เราเป็นตัวเรานั่นดีที่สุด
Group Blog
 
All blogs
 
ตราบนิรันดร์ บทที่ 8



บทที่8 ยามเมื่อชิดใกล้



ทั้งสองพากันมานั่งในร้านคอฟฟี่ช๊อป ภายในร้านมีโคมไฟทรงกลมที่ทำด้วยเชือกป่านเส้นเล็กพันกันจนเป็นทรงสีสันสวยงามเมื่อต้องกับแสงนีออนที่สาดส่องออกมา เก้าอี้บุนวมนุ่มสบายน่านั่งพักผ่อนเป็นอย่างมาก รอบๆ ร้านมีภาพถ่ายขาวดำของสถานที่สำคัญของประเทศไทยประดับไว้บนผนังเป็นภาพบรรยากาศสมัยก่อนแลดูคราสสิค มองแล้วให้ความสบายตาสบายใจ สาวที่นำของที่สั่งมาเสริฟเธอยยิ้มหวานให้พาส


“วันนี้ลมอะไรหอบหมวดสุดหล่อมาได้คะเนี่ย”


"ลมคิดถึงวิมั้งทำให้ต้องมาเนี่ย" พาสแหย่


"เอาเรื่องจริงดีกว่าค่ะ" วิภาพูดยิ้มๆ


“พอดีมีเรื่องคุยกับสารวัตรนิดหน่อย แล้วสารวัตรแกชอบร้านนี้ก็เลยเข้ามานี่แหละ ไม่ต้องไปบอกพี่สลิ่มหรอกนะ” พาสพูดอย่างคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี


“สารวัตรเหรอคะ ไม่ค่อยคุ้นเลย อ้อ.... คงเป็นสารวัตรที่มาใหม่ที่เค้าลือกันสิให้แซ่ดสินะคะว่าหล่อนัก” สาวเจ้าช่างกล้า


“หรือครับร่ำลือกันขนาดนั้นเชียวหรือครับ คงจะเกินจริงไปแน่ๆ เลย” ณุตอบยิ้มๆ


“ไม่หรอกค่ะ สารวัตรหล่อมากเลยค่ะ พอๆ กับพี่พาสเลยนะคะเนี่ย” หญิงสาวยังคงชะม้ายตาหวานให้พาส


“ยังไงวิไปก่อนนะคะ มีอะไรเรียกได้เลยนะคะ” วิภาสาวน้อยผู้เป็นน้องสาวของสลิ่มผู้เป็นเจ้าของร้านกาแฟยิ้มให้กับทั้งสองก่อนจะลุกจากไป


ณุมองหน้าพาสยิ้มๆ “พาสนี่กว้างขวางเหมือนกันนะ”


“สลิ่มเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพาสสมัยมัธยมฮะ สามีเขาก็เป็นตำรวจอยู่ที่สน.เรานั่นแหละฮะ อยู่ฝ่ายสอบสวน” พาสอธิบายให้ณุฟัง


“ครับ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ณุยิ้มหวาน


“อ้อ......อืม” พาสถึงกับอึ้ง หญิงสาวเสหยิบถ้วยชาร้อนขึ้นมาจิบแทน


“พี่อยากอธิบายเรื่องปวรวรรณ ผู้หญิงที่มาหาพี่วันนี้น่ะ” ณุเริ่มเข้าเรื่อง


“ไม่เห็นต้องอธิบายนี่ฮะ เค้ามาหาพี่ณุไม่เห็นมีไร ใครๆ ก็มาเยี่ยมกันได้ไม่แปลกหรอกฮะ” พาสวางมาดนิ่ง


“พี่กลัวพาสเข้าใจผิดเหมือนพวกนั้น” ณุมองหน้าพาสนิ่งเหมือนจะใช้ตาเป็นสื่อบอกความนัยกับเธอ


“ทำไมพาสต้องเข้าใจผิดด้วยละฮะ พาสไม่สนใจอยู่แล้วเรื่องพวกนี้” พาสไม่สบตาด้วย


“พาสไม่อยากรู้ไม่เป็นไร ขอพี่อธิบายก็แล้วกันนะครับ” ณุทำเสียงออดอ้อน


“อยากพูดอะไรก็พูดสิฮะ พูดจบจะได้กลับบ้านกันสักทีพาสอยากพัก” พาสดูไม่ค่อยเต็มใจอยากรู้สักเท่าไหร่


“คือปวรวรรณเค้าเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทของคุณแม่พี่ พี่กับวรรณสนิทกันพี่คิดว่าวรรณเค้าเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งของพี่” ณุหยุดเล่าเขามองหน้าพาสนิดหนึ่ง


“..........” พาสนั่งจิบชาเงียบๆ เธอมองเขานิ่ง


“เขามักจะเป็นตัวแทนของแม่พี่มาถามข่าวคราวพี่เสมอ เพราะแม่พี่ท่านไม่ค่อยชอบการเดินทางสักเท่าไหร่ท่านแก่มากแล้ว พี่ถึงได้ย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะเดินทางไปมาหาสู่ได้ง่ายขึ้น”


“อืม” พาสพยักหน้าน้อยๆ


“พี่กับวรรณไม่มีอะไรมากไปกว่าพี่กับน้องเท่านั้นนะครับ” ณุยังคงยืนยันหนักแน่น


“พี่ณุมีเรื่องจะพูดกับพาสแค่นี้ใช่ไหมฮะ ถ้างั้นเรากลับกันเถอะพาสอยากพักผ่อน” พาสเอ่ยถามเมื่อณุพูดจบ


“พาสไม่ถามอะไรพี่บ้างเหรอ” ณุจับแขนพาสที่ทำท่าจะหันไปเรียกเด็กมาเก็บเงิน


“ไม่มีฮะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเรากลับกันเถอะนะฮะ” พาสค่อยๆ ปลดแขนณุออก


“...........” ชายหนุ่มนิ่งไป


พาสหันไปกวักมือเรียกเด็กให้มาเก็บเงิน “วิภาเก็บเงินด้วย พี่จะกลับแล้ว”


“ค่ะ” วิภาขานรับ

---------------------------------------------------------1


รถกระป๋องของพาสเคลื่อนตัวออกจากร้านไป ทิ้งให้ณุยืนส่งเธออยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มยังไม่ทันได้สตาร์ทเครื่อง ก็มีหญิงสาวขาวอวบตัวเล็กดูน่าทะนุถนอมเดินออกจากร้านตรงเข้ามาหาเขา หญิงสาวยกมือไหว้อย่างคนมีมารยาท


“สวัสดีค่ะ สารวัตรพิษณุใช่ไหมคะ”


“ครับ... ผมพิษณุ” ชายหนุ่มยิ้มให้


“สลิ่มค่ะ เป็นเพื่อนของพาสนะค่ะ” สลิ่มแนะนำตัวเอง


“อ้อ สวัสดีครับ”


“เห็นวิบอกว่าพาสกับสารวัตรมา สลิ่มก็รีบลงมาเลยนะคะเนี่ยยังไม่ทันยายพาส” สลิ่มมองตามทิศที่รถของเพื่อนหายลับไป


“ครับ” ณุตอบรับเบาๆ


“ทำไมกลับกันเร็วนักเล่าคะสารวัตร เพิ่งมากันแป๊บเดียวเองไม่ใช่เหรอคะ” สลิ่มหันกลับมาคุยกับชายหนุ่ม


“เห็นพาสบอกว่าเหนื่อยกับง่วงนะครับ คงเพลียจากงาน”


“ไม่ก็หนีหน้าสลิ่ม” สลิ่มค้อมลมค้อนแล้งไปเรื่อย


“มีอะไรกันหรือครับ” ณุแสดงอาการสงสัยใคร่รู้


“พอดีมีเพื่อนของพี่เมฆสามีสลิ่มนะค่ะ อยากรู้จักกับพาสนัดไว้ดิบดีแล้วเชียว ยายพาสกลับเบี้ยวไม่ยอมมาซะงั้น แล้วนี่ก็หนีไม่โผล่หน้ามาร้านเลย” สลิ่มระบายออกมาเป็นการใหญ่


“นี่คงจะกลัววเจอด้วยแหละค่ะ ถึงรีบร้อนกลับไป” สลิ่มส่ายหัว


“หรือครับ” ชายหนุ่มเพิ่งถึงบางอ้อเดี๋ยวนี้เอง เพราะตอนที่เค้าขี่มอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดที่ร้านนี้ ดูพาสไม่อยากเข้ามานักเธอหยุดรถชะลออยู่หน้าร้านเป็นนานกว่าจะเลี้ยวตามเขาเข้ามา


“ยังไงผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีธุระต้องไปทำอีก” ณุกล่าวลาสาวสลิ่ม


“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์แวะมาทานที่ร้าน ไว้คราวหน้ามาสลิ่มจะชงชาอร่อยๆ ให้ลองชิมนะคะ” เจ้าของร้านสาวกล่าวเชิญชวน


“ครับ” ณุพยักหน้ารับ เขาสตาร์ทรถแล่นออกจากร้านไป


.
ณุกลับมาที่สถานีชายหนุ่มเดินขึ้นมามองหาใครสักคนที่ยังอยู่ พอดีกับหมู่เจเดินขึ้นมาบนสถานีเช่นกัน ณุหันไปเรียกเจดไว้


“หมู่เจด ขอคุยด้วยหน่อยสิ”


“ครับ” หมู่เจดทำความเคารพ


“ตามสบาย หมู่พอจะมีเบอร์โทรศัพท์มือถือของหมวดพาสบ้างไหม” ณุจ้องหน้าเจดเขม็ง


“เบอร์หมวดหรือครับ... สารวัตรมีธุระกับหมวดหรือครับบอกผมไว้ก็ได้ครับเดี๋ยวผมบอกหมวดให้” เจดไม่อยากเสี่ยงที่จะให้เบอร์พาสกับสารวัตร


“ทำไม เบอร์หมวดเป็นความลับหรือ” ณุถามเสียงเข้ม


“มะ...ไม่ครับ เพียงแต่....” เจดยังคงลังเล


“เอามาเถอะ ผมจะไม่บอกเค้าหรอกว่าได้เบอร์จากใคร” ณุพูดเสียงนุ่มลง


“คะ.... ครับ” เจดบอกเบอร์ของพาสให้กับณุ


“ขอบใจ” ณุพึมพำทวนเบอร์ที่ได้รับมาจากเจด


“ผมขอตัวนะครับ สารวัตร” เจดทำความเคารพ เจดมองณุที่ดูจะไม่มีทีท่าจะสนใจเขาอีก ชายหนุ่มจึงปลีกตัวเดินจากไป


.
.
นับแต่ระหว่างปี 2463 เป็นต้นมาประเทศไทยอยู่ในช่วงข้าวยากหมากแพง อันสืบเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อปี 2457 นับจากนั้นมาสงครามนั้นก็ยืดเยื้อยาวมาทั่วโลกประสพภาวะเดียวกันการเป็นอยู่ที่ยากแค้น


ไทยเองก็จำเป็นอยู่ที่ต้องเข้าไปมีส่วนในการรบ โดยไทยเข้าไปช่วยฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านทรงตรองดูแล้วเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง เพื่อแก้ไขสนธิสัญญากับทางพวกยุโรปและอเมริกา ดังเช่นสนธิสัญญาเบาริง


ยิ่งปีผ่านขณะนั้นพิกาและพิชญะได้เข้าพิธีแต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยา ก็ล่วงเข้าปีต้นปี 2468 ทั้งสองซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวรับรู้ถึงสภาวะบ้านเมืองและติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งสมเด็จท่านมาประชวรไม่มีใครที่จะบริหารบ้านเมืองได้ อีกทั้งสภาพทางการเงินของไทยก็อยู่ในขั้นทรุดโทรม ทุกอย่างฝืดเคืองไปหมด เงินของไทยดูจะด้วยค่าไปทันทีในยุคสงคราม


บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ย่อมมีผลกระทบไม่น้อยเช่นกันกับทางบ้านของนายร้อยหนุ่มพิชญะเงินเดือนที่ได้รับนั้นเพียงน้อยนิด ยิ่งเมื่อแต่งงานมีครอบครัวด้วยแล้ว ดีที่ว่าทางบ้านไม่ได้ขัดสนเงินทองจึงยังคงฐานะอยู่ได้ไม่ลำบาก


แต่ก็มักจะมีญาติทั้งใกล้ชิดและญาติห่างๆ แวะเวียนมาหาสม่ำเสมอ ครั้นจะช่วยมากก็ไม่ได้เพราะทางบ้านก็มีคนที่ต้องเลี้ยงดูทั้งเด็กในบ้าน คนเก่าคนแก่ที่อยู่ร่วมกันมา จึงทำให้มีคนไม่พอใจทั้งสองสามีภรรยาอยู่บ้าง ตามความคิดของคนที่เห็นแก่ได้ที่ไม่คิดถึงใจของผู้อื่น


“คุณคะ ญาติคุณผู้ชายคนนั้นมาอีกแล้วค่ะ” เด็กพิกุลคลานเข้ามาหาพิกาที่นั่งร้อยพวงมาลัยอยู่ในห้องนั่งเล่น ด้วยท่าทีที่ตื่นกลัว


“คุณอุดมน่ะหรือเพิ่งมาเมื่อกลางเดือนนี่เองมาอีกแล้วหรือ” พิกาขยับลุกขึ้นจากที่นั่งพับเพียบอยู่


พิกาเดินออกมาที่เฉลียงหน้าบ้านก็พบกับญาติผู้แทบจะไม่มีเชื้อสายใดๆ ใกล้ชิดกันสักนิดยืนวางก้ามอยู่ ชายผิวเข้มรูปร่างใหญ่กำลังยืนตวาดคนสวนที่มายืนคอยคุมไม่ให้เขาเดินไปทางไหนของบ้าน


“สวัสดีค่ะคุณอุดมมาหาคุณพี่หรือคะ” พิกาส่งเสียงทักเขา เพื่อให้เขาหันมาสนใจเธอแทนเด็กที่กำลังกลัวลาน


“สวัสดีพิกา พี่มาหาพิชญะอยู่ไหมมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย” เขาพูดเหมือนมีธุระสำคัญที่เธอไม่ควรยุ่ง เขาดูไม่ให้เกียรติเธอซึ่งก็ถือว่าเป็นเจ้าบ้านอีกคนนัก สายตาที่โลมเลียตั้งแต่เมื่อครั้งวันงานแต่งงานของเธอกับพิชญะผู้เป็นสามี จนถึง ณ วันนี้เขาก็ยังดูไม่กริ่งเกรงที่จะทำกิริยาหยาบเช่นเดิม


“คุณพี่ไม่อยู่ค่ะ คุณอุดมคงมาเสียเที่ยวเสียแล้วล่ะค่ะ” พิกายืนสำรวมตามมารยาทเจ้าบ้านที่ดี แววตาเธอไม่ได้มีแววเกรงกลัวในท่าทีของคนตรงหน้าสักนิด


“พี่ขอเข้าไปรอในบ้านจนกว่า พิชญะจะกลับก็แล้วกัน” นายอุดมตั้งท่าจะเดินขึ้นเรือน แต่พวกคนงานผู้ชายตั้งท่ากั้นไม่ให้ขึ้น


“เฮ้ย......... พวกเอ็งนี่ไงวะ มาขวางทางข้าทำไมนี่ข้ามาหานายเอ็งนะ” อุดมตวาดเอากับพวกคนงานทั้งสอง


“คุณอุดมคะ อิฉันว่าคงไม่เป็นการควรที่คุณจะขึ้นมารอคุณพี่บนเรือนดอกค่ะ บนเรือนมีอิฉันเป็นหญิงเพียงผู้เดียว คงไม่เป็นการควรนักที่จะมีชายผู้ซึ่งมิใช่สามีมาอยู่ร่วมด้วย ขอให้คุณอุดมกลับไปก่อนดีกว่านะคะ ไว้วันหน้าค่อยมาใหม่ดีไหมคะ” พิกาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเนิบ


“จะเป็นไรไปเล่าในเมื่อก็ญาติกันไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย” นายคนร่างใหญ่ยังไม่วายหาทางที่จะอยู่รอ


“ญาติกันนั้นก็ใช่ค่ะ แต่ก็เพียงญาติซึ่งห่างกันนักอย่างไรก็คงไม่ควรอยู่ดี”


“นี่พิกาไม่เคยนับพี่เป็นญาติเชียวหรือ” สายตาคมวาวฉายแววโกรธเป็นอย่างมาก กับคำพูดของพิกาที่เอื้อนเอ่ยออกมา


“มิได้ค่ะ อิฉันกับคุณพี่ถือเสมอว่าคุณอุดมเป็นญาติ” หญิงสาวพูดเนิบ แต่เธอไม่ได้หลบตาที่จ้องมองเธอด้วยความโมโหของชายร่างใหญ่นั้นสักนิด


นายอุดมเองเมื่อเห็นพิกาไม่ได้แสดงท่าทีกลัวอะไรเขาแม้สักน้อย และอีกอย่างคนงานสองคนที่นั่งอยู่นั้นก็ไม่ได้ตัวเล็กไปกว่าเขาเท่าใดนัก ทำให้เขาจำต้องล่าถอยไปตั้งหลักใหม่


“ก็ได้ อย่างนั้นก็ได้ ไว้พี่จะมาหาอีกครั้งก็แล้วกัน” เขาหันหลังเดินกลับออกไป ไม่มีการร่ำลาเจ้าบ้าน


หญิงสาวที่มองตามร่างของชายผิวเข้มไปจนลับตา เธอรู้สึกไม่ชอบใจชายคนนี้นักการกระทำทุกอย่างดูไม่น่าไว้ใจสำหรับครอบครัวเธอ พิกากลับมาสนใจคนในบ้านแทนเธอมองไปที่คนงานทั้งสอง


“ขอบใจนะทั้งสองคน อย่างไรก็ฝากด้วยละนะ” พิกายิ้มอย่างปราณีต่อคนทั้งสอง


“ขอรับ” ทั้งสองรับคำเป็นอันดี


หญิงสาวกลับมาทรุดตัวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เธอมองพานมะลิที่ร้อยค้างไว้ด้วยความรู้สึกไม่ปลอดโปร่งนัก พิกากวักมือเรียกให้เด็กพิกุลเอาไปให้นางเมียดที่เป็นคนเก่าของบ้านช่วยจัดการต่อ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่กล่องไวโอลินหญิงสาวเปิดและหยิบขึ้นมาอย่างทะนุถนอม เธอได้รับไวโอลินนี้จากสามีอันเป็นที่รัก


คันชักค่อยๆ แตะลงบนสายอย่างแผ่วเบานุ่มนวล เสียงเพลงอ่อนหวานที่เกิดจากการกดคีย์ต่างๆ ของนิ้วน้อยๆ นั้นช่างไพเราะเสนาะหู ยามเมื่อใจของหญิงสาวไม่สงบเธอมักจะใช้ดนตรีเป็นสิ่งช่วยบรรเทาความไม่สบายใจทั้งหลายทั้งปวงให้เบาบางลง


ไม่รู้เวลาล่วงไปเท่าใดแล้ว เมื่อหญิงสาวหยุดเล่นเครื่องดนตรีชิ้นโปรด เธอได้รับเสียงปรบมือดังมาจากม้านั่งตัวประจำของสามี หญิงสาวจึงหันกลับไปยิ้มหวานให้


“คุณพี่กลับมานานแล้วหรือคะ ทำไมน้องไม่ได้ยินเสียงเล่าคะ”


“พิกามัวแต่เพลินอยู่จึงไม่ได้สนใจพี่ต่างหากจ้ะ” ผู้เป็นสามีลุกมารับไวโอลินไปวางที่เดิมให้


“น้องคิดว่าคุณพี่จะกลับค่ำกว่านี้นี่คะ” เธอขยับเดินเข้าไปใกล้


“ช่วงนี้เหตุการณ์วุ่นวายไปหมด ด้วยอาการประชวรของพระองค์ท่านมิได้บรรเทาลงเลยหมอฝรั่งก็หมดทางรักษา เห็นว่าทรงเป็นพระโรคโลหิตเป็นพิษ” ณุกล่าวเสียงเศร้า


“โถ่ แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรเล่าคะ ขอให้พระองค์ทรงหายด้วยเถิด” พิกายกมือพนมเหนือหัว


หญิงสาวโผเข้ากอดสามีเหมือนหาที่พึ่งทางใจและกาย พิชญะเองก็กอดภรรยาอันเป็นที่รักไว้แนบอกทั้งสองอยู่กินกันมาร่วมปี ความรักความเข้าใจที่มีให้ยิ่งมากขึ้นกว่ายามที่คบกันมาแต่เมื่อแรกรุ่น คนทั้งบ้านนั้นรักและเคารพนายหนุ่มและนายสาว


เรือนแห่งนี้ปลูกแยกมาจากเรือนใหญ่ของผู้เป็นบิดามารดาของฝ่ายชายมาก ท่านทั้งสองเห็นควรที่จะให้แยกเรือนมาอยู่กันเองตามวิสัย ซึ่งเป็นการร้องขอของบุตรชายมิใช่สะใภ้ พิกานั้นทำหน้าที่สะใภ้ที่ดีเสมอหญิงสาวมักจะไปช่วยงานที่เรือนใหญ่อยู่เนืองๆ แม้แม่สามีจะไม่เรียกใช้ก็ตาม หญิงสาวทำหน้าที่รับแขกบ้านของผู้เป็นพ่อสามีได้อย่างไม่มีข้อให้ติเตียน จนเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่เพื่อนข้าราชการข้างบิดาของสามี ยิ่งทำให้ทั้งพ่อสามีแม่สามีรักใคร่ในตัวเธอเป็นอย่างมาก ดูจะเป็นลูกรักมากกว่าบุตรชายแท้ๆ เสียอีก
----------------------------------------------------------2


และแล้วในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เป็นวันที่ทั่วทั้งประเทศต้องโศกเศร้า เสียน้ำตาด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสวรรคต ที่บ้านเรือนทุกแห่งที่ต่างพากันสวมชุดไว้ทุกข์กันทั้งประเทศ


ช่วงระยะเวลาในการหาพระบรมผู้ซึ่งจะขึ้นครองราชเป็นพระองค์ต่อไปนั้นใช้เวลานาน ทำให้ประชาชนชาวไทยเกิดความกังวลเช่นกัน


จนเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ได้อัญเชิญสมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ขึ้นครองราชสมบัติ พระนามแห่งท่านที่ประชาชนชาวไทยทราบคือ สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สภาวะต่างๆของบ้านเมืองดูจะกระเตื้องไปในทางที่ดีขึ้น แม้จะไม่ใช่ทางด้านเศรษฐกิจ การเงินการค้า แต่ทางด้านจิตใจก็ดีขึ้นมาก


ที่เรือนใหญ่ได้ต้อนรับแขกจากแดนไกล ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดกับครอบครัวของพิชญะ หนุ่มสมาร์ตร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณสะอาดแต่งตัวเป็นพวกหนุ่มหัวนอก กับหญิงสาวแสนสวยผมยาวหยิกเป็นลอนเหมือนตุ๊กตา ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นดี ปากสีแดงสดบอกได้ถึงความมั่นใจในตัวเองของเธอ ทั้งสองพี่น้องเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษมากราบสวัสดีญาติผู้ใหญ่และได้นำของฝากติดมือกลับจากนอกมาด้วย


“ผมกับน้องมากราบสวัสดีคุณลุงกับคุณป้าครับ” ทั้งสองกราบลงกับตักของผู้สูงวัยทั้งสอง


“เจริญๆ เถอะพ่อจิรัฎร์ แม่จิราภาไปเรียนทางนั้นเสียหลายปีเป็นอย่างไรกินอยู่ดีอยู่รึ” คุณรตนกรและคุณเกษมผู้เป็นมารดาของพิชญะลูบหลังไหล่อย่างคนคุ้นเคยกัน


“จีจี้อยากจะมาหาพี่เอ่อมากราบคุณลุงคุณป้าตั้งแต่วันแรกที่ถึงเมืองไทยเลยนะคะ ติดแต่พี่จิรัฎร์ต้องไปทำธุระให้เรียบร้อยก่อน” หญิงสาวเจรจาเจื้อยแจ้วสายตาคอยชำเลืองมองพิชญะตาหวานฉ่ำ


“ครับ จริงๆ ผมเองก็อยากจะกลับมาให้ทันงานแต่งงานของพิชญะ แต่ก็ต้องมีอันเลื่อนไป เพิ่งสะดวกกลับมาเมื่อไม่กี่วันนี้เองครับ พอกลับมาก็ต้องไปรายงานตัวเข้ารับราชการทันที จึงได้มากราบคุณลุงคุณป้าช้าครับ” จิรัฎร์เอี้ยวตัวมายิ้มให้กับลูกพี่ลูกน้อง แล้วสายตาก็ประสบกับพิกาที่เพิ่งจะคลานเข่าเข้ามาลงนั่งข้างสามี


หญิงสาวไหว้บิดามารดาของสามี แล้วหันไปยิ้มให้กับจิราภาและไหว้จิรัฎร์ที่ยังคงนั่งมองเธอไม่วางตา พิกาก้มหน้าลงไม่สบตาของชายแปลกหน้า


พิชญะเองก็พอมองออกถึงสายตาวาวของลูกพี่ลูกน้องหนุ่ม เขาโอบรอบไหล่ของภรรยากระชับมั่น ทำให้พิกาต้องเงยหน้ามองสามีด้วยไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำต่อหน้าทุกคน ชายหนุ่มยิ้มหวานให้เธอก่อนจะหันไปมองจิรัฎร์อีกครั้ง


“นี่ฑิมพิกาภรรยาของพี่ เราแต่งงานกันได้เกือบปีแล้ว... พิกาจ๊ะ นั่นจิรัฎร์เป็นญาติผู้น้องของพี่และจิราภาน้องสาวจ้ะ”


“สวัสดีค่ะ” พิกาไหว้เขาอีกครั้ง


“ครับ.... สวัสดี ดีจริงที่ได้พบกับพี่สะใภ้” จิรัฎร์ทำสายตาหวานมองพิกา


“นี่หรือคะพี่สะใภ้ของจีจี้ดูจืดชืดจังนะคะพี่จิรัฎร์” จิราภาพูดออกมาตามที่คิด


“ใครว่า พี่ว่าพี่พิกางามเป็นธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องประทินโฉม” จิรัฎร์ยิ้มตาหวาน


“.............” พิกาไม่พูดโต้ตอบเธอยังคงก้มหน้านิ่ง


“นี่ครับ......... ผมมีน้ำหอมจากนอกมาฝากคุณพี่พิกาด้วย” เขาเอากล่องที่ห่อกระดาษสีสวยยื่นส่งให้กับพิกา


“ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์มีของฝากมาถึงภรรยาพี่ด้วย ของที่ให้มาก็มากมายเกรงใจจริงๆ” พิชญะเป็นผู้รับของฝากนั้นไว้และกล่าวแทนภรรยา


“โถ่.......... เป็นเรื่องที่ควรอยู่เองนะครับพี่ชาย” พิรัฎร์พูดกับพิชญะแต่หางตากลับมองมายังพี่สะใภ้นิ่ง


“วันนี้มีอะไรรับรองพี่เขาบ้างเล่าแม่พิกา” คุณรตนกรเอ่ยถามลูกสะใภ้


“ค่ะคุณแม่ เที่ยงนี้มีแกงส้มดอกแค พระรามลงสรง ยำใหญ่ น้ำพริกมะขามกับผักสดผักต้ม ปลาสลิดย่างค่ะ” พิกาเงยหน้ามองไปทางแม่สามี บรรยายรายการอาหารให้ท่านฟัง


“อืม ดีจริงงั้นเราไปทานอาหารกันเถอะ” คุณเกษมผู้เป็นพ่อสามีบอก ท่านลุกจากที่นั่งไปเป็นคนแรก


“ไปจ้ะ” พิชญะประคองภรรยาขึ้น เขาโอบประคองหญิงสาวเหมือนกลัวหาย


“คุณพี่คะ....” พิกามองสามีเป็นเชิงตำหนิ


ไม่มีทีท่าว่าคนที่โอบอยู่นั้นจะรู้สึกรู้สาเขายังคงรวบร่างน้อยไว้ พาเดินเข้าไปด้านในหญิงสาวเองก็ไม่สามารถขัดขืนสามีได้จำต้องหน้าแดงด้วยความอายเดินเคียงข้างสามีไป โดยมีจิรัฎร์และจิราภาคอยชำเลืองมองคนทั้งสองตลอดทาง


จิราภามีอาการไม่ชอบใจพี่สะใภ้คนนี้นัก เธอนั้นเป็นญาติก็จริงอยู่แต่หญิงสาวปักใจรักพิชญะมาเนิ่นนานตั้งแต่เมื่อแรกรุ่น เธอคิดว่าหนุ่มผู้เป็นญาติผู้พี่ก็น่าจะรู้ถึงใจของเธอดี แต่เขากลับไม่เคยสนใจเธอแม้สักนิด ยิ่งเขาแสดงออกขนาดนี้ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้กับจิราภาเป็นอย่างมาก



หลังมื้ออาหารพิกาปลีกตัวขอกลับมาที่เรือนพัก เธอเดินจากเรือนใหญ่โดยมีพิกุลคนสนิทถือของฝากจากแดนไกลตามหลังมา หญิงสาวขึ้นเรือนมาก็สั่งให้เด็กพิกุลนำของขึ้นไปเก็บไว้ที่ห้อง ส่วนตัวเธอเดินไปนั่งรับลมที่ชานด้านหลัง มื้อเที่ยงที่ผ่านมาเป็นมื้อที่แสนจะชวนอึดอัดใจสำหรับเธอเป็นอย่างมาก พิกาเหมือนถูกพี่น้องทั้งสองมองตลอดเวลา เธอไม่ชอบสายตาของสองพี่น้องนี้เลย


“พิกา..........พิกา อยู่ไหนจ๊ะ” พิชญะเดินกลับขึ้นเรือนมาก็ส่งเสียงเรียกหาภรรยาเป็นอันดับแรก เขาเดินหาภรรยาไปทุกห้องปากก็ส่งเสียงเรียก


“น้องอยู่นี่ค่ะคุณพี่” หญิงสาวขานตอบเมื่อได้ยินเสียงเรียกใกล้เข้ามา


“ทำไมมานั่งอยู่นี่เล่าจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มลงนั่งเคียงข้าง


“ไม่ค่ะ......... ไม่มีอะไร” พิกาฝืนยิ้มให้สามี


“ไม่จริงหรอก พี่รู้จักพิกาดี น้องต้องไม่สบายใจอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับสองคนที่มาหรือเปล่า” สามีถามโดนใจ


“.............” ไม่มีคำตอบจากปากอิ่ม เธอมองไปยังกอดอกแก้วพุ่มสวย


“งั้นคงจริงสินะ อย่าไปคิดมากกับคนทั้งสองนั้นเลย เขาคงไม่มาบ่อยนักหรอกจ้ะ” เขารวบตัวภรรยามาไว้ในวงแขน บอกกระซิบที่ข้างหู


“น้องไม่ชอบสายตาเขาทั้งสองมากกว่าค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะคะอย่างไรเขาก็ญาติน้องจะพยายามไม่คิดมากค่ะ” พิกาชะม้ายตามองหน้าสามีที่อยู่ชิดติดแก้มนวล


“อืม......... หอมจริง” เขาก้มลงหอมแก้มนวล


“.........” หญิงสาวไม่ตอบโต้คำใดเธอซุกร่างเข้าหาอกอุ่นของสามี ทั้งสองต่างนั่งเงียบไม่ต้องพูดคำใดต่อกันอีก


.
ความฝันคราวนี้ทำให้พาสเห็นสภาพบ้านของทั้งสองได้อย่างชัดเจน บ้านหลังน้อยแสนสบายอยู่ในอาณาบริเวณพี้นที่ที่กว้างใหญ่ ห่างไปเป็นตัวเรือนไม้หลังใหญ่โอโถงปลูกตามสมัยสไตร์วิคติเรียผสมผสานความเป็นไทยเข้าไว้อย่างลงตัว


หญิงสาวสลัดภาพต่างๆ ทิ้งไปตอนนี้เป็นเวลาทำงานซึ่งเธอต้องตั้งใจกับมันเป็นอย่างมากวันนี้ต้องจับนายหนึ่งให้ได้ ซึ่งเธอได้รับข่าวมาจากสองพี่น้องเป็นที่เรียบร้อย งานนี้ต้องเงียบที่สุดไม่มีใครรู้นอกจากหน่วยของเธอและสารวัตรพิษณุที่เพิ่งรับทราบจากพาสเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา หญิงสาวป้องกันการรั่วไหลของข่าว ถ้างานนี้หลุดถึงหูนายหนึ่งได้นั่นหมายความว่าสายของพวกค้ายาต้องอยู่ในหมู่พวกเธอนี่เอง


ณุเองสั่งให้กำลังหนุดเตรียมพร้อมปฏิบัติงานแต่เค้าไม่ได้แจ้งว่างานชิ้นนี้เป็นอะไร เพียงแต่ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมไว้ก่อนที่จุดนัดที่เขาได้แจ้งไว้


“ทูน่า2 เรียกทูน่า1.... ทูน่า1 ตอบด้วย” จ่าโต้งซึ่งซุ่มอยู่ในพุ่มไม้กระซิบผ่านเครื่องสื่อสาร


“ทูน่า1 ตอบด้วย”


พาสที่ยืนอยู่ชิดผนังข้างๆ ประตูหลังของบ้านร้างกดรับ “ว่าไป”


“แมวสาวมาแล้วครับ.......... เอาไงต่อครับ”


“ว30 ย้ำ... ว30” พาสถามถึงจำนวนของคนที่อยู่ด้านใน


“4 ตัวครับ”


“ทุกคน ว05.......... ย้ำ ว05” หญิงสาวสั่งให้เตรียมพร้อมไว้


เมื่อสั่งพรรคพวกเสร็จ พาสก็ส่งสัญญาณให้ณุที่อยู่อีกฟากดำเนินการตามแผนได้ ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบเขา วอ สั่งการและบอกสถานที่ให้หน่วยออกปฏิบัติการได้ พาสยังคงรออย่างใจเย็น


“ทูน่า 2.............. เรียกทูน่า 1 .......... ตอนนี้ ว62 .........แล้วครับ” จ่าโต้งรายงานถึงสภาพภายในที่เขาเห็นนายหนึ่งกำลังส่งยาให้กับลูกค้ารายใหญ่ของตนเอง


“ว2......... รับทราบ” พาสรับรู้จากจ่าโต้ง เธอยกมือทำสัญญาณไปทางณุ เมื่อได้รับสัญญาณตอบรับจากเขาหญิงสาวก็สั่งการต่อ “ทุกคนเข้าปฏิบัติการได้”


พาสถีบประตูเข้าไปพร้อมๆ กับชูตราโดยมีจ่าโต้งหมู่เจดพุ่งเข้าทางด้านหน้า และนายตำรวจอีกสองนายจ่อปืนเล็งจากด้านข้าง


“อย่าขยับ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ” พาสส่งเสียงบอกคนทั้งสี่


ผู้ค้ายาทั้งสี่ที่กำลังส่งยากันอยู่ถึงกับผงะตกใจโวยวายกันขรม นายหนึ่งและลูกน้องชักปืนออกจากเอว ปากกระบอกปืนของนายหนึ่งจ่อเล็งตรงมาทางพาส ส่วนอีกกระบอกกราดไปทั่วบริเวณ


“วางปืนลงซะนายหนึ่ง ยังไงวันนี้นายก็ไปไหนไม่รอดอยู่ดี มอบตัวซะดีกว่าอย่าต่อสู้ขัดขืน” พาสตะโกนเสียงดัง


คนทั้งสี่ไม่ตอบอะไรกลับมาแต่อาการเลิ่กลั่กของทั้งสี่แสดงให้เห็นถึงความกังวลและหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย นายหนึ่งคิดไม่ถึงว่าตนเองจะพลาดถูกจับได้หลังจากที่เค้ารอดจากหมวดพาสมาได้ทุกครั้ง


แต่แล้วเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะสงบได้โดยง่ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อหนึ่งในผู้รับซื้อยาจากนายหนึ่งชักปืนออกมายิงไปทางพาสกับณุที่ยืนอยู่ ณุเห็นตั้งแต่ตอนที่ผู้ร้ายชักปีนแล้วเขารวบตัวพาสไว้แล้วพุ่งตัวไปทางด้านข้าง ทำให้ตำรวจทุกคนตะโกนส่งเสียงกันระงม เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากทั้งสองฝ่าย


แต่นายหนึ่งกลับไม่ได้ยิงตอบโต้เขาทรุดตัวลงนอนราบกับพื้น พยายามเอากระเป๋าปิดหัวตัวเองไว้สุดฤทธิ์


“หยุด......... หยุดยิง........... ทุกคนหยุด” พาสที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของณุตะโกนสุดเสียง


นั่นแหละจึงทำให้เสียงปืนเงียบลง พาสเริ่มขยับตัวยุกยิกให้ณุปล่อยตัวเธอ เมื่อทั้งสองลุกขึ้นสภาพที่เกิดเหตุดูกระจัดกระจายไปหมด จ่าโต้งลากนายหนึ่งไว้ทางส่วนอีกสามคนนั้นณุเข้าไปตรวจดูแต่ละคะ เขาหันมาบอกกับพาส


“เสียชีวิตหนึ่งอีกสองคนบาดเจ็บสาหัส”


“ฮะ หมู่เจดเรียกรถพยาบาลด่วนเลยนะ”


“ครับ” เจดรีบทำตามคำสั่งที่ได้รับจากหญิงสาว


พาสมองกราดไปทั่วบริเวณนั้นอีกครั้ง แล้วจึงสั่งกับจ่าโต้ง“จ่าโต้งเอาตัวนายหนึ่งไปไว้ตามที่คุยกันไปเงียบๆ นะ”


“ครับ” จ่าโต้งใส่กุญแจมือนายหนึ่งแล้วพาออกไปจากที่เกิดเหตุ


“ทุกคนขอบคุณมากจบงานแล้วถอนกำลังได้” พาสกล่าวกับทุกคน


“ครับ” ทุกคนทำความเคารพแล้วต่างแยกย้ายกันกลับไป เหลือเพียงณุกับนายตำรวจในหน่วยของพาสเท่านั้น

จบบที่ 8 ค่ะ







Create Date : 03 ตุลาคม 2549
Last Update : 7 ตุลาคม 2549 2:55:48 น. 9 comments
Counter : 252 Pageviews.

 
ตามอ่านทนแล้ววววว ดีใจ


โดย: ดอกซากุระบานแค่เจ็ดวัน วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:13:56:43 น.  

 
พี่พาส ใจแข็ง ชะมัดเลย
ลุ้นแทนพี่ณุ จนเหนื่อยใจแล้วนะเนี่ย


โดย: ToOn <เต่าน้อย> IP: 58.136.85.60 วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:18:32:58 น.  

 
ก็งี้แหละน้องตูน คนปากแข็ง แต่สุดท้ายก็ต้องใจอ่อน โหะๆ


โดย: ElmO IP: 58.8.3.101 วันที่: 4 ตุลาคม 2549 เวลา:21:08:42 น.  

 
เห็นด้วยกะน้องโม่ อิอิ

คนปากแข็งแต่ใจไม่แข็งค๊าบ


โดย: bam IP: 58.9.120.200 วันที่: 5 ตุลาคม 2549 เวลา:0:16:08 น.  

 
พี่เจ มาต่อเร็วๆ นะค้าบ
ไปนอนก่อนล่ะ ดึกดื่นป่านนี้ ฝันดีทุกๆ คน


โดย: ElmO IP: 58.8.6.164 วันที่: 6 ตุลาคม 2549 เวลา:1:26:16 น.  

 
it's an exciting story nong je...looking forward to reading the next chapter.


โดย: beth IP: 58.10.84.4 วันที่: 6 ตุลาคม 2549 เวลา:9:35:09 น.  

 
ตามอ่านแล้ว
พี่เจสู้ๆคะแต่อย่าลืมพักผ่อนบ้างนะคะ


โดย: วะ IP: 222.123.21.138 วันที่: 7 ตุลาคม 2549 เวลา:11:25:08 น.  

 
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทันแล้ว สนุกดีอ่ะ

รอตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ


โดย: ท่านพี่ลูกบ๊วย IP: 203.113.38.10 วันที่: 7 ตุลาคม 2549 เวลา:16:18:17 น.  

 
แฟนคลับมาปูเสื่อรอกันเต็มแล้ว พักผ่อนให้หายเหนื่ย แล้วแวะมาแต่งต่อนะจ๊ะ

สุขสันต์วันเกิดจ้า

รักนะ จุ๊บ จุ๊บ


โดย: bam IP: 58.9.120.207 วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:0:20:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jd_spn
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




-ความรักเป็นสิ่งสวยงามแต่มิใช่จะเกิดได้ง่ายดาย เมื่อได้มาก็จงเก็บรักษาไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
-อยากมอบสิ่งดีๆ ให้กับทุกคน และมอบความรักให้กับคนอันเป็นที่รักทุกคน
คุยกันหลังไมค่กดที่ตุ๊กตาเด็กเล่นน้ำนะคะ
cursor
Friends' blogs
[Add jd_spn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.