เราเป็นตัวเรานั่นดีที่สุด
Group Blog
 
All blogs
 

ตราบนิรันดร์ บทที่ 10



บทที่ 10 ห้วงแห่งเวลา


เวลาผ่านไปไม่นานท้องฟ้าเริ่มทอประกายขึ้นจากที่ดำมืดเป็นสีฟ้าหม่นจนกลายเป็นฟ้าที่สดใสส่องแสงเรืองรอง นกตัวน้อยส่งเสียงเจรจา ไก่แข่งกันขันบอกเวลาว่ารุ่งแล้ว แต่ร่างสองร่างยังคงหลับอยู่บนที่นอน พาสนั้นนอนตัวงอเป็นกุ้งอยู่ตรงริมที่นอน ส่วนเจ้าของเตียงนั้นก็หลับอยู่ไม่ห่าง


พาสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเธอเริ่มขยับตัวแต่ก็ทำได้แสนลำบากจากท่าที่นอนเมื่อคืน หญิงสาวบิดตัวอย่างเมื่อยขบ เธอจะยกมือขึ้นขยี้ตาก็พบว่ามือตัวเองนั้นยังคงถูกณุกุมไว้ไม่ปล่อย


“นี่ขนาดหลับนะยังจะ” พาสบ่นกับตัวเองแล้วค่อยๆ แกะมือของเขาออกเบาๆ ด้วยกลัวชายหนุ่มจะตื่น


“อืม.........ค่อยยังชั่วหน่อย” พาสแตะที่หน้าผากของณุเมื่อเห็นว่าตัวไม่ร้อนแล้วเธอจึงยิ้มออก


หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างห้องนอนของชายหนุ่มเธอมองออกไปทางทุ่งด้านหลังของเรือนพักตำรวจ พาสมองไปรอบๆ บริเวณเพื่อหาทางหนีทีไล่เธอไม่ต้องการให้ใครเห็นว่ามาอยู่ที่เรือนพักของณุ เมื่อสบช่องพาสจึงกลับมามองหน้าคนที่นอนหลับอยู่อีกครั้ง จัดแจงคลุมผ้าให้อย่างดี พาสเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานของณุ


“เอากระดาษไว้ทางไหนบ้างเนี่ย” พาสรื้อค้นในลิ้นชักโต๊ะเพื่อหากระดาษ


“ไม่จัดเลยดูลิรกไปหมด” พาสบ่นไปมือก็ยังค้นหาต่อไป เมื่อได้กระดาษกับปากกามาเธอก็จัดการเขียนเรื่องการกินยาให้กับณุ


เธอนำกระดาษแผ่นเล็กมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงเอาแก้วน้ำทับไว้ พาสจัดยาไว้ให้ชายหนุ่มอีกหนึ่งชุด พาสมองรอบๆ อีกครั้งแล้วจึงเดินมาที่ประตูชะเง้อมองออกไปด้านนอกก่อนจะค่อยๆ ก้าวออกจากห้องพักของณุ เธอปิดประตูแล้วรีบตรงมาทางห้องพักของตัวเองที่อยู่ถัดไปอีกสองห้อง พาสเข้ามานั่งที่ขอบเตียงของตัวเองถอนใจยาว


“เฮ้อ.........เหนื่อยจริงๆ เล้ย” พาสเอนตัวนอนลงบนที่นอนสีฟ้าสด เธอเอื้อมมือไปคว้าหมอนมาหนุนหัว


พาสพลิกตะแคงตัวพร้อมกับหลับตาลง เธอต้องการพักสายตาอีกสักครู่ก่อนจะเข้าไปสรุปงานและนำรายงานเสนอต่อผู้กำกับ หญิงสาวหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่เธอต้องตื่นขึ้นเพราะเสียงเคาะประตูห้องพัก


“พี่พาส.......... พี่พาส.........อยู่ไหมพี่” กำธรทุบประตูเรียกเสียงดัง


“เออ.........อยู่.... มีไรหะ” พาสสลึมสลือลุกมาเปิดประตูให้


“ผมไปหาที่คอนโดฯ เค้าก็ว่าพี่ออกมาตอนดึก ผมก็ตกใจสิไม่เห็นพี่บอกว่าจะมานอนที่นี่” กำธรมองจ้องหน้าพาสอย่างหาคำตอบ


“ไม่มีไร แค่อยากมานอนนี่ก็เท่านั้นกะว่าเช้าจะได้ไปทำรายงานได้เลยไง” พาสลื่นไหลไปเรื่อย


“ทีหลังโทรบอกผมนิดสิครับ ผมเป็นห่วง” กำธรบ่นลูกพี่


“นี่เจ้าธรพี่ไม่ใช่เด็กนะเว้ย ตำรวจเต็มขั้น” พาสทำเบ่งกล้ามให้ดู


“............” กำธรพูดไม่ออกได้แต่ยิ้มปลงๆ กับลูกพี่สาว


“ไปกลับไปทำงานเถอะ เดี๋ยวพี่อาบน้ำแต่งตัวแล้วจะรีบตามไป” พาสโบกมือไล่


“ครับ....”
------------------------------------------------------1/1






หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยพาสจึงเดินมาขึ้นรถเพื่อไปทำงาน เธอทั่งขู่ทั้งปลอบเจ้ากระป๋องสุดรักให้ติดได้ในครั้งเดียว เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์พาสก็ยิ้มชื่นใจ


“ต้องงี้สิลูกรัก”


สาวมาดเท่ห์ถอยรถตาเธอคอยมองที่กระจกข้างและเหลือบตามองกระจกหลัง แต่ยังไปได้ไม่ถึงไหนเธอก็ต้องหยุดรถมองไปทางด้านหน้าที่ตอนนี้ณุกำลังวิ่งกวักมือเรียกมาแต่ไกล


ณุวิ่งมาเกาะที่หน้าเจ้ากระป๋องของพาส หายใจแรงมีอาการหอบอย่างหนัก จนพาสต้องรีบเปิดหน้าต่างยื่นหน้ามามอง


“เป็นไงบ้างฮะ... ยังไม่หายดีวิ่งมาทำไม” พาสต่อว่าด้วยความเป็นห่วง


“พี... พี่หายแล้ว จะขอติดรถไปทำงานด้วยได้ไหมจ๊ะ” ณุพูดทั้งที่ยังคงหอบอยู่


“พักอีกสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือฮะ พาสลางานให้ก็ได้ ส่วนยาเดี๋ยวพาสให้ธรเอามาให้”


“ไม่ดีกว่า พี่อยากไปทำงาน ขอพี่ไปด้วยนะ” ณุเริ่มพูดได้คล่องขึ้น


“เฮ้อ......” พาสได้แต่ส่ายหัว


“เอ้าจะไปก็ขึ้นมา” เธอบอกกับเขาแล้วหันไปเก็บของที่อยู่ตรงเบาะข้างๆ


ณุเปิดประตูเข้ามานั่งด้านหน้าเคียงข้าง เขายิ้มหวานให้กับคนขับแสนสวยที่ตอนนี้ดูจะไม่ค่อยอยากจะยิ้มสักเท่าไหร่


.
พาสขับมาจอดที่ตรงด้านหน้าทางขึ้นสถานีตำรวจเพื่อให้ณุไม่ต้องเดินไกล หลังจากชายหนุ่มลงรถไปเธอก็ขับไปยังลานจอดรถของสถานี หญิงสาวเดินไปที่รถตำรวจที่เธอใช้งานเมื่อคืนหยิบเอาถุงยาที่วางอยู่ที่เบาะนั่งออกมา แล้วจึงเดินกลับมาที่ตึกทำงาน


เมื่อเธอเดินกลับมาก็พบว่าเขายังไม่ได้เคลื่อนย้ายตัวเองไปทางไหน พาสทำเป็นเดินเลี่ยงไปขึ้นบันไดทางด้านหลังแทน คนที่ยืนรออยู่รีบจ้ำตามสาวที่ทำเหมือนไม่สนใจว่าเขาจะยืนรออยู่


“พาส.......... พาส............ รอพี่ด้วยสิ” ณุตะโกนเรียกเสียงดัง ไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมา นายตำรวจผู้น้อยทำความเคารพเขาก็ดูจะไม่สนใจ เขาแค่พยักหน้านิดหน่อยเท่านั้น


หลายคนต่างพากันมองทางสารวัตรทีมองเลยไปทางหมวดที่เดินขึ้นโรงพักที แล้วหันมาพูดคุยกันเองด้วยท่าทีสงสัย


.
ณุเดินตามหลังพาสมาติดๆ แล้วจู่ๆ เค้าก็เกิดอาการหน้ามืดจนต้องลงนั่งที่ขั้นบันไดทางขึ้น เอามือจับราวบันไดไว้มั่น
คนที่เดินนำหน้าเหลียวกลับมามองทางด้านหลัง เมื่อเห็นณุทรุดตัวนั่งพาสก็รีบวิ่งลงมานั่งยองๆ ตรงหน้าเขาด้วยความเป็นห่วง


“พี่ณุ......... เป็นไงบ้าง”


“พี่มึนหัว..........” เค้าทิ้งตัวเอาศรีษะซบกับไหล่ของพาส มือก็กอดรอบตัวพาสไว้หลวมๆ


“กลับที่พักดีกว่าไหมฮะ เดี๋ยวพาสไปลาให้” พาสพยายามขยับตัวดันศรีษะของณุขึ้นเพื่อดูอาการ แต่ยิ่งขยับตัวกลับรู้สึกว่าถูกรัดแน่นขึ้นทุกที


“ไม่เอาไม่กลับ” ณุรัดอ้อมกอดแน่นขึ้น น้ำเสียงเค้าดูเป็นปกติดีออกจะสดใสเกินควรซะด้วยซ้ำ


“นี่... พี่ณุเจ็บจริงหรือแกล้งกันแน่” พาสเริ่มดิ้นคลุกคลัก มือไม้ก็ทั้งผลักทั้งดันให้ชายหนุ่มออกให้พ้นตัว


“พี่ป่วยจริงๆ นะครับ ป่วยใจ” ณุผงกหัวขึ้นมามองหน้าหวานแล้วทำท่าจะก้มลงไปซบใหม่


“คนฉวยโอกาส.......... ปล่อยสิ” พาสทุบหลังชายหนุ่มไปหลายที ใบหน้านั้นทั้งโมโหทั้งอายอย่างช่วยไม่ได้


“ไม่ทำแบบนี้พาสก็หนีพี่ไปเรื่อย” คำอ้อนหวานๆ ออกจากปากของชายหนุ่ม


“ไม่ได้หนีสักหน่อย อย่างพาสเนี่ยนะต้องหนีพี่ณุ” พาสพูดเสียงแข็ง


“จริงสิ.......... งั้นใครกันนะที่ชอบหนี”


“ไม่รู้..........” พาสทำเสียงสะบัดนิดๆ


.
.
“ณุ........... พาส” จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากทางชั้นบน น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมากของกร กรเพิ่งเปิดประตูออกมาเพื่อจะลงไปทำธุระข้างล่าง เขามาไม่ทันตอนที่ทั้งสองพูดคุยกัน เขาจึงเห็นเพียงแค่ว่าณุนั้นกอดรัดพาสไว้ไม่ปล่อย


ณุกลับไม่ยอมปล่อยเขายังคงซบนิ่งอยู่ ทำเอาพาสอึกอักกับการกระทำของคนที่กอดเธออยู่ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาที่แข็งกร้าวของกร


“พี่กรฮะ พี่ณุเป็นไข้หน้ามืดน่ะฮะ แต่พาสพยุงไม่ขึ้น” พาสแก้ลำไป


“อ้าว.........เหรอ” กรลดน้ำเสียงลงทันทีที่รู้ถึงสาเหตุ
กรตรงเข้ามาพยุงณุเขาจับแขนของผู้ป่วยพาดไปกับบ่าเพื่อสะดวกในการพยุง พาสขยับลุกขึ้นยืน คนป่วยกลับเอี้ยวหน้ากลับมาขยิบตาพร้อมกับยิ้มให้


“ชริ...” พาสทำหน้ายู่ใส่ด้วยความหมั่นไส้ในความเจ้าเล่ห์ของเขา


คนที่แกล้งป่วยถูกพาเข้ามาในห้องทำงานของตนเอง เขาช่างแสดงอาการได้เนียนมากจนพาสอยากจะยกตุ๊กตาทองให้ หญิงสาวนำถุงยามาวางให้บนโต๊ะ


“นี่ฮะยา เดี๋ยวตอนกลางวันพาสให้ติ๊ดตี่ทำข้าวต้มมาส่งให้นะฮะ”


“ไม่ต้องหรอกพาส พี่ดีขึ้นแล้ว”


“ทำไมถึงเป็นขนาดนี้ล่ะ” กรถาม


“คือเมื่อค่ำวานนี้พี่ณุเค้าบาดเจ็บเพราะช่วยพาสน่ะฮะ พาสพาไปให้หมอเย็บแผลแล้วแต่ตอนไปส่งที่เรือนพัก พี่ณุลืมยาไว้ในรถน่ะฮะ เลยเป็นแบบที่เห็นเนี่ย” พาสยิ้มให้กับกร


เธอรู้ว่ากรเก่งในเรื่องการจำผิดการโกหกของเธอ แต่คราวนี้พาสพูดจริงทั้งหมดแต่ไม่ครบก็เท่านั้น เธอจึงไม่รู้สึกผิดมากนัก


“อ้อ.......... แล้วยังฝืนมาทำงานอีก” กรยิ้มให้กับณุ เขาหันกลับมาทางสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “แล้วพาสมาเจอณุได้ไง”


“เมื่อตอนดึกพาสมาที่เรือนพักฮะ มาเคลียร์อะไรนิดหน่อย พอตอนเช้าพี่ณุเขามาเห็นก็เลยขอติดรถมา เพราะขี่มอเตอร์ไซด์ไม่ไหวน่ะฮะ แล้วพอจะขึ้นตึกพี่ณุเค้าก็เป็นอย่างที่เห็นแหละฮะ” พาสพุดได้คล่องเหมือนท่องไว้เรียบร้อยว่าจะโดนซักฟอกอะไรบ้าง


“อืม.......... งั้นพี่ขอตัวนะณุ ไปพาสไปคุยเรื่องงานที่คุยค้างไว้เมื่อคืนกัน” กรตบบ่าหญิงสาวเบาๆ เป็นการบอก


“ฮะ...” พาสขานรับ เธอมองที่ณุเพียงนิดแล้วจึงหันเดินตามกรออกไป

---------------------------------------------------------1


พาสอธิบายถึงรายงานที่อยู่ในมือของกรอย่างละเอียดและสรุปแผนงานที่จะดำเนินการขั้นต่อไป สาวห้าวมองกรที่จ้องหน้าเธอไม่วางตาด้วยท่าทีเฉยๆ


ในขณะที่กำลังรายงานอยู่นั้นพาสจำต้องหยุดชะงักเมื่อเธอได้รับข่าวจากวิทยุสื่อสารของกรมที่ร้องขอความช่วยเหลือ ว่ามีเหตุการณ์คนเมายาบ้าจับมารดาเป็นตัวประกัน


“พาสขอตัวก่อนนะฮะ..........” พาสรีบผลุดลุกขึ้นด้วยความว่องไวตามสัญชาตญาณของตำรวจ


“............” หนุ่มใหญ่ได้แต่มองตามหลังสาวที่เพิ่งพรวดพราดออกจากห้องทำงานของเขาไปอย่างใช้ความคิด


.
จุดที่เกิดเหตุดูเป็นย่านชุมชนคนพอมีอันจะกิน พาสกับกำธรแทรกตัวเบียดฝูงชนที่รายล้อมอยู่รอบๆ ด้านนอกตัวบ้านเต็มไปหมด ขณะที่ผู้ติดยามีอาการคุ้มคลั่งเอามีดปลายแหลมจ่อคอผู้สูงวัยซึ่งเป็นมารดาตน ข้างๆ กันมีเด็กน้อยวัยไม่น่าเกินสองขวบนั่งร้องไห้งอแงอยู่


“ไป.......... ไป ไอ้พวกบ้า ไปให้พ้น ไป” ขี้ยาตะโกนไล่พวกไทยมุง


“พวกมึงจะมาทำร้ายกูเหรอ อย่าเข้ามานะ ไป...ไปเลยไปให้ไกลเลย.” เขายังคงเอ่ยปากไล่ มือข้างหนึ่งก็ล็อคมารดาไว้แน่น อีกข้างก็แกว่งมีดชี้มาทางผู้คนเป็นพักๆ แล้วจึงนำกลับไปจ่อที่คอตามเดิม ช่างเป็นภาพที่หน้าหวาดเสียวต่อคนโดยรอบ


พาสแทรกตัวเบียดคนเข้าไปยืนอยู่ทางด้านหน้า เธอส่งสัญญาณให้ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุกันฝูงชนให้ห่างไปจากบริเวณนั้นให้พอมีระยะห่างระหว่างพวกเธอกับผู้ติดยารายนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายแก่ทุกคน และหาทางหนีทีไล่เอาไว้ด้วยเผื่อเกิดเหตุผิดพลาด พาสได้สอบถามถึงประวัติของผู้ติดยาจากตำรวจที่มารักษาการณ์อยู่ก่อนแล้ว เมื่อทราบรายละเอียดพาสก็พยักหน้าให้นายตำรวจนั้นถอยออกไป


“พวกคุณช่วยถอยไปหน่อยนะฮะ เจ้าหน้าที่ทำงานไม่สะดวก” พาสหันไปบอกกับคนที่เบียดเสียดกันอยู่ด้านหลังเธอ เพียงแค่อยากเห็นเหตุการณ์เท่านั้น


ผู้คนตรงนั้นมองหน้าพาสที่ดูเข้มและจริงจังแล้วก็ต้องพากันถอยหลังห่างออกไป แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ตลอดเวลานั้นผู้ติดยามีอาการหวาดระแวงตลอด


เมื่อเห็นว่ากระจายวงได้กว้างพอแล้วพาสก็ขยับเข้าไปใกล้ๆ พอที่จะพูดคุยกับผู้ติดยาได้ถนัดขึ้น และต้องการดูสถานการณ์ให้แน่ชัดขึ้นด้วย สายตาเธอสอดส่ายไปรอบๆ อย่างพิจารณา พาสเหลียวไปทางกำธรที่อยู่ไม่ห่าง


“ธรไปอยู่ด้านตรงข้ามกับพี่นะ ถ้าพี่ส่งสัญญาณก็เข้าไปช่วยคนแก่กับเด็กก่อนเลย” พาสพูดเสียงไม่ดังนัก


“ครับ...” กำธรพยักหน้าแล้วรีบทำตาม


พาสหันมองด้านหลังอีกทีเธอทำสัญญาณมือให้กับตำรวจสามนายที่ยืนรอคำสั่งอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวเริ่มเคลื่อนตัวเข้าไปยืนตรงหน้าชายที่คุ้มคลั่งแต่ยังรักษาระยะห่างไว้พอควร


“นายมานิต..........นายนิด” พาสเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“ใครมึงเป็นใคร ทำไมรู้จักชื่อกู มึงเป็นพวกมันใช่ไหม จะมาฆ่ากูใช่ไหม ไม่เอาไป ไม่ไปกูจะฆ่ายายแก่นี่ซะ” เขาพูดตวาดใส่พาสเสียงดัง พร้อมกับเอามีดกดลึกตรงลำคอของหญิงสูงวัย


“เปล่าฉันไม่ได้มาทำร้ายนาย ฉันเพียงแต่ต้องการจะช่วยเท่านั้น” พาสเขยิบห่างออกมานิดเพื่อให้นายนิดครายกังวล


หญิงสาวคอยสังเกตุที่มือและการเคลื่อนไหวของชายผิวเนื้อดำด่างผอมกระหร่องจากการติดยาใบหน้าไม่มีราศีซีดเผือด ผมเผ้ารุงรัง เนื้อตัวดูเป็นจ้ำๆ ดำคล้ำ มารดาที่อยู่ในอาการตกใจพูดไม่ออกสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด เนื้อตัวสั่นเทาเกร็งไปหมด ไม่รู้ว่ามีดเล่มนั้นจะปาดคอเธอเมื่อไหร่ หญิงชราเองก็พยายามร้องขอให้บุครชายปล่อยตน


“ปล่อยแม่เถอะลูก แม่กลัว ทำไมทำกับแม่แบบนี้”


“เงียบ......... กูไม่ปล่อย มึงไม่ใช่แม่กู แม่กูไม่อยู่แล้ว แม่กูไม่อยู่แล้ว” เขาตวาดเสียงดัง


“นายนิดนั่นน่ะแม่นายนะ นายตั้งสติให้ดี มองให้ชัดๆ ว่านั่นแม่นายหรือเปล่า” พาสค่อยๆ พูด


“ไม่.........ยายแก่นี่ใครก็ไม่รู้วันๆ เอาแต่ด่า พูดมากน่ารำคาญ” มือข้างที่ถือมีดยังจดจ่ออยู่ที่คอหญิงชรา ซึ่งเริ่มมีเลือดใสๆ ไหลออกมาเล็กน้อยจากการกดของปลายมีด


“ถ้าป้าเค้าไม่ใช่แม่นาย แล้วแม่นายไปไหนหละ เด็กที่ร้องอยู่นั่นเป็นอะไรกับนาย”


“ไอ้เด็กบ้า ไอ้เวรร้องอยู่ได้น่ารำคาญ” ไม่พูดเปล่านายนิดทำท่าเหมือนจะเข้าไปเตะเด็กน้อยแต่ก็ไม่สามารถทำได้ถนัด เด็กน้อยจึงรอดจากการถูกทำร้ายของชายผู้ได้ชื่อว่าพ่อ


“นายหนึ่งแม่นายเจ็บนะนั่น ปล่อยท่านก่อนเถอะ มีไรค่อยๆ คุยกัน” พาสค่อยๆ หว่านล้อม


“ไป มึงน่ะไปให้พ้น พวกมึงทุกคนไปให้พ้น” เขายังคงไม่สนใจพาส มือที่ถือมีดชี้มาทางคนที่มูงดูและพาสที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก
------------------------------------------------------2/1


ผู้สูงวัยสะอื้นไห้ตลอดเวลาที่ถูกลูกชายผู้บ้าคลั่งรัดไว้ นายนิดมองมากราดไปทั่ว เขามีอาการสับสนหวาดระแวงเหมือนหนูระแวงภัย เสียงเด็กน้อยที่ร่ำร้องแผดดังยิ่งทำให้สภาวะทางจิตของนายนิดกระเจิดกระเจิงหนักขึ้น


“ใจเย็นๆ นายนิดมีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน” พาสตั้งท่าจะก้าวเข้าหา


“ไม่.... กูไม่ฟังมึง.... มึงเป็นพวกมัน จ้องจะทำร้ายกู กูไม่ฟัง ไป ไป”


“นายนิด.... ไม่มีใครคิดทำร้ายนายหรอก ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้คิดร้ายกับนาย” พาสพูดไปเรื่อยๆ เธอจ้องมองนายมานิตและแม่ตลอด


หญิงสาวเหลือบมองไปทางตำรวจที่อยู่ไม่ไกลจากเด็กน้อย เธอบอกเป็นนัยๆ ให้เขาหาทางทำให้เด็กหยุดร้อง สักพักหลังจากนายตำรวจหนุ่มพยายามกล่อมให้เด็กหยุดร้องได้ตัวนายนิดเองก็มีทีท่าอ่อนลง ร่างกายเขาเริ่มอ่อนเพลียแต่ยังคงฝืนอาการเพราะฤทธิ์ยาที่ยังเหลืออยู่


พาสส่งสัญญาณให้ทุกคนเตรียมพร้อมเพื่อช่วยหญิงชราที่เริ่มทรุดเช่นกัน เธอทั้งกลัวทั้งเพลียใบหน้าที่เหี่ยวย่นนั้นซีดจนไร้สีเลือด พาสมองรอบๆ ตัวอีกครั้งเมื่อเห็นทุกคนพร้อมเธอก็ก้าวย่างช้าๆ เข้าไปหานายนิดเพื่อเบนความสนใจจากมารดาของเขามาที่เธอ


นายนิดเหลียวควับมาที่พาส เขาหันมีดชี้มาทางหญิงสาวมือไม้สั่นเทา “ถอยไป... กูเตือนมึงแล้วนะ ถอยไป”


“ฉันมาช่วยนายนะ นายต้องการความช่วยเหลือ” พาสยังคงก้าวเข้าไปอีกอย่างมั่นคง


“ถ้าขืนก้าวมาอีกกูจะฆ่ามึงซะ” นายนิดตวัดมีดไปมา เพื่อกันไม่ให้พาสเข้าไปถึงตัวเขาได้ารกระทำของนายนิทำให้เขาเผลอคลายมือจากมารดา เขาพุ่งเป้าหมายมาที่พาสเต็มที่


พาสเห็นช่องทางที่จะจัดการได้เธอจึงตะโกนสั่งการเสียงดังทันที “เอาเลย....”

เหตุการณ์ชุลมุนจึงเกิดขึ้นตำรวจอีกด้านพร้อมกำธรวิ่งกรูเข้าไปช่วยเด็กและผู้สูงวัย ส่วนทางพาสนั้นตำรวจร่างใหญ่พุ่งเข้าล็อคตัวนายนิด พาสเองก็เข้าประชิดด้านหน้าแย่งมีดออกจากมือของผู้ติดยา โดยยังคงมีตำรวจบางส่วนกันคนและคอยระวังเพื่อเข้าช่วยถ้าเกิดเหตุผิดพลาด ในที่สุดทุกอย่างเข้าสู่ความสงบ


ตำรวจขอทางให้รถพยาบาลเข้ามารับผู้สูงวัยไปตรวจรักษา ส่วนนายนิดถูกใส่กุญแจมือเขาถูกหิ้วปีกเดินไปขึ้นรถตำรวจที่รออยู่ ส่วนเด็กน้อยพาสอุ้มไว้กับตัวเธอปลอบโยนเช็ดหน้าเช็ดตัวให้จนเมื่อคนจากสถานนุเคราะห์มารับเด็กน้อยไปจากเธอ พาสได้แต่มองตามเด็กไปด้วยความสงสาร


“พี่พาส กลับกันเถอะพี่ นี่วันนี้ถ้าไม่ได้พี่นะคงเหนื่อยพิลึก” กำธรเข้ามายืนข้างหลัง


“พี่สงสารเด็กว่ะธร แกคิดดูสิเด็กต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไหนแม่จะหนีไม่เลี้ยง พ่อก็ดันมาติดยาจนประสาทหลอน ย่าก็แก่ขนาดนั้น เฮ้อ..........”


“เอาน่าพี่ เราก็ทำดีที่สุดได้แค่นี้” กำธรเข้าใจลูกพี่


“อืม.......... สักวันเราคงปราบมันให้หมดไปได้” พาสพูดเหมือนปลอบใจตัวเอง


เธอรู้อยู่เต็มอกว่าการจะปราบยาเสพติดนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะไม่เป็นผล ทุกวันนี้เพียงแค่ทำให้ยาถูกส่งยากขึ้น ยาเสพติดนั้นมาจากทุกทางของประเทศไทย ยิ่งมีคนที่เห็นแก่ได้เห็นแก่เงินหวังรวยทางลัดเท่าไหร่ มันก็ไม่มีวันหมดสิ้นสักที


กำธรและพาสกลับมาที่สถานีตำรวจ สาวห้าวปลีกตัวไปห้องน้ำเธอวักน้ำล้างหน้าลูบหัวเพื่อไล่ความเหนื่อยและล้างเอาความร้อนรุ่มจากงานออกจากสมอง เธอต้องพยายามไม่เอาเรื่องงานมาสุมหัวไม่งั้นหญิงสาวคงเป็นบ้าไปก่อนเวลาอันควร พาสกำลังล้วงจะเอาผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋า ก็มีผ้าผืนสวยสีขาวสะอาดยื่นมาตรงหน้า


เธอเหลือบมองตามมือแข็งแรงไปก็พบรอยยิ้มหวานของณุ เธอไม่ได้รับผ้าเช็ดหน้านั้นพาสยังคงล้วงเอาผ้าของตนเองออกมาซับน้ำตามหน้าและผม


ณุหน้างอน้อยใจที่หญิงสาวไม่รับไมตรีของเขา ชายหนุ่มเก็บผ้าขาวนั้นใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม เขายังคงยืนรอหญิงสาวไม่ได้ถอยห่างไปทางไหน


“ทำไมไม่ใช้ผ้าของพี่ละจ๊ะ”


“เดี๋ยวผ้าขาวๆ จะเลอะซะเปล่าๆ น่าพี่ณุ อีกอย่างพาสก็มีอยู่แล้ว” พาสพูดเรียบๆ


แต่พอเห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่ยังคงงอง้ำไม่เสบยอยู่ พาสก็ต้องส่ายหัว “นี่คิดมากอะไรนักฮะแค่ใช้หรือไม่ใช้ผ้าของพี่ณุเนี่ย”


“ก็พี่หวังดี แต่พาสไม่สนใจจะรับมันไว้”


“ก็บอกแล้วไง นี่พาสไม่ได้คิดไรเลยนะ อย่าคิดมากเป็นสาวๆ ได้ไหม” พาสบ่น เธอเบี่ยงตัวหลบออกจากตรงที่ยืนอยู่ เพื่อกลับเข้าห้องทำงาน


“เหนื่อยไหม” ณุเปลี่ยนประเด็น


“ก็เหนื่อยนะ แต่เหนื่อยใจมากกว่า” พาสพูดน้ำเสียงเซ็งๆ


“เอาน่า อย่าคิดมาก” ณุปลอบ


“อืม” หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับ


เธอเดินนำเข้าไปด้านในหญิงสาวเดินเลยไปที่โต๊ะ เห็นการ์ดของอิทธิศักดิ์วางอยู่พาสไม่อ่านข้อความที่เขียนเธอเสียบการ์ดนั้นเข้าไว้รวมกันในที่ๆ มีการ์ดเก่าๆ อยู่


ณุไม่ได้ตามพาสมาที่โต๊ะเขาเข้าห้องทำงานของตนเอง ในใจก็รอให้ถึงเวลากลับบ้าน ช่วงนี้นอกจากงานแล้วก็มีแต่เรื่องของหญิงสาวเท่านั้นในสมองของเขา


เมื่อได้เวลากลับเขาคอยเล็งว่าพาสจะลุกกลับหรือยัง พอเห็นพาสรวบรวมเอกสารเข้าที่ เขาก็เตรียมตัวกลับเช่นกัน ณุจัดแจงเดินออกไปก่อนทำเป็นไม่สนใจพาสที่ยังนั่งเก็บงานอยู่


“อ้าวแล้วนั่นเขาจะกลับไงล่ะรถก็ไม่ได้เอามา” พาสเอ่ย เมื่อเห็นหลังณุที่ลงจากสถานีฯ ไปไวๆ


“พาส....” กรเรียกเสียงนุ่ม เขามายืนที่หน้าโต๊ะของหญิงสาว


“ฮะ...พี่กรมีอะไรให้พาสทำเหรอ” พาสขานรับ เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้านาย


“ไม่หรอก แต่พรุ่งนี้แต่งเต็มยศหน่อยนะ จำได้ไหมเรื่องเลื่อนขั้น” กรยิ้มบางๆ


“เหรอฮะ พาสได้เลื่อนด้วยเหรอ” พาสยิ้มกว้างด้วยความดีใจ


“ใช่ ยินดีด้วยนะกับผู้กองคนใหม่” กรยื่นมือให้


“ขอบคุณฮะ” พาสจับมือกรเขย่า ก่อนที่จะค่อยๆ ชักมือกลับ


“แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอ” กรถาม ดูเขาไม่ค่อยอยากจะปล่อยมือสาวที่หมายปองนัก


“ฮะ วันนี้เหนื่อยร้อนด้วย พาสอยากกลับไปอาบน้ำและพักซักหน่อย” พาสพยักหน้า


“อืม ไปเถอะ ยังไงพรุ่งนี้อย่าลืมซะละ”


“ฮะ ไปก่อนนะฮะ พรุ่งนี้เต็มยศแน่นอน” พาสทำความเคารพด้วยมาดเท่ห์


หญิงสาวเดินยิ้มสดใสมาที่รถ แล้วพาสก็ต้องลดรอยยิ้มลงเมื่อเห็นคนที่ยืนพิงอยู่ที่รถ เธอไม่น่าห่วงเขาเลยน่าจะรู้ซะด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มนั้นคงไม่กลับเองแน่
-------------------------------------------------------2


คนที่อาศัยรถมาด้วยนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองหน้าคนขับ ใช่ว่าคนขับสาวจะไม่รู้ตัวแต่พาสก็ทำเฉยตั้งหน้าขับรถไม่หันมาสนใจ


“พรุ่งนี้รู้หรือยังว่าพาสต้องใส่ชุดเต็มยศ” ณุเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่เงียบไม่สนใจเขา


“อืม..ฮะ” พาสพยักเพยิดรับ


“อยากเห็นจังว่าพาสใส่กระโปรงจะสวยขนาดไหน” ชายหนุ่มยิ้มหวาน


“รอดูละกันฮะ” พาสตอบเสียงเรียบชายตามองคนข้างๆ นิดหน่อย


“แล้ววันนี้พาสจะนอนที่เรือนพักหรือเปล่าจ๊ะ”


“ไม่ฮะ พาสต้องกลับไปเอาชุดที่บ้าน”


“พี่ยังไม่เคยได้ไปบ้านสวนของพาสเลยสักครั้ง เห็นกำธรบอกว่าร่มรื่นมาก”


“เอาไว้ก่อนละกันฮะ วันไหนพวกจ่าโต้งไปกินเหล้ากันพาสจะชวน”


“อย่าลืมนะ” ณุเหมือนขอคำมั่นจากปากหญิงสาว


“ฮะ” พาสพยักหน้ารับ


ชายหนุ่มยิ้มพอใจ เขาคิดว่าเมื่อหญิงสาวรับปากแล้วเธอจะไม่ผิดสัญญากับเค้าเป็นอันขาด นั่นเป็นนิสัยของพาสที่เมื่อรับปากก็จะทำตามนั้น


หลังจากส่งชายหนุ่มเรียบร้อยพาสก็ขับรถตรงมายังบ้านสวน เธอยังคงถูกเจ้าสุนัขเฝ้าสวนทั้งสองกระโดดเข้าใส่เหมือนทุกครั้งที่มาบ้าน หญิงสาวเล่นกับทั้งสองอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าบ้าน เธอเดินเลียบไปทางประตูด้านหลังกะเซอร์ไพรส์มารดา พาสชำเลืองมองเข้าไปด้านในเห็นมารดากำลังทำของว่างอยู่ หันหลังให้กับประตูด้านที่เธอยืนอยู่จึงย่องๆ เข้าไปสะกิดที่เอวของมารดาพร้อมกับส่งเสียงเรียก


“แม่จ๋า.....”


“อุ๊ย.... แม่จ๋า แม่จ๋า” มารดาซึ่งเป็นคนบ้าจี้ก็ว่าตามคำของบุตรสาว


“5555” สาวห้าวหัวเราะร่วน


“ยายพาส นี่ถ้าแม่ตกใจตายไปทำไง” มารดายิ้มให้ลูกสาวทั้งที่ปากก็บ่น


“ไม่หรอกค่ะ ก็แม่ออกจะแข็งแรง” พาสเข้าสวมกอดรอบตัวมารดาแน่น


“ไม่เอาลูกแม่เหม็นจะตายไป มีแต่กลิ่นควันกลิ่นกับข้าว” มารดาพยายามดันตัวลูกสาวคนโตออก


“ไม่เห็นเป็นไรเลย ตัวแม่ออกจะหอม” พาสนั้นไม่ขยับออกแถมยังซุกหน้าไปแนบอกมารดาไว้


“เฮ้อ......... เจ้าตัวยุ่ง” มารดาว่ายิ้มๆ เธอสวมกอดบุตรสาวไว้แน่นเช่นกัน


เมื่อกอดรัดกันเป็นที่พอใจแล้วสองแม่ลูกก็ช่วยกันจัดของว่างต่อ พาสนั้นช่วยจัดเรียงผลไม้ให้อย่างสวยงาม การหยิบจับของนั้นก็นุ่มนวลดูแปลกตา ไม่เหมือนคนที่ต้องถือปืนจับผู้ร้ายสักนิด เมื่อช่วยมารดาเสร็จหญิงสาวจึงขอตัวไปอาบน้ำล้างตัว เพื่อลงมาทานข้าวพร้อมหน้ากันกับครอบครัว


แสงไฟในยามค่ำที่ส่องผ่านบานหน้าต่างและประตูบ้านไม้หลังน้อยวันนี้ช่างดูสว่างสดใสแสงสีเหลืองนวลตา เสียงพูดคุยกันของทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกบอกได้ถึงความอบอุ่นที่มีให้แก่กัน ที่โต๊ะอาหารบุตรสาวทั้งสองต่างพากันแย่งเอาอกเอาใจทั้งบิดาและมารดาเป็นการใหญ่ ใครชนะก็จะยิ้มเป็นเชิงได้ที บิดามารดามองหน้ากันแล้วพากันหัวเราะขันไปกับการกระทำของบุตรทั้งสอง


.
รถโบราณสีดำคันงามเข้ามาจอดที่หน้าเรือนของพิชญะ จีจี้มาในมาดของนางพญา เธอยังคงนั่งเชิดหน้าอยู่ในรถรอให้นายมีมาเปิดประตูรถให้


“ชักช้าจริงนายมี” จีจี้บ่นคนขับรถที่รีบจนดูลนลานมาเปิดประตูให้


“ขอประทานโทษขอรับ”


“ไปดูสิว่ามีใครอยู่บ้านหรือเปล่า”


“ขอรับ”


ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปหยุดยืนตรงบันไดขั้นล่างสุดของเรือนเขามีท่าทีอ้อนน้อมมือทั้งสองข้างผสานกันไว้ด้านหน้า เขายังไม่ทันได้เอ่ยอะไร ก็มีหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับนายสาวเดินออกมาต้อนรับ การแต่งตัวดูงามสมวัยและบ่งบอกได้ว่าเธอผู้นี้น่าจะเป็นเจ้าบ้านหลังนี้ นายมียกมือไหว้


“สวัสดีขอรับ”


“จ้ะ สวัสดี มาหาใครหรือ”


“คือ คุณหนูจิราภาเธอต้องการมาพบกับคุณพิชญะขอรับ”


“อ้อจ้ะ ช่วยไปเรียนเธอด้วยว่าคุณพิชญะเธอไม่อยู่ไปทำงานยังไม่กลับ ถ้าอย่างไรฉันขอเรียนเชิญให้คุณจิราภาเธอเข้ามานั่งทานน้ำชาสักครู่”


“ขอรับ” นายมีไหว้แล้วจึงรีบนำคำกล่าวของพิกากลับมารายงานนายสาว


เพียงไม่นานสาวเปรี้ยวก็นวยนาดเข้ามายืนในตำแหน่งเดียวกับที่พิกายืนอยู่ก่อน แม้สาวเจ้าบ้านจะยิ้มให้ผู้มาเยือนแต่ผู้นั้นกลับไม่ยินดีที่จะแสดงความเป็นมิตรต่อเจ้าบ้านสักนัดยังคงสีหน้าเรียบเฉยมองพิกาตั้งแต่หัวจรดเท้า


“เป็นอย่างไรล่ะได้มาอยู่ที่นี่กับพี่ชาย มีความสุขดีอยู่หรือ”


พิกามองหน้าจิราภานิ่งเธอพยายามคิดในแง่ดีกับผู้มาเยือนที่เปรียบเสมือนน้องสาวของสามี สาวเจ้าบ้านยิ้มบางๆให้


“ดีค่ะ ดิฉันกับคุณพี่เรามีความสุขกันดีค่ะ”


“เรือนนี้เท่าที่รู้ เป็นเรือนที่คุณพี่ขอให้คุณลุงคุณป้าสร้างไว้เมื่อหลายปีก่อน เห็นว่าจะแต่งงานกับคนรัก แต่เมื่อปลูกเสร็จก็ไม่เห็นว่าคุณพี่เธอจะแต่งงาน เห็นเงียบไปจนมาแต่งกับเธอเมื่อปีที่ผ่านมา” จิราภาพูดตามที่รู้มา เธอไม่คิดว่าหญิงที่พี่ชายจะแต่งด้วยเมื่อหลายปีก่อนจะเป็นพิกาที่เธอพบเจออยู่ในตอนนี้


“ค่ะ ดิฉันทราบ” พิกายิ้มรับคำพูดของจิราภา


“เธอรู้ แล้วยังจะยิ้มได้อยู่อีกหรือ เป็นฉันคงไม่ทนอยู่ในบ้านที่เค้าไม่ได้สร้างเพื่อตนเองหรอกนะ”


“หรือคะ” พิกาถามกลับเสียงนุ่ม เธอยังคงนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ ทั้งสิ้น “เชิญคุณจีจี้เข้าไปนั่งทานน้ำชาด้านในดีกว่าค่ะ” พิกาเอ่ยพร้อมกับเดินนำเข้าไป ไม่รอให้จิราภาได้ตอบรับหรือปฏิเสธ


สาวเปรี้ยวเดินตามด้วยความงุนงงว่าแม่พี่สะใภ้คนนี้ไม่ตีโพยตีพายหรือมีสีหน้าเป็นทุกข์ที่ได้รู้เรื่องที่เธอกล่าวแม้สักนิด เธอต้องการทำให้หญิงสาวที่พิชญะแต่งงานด้วยเป็นทุกข์จากเรื่องที่เธอพูด ต้องการให้เสียใจเมื่อรู้ว่าบ้านหลังงามนี้ชายอันเป็นที่รักไม่ได้ปลูกให้ตนเอง


“เชิญนั่งก่อนค่ะ” พิกาผายมือไปที่เก้าอี้ด้านข้าง ส่วนเธอลงนั่งที่เก้าอี้ตัวยาว


จิราภาลงนั่งตามคำเชิญของพิกา เธอมองไปรอบๆ ห้องที่ถูกจัดอย่างเรียบง่ายแต่สวยงาม สะอาดสะอ้าน


มะลิเด็กสาวคลานเข้ามานั่งข้างๆ นายสาว เพื่อรอรับการสั่งงานจากพิกา พิกาขอให้เด็กสาวไปจัดของว่างที่เธอเตรียมไว้รอรับสามีมาให้ผู้มาเยือน พร้อมกับน้ำชาที่เตรียมไว้ เมื่อเด็กสาวรับคำแล้วถอยกลับเข้าไปด้านหลังเรียบร้อย พิกาจึงหันมาคุยกับจิราภาอีกครั้ง


“ต้องขอโทษนะคะที่ทำให้คุณจีจี้ต้องมารอคุณพี่ นี่นัดกันไว้หรือคะคุณพี่ไม่เห็นบอกอิฉันสักนิด ไม่อย่างนั้นคงเตรียมของว่างไว้มากกว่านี้”


“ไม่ได้นัด ตามปกติที่ฉันมาก็ไม่เคยเห็นว่าจะต้องนัดก่อนสักครั้ง” จิราภาพูดตวัดเสียงนิดๆ


“คือตอนนี้คุณพี่ต้องไปทำงานน่ะค่ะจะกลับก็เย็น จึงไม่คิดว่าจะมีใครมาพบคุณพี่ในเวลาเช่นนี้” พาสตอบเสียงนุ่ม


“...............” จิราภาอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ อย่างขัดใจ ที่สาวตรงหน้าไม่มีท่าทีอะไรกับคำพูดกำกวมของเธอแม้แต่น้อย


เด็กมะลิเดินเอาของว่างมาจัดวางให้กับนายสาวและผู้มาเยือน เด็กสาววางถ้วยชาลงตรงหน้าพิกาและจิราภาจากนั้นก็ค่อยๆ ถอยหลังกลับไป


“เชิญค่ะ ชานี้คุณพี่ได้มาจากแขกชาวอังกฤษที่มาเยี่ยมเมื่อไม่นานมานี้” พิกากล่าวเชื้อเชิญ


จิราภาเอามือข้างหนึ่งจับที่หูถ้วยกาแฟอีกมือจับที่รองถ้วย แล้วจู่ๆ เธอก็ทำเหมือนกับว่าถ้วยนั้นจะหลุดมือไปทางพิกา


“อุ๊ย”


พิกานั้นเหมือนจะรู้อยู่เช่นกันเธอกลับยกมือขึ้นปัดถ้วยในมือของจิราภาทำให้ถ้วยกระเบื้องนั้นตกลงใส่กระโปรงตัวสวยของสาวเปรี้ยวแทนทำเอาเธอส่งเสียงร้องดังไปทั้งบ้าน


“กรี๊ด.......... ตาย ตายจริง ชุดของฉัน นี่เธอรู้ไหมชุดนี้ฉันอุตส่าห์เอากลับมาจากฝรั่งเศสเชียวนะ รู้ไหมราคาเท่าไหร่” จิราภาโวยลั่น


“ขอโทษค่ะ อิฉันไม่ทราบ แต่อิฉันไม่ผิดนะคะ คุณจีจี้จับถ้วยไม่ดีเองอิฉันจะเข้าไปช่วยก็ไม่ทันเสียแล้ว” พิกาตอบหน้าตาย


“นี่ นี่หล่อนหาว่าฉันทำหกใส่ตัวเองอย่างนั้นหรือ” จิราภาจ้องหน้าอย่างจะกินเลือดพิกา


“หรือมิใช่ละคะ หรือคุณจีจี้เจตนาเป็นอื่น” พิกาถามกลับ


“เอ่อ.......... ฮึ้ย” จิราภาโมโหเธอยืนหันซ้ายหันขวาอย่างทำไรไม่ถูก “ฉันกลับหล่ะ บอกคุณพี่ด้วยว่าฉันมาหา” เธอตัดสินใจกลับ เพราะตอนนี้ตัวเธอนั้นเปื้อนไปหมดคงไม่มีหน้าอยู่รอพิชญะเป็นแน่


“ค่ะ แล้วจะเรียนให้คุณพี่ทราบ” พิกาตอบกลับเสียงเรียบ


“.........” จิราภาไม่กล่าวลาเธอเดินจ้ำไปอย่างหัวเสีย ไม่รอแม้กระทั่งให้เจ้าบ้านไปส่ง


พิกามองตามร่างที่ดูโมโหโทโสอย่างมากไปด้วยสีหน้าปลงๆ เธอจะต้องรับมือกับคนๆ นี้ไปอีกนานแค่ไหนพิกาถึงกับต้องทอดถอนใจ

จบบที่ 10 แล้วค่ะ






 

Create Date : 15 ตุลาคม 2549    
Last Update : 24 ตุลาคม 2549 2:18:57 น.
Counter : 261 Pageviews.  

ตราบนิรันดร์ บทที่ 9


บทที่ 9 ฤ พิษสเน่หา


รถพยาบาลมารับตัวคนเจ็บขึ้นรถ หญิงสาวถ่ายที่เกิดเหตุเธอระวังที่จะไม่ทำให้สภาพที่เกิดเหตุผิดไปจากเดิม เพราะพวกเธอต้องกลับไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเหตุที่นอกเหนือความคาดหมายของพาส


หญิงสาวเดินออกมาเป็นคนสุดท้ายเธอเห็นณุนั่งเอามือกุมที่หางตามีเลือดไหลออกจากซอกนิ้วมือ ชายหนุ่มเมื่อเห็นพาสเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ้มให้ พาสไม่ได้สนใจรอยยิ้มหวานนั้น เธอสนใจแผลที่หางคิ้วของณุมากกว่า


“ตอนที่ล้มนั่นเหรอฮะ......... ไหนขอดูหน่อย” พาสจับมือณุออก เธอเพ่งดูแผลที่หางคิ้วของชายหนุ่ม


ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนถูกนำมาซับลงที่บาดแผลตรงหางคิ้ว หญิงสาวค่อยๆ เปิดปากแผลเพื่อเขี่ยเอาเศษผงออกอย่างเบามือ พาสร้องหาน้ำสะอาดจากหมู่เจด มือของเธอยังคงสาละวนอยู่กับแผลของชายหนุ่มซึ่งแตกเป็นทางยาว


“ล้มยังไงฮะให้ตัวเองฟาดพื้นจนแตกขนาดนี้ได้” พาสบ่น


“พี่ไม่ได้มองนี่ครับ.... มัวแต่ห่วงพาส” ณุตอบเสียงหวาน


“ทวงบุญคุณหรือฮะ” พาสแกล้วซับที่แผลไปแรงๆ


“โอ๊ย.... เจ็บนะครับ” ณุร้องเสียงหลง มือใหญ่ของเขาก็เอื้อมมาจับมือพาสไว้


“เป็นตำรวจต้องเข้มแข็ง อดทน สิฮะ ร้องอย่างนี้เสียชื่อกันพอดี” พาสปลดมือของณุออก


“โห....” ณุชำเลืองค้อนหญิงสาว


“เดี๋ยวทำความสะอาดแผลแล้ว ก็ไปให้หมอเย็บแผลต่อนะฮะ” สาวห้าวผ่อนแรงลง เธอเอาน้ำเทใส่ผ้าเช็ดหน้าด้านที่สะอาดจนชุ่ม


“เงยหน้าไปข้างหลังหน่อยฮะ.......... หลับตาด้วยเดี๋ยวน้ำเข้าตา”


เสียงใสๆ ของหญิงสาวแทบทำให้คนที่เป็นแผลนั้นลืมเจ็บ ยิ่งเมื่อร่างน้อยของเธอขยับเข้าไปใกล้ เพื่อความถนัดในการทำแผลให้ ชายหนุ่มรี่ตามองหน้าขาวๆ ที่อยู่ใกล้เพียงคืบ เขาค่อยๆ เอื้อมมือทั้งสองข้างโอบเอวของพาสไว้หลวมๆ


ร่างน้อยตั้งท่าจะขยับตัวหลังจากจัดการกับแผลเสร็จ จึงรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในสภาพที่ถูกณุโอบเอาไว้ พาสถึงกับทำหน้าตูมคิ้วย่นใส่


“ปล่อยเลยฮะ.........พี่ณุ”


“ก็พาสทำแผลอยู่พี่ขอเกาะไว้ก่อนไม่ได้เหรอครับ พี่กลัวหงายหลังไปซะก่อน” เขายิ้มในตาหวาน


“เสร็จแล้วทำแผลน่ะ ปล่อยได้แล้วฮะ”


“............” ชายหนุ่มาองหน้าพาสพร้อมกับทำตาปริบๆ


“อยากมีอีกสักแผลไหมฮะ” พาสถามเสียงเข้ม


“...........” ไม่มีคำตอบเขาได้แต่ทำหน้าเสียดายที่ต้องปล่อย มือใหญ่คลายออกอย่างอ้อยอิ่ง


พาสมองไปรอบๆ บริเวณเธอได้เห็นนายตำรวจสองนายและหมู่เจดที่ยังคงอยู่ต่างพากันหลบตา เธอจึงหันกลับมาทำตาเขียวใส่ณุ


“ดูสิฮะ.... พวกนั้นจะคิดยังไง ทีหน้าทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะฮะ”


“ครับ.... คราวหน้าพี่จะระวัง” ณุพูดตาเป็นประกายวาว


“ยังหวังจะมีคราวหน้าอีกเหรอฮะ.......... ไม่มีทาง” พาสเน้นคำว่าไม่มีทางใส่หน้าชายหนุ่ม


ทั้งสองยังไม่ทันได้ต่อคารมใดๆ กันอีก เมื่อจ่าโต้งเดินเข้ามาหาพาสเขากระซิบอะไรบางอย่างกับเธอ โดยมีณุนั่งมองอยู่ข้างๆ พาสพยักหน้าหงึกหงัก


เธอได้รับรู้ว่านายหนึ่งยังไม่ยอมตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะบีบจะเค้นยังไงก็ไม่สามารถทำให้ปริปากบอกอะไรทั้งสิ้น เกี่ยวกับต้นตอที่เขาไปรับของมา


“อืม.... จ่าช่วยดูแลต่ออีกพักนะ ลองวิธีอื่นดูบ้าง นายหนึ่งอาจจะกลัวว่าจะถูกเก็บก็เป็นได้”


“ครับหมวด” จ่าโต้งทำความเคารพแล้วหันไปพยักหน้ากับคนอื่นให้ตามกันไป


พาสมองหน้าคนที่ยังคงนิ่งไม่ขยับไปไหนแล้วก็ต้องถอนในยาว “พี่ณุ......... ไปกันได้แล้วฮะ”


“ครับ” ณุลุกขึ้นเดินตาม


ทั้งสองเดินมาที่รถตำรวจซึ่งตอนนี้เหลือเพียงคันเดียว หญิงสาวเปิดประตูด้านคนขับแต่ณุที่เดินตามหลังมาติดๆ ทำท่าจะเสนอตัวเป็นสารถึพลขับให้


“พี่ขับให้เองนะครับ”


“ไม่ฮะ......... ตาปิดไปข้างอย่างนี้ใครจะไปยอมนั่ง” พาสโวยใส่


“พาสไงครับ” ณุย้อนทันควัน


“ไม่มีทางฮะ ไปเลยโน่นที่ของพี่ณุ” มือน้อยๆ ชี้ไปทางฝั่งตรงข้าม


ณุจำต้องทำตามอย่างว่าง่าย เขาเดินอ้อมรถเข้าไปนั่งอย่างสงบเสงี่ยม หญิงสาวมองตามพร้อมกับส่ายหัว พอเห็นว่าณุนั่งเรียบร้อยพาสจำเข้าประจำที่แล้วขับรถออกจากที่เกิดเหตุไป รถตำรวจแล่นมาโดยไม่ได้เปิดไซเรน ด้วยพาสคิดว่าไม่จำเป็นเพราะเธอไม่ได้ใช้ในการปฏิบัติงาน เธอนำรถมาจอดหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล


“ไหนครับคนเจ็บ” บุรุษพยาบาลรีบตรงเข้ามาทางด้านคนขับ


“คงไม่ต้องหรอกฮะ... คงเดินไปได้มั้งไม่ได้เจ็บมากมายนัก” พาสชำเลืองมองคนที่นั่งข้างๆ


“ครับ... ผมเดินไปเองดีกว่าไม่ชอบนั่งรถเข็น” ณุว่าตามนั้น


“พี่ณุเข้าไปก่อนนะฮะ.... พาสไปจอดรถก่อน เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง”


“จ้ะ” ณุยิ้มให้ เขาลงจากรถมายืนรอจนรถของพาสแล่นผ่านไปแล้วจึงเดินตามบุรุษพยาบาลเข้าไปด้านใน


ชายหนุ่มหายเข้าห้องพยาบาลนานพอดู จนทำให้คนที่นั่งรออยู่ถึงกับหาวไปหลายตลบ จนเมื่อณุเดินออกจากห้องมา พาสจึงรีบลุกเดินเข้าไปหา


“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมฮะ”


“ครับ.... เหลือรอรับยาเท่านั้น” ณุที่มีผ้าก๊อตปิดแผลที่หางคิ้วตอบเสียงนุ่ม


“อืม.... งั้นไปกัน” พาสพยักหน้าให้


“..........” ณุเดินตามไปเงียบๆ


หลังจากจัดการเรื่องณุเสร็จแล้วพาสก็ขับรถพาชายหนุ่มกลับมาส่งให้ที่บ้านพักนายตำรวจ เธอตรงไปจอดตรงที่จอดรถของสถานี ทั้งสองก้าวลงจากรถณุมองไปทางฝั่งตรงข้ามเหมือนรออะไรสักอย่าง


“มีไรอีกเหรอฮะ พาสมาส่งให้แล้วไงกลับไปพักได้แล้วฮะ” พาสพูดเสียงเรียบ


“ไม่ไปส่งพี่ที่ห้องเหรอครับ” ณุถามอ้อนๆ


“ไม่ได้เจ็บขาจนเดินไม่ได้สักหน่อยถึงต้องไปส่งเนี่ย ไปเองเถอะฮะ พาสจะกลับไปทำงานต่อ”


“โห ใจร้ายจังไปส่งแค่นี้ก็ไม่ได้ พี่เดินตาปิดไปข้างเลยนะ” ณุต่อว่า


“ไปพักได้แล้วฮะ พาสต้องไปทำงาน” พาสโบกมือไล่ส่ง
----------------------------------------------------------1


“ไปส่งพี่หน่อยสินะครับ เดี๋ยวพี่สะดุดของแข็งเข้าไม่ได้ไปทำงานพอดี” ณุทำเสียงออดอ้อน


“แถวนี้คงไม่มีใครเอาไม้มาขวางทางไว้หรอกฮะ” พาสยืนกอดอกนิ่ง


“ใจร้าย ใจดำ” ณุทำหน้าง้ำ


“อืม......... ใช่ พาสใจร้าย ใจดำ รู้แล้วก็ไปได้แล้วฮะ” หญิงสาวพูดยิ้มๆ แล้วตาเหลือบมองที่นาฬิกา “พาสต้องไปแล้วนี่เลยเวลามามากแล้ว”


“เดี๋ยวสิครับ พี่....” ณุกำลังจะพูดต่อแต่กลับถูกมือของใครบางคนมาสวมกอดจากทางด้านหลัง


ปวรวรรณมาจากทางไหนไม่รู้ได้ สาวเปรี้ยววิ่งเข้ามาสวมกอดณุไว้แน่น “พี่ณุ คิดถึงจังเลยค่ะ”


ณุมีอาการตกใจที่ถูกปวรวรรณเข้ามาประชิดติดตัว เขายังตกตะลึงไม่ทันได้แกะมือสาวที่อยู่ด้านหลังออก ชายหนุ่มจ้องมองไปที่หน้าของสาวเท่ห์ด้วยความวิตกกังวล


สายตาคมปลาบมองแขนเรียวที่กอดรัดเอวณุไว้ไม่ปล่อยด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ใบหน้านวลนั้นนิ่งสนิท


“พาสขอตัวไปทำงานละฮะ สวัสดีฮะ” พาสทำความเคารพณุ แล้วมองเลยไปทางคนข้างหลังเธอยิ้มน้อยๆ ให้กับสาวเปรี้ยว


“..........” สาวที่อยู่ด้านหลังกลับทำเป็นไม่สนใจจะมองหน้าคนที่ส่งยิ้มมาให้ เธอสะบัดหน้ามองไปทางอื่น


สาวมาดเท่ห์ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เธอถอยมาที่รถแล้วจึงมุดตัวกลับเข้าไปในรถพร้อมกับสตาร์ทเครื่อง


“พาส....” ชายหนุ่มพยายามจะเอื้อมมือไปจับประตูรถแต่พาสก็ปิดไปก่อนเสียแล้ว


หนุ่มรูปงามได้แต่มองตามรถที่เคลื่อนตัวออกไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เขาไม่รู้จะจัดการกับปวรวรรณอย่างไรได้ เขาไม่อยากทำร้ายน้ำใจที่หญิงสาวมีให้


สาวเปรี้ยวเอาแก้มแนบแผ่นหลังของชายหนุ่ม “พี่ณุไปไหนมาเหรอคะ วรรณไปที่โรงพักไม่มีใครบอกวรรณได้สักคนว่าพี่ณุไปไหน”


“วรรณครับ.......... ปล่อย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเข้าใจผิด” ณุพลิกตัวเพื่อให้หลุดจากการกอดของหญิงสาว
“ช่างเค้าประไรคะ วรรณไม่เห็นสนใจ” ไม่พูดเปล่าหญิงสาวทำท่าจะเข้ามาเกาะแขนเขา


ณุรีบหลบฉากไม่ให้สาวเปรี้ยวได้ทำตามต้องการ “วรรณเป็นผู้หญิงทำอย่างนี้ไม่เหมาะ คนอื่นจะว่าเอาได้ พี่ไม่อยากให้วรรณถูกใครเอาไปว่าเสียๆ หายๆ นะครับ”


“แหม พี่ณุเนี่ยดีกับวรรณจริงๆ เลยนะคะ” สาวเจ้ายิ้มตาหวานให้


เธอได้เห็นหน้าชายหนุ่มชัดๆ ก็พบว่าชายหนุ่มนั้นมีบาดแผลที่หางคิ้วและตามเนื้อตัวก็มอมแมมไปหมด


“พี่ณุบาดเจ็บหรือคะเนี่ย เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” สาวเจ้าทำวีดว้ายเสียงดัง พร้อมกับตั้งท่าเอื้อมมือมาจะจับที่แผล


“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ นิดหน่อยเท่านั้นทำแผลเรียบร้อยแล้ว” ณุขยับตัวออกเล็กน้อยให้มีระยะห่างระหว่างเขากับหญิงสาว


“พี่ว่าเราไปที่เรือนพักกันดีกว่า วรรณจะได้นั่งพักด้วย” ณุเดินนำหน้าหญิงสาวไปตรงที่สว่างๆ บริเวณเรือนพักที่มีนายตำรวจอื่นนั่งคุยกันอยู่


“.............” หญิงสาวเดินตามหลังมาทำหน้างอแต่ก็รีบปรับเมื่อชายหนุ่มหันกลับมามอง


“วรรณนั่งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหาน้ำมาให้ดื่ม” ณุผละไปบนเรือนปล่อยให้ปวรวรรณนั่งอยู่ตรงม้าหิน โดยมีสายตาของหนุ่มๆ จับจ้องอยู่


สาวเจ้ายิ้มกับตัวเองอย่างมั่นใจในความสวย เธอนั่งเท้าคางส่งสายตาหวานให้กับพวกที่มองอยู่ไม่มีสะทกสะท้านใดๆ สักพักขวดน้ำเปล่ากับแก้วก็ถูกนำมาวางลงตรงหน้าหญิงสาว เธอยิ้มให้กับคนที่มาลงนั่งอีกฟากของโต๊ะหิน เขาได้เช็ดเนื้อตัวและเปลี่ยนเอาเสื้อตัวใหม่ใส่เรียบร้อย


“ขอบคุณค่ะ” เธอรับแก้วน้ำมามือของชายหนุ่ม นิ้วน้อยๆ แตะไล่ที่มือของเขาเบาๆ ตอนที่รับแก้วน้ำ


ความเป็นสุภาพบุรุษทำให้เขาได้แต่ทำเฉยไม่สนใจกับการกระทำของสาวเปรี้ยว ชายหนุ่มค่อยๆ ชักมือออกอย่างนุ่มนวล


“วันนี้มาหาพี่มีอะไรหรือครับ”


“คิดถึงเลยมาหาไม่ได้หรือคะ” ปวรวรรณที่กำลังจิบน้ำชะม้ายตามองเขา


“พี่เป็นห่วงเดินทางคนเดียวอันตราย อีกอย่างช่วงนี้งานพี่เยอะอาจจะไม่มีเวลาได้เจอ เดี๋ยวจะมาเก้อซะปล่าวๆ”


“สบายมากค่ะแค่นี้ใกล้ๆ ไกลกว่านี้วรรณก็ไปมาแล้วนี่คะ”


“แต่ตอนนี้งานพี่หนักมากนะครับ คงไม่ว่างพบกับวรรณได้บ่อย” ณุหาทางเลี่ยง


“ทำไมพี่ณุไม่ลาออกล่ะคะ งานที่บริษัทของทางบ้านก็รอให้พี่ณุกลับไปดูแล ไม่เห็นต้องมาทำงานหนักเงินเดือนน้อย แถมต้องเจ็บตัวบ่อยๆ อย่างนี้เลย”


“พี่เคยบอกแล้วไงครับน้องวรรณ ว่าพี่รักงานนี้คงอีกนานที่พี่จะกลับไปทำงานของทางบ้าน” แววตาของชายหนุ่มช่างมุ่งมั่นเมื่อเอ่ยถึงอาชีพของตน


“วรรณเป็นห่วงพี่ณุนี่คะ พี่ณุน่าจะเข้าใจถึงจิตใจของวรรณนะคะ” สาวเจ้าเอื้อมมือไปใกล้แขนของเขา


“เอ่อ น้องวรรณครับ พี่ว่าวันนี้น้องวรรณกลับก่อนดีกว่านะ นี่ก็ค่ำมากแล้ว อีกอย่างพี่รู้สึกปวดแผลอยากจะพักสักหน่อยน่ะครับ” ณุลุกจากม้าหินเสียดื้อๆ


“แต่....วรรณ” ปวรวรรณเก้อนิดหน่อย เธอถอยมือกลับแต่ก็ยังคงพยายามยิ้มให้ณุ


“กลับเถอะครับ อยู่ดึกกว่านี้คงไม่เหมาะหรอกครับ” ณุพยายามชี้เหตุผล


“.........ก็ได้ค่ะ” สาวเปรี้ยวจำใจต้องลุกขึ้น เธอหน้าง้ำมองค้อนเขาด้วยความขัดใจ


.
ณุทำหน้าที่เปิดประตูรถให้ปวรวรรณ และเมื่อหญิงสาวเข้าประจำที่เขาก็ปิดประตูให้ ชายหนุ่มถอยหลังห่างจากรถมานิดหน่อย


“เดินทางดีๆ นะครับ......... ฝากความคิดถึงให้คุณน้าด้วย” ณุยิ้มบางๆ ให้คนตรงหน้า


“ค่ะ... แล้ววรรณจะมหาใหม่นะคะ” สาวเปรี้ยวโบกมือลา


“ครับ...” ณุตอบรับไปตามมารยาทที่ควรพึงกระทำ


เขารอจนปวรวรรณขับรถพ้นจากที่พักไปแล้ว เขาถอนใจยาวแล้วจึงกลับเข้าเรือนพัก ณุแตะนิ้วลงบนผ้าก๊อตที่ปิดแผลไว้ ใบหน้านวลละออลอยเข้ามาในห้วงความคิด ภาพที่เธอทำแผลให้อย่างนุ่มนวล ใบหน้าที่ห่างเพียงนิดกลิ่มหอมอ่อนๆ จากกายสาวยังฝังแน่นในจิตใจ


“พาส....” รอยยิ้มผลุดขึ้นบนใบหน้าคม


.
ด้านพาสที่กำลังตะล่อมนายหนึ่งอยู่ในห้องสอบสวนพิเศษโดยมีจ่าโต้งและหมู่กำธรเป็นผู้ช่วย พวกที่เหลืออยู่เฝ้าด้านนอกเพื่อกันไม่ให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาใกล้ พาสนั่งนิ่งจ้องหน้านายหนึ่ง เธอฟังชายร่างเล็กเล่าถึงการรับส่งของระหว่างเขากับพ่อค้ารายใหญ่ หญิงสาวพยักหน้ารับเป็นพักๆ ดวงตาคมของเธอมองหน้านายหนึ่งตลอดเวลา


“เค้าไม่เคยเปิดเผยตัวสักครั้งนะครับ ผมเข้าไปรับของก็จากลูกน้องเค้าทุกครั้ง”


“อืม......... อย่างน้อยถ้าเราจับตัวลูกน้องมันได้ ก็คงสาวเข้าไปได้ไม่ยาก” พาสพยักหน้า


“เอาล่ะ เราเชื่อว่านายพูดความจริง ทีนี้ถ้าจะให้นายทำงานให้ เพื่อลดโทษที่นายจะได้รับนายจะตกลงไหม” พาสถามเสียงเรียบ


“ผมก็ตายน่ะสิครับ ถ้าถูกจับได้” นายหนึ่งมีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันที


“นายก็แค่ทำตัวเหมือนปกติ เพียงแต่สั่งซื้อของ แล้วแจ้งวันและเวลาในการรับของให้กับทางเราเท่านั้น ฉันรู้ว่านายฉลาดคงไม่ยากหรอกที่จะทำ” พาสยิ้มที่มุมปาก


“เส้นสายพ่อค้าใหญ่รายนี้เยอะกว่าผมอีกนะครับ ผมกลัว”


“อย่ากลัวไปเลยฉันก็รู้บ้างว่าในนี้คงมีสายของนายและสายของเจ้าพ่อค้ารายนี้ ฉันคอยระวังอยู่แล้วไม่ต้องห่วง” พาสพยายามตะล่อม


“แต่.........”


“ถ้านายไม่ทำนายก็อาจต้องตายในคุกก็ได้ นายคิดหรือว่ามันจะปล่อยให้นายนอนในคุกสบายๆ น่ะ” พาสขู่


“............” นายหนึ่งนิ่งงันไป


พาสปล่อยให้นายหนึ่งคิดเธอนั่งรอคำตอบ แต่ในสมองของเธอนั้นคิดถึงพวกตำรวจที่ยอมเป็นสายให้กับพวกนักค้ายา ตำรวจเลวๆ ไม่กี่คนที่ทำให้ตำรวจดีๆ อีกมากต้องมีรอยด่าง เธอต้องจัดการกับพวกนี้ให้ได้
---------------------------------------------------------2


เธอหันกลับมาสนใจที่นายหนึ่งอีกครั้ง หญิงสาวมองใบหน้าซีดเผือด มือที่ถูกันบิดจนเป็นเกลียวด้วยความเครียด นายหนึ่งมองคนนั้นคนนี้ทีทุกคนทำหน้าทะมึนใส่


“ว่าไง.... ถ้านายตกลงทางเราก็พร้อมจะให้ความคุ้มครอง แต่ถ้าไม่คงต้องเข้าไปเสี่ยงเอาในคุกละนะ ในเมื่อเรายังจับตัวการสำคัญไม่ได้” พาสถาม


“ตะ... ตกลงครับ แต่หมวดต้องรับรองความปลอดภัยของผมนะครับ” นายหนึ่งดูลนลาน


“ฉันรับปากนาย ขอให้นายทำตัวตามปกติอย่าทำพิรุธอะไรเป็นอันขาด”


“คะ.. ครับ” นายหนึ่งพยักหน้าหงึกหงัก


“ดี...” พาสยิ้ม หญิงสาวหันไปพยักหน้ากับจ่าโต้ง “จ่าฮะ พาสฝากพานายหนึ่งไปส่งด้วยนะฮะ หาจุดปลอดภัยด้วย.... ตอนออกไปปิดรูปพรรณของเค้าด้วยนะฮะ” พาสกำชับเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับนายหนึ่ง


“ครับ...หมวด” จ่าโต้งรับคำ เขาทำความเคารพก่อนที่จะเข้ามาคล้องแขนพานายหนึ่งออกไป


พาสนั่งอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเปิดเครื่อง เธอเห็นเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเข้าก็ต้องรีบกดโทรออกทันที


“สวัสดีจ้าคุณสาคนสวย” พาสทำเสียงหวานใส่โทรศัพท์


“ไม่ต้องเลย.... สาโทรหาพาสตั้งแต่หัวค่ำ นี่ปาเข้าไปกี่ทุ่มแล้วหา” สาโวยมาตามสาย


“โธ่ สาจ๋า พาสทำงานอยู่นะไม่ได้ไปไหนสักหน่อย”


“ไม่รู้หล่ะ ดูสิสาทำของโปรดไว้ตั้งเยอะ รีบมาเลยนะสารออยู่ที่บ้าน พี่กรก็รอทานข้าวด้วย”


“อ้าว ทำไมไม่โทรนัดก่อนพาสจะได้จัดการงานให้เสร็จ ไม่ต้องรอทานไปก่อนเลย นี่เลยเวลามานานแล้วนะ” พาสหน้าเสียที่รู้ว่ากรต้องรอทานอาหาร


“สาอยากเซอร์ไพรส์นี่ถึงไม่โทรบอกก่อน เราไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ามาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย”


“อืม งั้นรอเดี๋ยว ไปแล้ว” พาสจัดการวางสายแล้วรีบจ้ำออกจากห้องไป


บ้านสองชั้นหลังใหญ่ของผู้กำกับกรนั้นสว่างไสวรอแขกคนสำคัญของบ้าน พาสขับรถมาจอดตรงหน้าบ้านยังไม่ทันได้บีบแตร ชายวัยกลางคนก็รีบมาเปิดประตูใหญ่ให้พาสแล่นเข้าด้านใน พาสยิ้มให้กับลุงสนคนดูแลสวนเก่าแก่ของบ้าน


“สวัสดีค่ะลุงสน สบายดีนะคะ” พาสไหว้ลุงสน


“ครับ ขอบคุณครับคุณพาส” ลุงแกค้อมหัวให้เล็กน้อย


“เฮ้อ ลุงเนี่ยพาสบอกทุกทีว่าไม่ต้องเรียกพาสว่าคุณ ไม่เคยยอมเรียกสักที” พาสต่อว่าเสียงนุ่ม


“ไม่ได้หรอกครับ” แกยิ้มบางๆ ให้พาส


“เป็นซะแบบนี้ ไม่เถียงกับลุงหล่ะ ไปหาสาก่อนดีกว่า” พาสยิ้มให้ลุงสนอีกครั้งก่อนจะแล่นรถต่อเข้าไป


เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาในบ้านทำให้สารีบลุกขึ้นไปยืนแอบตรงข้างทางเข้า เธอหันมาจุ๊ปากเป็นการห้ามพี่ชายไม่ให้ส่งเสียง จนร่างของพาสผ่านเข้ามาเธอก็โถมตัวใส่ แต่เหมือนพาสจะรู้แกวเพื่อนเป็นอย่างดีเธอจึงตั้งรับไว้เรียบร้อยแล้ว พาสถอยกลับแต่มือทั้งสองข้างก็รับตัวเพื่อนเอาไว้ไม่ให้เซถลาไปชนของ


“นี่เปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นบ้างเถอะ” พาสพูดยิ้มๆ


“แหม ก็อยากเล่นนี่เผื่อพาสจะเผลอ” สาที่เพิ่งตั้งหลักได้พูดตอบ


พาสจูงมือเพื่อนมาลงนั่งที่เก้าอี้ หญิงสาวไหว้สวัสดีผู้ที่นั่งยิ้มน้อยๆ มองพวกเธอทั้งสองที่หยอกล้อกัน


“ว่าไงพาสงานติดพันเหรอ” กรถาม


“ฮะ... พอดีต้องทำอะไรหลายอย่าง เลยไม่ได้เปิดมือถือ” พาสเหลือบตามองเพื่อนยิ้มๆ


“ชริ.........” พาสะบัดหน้าแสร้งทำเป็นงอน


“หึหึ” พาสหัวเราะในลำคอ เธอชินกับอาการของเพื่อนเป็นอย่างดี


“พี่กรฮะ วันนี้พาสก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วนะฮะ เราคงใกล้ทำงานนี้สำเร็จได้ในอีกไม่ช้า” พาสพูดกับกร


“ดีมาก อย่างน้อยก็กำจัดรายใหญ่ได้สักราย” กรยิ้มยินดี


“ฮะ.........” พาสยิ้มรับ


“ไหนว่าอยู่บ้านจะไม่พูดเรื่องงานไงคะ นี่สาหิวแล้วนะ” สาทำหน้าง้ำ


“จ้า...จ้ะ น้องรัก ไปกันพาสยายสาเค้าทำของชอบไว้ให้แน่ะ” กรขานรับน้องสาว แล้วหันไปบอกกับพาส


“ฮะ....” พาสพยักหน้ารับ


สาจัดการให้พาสได้นั่งคู่กับพี่ชายส่วนตัวเองนั่งอีกฝั่งหนึ่ง พาสไม่ใช่ไม่รู้ถึงเจตนาของเพื่อน แต่เธอไม่คิดอะไรกับกรเกินกว่าคำว่าพี่ เธอยอมทำตามความต้องการของเพื่อนเพียงแค่นี้เท่านั้น


“พาสลองทานน้ำพริกมะขามฝืมือยายสาดู เห็นว่าทำสุดฝืมือเชียว” กรตักน้ำพริกให้พาสพร้อมกับผักสดเครื่องเคียง


“ขอบคุณฮะ พี่กรตามสบายดีกว่าฮะ พาสตักเองได้” พาสบอกกับกรสีหน้ายิ้มๆ


“ไม่เป็นไร พี่เต็มใจทำให้” กรยิ้ม เค้าสามารถยิ้มอย่างนี้กับพาสได้ก็ต่อเมื่ออยู่ที่บ้าน เค้าไม่กล้าแสดงออกเมื่ออยู่ที่ทำงาน


“เอ่อ......... ขอบคุณฮะ” พาสต้องยอมจำนน เธอเสตักอาหารทาน


“เอ้า......... นี่ยายสาของชอบเรา” กรตักอาหารให้น้องสาวเช่นกัน


“ค่า... นึกว่าจะลืมน้อง” สาแซวพี่ชาย ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์


“พูดมาก กินไป” กรแก้เก้อด้วยการดุน้องสาวเสียงเข้ม


“ฮิฮิ..” สาก้มหน้าหัวเราะขันอาการหน้าแดงของพี่ชาย


กรทำตาขวางใส่น้องสาวก่อนจะเริ่มตักอาหารทานเช่นกัน เขายังคงคอยดูแลเทคแคร์ทั้งพาสและสา


แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของพาสก็ดังขึ้น หญิงสาววางช้อนรีบกดรับโทรศัพท์ เมื่อได้ยินเสียงพูดจากทางปลายสาย พาสปิดเอามือปิดกระบอกเสียงพูดแล้วหันมาขอตัวกับพี่น้องทั้งสอง เธอเดินออกจากห้องอาหารมาอีกด้านที่ห่างออกไป


“พี่ณุไปได้เบอร์พาสมาจากไหนเนี่ยฮะ” พาสถามด้วยอาการคิดไม่ถึง


“พี่รู้แล้วกันล่ะครับ พาสทำไรอยู่ นอนหรือยังครับ” ณุถามเสียงหวาน


“ยังฮะ กำลังทานอาหารอยู่ แล้วนี่พี่ณุโทรมามีธุระอะไรหรือฮะ”


“พี่ปวดแผล แต่ไม่มียาทานไม่รู้ว่ายาอยู่กับพาสหรือเปล่า”


“อ้าว ลืมไว้ในรถหรือฮะ ถ้างั้นคงต้องพรุ่งนี้แล้วละฮะ พาสไม่ได้ขับรถคันนั้นมา” พาสมีสีหน้าเป็นห่วงชายหนุ่มขึ้นมา


“เหรอ ไม่เป็นไรงั้นพี่ทานยาแก้ปวดไปก่อนละกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” ณุพูดแบบตัดปัญหาไปก่อน


“ฮะ แล้วไงพรุ่งนี้ตอนพี่ณุมาทำงาน ค่อยมาเอายาละกันนะฮะ”


“จ้ะ พาสทานอาหารต่อเถอะ ทานคนเดียวหรือ”


“เปล่าฮะ มาทานข้าวที่บ้านสา พอดีสาเค้าทำไว้ให้” พาสตอบไปตามจริง


“อ้อ งั้นไปทานต่อเถอะครับ แค่นี้นะ” ณุวางหูลง


พอรู้ว่าพาสไปทานที่บ้านสาก็เท่ากับไปทานกับผู้กำกับกร เขาถึงกับเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นกระทันหัน เขาไม่รู้ว่าพาสคิดอย่างไรกับกรบ้าง เค้าลงนอนด้วยความนึกคิดนี้จนลืมทานยาแก้ปวดตลอดค่ำคืนนี้ณุที่หลับมีอาการเพ้อของคนที่จับไข้ มือของชายหนุ่มเผลอกดไปโดนปุ่มโทรออกเข้า
เสียงโทรศัพท์ที่ดังรบกวนเวลานอนของพาสนั้นดังอยู่สักพัก จนหญิงสาวต้องตื่นขึ้นมารับสาย เธอกรอกเสียงพูดด้วยอารมณ์ขุ่นมัวโดยไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรมา


“นี่ ใครเนี่ยมันดึกมากแล้วนะ โทรมารบกวนคนอื่นเค้ารู้ไหม”


“......... อือ.........โอย” เสียงครางดังมาตามสาย ทำเอาพาสถึงกับเงียบพยายามตั้งใจฟัง


“พี่ณุ.... พี่ณุ เป็นไรน่ะ” พาสเรียกคนทางปลายสาย


“...........โอย....” ไม่มีเสียงตอบมีแต่เสียงครางเบาๆ


“สงสัยไข้จับซะละมั้ง..........เฮ้ย.” พาสรีบลุกจากที่นอนเธอไปที่ตู้ยาจัดหายาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดเอามาวางไว้ ก่อนจะรีบไปจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความว่องไว


“ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องที่เรือนพักของนายตำรวจดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกของพาส


“พี่ณุ พี่ณุ เปิดประตูหน่อย”


ทุกอย่างภายในดูเงียบสงัดไม่มีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น พาสทั้งเคาะประตูและส่งเสียงเรียกอยู่ด้านนอกด้วยความเป็นห่วง


หญิงสาวเหลียวซ้ายแลขวาอยู่สักครู่ก็หยิบเอาไม้แผ่นยาวพอดีมือขึ้นมา งัดห้องของณุกระแทกสองสามครั้งจนกลอนประตูเคลื่อนหลุดจากสลัก พาสรีบเปิดประตูเข้าไปภายในห้องเธอเปิดไฟที่ข้างฝาห้อง ห้องที่มืดอยู่เมื่อครู่สว่างวาบขึ้นทำให้สามารถเห็นรอบๆ ห้องพักของชายหนุ่ม เรือนพักนั้นเป็นเรือนที่ปลูกสร้างจากไม้ธรรมชาติ ดังนั้นห้องพักของเขาจึงเป็นฝาไม้สีธรรมชาติ ในห้องของชายหนุ่มดูรกนิดหน่อยตามประสาผู้ชาย เสื้อถูกวางพาดไว้กับราวไม้ ตู้เสื้อผ้าไม้อัดตั้งชิดกำแพงด้านหนึ่ง โต๊ะทำงานตั้งอยู่ข้างๆ หน้าต่างบานคู่ มีหนังสือสองสามเล่มวางกองอยู่บนพื้นข้างเตียงนอน


บนเตียงตอนนี้ชายหนุ่มกำลังนอนหงายผ้าห่มหลุดลุ่ย ดูเขากระสับกระส่ายเสียงร้องครางแผ่วๆ ทำเอาพาสต้องรีบเข้าไปดูใกล้ๆ


“พี่ณุ.... พี่ณุ....” พาสเอามืออังที่หน้าผากของชายหนุ่ม


“ตัวร้อนเชียว” พาสอุทานเมื่อได้สัมผัสถูกใบหน้าของเขา


เธอลงมาที่ห้องน้ำชั้นล่าง หากะละมังสแตนเลสใบย่อมเอามาใส่น้ำ เดินกลับเข้ามาในห้องจัดการหาผ้าขนหนูมาชุบน้ำเช็ดไปตามใบหน้าคมคายของชายหนุ่ม เธอลูบตามเนื้อตัวที่ไม่ได้สวมเสื้อด้วยใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความอาย เธอไม่เคยต้องมาเช็ดเนื้อตัวให้กับผู้ชายคนไหนสักที เมื่อเช็ดตัวเรียบร้อยพาสก็ดึงผ้าห่มมาคลุมให้


พาสจัดการเอาน้ำไปเททิ้งพร้อมกับเข้าครัวรินน้ำใส่แก้วถือกลับขึ้นมาบนห้อง เธอวางแก้วน้ำหยิบยาออกจากกระเป๋าเสื้อนอก


“พี่ณุ.... พี่ณุ....” พาสพยายามปลุกคนป่วยให้ตื่นเพื่อให้กินยา


“อืม......... พาส...” ณุพูดเหมือนละเมอ


“ฮะ พาสเอง พี่ณุกินยานะ” พาสพยุงชายหนุ่มให้ขยับขึ้นทานยา


“พาส.........” ณุปือตาขึ้นมองหน้าคนที่พยุงเขาอยู่


“กินยาฮะ” พาสเอายาใส่ปากชายหนุ่ม พร้อมกับป้อนน้ำ
เมื่อชายหนุ่มทานยาเสร็จพาสก็วางศรีษะของเค้าลงกับหมอน เธอเอาผ้าเช็ดหน้าณุอีกครั้งเพื่อช่วยปรับอุณหภูมิที่ยังคงร้อนอยู่


“พาส.........” ณุเรียกเสียงนุ่ม


“ฮะ เรียกทำไมพาสก็อยู่นี่ไง” พาสหันกลับมามองหน้าชายหนุ่มหลังจากวางแก้วลงที่โต๊ะหัวเตียงแล้ว


“พี่นึกว่าฝันไป” ณุยิ้มทั้งที่ยังไม่ค่อยมีแรง


“อ้อ ว่าแต่พี่ณุเหอะทำไมอ่อนแอจัง กินยาแก้ปวดหรือเปล่าเมื่อเย็นน่ะ” พาสซัก


“เปล่าจ้ะ พี่ลืม”


“อืม ดีนะ คุณปวรวรรณไม่ได้ดูแลหรือไงฮะ” พาสแซว


“พี่ให้เค้ากลับไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว”


“อ้าว แทนจะให้เธออยู่ดูแล”


“ไม่เอา พี่กลัวพาสเข้าใจผิด” ณุยังมีแรงอ้อน


“พาสไม่เข้าใจผิดอยู่แล้ว คนคบกันก็ต้องอยู่ดูแลกัน พาสจะเข้าใจผิดทำไม” พาสทำท่าจะลุกขึ้นจากที่นั่งอยู่ข้างเตียง


“พี่ไม่ได้คบกับเขานะ พี่บอกพาสแล้วนี่ว่าพี่กับน้องวรรณเป็นเพียงพี่น้องกัน...โอ๊ะ” ณุพยายามจะคว้าพาสที่ลุกหนีเขาแต่ก็ไม่สามารถทำได้ พอขยับเขาถึงกับมึนหัวตึบ


“พี่ณุ” พาสก็ตกใจไม่น้อยเธอรีบกลับลงไปนั่งข้างๆ พยุงเขาลงนอนตามเดิม


“ลุกทำไม ตัวเองยังป่วยอยู่” พาสบ่น


“ก็พาสหนีพี่” ณุเง้างอน


“ไม่ได้หนีไปไหนนี่ พาสจะเอาผ้าไปตาก” พาสแก้ความเข้าใจผิดของณุ


“ไม่รู้หล่ะ ก็พี่เห็นพาสทำเหมือนจะหนีพี่นี่ครับ”


“เฮ้อ..........” พาสถอนใจยาว


“พาสจ๋า” ณุเหลือบมองหน้างามที่อยู่ตรงหน้า เขาเอื้อมมืออุ่นมาจับมือของพาสเอาไว้


“เรียกทำไมอีกฮะ แล้วจะมาจับมือไว้ทำไม” พาสยื้อยุดมือตัวเอง


“ขอจับไว้หน่อยไม่ได้หรือครับ จะได้หายเร็วๆ ไง” ณุขยับตัวเข้ามาใกล้


“เสี่ยวมาก พี่ณุ” พาสว่า แต่ใบหน้างามนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ


“นะครับ พี่ขออยู่อย่างนี้สักพัก”


“เอ่อ.......... เฮ้อ..........” พาสถอนใจอีกระรอก


“เอ้านอนเถอะฮะ พาสจะอยู่นี่จนกว่าพี่ณุจะหลับ” หญิงสาวจำต้องปลงไปกับชายหนุ่มตรงหน้า


“ขอบคุณจ้ะ” ณุยิ้มก่อนที่จะหลับตาลง


หญิงสาวมองหน้าคมที่ใบหน้านั้นแดงเพราะพิษไข้ยิ้มๆ เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องมายอมเป็นยาแก้ไข้ของผู้ชายคนนี้ทำไม

จบบทที่ 9 ซะทีค่ะ











 

Create Date : 08 ตุลาคม 2549    
Last Update : 14 ตุลาคม 2549 20:06:02 น.
Counter : 264 Pageviews.  

ตราบนิรันดร์ บทที่ 8



บทที่8 ยามเมื่อชิดใกล้



ทั้งสองพากันมานั่งในร้านคอฟฟี่ช๊อป ภายในร้านมีโคมไฟทรงกลมที่ทำด้วยเชือกป่านเส้นเล็กพันกันจนเป็นทรงสีสันสวยงามเมื่อต้องกับแสงนีออนที่สาดส่องออกมา เก้าอี้บุนวมนุ่มสบายน่านั่งพักผ่อนเป็นอย่างมาก รอบๆ ร้านมีภาพถ่ายขาวดำของสถานที่สำคัญของประเทศไทยประดับไว้บนผนังเป็นภาพบรรยากาศสมัยก่อนแลดูคราสสิค มองแล้วให้ความสบายตาสบายใจ สาวที่นำของที่สั่งมาเสริฟเธอยยิ้มหวานให้พาส


“วันนี้ลมอะไรหอบหมวดสุดหล่อมาได้คะเนี่ย”


"ลมคิดถึงวิมั้งทำให้ต้องมาเนี่ย" พาสแหย่


"เอาเรื่องจริงดีกว่าค่ะ" วิภาพูดยิ้มๆ


“พอดีมีเรื่องคุยกับสารวัตรนิดหน่อย แล้วสารวัตรแกชอบร้านนี้ก็เลยเข้ามานี่แหละ ไม่ต้องไปบอกพี่สลิ่มหรอกนะ” พาสพูดอย่างคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี


“สารวัตรเหรอคะ ไม่ค่อยคุ้นเลย อ้อ.... คงเป็นสารวัตรที่มาใหม่ที่เค้าลือกันสิให้แซ่ดสินะคะว่าหล่อนัก” สาวเจ้าช่างกล้า


“หรือครับร่ำลือกันขนาดนั้นเชียวหรือครับ คงจะเกินจริงไปแน่ๆ เลย” ณุตอบยิ้มๆ


“ไม่หรอกค่ะ สารวัตรหล่อมากเลยค่ะ พอๆ กับพี่พาสเลยนะคะเนี่ย” หญิงสาวยังคงชะม้ายตาหวานให้พาส


“ยังไงวิไปก่อนนะคะ มีอะไรเรียกได้เลยนะคะ” วิภาสาวน้อยผู้เป็นน้องสาวของสลิ่มผู้เป็นเจ้าของร้านกาแฟยิ้มให้กับทั้งสองก่อนจะลุกจากไป


ณุมองหน้าพาสยิ้มๆ “พาสนี่กว้างขวางเหมือนกันนะ”


“สลิ่มเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพาสสมัยมัธยมฮะ สามีเขาก็เป็นตำรวจอยู่ที่สน.เรานั่นแหละฮะ อยู่ฝ่ายสอบสวน” พาสอธิบายให้ณุฟัง


“ครับ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ณุยิ้มหวาน


“อ้อ......อืม” พาสถึงกับอึ้ง หญิงสาวเสหยิบถ้วยชาร้อนขึ้นมาจิบแทน


“พี่อยากอธิบายเรื่องปวรวรรณ ผู้หญิงที่มาหาพี่วันนี้น่ะ” ณุเริ่มเข้าเรื่อง


“ไม่เห็นต้องอธิบายนี่ฮะ เค้ามาหาพี่ณุไม่เห็นมีไร ใครๆ ก็มาเยี่ยมกันได้ไม่แปลกหรอกฮะ” พาสวางมาดนิ่ง


“พี่กลัวพาสเข้าใจผิดเหมือนพวกนั้น” ณุมองหน้าพาสนิ่งเหมือนจะใช้ตาเป็นสื่อบอกความนัยกับเธอ


“ทำไมพาสต้องเข้าใจผิดด้วยละฮะ พาสไม่สนใจอยู่แล้วเรื่องพวกนี้” พาสไม่สบตาด้วย


“พาสไม่อยากรู้ไม่เป็นไร ขอพี่อธิบายก็แล้วกันนะครับ” ณุทำเสียงออดอ้อน


“อยากพูดอะไรก็พูดสิฮะ พูดจบจะได้กลับบ้านกันสักทีพาสอยากพัก” พาสดูไม่ค่อยเต็มใจอยากรู้สักเท่าไหร่


“คือปวรวรรณเค้าเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทของคุณแม่พี่ พี่กับวรรณสนิทกันพี่คิดว่าวรรณเค้าเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งของพี่” ณุหยุดเล่าเขามองหน้าพาสนิดหนึ่ง


“..........” พาสนั่งจิบชาเงียบๆ เธอมองเขานิ่ง


“เขามักจะเป็นตัวแทนของแม่พี่มาถามข่าวคราวพี่เสมอ เพราะแม่พี่ท่านไม่ค่อยชอบการเดินทางสักเท่าไหร่ท่านแก่มากแล้ว พี่ถึงได้ย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะเดินทางไปมาหาสู่ได้ง่ายขึ้น”


“อืม” พาสพยักหน้าน้อยๆ


“พี่กับวรรณไม่มีอะไรมากไปกว่าพี่กับน้องเท่านั้นนะครับ” ณุยังคงยืนยันหนักแน่น


“พี่ณุมีเรื่องจะพูดกับพาสแค่นี้ใช่ไหมฮะ ถ้างั้นเรากลับกันเถอะพาสอยากพักผ่อน” พาสเอ่ยถามเมื่อณุพูดจบ


“พาสไม่ถามอะไรพี่บ้างเหรอ” ณุจับแขนพาสที่ทำท่าจะหันไปเรียกเด็กมาเก็บเงิน


“ไม่มีฮะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเรากลับกันเถอะนะฮะ” พาสค่อยๆ ปลดแขนณุออก


“...........” ชายหนุ่มนิ่งไป


พาสหันไปกวักมือเรียกเด็กให้มาเก็บเงิน “วิภาเก็บเงินด้วย พี่จะกลับแล้ว”


“ค่ะ” วิภาขานรับ

---------------------------------------------------------1


รถกระป๋องของพาสเคลื่อนตัวออกจากร้านไป ทิ้งให้ณุยืนส่งเธออยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มยังไม่ทันได้สตาร์ทเครื่อง ก็มีหญิงสาวขาวอวบตัวเล็กดูน่าทะนุถนอมเดินออกจากร้านตรงเข้ามาหาเขา หญิงสาวยกมือไหว้อย่างคนมีมารยาท


“สวัสดีค่ะ สารวัตรพิษณุใช่ไหมคะ”


“ครับ... ผมพิษณุ” ชายหนุ่มยิ้มให้


“สลิ่มค่ะ เป็นเพื่อนของพาสนะค่ะ” สลิ่มแนะนำตัวเอง


“อ้อ สวัสดีครับ”


“เห็นวิบอกว่าพาสกับสารวัตรมา สลิ่มก็รีบลงมาเลยนะคะเนี่ยยังไม่ทันยายพาส” สลิ่มมองตามทิศที่รถของเพื่อนหายลับไป


“ครับ” ณุตอบรับเบาๆ


“ทำไมกลับกันเร็วนักเล่าคะสารวัตร เพิ่งมากันแป๊บเดียวเองไม่ใช่เหรอคะ” สลิ่มหันกลับมาคุยกับชายหนุ่ม


“เห็นพาสบอกว่าเหนื่อยกับง่วงนะครับ คงเพลียจากงาน”


“ไม่ก็หนีหน้าสลิ่ม” สลิ่มค้อมลมค้อนแล้งไปเรื่อย


“มีอะไรกันหรือครับ” ณุแสดงอาการสงสัยใคร่รู้


“พอดีมีเพื่อนของพี่เมฆสามีสลิ่มนะค่ะ อยากรู้จักกับพาสนัดไว้ดิบดีแล้วเชียว ยายพาสกลับเบี้ยวไม่ยอมมาซะงั้น แล้วนี่ก็หนีไม่โผล่หน้ามาร้านเลย” สลิ่มระบายออกมาเป็นการใหญ่


“นี่คงจะกลัววเจอด้วยแหละค่ะ ถึงรีบร้อนกลับไป” สลิ่มส่ายหัว


“หรือครับ” ชายหนุ่มเพิ่งถึงบางอ้อเดี๋ยวนี้เอง เพราะตอนที่เค้าขี่มอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดที่ร้านนี้ ดูพาสไม่อยากเข้ามานักเธอหยุดรถชะลออยู่หน้าร้านเป็นนานกว่าจะเลี้ยวตามเขาเข้ามา


“ยังไงผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีธุระต้องไปทำอีก” ณุกล่าวลาสาวสลิ่ม


“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์แวะมาทานที่ร้าน ไว้คราวหน้ามาสลิ่มจะชงชาอร่อยๆ ให้ลองชิมนะคะ” เจ้าของร้านสาวกล่าวเชิญชวน


“ครับ” ณุพยักหน้ารับ เขาสตาร์ทรถแล่นออกจากร้านไป


.
ณุกลับมาที่สถานีชายหนุ่มเดินขึ้นมามองหาใครสักคนที่ยังอยู่ พอดีกับหมู่เจเดินขึ้นมาบนสถานีเช่นกัน ณุหันไปเรียกเจดไว้


“หมู่เจด ขอคุยด้วยหน่อยสิ”


“ครับ” หมู่เจดทำความเคารพ


“ตามสบาย หมู่พอจะมีเบอร์โทรศัพท์มือถือของหมวดพาสบ้างไหม” ณุจ้องหน้าเจดเขม็ง


“เบอร์หมวดหรือครับ... สารวัตรมีธุระกับหมวดหรือครับบอกผมไว้ก็ได้ครับเดี๋ยวผมบอกหมวดให้” เจดไม่อยากเสี่ยงที่จะให้เบอร์พาสกับสารวัตร


“ทำไม เบอร์หมวดเป็นความลับหรือ” ณุถามเสียงเข้ม


“มะ...ไม่ครับ เพียงแต่....” เจดยังคงลังเล


“เอามาเถอะ ผมจะไม่บอกเค้าหรอกว่าได้เบอร์จากใคร” ณุพูดเสียงนุ่มลง


“คะ.... ครับ” เจดบอกเบอร์ของพาสให้กับณุ


“ขอบใจ” ณุพึมพำทวนเบอร์ที่ได้รับมาจากเจด


“ผมขอตัวนะครับ สารวัตร” เจดทำความเคารพ เจดมองณุที่ดูจะไม่มีทีท่าจะสนใจเขาอีก ชายหนุ่มจึงปลีกตัวเดินจากไป


.
.
นับแต่ระหว่างปี 2463 เป็นต้นมาประเทศไทยอยู่ในช่วงข้าวยากหมากแพง อันสืบเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อปี 2457 นับจากนั้นมาสงครามนั้นก็ยืดเยื้อยาวมาทั่วโลกประสพภาวะเดียวกันการเป็นอยู่ที่ยากแค้น


ไทยเองก็จำเป็นอยู่ที่ต้องเข้าไปมีส่วนในการรบ โดยไทยเข้าไปช่วยฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านทรงตรองดูแล้วเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง เพื่อแก้ไขสนธิสัญญากับทางพวกยุโรปและอเมริกา ดังเช่นสนธิสัญญาเบาริง


ยิ่งปีผ่านขณะนั้นพิกาและพิชญะได้เข้าพิธีแต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยา ก็ล่วงเข้าปีต้นปี 2468 ทั้งสองซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวรับรู้ถึงสภาวะบ้านเมืองและติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งสมเด็จท่านมาประชวรไม่มีใครที่จะบริหารบ้านเมืองได้ อีกทั้งสภาพทางการเงินของไทยก็อยู่ในขั้นทรุดโทรม ทุกอย่างฝืดเคืองไปหมด เงินของไทยดูจะด้วยค่าไปทันทีในยุคสงคราม


บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ย่อมมีผลกระทบไม่น้อยเช่นกันกับทางบ้านของนายร้อยหนุ่มพิชญะเงินเดือนที่ได้รับนั้นเพียงน้อยนิด ยิ่งเมื่อแต่งงานมีครอบครัวด้วยแล้ว ดีที่ว่าทางบ้านไม่ได้ขัดสนเงินทองจึงยังคงฐานะอยู่ได้ไม่ลำบาก


แต่ก็มักจะมีญาติทั้งใกล้ชิดและญาติห่างๆ แวะเวียนมาหาสม่ำเสมอ ครั้นจะช่วยมากก็ไม่ได้เพราะทางบ้านก็มีคนที่ต้องเลี้ยงดูทั้งเด็กในบ้าน คนเก่าคนแก่ที่อยู่ร่วมกันมา จึงทำให้มีคนไม่พอใจทั้งสองสามีภรรยาอยู่บ้าง ตามความคิดของคนที่เห็นแก่ได้ที่ไม่คิดถึงใจของผู้อื่น


“คุณคะ ญาติคุณผู้ชายคนนั้นมาอีกแล้วค่ะ” เด็กพิกุลคลานเข้ามาหาพิกาที่นั่งร้อยพวงมาลัยอยู่ในห้องนั่งเล่น ด้วยท่าทีที่ตื่นกลัว


“คุณอุดมน่ะหรือเพิ่งมาเมื่อกลางเดือนนี่เองมาอีกแล้วหรือ” พิกาขยับลุกขึ้นจากที่นั่งพับเพียบอยู่


พิกาเดินออกมาที่เฉลียงหน้าบ้านก็พบกับญาติผู้แทบจะไม่มีเชื้อสายใดๆ ใกล้ชิดกันสักนิดยืนวางก้ามอยู่ ชายผิวเข้มรูปร่างใหญ่กำลังยืนตวาดคนสวนที่มายืนคอยคุมไม่ให้เขาเดินไปทางไหนของบ้าน


“สวัสดีค่ะคุณอุดมมาหาคุณพี่หรือคะ” พิกาส่งเสียงทักเขา เพื่อให้เขาหันมาสนใจเธอแทนเด็กที่กำลังกลัวลาน


“สวัสดีพิกา พี่มาหาพิชญะอยู่ไหมมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย” เขาพูดเหมือนมีธุระสำคัญที่เธอไม่ควรยุ่ง เขาดูไม่ให้เกียรติเธอซึ่งก็ถือว่าเป็นเจ้าบ้านอีกคนนัก สายตาที่โลมเลียตั้งแต่เมื่อครั้งวันงานแต่งงานของเธอกับพิชญะผู้เป็นสามี จนถึง ณ วันนี้เขาก็ยังดูไม่กริ่งเกรงที่จะทำกิริยาหยาบเช่นเดิม


“คุณพี่ไม่อยู่ค่ะ คุณอุดมคงมาเสียเที่ยวเสียแล้วล่ะค่ะ” พิกายืนสำรวมตามมารยาทเจ้าบ้านที่ดี แววตาเธอไม่ได้มีแววเกรงกลัวในท่าทีของคนตรงหน้าสักนิด


“พี่ขอเข้าไปรอในบ้านจนกว่า พิชญะจะกลับก็แล้วกัน” นายอุดมตั้งท่าจะเดินขึ้นเรือน แต่พวกคนงานผู้ชายตั้งท่ากั้นไม่ให้ขึ้น


“เฮ้ย......... พวกเอ็งนี่ไงวะ มาขวางทางข้าทำไมนี่ข้ามาหานายเอ็งนะ” อุดมตวาดเอากับพวกคนงานทั้งสอง


“คุณอุดมคะ อิฉันว่าคงไม่เป็นการควรที่คุณจะขึ้นมารอคุณพี่บนเรือนดอกค่ะ บนเรือนมีอิฉันเป็นหญิงเพียงผู้เดียว คงไม่เป็นการควรนักที่จะมีชายผู้ซึ่งมิใช่สามีมาอยู่ร่วมด้วย ขอให้คุณอุดมกลับไปก่อนดีกว่านะคะ ไว้วันหน้าค่อยมาใหม่ดีไหมคะ” พิกาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเนิบ


“จะเป็นไรไปเล่าในเมื่อก็ญาติกันไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย” นายคนร่างใหญ่ยังไม่วายหาทางที่จะอยู่รอ


“ญาติกันนั้นก็ใช่ค่ะ แต่ก็เพียงญาติซึ่งห่างกันนักอย่างไรก็คงไม่ควรอยู่ดี”


“นี่พิกาไม่เคยนับพี่เป็นญาติเชียวหรือ” สายตาคมวาวฉายแววโกรธเป็นอย่างมาก กับคำพูดของพิกาที่เอื้อนเอ่ยออกมา


“มิได้ค่ะ อิฉันกับคุณพี่ถือเสมอว่าคุณอุดมเป็นญาติ” หญิงสาวพูดเนิบ แต่เธอไม่ได้หลบตาที่จ้องมองเธอด้วยความโมโหของชายร่างใหญ่นั้นสักนิด


นายอุดมเองเมื่อเห็นพิกาไม่ได้แสดงท่าทีกลัวอะไรเขาแม้สักน้อย และอีกอย่างคนงานสองคนที่นั่งอยู่นั้นก็ไม่ได้ตัวเล็กไปกว่าเขาเท่าใดนัก ทำให้เขาจำต้องล่าถอยไปตั้งหลักใหม่


“ก็ได้ อย่างนั้นก็ได้ ไว้พี่จะมาหาอีกครั้งก็แล้วกัน” เขาหันหลังเดินกลับออกไป ไม่มีการร่ำลาเจ้าบ้าน


หญิงสาวที่มองตามร่างของชายผิวเข้มไปจนลับตา เธอรู้สึกไม่ชอบใจชายคนนี้นักการกระทำทุกอย่างดูไม่น่าไว้ใจสำหรับครอบครัวเธอ พิกากลับมาสนใจคนในบ้านแทนเธอมองไปที่คนงานทั้งสอง


“ขอบใจนะทั้งสองคน อย่างไรก็ฝากด้วยละนะ” พิกายิ้มอย่างปราณีต่อคนทั้งสอง


“ขอรับ” ทั้งสองรับคำเป็นอันดี


หญิงสาวกลับมาทรุดตัวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เธอมองพานมะลิที่ร้อยค้างไว้ด้วยความรู้สึกไม่ปลอดโปร่งนัก พิกากวักมือเรียกให้เด็กพิกุลเอาไปให้นางเมียดที่เป็นคนเก่าของบ้านช่วยจัดการต่อ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่กล่องไวโอลินหญิงสาวเปิดและหยิบขึ้นมาอย่างทะนุถนอม เธอได้รับไวโอลินนี้จากสามีอันเป็นที่รัก


คันชักค่อยๆ แตะลงบนสายอย่างแผ่วเบานุ่มนวล เสียงเพลงอ่อนหวานที่เกิดจากการกดคีย์ต่างๆ ของนิ้วน้อยๆ นั้นช่างไพเราะเสนาะหู ยามเมื่อใจของหญิงสาวไม่สงบเธอมักจะใช้ดนตรีเป็นสิ่งช่วยบรรเทาความไม่สบายใจทั้งหลายทั้งปวงให้เบาบางลง


ไม่รู้เวลาล่วงไปเท่าใดแล้ว เมื่อหญิงสาวหยุดเล่นเครื่องดนตรีชิ้นโปรด เธอได้รับเสียงปรบมือดังมาจากม้านั่งตัวประจำของสามี หญิงสาวจึงหันกลับไปยิ้มหวานให้


“คุณพี่กลับมานานแล้วหรือคะ ทำไมน้องไม่ได้ยินเสียงเล่าคะ”


“พิกามัวแต่เพลินอยู่จึงไม่ได้สนใจพี่ต่างหากจ้ะ” ผู้เป็นสามีลุกมารับไวโอลินไปวางที่เดิมให้


“น้องคิดว่าคุณพี่จะกลับค่ำกว่านี้นี่คะ” เธอขยับเดินเข้าไปใกล้


“ช่วงนี้เหตุการณ์วุ่นวายไปหมด ด้วยอาการประชวรของพระองค์ท่านมิได้บรรเทาลงเลยหมอฝรั่งก็หมดทางรักษา เห็นว่าทรงเป็นพระโรคโลหิตเป็นพิษ” ณุกล่าวเสียงเศร้า


“โถ่ แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรเล่าคะ ขอให้พระองค์ทรงหายด้วยเถิด” พิกายกมือพนมเหนือหัว


หญิงสาวโผเข้ากอดสามีเหมือนหาที่พึ่งทางใจและกาย พิชญะเองก็กอดภรรยาอันเป็นที่รักไว้แนบอกทั้งสองอยู่กินกันมาร่วมปี ความรักความเข้าใจที่มีให้ยิ่งมากขึ้นกว่ายามที่คบกันมาแต่เมื่อแรกรุ่น คนทั้งบ้านนั้นรักและเคารพนายหนุ่มและนายสาว


เรือนแห่งนี้ปลูกแยกมาจากเรือนใหญ่ของผู้เป็นบิดามารดาของฝ่ายชายมาก ท่านทั้งสองเห็นควรที่จะให้แยกเรือนมาอยู่กันเองตามวิสัย ซึ่งเป็นการร้องขอของบุตรชายมิใช่สะใภ้ พิกานั้นทำหน้าที่สะใภ้ที่ดีเสมอหญิงสาวมักจะไปช่วยงานที่เรือนใหญ่อยู่เนืองๆ แม้แม่สามีจะไม่เรียกใช้ก็ตาม หญิงสาวทำหน้าที่รับแขกบ้านของผู้เป็นพ่อสามีได้อย่างไม่มีข้อให้ติเตียน จนเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่เพื่อนข้าราชการข้างบิดาของสามี ยิ่งทำให้ทั้งพ่อสามีแม่สามีรักใคร่ในตัวเธอเป็นอย่างมาก ดูจะเป็นลูกรักมากกว่าบุตรชายแท้ๆ เสียอีก
----------------------------------------------------------2


และแล้วในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เป็นวันที่ทั่วทั้งประเทศต้องโศกเศร้า เสียน้ำตาด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสวรรคต ที่บ้านเรือนทุกแห่งที่ต่างพากันสวมชุดไว้ทุกข์กันทั้งประเทศ


ช่วงระยะเวลาในการหาพระบรมผู้ซึ่งจะขึ้นครองราชเป็นพระองค์ต่อไปนั้นใช้เวลานาน ทำให้ประชาชนชาวไทยเกิดความกังวลเช่นกัน


จนเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ได้อัญเชิญสมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ขึ้นครองราชสมบัติ พระนามแห่งท่านที่ประชาชนชาวไทยทราบคือ สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สภาวะต่างๆของบ้านเมืองดูจะกระเตื้องไปในทางที่ดีขึ้น แม้จะไม่ใช่ทางด้านเศรษฐกิจ การเงินการค้า แต่ทางด้านจิตใจก็ดีขึ้นมาก


ที่เรือนใหญ่ได้ต้อนรับแขกจากแดนไกล ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดกับครอบครัวของพิชญะ หนุ่มสมาร์ตร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณสะอาดแต่งตัวเป็นพวกหนุ่มหัวนอก กับหญิงสาวแสนสวยผมยาวหยิกเป็นลอนเหมือนตุ๊กตา ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นดี ปากสีแดงสดบอกได้ถึงความมั่นใจในตัวเองของเธอ ทั้งสองพี่น้องเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษมากราบสวัสดีญาติผู้ใหญ่และได้นำของฝากติดมือกลับจากนอกมาด้วย


“ผมกับน้องมากราบสวัสดีคุณลุงกับคุณป้าครับ” ทั้งสองกราบลงกับตักของผู้สูงวัยทั้งสอง


“เจริญๆ เถอะพ่อจิรัฎร์ แม่จิราภาไปเรียนทางนั้นเสียหลายปีเป็นอย่างไรกินอยู่ดีอยู่รึ” คุณรตนกรและคุณเกษมผู้เป็นมารดาของพิชญะลูบหลังไหล่อย่างคนคุ้นเคยกัน


“จีจี้อยากจะมาหาพี่เอ่อมากราบคุณลุงคุณป้าตั้งแต่วันแรกที่ถึงเมืองไทยเลยนะคะ ติดแต่พี่จิรัฎร์ต้องไปทำธุระให้เรียบร้อยก่อน” หญิงสาวเจรจาเจื้อยแจ้วสายตาคอยชำเลืองมองพิชญะตาหวานฉ่ำ


“ครับ จริงๆ ผมเองก็อยากจะกลับมาให้ทันงานแต่งงานของพิชญะ แต่ก็ต้องมีอันเลื่อนไป เพิ่งสะดวกกลับมาเมื่อไม่กี่วันนี้เองครับ พอกลับมาก็ต้องไปรายงานตัวเข้ารับราชการทันที จึงได้มากราบคุณลุงคุณป้าช้าครับ” จิรัฎร์เอี้ยวตัวมายิ้มให้กับลูกพี่ลูกน้อง แล้วสายตาก็ประสบกับพิกาที่เพิ่งจะคลานเข่าเข้ามาลงนั่งข้างสามี


หญิงสาวไหว้บิดามารดาของสามี แล้วหันไปยิ้มให้กับจิราภาและไหว้จิรัฎร์ที่ยังคงนั่งมองเธอไม่วางตา พิกาก้มหน้าลงไม่สบตาของชายแปลกหน้า


พิชญะเองก็พอมองออกถึงสายตาวาวของลูกพี่ลูกน้องหนุ่ม เขาโอบรอบไหล่ของภรรยากระชับมั่น ทำให้พิกาต้องเงยหน้ามองสามีด้วยไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำต่อหน้าทุกคน ชายหนุ่มยิ้มหวานให้เธอก่อนจะหันไปมองจิรัฎร์อีกครั้ง


“นี่ฑิมพิกาภรรยาของพี่ เราแต่งงานกันได้เกือบปีแล้ว... พิกาจ๊ะ นั่นจิรัฎร์เป็นญาติผู้น้องของพี่และจิราภาน้องสาวจ้ะ”


“สวัสดีค่ะ” พิกาไหว้เขาอีกครั้ง


“ครับ.... สวัสดี ดีจริงที่ได้พบกับพี่สะใภ้” จิรัฎร์ทำสายตาหวานมองพิกา


“นี่หรือคะพี่สะใภ้ของจีจี้ดูจืดชืดจังนะคะพี่จิรัฎร์” จิราภาพูดออกมาตามที่คิด


“ใครว่า พี่ว่าพี่พิกางามเป็นธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องประทินโฉม” จิรัฎร์ยิ้มตาหวาน


“.............” พิกาไม่พูดโต้ตอบเธอยังคงก้มหน้านิ่ง


“นี่ครับ......... ผมมีน้ำหอมจากนอกมาฝากคุณพี่พิกาด้วย” เขาเอากล่องที่ห่อกระดาษสีสวยยื่นส่งให้กับพิกา


“ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์มีของฝากมาถึงภรรยาพี่ด้วย ของที่ให้มาก็มากมายเกรงใจจริงๆ” พิชญะเป็นผู้รับของฝากนั้นไว้และกล่าวแทนภรรยา


“โถ่.......... เป็นเรื่องที่ควรอยู่เองนะครับพี่ชาย” พิรัฎร์พูดกับพิชญะแต่หางตากลับมองมายังพี่สะใภ้นิ่ง


“วันนี้มีอะไรรับรองพี่เขาบ้างเล่าแม่พิกา” คุณรตนกรเอ่ยถามลูกสะใภ้


“ค่ะคุณแม่ เที่ยงนี้มีแกงส้มดอกแค พระรามลงสรง ยำใหญ่ น้ำพริกมะขามกับผักสดผักต้ม ปลาสลิดย่างค่ะ” พิกาเงยหน้ามองไปทางแม่สามี บรรยายรายการอาหารให้ท่านฟัง


“อืม ดีจริงงั้นเราไปทานอาหารกันเถอะ” คุณเกษมผู้เป็นพ่อสามีบอก ท่านลุกจากที่นั่งไปเป็นคนแรก


“ไปจ้ะ” พิชญะประคองภรรยาขึ้น เขาโอบประคองหญิงสาวเหมือนกลัวหาย


“คุณพี่คะ....” พิกามองสามีเป็นเชิงตำหนิ


ไม่มีทีท่าว่าคนที่โอบอยู่นั้นจะรู้สึกรู้สาเขายังคงรวบร่างน้อยไว้ พาเดินเข้าไปด้านในหญิงสาวเองก็ไม่สามารถขัดขืนสามีได้จำต้องหน้าแดงด้วยความอายเดินเคียงข้างสามีไป โดยมีจิรัฎร์และจิราภาคอยชำเลืองมองคนทั้งสองตลอดทาง


จิราภามีอาการไม่ชอบใจพี่สะใภ้คนนี้นัก เธอนั้นเป็นญาติก็จริงอยู่แต่หญิงสาวปักใจรักพิชญะมาเนิ่นนานตั้งแต่เมื่อแรกรุ่น เธอคิดว่าหนุ่มผู้เป็นญาติผู้พี่ก็น่าจะรู้ถึงใจของเธอดี แต่เขากลับไม่เคยสนใจเธอแม้สักนิด ยิ่งเขาแสดงออกขนาดนี้ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้กับจิราภาเป็นอย่างมาก



หลังมื้ออาหารพิกาปลีกตัวขอกลับมาที่เรือนพัก เธอเดินจากเรือนใหญ่โดยมีพิกุลคนสนิทถือของฝากจากแดนไกลตามหลังมา หญิงสาวขึ้นเรือนมาก็สั่งให้เด็กพิกุลนำของขึ้นไปเก็บไว้ที่ห้อง ส่วนตัวเธอเดินไปนั่งรับลมที่ชานด้านหลัง มื้อเที่ยงที่ผ่านมาเป็นมื้อที่แสนจะชวนอึดอัดใจสำหรับเธอเป็นอย่างมาก พิกาเหมือนถูกพี่น้องทั้งสองมองตลอดเวลา เธอไม่ชอบสายตาของสองพี่น้องนี้เลย


“พิกา..........พิกา อยู่ไหนจ๊ะ” พิชญะเดินกลับขึ้นเรือนมาก็ส่งเสียงเรียกหาภรรยาเป็นอันดับแรก เขาเดินหาภรรยาไปทุกห้องปากก็ส่งเสียงเรียก


“น้องอยู่นี่ค่ะคุณพี่” หญิงสาวขานตอบเมื่อได้ยินเสียงเรียกใกล้เข้ามา


“ทำไมมานั่งอยู่นี่เล่าจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มลงนั่งเคียงข้าง


“ไม่ค่ะ......... ไม่มีอะไร” พิกาฝืนยิ้มให้สามี


“ไม่จริงหรอก พี่รู้จักพิกาดี น้องต้องไม่สบายใจอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับสองคนที่มาหรือเปล่า” สามีถามโดนใจ


“.............” ไม่มีคำตอบจากปากอิ่ม เธอมองไปยังกอดอกแก้วพุ่มสวย


“งั้นคงจริงสินะ อย่าไปคิดมากกับคนทั้งสองนั้นเลย เขาคงไม่มาบ่อยนักหรอกจ้ะ” เขารวบตัวภรรยามาไว้ในวงแขน บอกกระซิบที่ข้างหู


“น้องไม่ชอบสายตาเขาทั้งสองมากกว่าค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะคะอย่างไรเขาก็ญาติน้องจะพยายามไม่คิดมากค่ะ” พิกาชะม้ายตามองหน้าสามีที่อยู่ชิดติดแก้มนวล


“อืม......... หอมจริง” เขาก้มลงหอมแก้มนวล


“.........” หญิงสาวไม่ตอบโต้คำใดเธอซุกร่างเข้าหาอกอุ่นของสามี ทั้งสองต่างนั่งเงียบไม่ต้องพูดคำใดต่อกันอีก


.
ความฝันคราวนี้ทำให้พาสเห็นสภาพบ้านของทั้งสองได้อย่างชัดเจน บ้านหลังน้อยแสนสบายอยู่ในอาณาบริเวณพี้นที่ที่กว้างใหญ่ ห่างไปเป็นตัวเรือนไม้หลังใหญ่โอโถงปลูกตามสมัยสไตร์วิคติเรียผสมผสานความเป็นไทยเข้าไว้อย่างลงตัว


หญิงสาวสลัดภาพต่างๆ ทิ้งไปตอนนี้เป็นเวลาทำงานซึ่งเธอต้องตั้งใจกับมันเป็นอย่างมากวันนี้ต้องจับนายหนึ่งให้ได้ ซึ่งเธอได้รับข่าวมาจากสองพี่น้องเป็นที่เรียบร้อย งานนี้ต้องเงียบที่สุดไม่มีใครรู้นอกจากหน่วยของเธอและสารวัตรพิษณุที่เพิ่งรับทราบจากพาสเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา หญิงสาวป้องกันการรั่วไหลของข่าว ถ้างานนี้หลุดถึงหูนายหนึ่งได้นั่นหมายความว่าสายของพวกค้ายาต้องอยู่ในหมู่พวกเธอนี่เอง


ณุเองสั่งให้กำลังหนุดเตรียมพร้อมปฏิบัติงานแต่เค้าไม่ได้แจ้งว่างานชิ้นนี้เป็นอะไร เพียงแต่ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมไว้ก่อนที่จุดนัดที่เขาได้แจ้งไว้


“ทูน่า2 เรียกทูน่า1.... ทูน่า1 ตอบด้วย” จ่าโต้งซึ่งซุ่มอยู่ในพุ่มไม้กระซิบผ่านเครื่องสื่อสาร


“ทูน่า1 ตอบด้วย”


พาสที่ยืนอยู่ชิดผนังข้างๆ ประตูหลังของบ้านร้างกดรับ “ว่าไป”


“แมวสาวมาแล้วครับ.......... เอาไงต่อครับ”


“ว30 ย้ำ... ว30” พาสถามถึงจำนวนของคนที่อยู่ด้านใน


“4 ตัวครับ”


“ทุกคน ว05.......... ย้ำ ว05” หญิงสาวสั่งให้เตรียมพร้อมไว้


เมื่อสั่งพรรคพวกเสร็จ พาสก็ส่งสัญญาณให้ณุที่อยู่อีกฟากดำเนินการตามแผนได้ ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบเขา วอ สั่งการและบอกสถานที่ให้หน่วยออกปฏิบัติการได้ พาสยังคงรออย่างใจเย็น


“ทูน่า 2.............. เรียกทูน่า 1 .......... ตอนนี้ ว62 .........แล้วครับ” จ่าโต้งรายงานถึงสภาพภายในที่เขาเห็นนายหนึ่งกำลังส่งยาให้กับลูกค้ารายใหญ่ของตนเอง


“ว2......... รับทราบ” พาสรับรู้จากจ่าโต้ง เธอยกมือทำสัญญาณไปทางณุ เมื่อได้รับสัญญาณตอบรับจากเขาหญิงสาวก็สั่งการต่อ “ทุกคนเข้าปฏิบัติการได้”


พาสถีบประตูเข้าไปพร้อมๆ กับชูตราโดยมีจ่าโต้งหมู่เจดพุ่งเข้าทางด้านหน้า และนายตำรวจอีกสองนายจ่อปืนเล็งจากด้านข้าง


“อย่าขยับ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ” พาสส่งเสียงบอกคนทั้งสี่


ผู้ค้ายาทั้งสี่ที่กำลังส่งยากันอยู่ถึงกับผงะตกใจโวยวายกันขรม นายหนึ่งและลูกน้องชักปืนออกจากเอว ปากกระบอกปืนของนายหนึ่งจ่อเล็งตรงมาทางพาส ส่วนอีกกระบอกกราดไปทั่วบริเวณ


“วางปืนลงซะนายหนึ่ง ยังไงวันนี้นายก็ไปไหนไม่รอดอยู่ดี มอบตัวซะดีกว่าอย่าต่อสู้ขัดขืน” พาสตะโกนเสียงดัง


คนทั้งสี่ไม่ตอบอะไรกลับมาแต่อาการเลิ่กลั่กของทั้งสี่แสดงให้เห็นถึงความกังวลและหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย นายหนึ่งคิดไม่ถึงว่าตนเองจะพลาดถูกจับได้หลังจากที่เค้ารอดจากหมวดพาสมาได้ทุกครั้ง


แต่แล้วเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะสงบได้โดยง่ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อหนึ่งในผู้รับซื้อยาจากนายหนึ่งชักปืนออกมายิงไปทางพาสกับณุที่ยืนอยู่ ณุเห็นตั้งแต่ตอนที่ผู้ร้ายชักปีนแล้วเขารวบตัวพาสไว้แล้วพุ่งตัวไปทางด้านข้าง ทำให้ตำรวจทุกคนตะโกนส่งเสียงกันระงม เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากทั้งสองฝ่าย


แต่นายหนึ่งกลับไม่ได้ยิงตอบโต้เขาทรุดตัวลงนอนราบกับพื้น พยายามเอากระเป๋าปิดหัวตัวเองไว้สุดฤทธิ์


“หยุด......... หยุดยิง........... ทุกคนหยุด” พาสที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของณุตะโกนสุดเสียง


นั่นแหละจึงทำให้เสียงปืนเงียบลง พาสเริ่มขยับตัวยุกยิกให้ณุปล่อยตัวเธอ เมื่อทั้งสองลุกขึ้นสภาพที่เกิดเหตุดูกระจัดกระจายไปหมด จ่าโต้งลากนายหนึ่งไว้ทางส่วนอีกสามคนนั้นณุเข้าไปตรวจดูแต่ละคะ เขาหันมาบอกกับพาส


“เสียชีวิตหนึ่งอีกสองคนบาดเจ็บสาหัส”


“ฮะ หมู่เจดเรียกรถพยาบาลด่วนเลยนะ”


“ครับ” เจดรีบทำตามคำสั่งที่ได้รับจากหญิงสาว


พาสมองกราดไปทั่วบริเวณนั้นอีกครั้ง แล้วจึงสั่งกับจ่าโต้ง“จ่าโต้งเอาตัวนายหนึ่งไปไว้ตามที่คุยกันไปเงียบๆ นะ”


“ครับ” จ่าโต้งใส่กุญแจมือนายหนึ่งแล้วพาออกไปจากที่เกิดเหตุ


“ทุกคนขอบคุณมากจบงานแล้วถอนกำลังได้” พาสกล่าวกับทุกคน


“ครับ” ทุกคนทำความเคารพแล้วต่างแยกย้ายกันกลับไป เหลือเพียงณุกับนายตำรวจในหน่วยของพาสเท่านั้น

จบบที่ 8 ค่ะ







 

Create Date : 03 ตุลาคม 2549    
Last Update : 7 ตุลาคม 2549 2:55:48 น.
Counter : 253 Pageviews.  

ตราบนิรันดร์บทที่ 7


บทที่ 7 ความมุ่งหวัง


ประตูห้องพักถูกเปิดพาสก้าวเข้าห้องมาได้ก็เอนตัวลงนอนที่โซฟานุ่ม หญิงสาวนึกถึงแผงหลังของชายหนุ่มที่เธอซ้อนท้ายกลับมาคอนโดฯ ความอบอุ่นที่แผ่กระจายมานั้นทำเอาเธอรู้สึกแปลกๆ หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ทั้งที่กับคนอื่นเธอไม่เคยจะเป็น


“เฮ้ย... บ้าแล้วแกไอ้พาส” พาสลุกขึ้นนั่งลูบหน้าตัวเองแรงๆ ไปหลายที


“เฮ้อ...” ถอนใจอย่างเหนื่อยๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปรับลมที่ระเบียงห้อง


หญิงสาวนั่งเอาขาพาดไปกับราวระเบียงเธอหันไปคว้ากีต้าร์ที่วางอยู่ข้างๆ เก้าอี้ที่นั่งอยู่ขึ้นพาดตักมือน้อยๆ ค่อยๆ เกาสายกีต้าร์


เสียงใสๆ ของเธอเอื้อนเอ่ยเพลงหวานเพื่อสร้างความสุนทรีแก่ตนเอง เสียงที่ล่องลอยไปทั่วบริเวณช่างขับกล่อมให้เพื่อนข้างห้องได้นอนหลับอย่างเป็นสุข


บทเพลงเพลงหนึ่งซ้อนขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงของเปียโนโบราณ ทำนองเพลงหวานซึ้งแว่วกังวาลไปทั่วห้องโถงของบ้านทรงไทยร่วมสมัย หญิงผู้มีผมดำขลับยาวสลวยถึงกลางหลัง นั่งจดโน๊ตเพลงพร้อมๆ กับร้องเนื้อที่จดไว้ไป ใบหน้าสวยหวานมีแต่รอยยิ้มใบหน้าอิ่มเอิบ


แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องอุทานเสียงดังเมื่อถูกลำแขนแข็งแรงรวบตัวไว้ โดยไม่ได้ทันตั้งตัว “ว้าย.........”


“ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคนดีของพี่” พิชญะแนบแก้มตนเองกับเรือนผมของภรรยา


“ทุกทีเลยนะคะ.... น้องบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่า น้องตกใจนะคะคุณพี่” หญิงสาวบ่นแต่ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม


“พี่คิดถึงพิกาใจจะขาด” ชายหนุ่มลงนั่งข้างๆ ที่เก้าอี้ยาวหน้าเปียโน พร้อมๆ ไปกับดึงภรรยามาพิงไหล่ชองเขา


“คิดถึงอะไรได้คะ น้องแยกกับคุณพี่เมื่อสักสามชั่วโมงได้” ฑิมพิกาชะม้ายตาค้อน


“หรือคะ แต่พี่รู้สึกเหมือนว่าห่างจากพิกามาเป็นแรมเดือนเช่นนี้เล่าคะ” พิชญะจูบลงที่แก้มนวล


“คุณพี่.......... บ่าวออกจะเต็มเรือน” หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อ เธอพยายามแกะมือสามีที่กอดเธอไว้ออก


“ช่างปะไร พวกบ่าวไม่กล้าเข้ามาหรอกจ้ะ พี่สั่งกำชับไว้แล้ว” เขายิ้มกริ่ม


“ปล่อยเถอะค่ะ ประเดี๋ยวน้องจะไปหาของว่างมาให้ทาน” หญิงสาวเบือนหน้าหนีด้วยความอาย


“ไม่ปล่อย พี่ไม่ต้องการของหวาน พี่มีพิกาในอ้อมกอดเช่นนี้ก็เกินพอ”


“เพิ่งแต่งงานก็พูดได้สิคะ อีกหน่อยคงลืมว่าเคยพูดเช่นไร” พิกาขยับตัวขลุกขลัก


“โถ แม่คุณของพี่ดูพูดเข้า” มือใหญ่จับตัวหญิงสาวให้หันมาสบตาคม


“ช่างเจรจานักอย่างนี้ต้องทำโทษ” เขาขยับใบหน้ามาจนใกล้


“ไม่.........” หญิงสาวยกมือขึ้นกันใบหน้าที่ยื่นเข้ามาหา


ปากของเขาจูบลงที่มือนุ่มแทน แต่ดูเขาไม่ได้อนาทรอันใดกลับยิ่งกดจูบนั้นลงบนฝ่ามือของหญิงสาวหนักๆ พร้อมกับกระชับร่างของเธอมาแนบอก

“อืม.... หอมจริงแม่แต่มือก็ช่างหอมนัก”


เมื่อเห็นคนรักอายจนหน้าแดง ยิ่งทำให้เขาเกิดความเอ็นดูคนตรงหน้า กิริยามารยาทของเธอช่างสมเป็นหญิงไทย ทั้งที่ยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น การแต่งกายที่ชาวต่างชาตินำเข้ามาเผยแพร่ สาวในยุคสมัยนี้เริ่มมีความคิดเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น กล้าแสดงออกมากขึ้น


ไม่เว้นกับหญิงในอ้อมแขนของเขาที่ได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติ เธอเป็นหญิงที่เขาพาออกงานได้ไม่อายใคร แต่ก็ยังคงมีความเป็นคนไทย ที่รักประเพณีวัฒนธรรมอย่างไทยไว้เต็มเปี่ยม


หญิงสาวจ้องตาสามีที่มองเธอด้วยความรัก พิกายิ้มน้อยๆ ให้กับเขา ซึ่งเธอก็ได้รับสิ่งเดียวกันกลับมาผ่านทางดวงตาเรียวของชายหนุ่ม


“นั่งอยู่นี่นะคะ เดี๋ยวน้องมา” เธอดันตัวเองออกแล้วลุกหนีเขาเดินเข้าไปด้านหลังบ้าน


พิกากลับออกมาพร้อมกับมีเด็กสาวเดินตามหลังมาติดๆ เธอจัดแจงชี้ให้เด็กวางของว่างไว้ที่โต๊ะหินตัวเล็กที่หน้าเฉลียง แล้วเธอก็กลับมาหาชายที่ยังคงนั่งไม่ลุกไปไหน


“ไปทานของว่างกันค่ะ”


“จ้ะ.........” ชายหนุ่มขยับลุกขึ้นโอบรอบเอวภรรยา


“คุณพี่นี่นะ.... ดูสิเด็กพิกุลยังยืนอยู่เลยนะคะ” พิกาตีมือที่โอบไปแรงๆ ทีหนึ่ง


“ไม่เห็นเป็นไร......... แล้วมาตีพี่อย่างนี้ไม่กลัวถูกลงโทษหรือจ๊ะคืนนี้” เขาทำสายตาเจ้าเล่ห์


“คุณพี่....” เธอตีซ้ำอีกครั้งที่มือข้างเดิม


“จ้ะปล่อยแล้ว.........” ชายหนุ่มจำต้องทำตามที่ภรรยาต้องการ


ทั้งสองมานั่งลงตรงที่พิกาจัดเตรียมไว้ หญิงสาวเลื่อนถ้วยแก้วที่ภายในถ้วยมีบัวลอยเผือกและในถ้วยได้มีเผือกแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ดอกน้อยลอยอยู่อย่างสวยงามน่าทาน


“วันนี้น้องทำขนมบัวลอยเผือกให้คุณพี่ทานนะคะ เห็นคุณพี่บ่นมาหลายวันว่าอยากทาน”


“อืม.........หอมจริงๆ” ณุก้มหน้าลงสูดดมแต่ตานั้นกลับจ้องไปที่หน้าของพิกา


“ทานค่ะเดี๋ยวเย็น แล้วจะไม่อร่อย” พูดบอกเขาส่วนตัวเธอก็ค่อยๆ คนขนมในถ้วย


“ป้อนหน่อยสิคะ....” ณุทำเสียงออดอ้อน


“ทานเองสิคะ” หญิงสาวทำบ่ายเบี่ยง


“ป้อนคำเดียวก็ยังดีนะคะ..........นะ”


หญิงสาวที่กำลังจะตักขนมทาน กลับจำต้องป้อนขนมนั้นให้กับคนที่ยื่นหน้าเข้ามารับจนถึงที่


“อืม..........” ชายหนุ่มยิ้มแก้มอูมเพราะมีขนมอยู่เต็มปาก


“...ไม่ใช่เด็กนะคะ” พิกาต่อว่า แต่ใบหน้านั้นกลับมีแต่รอยยิ้มขัน


“............” ชายหนุ่มยิ้มหวานให้

----------------------------------------------------------1


“อร่อยไหมคะ” พิกาถาม


“อร่อยสิจ๊ะ ฝีมือพิกาอร่อยอยู่แล้ว” พิชญะตักขนมในถ้วยทานอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนกลัวว่าพิกาจะไม่เชื่อคำพูดตน


“ทานช้าๆ สิคะ” หญิงสาวยื่นน้ำเปล่าให้


ชายหนุ่มแทนที่จะรับน้ำจากพิกาเขากลับรวบมือน้อยๆ ไว้ แล้วยกขึ้นดื่มทั้งที่มือของเธอยังคงถือแก้วน้ำนั้น


“สดชื่นจัง”


พิกายิ้มบางๆด้วยความเขินกับการกระทำของคนตรงหน้า บรรยากาศอันแสนอบอุ่นแสงแดดรำไร เสียงนกร้องเริงร่าอยู่รอบๆ สนามหน้าบ้านที่ปรกคลุมไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ภาพของคนทั้งสองที่ต่างหยอกล้อกันเสมือนในโลกนี้มีเพียงเราสองดูช่างหน้าอิจฉายิ่งนัก


.
เช้าวันใหม่พาสเดินลงจากห้องลงมาก็พบกับนิที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้านล่าง เธอยิ้มและผงกหัวให้เล็กน้อย


“อรุณสวัสดิ์ฮะพี่นิ... วันนี้สวยอีกแล้วนะฮะ”


“แหม ขอบคุณค่ะ น้องพาส” นิทำเอียงอายต่อคำชมของพาส แล้วก็เหมือนนึกได้ นิแตะที่แขนของพาส “เมื่อคืนเห็นแจงว่าน้องพาสนั่งมอเตอร์ไซด์มากับหนุ่มแปลกหน้าน่ะค่ะ”


“อ้อ.......... สารวัตรพิษณุเป็นสารวัตรที่มาแทนสารวัตรขจรไงฮะ วันนั้นที่งานเลี้ยงส่งสารวัตรพี่นิน่าจะได้เห็นแล้วนี่ฮะ” พาสพูดเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ


“สารวัตรใหม่นั่นเอง แล้วรถน้องพาสไปไหนซะล่ะคะถึงต้องให้สารวัตรมาส่ง” นิยังอดซอกแซกไม่ได้


“เสียฮะ......... นี่ก็ว่าจะไปเอาอยู่เห็นว่าเสร็จแล้ว” พาสตอบยิ้มๆ


“แล้วจะไปไงละคะ พี่ขับไปส่งให้ไหม” นิดูเป็นห่วงพาสขึ้นมา


“ไม่เป็นไรฮะ ขอบคุณพี่นิพาสไม่รบกวนดีกว่า” พาสเป็นคนขี้เกรงใจคนอื่นเสมอ เธอไม่ต้องการให้ใครมาเดือนร้อนวุ่นวายไปกับเธอมากนัก


“รบกงรบกวนอะไรกันคะ พี่เต็มใจค่ะ” นิยังแสดงความหวังดี


“ไม่เป็นไรจริงๆ ฮะ พาสไปก่อนนะฮะ เดี๋ยวสาย” พาสตอบแล้วก็รีบขอตัวเดินผละจากนิ


นิได้แต่มองตามหลังสาวมาดเท่ห์ที่รีบจ้ำออกไป เธอไม่น้อยใจในตัวพาสที่ปฏิเสธความหวังดีของเธอ เพราะรู้ว่าพาสเป็นอย่างนี้อยู่แล้วคือไม่ชอบยุ่งกับใคร นิยิ้มน้อยๆ แล้วก็กลับไปนั่งที่เคาน์เตอร์ตามเดิม


สาวห้าวเดินมาจนถึงหน้าถนนซอย เธอมองหารถมอเตอร์ไซด์วินที่มักจะมีผ่านไปมา วันนี้เธอไม่เรียกให้คนอื่นมารับเพราะทุกคนมีงานยุ่ง


“รถไปไหนหมดฟะเนี่ย ทีเวลาต้องการละไม่เห็นหัวสักคัน” พาสเริ่มบ่น


หลังจากรอมาสักพักพาสจึงตัดสินใจที่จะเดินไปหน้าปากซอยเอง เธอขยับกระเป๋าสะพายนิดหนึ่งแล้วก็ออกเดิน ขณะที่เดินพาสก็เห็นรถคุ้นตาเข้ามาจอดตรงหน้า คนที่อยู่ในรถเปิดกระจกชะโงกหน้ามาพูดกับเธอ


“อิทมารับพาส”


“มารับทำไม พาสไปเองได้มีขา” พาสตอบทื่อๆ


“อิทถามที่ร้านซ่อมแล้วว่าพาสจะไปรับรถเช้านี้ อิทเลยมารับไม่อยากให้พาสลำบาก” ดูชายหนุ่มจะไม่ได้สนใจคำพูดของเพื่อนในวัยเด็กสักนิด


“ไม่ลำบากหรอก พาสเป็นตำรวจนะทำงานลำบากกว่านี้ตั้งเยอะยังไม่เป็นไรเลย” พาสพูดเสียงเรียบ


ชายหนุ่มลงจากรถมาเปิดประตูให้กับพาส ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่บนทางเท้า “ไปกับอิทเถอะนะ อิทตั้งใจมาแล้ว”


หญิงสาวได้แต่ส่ายหัวกับผู้ชายคนนี้ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนๆ นี้ดีแล้ว แต่ก็อีกเธออดสงสารเขาไม่ได้ ดูเขาเองก็ช่างอดทนต่อคำพูดเสียดแทงจากเธอเสียเหลือเกิน


“นะพาส ให้อิทไปส่งนะ” อิทยังคงอ้อนวอนให้หญิงสาวไปกับตนเอง


“..........” พาสไม่พูดอะไร เธอก้าวเข้าไปนั่ง


“ขอบคุณจ้ะ” อิทดีใจที่พาสยอมไป เขาปิดประจูแล้วรีบวิ่งมาประจำที่ ชายหนุ่มมองพาสที่มองทางข้างหน้าไม่ได้หันมาสบตกกับเขาด้วยรอยยิ้ม แค่เธอยอมขึ้นรถเขาก็ดีใจจะแย่


“ไปได้แล้ว” พาสเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าอิทธิศักดิ์เอาแต่จ้องหน้าเธอ


“จ้ะ... ไปเดี๋ยวนี้ละจ้ะ” อิทธิศักดิ์รีบปลดเกียร์เดี๋ยวนั้น


พาสที่ขึ้นรถอิทธิศักดิ์ไปไม่รู้เลยสักนิดว่ามีมอเตอร์ไซด์คันใหญ่จอดอยู่ริมทาง เขามองเธอที่นั่งไปกับรถคันหรูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง


วันนี้ณุก็ต้องการมารับพาสไปทำงานด้วยกัน เขาเฝ้าคิดถึงเธอคนที่โอบรอบเอวเขาเมื่อวานนี้ มือน้อยๆ ที่กอดเขา กับมือน้อยๆ ที่ป้อนขนมในความฝัน เขาอยากให้ฝันนั้นเป็นจริงเสียเหลือเกินชายหนุ่มสตาร์ทรถแล้วขี่ตามท้ายรถคันโก้ไปติดๆ เขาต้องการรู้ว่าทั้งสองคนจะไปไหนกันเพราะเป็นคนละทางกับทางที่จะไปสถานีตำรวจ


เมื่อรถคันหรูมาจอดที่หน้าอู่ซ่อม พาสก็ก้าวลงจากรถเดินมุ่งหน้าเข้าไปด้านในอู่ ส่วนอิทธิศักดิ์จำต้องขับรถจากไปตามคำบอกของพาสที่สั่งไว้ตอนที่ลงจากรถ ณุจึงได้รู้ว่าพาสมาเอารถที่ซ่อม เขายิ้มบางๆ ออกมา


“ท่าจะอาการหนักซะแล้วเรา” จากนั้นเขาก็ออกตัวเลี้ยวรถกลับไปทางเก่าเพื่อกลับสถานี


.
ด้านของนายหนึ่งที่เสียลูกน้องมือดีไปหลายคนก็จำต้องให้สองพี่น้องขายของในเส้นทางของลูกน้องที่ถูกจับไป และตนเองก็จำเป็นต้องออกโรงในการรับส่งของชิ้นใหญ่เช่นกัน เพราะยังไงก็ไม่ไว้ใจให้สองพี่น้องทำงานนี้ นั่นก็เข้าแผนของพาสพอดีเพราะถ้านายหนึ่งเคลื่อนไหว นั่นเท่ากับพวกเธอจะสามารถนำจับเขาได้ โดยมีสองพี่น้องคอยบอกเป็นระยะ


พาสสั่งให้ทุกคนปล่อยให้นายหนึ่งทำงานไปก่อนไม่มีการนำจับ และคอยตรวจสอบว่าข่าวที่มาจากสองพี่น้องนั้นถูกต้องแม่นยำขนาดไหน เพราะนายหนึ่งก็ร้ายไม่ใช่เล่นเช่นกัน ไม่งั้นคงไม่รอดมาได้ทุกครั้ง แต่พาสก็ให้พรรคพวกคอยวอแวกับนายหนึ่งเหมือนปกติด้วยเพื่อไม่ให้นายหนึ่งสงสัยว่าทำไมพวกตำรวจถึงเลิกสนใจในตัวเขา


พาสคอยติดตามผลอยู่ตลอดพวกเธอมีนัดประชุมนอกเวลางานเสมอ และพาสจะคอยรายงานให้ทางกรทราบถึงความก้าวหน้าของเนื้องาน


สารวัตรหนุ่มก็ได้แต่ทำงานของตนออกตรวจตราปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี จนตำรวจในกรมต่างพากันยอมรับว่าเขามีความใจเย็นและรอบคอบกับการทำงาน มีความเด็ดขาดในการสั่งการทุกครั้ง เขาเป็นคนกระตื้อรือร้นในการทำงานเสมอ งานจึงสำเร็จได้ด้วยดี


ความสนิทสนมจากการทำงานร่วมกันและการยอมรับซึ่งกันและกันทำให้พาสพูดคุยกับชายหนุ่มได้มากขึ้น


“เฮ้ย.... หมู่ธรรายงานอันนี้น่ะมันมั่วมากเลยนะไปทำมาใหม่” พาสวางแฟ้มงานบนโต๊ะของกำธร


“โธ่หมวด ก็เมื่อคืนกว่าจะทำก็ตีสองเข้าไปแล้ว ใครมันจะเขียนรู้เรื่อง” กำธรบ่น


“แล้วพี่บอกให้แกเขียนเมื่อคืนเหรอหะ......... ก็รู้อยู่แล้วถึงสั่งให้กลับบ้านดันมานั่งพิมพ์ แล้วไง” พาสพยักเพยิดใส่
“ก็ต้องทำใหม่” กำธรทำเสียงอ่อย


“เออดิ.........” พาสว่า “ทำให้เสร็จก่อนบ่ายนะพี่จะเอาไปเสนอผู้กำกับ” พาสกำชับ


“ครับ” กำธรทำตเบะล้อเลียน


“วอนซะแล้ว” พาสมองลูกน้องที่ช่างกวนประสาทด้วยรอยยิ้ม


พาสจะเดินไปที่ห้องของกรจำผ่านหน้าห้องสารวัตรพิษณุ แล้วสายตาของเธอที่มองเข้าไปในห้องของชายหนุ่ม ทำให้เธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นหญิงสาวหุ่นดีกำลังนั่งยิ้มหวานให้ณุ ดูสาวนางนั้นช่างออดอ้อนฉอเลาะเขาเสียเหลือเกิน พอเห็นดังนั้นพาสก็รีบเลี่ยงกลับมาที่โต๊ะของเธอ


แต่ก็ไม่ได้ลอดสายตาของชายหนุ่มที่อยู่ในห้องไปได้ เขาเห็นพาสเพียงแว่บเขาก็จำได้ทันที แต่เขายังเกรงใจสาวที่นั่งคุยอยู่ด้วยไม่กล้าที่จะลุกมาหาพาส เขาได้แต่ชะเง้อมองมาทางโต๊ะชองสาวห้าวเป็นพักๆ


“พี่ณุมองอะไรหรือคะ ไม่เห็นสนใจวรรณเลย” ปวรวรรณลูกสาวของเพื่อนมารดามาหาเขาจากกรุงเทพ หญิงสาวนั้นถ้ามีเวลาว่างจากงานสังคมไฮโซก็มักจะแวะไปหาเขาตั้งแต่สมัยอยู่ที่เชียงใหม่ ยิ่งเมื่อเขาย้ายเข้ามาใกล้ขึ้นพอเธอรู้จึงรีบแจ้นมาหา


“พอดีพี่มีงานเร่งที่ต้องทำน่ะวรรณ แล้วก็จะมีประชุมด้วย ถ้าไงวรรณกลับไปก่อนนะ พี่เป็นห่วงด้วยเดี๋ยวจะกลับเข้ากรุงเทพลำบาก” ณุหาทางให้หญิงสาวกลับไปซะที


“พี่ณุใจร้ายกับวรรณจัง นี่วรรณอุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลนะคะ” ปวรวรรณทำเสียงกระเง้ากระงอด


“พี่มีงานด่วนจริงๆ แล้วทำไมวรรณไม่โทรมาก่อนละครับ” เขาไม่ชอบทำร้ายจิตใจใคร


“แหม.... ก็พอวรรณรู้ว่าพี่ณุย้ายมาตั้งนานแล้วไม่บอกวรรณสักคำ วรรณก็อยากมาเห็นหน้าคนใจดำชัดๆ ไงคะ”


“พี่ขอโทษอีกครั้งละกัน พอดีพี่เพิ่งย้ายก็ต้องเตรียมงานหลายอย่างยังไม่มีเวลาไปกราบคุณแม่ด้วยซ้ำ” ณุเอ่ย


“...........” สาวสวยมองหน้าณุที่ยิ้มมาให้ เธอก็ต้องยอมเขา“งั้นวรรณกลับก่อนก็ได้ค่ะ ยังไงวันไหนวรรณมาวรรณจะโทรหาพี่ณุนะคะ”


“ครับ........... พี่ลงไปส่งที่รถ” ณุทำท่าจะลุกขึ้น


“ไม่ต้องหรอกค่ะ วรรณไปเองก็ได้ พี่ณุทำงานต่อเถอะค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานให้เขา เธอส่งจูบให้ณุก่อนจะหันเดินออกจากห้องไป
----------------------------------------------------------2


ปวรวรรณเดินมาตามทางหญิงสาวส่งสายตาหวานให้นายตำรวจหนุ่มบนสถานี หนุ่มๆ บางคนถึงกับมองตามร่างงามที่เดินนวยนาดลงไปจากสถานี


“สวยชมัด อิจฉาสารวัตรพิษณุชิบ” หนึ่งในพวกที่นั่งอยู่พูดขึ้น


“เออนั่นสิ มีสาวสวยมาหาถึงที่” อีกคนที่นั่งใกล้ๆ ว่า


“เฮ้อ......... ไมข้าไม่หล่ออย่างสารวัตรบ้างวะ” คนเดิมยังพูดต่อแถมยังทำเป็นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเหมือนกับว่าจะทำให้หล่อขึ้น


“รอไปอีกหลายชาติเลยแกน่ะ” เพื่อนในกลุ่มสัพยอก


“เซ็งเว้ย....” หนุ่มๆ พูดพร้อมๆ กัน


พาสมองพวกตำรวจด้วยกันอย่างขบขัน แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสายตาของเธอเบนมาทางชายหนุ่มผู้ซึ่งเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะ หญิงสาวค่อยๆ หุบยิ้มลง เธอยืนขึ้นทำความเคารพและยังคงยืนนิ่งรอฟังคำสั่งจากคนที่มาหยุดยืนตรงหน้า


หนุ่มสำอางค์มีทีท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง เขามองไปรอบๆ ตัวเห็นพวกนายตำรวจด้วยกันมองมาทางเขาทำเอาณุถึงกับพูดไม่ออก


“เอ่อ.......... คือ”


“ฮะ......... สารวัตรมีธุระด่วนอะไรหรือฮะ” พาสยังคงนิ่งสงบ


“พาสเพิ่งเข้ามาเหรอ...” ณุไม่รู้จะเริ่มยังไง


“มาได้พักแล้วละฮะ สารวัตรมัวแต่รับแขกอยู่ถึงไม่เห็น” ไม่รู้อะไรทำให้พาสเผลอพูดแขวะณุ


ณุมองคนตรงหน้าที่มีเพียงโต๊ะกั้นเขาอยากรู้นักว่าเธอรู้สึกอะไรกับตนเองบ้าง แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพูดออกมาอย่างนั้น ชายหนุ่มถึงกับยิ้มหวานให้พาส


“เขาเป็นลูกสาวของเพื่อนคุณแม่น่ะ แค่แวะมาเยี่ยม” ณุรีบชี้แจงให้พาสรับรู้


“หรือฮะ”


“ใช่จ้ะ เขาอยากมาเห็นที่ทำงานใหม่ของพี่น่ะ”


“ ก็ดีแล้วนี่ฮะมีคนสวยๆ มาเยี่ยมมาให้กำลังใจ จะได้มีใจทำงาน” พาสลอยหน้าพูด


“เย็นนี้พาสว่างหรือเปล่า พี่มีอะไรอยากจะคุยด้วย” ณุมองรอบๆ อีกครั้ง ชายหนุ่มไม่อยากพูดอะไรตรงนี้นัก เขาอยากคุยกับพาสเพียงลำพัง


“ไม่ว่างฮะ....” พาสตอบสั้นๆ


“มีงานด่วนเหรอ”


“ฮะ มีเรื่องต้องทำนิดหน่อย”


“พี่รอคุยได้ไหม” ณุยังคงเซ้าซี้


“ไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่ทุ่มนะฮะ ไว้คุยวันอื่นดีกว่าไหมฮะ” พาสตอบ ส่วนมือก็เปิดเอกสารกางออกหญิงสาวหยิบปากกามามาถือเหมือนกับว่ากำลังจะทำงานแล้ว เธอสบตากับณุเป็นเชิงบอกเขา


“เอางั้นก็ได้จ้ะ” ณุจำต้องลุกกลับไปที่ห้องของตนเอง อย่างน้อยแม้ไม่ได้แก้ความข้องใจของพาส แต่เขาก็รับรู้จากการกระทำและคำพูดของเธอได้ว่าหญิงสาวต้องเคืองเขาอยู่บ้างเหมือนกัน ทำให้ณุแอบยิ้มชอบใจ


มือน้อยๆ ที่จับปากกาจรดอยู่ที่เอกสารนิ่ง หญิงสาวไม่มีใจที่จะเขียนข้อความใดๆ ลงไปทั้งสิ้น แม้ใบหน้างามจะเรียบเฉยแต่ภายในของเธอมันก็ไหววุบแปลกๆ เธอเองก็บอกไม่ถูกกับการที่เห็นสาวสวยที่แต่งหน้าแต่งตัวสมสมัยคุยกับณุอย่างสนิทชิดเชื้อ ประตูที่เปิดไว้ตอนที่ทั้งสองคุยกัน เธอรู้ได้ว่าณุต้องการให้เกียรติ์คนที่มาหาเขา ชายหนุ่มคงต้องการป้องกันคำครหาในทางเสียหาย


คำพูดหวานๆ ที่ออกจากปากของสาวปวรวรรณ ช่างฉอเลาะ กิริยาท่าทางยั่วยวนพฤติกรรมของสาวสวยคนนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเธอและณุสนิทกันเกินกว่าคนรู้จักกันธรรมดา


พาสใช้ความนิ่งเป็นเกราะป้องกันตัวเองในทุกเรื่อง สาวมาดเท่ห์สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อปรับภาวะทางใจภายในของตนเอง จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานต่อ


ข้างณุเองก็ไม่เป็นอันทำงานตรงหน้าสักเท่าใดนัก ยังไงเขาต้องรีบหาทางเคลียร์ตัวเองให้พาสได้รู้ว่าเขากับปวรวรรณไม่มีอะไรมากไปกว่าคนรู้จัก แม้เขาจะรู้ว่าปวรวรรณคิดอย่างไรกับเขาซึ่งมารดาของเขาก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย เพราะคิดว่าณุไม่ได้คบใครเป็นตัวเป็นตน แต่เขารู้ว่าถ้ามารดารู้ว่าเขามีคนที่ชอบเป็นหญิงอื่นมารดาก็คงไม่ว่ากระไร เหมือนนึกอะไรได้ณุรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรออกทันที


“แม่หรือครับ.......... ผมมีเรื่องจะบอกน่ะครับ.......... วันอาทิตย์นี้ผมจะกลับไปหาแม่นะครับ.................. ครับ” ณุนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างคนอารมณ์ดีเขายิ้มกับตัวเอง


.
ที่บ้านหลังใหญ่คุณอัญชสากำลังนั่งคุยกับพาสที่แวะมาเยี่ยม ท่านดูมีความสุขมากกับการที่พาสมาหา


“นี่ขนมที่หนูชอบทานแม่ให้เด็กชงชาผลไม้มาให้หนูด้วยนะลูกลองดื่มดูว่าชอบกลิ่นนี้ไหมถ้าไม่ชอบเดี๋ยวแม่ให้เขาจัดมาให้ใหม่” คุณอัญชสาเอาใจพาส


พาสยกชาขึ้นจิบทีละน้อย เธอหันมายิ้มให้กับคุณอัญชสา “อร่อยค่ะหอมมากด้วย พาสชอบค่ะ แม่อัญไปซื้อมาจากไหนคะ”


“แม่ไม่ได้ซื้อหรอกจ้ะ พอดีคุณติณณภพเค้าเอามาฝากจากทางเหนือ” คุณอัญชสาเอ่ยถึงชายวัยกลางคนที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเธอเป็นประจำ


“อ้อ.......... ค่ะ” พาสพยักหน้ารับ


“เขาเอามาฝากอยู่เรื่อยๆ แม่ก็เกรงใจเขาเหมือนกันนะเนี่ย” คุณอัญชสาว่า


“คุณติณนี่เขาทำงานอะไรคะเห็นไปมาทางเหนือบ่อยจัง” พาสเอ่ยถาม เธอเคยพบกับคนๆ นี้สองครั้ง แต่ดูๆ เขาไม่ค่อยชอบใจเธอนักเวลาเจอกันเขามักจะมองเธอขวางๆ พิลึก


“เห็นว่าทำธุรกิจส่งออกชากาแฟ และเห็นว่ามธุรกิจอื่นด้วยนะ อันนี้แม่ก็ไม่ได้สนใจถาม เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราสอดรู้”


“ค่ะ......... เอ่อ.... แม่อัญคิดไงกับคุณติณคะ” พาสสวมกอดคุณอัญชสา


“ทำไมถามแม่งั้นละ แม่ไม่คิดอะไรกับคุณติณเค้าหรอกลูก แม่รักท่านคนเดียว” คุณอัญชสาเชยคางพาสขึ้นมอง


“พาสไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นค่ะ” พาสรีบบอกกลัวท่านจะเข้าใจผิด


“แล้วหนูคิดอะไรล่ะลูกหึ ถึงถามอย่างนั้น” คุณอัญถามด้วยความสงสัย


“พาสรู้สึกแปลกๆ กับเค้านะคะ คือบางครั้งดูเขามีลับลมคมในยังไงก็ไม่ทราบน่ะค่ะ อาจจะเป็นเพราะพาสเป็นตำรวจมั้ง เลยสงสัยไปเรื่อย ถ้าแม่อัญไม่คิดว่าเขาอันตรายพาสก็คงจะคิดมากไปเอง ” พาสซุกอกอ้อนคุณอัญชสา


“อ้าวเหรอ อย่างนี้แม่ต้องห่างๆ เขาคงจะดีกว่า” คุณอัญชสาเชื่อในพาส พาสว่าไงท่านก็ว่างั้น


“อย่าเลยค่ะถ้าเขาไม่มาร้ายก็คบไว้เป็นเพื่อนคุย แม่อัญจะได้ไม่เหงาด้วยไงคะ” พาสเงยหน้าขึ้นยิ้มเอาใจ


“แต่แม่ก็เริ่มไม่อยากยุ่งกับเขาแล้วสิ” คุณอัญชสาทำท่าคิดหนัก


“พาสไม่น่าพูดให้แม่อัญไม่สบายใจเลย” พาสจับมือคุณอัญมากุมไว้


“ไม่หรอกลูก บอกน่ะดูแล้วแม่จะได้ระวังตัวไว้” คุณอัญยิ้มให้พาส พร้อมกับบีบจมูกรั้นของพาส


“ค่ะ” พาสยิ้มบางๆ ให้คุณอัญชสา


.
หลังจากออกจากบ้านของคุณอัญชสาพาสก็ขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโดฯ ตลอดทางเธอรู้สึกเหมือนถูกตามพาสจึงค่อยๆ เบนรถเข้าซอยเล็กๆ ที่อยู่ข้างหน้า ตาคมของพาสยังคอยมองกระจกหลัง เมื่อขับเข้าไปได้สักระยะพาสก็จอดรถ เธอจ้องมองทางกระจกหลังพอเห็นรถคันนั้นตามเธอมาหญิงสาวรีบหยิบปืนออกจากซองพกที่เอวออกมาขึ้นถือไว้เธอรอจังหวะอย่างใจเย็น ยิ่งเมื่อเห็นว่ารถคันนั้นเข้ามาจอดต่อท้ายรถของตน


เงาที่ทาบมาตามทิศทางของแสงนีออนจากเสาไฟฟ้าข้างทาง ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาจนใกล้ พาสเปิดประตูพร้อมกับเล็งปืนไปที่คนๆ นั้นทันที


“อย่าขยับ......... นา...ย..” พาสหยุดค้างไปเมื่อเห็นหน้าของคนที่ขับตามเธอมา


“พี่ณุ” พาสลดปืนลง “ พี่ณุนึกไงถึงขับตามพาสมาแบบนี้ ถ้าเกิดพาสยิงขึ้นมาจะเป็นไงรู้ไหมฮะ”


“พี่คงกองอยู่ตรงนี้แหละ” ณุพูดยิ้มๆ


“ยังจะมายิ้มอีก มันไม่ได้ตลกสักนิดนะฮะ”พาสทำหน้ายุ่ง


“ก็พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับพาส แต่เห็นพาสว่ามีธุระพอพี่ออกจากห้องพาสก็ลุกไปแล้ว” ณุเข้าไปยืนใกล้ๆ


“เลยตามมางั้นเหรอฮะ” พาสจ้องหน้าณุนิ่ง


“อืม.......... พี่อยากรู้นี่ว่าธุระของพาสคืออะไร” เขาตอบหน้าตาเฉย


“อ้อ ฮะงั้นก็กลับไปได้แล้วฮะพาสจะกลับบ้านแล้ว ง่วง” พาสโบกมือไล่ชายหนุ่มดื้อๆ


“พี่ยังอยากคุยกับพาสอยู่นะจ๊ะ ขอเวลาพี่หน่อยสิ” ณุตรงเข้าไปรวบมือพาสมากุมไว้


“ปล่อยมือพาสสิ ไม่ต้องจับก็ได้” พาสพยายามบิดมือออก


“ก็พาสชอบหนีพี่” ณุยังคงจับไว้มั่นพร้อมกับขยับเข้าใกล้ขึ้นอีก


“ไม่ได้หนีสักหน่อย” เธอเถียงพร้อมกับจ้องหน้าชายหนุ่ม


“จริงรึจ๊ะ” ณุยิ้มเจ้าเล่ห์


“อยู่แล้วหล่ะ แต่เนี่ยปล่อยสิค่ำๆ มืดๆ มาจับไว้เดี๋ยวใครผ่านไปมาเค้าจะคิดไง ปล่อย” พาสพยายามเอามือข้างที่ว่างแกะมือเขาออก


“ไปหาที่คุยกัน หรือจะไปคุยที่คอนโดฯ พาส” ณุยอมปล่อยแต่โดยดีเมื่อฟังเหตุผลจากพาส ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้อยากให้เธอเสียชื่อ


“ไม่ได้ ไปคอนโดฯ ไม่ได้” พาสค้านเสียงแข็ง


“ถ้างั้นไปหาที่นั่งคุยกัน นี่ยังไม่มืดมากยังมีร้านอาหารเปิดอยู่” ณุรีบเสนอทันที


“ไงก็ได้” พาสจำต้องพยักหน้ารับ


“ไปครับ เดี๋ยวพี่ขับนำไปนะ” ณุรีบกุลีกุจอกลับไปที่รถทันที ไม่รอคำตอบจากหญิงสาว


“............” พาสได้แต่มองตาม แล้วก็ถอนใจ

จบบทที่7 ค่ะ






 

Create Date : 26 กันยายน 2549    
Last Update : 3 ตุลาคม 2549 0:12:30 น.
Counter : 286 Pageviews.  

ตราบนิรันดร์ บทที่ 6


บทที่ 6 แจ้งประจักษ์


รถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่แล่นไปอย่างช้าๆ คนขับทำเหมือนกำลังขี่กินลมชมวิวไปตามทาง เขายิ้มอย่างสบายอารมณ์ แต่คนที่นั่งซ้อนท้ายดูจะหงุดหงิดไม่น้อย


“นี่ให้มันเร็วหน่อยได้ไหมสารวัตร.... ทำงานนะ” พาสตะโกนแข่งกับลม


“ว่าอะไรนะ” ณุเอี้ยวตัวหันหน้ามามอง


“ไม่ต้องหันมา มองทางไปสิ” พาสพูดพร้อมกับชี้มือไปข้างหน้า


“ก็เมื่อกี้ถามพี่ว่าไรล่ะ” ณุยังคงถามต่อ


“หันกลับไปเลย เป็นตำรวจอะไรเนี่ยไม่รู้จักระวัง” พาสต่อว่าชายหนุ่ม


ณุเอารถเข้าชิดไหล่ทางเขาจอดสนิทแล้วหันกลับมามองพาส “น้องพาสถามอะไรพี่เหรอครับเมื่อครู่นี้” ณุยิ้มหวาน


“ขับให้เร็วๆ หน่อยได้ไหมฮะ ป่านนี้พวกนั้นไปถึงกันหมดแล้ว” พาสขยับตัวออกนิดหนึ่งเมื่อณุเอี้ยวตัวหันมาใกล้


“อ้อ ได้ครับ” ณุยิ้มรับ แล้วเขาก็หันกลับไปสตาร์ดรถ ชายหนุ่มบิดคันเร่งเต็มที่


“เฮ้ย...” พาสถึงกับหงายไปข้างหลังตามแรงออกตัวของรถ หญิงสาวเกาะขอบเบาะไว้แน่น ทั้งที่มันไม่ถนัดนัก


“ไม่กอดเอวพี่ระวังล่วงไปนะครับ” ณุเหลียวหลังมาบอก


“.........” พาสทำเป็นเงียบไม่สนใจ


จังหวะนั้นณุก็ขี่เบี่ยงเพื่อแซงหน้ารถบรรทุกคันที่แล่นนำหน้าเขา ชายหนุ่มเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น


“หวา.........” พาสถึงกับผวารีบเอาแขนขวาโอบเอวเขาไว้แน่นด้วยความตกใจ


ณุก้มมองมือที่กำเสื้อของเขาไว้แน่นลำแขนที่กอดรอบตัว ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ทั้งที่รู้ว่าคนที่กอดเขานั้นไม่ได้เต็มใจสักเท่าใด แต่เขากลับเป็นสุขที่ได้ใกล้ชิดแม้เพียงนิด ชายหนุ่มขี่รถมุ่งหน้าสู่จุดหมาย


รถของกำธรมาจอดรออยู่พักหนึ่งแล้ว ทั้งกำธรและเจดนั่งคุยกันไปตาก็ชะแง้แลหารถที่ควรจะมาถึงไล่เลี่ยกัน จนล่วงไปกว่าสิบนาทีเขาทั้งสองจึงเห็นไฟหน้ารถของณุที่ตรงเข้ามาหาพวกเขา


ณุเห็นพวกกำธรแล้วแต่ชายหนุ่มกับขี่เลยเข้าไปจอดที่ลานจอดของผับ กำธรขี่ตามหลังเข้ามาจอดที่ว่างใกล้ๆ


พาสปล่อยมือจากเอวของณุหญิงสาวทำสีหน้าเรียบเฉยเธอก้าวลงจากรถของชายหนุ่มแล้วเดินไปหากำธรกับเจด พาสพูดอะไรกับทั้งสองเพียงครู่เดียว จากนั้นเธอก็เดินนำหนุ่มทั้งสาม พาสเเดินมาดนิ่งไปหยุดยืนตรงประตูทางเข้าซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของทางร้านยืนคุมอยู่


“ขอตรวจบัตรประชาชนหน่อยครับ” หนุ่มร่างใหญ่มาดเข้มยืนขวางทางเข้าไว้


“ไม่ตรวจไม่ได้เหรอพี่ เนี่ยพวกเราน่ะดูยังไงก็เกินยี่สิบแล้วทั้งนั้นแหละ” พาสทำเป็นอิดออดไม่ค่อยจะเต็มใจหยิบยื่นบัตรสักเท่าไหร่


“ไม่ได้หรอกครับทางเราจำเป็นต้องตรวจทุกคน”


“แหม.... เข้มงวดอย่างนี้ทุกวันเชียวเหรอพี่” พาสยังคงพูดไปเรื่อย


“ครับ ช่วยให้ความร่วมมื่อด้วย อ้อ.... เร็วหน่อยก็ดีนะครับมีคนรอจะเข้าอีกหลายคน” เจ้าหน้าที่เริ่มทำเสียงเข้มขึ้นจากเดิม


“อ่ะ......... บัตร” พาสส่งบัตรประชาชนให้


“ครับ......... ” หนุ่มร่างใหญ่ก้มมองในบัตรสายตาเหลือบขึ้นมามองหน้าพาส สักครู่เขาก็เงยหน้ามามองพาสชัดๆ ก่อนจะก้มลงดูบัตรอีกครั้ง แล้วจึงยื่นบัตรคืนให้พาส “ครับ เรียบร้อยครับ”


“..........” พาสไม่พูดอะไร เธอเดินผ่านหน้าสาวๆ พนักงานเข้าไปด้านใน


สาวๆ ต่างพากันมองตามยิ่งเมื่อเห็นณุที่ตามมาติดๆ ด้วยแล้วสาวๆ ทั้งกลุ่มอยากจะกรี๊ดออกมาซะให้ได้ ทุกคนต่างพากันกระดี้กระด้าอยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆ สองคนนั้นเสียเหลือเกิน


กำธรและเจดต่างมองหน้ากันขำๆ พวกเขานั้นปกติเดินกับพาสก็แทบจะไม่มีใครเหลียวมองอยู่แล้ว นี่ยิ่งเพิ่มสารวัตรหนุ่มมาดสำอางค์เข้าไปอีกคน ทั้งสองได้แต่กอดคอกันเดินตามหลังไปห่างๆ


“ไปนั่งตรงนั้นกันดีกว่า” พาสหันมาบอกพร้อมกับชี้มือไปที่ด้านหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากเวทีนักร้องแต่สามารถมองได้รอบบริเวณร้าน


ณุพยักหน้ารับเขาเดินตามสาวห้าวไปไม่ห่าง สายตาของเขาเพ่งไปที่คนข้างตัวมากกว่ารอบข้าง ที่มีสาวๆ ต่างพากันยิ้มทักทาย สาวๆ ในนี้ต่างดูใจกล้ากันเหลือเกินแต่ละคนนุ่งชุดสั้นเต่อ บางคนก็น้อยชิ้นทำเอาหนุ่มๆ มองกันตาเป็นมัน พาสเหลือบตามามองทางณุแต่เมื่อเห็นว่าเขามองมายังเธอ พาสจึงเสมองเมินไปทางอื่น


“จะกินไรสั่งกันได้เลย” พาสพูดขึ้นเมื่อลงนั่งกันเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวนั่งริมนอกสุดเธอให้กำธรนั่งลงข้างๆ ส่วนณุเห็นดังนั้นเขาจึงเลือกนั่งตรงข้ามกับพาส


“จะรับอะไรดีคะพี่ๆ สุดหล่อ” พนักงานสาวของร้านมาในชุดวาบหวิวกางเกงยีนส์ขาสั้เสื้อยึดสีดำแขนสั้นมัดปลายเสื้อไว้ใต้ฐานอก


“อืมพี่ขอเป็นเบียร์เย็นๆ แก้วใหญ่ 1 ที่นะ” พาสสั่งของตัวเองแล้วมองไปทางลูกน้อง


“เหมือนกัน” ทั้งสองคนสั่งคนละที


“ขอพี่ขอเป็นบรั่นดีแก้วนึง” ณุสั่งเหล้ากับพนักงาน


“จะรับกับแกล้มเพิ่มไหมคะพี่” สาวน้อยพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน


“เอาอะไรที่น้องว่ากินง่ายๆ มาให้สักสองสามอย่างละกัน” พาสยิ้มหวานตอบกลับไป


“ค่ะ.......... พี่สุดหล่อ รอแป๊บเดียวค่ะได้ตามสั่ง”


พนักงานสาวถึงกับยิ้มหวานให้กับพาส แต่ยังไม่วายทิ้งหางตามาทางณุ


“พี่ณุกับพี่พาสนี่เสน่ห์แรงไม่แพ้กันเลยนะครับเนี่ย ดูสิสาวๆ ต่างพากันมองตะละห้อยเชียว” เจดซึ่งมองไปรอบๆ เห็นสาวๆ ที่มองมาทางพวกเขาก็อดพูดไม่ได้


“เจด......... แกคอยมองดูให้ดีๆ ละกันว่าจะมีคนตามที่สายเราแจ้งไว้หรือเปล่า” พาสจ้องลูกน้องหนุ่มเขม็งไม่ให้พูดนอกเรื่อง


“ก็ดูอยู่นี่ละครับพี่พาส ไม่ได้อู้สักหน่อย” เจดพูดเสียงอ่อย


“เออ ดูไปไม่ต้องพูดมาก” พาสเอ่ยเสียงเรียบ เธอเอนตัวพิงเบาะมือกอดอกสายตามองเลยไปทางด้านบนชั้นสอง หญิงสาวค่อยๆ เบนสายตาไปเรื่อยๆ ไม่ได้เพ็งเล็งไปที่ใครเป็นหลัก


“มาแล้วค่ะพี่” สาวน้อยคนเดิมเอาของที่สั่งมาเสริฟให้


“นี่เบียร์ของพี่ค่ะ” เธอวางถาดลงจากนั้นก็ถือเบียร์แก้วใหญ่ส่งให้พาสถึงมือ


“ขอบใจจ๊ะ” พาสทำเสียงนุ่ม


สองหนุ่มไม่พูดอะไรเอื้อมมือมาหยิบแก้วของตัวเอง โดยไม่ต้องรอให้แม่พนักงานสาวมาเสริฟให้ เพราะรู้ว่าคงไม่มีทางเนื่องจากสาวเจ้ามัวแต่นั่งยิ้มตาหวานใส่พาส


ณุเองก็เช่นเดียวกันหยิบออกมาวางไว้ข้างๆ ตัว เขาได้แต่มองพาสที่ทำตาหวานใส่พนักงานสาวด้วยมาดนิ่ง ชายหนุ่มทำไม่สนใจเขาเองก็คอยสอดส่องดูว่าผับนี้มีอะไรผิดปกติหรือไม่ เขาหันกลับมามองทางพาสอีกครั้งเมื่อเห็นหญิงสาวกระซิบกระซาบอะไรกับพนักงานสาวคนเดิม เขาจ้องมองด้วยความสนใจ
---------------------------------------------------------1

พนักงานสาวยิ้มให้พาสแล้วลุกเดินไปหากลุ่มสาวๆ ที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดแต่ละชุดช่างนุ่งน้อยห่มน้อยกันเหลือเกิน พนักงานสาวชี้มาทางโต๊ะของพาส สาวๆ ต่างพากันยิ้มหวานแล้วหันกลับไปพูดคุยกัน


ส่วนกลุ่มของพาสเองก็ปรึกษากันในเรื่องที่จะหาทางล่อซื้อยาจากคนที่สายรายงานไว้ ซึ่งตอนนี้เธอจะใช้พนักงานสาวให้ช่วย


“ยังไงขอให้ทุกคนทำตัวเป็นนักเที่ยวกันหน่อยนะฮะ ยังไงเราก็ต้องมีสาวๆ มานั่งด้วย ไม่งั้นพวกมันคงสงสัย” พาสบอกจุดมุ่งหมายที่เธอให้พนักงานไปหาสาวๆ ให้


“แล้วไงต่อครับน้องพาส” ณุมองหน้าพาส


“ก็ทำตัวไปตามสมควรละกันฮะ ที่เหลือพาสจัดการเอง” พาสจ้องตอบณุ


“มากันแล้วครับ” กำธรรีบรายงานเมื่อเห็นสาวๆ สามคนพร้อมกับพนักงานสาวเดินกลับมาที่โต๊ะ


“มาแล้วค่ะพี่” พนักงานสาวลงไปนั่งเบียดพาสก่อนเพื่อน


“จ้ะ...” พาสยิ้มตาหวานให้


แล้วมองกลับไปที่สาวๆ ทั้งสาม “แนะนำตัวหน่อยดีไหมจ๊ะพี่จะได้เรียกถูก” พาสส่งยิ้มให้


“แองจี้ค่ะพี่” สาวเปรี้ยวในชุดสีดำรัดรูป พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน


“ซาร่าค่ะ” สาวผมหยิกตัวบางแนะนำตัวเอง


“แอนนี่ค่ะ” สาวน้อยวัยไม่น่าเกินยี่สิบ มีท่าทางเหนียมอายมองพาสตาไม่กระพริบ


“นี่ยายแอนนี่ พี่คนนี้ฉันจองแล้วย่ะ ไม่ต้องมามองอย่างนี้เลย” เธอตีมือแอนนี่


“แหม...แจนก็พี่เขาออกจะเท่ห์ ขอหนูนั่งกับพี่ด้วยคนได้ไหมคะ” แอนนี่อ้อนเสียงหวาน


“เอ๊ะ...ยายแอนนี่” แจนเริ่มโวย


พาสรีบรวบแจนมากอดไว้แล้วก็รีบว่า “ไม่เอาฮะสาวๆ อย่าทะเลาะกัน นั่งด้วยกันนี่ละฮะ” พาสตบที่เบาะอีกข้าง


สาวแอนนี่รีบมาลงนั่งเอามือคล้องแขนอีกข้างของพาสมากอดไว้ “พี่ใจดีจังค่ะ”


“จ้ะ” พาสยิ้มรับ


ซาร่าเข้าไปนั่งข้างๆ ณุ ทำให้แองจี้เลือกเข้าไปนั่งกลางระหว่างกำธรและเจด สาวๆ ต่างพากันช่วยบริการหนุ่มๆ


“จะทานอะไรสั่งได้เลยนะสาวๆ เต็มที่” พาสบอกกับสาวทั้งสี่


“แหม พี่ใจดีจัง พี่ชื่ออะไรกันคะ หนูไม่เคยเห็นหน้าพวกพี่เลย เคยมากันบ้างหรือเปล่าคะเนี่ย” แจนเอามือแตะที่หน้าขาของพาส


“พวกพี่เพิ่งเคยมาที่นี่น่ะ เห็นเค้าว่าสาวที่นี่สวย เลยอยากมาให้เห็นกับตา” พาสขยับตัวเอาแขนที่โอบแจนอยู่เปลี่ยนมาจับมือของสาวแจนที่วางอยู่บนตักเธอมากุมไว้


“แล้วเป็นไงคะพี่ สวยอย่างที่ตั้งใจมาไหมคะ” ซาร่ายื่นหน้ายื่นตามาถาม


“อืม...” พาสทำมองกราดทั่งสี่สาวอย่างช้าๆ


“นั่นสิ อันนี้ลองถามพวกพี่สามคนนั้นดีกว่าไหม” พาสโยนไปทางสามหนุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบ


“ว่าไงคะพี่ พวกหนูสวยไหมคะ” ซาร่าหันมาเกาะแขนณุ เธอยิงคำถามใส่


“นั่นสิคะพี่สองคนมองว่าไง” แองจี้มองกำธรทีมองเจดที


“สวยครับ......... พวกน้องสวยๆ กันทั้งนั้น รู้อย่างนี้ผมกับพวกเพื่อนคงมากันนานแล้ว” กำธรตอบ


“พวกพี่เนี่ยปากหวานกันจัง” ซาร่ายิ้มรับกับคำชมของกำธร
ซาร่าหันกลับมายิ้มหวานให้ณุ “พี่สุดหล่อทำไมเงียบจังคะ ไม่เห็นพูดอะไรเลยเอาแต่ทานเหล้าอย่างเดียว”


“เอ่อ...พอดีผมเพิ่งเคยเที่ยวที่แบบนี้น่ะครับเลยไม่ค่อยคุ้น” ณุยิ้มบางๆ ให้สาวซาร่าที่ขยับเบียดตัวมาชิด


“ไม่สนุกบ้างเลยเหรอคะที่เนี่ย ดูพี่ไม่ค่อยสนุกเลย” ซาร่าเอามือเกลี่ยไปตามหน้าอกของณุ


“คือ...” ณุขยับออกนิดหน่อย


“พี่เค้าเพิ่งเคยน่ะน้อง อืม.... น้องแจนฮะ มีอะไรพอจะช่วยสร้างความสนุกให้ได้บ้างไหม” พาสรีบเข้าในสิ่งที่ต้องการ


“อะไรดีล่ะคะพี่” แจนกระแซะพาส


พาสกระซิบที่ข้างหูของแจน แจนได้ฟังสิ่งที่พาสต้องการก็มองหน้าพาสพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง “ที่นี่เค้าห้ามขายนะพี่ของที่พี่ต้องการน่ะ”


“อ้าวเหรอ.... ว้า อย่างนี้ก็เซ็งแย่สิ” พาสทำท่าหมดแรงทิ้งตัวพิงพนัก


“พี่มีพวกหนูอยู่ก็สนุกกันได้ ไม่เห็นต้องใช้เลยนั่นนะ” แจนรีบเข้าไปซบลงที่ไหล่ของพาส พร้อมกับชะม้ายตามองหน้าของสาวเท่ห์


“ไอ้พี่น่ะสบายอยู่แล้วแต่พี่คงเบื่อที่ต้องเห็นหน้านิ่งๆ ของไอ้เพื่อนพี่พวกเนี้ย” พาสพูดหน่ายๆ กับแจน แล้วมองไปทางหนุ่มตรงข้าม


“อืม.........” แจนมองไปที่ณุที่เอาแต่นั่งเงียบ


“ก็ได้พี่......... งั้นหนูขอตัวไปดูให้ก็ได้ เดี๋ยวมาค่ะ”


“..........” พาสพยักหน้าให้


แอนนี่ส่งเบียร์ให้พาสดื่ม พาสรับมาถือไว้แล้วยกขึ้นจิบเพียงน้อย สายตาเธอเหลือบไปเห็นณุที่มองมาก็เสหันกลับมาทางแอนนี่ ซึ่งกำลังยิ้มหวานมองพาสไม่วางตา สาวเท่ห์ก็ยิ้มตอบชักชวนให้แอนนี่ทานของที่วางอยู่ตรงหน้า แล้วก็มองเลยไปทางสองหนุ่มที่มีแองจี้คอยดูแลพูดคุยด้วย


สักพักแจนเดินกลับมาหาพาสกระซิบกระซาบอะไรกันสักอย่าง แล้วพาสก็ขอตัวจากกลุ่มลุกตามแจนไป


หนุ่มทั้งสามคนมองตามหลังสาวทั้งสองไป แต่ก็ยังพยายามทำตัวเป็นปกติกับสาวๆ ที่ยังคงนั่งด้วยกัน สักครู่เดียวสองหนุ่มก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ


สองสาวเดินตามกันไปทางด้านหลังร้าน พาสพบกับผู้ชายวัยสามสิบต้นๆ ผอมสูง แต่งตัวธรรมดาๆ เสื้อยืดกางเกงยีน หน้าตาดูลุกลี้ลุกลนคอยสอดส่ายสายตาไปทั่ว


“พี่แมน... นี่ไงลูกค้าที่ว่า” แจนเรียกชื่อชายคนนั้น


“เนี่ยเหรอ......... ดูไม่เห็นเหมือนคนใช้ยาสักนิด” แมนมองตั้งแต่หัวจรดเท้า


“ก็ไม่ได้เล่นบ่อยหรอกพี่ นี่พอดีพาเพื่อนมาเที่ยวเห็นเค้าเซ็งๆ เลยอยากให้ลองสักหน่อย แก้อาการเซ็งน่ะ” พาสออกตัว


“อ้อ... แล้วจะเอาสักเท่าไหร่” แมนยังคงมองไปรอบๆ ตัว คอยระวังภัย


“พี่มีสักห้าเม็ดไหมล่ะ พอดียังต้องอยู่กับไอ้หมอนั่นอีกหลายวัน” พาสพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งคนที่พูดถึง


“ห้าเม็ดเหรอ.........ได้” แมนล้วงตรงช่องลับที่อยู่ติดกับขอบกางเกงหยิบม้วนห่อพลาสติกออกมา ในถุงนั้นมีถุงย่อยเล็กๆ อยู่อีกหลายถุง


“เอ้า.....” แมนจัดแจงจะส่งให้พาสหนึ่งถุงเล็ก แล้วก็ชะงักไป


“อ้าว” พาสที่ยื่นมือไปรับก็ทำสีหน้างงๆ เธอเองก็คอยมองหน้านายแมนอยู่ว่าจะทำอะไร เพราะนายคนนี้อาจจะเคยเห็นเธอ ซึ่งเธอต้องระวังตัวเช่นกัน พาสยังคงนิ่งมองหน้านายแมน


“เงินน่ะ.... เงิน” แมนกระดิกนิ้วขอสิ่งแลกเปลี่ยน


“โถ่.... นึกว่าไร” พาสล้วงกระเป๋ากางเกงส่งเงินให้


เมื่อแมนได้รับเงินแล้วก็ส่งยาให้กับพาส หญิงสาวยื่นมือหนึ่งไปรับส่วนอีกมือล้วงของจากกระเป๋ามาสับเข้าที่มือของแมนด้วยความว่องไว


“ว้าย..........”


“เฮ้ย.........” แมนเมื่อเห็นกุญแจมือถึงกับร้องเสียงหลง


“ขอจับกุมนายแมนข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย”


แจนก็มีอาการตกใจไม่แพ้กันว่าตนเองหลงกลเข้าให้แล้ว พนักงานสาวของร้านตั้งท่าจะวิ่งหนีแต่พอเปิดประตูออกไปก็พบกับกำธรและเจดยืนรออยู่แล้ว


“จับไว้ธร” พาสตะโกนสั่งทันที


“ครับ” กำธรเองก็รีบจัดการตามคำสั่ง


นายแมนดูจ๋อยสนิทเมื่อเห็นว่าไม่ได้มีเพียงพาสคนเดียวในตอนนี้ เขาหมดทางหนีเสียแล้ว
-----------------------------------------------------------2

แต่ก็ยังไม่วายฮึดฮัดด้วยความโมโหที่ตนเองต้องเสียอิสรภาพ พาสดัดแขนนายแมนไพล่หลังเพื่อป้องกันการขัดขืนและต่อสู้ สาวห้าวส่งต่อนายแมนให้กับเจดที่ตรงเข้ามาหาเธอ


“เอาตัวทั้งสองคนออกไปทางด้านหลังนี่แหละ พี่โทรบอกให้พี่กรเอารถมาจอดไว้ไม่ไกลนี่ เดี๋ยวจะโทรให้มารับตัวทั้งสองคนไป” พาสบอกกับลูกน้องทั้งสองให้พาผู้กระทำความผิดไป


“ครับ” ธรดันตัวแจนให้ขยับเดิน


“พี่คะ.... หนูไม่ได้ขายนะพี่... พี่ก็น่าจะรู้ว่าหนูไม่ได้ทำ” แจนร้องขอพาส เธอดูตื่นกลัวกับการที่ต้องถูกจับ


“พี่เข้าใจ.... แต่ตอนนี้พี่ต้องการให้น้องไปเป็นพยาน น้องต้องให้ปากคำกับตำรวจทุกอย่างแล้วน้องก็จะได้กลับบ้าน” พาสบอกกับแจนเสียงนุ่มด้วยความเห็นใจ


พาสมองตามหลังคนทั้งสี่ไป หญิงสาวจัดการล้วงเอาโทรศัพท์กดเบอร์หากรที่กำลังรอข่าวจากเธออยู่


“พี่กร.... เรียบร้อยฮะ.........ฮะ ให้รถมาจอดรอได้เลยให้ธรกับเจดพาออกไปแล้ว... ฮะ...พาส......... ปลอด... ภัยดี”


พาสที่กำลังพูดโทรศัพท์อยู่หันหลังกลับจะเข้าร้านก็พบ
ณุยืนอยู่ตรงประตู หญิงสาวทำเฉยเดินผ่านณุเข้าไปด้านใน


“น้องพาสครับ....” ณุรีบคว้ามือพาสดึงหญิงสาวเข้าหาตัว


“เฮ้ย..........” พาสถูกดึงเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากชายหนุ่ม


ทั้งสองคนต่างจ้องมองตาซึ่งกันและกัน ชายหนุ่มพยายามค้นหาอะไรบางอย่างจากเธอคนนี้ พาสรู้สึกประหลาดทุกครั้งที่ตนเองต้องอยู่ใกล้ๆ กับชายคนนี้ หญิงสาวไม่ชอบความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเองนัก


“น้องพาส...”


“ปล่อยนะ.........มาจับพาสทำไม” พาสผลักอกชายหนุ่ม


“ก็พี่อยากคุยกับพาส” ณุจับมือที่ผลักอกเขาไว้


“ปล่อยก่อนสิ” พาสยื้อมือตัวเองกลับ แต่ดูจะไม่สำเร็จเอาเสียเลย


“ไม่... ถ้าปล่อยน้องพาสก็ไม่ฟังที่พี่ต้องการจะพูด” ณุจ้องเข้าไปในตาคู่งาม


“ถ้าจะคุยเรื่องเดิมๆ ไม่ต้องคุยพาสไม่มีไรจะคุยด้วย” พาสหลบสายตาคมที่จ้องเหมือนจะให้ทะลุถึงใจข้างใน


“น้องพาส....” ณุทำเสียงระคนเศร้าสร้อย


“พาสต้องกลับสถานีแล้วต้องไปสอบปากคำนายแมน สารวัตรจะอยู่ต่อก็ได้นะฮะ” พาสดึงมือตัวเองหลุดจากณุง่ายดาย เพราะเค้าคลายมือตัวเองออก


“พี่ไปส่ง น้องพาสเรียกพี่ว่าพี่ณุได้ไหมครับ พี่ขอละ” ณุอ้อนเสียงนุ่ม


“คือ...” พาสเงยหน้าขึ้นมองเค้าเพียงแว่บเดียว


“นะครับ.... พี่ขอ”


“.........ฮะ” พาสชั่งใจไปครู่ก่อนตอบชายหนุ่ม


“ขอบคุณครับ” ณุดูหน้าตาสดชื่นขึ้นทันตา


“แล้วก็นะฮะ เรียกพาสว่าพาสก็พอ ไม่ต้องมีน้องนำหน้า” พาสเงยหน้าขึ้นมองณุ


“ครับ” ณุรับคำอย่างดี


สาวแอนนี่และซาร่าที่เดินตามหาทั้งสองอยู่ พอเห็นสองคนยืนคุยกันก็รีบตรงเข้ามาหาทันที “พี่สองคนหายมาอยู่กันที่นี่เอง พวกหนูนึกว่าโดนทิ้งซะแล้ว”


“พวกพี่ว่าจะกลับกันแล้วนะจ้ะ พอดีพี่มีงานด่วนต้องกลับไปทำน่ะ” พาสหันกลับไปตอบทันควันแบบไม่ต้องคิด


“ยังคุยกันไม่ถึงไหนเลยพี่จะรีบกลับไปไหนล่ะคะ” แอนนี่เข้ามาเกาะแขนพาส


“พอดีมีงานด่วนจริงๆ จ้ะ ไม่งั้นพี่คงไม่ต้องกลุ้มว่าต้องทิ้งน้องๆ ไปอย่างนี้หรอก” พาสทำสีหน้ากลุ้มใจ


“ว้า... ทำไมงั้นละคะ” ซาร่าทำท่าจะเข้าไปหาณุ


“พี่ขอตัวไปสตาร์ดรถรอนะ” ณุถอยฉากหลบไปอีกทาง


พาสมองตามชายหนุ่มที่เดินหายไปกับฝูงคน ก่อนจะหันกลับมาทางสองคนที่ยังคงยืนมองเธออยู่


“พี่ฝากจ่ายค่าเหล้าที่โต๊ะด้วยนะ แล้วไงพี่จะหาทางมาเที่ยวอีกนะจ๊ะ” พาสแตะที่คางแอนนี่


“แล้วเงินทอนละคะพี่” แอนนี่มองเงินในมือ


“เผื่อน้องๆ อยากทานกันต่อ” พาสยิ้มให้


“ขอบคุณค่ะพี่ แล้วอย่าลืมพวกหนูนะคะ” แอนนี่ยิ้มหวานให้พาส


“จ้ะ พี่ไปนะเดี๋ยวเพื่อนมันรอ” พาสส่งจูบให้สาวๆ แล้วหันเดินจากไป


สองสาวต่างพากันมองพาสแล้วหันมามองหน้ากันด้วยความรู้สึกเสียคายที่หนุ่มหล่อ กับทอมเท่ห์ไปซะแล้ว


“พี่คนที่เป็นทอมเท่ห์ชะมัดเลยนะแก” แอนนี่ยังคงเพ้อ


“เออ แต่ฉันว่าพี่สุดหล่อนั่นน่ะดีกว่าเป็นไหนๆ มาดนิ่งน่าค้นหา” ซาร่าทำตาเคลิ้ม


“ชริ” แอนนี่สะบัดหน้าใส่เพื่อน
----------------------------------------------------------3


ด้านหน้าร้านชายหนุ่มนำมอเตอร์ไซด์มาจอดรอพาส เมื่อหญิงสาวเดินออกมาเห็นเขาพาสก็ต้องถอนใจยาว เธอมองไปรอบๆ ไม่เห็นลูกน้องทั้งสอง จึงจำใจต้องไปกับณุ สาวห้าวตรงเข้าไปหาชายหนุ่ม ณุยื่นหมวกให้หญิงสาวที่เพิ่งขึ้นซ้อนท้ายเขา


“จับดีๆ นะครับ” ณุหันมาพูดยิ้มๆ


“............” พาสทำเฉยเอามือเกาะที่ข้างตัวรถไว้


ณุชำเลืองมองหญิงสาวนิดหนึ่ง เขายิ้มที่มุมปาก ณุเร่งเครื่องพร้อมกับออกตัวแรงเต็มสปีตความเร็วของเครื่องยนต์


“ขับช้าลงหน่อยได้ไหมฮะ” พาสตะโกนสุดเสียง


“.........” เขายังคงขี่ตะบึนไปข้างหน้าไม่สนใจพาส


“นี่....” หญิงสาวหน้ามุ่ยเธอยังคงพยายามฝืนเอามือเกาะที่ข้างตัวรถไว้แน่น


รถคันใหญ่แฉลบเข้าไปจอดตรงข้างทาง ชายหนุ่มหันกลับมามองหน้าพาส เขาส่ายหัวกับความดื้อของคนตรงหน้า


“เกาะแบบนั้นมันอันตรายรู้ไหมครับ... ทำไมไม่เกาะพี่”


“พาสถนัดอย่างนี้มากกว่า” พาสพูดเสียงเรียบ


“เกาะพี่เนี่ยมันลำบากนักหรือไงครับ” ณุเริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นบ้างแล้ว


“..........” ไม่มีเสียงตอบ


“ต้องให้ทำยังไงครับ ถึงจะยอม”


“ก็พาสบอกแล้วนี่ว่า..........”


พาสยังพูดไม่ทันจบ ณุก็เอี้ยวตัวมาแงะมือของพาสออกจากข้างตัวรถเขาเอามือของหญิงสาวมาไว้ที่เอวของเขา


“เฮ้.... ทำไรนะ...” พาสยื้อมือของเธอไว้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้


“เกาะไว้.... อีกมือด้วย” ณุจับแขนของพาสไว้แน่นไม่ยอมปล่อยพร้อมกับพูดเสียงเข้ากับพาส


“ไม่เอา.......... ปล่อย” พาสยังคงดื้อเธอพยายามดึงแขนตัวเองให้พ้นจากตัวณุ


“พาสครับ.... ทำตัวให้มีเหตุผลหน่อยได้ไหม พาสบอกพี่ไม่ให้ยึดติดกับเรื่องในความฝันในสิ่งที่เห็น แต่พี่ว่าพาสเองต่างหากที่คิดไม่งั้นคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก” ณุพูดจี้เข้าตรงจุดตามที่เขาคาดการณ์


เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม พาสถึงกับนิ่งงันเพราะทุกอย่างเป็นอย่างที่ผู้ชายคนนั้นพูด ความฝันที่เกิดขึ้นมานั้นทำให้เธอต่อต้านผู้ชายตรงหน้า เธอพยายามหลีกห่างจากเขา


ปากบางของณุปรากฏรอยยิ้มจางๆ เมื่อเห็นว่าสาวตรงหน้าสงบลง เขารวบมือทั้งสองข้างมาเกาะเกี่ยวไว้ที่เอวของเขา ชายหนุ่มค่อยๆ ออกตัวอย่างช้าๆ


ทั้งสองกลับมาถึงโรงพักณุขี่ไปจอดส่งพาสตรงบันได หญิงสาวก้าวลงจากรถเธอส่งหมวกคืนให้กับชายหนุ่ม


“ขอบคุณฮะ......... พี่ณุ”


“พี่ยินดีเสมอครับ” ณุยิ้มหวานให้


“..........” หญิงสาวไม่ตอบอะไร เธอเดินขึ้นสถานีไปทิ้งให้ชายหนุ่มมองตาม


ในห้องสอบสวนพาสกำลังสอบปากคำผู้ต้องหา โดยมีณุยืนกอดอกมองการทำงานของหญิงสาวอยู่ด้านนอก เขาเพ่งพิจารณามาดนิ่งๆ ของพาสที่สอบปากคำนายแมน ดูเธอสงบมากกับพฤติกรรมยียวนกวนประสาทของผู้ต้องหารายนี้ เขารู้สึกชื่นชมการควบคุมอารมณ์ของเธอ


เขาเห็นว่าหญิงสาวที่พูดคุยกับนายแมนหันมามองทางเขาเช่นกัน แต่เพียงครู่เดียวเธอก็หันกลับไปสนใจกับนายแมน พาสเปิดเอกสารในมือพลิกไปพลิกมา เธอยื่นแฟ้มบางนั้นไปตรงหน้าของผู้ต้องหาเซ็นต์คำสารภาพ


สักพักพาสก็เรียกให้กำธรมาเอาตัวนายแมนไปขัง หลังจากลูกน้องหนุ่มเอาตัวนายแมนไปแล้ว หญิงสาวก็เดินออกจากห้องสอบสวนมุ่งหน้ากลับมาที่โต๊ะทำงานของเธอ พาสเปิดคอมฯ พิวเตอร์เพื่อทำงานต่อ


คนที่มัวแต่ทำงานอยู่หน้าคอมฯ ไม่ได้สนใจอย่างอื่นรอบข้าง ต้องเงยหน้าขึ้นมองมือใหญ่ที่ถือถ้วยกาแฟมายื่นให้ตรงหน้า


“น้ำเต้าหู้อุ่นๆ ครับ ลองท้องสักหน่อย”


“เอ่อ....พาส” พาสมองหน้าณุ


“ตั้งแต่ค่ำพี่ยังไม่เห็นพาสทานอะไร เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะซะก่อนนะครับ” ณุขยับเอาถ้วยมาวางลงบนโต๊ะ


“ขอบคุณฮะ” พาสจำต้องรับความหวังดีนั้น


“พี่อยู่ในห้องทำงานถ้าพาสจะกลับเรียกพี่ได้นะครับ”


“ไม่เป็นไรฮะ พาสกลับเองได้” หญิงสาวรีบบอกเธอไม่ต้องการรบกวนเขา


“ก็รถพาสเสีย แล้วพาสจะกลับบ้านยังไง” ณุแสดงความเป็นห่วง


“เดี๋ยวให้ธรไปส่งฮะ”


“กำธรกลับไปแล้วเห็นว่าที่บ้านมีธุระด่วน”


“อ้าว...แล้วก็ไม่มาบอก.” พาสอุทานออกมา


“ธรเค้ารีบไป พี่เลยรับอาสามาบอกพาสเอง แต่เห็นพาสทำงานง่วนอยู่ก็เลยยังไม่ได้บอก” ณุรีบออกตัวแทนกำธร


“อ้อ....ฮะ” พาสพยักหน้ารับ


“แต่พาสต้องทำงานให้เสร็จนะฮะ ไงพี่ณุกลับไปก่อนดีกว่า ไม่ต้องรอพาสหรอกฮะ”แล้วหญิงสาวก็ลงมือทำงานตามที่บอกกับชายหนุ่ม


ณุมองพาสทำงานอยู่อีกพักหนึ่งก่อนจะกลับเข้าห้องทำงาน เขานั่งตรวจดูเอกสารไปเรื่อยๆ เพื่อรอพาส


เวลาบนผนังห้องผ่านไปเรื่อยจนใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว หญิงสาวยังคงนั่งทำงานไม่ได้สนใจเวลาที่ผ่านไป


คนที่นั่งรอหญิงสาวอยู่ทนไม่ไหวจึงต้องเดินออกมาด้อมๆ มองๆ ที่โต๊ะของพาส เขามองดูคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน


“นี่ก็ดึกมากแล้ว...” ณุพูดขึ้นเพื่อเรียกความสนใจจากพาส


พาสเงยหน้ามองชายหนุ่ม แล้วก็หันไปมองนาฬิกาที่ผนังหน้าโต๊ะเธอ “โห......... ดึกขนาดนี้เชียว”


“เสร็จหรือยังครับ จะได้กลับบ้านกัน”


“พาสบอกแล้วว่าพาสกลับเองได้ พี่ณุกลับเถอะฮะดึกมากแล้ว”


“พี่รอได้ ให้งานพาสเสร็จก่อนก็ได้” ณุยิ้มเอาใจ


“งั้นพาสกลับดีกว่า” พาสเซฟข้อมูล และเก็บของบนโต๊ะทำงาน


“พี่ไปส่ง” ณุอาสา


“ไม่ต้องฮะ... ขอบคุณ” พาสยังคงปฎิเสธ


“พาสครับ ให้พี่ไปส่งเถอะนะ พี่เป็นห่วง” ณุแสดงออกถึงความอาทร


“.........” หญิงสาวไม่รู้จะทำไงกับณุดี เธอไม่คิดว่าตัวเองจะเจอกับคนช่างตื้ออย่างคนๆ นี้เลย


“นะครับ พี่ไปส่ง” ณุยิ้มหวาน


“...........” พาสได้แต่พยักหน้า


“ครับ ไปกัน” ณุผายมือให้พาสเดินนำ

จบบทที่ 6 ค่ะ









 

Create Date : 22 กันยายน 2549    
Last Update : 26 กันยายน 2549 22:18:06 น.
Counter : 271 Pageviews.  

1  2  3  

jd_spn
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




-ความรักเป็นสิ่งสวยงามแต่มิใช่จะเกิดได้ง่ายดาย เมื่อได้มาก็จงเก็บรักษาไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
-อยากมอบสิ่งดีๆ ให้กับทุกคน และมอบความรักให้กับคนอันเป็นที่รักทุกคน
คุยกันหลังไมค่กดที่ตุ๊กตาเด็กเล่นน้ำนะคะ
cursor
Friends' blogs
[Add jd_spn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.