เราเป็นตัวเรานั่นดีที่สุด
Group Blog
 
All blogs
 
ตราบนิรันดร์ บทที่ 11


บทที่ 11 รักอย่างผิดๆ

ทุกคนที่สถานีตำรวจดูจะใจจดจ่ออยู่กับทางเข้าด้านหน้าเป็นอย่างมากว่าพาสนั้นจะมาในชุดไหนทุกคนกระตือรือร้นไม่เว้นแต่กรที่เฝ้ารอเช่นกัน เขาไม่ได้เห็นพาสในชุดตำรวจหญิงมานานเป็นปี และรองเท้าที่หญิงสาวแทบจะขว้างทิ้งมาหลายครั้งแล้วที่ต้องใส่


“วันนี้พี่พาสจะใส่มาเลยหรือว่าเอามาเปลี่ยนที่นี่วะ พวกเอ็งคิดว่าไง” กำธรจับกลุ่มคุยอยู่กับพักพวก


“ข้าว่าไม่มีทางที่หมวดจะใส่มาหรอก ข้าว่าเอามาเปลี่ยนที่นี่มากกว่า” จ่าโต้งว่า เพราะครั้งหลังสุดตอนเลื่อนยศพาสก็เอาชุดมาเปลี่ยน แถมส้นสูงยังเอาไปใส่ก่อนเข้าแถวเลย


“ผมก็ว่าเหมือนพี่โต้งแหละ” หมู่เจดเห็นด้วยกับจ่าโต้ง


“มาดูกันว่าจะเป็นไง” กำธรพูด


แล้วรถกระป๋องของพาสก็แล่นเข้ามาในบริเวณ เมื่อทุกคนเห็นรถเข้ามาก็พากันกลับเข้าประจำที่นั่งของตนเอง


พาสนั้นเดินขึ้นมาบนสถานีฯ ด้วยชุดตำรวจสาวมือข้างหนึ่งถือเอกสารกับหมวก เธอแต่งชุดมาเต็มยศ สวมกระโปรงใส่รองเท้าหุ้มส้นไม่สูงนัก เดินมาอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง ทำเอาทุกคนพากันตาค้างอย่างคาดไม่ถึง
-------------------------------------------------------1/1

ชุดตำรวจหญิงเข้ารูปกระโปรงสั้นแค่เข่า เสื้อพอดีตัวแขนยาวทำให้เห็นสัดส่วนที่กลมกลึงของพาสได้อย่างชัดเจน หน้าที่แทบจะไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทินผิวใดๆ นั้นขาวนวลอย่างคนสุขภาพดี วันนี้จะแตกต่างไปก็เพียงแต่ริมฝีปากอิ่มนั้นเป็นสีชมพูระเรื่อ เพียงเท่านี้ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าเธอนั้นดูผ่องผาดสวยไม่เป็นสองรองใคร


หญิงสาวยิ้มขันที่พวกในกรมต้องผิดหวังกับการมาของเธอในครั้งนี้ พาสผ่านมาทางพรรคพวกแล้วยักคิ้วให้นิดหน่อยก่อนจะเดินเลยไปทางห้องของกรเพื่อรายงานตัว แต่เมื่อพ้นสายตาจากด้านนอกมาได้ พาสลงนั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของกรอย่างหมดท่า เธอจัดแจงถอดรองเท้าวางไว้ข้างๆ ตัว ก้มตัวไปนวดเท้าทั้งสองข้างด้วยความปวดเมื่อย


“โอย ไมมันทรมานอย่างนี้” พาสเริ่มโวยวาย


“ฮ่ะฮ่ะ” กรหัวเราะเบาๆ


“พี่กรอย่าหัวเราะสิ เนี่ยพาสเก๊กแทบแย่” พาสหน้ามุ่ยใส่กร


“พี่ว่าพาสแต่งเต็มยศอย่างนี้ก็ดีนะ ดูเท่ห์ไปอีกแบบ” กรพูดเอาใจ


“ไม่หล่ะ นานๆ ครั้งเห็นของแปลกทีก็พอแล้ว”


“พูดเข้านั่น สวยดีออกไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย” กรยิ้มบางๆ ให้ “แล้ววันนี้แต่งหน้าด้วยเหรอ...........อืมสวยดี”


“อย่าชมกันเองเลยพี่กร พาสไม่หลงกลพี่กรหรอก ยังไงพาสก็ไม่ใส่ทุกวันเด็ดขาด” พาสยิ้มอย่างรู้ทันความคิดของกร


“แล้วเนี่ยเจ้าเหมียวมันจัดการเอาลิปสติกมาทาให้” พาสพูดอย่างหัวเสีย


“ดีออก เหมียวคงอยากให้....” กรพูดค้างเมื่อมีเสียงเคาะประตูห้อง


“ขออนุญาตครับ” ณุเข้ามาในห้องพร้อมกับแฟ้มเอกสาร เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะของกร


“เอกสารสรุปของคดีฆาตกรรมที่ขอไว้ครับ”


“อืม ขอบใจมากณุ”


“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวนะครับ” ณุก้มมองพาสเพียงแว่บเดียวแล้วถอยออกจากห้องไป


พาสนั้นไม่ได้มองคนที่เพิ่งจากไป เธอไม่อยากเห็นหน้าณุเธอไม่ต้องการรับรู้ว่าเขาจะยิ้มหรือจะขำที่เธอใส่ชุดนี้


คุยกับกรอยู่พักใหญ่กว่าพาสจะยอมก้าวเท้ากลับออกมาให้พวกข้างนอกเห็นตัวอีกครั้ง หญิงสาวเดินผ่านหน้าห้องทำงานของณุ เธอเหลือบมองเข้าไปในห้องก็พบสายตาหวานที่ส่งมาให้ ใบหน้างามถึงกับแดงขึ้นกระทันหัน เธอรีบเบนหน้าหนีสายตาคมวาวนั้นไปทางอื่น


“พี่พาส สวยจริงๆ เลยวันนี้เท่ห์สุดๆ” กำธรตรงเข้ามาเดินขนาบข้าง


“ไอ้บ้า ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้” พาสว่า


“โธ่พี่ ก็คราวนี้ใส่เต็มยศนี่ครับ มีทาปากด้วย ไอ้พวกนั้นตาค้างไปเลยนี่ดีนะที่พี่พาสไม่ให้พนันกันไม่งั้นผมคงได้หลายตังค์”


“เอออย่าให้รู้เชียวว่าเล่นการพนันกันบนสถานีฯ จะจับขังลืมซะให้เข็ด” พาสขู่เสียงเข้ม


“รู้หรอกน่า” กำธรยิ้มเจ้าเล่ห์


“ไป.... กลับไปโต๊ะตัวเองได้แล้ว พี่จะทำงาน” พาสไล่


“ครับ”


พอได้เวลาทุกคนไปรวมตัวกันที่หน้าเสาธง เพื่อทำความเคารพและมอบเหรียญตราให้กับผู้ที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งไม่ได้มีเพียงพาสเท่านั้นแต่ยังคงมีเพื่อนตำรวจทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องอีกหลายคน


เมื่อถึงพาสเธอก้าวเท้าขยับออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวท่านผู้การเป็นคนติดเหรียญให้ พาสทำความเคารพอีกครั้งก่อนกลับเข้าประจำตำแหน่งเดิม หลังจากติดเหรียญตราให้ทุกคนเรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จพิธี พาสแสดงความยินดีกับคนอื่นและได้รับสิ่งเดียวกันกลับแต่ก็มีบ้างที่ตำรวจบางนายอาจแสดงความไม่พอใจนักกับการเลื่อนตำแหน่งของหญิงสาว แต่ก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไร เพราะจากผลงานของพาสที่ผ่านมาจึงทำได้เพียงนิ่งเฉยไม่แสดงความยินดีใดๆ


พาสไม่ว่าอะไรเธอยอมรับทุกอย่างทุกการกระทำของคนอื่นที่แสดงออกให้เห็น เธอถือว่าสิ่งที่ได้มานั้นเป็นเพราะการทำงานจริงๆ มิใช่เส้นสายเธอจึงยิ้มรับอย่างภาคภูมิกับตำแหน่งงานที่ได้แต่เธอก็ยังคงเป็นตัวเองไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นกันเองกับลูกน้องและผู้ใต้บังคับบัญชาและยิ่งกับนายตำรวจเก่าๆ นั้นเธอจะให้ความเคารพเสมอ


รองเท้าผ้าใบตกกระทบพื้นพร้อมกับเสียงถอนใจอย่างเซ็งๆ ของพาส “เมื่อไหร่จะไม่ต้องใส่ชุดนี้เนี่ย เบื่อๆ” บ่นไปมือก็หยิบชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ออกมา


“บ่นอะไรจ๊ะ” ณุมาหยุดยืนด้านหลังของพาส


“อยากบ่นคนเหมือนกันแหละ แต่ไม่รู้จะบ่นไรดี” พาสหันกลับมาทำหน้าบูดใส่ณุ


“อ้าว พี่ยังไม่ได้ทำไรเลยจะบ่นพี่เรื่องไรละ” ณุยิ้มยียวน


“ไม่รู้ แล้วนี่ไม่ต้องทำงานเหรอฮะ ตามมาทำไม พาสแค่จะมาเปลี่ยนชุด”


“พี่แค่อยากเห็นพาสในชุดนี้อีกหน่อย เพราะคิดว่าคงไม่ได้เห็นอีกนาน” ณุมองตั้งแต่หัวจรดเท้า


“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาอยากเห็นเลย พี่ณุกลับไปทำงานได้แล้วพาสจะเปลี่ยนชุด” พาสเอ่ยปากไล่


“จะมาเปลี่ยนอะไรตรงนี้ล่ะ ไปเปลี่ยนที่ห้องดีกว่า”


“ไม่ต้องหรอก เปลี่ยนตรงนี้ได้ กลับไปห้องมันเสียเวลา เดี๋ยวจะต้องออกตรวจอีก” พาสส่ายหัวเธอยังคงจัดการกับเสื้อผ้าต่อไป


“พาส อย่าดื้อสิเป็นผู้หญิงเปลี่ยนชุดแถวนี้ไม่ดี” ณุยังคงโต้แย้งกับพาส


“นี่พี่ณุน่ะแหละอยู่ตรงนี้ไม่เหมาะ คนเค้าจะเปลี่ยนชุด” พาสโวยใส่ หญิงสาวถอดเสื้อตัวนอกออก


“พาส....” ชายหนุ่มกำลังจะโวยแต่พอเห็นเสื้อยืดแขนสั้นตัวในก็ต้องหยุดค้างไว้


“เห็นไหมล่ะว่าไม่ต้องห่วงพาสน่ะเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ทีนี้พี่ณุไปได้ยังพาสจะได้เปลี่ยนให้เสร็จซะที” พาสโบกมือไล่


“จ้ะ......... ขอโทษจ้ะ” ณุยิ้มแหยๆ แล้วก็ต้องเลี่ยงจากตรงที่พาสยืนอยู่กลับไปที่ตึก


“เฮ้อ” พาสได้แต่ส่ายหัว


หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยพาสก็โทรหาพรรคพวกเพื่อออกปฏิบัติงาน หญิงสาวได้รับงานให้ไปตรวจยาเสพติดในสถานศึกษาที่เดี๋ยวนี้ค่อนข้างแพร่หลายเข้าไปมากชึ้นทุกวัน


โดยจะเป็นเพื่อนนักเรียนด้วยกันเองที่เอาเข้าไปขาย สาเหตุอาจจะเพราะตนเองติดแล้วต้องหาเงินมาซื้อหรือบางครั้งก็มาจากการที่ติดหนี้พนันบอล พวกโต๊ะพนันนั้นไม่ได้ตั้งแต่โต๊ะพนันเท่านั้นยังมีทั้งขายยาเสพติดและเป็นพวกนอกกฎหมายอีกหลายอย่างเรียกได้ว่าทำกันครบวงจรทีเดียว


พาสขับรถของกรมมาจอดด้านหน้าเพื่อรับพรรคพวก ทั้งสี่หนุ่มก้าวขึ้นรถด้วยความว่องไวไม่ให้เสียเวลา ส่วนณุนั้นได้แต่ยืนมองจากข้างบน กรเองก็เช่นกันเค้ามองรถของพาสจากทางหน้าต่างห้องทำงาน


.
ที่บ้านพักนายตำรวจนั้นพวกพาสพากันกลับมาด้วยความเหนื่อยอ่อน พอถึงแคร่หน้าห้องพักของพาสก็พากันนอนแผ่หลาไปตามๆ กัน ไม่มีใครได้ทันสังเกตว่าสารวัตรหนุ่มนั้นกำลังนั่งคุยอยู่กับปวรวรรณสาวเปรี้ยวที่มาในชุดยั่วยวนเหลือขนาด พาสมองภาพคนทั้งคู่นิ่งไม่มีใครมองออกว่าหญิงสาวนั้นคิดอะไร เธอเดินขึ้นบ้านไปเงียบๆ


สารวัตรหนุ่มเองก็ใช่จะไม่เห็นพาสเค้านั้นพยายามแล้วที่จะไม่ให้ปวรวรรณเข้ามาใกล้ชิดแต่ดูเหมือนจะยากเหลือเกินสาวเปรี้ยวนั้นเกาะติดเป็นหมึกแกะไม่ออกสักที ยิ่งเห็นพาสนิ่งอย่างนั้นเค้ายิ่งไม่สบายใจ


เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยพาสก็กลับลงมาหาพวกที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ที่แคร่เธอตรงเข้าไปขย่มแคร่เพื่อให้ทุกคนตื่น


"ตื่นกันได้แล้ว ไปล้างหน้าล้างตาวันนี้ไปกินข้าวกันที่บ้านสวน เร็วๆ ไปล้างหน้าล้างตา”


ได้ผลทุกคนเกือบจะกระเด้งขึ้นนั่งพร้อมๆ กันเมื่อได้ยินคำว่าบ้านสวน ต่างรีบพากันแยกย้ายไปล้างหน้ากันเป็นแถว


พาสมองเลยไปทางณุที่พยายามแกะตัวเองออกจากปวรวรรณ หญิงสาวกอดอกมองนิ่งอยู่สักครู่ก่อนตัดสินใจตะโกนถามณุ


“ไปไหมพี่ณุบ้านสวนน่ะ ถ้าไปก็มาขึ้นรถ”


“ไปจ้ะ ไปด้วย” ณุดูเหมือนจะมีแรงแกะปวรวรรณออกได้อย่างประหลาด “พี่ต้องไปแล้วยังไงกลับบ้านดีๆ นะน้องวรรณ”


“พี่ณุ.....” น้ำเสียงของสาวเปรี้ยวนั้นกระเง้ากระงอด เธอทำท่าจะกระทืบเท้าแต่ก็ยั้งไว้ไม่กล้าแสดงออกให้ณุเห็น


ณุรีบขึ้นนั่งหน้ารถของพาสโดยไม่ต้องให้เจ้าของเชิญซ้ำสอง เขาเข้าไปนั่งได้ก็คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย แถมยังมีการพยักเพยิดบอกกับพาสให้ขึ้นรถอีกต่างหาก


“เร็วสิพาส”


“จะให้เร็วไปไหน พวกนั้นยังไม่มาเลย” พาสตอบกลับ


เพียงครู่จากที่พาสพูดทั้งสี่ก็มาถึงรถกำธรกับหมู่เจดไปกับพาส ส่วนอีกสองคนนั้นขอขี่มอเตอร์ไซด์ไปต่างหาก

--------------------------------------------------------1

“เสร็จแล้วครับพี่พาสไปกันได้แล้ว ผมงี้หิวจะแย่” กำธรลูบท้องบอกถึงความหิว


“แกหิวข้าวหรือหิวเหล้ากันแน่เจ้าธร” พาสแซวหมู่คนสนิทด้วยความหมั่นไส้


“คงทั้งสองอย่างหละครับผู้กอง ผมเนี่ยขออย่างหลังเป็นหลัก ขอแถมกับแกล้มฝีมือคุณแม่ก็พอ” จ่าโต้งว่า


“เฮ้อ..........” พาสส่ายหัว แล้วจึงเข้าประจำที่


หญิงสาวมองไปทางปวรวรรณเพียงแว่บเดียวก็รู้ถึงความไม่พอใจของสาวเปรี้ยวที่ยังคงยืนกระฟัดกระเฟียดไม่ไปไหน


“พี่ณุจะปล่อยเธอไว้อย่างนี้เหรอฮะ” พาสหันมาถามคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับตนเอง


“พี่บอกเค้าแล้วไม่เป็นไรหรอก” ณุตอบอย่างไม่ต้องคิด


“............” พาสไม่พูดอะไรอีกเธอขับเจ้ากระป๋องคันน้อยผ่านหน้าปวรวรรณออกจากบ้านพักไป


จากการจราจรที่พลุกพล่านในตัวเมือง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเมื่อรถคันน้อยมุ่งหน้าตรงสู่บ้านสวน สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาตลอดสองข้างทาง เมื่อถึงทางแยกเล็กๆ พาสจึงขับรถเลี้ยวเข้าไปหญิงสาวขับต่อเข้าไปอีกไม่ไกลนักก็เป็นพื้นที่ว่างพอให้จอดรถได้ เธอขับเข้าไปจอดและปิดเครื่องยนต์ สองหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังเปิดประตูลงจากรถไปก่อน


“ลงที่นี่ละฮะ ต้องเดินเท้าเข้าไปเพราะรถเข้าไปไม่ได้” พาสหันมาบอกกับณุ


“จ้ะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ เขาลงมายืนรอให้พาสปิดล็อครถให้เรียบร้อย


สองหนุ่มสาวเดินเคียงคู่กันไปโดยเห็นหลังสองหนุ่มที่เดินนำไปก่อนอยู่ไม่ไกลนัก พาสชี้ให้ณุได้มองต้นไม้ที่ปลูกไว้ทั้งสองฝั่งของเส้นทางที่เดินกันไป ชายหนุ่มตั้งใจฟังการบรรยายของพาสอย่างตั้งใจ แต่แล้วเค้าก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นสุนัขเฝ้าสวนทั้งสองตัวของพาสวิ่งกรูเข้าหาเขา


“เมฆ.... หมอก หยุด” พาสตะโกนสั่งคำเดียวทั้งสองตัวก็หยุดยืนนิ่ง มองมาทางนายสาว


“เจ้าสองตัวนี้เป็นสุนัขตำรวจที่ปลดประจำการแล้วน่ะฮะ แต่ยังคงจำคำสั่งได้เป็นอย่างดี” พาสลูบหัวทั้งสองตัวเบาๆ
พาสเงยหน้ากลับมามองทางณุที่ดูจะซีดไปนิดเธอได้แต่ยิ้มบางๆ “พี่ณุเลี้ยงสุนัขไหมฮะ”


“เลี้ยงจ้ะ แต่ก็ยังอดที่จะกลัวทั้งสองตัวนี้ไม่ได้” ณุยอมรับตามจริง เพราะทั้งสองดูสมกับเป็นสุนัขเฝ้าสวนทั้งตัวใหญ่หน้าตาก็น่ากลัว


“คงงั้นล่ะฮะ แต่เจ้าสองตัวนี้ไม่ทำร้ายใครถ้าไม่มาทำลับๆ ล่อๆ หรอกฮะ ไปฮะ อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว” พาสบอกก่อนจะเดินนำหน้าไปโดยมีเจ้าสองตัวขนาบข้างไปด้วย
ผู้มาใหม่ได้แต่เดินตามหลังห่างๆ จนเมื่อมาถึงหน้าบ้านพาสเปิดประตูเชิญให้ผู้มาเยือนเข้าไปก่อนส่วนเธอเดินตามหลัง ณุได้ยินเสียงเครื่องดนตรีไทยหลายชิ้นกำลังบรรเลงอยู่เขาหันกลับมามองพาส


“ที่บ้านรับสอนดนตรีไทยน่ะฮะ นี่เด็กๆ คงยังอยู่ต่อเพลงกัน” พาสไขข้อสงสัยของณุ


“เพราะดีนะ”


“เชิญฮะ เข้าข้างในดีกว่า” พาสเอ่ยชวน


ทั้งคู่เข้าไปด้านในก็พบกับเหล่านักเรียนตัวน้อยที่ยังคงเล่นเครื่องดนตรีของตนเองอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่เมื่อพาสก้าวเท้าเข้าไปทั้งวงถึงกับหยุดและเสียงนกกระจอกแตกรังก็ดังมาแทนที่


“พี่พาส พี่พาสมา” เด็กๆ พากันวางมือจากเครื่องดนตรีพากันกรูแย่งเข้ามากอดพาส


“เป็นไงบ้างเด็กๆ ต่อเพลงไปถึงไหนกันแล้ว” พาสลงนั่งคุกเข่ากอดคนนั้นหอมคนนี้จนครบทุกคน


เด็กๆ ต่างแย่งกันนำเสนอว่าตนเองเล่นได้แค่ไหนต่อเพลงอะไรกันบ้าง พาสยิ้มรับกับคำบอกเล่าของเด็กๆ ภาพนั้นดูช่างเป็นสิ่งที่น่ามอง แววตาที่เปล่งประกายใบหน้าที่สดใสของเด็กๆ บอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขารู้สึกต่อหญิงสาวอย่างไร


พาสที่กำลังพูดคุยกับเด็กๆ เหลียวมามองทางณุ “เข้ามาสิฮะพี่ณุ”


“เด็กๆ จ๊ะนี่พี่ณุเป็นเพื่อนของพี่” พาสแนะนำชายหนุ่มให้ได้รู้จักกับเหล่าเด็กน้อย


“สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ”


ทุกคนไหว้และมีทีท่าสนใจชายหนุ่มแปลกหน้า น้องเหมี่ยวเด็กสาวตัวน้อยเดินเข้าไปเกาะแขนของณุ ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบย่อตัวลงมานั่งให้อยู่ในระดับสายตากับเด็กน้อย


“ว่าไงคะ” ณุพูดเสียงนุ่ม


“พี่เป็นแฟนกับพี่พาสหรือคะ” เสียงใสถามด้วยความอยากรู้


“เอ่อ ก็กำลังน่ะจ้ะ” ณุตอบยิ้มๆ


“พี่ณุ พูดอะไรน่ะ” พาสโวยเสียงดัง “เหมี่ยวมานี่สิคะ”


เมื่อเด็กน้อยเดินกลับมายืนใกล้ๆ พาสจับที่คางของเด็กน้อย “ทีหลังอย่าถามอย่างนั้นนะคะ เป็นเด็กเป็นเล็ก แก่แดดเกินไปแล้ว”


“ค่ะ” เหมี่ยวขานรับเสียงใสยิ้มอ้อนพี่พาส


“เอาล่ะไปเรียนกันต่อได้แล้ว ไป” พาสดุนเด็กๆ ให้กลับไปเรียนต่อ กว่าจะดูแลเด็กๆ ให้เข้าที่ได้ก็ใช้เวลาไปพอควร
เหมียวและมารดาพากันเดินออกมาจากทางหลังบ้าน ก็มาเจอกับพาสที่กำลังจะพาณุเข้าไปหาเช่นกัน


“อ้าว แม่มาพอดีเลย” พาสตรงเข้าไปหามารดา


“แม่คะ นี่พี่ณุเป็นสารวัตรกองปราบของสถานีค่ะ” พาสบอก


“พี่ณุฮะ สาวสวยคนนี้เป็นแม่ของพาส และนั่นเจ้าเหมียวน้องสาวคนเล็กของบ้าน”


“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มพนมมือไหว้อย่างสวย


“จ้ะ สวัสดี”


“สวัสดีค่ะ พี่ณุ” เหมียวไหว้และยิ้มให้กับสารวัตรหนุ่ม


“ดีจ้ะ” ณุยิ้มตอบเช่นกัน


“วันนี้แม่มีอะไรเลี้ยงพวกขี้เหล้าบ้างล่ะคะ” พาสถาม


“เตรียมไว้แล้วล่ะจ้ะ มีเนื้อแดดเดียวของโปรดพวกกินกับอย่างเราด้วย” มารดาบีบจมูกลูกสาวคนโดอย่างรักใคร่


“ดีจัง งั้นเดี๋ยวพาสไปช่วยเตรียมด้วย”


“ไม่ต้องหรอกธรกับเจดก็อยู่ช่วยในครัวแล้ว” ผู้เป็นแม่ยิ้มให้ลูกสาว


“พวกนั้นวุ่นอยู่ในครัว ครัวก็เต็มแล้วหละพี่พาส ตัวโตๆ ทั้งนั้น” เหมียวนึกถึงครัวเล็กๆ ที่มีหนุ่มสองคนเดินไปเดินมาแล้วก็อดขำไม่ได้


“พาพี่เขาไปนั่งพักให้สบายดีกว่าหน้าบ้านน่ะแม่ให้เหมียวปูเสื่อไว้แล้ว”


“ค่ะ” พาสรับคำมารดา


“ไปกันพี่ณุ ไปนั่งหน้าบ้าน” พาสหันไปชวนชายหนุ่ม


“ผมไปนั่งข้างนอกนะครับ” ณุบอกกับสองแม่ลูกที่กำลังหันกลับเข้าด้านใน


“จ้ะ” ผู้สูงวัยกว่ายิ้มอย่างปราณี


พวกบรรดาขาเหล้าต่างพากันครื้นเครงจ่าโต้งนั่งร้องเพลงเคาะพื้นโดยมีกำธรเป็นลูกคู่หมู่เจดก็งีบหลับอยู่ข้างๆ วง ส่วนพาสกับณุนั้นพากันออกมาเดินชมพระจันทร์และบรรยากาศยามค่ำคืนของบ้านสวน ซึ่งมีแต่เสียงจิ้งหรีดเรไรบริเวณรอบๆ มีแต่ความมืดอาศัยเพียงแสงนวลจากพระจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่บนฟากฟ้า อากาศกำลังเย็นสบายพาสปล่อยให้ณุเดินนำหน้า


“ที่นี่อากาศสดชื่นดีนะ พี่ชอบ” ณุเหลียวหลังมามองคนที่เดินตามนิดหน่อย


“อืม บ้านสวนก็งี้แหละฮะไม่มีมลภาวะมารบกวน”


“เห็นเหมียวบอกว่าพาสเล่นดนตรีได้ตั้งหลายอย่าง ไว้เล่นให้พี่ฟังบ้างได้ไหมจ๊ะ” ชายหนุ่มหยุดรอให้พาสมายืนเคียงข้าง


“รอไปก่อนนะฮะพาสมีอารมณ์เมื่อไหร่จะเล่นให้ฟัง” พาสพูดกวนๆ


“ต้องมีอารมณ์ด้วยเหรอเล่นดนตรีเนี่ย” ณุทำหน้าง้ำ


“ดนตรีนะฮะ ถ้าเล่นด้วยความสุขเพลงที่ออกมาก็จะเพราะ”


“งั้นพี่จะรอวันนั้น พี่ต้องการเพลงที่มาจากความสุขและเป็นความเต็มใจที่จะเล่นให้พี่ฟังด้วยตัวของพาสเอง” เขายิ้มตาหวานจ้องหน้างามที่ยืนข้างกาย


“................” พาสถึงกับต้องหลบตาเสมองไปทางอื่น หญิงสาวไปลงนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นโมกต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านอยู่เลยตัวบ้านไปไม่ไกลนัก


“วันหลังขอพี่ตามมาอีกได้ไหม” ณุที่ตามมานั่งข้างๆ ถามขึ้น


“ตามสบายฮะ แม่คงดีใจที่มีคนมาชิมอาหารฝีมือท่านอีกคน”


“ขอบคุณจ้ะ” ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้อีกนิด


พาสรีบลุกขึ้นเธอเหลือบมองณุที่มองตามมานิดหนึ่ง “กลับเข้าด้านในเถอะฮะ ไปร่วมวงกับพวกนั้นดีกว่า”
---------------------------------------------------------2


เรือนใหญ่ได้จัดงานเลี้ยงปีใหม่ซึ่งมีพิกาเป็นแม่งานใหญ่ หญิงสาววุ่นวายกับการจัดสถานที่เธอควบคุมดูแลเด็กๆ ในบ้านให้วางทุกอย่างให้สวยงามเรียบร้อย


“อย่าลืมเอาแจกันดอกไม้พุ่มใหญ่มาวางตรงนี้ด้วยนะพิกุล” พิกาสั่งงานกับเด็กสาวคนสนิทที่เพิ่งเอาถาดขนมมาวาง


“พานพุ่มที่คุณพิกาจัดไว้ใช่ไหมเจ้าคะ” พิกุลถามเพื่อความแน่ใจ


“จ้ะ ให้พวกผู้ชายช่วยยกมาล่ะ ไม่ต้องยกเองรู้ไหม” พิกาเป็นห่วงเด็กสาวมากกว่าของที่จัดไว้


“เจ้าค่ะ” เด็กสาวรับคำ


เด็กมะลิเดินเข้ามาทางด้านหลังนายสาวที่กำลังจัดเรียงของบนโต๊ะ มะลิมีความลังเลที่จะพูดกับนายสาว จนเมื่อพิกาหันกลับมามองด้านหลังเธอรู้สึกว่ามีคนยืนอยู่


“ว่าไงมะลิ มีอะไรทำไมไม่พูดหือ”


“คือว่า ที่เรือนเล็กน่ะค่ะ” มะลิมีท่าทีอ้ำอึ้ง


“ที่เรีอนเล็ก ทำไมคุณพิชญะมีธุระอะไรกับฉันหรือ” พิกาสงสัย


“คือคุณพิชญะน่ะเจ้าค่ะ กำลังมีปากเสียงกับใครก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ”


“คุณพี่” พิกาเอ่ยชื่อสามีด้วยความกังวล เธอรู้นิสัยความใจร้อนของสามีเป็นอย่างดี ถ้าอะไรไม่ถูกไม่ต้องเขาจะไม่ค่อยฟังใครทั้งนั้น


“มะลิให้ป้าชมมาช่วยดูแลทางนี้ให้ก่อนนะ ฉันจะกลับเรือน” พิกาสั่งการกับเด็กสาวให้ไปตามชมคนเก่าคนแก่ของบ้านที่เป็นทั้งคนดูแลและจัดการทุกอย่างที่เรือนใหญ่


พิการีบเดินมุ่งหน้ากลับมาที่เรีอนเล็ก เธอมาจนจะถึงเรือนก็ได้ยินเสียงของสามีมาแต่ไกล หญิงสาวจึงเร่งฝีเท้าให้ถึงเรือนเร็วขึ้น เมื่อมาถึงเรือนเธอก็พบว่าสามีนั้นคุยกับนายอุดมซึ่งเป็นญาติห่างๆ สีหน้าท่าทีของสามีนั้นดุดันอยู่ไม่น้อย


“คุณพี่คะ แต่งตัวเรียบร้อยหรือยังคะ ไปที่เรีอนใหญ่ได้แล้วค่ะ” พิกาทำเชิงเป็นมาตามสามี


พิชญะที่กำลังจะพูดอะไรต่อต้องหยุดการสนทนาที่ดูเหมือนจะฟาดฟันกันนั้นลง ตัวนายอุดมเองก็หันกลับมาตามเสียงหวานๆ ของหญิงสาว เขานั้นยิ่งได้ยลโฉมนางเท่าใดเขาก็ยิ่งให้อิจฉาพิชญะที่มีทั้งเงินทองหน้าที่การงานที่ดีและยังมีภรรยาที่งามพร้อมทั้งหน้าตามารยาท ยิ่งเธอนั้นดูช่างกล้าไม่เกรงใครเขายิ่งชอบดูเร้าใจดี


พิกาสบตาเล้าโลมของนายอุดมอย่างไม่ชอบใจนัก แต่ก็ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา “สวัสดีค่ะ คุณอุดมมางานหรือคะเชิญที่เรือนใหญ่ดีกว่าค่ะ ทางเรือนใหญ่เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว”


“พี่มาหาพิชญะน่ะ มีเรื่องมาคุยด้วยนิดหน่อย” นายอุดมตอบเสียงนุ่มส่งสายตาโลมเลียหญิงสาว


“หรือคะ คุยกันเรียบร้อยหรือยังคะ เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ท่านจะลงมาแล้ว” พิกาเบนสายตามาทางสามี


“ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วจ้ะ พี่อุดมคงไม่อยู่ทานเลี้ยงกับเราหรอกจ้ะพิกา เธอคงไม่สะดวก” พิชญะพูดพร้อมกับส่งสายตาคมกริบจ้องหน้านายอุดม


“พี่มีธุระที่อื่นน่ะแม่พิกา คงต้องกลับก่อน”


“ถ้าเช่นนั้นก็สวัสดีค่ะ” พิกายกมือไหว้ลาหนุ่มร่างใหญ่


“พี่ไปก่อนแล้ววันหน้าจะแวะมาใหม่” ชายร่างใหญ่มองพิกาอย่างอ้อยอิ่ง แล้วหันกลับไปมองหน้าพิชญะด้วยความไม่สบอารมณ์และก็จำต้องสะบัดหน้าเดินจากเรือนไป


พิกามองตามหลังไปเพียงแว่บเดียวแล้วจึงก้าวเท้าขึ้นไปยืนเคียงข้างสามี เธอค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะที่หน้าอกอุ่นของผู้เป็นสามีมือน้อยๆ ลูบเพียงเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยน เพียงเท่านี้อารมณ์ที่ขุ่นมัวก็เบาบางลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ พิชญะก้มมองหน้าภรรยาอันเป็นที่รักเขารวบตัวเธอมาแนบอกเขาจูบที่เรือนผม


“พี่รักพิกาจริงๆ”


“มีเรื่องอะไรกันคะ” พิกาเงยหน้ามองสามี


“ช่างเถอะ พี่ไม่อยากเอ่ยถึงให้เสียงอารมณ์” เขายังคงกอดร่างน้อยไว้แน่น


“มีอะไรก็เล่าให้น้องฟังได้นะคะ ถ้าช่วยอะไรหรือผ่อนหนักให้เป็นเบาได้น้องก็อยากช่วย” พิกาลูบคางสามี


“จ้ะ ไว้วันหลังนะแล้วพี่จะเล่าให้ฟัง” ชายหนุ่มจับมือน้อยนั้นมาจูบเบาๆ


“ไปที่เรือนใหญ่กันดีกว่าค่ะ คุณพ่อคุณแม่ท่านคงลงมาที่งานแล้ว” พิกาดันตัวเองออกเธอจูงมือสามีให้ตามไปด้วยกัน


สองสามีภรรยาเดินเคียงกันเข้าไปในงาน ที่ตอนนี้มีแขกเรื่อมากหน้าหลายตาทั้งญาติใกล้ชิดและแขกที่นับถือกัน ทั้งสองต่างต้องแยกย้ายกันต้อนรับและเป็นตัวแทนของผู้เป็นบิดามารดาในการดูแลเอาใจใส่ต่อผู้มาเยือน ทำให้เป็นโอกาสของสองพี่น้องจิราภาและพิรัฏร์ สองพี่น้องต่างแยกไปหาคนที่ตนเองหมายปอง พิรัฏร์เข้าไปหาพิกาที่ยืนคุยอยู่กับญาติผู้ใหญ่ของฝั่งสามี


ส่วนจิราภาก็เดินด้วยมาดนางพญาเข้าไปยืนเคียงข้างพิชญะที่คุยกับแขกของบิดา พิชญะเหลียวมองมาทางสาวที่มายืนข้างๆ เพียงนิด แล้วเค้าก็หันกลับไปสนใจกับแขกต่อปล่อยให้สาวเปรี้ยวยืนอย่างโดดเดี่ยว แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมเพียงเท่านั้นหญิงสาวเอามือคล้องแขนของพิชญะ เธอแสดงตัวเกินเลยกว่าการเป็นเพียงน้องสาว เธอยิ้มและกล่าวทักทายกับแขกอย่างสนิทสนมเกินงาม ทำเอาแขกทั้งหลายถึงกับมองสาวเปรี้ยวแบบงงๆ


“ภรรยาของหลานหรือพิชญะ” แขกท่านหนึ่งเอ่ยถาม


พิชญะเองก็มีอาการไม่ชอบใจนักแต่ก็ไม่กล้าแสดงอะไรมากมายนัก เขาค่อยๆ จับเอามือของจิราภาออกอย่างเบามือ “มิได้ขอรับ นี่น้องจิราภาเธอเป็นญาติห่างๆ น่ะขอรับ”


จิราภาดูเงียบงันไม่พอใจกับการแสดงออกของพิชญะ แต่เธอก็จำใจต้องยิ้มรับกับคำว่าญาติห่างๆ ที่ชายหนุ่มกล่าว


“นั่นสิลุงก็ว่าอย่างนั้น เพราะจำได้ว่าเมื่องานแต่งงานของหลานนั้นไม่น่าใช่แม่หนูคนนี้” แขกอีกท่านกล่าวเสริม


“ขอรับ ภรรยาของผมรับรองแขกอยู่อีกด้านน่ะขอรับ” พิชญะมองไปทางด้านหลังตรงที่คิดว่าภรรยายืนอยู่


“ภรรยาของหลานน่ารักมาก เป็นผู้หญิงที่งามพร้อม”


“ขอบคุณขอรับ” ชายหนุ่มยิ้มแก้มปริที่ผู้ใหญ่เอ่ยชมภรรยา เขารู้สึกเหมือนถูกชมเสียเอง


เขาชะเง้อคอมองภรรยาที่ยืนอยู่กับผู้ใหญ่อีกกลุ่มทำให้เห็นว่าข้างกายของภรรยานั้นมีนายพิรัฏร์คอยขนาบข้าง เขารู้ได้ว่าภรรยาของเขานั้นไม่พอใจแต่เธอก็ยังสามารถยิ้มแย้มพูดคุยกับแขก และหลีกเลี่ยงการกระทำที่ไม่ควรของนายพิรัฏร์ที่พยายามจะโอบและแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทำเอาเขาไม่พอใจพี่น้องคู่นี้หนักเข้าไปอีก


“กระผมขอตัวก่อนนะขอรับ ขอไปคุยกับผู้ใหญ่ทางด้านกระโน้นนะขอรับ” ณุกราบสวัสดีแล้วปลีกตัวไปทิ้งจิราภาให้ยืนเก้อเพียงลำพัง ทำเอาหญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเธอได้แต่ฝืนยิ้มกับผู้ใหญ่


ชายหนุ่มเข้าแทรกเขาเบียดตัวมายืนคู่กับภรรยา พิกาหันมายิ้มหวานให้กับสามีที่เข้ามายืนชิด เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่สามีมาช่วยกันเธอจากพิรัฏร์ แต่นายพิรัฏร์นั้นกลับหัวเสียอย่างมากที่ถูกกันออกห่างจากพิกา และเมื่อพิชญะหันมามองนิ่งก็ทำเอาเขาจำต้องถอยออกห่างและถอนตัวออกไปจากตรงนั้น


สองพี่น้องกลับมาเข้าคู่กันทั้งสองมองไปทางสามีภรรยาคู่นั้นด้วยความหมายมาด ในใจของคนทั้งสองกำลังคิดสิ่งใดไม่มีใครรู้ได้ แต่สายตาที่ส่งออกมานั้นดูไม่เป็นมิตรกับใครทั้งสิ้นยิ่งกับภาพตรงหน้าที่เห็นสองสามีภรรยาโอบประคองกันไม่ได้ห่าง ยิ่งทำให้สองพี่น้องตาเป็นประกายด้วยโทสะ

----------------------------------------------------------
จบบทที่ 11 ซะทีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ช้างานยุ่งจริงๆ ค่ะ




Create Date : 24 ตุลาคม 2549
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2549 22:13:05 น. 17 comments
Counter : 281 Pageviews.

 
พี่เจกำลังสนุกเลยคะอย่าปล่อยให้น้องโฮกฮากนานนะคะเหอๆๆ2บรรทัดตามสัญญาจริงๆพี่เรา


โดย: วะ IP: 124.157.129.133 วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:14:13:21 น.  

 
วันนี้ไม่ว่างลงนะคะต้องขอโทษด้วย แล้วจะชดเชยให้นะคะ


โดย: เจ IP: 124.120.234.115 วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:23:43:18 น.  

 
ตามมาอ่าน อิอิ


โดย: bam IP: 58.9.121.237 วันที่: 26 ตุลาคม 2549 เวลา:0:07:35 น.  

 
ดีจ้า เจ เจ พี่พรอนะเมื่อคืนอ่ะ วันนี้มีอ่านมั้ยจ๊ะ


โดย: pon00 วันที่: 26 ตุลาคม 2549 เวลา:9:20:23 น.  

 
แวะมารอผู้กองคนใหม่ค่ะ...

หนุกหนานๆๆ...อิ อิ คิดถึงนะคะ


โดย: momojang IP: 58.8.84.191 วันที่: 26 ตุลาคม 2549 เวลา:10:11:52 น.  

 
มารอผู้กองสุดสวยค่ะ

มาให้กำลังคนแต่งด้วย หุหุ


โดย: นู๋ใหม่ IP: 203.209.124.203 วันที่: 26 ตุลาคม 2549 เวลา:22:21:30 น.  

 
สารวัตรได้ไปเที่ยวบ้านสวนแล้ว ความสัมพันธ์พัฒนาไปอีกขั้น อิอิ


โดย: ElmO IP: 58.8.1.57 วันที่: 29 ตุลาคม 2549 เวลา:1:35:17 น.  

 
5555555...สมน้ำหน้าเจ๊วรรณ...เอิ้กกๆๆๆ...


โดย: momojang IP: 58.8.86.128 วันที่: 29 ตุลาคม 2549 เวลา:7:53:28 น.  

 
มาให้กำลังใจพี่เจนะคะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนเป็นวันแรกของเทอม 2 แล้ว
คงจะหายไปบ้าง

แต่ยังคิดถึงพี่ๆเหมือนเดิมนะคะ ^_^


โดย: ToOn <เต่าน้อย> วันที่: 29 ตุลาคม 2549 เวลา:18:28:51 น.  

 
ดีจ้า เจ จ๋า ให้ พาส พาพี่บอยออกรถ เร็วๆ 555555555น้องวรรณจะได้ตามไม่ทัน


โดย: pon00 วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:23:19:51 น.  

 
สนุกจิงๆนะแม่ 555
ลูกรักแม่นะคะ
เปนห่วงแม่เสมอนะคะ
rak_na_jub_jub


โดย: ไอติมลูกแม่ไง IP: 124.121.63.64 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:18:08 น.  

 
ดีคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบ คิดถึงจัง อิอิ หายเหนื่อยแล้วเข้ามา

น๊ารอเสมอคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ จุ๊บจุ๊บ


โดย: พี่พรจ้า IP: 125.24.144.81 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:59:21 น.  

 


โดย: วะ IP: 124.157.157.179 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:13:18 น.  

 
เมื่อกี้มึนอ่ะ
จะมาบอกพี่เจว่าคิดถึงนะคะวะคงจะมาได้แค่อาทิตย์ละครั้งแล้วเพราะต้องกลับไปทำงานแล้วแล้วจะแวะมาเยี่ยมทุกอ่ทิตย์นะคะ


โดย: วะ IP: 124.157.157.179 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:20:55 น.  

 
ขอบคุณมากจ้าเจ เหนื่อยนักก็พักบ้างนะ

เป็นห่วงจ้า


โดย: bam IP: 58.9.131.33 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:03:23 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่เจ เข้ามาให้กำลังใจค่ะ นิยายสนุกมากคะ ถ้าเหนื่อยก็พักก่อนได้ค่ะพี่เจ ไว้ว่างๆค่อยมาลงก็ได้ค่ะ


โดย: nazei IP: 202.12.74.6 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:41:25 น.  

 
สู้ๆแม่ 555
ทำลูกติดไปอีก1เรื่อง
รอแนะคะ
ลูกรักแม่นะ
rak_na_jub_jub


โดย: ไอติมลูกแม่ไง IP: 124.121.56.112 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:04:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jd_spn
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




-ความรักเป็นสิ่งสวยงามแต่มิใช่จะเกิดได้ง่ายดาย เมื่อได้มาก็จงเก็บรักษาไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
-อยากมอบสิ่งดีๆ ให้กับทุกคน และมอบความรักให้กับคนอันเป็นที่รักทุกคน
คุยกันหลังไมค่กดที่ตุ๊กตาเด็กเล่นน้ำนะคะ
cursor
Friends' blogs
[Add jd_spn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.