแบบแปรงในการทำความสะอาดบริเวณที่สูง




นอกเหนือจากอุปกรณ์เสริมที่เป็นหัวดูดและแปรงแบบต่างๆในกล่องยังมีในส่วนของ Adapter สำหรับชาร์จไฟให้กับเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้อีกด้วย

Adapter (BatteryCharger) สามารถใช้งานได้กับระบบไฟฟ้า AC 100 - 240 V 50/60 Hz จึงสามารถรองรับการใช้งานกับระบบไฟฟ้าในบ้านได้ครอบคลุมทุกประเทศทั่วโลก
Adapter อันนี้ จ่ายแรงดันไฟฟ้าออกมาเป็น DC 26.1 V 780 mA.



ในส่วนนี้จะเป็นแท่นชาร์จติดผนังสำหรับนำไปติดตั้งไว้บนผนัง เพื่อใช้สำหรับเป็นที่จัดเก็บตัวเครื่องพร้อมทั้งชาร์จแบตเตอรี่ได้ขณะที่เก็บเครื่องไว้บนแท่น





หลังจากดูในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆที่ให้มาในกล่องแล้วคราวนี้เรามาดูกันต่อที่ในส่วนของตัวเครื่องซึ่งเป็นหัวใจหลักของเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้





ข้อมูลจากผู้ผลิตได้ระบุไว้ว่าเครื่องดูดฝุ่น Dyson V8 Fluffyรุ่นนี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากรุ่นก่อนๆ โดยรุ่นนี้จะใช้มอเตอร์พลังไซโคลนDyson Digital motor V8 ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ด้วยงบลงทุนและการพัฒนาจากผู้ผลิต ทำให้ได้มอเตอร์อันทรงประสิทธิภาพที่ใช้งานในเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ซึ่งเป็นมอเตอร์ขนาดเล็กที่ทรงพลัง โดยมีกำลังถึง 425 วัตต์และตัวเครื่องมีน้ำหนักประมาณ 2.6 กิโลกริม




รูปแบบการดูดเป็นแบบพลังไซโคลนที่สร้างการหมุนของอากาศภายในเป็นการพัฒนาต่อยอกจากเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นก่อนๆของ Dyson




ที่อยู่บริเวณด้านท้ายของมอเตอร์เป็นช่องลมออก ซึ่งส่วนนี้จะมีฟิลเตอร์กรองอากาศติดตั้งอยู่ด้านในเพื่อทำหน้าที่ดักจับฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ที่ถูกดูดเข้ามาไม่ให้เล็ดลอดไหลออกมาปะปนกับอากาศอีกในภายหลัง





การเทเศษฝุ่นผงที่เก็บในถังเก็บฝุ่นสามารถเททิ้งได้ง่าย เพียงแค่เราดึงคันโยกที่อยู่ด้านบนตัวเครื่อง ฝาด้านล่างก็จะเปิดและเศษฝุ่นก็จะตกลงไปสู่ภาชนะทิ้งขยะที่รองรับอยู่ด้านล่างถือเป็นวิธีการทิ้งที่ช่วยลดการกระจายของฝุ่น




ตัวกรองฝุ่นก็เป็นแบบที่สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้อีกด้วย



สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้ในเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้เป็นแบตเตอรี่แบบ ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) 21.6 V 2800 mAh




เมื่อชาร์จไฟจนเต็มสามารถใช้งานเครื่องดูดฝุ่นไร้สายเครื่องนี้ได้อย่างต่อเนื่องนานถึง 40 นาที





และเนื่องจากส่วนตัวผมเองเดิมทีก็มีเครื่องดูดฝุ่นไร้สายของ Dyson ใช้งานอยู่แล้วซึ่งเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson DC62 ที่เคยได้มาใช้เมื่อ1-2 ปีก่อน และเคยเอามาทำรีวิวเอาไว้แล้วด้วย (ตามลิงค์นี้) https://pantip.com/topic/34608786
ผมเลยถือโอกาสนำเอาเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย
Dyson
V8Fluffy(เครื่องใหม่) มาเทียบกับ Dyson DC62(เครื่องเก่า)ซึ่งเครื่องเก่าของผมนี้ก็ผ่านการใช้งานในแบบที่สมบุกสมบันมานานพอสมควรและเน้นการใช้งานอย่างต่อเนื่องเพียงอย่างเดียว เลยไม่ค่อยได้ทำความสะอาดมากนักสภาพจึงอาจจะดูไม่สดใสเมื่อเทียบกับของใหม่ แต่ยังถือว่าใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา


ถ้าสังเกตภาพรวมก็จะเห็นว่าDyson V8Fluffy(เครื่องใหม่) และ Dyson DC62(เครื่องเก่า)มีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ซึ่งผู้ผลิตได้ให้ข้อมูลไว้ว่า Dyson V8Fluffy เป็นรุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากเวอร์ชั่นเดิมให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และใช้งานต่อเนื่องได้นานขึ้นจากเดิม



เมื่อวางเทียบกันจะเห็นว่าDyson V8Fluffy(เครื่องใหม่) มีมอเตอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า และทรงพลังกว่า




ก้านต่ออลูมิเนียมของDyson V8Fluffy(เครื่องใหม่) จะมีสีส้ม ในขณะที่ของ Dyson DC62(เครื่องเก่า) เป็นสีชมพู




ถึงแม้ว่า Dyson V8Fluffy(เครื่องใหม่) และ Dyson DC62(เครื่องเก่า)จะมีอุปกรณ์ในส่วนที่เป็นหัวดูดในแบบที่คล้ายๆกันแต่อุปกรณ์ของแต่ละเครื่องก็เป็นตัวล็อคแบบเฉพาะ ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ ทั้งนี้ก็เพราะการล็อคของ Dyson V8Fluffyถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ให้สามารถใส่และถอดอุปกรณ์ต่างๆได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม





โดยส่วนตัวหลังจากที่ได้ลองใช้งาน ก็พบว่าเครื่องดูดฝุ่น Dyson V8Fluffy เครื่องใหม่นี้ให้พลังแรงดูดที่ดีกว่าเครื่องเก่าอย่างเห็นได้ชัดและแบตเตอรี่ก็ใช้ได้ต่อเนื่องนานขึ้นด้วย



ในส่วนของการรับประกันเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V8 Fluffyมาพร้อมการรับประกันนานถึง 2 ปี





รีวิวฉบับนี้ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ขอขอบคุณที่ติดตามรับชม...สวัสดีครับ








 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2560 20:16:52 น.
Counter : 6508 Pageviews.  

รีวิวเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson DC62 (ไปได้ทุกที่ งานหนักงานเบา...ก็เอาอยู่)...<ตอนที่ 2>

การนำมาใช้งาน

สำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson DC62 เครื่องนี้ ถ้าพูดถึงการใช้ทำความสะอาดทั่วๆไปภายในบ้าน ก็ถือว่าใช้งานได้ดีเลยทีเดียว หลักๆเลยก็คือ สะดวกตรงที่มันไม่มีสายไฟ จึงสามารถทำความสะอาดตามที่ต่างๆได้อย่างง่ายดาย นำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวก และยังไม่ต้องมีถุงเก็บฝุ่นเหมือนในเครื่องแบบเดิมๆด้วย

ในด้านประสิทธิภาพการทำงานนั้น แม้ว่ากำลังของมอเตอร์จะอยู่แค่ 300 วัตต์ แต่คงเป็นเพราะการออกแบบทางเทคนิคที่ดี ทำให้ประสิทธิภาพการทำความสะอาดสามารถทำออกมาได้ดีโดยใช้พลังงานไม่มาก หากเป็นการนำมาใช้ทำความสะอาดทั่วๆไปภายในบ้าน เครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ ก็สามารถทำได้ ในระดับที่เรียกได้ว่า แทบไม่ต่างอะไรจากเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายเลย

ส่วนเรื่องเสียงในขณะที่เครื่องทำงานนั้น ตรงนี้ผมก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะดังไปอยู่ แต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้ และถ้าพูดกันตามความเป็นจริงแล้ว เรื่องเสียงเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยากอยู่แล้วสำหรับเครื่องดูดฝุ่นทุกเครื่อง



และนี่ก็จะเป็นภาพบางส่วน จากการนำไปใช้งานทำความสะอาดแบบทั่วๆไปภายในบ้าน


ท่อต่อที่ให้มา ช่วยเอื้อต่อการทำความสะอาดในที่สูงได้ โดยที่เราไม่ต้องปีนเก้าอีหรือปีนบันได (แต่ถ้าสูงเกินไปมันก็คงไม่ถึง)



การทำความสะอาดในส่วนที่ยากต่อการเข้าถึงก็ไม่ใช่ปัญหาอีก เพราะหัวแปรงที่ให้มานั้น 

มีส่วนช่วยให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นเยอะ โดยที่เราไม่ต้องปีนป่ายขึ้นไปเองเหมือนที่เคยทำ



และเพราะว่ามันเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายนี่เอง ทำให้สามารถนำไปดูดฝุ่นในรถได้อย่างสะดวก 

ไม่ต้องหาปลั๊กไฟ ไม่ต้องต่อสายพ่วงให้ยุ่งยาก




ระยะเวลาในการนำมาใช้งาน หลังจากที่ชาร์จแบตจนเต็มแล้ว สำหรับการดูดแบบปกติ สามารถทำงานได้ต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 20 นาที การใช้งานทำความสะอาดส่วนต่างๆภายในบ้าน การชาร์จจนเต็มในแต่ละครั้ง ก็สามารถใช้งานได้เพียงพอสำหรับการดูดฝุ่นทำความสะอาดทั่วไปภายในบ้าน เพราะบ้านทั่วๆไปก็ไม่ค่อยมีใครใช้เวลาดูดฝุ่นต่อเนื่องกันเป็นชั่วโมงอยู่แล้ว เว้นแต่ว่าเป็นคฤหาสน์ก็ไม่แน่อยู่ และนอกจากนี้ยังมีโหมดสำหรับงานที่ต้องการแรงดูดมากเป็นพิเศษ ซึ่งหากเปิดโหมดนี้จะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 6 นาที



หลังจากใช้งานเสร็จ หรือเมื่อแบตเตอรี่หมด ก็สามารถนำเอาสายชาร์จที่ให้มาพร้อมกับตัวเครื่อง มาต่อเข้ากับตัวเครื่องแล้วเสียบปลั๊กไฟจากเต้ารับภายในบ้านได้ทันที

การชาร์จแบตเตอรี่ ในกรณีที่แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง จะใช้ระยะเวลาในการชาร์จไฟจนเต็ม ราวๆ 3 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งภายหลังจากแบตเตอรี่เต็ม ก็จะมีวงจรควบคุมทำหน้าที่ตัดการชาร์จให้อัตโนมัติ



นอกจากจะนำมาใช้งานทำความสะอาดแบบทั่วๆไปในบ้านแล้ว ผมเองยังนำเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้มาลองใช้งานภาคสนาม โดยการนำเอาไปใช้งานจริงที่หน้างานอีกด้วย เพราะต้องการจะรู้ว่าความสามารถที่มีนั้นจะไหวหรือเปล่า



และไม่มีอะไรจะดีไปว่าการนำมาทดสอบดูดฝุ่น ในระหว่างการเจาะรูในงานติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า เพราะการเจาะรูเข้าไปในผนังก่ออิฐฉาบปูนด้วยสว่าน มักจะมีเศษวัสดุชิ้นเล็กๆและฝุ่นผงปลิวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ งานนี้ผมจึงต้องขอลงมาที่หน้างานด้วยตนเอง เพื่อนำเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson DC62 มาทดสอบในสถานที่จริง

อันที่จริงแล้ว ถ้าเป็นหน้างานที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างซึ่งเจ้าของยังไม่ได้ย้ายเข้า เรื่องฝุ่นที่มาจากการเจาะก็ไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไหร่ เครื่องดูดฝุ่นก็แทบจะไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้

แต่ถ้าเป็นหน้างานที่มีการย้ายเข้ามาอยู่อาศัยหรือใช้ประโยชน์แล้ว การไปเจาะผนังเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในภายหลังในสถานที่แบบนี้ จะต้องมีการป้องกันเรื่องฝุ่นให้ดี และโดยปกติผมก็จะให้ทีมงานช่างในความดูแล นำเครื่องดูดฝุ่นมาใช้ด้วยเสมอ ซึ่งในขณะเจาะผนังคนหนึ่งเจาะอีกคนก็จะต้องรอจ่อปลายเครื่องดูดฝุ่นไว้เลย เพื่อลดฝุ่นละอองที่จะปลิวไปยังบริเวณต่างๆ โดยที่ใช้อยู่เดิมเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบเสียบปลั๊กใช้งาน ต้องลากสายต่อไปด้วยเสมอ เครื่องดูดฝุ่นไร้สายจึงดูจะเป็นอะไรที่เหมาะ หากจะนำมาเป็นตัวช่วยในการใช้งานแบบนี้



การนำมาใช้งานที่หน้างานนั้น โดยรวมแล้วก็สามารถทำได้ดี แรงดูดของตัวเครื่องเพียงพอที่จะจัดการกับเศษฝุ่น ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเจาะผนังได้แบบสบายๆ และยังเคลื่อนย้ายไปใช้งานได้อย่างสะดวกคล่องตัวขึ้นกว่าเดิมมาก



ดูดใช้งานไปได้พักหนึ่ง ก็สังเกตเห็นว่าระดับฝุ่นในที่เก็บฝุ่น ใกล้จะอยู่ที่ระดับ MAX ซึ่งแสดงว่าใกล้เวลาที่จะต้องเทฝุ่นทิ้งแล้ว




เปิดฝาที่ด้านใต้ออกมา เศษฝุ่นที่ถูกดูดมาเก็บไว้ก็มีขนาดที่หลากหลาย มีตั้งแต่ขนาดเล็กที่ละเอียดราวผงแป้ง ไปจนถึงระดับก้อนกรวดเล็กๆ รวมถึงเศษฉนวนสายไฟที่ตกตามพื้นหรือก้นบุหรี่ เครื่องนี้ก็ดูดมาเก็บไว้ได้ ถือว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์ แต่ประสิทธิภาพก็มาพร้อม เรียกว่างานหนักก็เอา งานเบาก็สู้



สรุป

เครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ ออกแบบมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว การใช้งานทำความสะอาดทั่วไปในบ้านสามารถทำได้ในระดับที่น่าประทับใจ รวมไปถึงการพกพาออกไปลุยงานหนัก ประสิทธิภาพของมันก็ยังรองรับไหว และมีความคล่องตัวมาก

แต่การนำมาใช้งานในภาคสนาม ก็ต้องขอติเล็กน้อยในส่วนของข้อจำกัดที่เป็นเรื่องของระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ เพราะในการเจาะรูที่หน้างานนั้นมีการเจาะเป็นจำนวนมากการชาร์จแบตจนเต็มแต่ละครั้ง ไม่พอที่จะใช้ได้จนเสร็จงาน หากแบตเตอรี่หมดในขณะที่ยังทำงานอยู่อาจจะขาดความต่อเนื่องของงานไป แล้วยังต้องใช้เวลาชาร์จกว่า 3 ชั่วโมงอีก ซึ่งเป็นไปได้อยากให้ผู้ผลิตลองพิจารณาทำแบตเตอรี่แบบที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย และมาพร้อมกับแบตสำรองที่สามารถถอดสลับเปลี่ยนได้ ลักษณะคล้ายๆกับสว่านไร้สาย ก็จะดีไม่น้อย แต่ตรงนี้ก็ต้องเข้าใจว่าเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ หลักๆแล้ว เขาออกแบบมาให้ใช้สำหรับการทำความสะอาดทั่วไปภายในที่พักอาศัย ไม่ใช่ให้มาใช้งานหนักภาคสนามแบบนี้


ขอบคุณที่ติดตามรับชม รีวิวชุดนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ





 

Create Date : 02 มกราคม 2559    
Last Update : 2 มกราคม 2559 12:18:05 น.
Counter : 4276 Pageviews.  

รีวิวเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson DC62 (ไปได้ทุกที่ งานหนักงานเบา...ก็เอาอยู่)...<ตอนที่ 1>


สวัสดีครับ วันนี้ผมขอนำเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson DC62 มารีวิวและทดสอบประสิทธิภาพให้ได้ชมกัน ซึ่งเครื่องดูดฝุ่นตัวนี้จะมีความสามารถมากแค่ไหน ลองมาดูกันครับ


แต่สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยคุ้นหูกับชื่อแบรนด์ Dyson นั้น ผมขอพูดถึงในส่วนของรายละเอียดของแบรนด์กันก่อน

Dyson เป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจากสหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษนั่นเอง ก่อตั้งโดยนักออกแบบชาวอังกฤษ ชื่อ James Dyson ในปี 1993 โดยแบรนด์นี้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน แต่ที่ถือว่าโดดเด่น และมีชื่อเสียงที่สุดของแบรนด์นี้ ก็คือเครื่องดูดฝุ่น

ต้นกำเนิดแบรนด์ Dyson เกิดจากปัญหาในชีวิตประจำวัน เมื่อ James Dyson พบว่าเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้งานอยู่มีปัญหาฝุ่นติดในถุงดักฝุ่น (dust bag) จนเกิดการอุดตัน และทำให้เครื่องดูดฝุ่นใช้งานไม่ได้ ซึ่งผู้ใช้งานต้องยุ่งยากกับการซื้อถุงดักฝุ่นมาเปลี่ยนอยู่ตลอด (ตรงนี้จะว่าไปก็เป็นเพราะกลยุทธการขายถุงดักฝุ่นของบริษัทเครื่องดูดฝุ่นด้วย) เขาจึงคิดค้นหาวิธีพัฒนา "เครื่องดูดฝุ่นที่ดีกว่าที่เป็นอยู่" และเครื่องดูดฝุ่นของแบรนด์นี้ก็ไม่มีถุงดักฝุ่นให้ต้องคอยซื้อมาเปลี่ยนด้วย


แรกสุด มาดูกันที่กล่องบรรจุกันก่อน



แกะกล่องออกมา ก็จะพบตัวเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ ถูกแพ็คและบรรจุไว้เป็นอย่างดี




อุปกรณ์ภายในกล่อง

* หัวแปรงดูดฝุ่นพื้นพร้อมขนแปรงเส้นใยคาร์บอนทำงานด้วยมอเตอร์

* ชุดหัวต่อรวม

* หัวดูดฝุ่นตามซอกมุม

* ด้ามจับถอดแยกได้

* แบตเตอรี่

* ที่ชาร์จแบตเตอรี่

* ชุดเก็บอุปกรณ์พร้อมที่ชาร์จในตัว


ข้อมูลจำเพาะ



ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องดูดฝุ่น ไดสัน ดิจิตอล สลิม DC62

* เทคโนโลยี Integrated Motor: มอเตอร์แบบดิจิตอลของไดสันคือแกนหลักของเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายรุ่นนี้ ด้วยแรงหมุนทรงพลังถึง 110,000 รอบต่อนาทีซึ่งแรงกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้ในรถแข่งฟอร์มูล่าวันถึง 5 เท่า ทำให้ ไดสัน ดิจิตอล V6 มอเตอร์ (Dyson digital V6 motor) ให้พลังการดูดเทียบเท่ากับเครื่องดูดฝุ่นไดสันแบบมีสายขนาดปรกติ

* 2 Tier RadialTM Cyclone: เครื่องประกอบด้วยตัวไซโคลน 15 ชุด ที่ทำงานคู่ขนานกัน 2 ชั้น เพื่อดักจับฝุ่น วิศวกรผู้เชี่ยวชาญของไดสันออกแบบเทคโนโลยีนี้โดยใช้การกำหนดทิศทางลมเพื่อให้แน่ใจว่าอากาศที่ถูกดูดเข้ามาจะสามารถไหลผ่านชุดไซโคลนและเกิดพลังแรงเหวี่ยงอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นแยกออกจากอากาศ

* กำจัดได้ทั้งฝุ่นละอองและเศษผง: หัวดูดมอเตอร์แบบใหม่ช่วยดูดฝุ่นละอองและเศษผงในทุกพื้นผิว ขนแปรงเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยลดการสะสมของไฟฟ้าสถิตย์ช่วยให้การดูดฝุ่นผงบนพื้นแข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมาพร้อมขนแปรงไนลอนแข็งที่สามารถดึงฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากพรมได้อย่างดีเยี่ยม

* น้ำหนักเบา เอนกประสงค์และเก็บรักษาง่าย : มอเตอร์ขนาดกระทัดรัด มีน้ำหนักเบา สามารถถือได้อย่างสะดวกช่วยให้การดูดฝุ่นไม่ว่าจะเป็นที่สูงเหนือศีรษะ ใต้เฟอร์นิเจอร์ หรือกระทั่งในซอกมุมเป็นเรื่องง่าย ท่อดูดทำจากอะลูมินั่มให้น้ำหนักเบาและสามารถถอดเปลี่ยนได้เพื่อการทำความสะอาดในพื้นที่แคบ อาทิ บันได เฟอร์นิเจอร์บุผ้า หรือภายในรถยนต์ เครื่องเก็บได้สะดวกและง่ายต่อการหยิบใช้งานโดยการแขวนเข้ากับอุปกรณ์ที่ยึดกับผนัง

* การทดสอบ: เครื่องต้นแบบของไดสันถูกทดสอบการใช้งานในแบบที่ต่างกันถึง 636 แบบ ปุ่มเปิด/ปิดถูกกดทดลองกว่า 20,000 ครั้ง เครื่องถูกทดสอบการตกกระแทกอีก 10,000 ครั้ง หัวดูดฝุ่นถูกทดสอบโดยกระแทกกับขาโต๊ะที่ทำจากเหล็ก

* การจดสิทธิบัตร: มีการจดสิทธิบัตรจำนวน 350 ฉบับและคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีของไดสันที่ใช้ในเครื่องดูดฝุ่นชนิดไร้สายทั่วโลกซึ่งรวมถึงสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับไดสัน ดิจิตอล มอเตอร์

* ระยะเวลาใช้งาน: เครื่องสามารถทำงานต่อเนื่องได้ 20 นาทีสำหรับการใช้งานปกติ, 16 นาทีสำหรับการใช้กับอุปกรณ์หัวดูดที่มีมอเตอร์ และ 6 นาทีสำหรับโหมดเร่งพลัง

* การเทถังเก็บฝุ่น: ทำได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่มปล่อยสิ่งสกปรกลงในถังขยะ

* น้ำหนัก:2 กิโลกรัม

* การรับประกัน: รับประกันอะไหล่และค่าแรงในการซ่อม 2 ปี

* การประหยัดพลังงาน: อุปกรณ์ชาร์ตประจุไฟฟ้าแบตเตอรี่ของเครื่องได้ผ่านการรรับรองด้านการประหยัดพลังงานจาก Energy Star rating

* ราคา : 21,900 บาท (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นกับสถานที่จำหน่าย)

* สถานที่จัดจำหน่าย : เครื่องดูดฝุ่นไดสัน DC62 มีจำหน่ายแล้ว ที่ห้างสรรพสินค้าและร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำทั่วประเทศ อาทิ Central Department Store, Siam Paragon, Emporium, Power Buy, Power Mall





เริ่มรีวิว ชิ้นแรกที่นำออกมา ก็คือตัวเครื่อง


ตัวเครื่องมีการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด ซึ่งเมื่อประกอบอุปกรณ์ที่เป็นหัวแปรงสำหรับดูดแล้ว ก็จะมีน้ำหนักรวมที่ราวๆ 2 กิโลกรัมนิดๆ ซึ่งน้ำหนักที่ระดับนี้ถือว่ากำลังดี สำหรับเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายที่ออกแบบมาให้ถือพกพาไปไหนมาไหนได้



กล่องเก็บฝุ่นมีความจุ 0.4 ลิตร สามารถกักเก็บฝุ่นผงได้โดยไม่ต้องใช้ถุงเก็บฝุ่นเหมือนเครื่องดูดฝุ่นแบบดั้งเดิม



การทิ้งเศษฝุ่นก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เลื่อนปุ่มล็อกสีแดงที่อยู่ติดกับกล่องเก็บฝุ่นลงมา ฝาล่างของกล่องเก็บฝุ่นก็จะเด้งออก



เครื่องดูดฝุ่นไร้สายตัวนี้ มาพร้อมกับมอเตอร์ขนาด 300 วัตต์ แต่ถึงแม้จะเห็นตัวเลขกำลังวัตต์ที่ไม่มาก ก็อย่าเพิ่งประมาทในความสามารถ เพราะนี่เป็นมอเตอร์ที่ถูกพัฒนาและออกแบบมาเฉพาะ สำหรับการใช้งานในแบบไร้สาย ต่างจากมอเตอร์ของเครื่องดูดฝุ่นแบบเสียบปลั๊ก ที่ต้องใช้มอเตอร์ขนาดใหญ่มีกำลังเป็นพันวัตต์





แรงดูดอันทรงพลังของเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ หาใช่มาจากกำลังของมอเตอร์แค่เพียงอย่างเดียว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้มันมีพลังดูดในระดับนี้ ก็มาจากการออกแบบกลไกภายใน ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสลมหมุนอันทรงพลัง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผู้ผลิตได้คิดค้นและจดสิทธิบัตรไว้ด้วย







มอเตอร์ของเครื่องดูดฝุ่น Dyson DC62 ได้พลังมาจากแบตเตอรี่แบบ Lithium Ion (Li-ion) ระดับแรงดันที่จ่ายออกมาอยู่ที่ 21.6 โวลต์ กำลังไฟฟ้า 350 วัตต์ สามรถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ 2100 mAh



Adaptor สำหรับแปลงไฟ จากแหล่งจ่ายที่มี 220 โวลต์ หรือเต้ารับภายในบ้าน แปลงลงมาให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง สำหรับชาร์จให้กับแบตเตอรี่ โดยภายในจะมีวงจรควบคุมการชาร์จไฟอยู่ด้วย ซึ่งจะตัดการชาร์จไฟทันทีที่แบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม


สำหรับอุปกรณ์เสริมที่ได้มาในกล่อง ส่วนของอุปกรณ์ที่เป็นหัวแปรงแบบต่างๆ ก็มีอยู่ด้วยกัน 5 ชิ้น



อันแรกจะเป็นท่อ หรือก้านต่ออเนกประสงค์ ซึ่งส่วนท่อจะทำมาจากอลูมิเนียม สามารถใช้ต่อเข้ากับหัวแปรงที่แถมมาได้หมดทุดอัน รองรับการใช่งานในแบบต่างๆได้ดีเลยทีเดียว



หัวแปรงอันใหญ่ ใช้สำหรับทำความสะอาดบนพื้น ด้านในจะมีขนแปรงวางอยู่ในแนวขวาง ซึ่งเวลาที่เรากดสวิทช์เครื่องดูดฝุ่น แปรงด้านในก็จะหมุนไปด้วย ช่วยให้ทำความสะอาดได้ดียิ่งขึ้น





ขนแปรง เป็นวัสดุ Carbon Fibre



รูปแบบการประกอบอุปกรณ์หัวแปรงเข้ากับตัวเครื่อง สำหรับการดูดฝุ่นที่อยู่บนพื้น



หัวแปรงแบบอื่นๆที่ให้มาด้วย ช่วยให้การนำไปใช้งานมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น





และก็ยังมีแท่นรองรับสำหรับเก็บเครื่องมาให้ด้วย





แท่นรองรับนี้ สามารถนำไปติดตั้งไว้บนฝาผนังได้ อาจจะนำไปติดตั้งไว้ในห้องเก็บของหรือในตู้ก็ตามแต่สะดวก เพื่อที่ว่าในกรณีที่ไม่ได้ใช้งาน ก็สามารถนำเอาเครื่องดูดฝุ่นพร้อมด้วยหัวแปรงมาเก็บไว้ได้ ทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แถมยังหยิบใช้งานได้ง่ายอีกด้วย





รีวิวยังไม่จบนะครับ...ติดตามต่อได้ในตอนที่ 2 (ตามลิงค์ข้างล่าง)
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=kanichikoong&date=02-01-2016&group=24&gblog=9




 

Create Date : 02 มกราคม 2559    
Last Update : 2 มกราคม 2559 12:21:39 น.
Counter : 2759 Pageviews.  

รีวิว...เปลี่ยนหลอด LED ให้กับโคมซาลาเปา

รีวิวฉบับนี้ขอพูดถึงของหลอด LED แบบที่ใช้กับโคมซาลาเปา ซึ่งผมเองได้มีโอกาสเปลี่ยนมาใช้หลอด LED แทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ 32 วัตต์ ในโคมซาลาเปาของเดิม ซึ่งผลที่ได้นั้นก็ค่อนข้างน่าประทับใจพอสมควร จึงอยากจะนำมาทำรีวิว เพราะคิดว่าอาจจะมีประโยชน์แก่ผู้สนใจ



หลายๆบ้านคงจะคุ้นเคยกับโคมซาลาเปากันเป็นอย่างดี ซึ่งโคมซาลาเปาแบบที่ใช้กันส่วนใหญ่นั้น ก็จะเป็นโคมแบบที่ใช้งานร่วมกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ ขนาด32 วัตต์ แบบวงกลม

ซึ่งอันที่จริง หลอดไฟประเภทหลอดฟลูออเรสเซนต์ ที่ใช้งานร่วมกับบัลลาสต์แกนเหล็กและสตาร์ทเตอร์ ถือเป็นหลอดไฟที่มีราคาไม่แพง ติดตั้งง่าย ให้แสงสว่างได้ดีโดยใช้พลังงานไม่มาก และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานในทุกสภาวะการใช้งาน เหมาะกับการนำมาใช้งานติดตั้งให้แสงสว่างภายในอาคารบ้านเรือนทั่วไป



แต่ในกรณีของหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบวงกลม ขนาด 32 วัตต์ การนำมาติดตั้งใช้งานจริง กลับให้แสงสว่างได้ไม่ดีเท่าหลอดฟลูออเรสเซนส์แบบแท่งตรง เพราะด้วยคุณสมบัติของหลอดฟลูออเรสเซนส์ที่จะส่องสว่างออกมารอบพื้นที่ผิวของหลอด ทำให้แสงกระจายออกไปทั่วเส้นรอบวงของหลอด แต่ในการติดตั้งใช้งานจริงเราไม่ได้ต้องการให้แสงส่องไปทั่วทุกทิศทางแบบนั้น และด้วยรูปทรงของหลอดฟลูออเรสเซนส์ขนาด 32 วัตต์ ที่มีรูปทรงเป็นวงโดนัท ทำให้แสงที่ส่องออกมามีขอบเขตที่จำกัด และที่สำคัญโดยเฉพาะการนำมาติดตั้งใช้งานร่วมกับโคมซาลาเปา ก็คือกระจกของโคมประเภทนี้เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะสกปรกจนปริมาณแสงที่ได้ยิ่งถูกลดทอนลงจนเหลือแสงที่สลัวๆ (อย่างกับโคมจานผี)


และในเรื่องของอายุการใช้งาน ของตัวหลอดไฟและอุปกรณ์ด่างๆ ในโคมไฟที่ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบวงกลม ขนาด 32 วัตต์ มักจจะมีอายุการใช้งานที่สั้น เพราะอุปกรณ์บางอย่างเสื่อมสภาพจากความร้อนสะสม เนื่องจากขณะที่หลอดถูกเปิดใช้งาน ย่อมมีการแผ่ความร้อนออกมารอบๆ ที่วงในของหลอดเป็นจุดที่มีความร้อนสะสมอยู่มากสุด เพราะนอกจากความร้อนจากหลอดแล้วยังมีอุปกรณ์อย่างบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ติดตั้งไว้ อุปกรณ์ที่ติดตั้งจึงเสียหรื่อเสื่อมสภาพลงก่อนเวลาอันควร แม้ว่าจะใช้งานร่วมกับบัลลาสต์แกนเหล็กแบบดั้งเดิมที่ขึ้นชื่อด้านความคงทนก็ตาม



เนื่องด้วยกระแสของหลอด LED ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ เราจะเห็นได้ว่าหลอดไฟที่เป็นประเภท LED หลายๆแบบได้ถูกผลิตขึ้นมารองรับการใช้งานที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งโคมไฟแสงสว่างแบบในและนอกอาคาร  

และในท้องตลาดตอนนี้ ตามร้านอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือตามชั้นวางในโซนโคมไฟตามห้างต่างๆ ก็มีหลอด LED แบบที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะ เข้ามาจำหน่ายให้เห็น โดยเป็นชุดหลอดไฟ LED สำหรับใช้งานกับโคมซาลาเปา แทนหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบวงกลม ขนาด 32 วัตต์ ราคาก็ไม่แพงมาก อยู่ที่ประมาณสองถึงสามร้อยบาทต่อชุด ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย





เมื่อช่วงไม่กี่เดือนก่อน ผมเองก็ได้ชุดหลอด LED แบบที่ใช้ในโคมซาลาเปา มาจำนวนสองชุด จากเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกัน ซึ่งเขาเป็นผู้รับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า เป็นของเล่นใหม่ที่แบ่งมาให้ผมลองเอาไปใช้ และอีกอย่างคือมันเป็นของเหลือ จากบรรดาหลอดไฟที่เขาสั่งมาติดตั้งให้กับโคมซาลาเปาของห้องพักในอาพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่ง 

ตอนแรกที่ผมได้มาก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก ได้มาก็ยัดไว้ท้ายรถไม่ได้เอาออกมาจนลืมไปพักหนึ่ง เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบโคมซาลาเปาสักเท่าไหร่ แต่ที่บ้านก็มีโคมซาลาเปาใช้งานอยู่ดวงเดียว เป็นไฟดวงหลักกลางเพดานห้องนอนของผมที่ใช้เวลาต้องการแสงสีขาว สลับกับดาวไลท์ไฟหรี่แสงสีส้ม

และเมื่อหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบวงกลม ขนาด 32 วัตต์ ที่อยู่ในโคมซาลาเปา ของห้องนอนที่บ้านเกิดเสียขึ้นมา และตอนนั้นก็กำลังเอาคอมเข้ามาทำงานต่อบนห้องนอนพอดี ซึ่งต้องการแสงสว่างสีขาวมากกว่า เพราะลำพังไฟดาวไลท์ที่มีในห้องมันก็เป็นหลอดไส้ที่ใช้เพื่อเป็นไฟหรี่เอาแสงที่สลัวๆ ซึ่งแสงแบบนั้นให้เพ่งสายตานั่งทำงานคงไม่ไหว  และทั้งบ้านก็ใช้หลอดแบบนี้(ฟลูออเรสเซนต์ 32 วัตต์)อยู่เพียงดวงเดียว หาเปลี่ยนแทนกันก่อนก็ไม่ได้แล้ว และเพราะตอนนั้นเป็นช่วงดึกมากแล้วด้วย ก็เลยต้องเอาคอมกับเอกสารลงมาที่โต๊ะทำงานข้างล่างตามเดิม พอรุ่งเช้าจะไปที่ร้านอุปกรณ์ไฟฟ้าพอดี แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าหลอด LED แบบใช้กับโคมซาลาเปามีอยู่ที่ท้ายรถ ก็เลยลองไปเอามาเพื่อว่าจะใช้แทนไปก่อน

แต่พอหยิบออกมาดูๆ ก็เห็นว่าน่าสนใจ เลยลองถ่ายรูปเก็บไว้ และพอเปลี่ยนเสร็จผลที่ได้ก็น่าประทับใจจนเอามาทำรีวิวแชร์ให้กับท่านที่สนใจ เพราะหลังจากเปลี่ยนก็พบว่าสว่างกว่าเดิมมาก ให้แสงออกมาในทิศทางที่ต้องการพอดีเป๊ะ จากโคมจานผีที่ผมขนานมาให้ก็กลายเป็นโคมที่สว่างจ้า และน่าประทับใจตรงที่ให้แสงได้ดีแต่ใช้พลังงานน้อยลงกว่าครึ่ง เพราะหลอด LED ตัวนี้กินไฟแค่ 18 วัตต์ (+-ไม่น่าเกิน 20 วัตต์) แต่ในขณะที่หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเดิม ขนาด 32 วัตต์ ถ้ารวมกับพลังงานที่สูญเสียในตัวบัลลาสต์อีกประมาณสิบกว่าวัตต์ รวมๆแล้วก็จะใช้ไฟมากกว่า 40 วัตต์ แต่แสงที่ได้นั้นกระจายไปจนอาจทำให้ห้องดูสว่างแบบสลัวๆ และยิ่งถ้าแก้วครอบโคมมีเศษแมลงหรือเศษขยะเกาะอยู่มากๆไม่ได้เช็ดล้าง แสงที่ได้ก็จะยิ่งมัวหมองจนต้องขนานนามให้ว่า "โคมจานผี" นั่นเอง



มาดูหลอด LED ที่ว่านี้ดีกว่า

ชุดหลอดที่แพ็คอยู่ในบรรจุภัณฑ์ ก็ตามที่เห็นในภาพด้านล่าง ยี่ห้อ Highlight อะไรสักอย่าง ขนาด 18 วัตต์ ซึ่งส่วนตัวก็ไม่คุ้นหูกับหลอดไฟยี่ห้อนี้เลย คาดว่าคงจะเป็นของที่ทำจากจีน(หรือเปล่า) แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก เพราะตอนนั้นคิดว่ายังไงก็ได้ใช้ๆไปก่อน แถมยังของที่เขาให้มาด้วย 

ส่วนเรื่องการประหยัดไฟที่เขาเคลมไว้หน้ากล่อง ว่า 1 ปี ประหยัดได้ 230 บาท ก็อย่าไปอินอะไรมากว่าการนำมาใช้จริงจะต้องได้ตัวเลขเท่านี้ เพราะส่วนหนึ่งมันก็คือคำโฆษณาชวนเชื่อ




ดูที่ด้านหลังบรรจุภัณฑ์ ก็มีการอธิบายวิธีการติดตั้งคร่าวๆ ซึ่งดูแล้วก็เข้าใจได้ไม่ยาก




นี่ก็คือตัวโคมเดิมที่ติดตั้งอยู่กลางห้องนอน




ถอดฝาครอบแก้วและหลอดฟลูออเรสเซนต์ของเดิมออกไป เหลือแต่บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ที่ติดกับขั้วเสียบหลอด 




ในเมื่อเปลี่ยนเป็นหลอด LED ตัวนี้ ทำให้บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ของเดิมไม่ต้องใช้อีกต่อไป เพื่อไม่ให้เกะกะพื้นที่ในโคม ก็ถอดมันออก

จากนั้นก็เอาหลอด LED ซึ่งที่ด้านหลังแผ่นหลอดจะมีแม่เหล็กติดมาให้แล้ว สามารถเอามาแปะเข้ากับฐานเหล็กของโคมซาลาเปาได้เลย โดยไม่ต้องใช้สลักเกลียวหรือสรูใดๆทั้งนั้น จากนั้นก็แค่ต่อสายไฟ 220 โวลต์เข้ากับสายหลอด LED ที่เข้าทำมาเตรียมไว้แล้ว เป็นอันเสร็จ




ก่อนที่จะปิดฝาครอบแก้ว ลองเปิดไฟดู แสงที่ได้ของจริงสว่างจ้ามาก




ใส่ฝาครอบแก้วของโคมกลับเข้าที่เดิม แสงที่ส่องออกมาโดยรวมก็ซอฟท์ลงมาหน่อย แต่พื้นที่ในห้องโดยรวมก็ยังสว่างมากกว่าการใช้หลอดแบบเดิม





คือการติดตั้งใช้งานกับโคมซาลาเปานั้น โดยสรุปคือมันจะแบ่งได้เป็นสองรูปแบบ คือ การติดตั้งกับชุดโคมใหม่ กับ การติดตั้งแทนหลอดในชุดโคมเดิม

รูปแบบแรก การติดตั้งกับชุดโคมใหม่ คือเป็นการนำมาติดในกรณีที่ตัวโคมซาลาเปาเพิ่งซื้อมาใหม่ มีเฉพาะตัวโคมเพียงอย่างเดียว การติดตั้งก็แค่เปิดฝาครอบที่เป็นแก้วของโคมซาลาเปาออกมา จะเห็นถาดเหล็กที่เป็นฐานของโคมซาลาเปา ซึ่งเราแค่เอาหลอด LED ตัวนี้ แกะออกมาจากบรรจุภัณฑ์ แล้ววางมันแปะลงไปบนฐานเหล็ก ไม่ต้องยึดสรูหรือสลักเกลียวใดๆทั้งนั้น เพราะตัวหลอด LED มันมีขาแม่เหล็กติดมาให้พร้อม แค่วางลงไปบนฐานเหล็กของโคมก็เสร็จ ตัวหลอดเบามากซึ่งแม่เหล็กรองรับได้สบายๆ จากนั้นก็แต่ต่อสายไฟ 220 โวลต์ เข้าไปที่เทอร์มินอล(จุดต่อสายไฟ)ของหลอด LED ใส่ฝาครอบแก้วกลับเข้าที่เป็นอันจบ ซึ่งมันง่ายมากๆ จนคุณแม่บ้านก็อาจจะเรียนรู้เพียงเล็กน้อยและเอาไปทำเองได้ง่ายๆ

รูปแบบที่สอง การติดตั้งแทนหลอดในชุดโคมเดิม ซึ่งกรณีนี้คือเรามีโคมซาลาเปาที่ติดใช้งานอยู่แล้ว และเดิมทีใช้เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ 32 วัตต์ โดยในกรณีเช่นนี้ หากจะเปลี่ยนมาใช้หลอด LED แบบนี้ จะต้องนำหลอดฟลูออเรสเซนต์ของเดิมออกมาก่อน จากนั้นก็ตัดสายไฟ 220 โวลต์ ซึ่งเป็นสายที่จ่ายไฟเข้ามาที่โคม ตัดส่วนที่ต่อเข้าบัลลาสต์และขั้วหลอดของเดิมออกเพราะเราไม่ต้องใช้มันอีกต่อไป และเพื่อไม่ให้เป็นการเกะกะกินพื้นที่โดยไม่จำเป็น ก็ควรถอดตัวบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ที่ติดไว้บนฐานโคมออกมาด้วย ส่วนเขียวยึดหลอดของเก่าอาจจะปล่อยเอาไว้บนนั้นก็ได้เพราะมันไม่ได้เกะกะอะไรมาก หลังจากเอาอุปกรณ์ของหลอดแบบเดิมออกก ก็แปะด้านหลังของหลอด LED ซึ่งเป็นด้านที่มีแม่เหล็ก เข้ากับฐานโคม แล้วต่อสายไฟ 220 โวลต์เข้ากับเทอร์มินอล(จุดต่อสายไฟ)ของหลอด LED แล้วก็ใส่ฝาครอบแก้วกลับเข้าที่ เป็นอันจบ






ซึ่งตัวหลอด LED แบบที่เอามารีวิวนี้ มันรวมเอาวงจรแปลงไฟไปไว้บนชุดเดียวกันกับหลอด ช่วยให้ติดตั้งได้ง่าย ไม่ต้องเป็ช่างไฟฟ้าก็พอจะเข้าใจและเรียนรู้นิดหน่อยก็ติดตั้งเองได้สบายๆ

หลังจากเปลี่ยนหลอด LED ก็มีโอกาสไปเดินซื้อของใช้ในห้าค้าปลีกแห่งหนึ่ง ขากลับแวะเข้าโฮมโปร ลองหาดูหลอดแบบนี้ แต่ก็เห็นมีวางขายอยู่ตัวหนึ่ง ต่างกันเล็กน้อยตรงที่ของที่ผมเห็นในห้าง เป็นแบบที่ตัวหลอดกับส่วนที่เป็นตัวแปลงไฟแยกออกจากกัน ไม่ได้อยู่บนชุดเดียวกันเหมือนตัวที่ผมเอามารีวิว ราคาอยู่ที่ราวๆสองร้อยกว่าบาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพงเลย

เพราะโดยส่วนตัว ผมยังเห็นว่าหลอด LED สำหรับเปลี่ยนแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ ยังมีราคาที่ค่อนข้างแพงไปนิด(โดยเฉพาะของยี่ห้อดังทั้งหลาย) แต่ตัวนี้ที่เอามารีวิว รวมๆก็ถือว่าออกแบบมาค่อนข้างใช้ได้ แถมยังราคาไม่แพงด้วย 



หวังว่ารีวิวชุดนี้คงเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย และขอจบรีวิวแต่เพียงเท่านี้ 

สวัสดีครับ




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2558 1:59:17 น.
Counter : 82618 Pageviews.  

1  2  

KanichiKoong
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 275 คน [?]




ช่องทางการติดต่อผู้จัดทำ

- หลังไมค์
- E-mail : aum_tawatchai@hotmail.com
-------------------------------------
เนื้อหาที่ปรากฏ อนุญาติให้นำไปใช้เพื่อการศึกษา/หาความรู้ ซึ่งไม่เป็นการนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ
-------------------------------------
New Comments
Friends' blogs
[Add KanichiKoong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.