|
ธุรกิจ เรื่องง่ายที่ไม่ง่าย ตอนที่ 2 ค้นหารูปแบบ

โดยธรรมชาติของผมเป็นคนที่บุคลิกของนักคิด นักวิเคราะห์อยู่แล้ว และสิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์ชอบที่จะต้องมีไว้ในใจ ก็คือรูปแบบ หรือ Format ของสิ่งต่างๆ ที่ถูกต้อง เพื่อเอาไว้แยกแยะสิ่งที่จะวิเคราะห์ในอนาคตว่า อะไรใช่ อะไรไม่ใช่ อะไรถูกต้อง อะไรไม่ถูกต้อง ถ้าคนที่ไม่สนใจเรื่องรูปแบบนี้ และไม่เคยวิเคราะห์รูปแบบของสิ่งที่เคยเกิดขึ้นว่า มีอะไรเหมือนกัน หรือแตกต่างกัน คนๆ นั้นอาจเรียกได้ว่าไม่ใช่นักวิเคราะห์ที่ดี
และด้วยความเป็นนักคิด นักวิเคราะห์นี้ ในขณะที่ผมกำลังสนใจจะหาคำตอบเรื่องรูปแบบ และความแตกต่างระหว่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจที่มีแนวโน้มจะล้มเหลว ผมก็ตั้งคำถามตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่ไปเจออะไรที่ผิดแปลกไป เช่น ไปเจอนักธุรกิจที่ไม่เก่ง(ในสายตาของผม) แต่ประสบความสำเร็จ ดังที่กล่าวไปแล้ว ผมก็จะตั้งคำถาม และพยายามค้นหาคำตอบที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงให้คำตอบแบบว่า โชคของเขา แล้วก็จบ ซึ่งนั่นไม่ได้ให้ความรอบรู้เพิ่มเติมอะไรแก่ผม
ผมตั้งคำถาม คำถาม และคำถาม แล้วก็ได้คำตอบ คำตอบ และคำตอบ แต่ยังไม่สามารถนำมาเชื่อมโยงเป็นหลักการเดียวกันได้ จนวันหนึ่งผมก็คิดเรื่องหนึ่งได้ ขณะที่กำลังกินข้าวอยู่ในร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่ง ผมได้คิดย้อนกลับไปถึงหลักคิดที่เบสิคที่สุดของการทำธุรกิจ นั่นก็คือ การที่เรามีเงินทุนเพียงพอ ที่จะสามารถนำเงินทุนนั้นไปผลิตสินค้า หรือบริการ ที่มีคุณภาพเพียงพอ (หรือการซื้อสินค้ามาขาย) แล้วสุดท้ายก็คือ มีความสามารถในการทำให้สินค้านั้นขายได้ในราคาที่มีกำไร
แค่นี้จบ ธุรกิจมีแค่นี้ แค่นี้จริงๆ หรือใครจะเถียง (แต่มันมีรายละเอียดที่คนมักไม่เข้าใจ ซึ่งผมจะได้อธิบายต่อไป)
ผมจึงเขียนโครงร่างนี้ไว้ในสมุดบันทึกในลักษณะ เงิน >> ความสามารถ >> ทำให้สินค้านั้นขายได้
แต่ด้วยความชอบในหลักการของ mind map ซึ่งคือการสร้างระบบความจำเป็นภาพ ผมจึงพยายามโยงหลัก 3 ข้อนี้กับภาพอะไรสักอย่างเพื่อการจดจำที่ง่าย และต้องเป็นสัญลักษณ์ที่เหมาะ
แล้วผมก็นึกถึงขาตั้งกล้องขึ้นมาได้ (ผมมีอาชีพเดิมเป็นช่างภาพ) จึงเขียนอธิบายมันไว้ในสมุดบันทึกอีกครั้งในลักษณะของรูปขาตั้ง 3 ขา แล้วเรียกมันว่า Tripod Theory (ยังเป็นแค่ทฤษฎีในใจของผม ที่ยังต้องการการตรวจสอบอีกหลายครั้ง)
และเพื่อความง่าย ผมใช้คำย่อๆ สำหรับแต่ละขานี้อีกครั้งว่า Know How / Money / Key to Success
จากนั้น ผมก็ตรวจสอบหลักการด้วยการนำเอารูปแบบที่ผมพบสำหรับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต่างๆ มาเทียบเคียงกับหลักพื้นฐานที่ว่านี้ ซึ่งก็ใช้ได้ เพียงแต่ว่าในข้อที่เป็นวิธีการทำให้สินค้าขายได้(หรือที่เรียกว่า Key to Success หรือ Key Success Factor) นั้น มักจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละกรณี ใช่แล้วครับ ในที่สุด ผมก็ค้นพบ รูปแบบ หรือ Format บางอย่าง รูปแบบที่แม้ผมจะอ่านหนังสือฮาวทูแนวธุรกิจมามากมายหลายเล่ม ทั้งของฝรั่ง ของคนไทย ก็ยังไม่มีใครให้ภาพความคิดในการทำธุรกิจที่เข้าใจง่าย(อย่างน้อยก็สำหรับผม) ได้อย่างนี้มาก่อน
ใช่แล้วครับ ผมได้พบเงื่อนงำบางอย่าง จากภาพของหลักการประกอบธุรกิจ ที่เคยแต่ยิ่งศึกษา ยิ่งอ่านมาก ก็ยิ่งซับซ้อนและยิ่งงง แต่ผมไม่ชอบอะไรที่ซับซ้อน ชอบอะไรที่เข้าใจง่ายๆ สุดท้าย ผมจึงค้นพบหลักการง่ายๆ ด้วยตัวของผมเอง
รออ่านต่อไปครับ ตอนต่อไป ผมจะอธิบายเนื้อหาของแต่ละขา ของหลักการ 3 ขา โดยเฉพาะตัว Key to Success ที่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันมากที่สุดด้วย
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2552 12:02:25 น. |
|
6 comments
|
Counter : 3728 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: poiliss IP: 61.7.136.173 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:16:46 น. |
|
|
|
โดย: patty IP: 58.8.170.246 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:20:34 น. |
|
|
|
โดย: หนุ่มผู้ใฝหาความสำเร็จ IP: 58.9.175.39 วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:9:17:56 น. |
|
|
|
โดย: หัวปลี IP: 58.10.170.120 วันที่: 7 มีนาคม 2552 เวลา:15:50:32 น. |
|
|
|
โดย: Guiman วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:18:57:15 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]

|
จากทักษะของการเป็นนักคิด นักวิเคราะห์ บวกกับความสนใจใน"กระบวนการ"และ"ปัจจัย"ที่ก่อให้เกิดเป็นความสำเร็จ ที่ทำให้ผมศึกษาและวิเคราะห์กรณีศึกษาเกี่ยวกับความสำเร็จและความล้มเหลวจำนวนมาก จนเชี่ยวชาญในองค์ความรู้พอที่จะขอเรียกตัวเองว่า "ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งความสำเร็จ"
|
|
|
|
|
|
|