เราเป็นตัวเรานั่นดีที่สุด
Group Blog
 
All blogs
 

ตราบนิรันดร์ บทที่ 5


บทที่ 5 ห้วงความคิด


พาสขับรถไปตามทางมุ่งหน้าสู่บ้านสวนหลังน้อย หญิงสาวนึกถึงชื่อที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมาก็ยิ่งทำให้เธอสับสน เขาฝันเหมือนกับเธอเช่นนั้นหรือ เขาจะเห็นภาพอย่างเดียวกับที่เธอเห็นหรือเปล่า แล้วจู่ๆ แก้มนวลก็แดงเมื่อนึกถึงภาพของคนสองคนที่กอดซบกันอยู่ที่ศาลาริมน้ำ


“.... เฮ้ย......... ไม่คิด อย่าคิดนะ” พาสสบัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ภาพดังกล่าวให้หลุดจากหัวของเธอ


“ขออย่าให้ฝันเหมือนกันเล้ย” หญิงสาวได้แต่ถอดถอนใจ พาสเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นวันนี้เธอมีนัดกับเด็กๆ ที่บ้านสวน


หนุ่มใหญ่ผู้คงมาดนิ่งนั่งอยู่ภายในห้องทำงาน เขาอ่านเอกสารที่พาสใช้ให้กำธรนำมาเสนอ กรยิ้มน้อยๆ กับแผนงานของพาส เขารับรู้การทำงานของหญิงสาวทุกขั้นตอน เธอทำงานอย่างมีระบบเสมอ


“ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้น


“เชิญเข้ามาได้” กรเก็บเอกสารเข้าลิ้นชัก


ณุกับขจรเข้ามาพบทั้งสองทำความเคารพตามระเบียบ แล้วก็พากันนั่งตรงเก้าอี้ด้านหน้าของกร


“ขจรแจงงานทั้งหมดกับณุแล้วใช่ไหม” กรถามเสียงเรียบ


“ครับเหลือเพียงเรื่องเดียว... เรื่องงานชิ้นหลังของพาส” ขจรบอก


“เรื่องนั้นไว้พี่อธิบายทีหลังเอง ตอนนี้ยังเงียบๆ อยู่” กรบอกกับทั้งสอง


“ครับ” ทั้งคู่ต่างขานรับพร้อมกัน


“วันนี้คุยกับผู้การว่าทางโน้นเร่งมาว่าจะให้ นายไปเร็วขึ้น” กรมองตรงไปที่ขจร เรื่องนี้คือเรื่องที่เขาเรียกตัวทั้งสองเข้ามาพบด่วน


“ได้ครับ......... ผมพร้อมแล้วครับ” ขจรตอบหนักแน่นไม่มีทีท่าอิดออด


“งั้นคงต้องให้ไปวันจันทร์ที่จะถึงนี่ละนะ” กรยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นยื่นมือให้


“ขอให้โชคดี แล้วพวกพี่จะลงไปเยี่ยม ยังไงก็ระวังตัวทั้งตัวนายและครอบครัวด้วย”


“ขอบคุณครับพี่กรมากครับ ผมจะรอพี่กับพาสลงไปเยี่ยม มีอะไรดีๆ ก็ส่งข่าวบ้างนะครับ” ขจรจับมือกับผู้กำกับที่เขาให้ความเคารพ


“แน่นอน” กรยิ้ม เขารู้ดีถึงความนัยที่ขจรพูด


ณุฟังที่ขจรกล่าวเขาเหมือนถูกเตือนกลายๆ ว่าคู่แข่งหัวใจของเขานั้นเป็นถึงผู้กำกับและเป็นคนที่พาสให้ความสนิทชิดเชื้อด้วย ชายหนุ่มได้แต่นิ่งงัน


ขจรเหลือบตามองสารวัตรรุ่นน้องด้วยความเห็นใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร จะห้ามณุไม่ให้ยุ่งกับพาสก็คงไม่เหมาะ เรื่องนี้เขาจำใจต้องปล่อยไปในทิศทางของแต่ละคน ความรักนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถกำหนดหรือไปบังคับกันได้


.
รถกระป๋องของพาสเข้ามาจอดในบริเวณริมทาง หญิงสาวต้องจอดรถไว้แล้วเดินต่อเข้าบ้านอีกที หญิงสาวเดินมองสองข้างทางมาเรื่อยๆ เจ้าหมอกกับเจ้าเมฆวิ่งกวดกันมาหาผู้เป็นนาย พาสเตรียมตั้งหลักรอเพราะเจ้าสองตัวนี้แรงเยอะมาก


“หมอก เมฆ” หญิงสาวยืนกางแขนแยกขาสุนัขทั้งสองกระโจนเข้าใส่ พากันเลียหน้าเจ้าของด้วยความคิดถึง เสียงหงิงหงาง


“พอแล้ว... พอ เลอะหมด” พาสทำสัญญาณมือให้ทั้งสองลงนั่ง จริงๆ แล้วสองตัวนี้เป็นสุนัขตำรวจที่ปลดประจำการแล้ว พาสเคยได้ใช้งานหลายครั้งพอทางกรมปลดประจำการตามวาระ พาสจึงขอมาเลี้ยง เธอพาเจ้าสองตัวนี้มาให้มารดาปีกว่าแล้ว


“มา....” พาสสั่งคำเดียวทั้งสองก็เดินตามขนาบข้างเธอไปเหมือนจะคอยคุ้มครองเจ้าของ


พาสเดินมาตามทางที่ขุดเป็นเนินให้เดินจนถึงส่วนที่เป็นตัวบ้าน หญิงสาวเปิดประตูรั้วไม้เข้าไป ส่วนเจ้าสองตัวกลับนั่งลงตรงนั้นไม่ตาม พาสก้มลงลูบหัวไปตัวละที แล้วก็เดินเข้าไปด้านใน


“พี่พาส......... พี่พาสมา” เด็กสาวตัวน้อยที่นั่งอยู่ที่ชานส่งเสียงเรียกเพื่อนๆ ที่อยู่ในตัวบ้าน


เด็กๆ อีกสองคนวิ่งตามเด็กสาวออกมาหาพาส หญิงสาวย่อตัวลงกางแขนรับทั้งสามไว้ในอ้อมกอด เธอหอมคนนั้นทีคนนี้ที


“อย่าหอมพี่นะ หน้าเลอะเพราะเจ้าหมอกกับเมฆ” พาสชิงเอาหน้าหลบไม่ให้เด็กๆ หอมแก้ม


“ค่า” สาวน้อยทั้งสามขานเสียงใส


พาสอุ้มสาวน้อยผมเปียตัวเล็กสุด ส่วนอีกสองสาวน้อยก็เดินเกาะเสื้อพาสพากันเข้าบ้าน พาสวางสาวน้อยลงที่ตรงห้องโล่งๆ ที่รอบๆ นั้นจัดวางเครื่องดนตรีไว้อย่างเป็นระเบียบ พาสตรงเข้าไปเปิดตู้สูงโบราณ หยิบไวโอลินจากตู้มาส่งให้กับเด็กๆ


“จำที่พี่เคยสอนไว้ได้ไหมว่าต้องทำอย่างไรก่อน”


เด็กๆ รับไวโอลินจากพาสเอาไปวางไว้ที่ตั่งไม้ตัวเตี้ย ทั้งสามกราบลงบนไวโอลินอย่างสวยงามน่ารัก


“จำไว้นะว่าเครื่องดนตรีทุกชิ้นมีครู ดังนั้นเราต้องไหว้ครูเพื่อรำลึกถึงเสมอ” พาสเองก็ไหว้ก่อนที่จะหยิบจับเครื่องดนตรีเสมอ


“ไหนเด็กๆ เล่นของเก่าให้พี่ฟังหน่อย เดี๋ยวพี่มาขอไปล้างหน้าก่อน” พาสเอามือลูบหน้าตัวเอง


“ค่า”


พาสเดินออกจากห้องดนตรีมาเธอก็มุ่งหน้าไปทางห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ กัน เธอเห็นมารดานั่งคุยอยู่กับใครบางคนอย่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร


พอออกจากห้องน้ำพาสพบว่ามารดามายืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ มารดายิ้มให้บุตรสาวคนโตของท่าน


“ว่าไงลูกเหนื่อยไหมวันนี้”


“ไม่ค่ะ วันนี้พาสไปเคลียร์งานนิดหน่อยเอง” หญิงสาวยกมือไหว้มารดา


“ดีจ้ะ วันนี้อยู่กินข้าวกับแม่นะ” มารดาจับมือบุตรสาวไว้


“ค่ะแม่ วันนี้พาสอยากคุยกับพ่อแล้วก็น้องด้วย” พาสยิ้มให้มารดา


“งั้นไปสอนเถอะ เดี๋ยวเด็กๆ จะรอนาน” ผู้เป็นแม่ตีมือลูกสาวเบาๆ


“ค่ะ...” พาสหอมแก้มมารดาหนึ่งฟอดใหญ่


สองแม่ลูกแยกกันไปคนละทาง พาสมาหยุดยืนที่หน้าห้องดนตรี เธอมองเด็กๆ ที่กำลังตั้งอกตั้งใจในการสีแล้วก็ยิ้มออกมา เธอรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้สอนดนตรีที่เธอรัก พาสเคยคิดว่าถ้าไม่ได้ทำงานตำรวจแล้ว เธอจะอยู่บ้านสอนเด็กๆ ให้ได้เล่นดนตรี


“พี่พาส.... มายืนยิ้มอยู่ได้ไม่ไปสอนเด็กๆ ล่ะ หาเรื่องอู้เหรอ นานๆ จะมาสักที”


“อ้าว ไอ้น้องเหมียวพูดดีๆ นะ พี่กำลังดูพัฒนาของเด็กๆ ต่างหาก” พาสเหลียวกลับมามองน้องสาว


“แหม พูดแค่นี้ทำเป็นโวย” เหมียวทำหน้าทะเล้นใส่พี่สาว


“เฮอะ ว่าแต่แกเถอะไปไหนมา”


“ไปบ้านป้านงค์ท้ายสวนมา แม่ให้เอาของกินไปให้” เหมียวพูดพร้อมกับชูบิ่นโตให้พี่สาวดู
-----------------------------------------------------------1


“อ้อ ป้าแกเป็นอย่างไรบ้างพอจะลุกทำอะไรเองได้บ้างหรือยัง” พาสถามถึงญาติห่างๆ ของมารดาที่ป่วยแล้วก็ไม่มีลูกหลานคอยดูแล จนมารดาของพวกเธอต้องไปรับมาอยู่ด้วยกัน


“ก็เหมือนเดิมแหละพี่ป่วยซะห้าวันดีหน่อยก็สองวัน” เหมียวถอนใจด้วยอาการปลงๆ ในความเจ็บป่วยของคน


“ให้มาพักในเรือนใหญ่ก็ไม่ยอม......... แปลกจริง” พาสขมวดคิ้วยุ่ง


“นั่นสิ เหมียวให้น้าแก้วดูแลอยู่ แกจะมาดูให้ตอนหลังทำงานในสวนเรียบร้อยแล้ว”


“ดี.... ดูแลแกหน่อยนะเหมียว ทำดีไว้ไม่เสียหลายหรอกน้องรัก” พาสโยกหัวน้อง


“จ้า.........” เหมียวลากเสียงยาว


“พี่ไปสอนเด็กๆ ก่อน ไงทำกับข้าวอร่อยๆ ล่ะ” พาสตบไหล่สาวน้อยหน้าทะเล้นเบาๆ


“เย้... วันนี้พี่พาสอยู่กินข้าวด้วย” เหมียวดูกระดี้กระด้าขึ้นทันที


“ดีจัง เดี๋ยววันนี้เหมียวจะช่วยแม่เต็มที่เลยค่ะ” เหมียวยิ้มกว้าง เพราะนับจากคราวที่แล้วพาสมาบ้านเพียงครั้งนั้นครั้งเดียว นี่ก็ร่วมจะสองอาทิตย์ที่พี่สาวไม่มาเลย


“อืม” พาสยิ้ม


“แม่จ๋า.........” เหมียววิ่งแกว่งบิ่นโตเข้าไปด้านใน


“...............” พาสได้แต่มองตามหลังน้องสาวพลางส่ายหัวน้อยๆ แล้วก็หันกลับเข้าห้องดนตรี “เด็กๆ..........”

.
วันนี้พ่อแม่และลูกสาวทั้งสองได้นั่งทานอาหารพร้อมหน้ากัน ผู้เป็นแม่มีแต่รวยยิ้มที่ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า
พาสเอาใจมารดาด้วยการตักกับข้าวใส่จานให้ “แม่กินเยอะๆ นะคะ เนี่ยอร่อยทั้งนั้น”


“ย่ะ......... รู้ละว่าอร่อยก็แม่ทำเองกับมือ” มารดาค้อมแต่พองาม


“ฮ่า..........” พาสหัวเราะชอบใจ


“เรานั่นละเจ้าพาสกินเยอะๆ ทุกวันนี้น่ะกินของเหมือนชาวบ้านเค้าบ้างไหม” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความเป็นห่วง


“สบายค่ะ พาสมีสามาคอยดูให้ตลอด” พาสยิ้มให้ผู้บังเกิดเกล้า


“หนูสากับผู้กำกับนี่ดีจริง พ่อว่าไหม” คุณพัชรีเอ่อกับสามี เธอพอจะมองออกว่ากรนั้นมีใจให้กับบุตรสาวคนโตของเธอ เธอเองก็ชอบนิสัยของหนุ่มใหญ่อยู่ไม่น้อย


“เค้าดีกับเราก็ดีแล้ว แต่อย่าไปรบกวนเค้าบ่อยๆ ละ” คุณเธนศเป็นคนที่คอยตักเตือนบุตรสาวในการวางตัวกับผู้อื่นเสมอ


“ค่ะพ่อ” พาสรับคำ


“แหมพ่อก็ พี่กรกับพี่สาออกจะเต็มใจทำให้ละสิไม่ว่า” เหมียวโพล่งออกมาพร้อมกับยักคิ้วให้พี่สาว


“เจ้าเหมียว” ผู้เป็นพ่อปรามบุตรคนเล็ก


“ขอโทษค่ะพ่อ.... แต่เป็นความจริงนี่คะไม่เห็นต้องกลัวไรเลย” เหมือนจะสำนึกในคราวแรก แต่ก็ไม่ยักใช่สำหรับลูกสาวคนเล็กที่ทั้งเซี้ยวทั้งแก่น


“เจ้า...........” คุณเธนศตั้งท่าจะว่า


“ไม่พูดก็ได้ค่ะ” เหมียวยกมือท่วมหัวไหว้บิดา


“ไอ้ลูกคนนี้..........” ท่านถึงกับพูดต่อไม่ออก “เฮ้อ......... ทำไมนะคุณรีคุณไม่ออกมันสองคนให้เป็นผู้ชายให้รู้แล้วรู้รอดไป”


“อ้าวพ่อลูกเป็นอย่างนี้ก็เพราะพ่อนั่นแหล่ะ ตามพ่อแจเห็นแต่ก่อนชอบไม่ใช่เหรอไอ้นิสัยทะโมนของเจ้าสองคนน่ะ” คุณพัชรีค่อนขอดสามี เธอเรียกสามีด้วยคำว่าพ่อทุกคำ


“ก็ตอนนั้นมันเด็กๆ นี่ แต่เดี๋ยวนี้โตจนหมามันเลียก้นไม่ถึงแล้วยังทำตัวกัน...” ผู้เป็นพ่อส่ายหัวอย่างเซ็งๆ


“โธ่พ่อก็ พวกหนูเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วไง จะได้ไม่มีใครมายุ่งให้พ่อกับแม่ปวดหัว” เหมียวทำชูสองแขนเบ่งกล้ามโชว์


“ให้มันจริงเถอะย่ะ แม่ละกลัวว่าจะมีทั้งหนุ่มทั้งสาวมาติดหละไม่ว่า” มารดาแขวะเอากับลูกสาวคนโต


“อ้าวไมมาลงที่พาสล่ะแม่” พาสเกิดอาการร้อนตัวทันที


“แม่บอกว่าเป็นแกแล้วเหรอเจ้าพาส.... ยอมรับสิใช่ไหม” มารดาจ้องบุตรสาวเต็มตา


“ไม่เอาหละพาสไปทำงานต่อดีกว่า... ไม่คุยกับแม่แล้ว” พาสรีบเลื่อนเก้าอี้ออกพร้อมกับลุกเอาจานไปเก็บเข้าที่


“นี่เจ้าพาสแม่กับพ่อไม่เอาลูกสะใภ้นะ” มารดาส่งเสียงไล่หลังบุตรสาว


“ไม่รู้สิคะแม่...ขอพาสดูก่อนนะ” พาสโผล่หน้ามาตอบมารดา


“เจ้าพาส... แกพูดงี้หมายความว่าไง” คุณพัชรีโวยเสียงดัง


“ไปแล้วนะคะพ่อ ไว้พาสมาทานข้าวด้วยใหม่” พาสอ้อมมาไหว้บิดา หญิงสาวไหว้มารดาจากระยะห่าง แล้วรีบเดินออกจากห้องกินข้าวไป


“เจ้าพาส... ยังไม่ได้ตอบแม่เลย” คุณพัชรีดูกระวนกระวายกับคำพูดของลูกสาวเป็นอย่างมาก


“คุณรี นั่งกินต่อเถอะลูกมันก็แหย่ไปงั้น” คุณเธนศตบที่มือภรรยาเบาๆ


“ไว้ใจได้เหรอ.... ลูกพ่อเนี่ย” ภรรยาหันมาค้อนสามีแทน


“อ้าว...เออแฮะ” คุณเธนศถึงกับอึ้งที่ตัวเองพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย


“เหมียวก็ไปเก็บของก่อนดีกว่าค่ะ” บุตรสาวคนเล็กรีบลุกขึ้นทำท่าจะหนีไปเช่นกัน เพราะกลัวลูกหลงอีกคน


“เจ้าเหมียวจะรีบไปไหน” บิดาร้องถามลูกสาว


“ไม่อยู่แล้วดีกว่าค่ะ เหมียวขอไปตั้งหลักไกลๆ แม่หน่อยดีกว่าค่ะ” เหมียวชะโงกหน้ามาพูดกับบิดาก่อนจะหนีออกไปทางประตูหลัง


“อืม.... พ่อก็ว่าจะไปดูเด็กๆ มันเอาผลไม้ใส่ลังที่ต้องไปส่งกรุงเทพฯ พรุ่งนี้เหมือนกัน” คุณเธนศบอกกับศรีภรรยาแล้วก็ลุกไปดื้อๆ


“ดูสิ.... หนีกันไปหมดพ่อลูก” คุณพัชรีได้แต่บ่นกับตนเอง


.
รถกระป๋องของพาสวันนี้ดูจะไม่เป็นใจกับเจ้าของนัก เมื่อขับมาถึงกลางทางก็เกิดดับซะเฉยๆ พาสถึงกับเกิดอาการเซ็ง



“โถ่... มาเสียอะไรแถวนี้ล่ะหะ เดี๋ยวแม่เอาไปทำที่ปลูกสะละแหน่เลยนี่” พาสพยายามสตาร์ดและคอยฟังเสียงเครื่องยนต์


“เฮ้อนะ.........” เมื่อรู้แน่ว่าไม่มีทางแล้ว พาสจัดการโทรหาอู่ประจำที่เธอใช้บริการเสมอเวลาที่เจ้ากระป๋องเดี้ยงสนิทแบบนี้


“ช่างเอกเหรอ.......... อืม............ ช่าย.......... กุญแจอยู่ที่เดิม......... ใจนะ” พาสพูดและตอบคำถามจากช่างเอกอย่างคนที่รู้กันเป็นอย่างดี


เมื่อคุยกับช่างเสร็จพาสก็เล็งหารถที่จะอาศัยกลับไปสถานี เพราะวันนี้เธอมีนัดกับกำธรและหมู่เจดว่าจะไปดูลาดเลาที่ผับของเสี่ยอุดรจึงนัดเจอกันที่สถานีตอนค่ำนี้ หญิงสาวยืนเล็งๆ รถอยู่ แล้วก็มีรถเก๋งสีบรอ์นทองเข้ามาจอดเทียบหน้ารถเธอ พาสรู้แล้วว่าเป็นรถนายอิทธิศักดิ์หญิงสาวจึงทำเป็นไม่สนใจ


อิทธิศักดิ์ก้าวลงมาจากรถตรงเข้าไปหาพาส “พาสจ๋า รถเป็นอะไรไปหรือจ๊ะ”


“มันเสีย ” พาสตอบห้วนๆ สั้นๆ


“เสียอีกแล้ว อิทบอกแล้วว่าให้เอารถที่บ้านอิทไปใช้พาสก็ไม่ยอม” อิทธิศักดิ์เคยเสนอกับพาสให้เธอใช้รถของเขา


“ไม่เอาหรอก ใช้รถคนอื่นพาสไม่ชิน แล้วเจ้านี่ซ่อมแล้วก็ยังพอใช้ได้อยู่” พาสเอามือตบที่กระโปรงรถ


“แล้วนี่พาสจะไปไหนจ๊ะ อิทไปส่งให้นะ” อิทธิศักดิ์ขันอาสา


“ไม่ต้องหรอก......... อิทจะไปไหนก็ไปเหอะ เดี๋ยวพาสหาทางไปเองได้” พาสปฏิเสธความหวังดีของชายหนุ่ม


“โถ่.........นี่ค่ำแล้วนะพาส ไปรถอิทแหละนะ อิทส่งให้ได้” นายอิทธิศักดิ์ยังคงตื้อไม่เลิก


“ไม่ต้อง พาสบอกว่าไปเองได้ก็ได้สิ” พาสทำเสียงแข็งใส่


“แต่.....”


“ไปเถอะ” พาสดันอิทธิศักดิ์ไปที่รถ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มไม่ค่อยเต็มใจทำตามเท่าใดนัก


เมื่อเข้าประจำที่ ชายหนุ่มทำตาละห้อยมองพาส “อิทไปนะ”


“อืม ขับระวังด้วย” พาสบอกเหมือนสั่ง เธอขยับถอยออกห่างจากรถ


อิทธิศักดิ์ค่อยๆ เคลื่อนรถออกไปอย่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน พาสขมวดคิ้วยุ่งเธอหันหลังกลับมาที่รถเปิดประตูคว้ากระเป๋ากับของอีกสองสามอย่างออกจากรถ หญิงสาวตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง แล้วจึงปิดประตูรถพอหันกลับมาจะเรียกรถเธอก็ประจันหน้ากับณุจอดมอเตอร์ไซด์ตรงข้างๆ ที่เธอยืนอยู่แสงไฟหน้ารถทำให้ทั่วบริเวณนั้นสว่างขึ้นวันนี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดสีดำกางกางยีนสีซีด


“รถเสียเหรอครับ”


“...............” พาสยืนนิ่งไม่ตอบ


“อ้าวเป็นใบ้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ น้องพาส” ณุแหย่


“นี่...” พาสตั้งท่าจะสวนแต่ก็เปลี่ยนใจปิดปากเงียบตามเดิม


“อืม......... ท่าจะซ่อมยากนะครับคันนี้น่ะ” ณุเพ่งพินิจรถกระป๋องของพาส


“............” พาสได้แต่เงียบ


“ไปรถพี่ไหมเมื่อกี้เห็นปฏิเสธรถเก๋ง พาสอาจชอบนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์มากกว่า” ณุตบที่เบาะท้ายรถตัวเอง


“ไม่ ขอบคุณ” พาสพูดหลังจากเงียบมาได้ครู่หนึ่ง


“ไปเถอะ พี่ไปส่ง” ณุคว้าแขนพาสไว้ด้วยความว่องไว


“เอ๊ะ... นี่สารวัตร ปล่อยนะ เรื่องอะไรมาจับแขนพาสเนี่ย” พาสพยายามบิดมือตัวเองออก


“จับนิดจับหน่อยเอง แล้วนี่ก็มืดแล้วมายืนคนเดียวไม่กลัวเหรอ” ณุยักคิ้วหลิ่วตา


“ไม่กลัว ใครจะมากล้ากับพาส” พาสพูดด้วยอาการมั่นใจตัวเองมาก


“แล้วที่ไม่ใช่คนละ กลัวไหม” ณุลากเสียงยาว เขาแสยะยิ้ม


“..........” พาสไม่ตอบเธอมองไปรอบๆ ตัวที่ตอนนี้ความมืดปกคลุมไปทั่ว


“ไปเถอะ ตอนนี้อย่างเพิ่งมาดื้อกันเลย” ณุส่งหมวกกันน็อคอันเล็กให้พาส


“..........” พาสยังไม่ขยับ


“หรือจะให้พี่อุ้มขึ้นรถ” ณุตั้งท่าจะลงจากรถมาทำตามที่พูด


“ไม่ต้อง” พาสสะบัดเสียงใส่ณุ พร้อมกับกระชากหมวกจากมือเค้า


“พูดง่ายๆ ค่อยน่ารักหน่อย” ณุสตาร์ดรถ


พาสทำหน้าตูมใส่หลังณุ หญิงสาวขึ้นค่อมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ ชายหนุ่มออกตัวแรงจนพาสถึงกับหงายไปข้างหลัง หญิงสาวมีอาการตกใจนิดหน่อยเธอรีบจับเสื้อข้างเอวเขาไว้แน่น ชายหนุ่มเร่งความเร็วขึ้นเขาขับฉวัดเฉวียนไปมาจนพาสต้องค่อยๆ สวมกอดเอวเขาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ณุยิ้มในหน้าเขารู้สึกสะใจที่ได้แกล้งคนข้างหลัง


.
รถมอเตอร์ไซด์มาจอดลงที่หน้าสถานีซึ่งกำธรกับหมู่เจดยืนรออยู่แล้ว พาสลงจากรถเธอส่งหมวกคืนให้กับณุแล้วทำท่าจะเดินไปดื้อๆ


“ไม่ขอบคุณสักคำเชียวหรือครับ น้องพาส” ณุทวงคำขอบคุณจากสาวห้าว


“ขอบคุณ” พาสหันกลับมาพูดพร้อมกับทำความเคารพ แล้วหันหลังกลับเดินดุ่ยๆไปหาสองหนุ่ม


หนุ่มที่ช่างยียวนนั้นลงจากรถเขาเดินผ่านมาหมู่ทั้งสองต่างพากันทำความเคารพ ณุหันไปทักทายนิดหน่อยพร้อมกับชำเลืองมองพาสที่ทำเป็นไม่สนใจเขา ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มบางๆ เขาเดินขึ้นสถานีไป


พาสชะม้ายตามองตามหลังชายหนุ่มไปนิดหนึ่ง หญิงสาวทำหน้าย่นตามไป หมู่ทั้งสองมองหน้าพาสงงๆ ทั้งสองงงตั้งแต่ที่เห็นพาสซ้อนมอเตอร์ไซด์ของณุมาแล้ว


“พี่พาสไมมากับสารวัตรได้ละครับ” กำธรต้องการรู้ในสิ่งที่เค้าข้องใจ


“รถพี่เสีย พอดีสารวัตรเค้าผ่านไปเจอเลยมาด้วยกัน” พาสตอบอย่างเสียไม่ได้


“อ้อ ดีนะเนี่ยที่สารวัตรไปเจอไม่งั้นคงแย่” กำธรนึกขอบคุณสารวัตร


“ไม่เห็นอยากมาด้วยสักนิด” พาสเบ้ปาก


“อ้าว” สองหมู่งง อีกรอบ


“ช่างเหอะ.........” พาสมองหน้าทั้งสองแล้วพูดขึ้น “ไป ไปทำงานได้แล้ว”


“ยังไปไม่ได้ครับ นี่ผู้กำกับรอพี่พาสอยู่ข้างบนนะครับ” หมู่เจดรีบรายงาน


“อ้าวนี่พี่กรยังอยู่อีกเหรอ... แกบอกเปล่าว่ามีเรื่องอะไร” พาสเงยหน้ามองไปบนสถานี


“ไม่ครับ แต่บอกว่าถ้าหมวดมาให้ขึ้นไปหา” หมู่เจดบอก


“อืม... งั้นรอเดี๋ยวนะเดี๋ยวมา” พาสผละจากทั้งสองขึ้นไปบนสถานี


พาสเปิดประตูห้องทำงานของกรเข้าไป ก็พบว่าณุนั่งคุยกับกร “พี่กรเรียกพาสมามีไรหรือเปล่าฮะ”


“ใช่ คือพี่อยากให้พาสพาณุไปด้วย ทั้งสองคนจะได้ทำความคุ้นเคยกันไว้จะได้สนิทกันเร็วขึ้น” กรอยากให้พาสได้ทำความรู้จักกับณุไว้ เพราะเขาคิดว่าทั้งสองคนต้องทำงานร่วมกัน แล้วอีกอย่างเขามองว่าพาสดูจะพยายามห่างๆ จากณุ กรกลัวว่าพาสจะไม่อยากยอมรับณุที่ดูท่าทางจะสำอางค์ไปสักนิด


“เอ่อ.... แต่พาสไปทำงานนะพี่กรไม่ได้ไปเที่ยว” พาสมีทีท่าอิดออด


“ยิ่งดีใหญ่ณุเขาจะได้มีโอกาสโชว์ฝีมือ” กรหันไปพยักเพยิดกับณุ


“ครับ.... ผมก็หวังไว้ว่าจะได้ทำงานร่วมกับน้องพาสเร็วๆ” ณุเอี้ยวตัวไปยิ้มหวานให้พาส


“............” พาสเหมือนอยากจะแยกเขี้ยวใส่ถ้าทำได้


“ไป...ไปกันได้แล้ว นี่พี่ก็จะกลับเหมือนกัน” กรโบกมือไล่พาสที่ทำท่าจะค้านอะไรเค้าสักอย่าง


“.........” พาสทำหน้าบูดคิ้วขมวดเป็นปมจ้องมองกรที่เสทำเป็นเก็บงานบนโต๊ะ


“ฮะ...” หญิงสาวทำได้เพียงตอบรับ เธอหันหลังกระชากประตูเปิดออกแล้วเดินออกไปทันทีไม่สนใจสักนิดว่าณุจะตามไปหรือไม่


“ผมไปก่อนนะครับพี่กร” ณุรีบลุกขึ้นทำความเคารพกร


กรมองตามหลังณุที่รีบจ้ำตามพาสไปติดๆ หนุ่มใหญ่ส่ายหัวกับความดื้อของสาวน้อย แต่เขาก็มักจะมีวิธีที่ทำให้เธอต้องจำยอมทำตาม


“พาสเอ้ย....” กรยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงหน้างามที่ขยันทำหน้าเบ้คิ้วผูกปมเป็นประจำยามที่ไม่พอใจ


พาสลงมาสมทบกับหมู่ทั้งสองที่รถ หญิงสาวมองมอเตอร์ไซด์ของกำธรที่มีอยู่เพียงคันเดียวแล้วก็ต้องเกาหัว


“จะไปไงเนี่ย”


“มีไรเหรอพี่พาส” กำธรถามเมื่อเห็นท่าทางของลูกพี่


“ก็สารวัตรพิษณุไปด้วย แล้วจะไปยังไง” พาสพูดอย่างหัวเสีย


“เหรอ...งั้นเอารถกะบะไปดีไหม” กำธรเสนอ


“ไม่...พี่ไม่อยากใช้รถกะบะ พี่อยากไปเงียบๆ ไม่เป็นจุดสนใจมากกว่า” พาสบอก


“ก็ไปรถพี่ไง มอเตอร์ไซด์พี่น่ะ” ณุพูดขึ้น


“ใช่เลยพี่พาส พี่พาสซ้อนสารวัตรไป ผมกับเจดคันหนึ่งพอดี” กำธรยิ้มเหมือนตัวเองเก่งที่คิดออก


“เฮ้ย....” พาสร้องออกมาแบบไม่อยากไปกับณุ


“ทำไมครับ พี่ขับเร็วจนพาสกลัวไม่กล้านั่งเหรอ”


พาสมองหน้าลูกน้องทั้งสองที่มองมาเช่นกัน เธอไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับณุให้ลูกน้องเห็น จึงจำยอมไปกับชายหนุ่ม

จบบทที่ 5 ค่ะ ขอโทษที่ลงให้ช้านะคะ







 

Create Date : 13 กันยายน 2549    
Last Update : 21 กันยายน 2549 10:43:04 น.
Counter : 263 Pageviews.  

ตราบนิรันดร์ บทที่ 4



บทที่ 4 วาทะคารม


หลังจากเสร็จงานเลี้ยงก็ดึกมากแล้วทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ พาสเดินไปส่งคุณอัญชสาที่รถประจำตัวของท่านที่มีนายแสนเป็นคนขับ


“น้าแสนขับรถระวังหน่อยนะฮะ นี่คงไม่ได้ดื่มเหล้านะ” พาสเอ่ยถามเมื่อเห็นหน้าของน้าแสนมีสีแดงคล้ำ


“ดื่มไปไม่ถึงครึ่งแก้วเลยครับหมวด จ่าโต้งเอามาให้จิบเท่านั้นครับแก้กระหาย” แสนยิ้มแหยๆ


“อ้อ เดี๋ยวจะได้จัดการถูกคน ยังไงก็ขับระวังๆ นะฮะ ไปช้าๆ ก็ได้” พาสย้ำเตือน


“ครับหมวด ผมจะระวังให้มากไม่ต้องห่วงครับ” แสนรีบโค้งรับ แล้วเข้าประจำตำแหน่ง


พาสกราบที่ไหล่ของผู้สูงวัย “ขอบคุณอีกครั้งนะคะแม่อัญสำหรับของขวัญ แล้วยังไงถ้าว่างจากงานพาสจะไปเยี่ยมที่บ้านนะคะ”


“จ้ะอย่าลืมแล้วกันนะว่าสัญญากับแม่ไว้ว่ายังไง” คุณอัญชสาหอมแก้มของพาส


“ค่ะ” พาสหอมแก้มของท่านตอบ “หอมจัง”


“มาทำปากหวาน ไปจ้ะกลับบ้านดีๆ นะลูก” คุณอัญยิ้มอย่างใจดี


“ค่ะ” พาสปิดประตูรถให้ แล้วถอยออกมาโบกมือส่งท่าน


หลังจากส่งคุณอัญชสาเรียบร้อยพาสก็เดินจะกลับเข้าไปด้านใน เดินมาได้ยังไม่ทันถีงสามก้าว ณุก็ออกมาจากมุมด้านหนึ่ง พาสถึงกับชะงักเท้าที่จะก้าวต่อ


“ดีขึ้นแล้วหรือครับ ถึงเที่ยวเดินไปทั่วงาน” ณุยิ้มกวนๆ ให้พาส


“ก็ไม่ได้เป็นไรมากนี่ฮะสารวัตร ขอบคุณที่ถาม” พาสจ้องหน้าชายหนุ่มเธอตอบเสียงเรียบ หญิงสาวทำท่าจะออกเดินต่อ


“เดี๋ยวสิครับผมมีเรื่องอยากคุยกับว่าที่ผู้กองนะครับ” ณุก้าวออกมายืนขวางไม่ให้หญิงสาวเดินหนี


“ไว้วันหลังละกันฮะ นี่ดึกมากแล้ว” พาสถอยหลังมานิดเพื่อให้ห่างจากณุ


“แต่พี่อยากคุยกับน้องพาส แค่สักครู่ไม่ได้หรือครับ” ณุพูดกับพาสด้วยเสียงนุ่มเพราะ


พาสยืนนิ่งเมื่อได้ฟังเสียงเรียกที่หวานหู เธอคุ้นเสียงหวานนี้มาตลอดระยะเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา แต่เธอไม่คุ้นกับคนตรงหน้าตอนนี้เธอยังไม่อยากยอมรับความจริงว่าเขาคนนั้นได้มาปรากฎขึ้นมาจริงๆ


“พี่ขอแทนตัวเองว่าพี่นะครับ พาสคงไม่ว่าอะไรเพราะพวกเราก็มีความเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่แล้วใช่ไหมครับ” ณุยิ้มหวานให้


“เอ่อสารวัตรนี่เปลี่ยนท่าทีง่ายจังนะฮะ พาสรับไม่ค่อยทัน แต่ยังไงคงต้องขอตัวก่อนนะฮะ ไว้คุยกันที่สถานีพรุ่งนี้ละกันฮะ” พาสเบี่ยงตัวไปทางซ้ายมือของชายหนุ่ม


“น้องพาสกำลังหนีอะไรกันแน่ครับ ไม่พอใจที่พี่เรื่องที่ถูกพี่อุ้มหรือว่าเรื่องอื่น” ณุคว้าต้นแขนของพาสไว้


“ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้นแหละฮะ แต่นี่ดึกมากแล้วพาสต้องการพัก” หญิงสาวสะบัดแขนตัวเองออกจากมือของเค้า แต่มือนั้นช่างเหนียวเสียเหลือเกินไม่สามารถหลุดได้ง่ายๆ


“พี่ว่าพาสมีนะ แต่ช่างเถอะไว้วันหลังก็ได้ ยังไงเราก็ต้องเจอกันไปอีกนาน” ณุค่อยๆ ปล่อยแขนของหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่ง


“...............” พาสไม่พูดอะไรเธอรีบออกตัวเดินไปจากที่ตรงนั้น


ชายหนุ่มเอี้ยวตัวกลับมามองตามหลังของพาส เขาได้แต่คิดว่าทำไมนะทั้งที่ตลอดมาเค้าไม่เคยคิดขวนขวายหาหญิงในฝัน เพราะคิดว่าเป็นสิ่งเพ้อเจ้อแต่เมื่อได้พบเธอแล้วเค้ากลับไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้ แล้วมิหนำซ้ำเธอยังอยู่ใกล้เพียงแค่มือเอื้อม ณุได้แต่ถอนใจยาว
-----------------------------------------------------------1


สาที่เห็นพาสเดินกลับเข้ามาแล้วก็รีบตรงเข้าไปหาเพื่อน สาวหวานควงแขนพาสมาที่โต๊ะซึ่งกร อิทธิศักดิ์ และขจรยังคงนั่งคุยกันอยู่ ส่วนแขกที่มาร่วมงานต่างก็พากันกลับไปจนจะหมดแล้ว เหลือแต่พวกเจ้าหน้าที่จัดเก็บสถานที่เท่านั้นที่ยังคงทำงานกันอยู่


“แหมพาสไปส่งคุณแม่นานจัง ร่ำลาอะไรกันนักหนาเหรอสองแม่ลูก”สาแซวเพื่อน


“ก็นิดหน่อย” พาสเลี่ยงที่จะบอกความจริงกับเพื่อน


“เออ พาสเห็นสารวัตรพิษณุบ้างไหม ไม่รู้ว่ากลับไปหรือยัง พี่มัวแต่ลาพวกผู้ใหญ่” กรถาม


“มะ.... ไม่เห็นนี่ฮะพี่กร” พาสปฏิเสธ


“สงสัยคงกลับไปแล้วมั้งคะ พวกเราก็กลับกันดีกว่าสาอยากให้พาสได้พักด้วยเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ดูสิมาเป็นลมให้สาวๆ เห็นคงเสียหน้าแย่” สาแซวเพื่อน


“อืม ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าหรอกนะสา” พาสทำตาขวางใส่เพื่อน


“ขอโทษ แต่ก็จริงใช่ไหมล่ะ” สายังคงอารมณ์ดีในการได้ยั่วเพื่อน


พาสมองสานิดหน่อยก่อนจะหัวเราะออกมา เธอไม่เคยโกรธเพื่อนได้เลยสักครั้ง สาเป็นคนที่สามารถทำให้เธออารมณ์ดีได้เสมอ


“ไป กลับกันดีกว่า เดี๋ยวไปเคลียร์กันที่ห้อง” พาสยิ้มมุมปาก แล้วหันไปไหว้ลากรกับขจรแล้วลากแขนเพื่อนมุ่งหน้าไปที่รถกระป๋องของเธอ


“ไปนะคะพี่กร สารวัตร” สายังไม่วายหันมาโบกมือบ๊ายบายหนุ่มทั้งสอง


กรกับขจรหันมามองหน้ากันยิ้มๆ ขจรจ้องหน้าผู้กำกับฯ หนุ่มหน้าดุประจำโรงพัก ที่ยิ้มได้ทุกครั้งถ้าเป็นเรื่องของน้องสาวและผู้หมวดสาว


“อะไรขจร มองหน้าแบบนี้” กรถามขึ้นเมื่อเห็นขจรมองหน้าเขานิ่ง


“พี่กร ไม่คิดจะบอกกับพาสหรือครับว่าคิดยังไงกับพาส”


“อยากบอกเหมือนกัน แต่พี่กำลังชั่งใจอยู่เพราะถ้าบอกหรือแสดงตัวมากไปจะไม่ดีกับตัวพาสเอง” กรเป็นห่วงถึงสถานะการทำงานของพาส ตัวเขานั้นพร้อมรับทุกสถานะการณ์กลัวแต่ทุกอย่างจะไปตกกับพาส ด้วยฐานะงานและอีกหลายอย่าง


“นั่นสิ ยิ่งพาสกำลังจะเลื่อนขั้นด้วยแล้วมันจะไปกันใหญ่” ขจรพยักหน้าเข้าใจ


“ใช่ พี่คงต้องรอต่อไป แต่พี่บอกตรงๆ นะพี่สังหรใจอะไรบางอย่าง” กรพูดเนิบๆ แต่สายตาเขามองไปไกล


“บางครั้งเราก็ต้องเชื่อเรื่องพรหมลิขิตนะครับพี่กร” ขจรมองหน้าพี่ที่นับถือด้วยความเห็นใจ


.
เมื่อสองสาวทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็ต่างพากันเข้านอน ด้วยความเพลียที่สั่งสมมาจากเมื่อคืนทำให้พาสเข้าสู่นิทราไปโดยง่าย ความฝันที่บังเกิดกับเธอในค่ำคืนนี้ช่างต่างไปจากทุกครั้ง


ในฝันพาสเห็นหญิงสาวในชุดผ่านุ่งสีชมพูอ่อนยาวแค่เข่ากับเสื้อคอเต่าแขนตุ๊กตาสีขาวนั่งอยู่ที่ท่าน้ำ ดวงตาของเธอมองเหม่อไปตามกระแสน้ำที่ไหลผ่านคลองหน้าบ้าน สักพักก็มีชายหนุ่มที่ช่างหน้าตาเหมือนพิษณุเดินเข้าไปนั่งซ้อนหลังของหญิงสาว


“.............” เธอหันกลับมามองค้อนพร้อมกับขยับร่างออกห่าง


“จะหนีพี่ไปไหนจ๊ะพิกา” ชายหนุ่มพูดเสียงหวาน


“พี่พิชญะ... มานั่งอย่างนี่ไม่ดีนะคะ คนอื่นจะครหาได้” หญิงสาวเอื้อนเอ่ยวาจาเป็นเชิงติ


“จะเป็นไรเล่า ในเมื่อเราก็หมั้นหมายกันแล้ว” เขาคว้ามือที่วางอยู่กับตักมากุมไว้


“พี่...” สาวเจ้ายังไม่ทันได้ต่อว่าก็ต้องนิ่งอึ้งอายหน้าแดงจนต้องก้มหน้างุด


“หอมจริง.... มือน้อยๆ นี้ช่างหอมนัก” ชายผู้ซึ่งเพิ่งขโมยจูบจากมือของหญิงสาวเอ่ยขึ้น


“.........” สาวเจ้ายังคงก้มหน้านิ่งไม่กล้าแม้จะสบตาคม


“อยากรู้นักว่าแก้มของพิกาจะหอมหวานเช่นเดียวกับมือนี้หรือไม่” เขาขยับเข้าไปใกล้


“อย่าค่ะ” หญิงสาวรีบลุกหนีพร้อมๆ กับสะบัดมือให้หลุดจากมือใหญ่ของเขา


“พิกาไม่เห็นใจพี่หรือคะ” ชายหนุ่มที่มองตามร่างน้อย ที่หนีไปนั่งอีกด้านออดอ้อน


“เพิ่งหมั้นหมายกันก็วันนี้พี่พิชญะจักรังแกพิกาเสียแล้ว” หญิงสาวชะม้ายตาค้อน


“พี่นะอยากแต่งเสียวันนี้เลยเชียว พิกาก็รู้ว่าพี่รักน้องมานานเพียงไร น้องอยากร่ำเรียนต่อพี่ก็ไม่ว่า แล้วรู้หรือไม่ว่าทำไมพี่ถึงต้องเร่งให้คุณพ่อส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอน้องไว้ก่อน” ชายหนุ่มตามมาลงนั่งข้างๆ แต่ไม่ชิดนัก


“พิกาไม่ต้องการทราบหรอกค่ะ” หญิงสาวตอบไปเช่นนั้นเพราะรู้อยู่ว่าช่วงหลังมานี้หนุ่มหล่อตรงหน้านั้นไม่พอใจที่มีหนุ่มใหญ่หนุ่มรุ่นกระทงมาเยือนถึงเรือนของเธอมิได้ขาด มีของฝากมาให้เสมอ ทั้งที่เธอก็ปฏิเสธและคืนของเหล่านั้นไปก็หลายครั้ง แต่ก็ไม่วายจะมีข่าวไปกระทบหูชายหนุ่ม นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่ง


“ไม่อยากทราบจริงๆ หรือ” ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้


“จริงสิคะ” หญิงสาวลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินหนีแต่รองเท้าเจ้ากรรมบังเอิญไปติดในร่องไม้ทำให้เธอถึงกับเซถลา


“ว้าย....”


“ระวังพิกา” ชายหนุ่มรีบเข้าไปโอบรับร่างของเธอไว้ และฉวยโอกาสสวมกอดเธอไม่ยอมปล่อย


สองกายแนบชิดหญิงสาวถึงกับสะท้านไหว อีกทั้งเขาเป็นชายเดียวในดวงใจด้วยแล้ว หัวใจดวงน้อยได้แต่สั่นระรัวใบหน้างามเงยขึ้นสบตาคมที่มองมา


กลิ่นกรุ่นแป้งร่ำน้ำปรุงจากกายสาวอันเป็นที่รักช่างหอมยั่วใจ แก้มนวลใสที่ตอนนี้เขินอายจนแดงระเรื่อ อยู่ใกล้เพียงนิดสาวน้อยนางนี้ที่เค้าเฝ้าทนุถนอมมิเคยได้ทำให้เสียน้ำใจสักเพียงน้อย
------------------------------------------------------------2

แต่มาบัดนี้วันที่ที่เค้าได้จับจองเธอเพียงเพื่อกันชายอื่นไม่ให้เข้ามาวุ่นวาย ใจเขาเองนั้นกลับอยากครอบครองเธอไว้เสียตลอดไป


“พิกาจ๋า” ชายหนุ่มเรียกชื่อคนรักเสียงหวาน เขารั้งตัวเธอให้ชิดอกกว้างมากขึ้น


“..........” หญิงสาวยังไม่ทันได้เอ่ยถ้อยความใด เพียงแค่เธอเงยหน้าขึ้นก็ต้องเสียทีให้กับคู่หมาย


ชายหนุ่มฝังจมูกปากลงกับแก้มนวลอย่างรวดเร็ว “ช่างหอมชื่นใจเสียจริง... คนงามของพี่”


“พี่พิชญะใจร้าย... รังแกน้อง” สาวเจ้าถึงกับน้ำตาหยดจากตาคู่งาม ด้วยไม่เคยถูกกระทำอย่างนี้มาก่อน เธอทั้งตกใจและอายเสียเหลือเกิน


“โถ... คนดีพี่รักดอกจึงขอชื่นใจ” ชายหนุ่มซับน้ำตาให้


“พี่ไม่เคยหักหาญน้ำใจพิกาสักครั้ง.... พี่ขอแค่เพียงน้อยเท่านั้นเองนะคนดี” เขายังคงปลอบประโลมคนรักที่เอาแต่เงียบงัน


“พี่ทำแค่นี้เจ้าก็ร้องไห้เสียแล้ว หากแต่งงานกันไปพิกาไม่ต้องร้องไห้อย่างนี้ทุกคืนเหรอคะ”ชายหนุ่มเย้า


“พี่พิชญะ....” หญิงสาวถึงกับอายจนหน้าแดง


“ฮึฮึ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเขาโอบกระชับเธอไว้


.
ความฝันนั้นช่างแสนสั้นนักสำหรับณุที่จำต้องตื่นเพราะนาฬิกาปลุกหัวเตียง เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า ชายหนุ่มสลัดผ้าห่มให้พ้นตัว เช้านี้เขาแสนจะกระปี้กระเป่าเสียนัก


ซึ่งผิดกับพาสที่ตื่นมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิด แค่เขาอุ้มพาเธอไปส่งที่ห้องพักเท่านั้น ถึงกับทำให้เธอฝันเห็นอะไรบ้าๆ


“ผู้ชายฉวยโอกาส” พาสบ่นออกมา


“พาสว่าใคร” สาที่เอากาแฟมาวางให้พร้อมกับขนมปังปิ้งเอ่ยถาม


“เปล่า...” พาสปฏิเสธ เธอเสยกกาแฟขึ้นดื่ม


“แปลกขึ้นทุกวัน พาสเนี่ย” สาส่ายหัว “เดี๋ยวสาไปทำงานก่อน นี่พี่อนันต์มารออยู่ข้างล่างแล้ว.... อ้อ......... วันนี้สาจะไปธุระกับพี่อนันต์และจะแวะกลับไปดูพี่กรด้วย คงไม่มาหาพาสนะวันนี้......... พาสอยู่คนเดียวได้ไหม”


“อยู่ได้สิถามตำรวจอย่างนี้ได้ไง เออ... จริงๆ สาไม่ต้องมาค้างกับพาสก็ได้” พาสบอกเพื่อน เธอเองก็เกรงใจสาเหมือนกัน


“ไม่อยากให้สาอยู่ด้วยเหรอ” สาทำหน้าง้ำ


“ไม่ใช่ แต่เป็นห่วงพี่กรไม่มีคนคอยดูแล บ้านก็ไม่มีใครช่วยสาเล่นมาอยู่กับพาสแบบนี้ใครจะคอยช่วยที่บ้านละ” พาสเป็นห่วงพี่กร


“งั้นก็ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านสิ สาจะได้ดูแลง่ายขึ้น” สายิ้มเจ้าเล่ห์


“พี่กรคงไม่อยากเลี้ยงน้องที่กินเก่งอย่างพาสนักหรอก” พาสทำเป็นไม่รู้ถึงความหมายของเพื่อน


“ถ้าเลี้ยงไหวละ แต่คงไม่ใช่ในฐานะน้องหรอกจะว่าไง” สาถามใหม่


“ฐานะน้องเขยเหรอ” พาสถามกลับพร้อมกับหัวเราะดังคับห้อง


“ชริ” สาทำจมูกย่นใส่พาส


“ไปแล้ว.... เบื่อคนแกล้งโง่” ก่อนไปสายังมาล็อกคอพาสเสียอีกครั้งหนึ่ง


“ฮ่า...ฮ่า...” พาสหัวเราะเสียงใส


“บาย... ไว้เจอกัน” สาโบกมือให้เพื่อนแล้วเดินออกจากห้องไป


พาสกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานพร้อมกับเปิดเอกสารที่เพิ่งได้รับจากกำธรเมื่อเย็นวาน ซึ่งระบุถึงความคืบหน้าในการให้สองพี่น้องทำทีกลับเข้าไปขอเป็นคนส่งของให้กับนายหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก ทั้งสองถูกซักอย่างหนักดีที่ว่าทางพาสได้วางแผนไว้อย่างรัดกุม


พาสจัดฉากให้ทั้งสองแกล้งทำเป็นทะเลาะกับทางบ้านอย่างหนัก ทั้งถูกตีถูกต่อว่าในเรื่องการอดยา ให้ทางบ้านทำเป็นตัดขาดจากครอบครัว คนทั้งซอยรับรู้กันทุกบ้านว่าสองคนนี้เลิกยาไม่สำเร็จ ต้องออกจากบ้านไปนอนตามศาลาวัด อาศัยข้าวพระกิน ซึ่งทั้งสองก็ทำได้ดีทั้งยอมเจ็บตัวเพื่อช่วยงาน พวกสายของนายหนึ่งรับรู้จากพวกชาวบ้านก็กลับมารายงาน ตรงตามที่ทั้งสองคนบอกกับนายหนึ่งไว้


นายหนึ่งจึงเริ่มป้อนงานเล็กๆ ให้ทำก่อนชั่วคราว คือส่งของให้พวกขาจรเล็กๆ น้อยๆ แค่ไม่กี่เม็ดต่อคน


เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าไปอีกขั้นของทั้งสองคน การทำงานนี้ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ปุบปับไม่ได้ต้องทำให้เหยื่อตายใจก่อน หญิงสาวยิ้มกับแผนการณ์ขั้นต้นของพวกเธอ พาสเตรียมตัวเข้าสถานี


.
ด้านณุเองก็แต่งชุดเต็มยศนั่งคุยงานกับสารวัตรขจรภายในห้อง แต่ใจเขาคอยคิดถึงสาวห้าวว่าวันนี้เธอจะเข้ามาที่ทำงานหรือเปล่า เขารู้ว่างานของพาสไม่แน่นอนนักอาจจะเข้าหรือไม่เข้ามาเลยก็เป็นได้


“เสร็จจากคุยงานกับพี่แล้วณุจะไปไหนต่อหรือเปล่า” ขจรถามขึ้น


“ผมว่าจะขอดูงานจากพี่ขจรทั้งวันได้ไหมครับ จะเป็นการวุ่นวายหรือเปล่าครับ” ณุพูดด้วยท่าทีเกรงใจ


“ได้สิ ดีเสียอีกเผื่อพี่จะได้รับความคิดใหม่ๆ จากคนหนุ่มๆ บ้าง” ขจรยิ้มให้


“ไม่หรอกครับ ผมเนี่ยยังต้องเรียนรู้อีกมาก” ณุถ่อมตัวตามที่ควรเป็น


“ตอนแรกพี่นึกว่าณุมีธุระเห็นเอาแต่มองนาฬิกา” ขจรพูดยิ้มๆ


“เหรอครับ... ขอโทษครับ” ณุยิ้มเขิน


“ตกลงไม่ได้มีนัด” ขจรย้ำถาม


“ไม่ครับ..”


“ดี... งั้นเที่ยงนี้จะพาไปกินข้าวที่ร้านเจ้าอร่อย อาหารเขาอร่อยเป็นร้านเล็กๆ อยู่ข้างสถานีเรานี่แหละ”


“ครับ” ณุพยักหน้ารับ


.
พาสเดินขึ้นสถานีมาพร้อมกับกำธรที่ได้รับโทรศัพท์เรียกตัวจากลูกพี่ให้มาสมทบกันที่สถานี พาสเดินตรงเข้าไปที่ห้องประชุมใหญ่ ซึ่งตอนนี้จ่าโต้งหมู่เมธีหมู่เจด และนายสิบอีกสามนายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว


“โทษทีที่ให้รอ” พาสหยุดยืนที่หัวโต๊ะ


ทุกคนต่างลุกขึ้นพร้อมกันทำความเคารพ พาสโบกมือให้ทุกคนนั่งลง หญิงสาวส่งเอกสารในมือให้กำธรแจกจ่ายให้กับทุกคน

“ลองอ่านดูก่อน ว่าแผนขั้นต่อไปที่วางไว้ทุกคนมีความเห็นว่าไง” พาสพูดพร้อมกับมองหน้าทุกคน


ทั้งหมดดูตั้งใจกับการอ่านเอกสารเป็นอย่างดี จ่าโต้งเป็นคนแรกที่เงยหน้าจากเอกสารแล้วมองมาทางพาส


“ไอ้หมอนี่มันนกรู้มากนะครับ ผมยังคงสงสัยอยู่ว่าในกรมเราจะมีสายของพวกมันอยู่ด้วย”


“ก็คิดไว้แล้ว งานนี้จึงจะใช้คนที่ไว้ใจได้เพียงพวกเราในห้องนี้ ทุกคนคิดว่าไหวไหม มันอาจจะหนักมากในการที่ต้องติดตามไม่มีเวลาได้พัก” พาสมองเข้าไปในตาของลูกน้อง


“ครับ พวกเราทำได้ครับ” ทุกคนต่างตอบพร้อมเพรียงกัน


“ดี... ยังไงช่วงนี้เราจะปล่อยให้มันตายใจ และไว้ใจสายของเราไปก่อน” พาสยิ้มให้กับความตั้งใจของทุกคน


“รหัสคราวนี้อะไรครับหมวด” จ่าโต้งถาม


“รหัสคราวนี้..........”


.
ในร้านข้าวแกงแม่ค้าสาวกำลังบริการอาหารให้กับสารวัตรทั้งสองด้วยตัวเอง เธอยิ้มแย้มเป็นอย่างดี


“อาหารที่สั่งมาครบหมดแล้วนะคะสารวัตร” สาวติ๊ดตี่ยิ้มหวานให้ทั้งสอง


“ครับ....” ขจรยิ้มบางๆ


แม่ค้าสาวอวบยังคงยืนคอยบริการทั้งสองหนุ่ม แต่พอหันไปเห็นพาสที่เดินเข้ามาพร้อมๆ กับพรรคพวก สาวเจ้าก็รีบขอตัวไปต้อนรับทันที


“หมวดพาส... คิดถึงจัง หายไปหลายวันเลยนะจ๊ะ” แม่ค้าสาวเข้าไปควงพาสด้วยความสนิดสนม พาเดินเข้าไปที่โต๊ะด้านในเลยจากโต๊ะของสองหนุ่ม


พาสหันไปยิ้มให้ขจรพอเหลียวกลับมาก็เห็นณุเข้าก็ทำหน้าเฉยเฉียบ ฝั่งณุก็ยังคงยิ้มตาหวานให้พาส เขาดูไม่ได้ใส่ใจกับอาการบึ้งตึงของหญิงสาวสักนิด


พวกที่ตามพาสมาต่างทำความเคารพสารวัตรทั้งสอง แล้วก็รีบก้าวตามพาสเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นโต๊ะประจำที่ติ๊ดตี่จัดให้


มุมที่นั่งนั้นโล่งโปร่ง มีรั้วเป็นต้นปากแตรที่กำลังออกดอกบานชูช่อ ลมพัดเย็นสบายเมื่อทุกคนนั่งกันเรียบร้อย พาสก็จัดแจงสั่งอาหารทันที


“วันนี้พาสอยากกินฝีมือติ๊ดตี่ได้ไหมฮะ เอาแบบวันก่อนนะ” พาสยิ้มอ้อน


แม่ค้าสาวดีใจจนออกนอกหน้าที่พาสชอบทานอาหารฝีมือเธอ ปกติที่ร้านจะมีพ่อครัวเป็นคนทำ ซึ่งเธอเองไม่ค่อยได้ลงมือเองยกเว้นคนขาดจริงๆ แต่กับหมวดมาดเท่ห์นั้นติ๊ดตี่อยากเป็นคนทำให้ทาน แต่ก็ไม่เคยกล้าพอดีเมื่อวันก่อนพ่อครัวไม่มาเธอจึงได้โอกาสทำให้พาสกิน


“ได้สิจ๊ะ... ต่อไปติ๊ดตี่จะเป็นคนทำให้หมวดทุกครั้งเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวติ๊ดตี่รีบไปทำให้หมวดดีกว่า หมวดรอแป๊บนะจ๊ะ” พูดจบก็รีบเข้าไปทางห้องครัวของร้านทันที
------------------------------------------------------------3

ทั้งสี่มองตามหลังแม่ค้าสาวไปแล้วก็หันกลับมาสบตากัน หนุ่มทั้งสามยิ้มขันกับอาการดีอกดีใจของสาวร่างอวบ


“พี่พาสเก่งนะเนี่ย ที่หาทางให้แม่ติ๊ดตี่ไม่มาคอยติดแจ” กำธรพูดขึ้น


“จริงสิ” หมู่เจดตบโต๊ะเบาๆ เหมือนเพิ่งนึกได้ตามที่กำธรพูด


“ติ๊ดตี่ชอบวอแวกับหมวดเอามากๆ ยิ่งช่วงไหนที่หมวดหายหน้าไปนานๆ พวกเราเนี่ยเมื่อยปากทุกที ต้องคอยตอบคำถามแม่ติ๊ดตี่ทุกวัน” หมู่เจดว่าต่อ


“เฮ้...เฮ้ เบาหน่อยเดี๋ยวติ๊ดตี่จะเข้าใจพาสผิด มันไม่ใช่อย่างนั้นนะงวดนี้พาสอยากกินจริงๆ นะฝีมือติ๊ดตี่เนี่ย” พาสทำจุ๊ปากไม่ให้พวกที่นั่งร่วมโต๊ะพูดมาก


“จริงเหรอ... หมวด อาหารฝีมือติ๊ดตี่นี่ใช่คราวก่อนที่มากินด้วยกันหรือเปล่า” จ่าโต้งถาม


“ฮะ...” พาสพยักหน้า


“ผมว่ามันธรรมดามากเลยนะครับ ก็ไม่เห็นต่างจากที่คนอื่นทำ” จ่าโต้งพูดไปตามความคิดส่วนตัว


“ฮะ.... แต่พาสมองว่าเขาทำด้วยความตั้งใจ อีกอย่างทานแล้วรู้สึกได้ว่าเขาใส่ใจไงฮะ... คือสดสะอาดก็ใช้ได้แล้วพาสว่านะ”


“อ้อ.... ” ทุกคนขานรับ


ด้านโต๊ะของสองสารวัตรทั้งสอง ณุเฝ้ามองแม่สาวห้าวที่ยิ้มแย้มพูดคุยอย่างสนิทสนมกับพวกหนุ่มๆ ดูเป็นกันเอง เขาเห็นรอยยิ้มสดใสของเธอแล้วก็ให้นึกถึงความฝันเมื่อคืน ภาพความสนิทแนบคนคู่นั้นทำเอาเค้าต้องเผลอยิ้มออกมา


ขจรมองหน้าณุที่เอาแต่ยิ้มเขาเลยเอี้ยวมองตามสายตาของณุไป พบว่าคนที่ณุมองนั้นไม่ใช่ใครอื่น ขจรหันกลับมาที่ณุอีกครั้ง เขาบอกไม่ถูกว่าควรจะพูดหรือทำอย่างไร ในเมื่อเขารู้อยู่เต็มอกว่ามีอีกคนที่หมายปองสาวห้าวคนนั้นเช่นกัน


ณุผละจากการมองแม่สาวที่หันมาทำหน้าตูมใส่เขามาพูดคุยกับคนตรงหน้า “ดูพวกเขาสนิทกันมากนะครับพี่ขจร ผมไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนยอมรับผู้หญิงได้ขนาดนี้”


“เป็นธรรมดาของผู้ชายแหละณุ กว่าจะยอมรับกันได้ก็ไม่ง่ายนักหรอก ตามปกติแล้วพาสเป็นคนนิ่งๆ กับคนที่ไม่ค่อยสนิทด้วย ตอนทำงานแรกๆ ก็ทำแต่งาน พวกนี้แต่ก่อนก็ไม่ชอบหน้าเขานักหรอกหาว่าทำดีเอาหน้า จ่าโต้งคนหนึ่งละตัวนำเลยด้วยความที่มองว่าพาสเป็นผู้หญิงไม่สู้งานจริง แต่พองานหลายชิ้นสำเร็จลงได้เพราะการทำงานของพาส ทั้งที่บางครั้งพวกจ่าโต้งไม่ค่อยได้ช่วยอะไร พาสกล้าที่จะเข้าทำงานเพียงลำพัง มีอยู่ครั้งที่พี่ไปด้วยตอนนั้นเรากำลังเข้าล้อมจับพวกค้ายาข้ามชาติ ยังไม่ทันได้เข้าจับกุมพวกนั้นกลับยิงปืนขึ้นก่อน แล้วพาสเกิดเห็นว่ามีปืนอีกกระบอกเล็งไปที่จ่าโต้ง พาสเลยกระโจนพุ่งตัวเข้าไปรับกระสุนแทน” ขจรพูดถึงวรีกรรมของพาสด้วยความนิยมชมชอบในตัวสาวคนนี้อยู่ไม่น้อย


“กล้าเกินตัวนะครับ” ณุยิ้มอารมณ์ดี


“ใช่ นั่นละเค้ารักเพื่อนร่วมงาน ทั้งที่บางคนยังไม่ยอมรับเขาก็ตาม แต่เขาก็สามารถชนะใจทุกคนได้เป็นอย่างดี”


“ครับ”


“เอ้า... ทานๆ เดี๋ยวพี่มีธุระต้องไปทำก่อน ถ้าณุอยากไปเดินเที่ยวก่อนก็ได้นะแล้วสักบ่ายสองพี่จะกลับเข้ามา” ขจรชี้ชวนให้ณุทานอาหารต่อ


“ครับ” ณุรับคำ


.
พาสที่เดินแยกตัวออกมาจากกลุ่มเธอมุ่งหน้าเดินไปที่รถ กลับพบว่าณุนั่งอยู่ที่ม้าหินใต้ต้นไม้ตรงทางเดิน หญิงสาวอยากจะหันหลังหนีแต่ก็ไม่ทำเพราะเขากำลังมองมาที่เธอ พาสไม่ต้องการให้เขาว่าได้ว่าเธอหนีเขา เธอจึงทำเฉยเดินไปตามทาง


ณุรีบลุกจากม้าหินเขาเดินเข้ามาหาพาส “สวัสดีครับ น้องพาส”


พาสจำใจต้องหยุดทำความเคารพชายหนุ่มตรงหน้า “สวัสดีฮะ สารวัตร”


“พี่มีเรื่องต้องคุยกับพาส ” ณุเข้าไปจนใกล้


พาสถอยฉากออกมานิดหนึ่ง เธอจ้องมองหน้าเขานิ่ง “มีอะไรหรือฮะ ถ้าเรื่องงานสารวัตรคุยกับพี่ขจรกับพี่กรก็คงพอแล้วละฮะ”


“เรื่องอื่นครับ พี่คิดว่าพาสน่าจะรู้นะ” ณุจ้องเข้าไปในตาของหญิงสาว


“รู้อะไรฮะ พาสไม่เห็นเข้าใจ” พาสพยายามบ่ายเบี่ยง


“จริงเหรอคะ น้องพิกา” ณุเรียกชื่อของสาวน้อยในความฝัน


“.........” พาสนิ่งงันไปนิด แล้วรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ “สารวัตรเรียกใครหรือฮะ ผิดคนแล้วละฮะ”


“พี่รู้ว่าพาสรู้จักคนๆ นี้ดีพอๆ กับพี่ ยิ่งความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา..” ณุกำลังจะพูดต่อแต่กลับถูกพาสสวนกลับทันที


“ความฝันมันก็เป็นเพียงความฝัน ไม่ใช่ความจริงสารวัตรอย่าเอามาคิดเลยฮะ”


“นั่นไงพาสก็เห็นเหมือนที่พี่เห็น ใช่ไหม” ณุตรงเข้าจับแขนของพาส


“สารวัตรปล่อย นี่สถานที่ราชการนะ” พาสพยายามปัดมือของชายหนุ่ม


“ไม่ พาสไม่ต้องการรู้เหมือนอย่างที่พี่ต้องการหรือว่าทำไมเราต้องฝันถึงคนคู่หนึ่งเหมือนๆ กัน” มือใหญ่ของเขายังคงจับแขนเธอไว้มั่น


“ไม่จำเป็นไม่ว่ายังไงคนคู่นั้นไม่เกี่ยวอะไรกับสารวัตรและพาสแน่นอน” หญิงสาวตัดบท


“แต่พี่กลับคิดว่าเกี่ยวกับเราทั้งคู่ พาสไม่คิดว่าเราจะมีอะไรเชื่อมถึงกันบ้างหรือ” ณุยิ้มตาหวานหยดให้พาส


“สารวัตรอย่าจริงจังกับความฝันเลยฮะ นี่โลกแห่งความจริง ความจริงที่ว่าเราเพิ่งรู้จักกัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” พาสพูดเสียงเรียบ เธอพยายามไม่เขวไปกับตาของเขา


“..........” ณุมองหญิงสาวด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก “พาสคิดอย่างนั้นหรือ”


“ฮะ....” พาสตอบ


“แต่พี่ขอบอกว่าพี่เชื่อเรื่องนี้ พี่เชื่อว่าพาสก็ต้องมีบางเสี้ยวที่คิดแต่ไม่ยอมรับ” ณุปล่อยแขนหญิงสาวให้เป็นอิสระ


“.........” หญิงสาวไม่ตอบโต้อะไรอีก พาสทำความเคารพณุอีกครั้งแล้วเดินเลี่ยงจากไป


ชายหนุ่มได้แต่มองตามหลังหญิงสาวไป เขาไม่เข้าใจว่าเธอไม่ได้มีความคิดอย่างเดียวกับเขาบ้างเชียวหรือ บางอย่างเกิดเพราะความฝันแต่นั่นเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น ณุหันหลังเดินกลับเข้าสถานี


“พี่ไม่ยอมแพ้หรอกนะ เรายังมีเวลาอีกมาก” ณุยิ้มที่มุมปาก

-------------------------------------------------------จบบทที่ 4







 

Create Date : 07 กันยายน 2549    
Last Update : 16 กันยายน 2549 11:49:09 น.
Counter : 231 Pageviews.  

ตราบนิรันดร์ บทที่ 3

บทที่ 3 ประสพพบพา


ตั้งแต่เมื่อดึกคืนที่ผ่านมาจนล่วงเข้าสายของวันใหม่พาสและลูกน้องอีกกลุ่มหนึ่งยังไม่ได้พักกันเลยเพราะมีการตรวจจับรถขนยาที่ทางสายได้รายงานเข้ามาว่าจะผ่านเข้ามาในเขตความรับผิดชอบของหน่วยงานเธอ แต่จนถึง ณ ขณะนี้ก็ยังไม่พบรถคันดังกล่าวสุดท้ายหญิงสาวจึงให้ยกเลิกการปฏิบัติการตรวจค้น แล้วให้ทุกคนกลับเข้าสถานี


“ติ๊ดติ๊ด.... ติ๊ดติ๊ด...”


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่พาสกำลังสั่งงานลูกน้องให้ขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ พาสล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูพอเห็นเบอร์ที่โชว์ก็นึกได้ สาวมาดเท่ห์รีบกดรับทันที


“สา... พาสขอโทษ... รอแป๊บนะ”


“เร็วๆ นะ.... เดี๋ยวไม่ทันถวายอาหารเพล” สามองนาฬิกาที่ข้อมือพร้อมกับกรอกเสียงไปตามสาย


“.... ไปเดี๋ยวนี้แล้ว” พาสวางหู


“หมู่ธร... จัดการให้เรียบร้อยล่ะ... แล้วบ่ายเจอกัน” พาสสั่งลูกน้อง แล้วก็รีบเดินอ้าวไปที่รถ เพื่อไปรับสาที่คอนโดฯ


.
สองสาวเข้ามาในบริเวณวัดหลวงประจำอำเภอรอบๆ สถานที่ดูสงบร่มเย็นไม่มีเสียงอะไรรบกวนเพราะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ต้นไม้ยืนต้นมากมายให้ร่มเงา ลมที่พัดเอื่อยๆ ปะทะกับยอดไม้กิ่งใบพลิ้วไหวลู่ตามแรงลม เสียงกระดิ่งบนยอดพระอุโบสถดังไปทั่ว ไม่ได้สร้างความรำคาญแต่อย่างใด กลับทำให้จิตใจของผู้คนที่ผ่านเข้ามาสงบเกิดความสบายใจขึ้น หลายคนเข้ามานั่งพักผ่อนปล่อยวางความทุกข์ที่สะสมมา บางคนก็มานั่งอ่านหนังสืออยู่ตามใต้ร่มไม้


พาสรู้สึกสบายใจตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในเขตวัด ผิดกับสาที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเพราะกลัวจะไม่ทันถวายพระเพล


“พาสเดินเร็วหน่อยได้ไหม.... จะไม่ทันแล้วนะ” สาเริ่มโวยเพื่อน


“ใจเย็นสิ... มาทำบุญต้องใจเย็น.... เดี๋ยวก็ไม่ได้บุญกันพอดี” พาสที่หิ้วบิ่นโตกับถังสังฆทานเดินตามหลังสามาพูดยิ้มๆ


สาหันมองเพื่อนนิดหนึ่งก่อนจะผ่อนฝีเท้าลง เมื่อพาสเดินเข้ามาใกล้สาวสวยก็เข้ามาช่วยถือบิ่นโตแต่เพื่อนกลับส่ายหัว


“ไม่เป็นไรถือได้... สาถือดอกไม้ธูปเทียนก็พอ เดี๋ยวช้ำหมด” พาสว่า


“งั้นช่วยกันหิ้วถังละกันนะ” สาเดินไปอีกข้างเอื้อมมือมาช่วยพาสจับที่หูของถังใบย่อม


“อืม...” พาสได้แต่ยิ้มน้อยๆ กับเพื่อน


----------------------------------------------------------1


ทั้งสองเดินคู่กันไปตามทางเล็กๆ พาสชี้ชวนให้สาดูดอกไม้ที่กำลังผลิบานไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้ากุฏิหลังแรก พาสเป็นคนที่ไม่เคยเจาะจงว่าจะทำกับพระรูปไหน เพราะส่วนตัวแล้วการเจาะจงดูเป็นการไม่ควร ยกเว้นกรณีพระรูปนั้นเป็นญาติเธอก็จะทำอีกชุดมาต่างหาก


ซึ่งเธอก็มีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่ได้บวชเรียนมานานเป็นสิบปีและท่านมักจะออกปฏิบัติธรรมไปทั่ว ไม่เคยจำวัดไหนเป็นพิเศษ ท่านจะไปจำวัดตามชนบทเป็นพระพัฒนาคนหนึ่ง พาสเองก็จะส่งของใช้และสิ่งที่คิดว่าท่านจำเป็นต้องการในการทำงาน กับยาสามัญประจำบ้านไปให้เสมอ เพราะท่านไม่เคยเรียกร้องหรือแจ้งจำนงมาสักครั้ง


ทั้งคู่เข้าไปกราบพระรูปหนึ่งท่านดูอาวุโสมากแล้ว ตรงหน้าของท่านมีเพียงข้าวกับอาหารคาวอีกเพียงอย่างละเล็กน้อย พาสจัดสำรับออกมาวางเรียงพระท่านก็มองหน้าพาสเพียงเล็กน้อย ท่านตักกับข้าวแต่ละอย่างมาผสมรวมกันในบาตร เมื่อท่านฉันเสร็จก็มีลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เข้ามายกเอาสำรับออกไป


หญิงทั้งสองรอจนท่านทำธุระเสร็จแล้วจึงค่อยๆ ยกเครื่องสังฆทานเข้าไปหาท่าน หลังจากท่านให้ศีลเป็นที่เรียบร้อยก็พรมน้ำมนต์ให้ ท่านมองมาที่พาสนิ่งแล้วยิ้มน้อยๆ


“สีกาได้พบแล้วนะ คนที่สีกาอยากเจอ” ท่านว่า


“คะ...” พาสงง


“แล้วจะรู้เอง อาตมาบอกได้เพียงเท่านี้” ท่านหันไปเรียกให้เด็กมาเอาของไป


“เอ่อ.... แล้วเค้า” พาสอยากจะถามต่อ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อท่านไม่ต้องการบอกเธอก็ไม่ควรก้าวล่วงไปถามซ้ำ


“อะไรเหรอพาส” สาเองก็งงกับสิ่งที่หลวงปู่พูดไม่น้อย


“ไม่มีไร... กราบลาท่านเถอะ” พาสสะกิดแขนเพื่อน


“พวกหนูสองคนกราบลานะคะหลวงปู่” พาสกับสาก้มลงกราบอย่างสวยงาม


พาสจูงมือสาพาออกมานอกกุฏิสาวเท่ห์รับบิ่นโตคืนจากเด็กวัดจากนั้นก็เดินนำสามุ่งหน้ากลับมาที่พระอุโบสถใหญ่ ในใจของเธอตอนนี้คิดถึงแต่เรื่องที่หลวงปู่บอกเมื่อครู่


สาที่เดินควงแขนพาสมาก็ได้แต่มองหน้าเพื่อนรักด้วยความสงสัยเช่นกัน เธอเห็นพาสเดินเงียบไม่พูดอะไรก็ยิ่งอยากรู้


“ที่หลวงปู่พูดหมายถึงอะไรพาส... สาไม่เห็นเข้าใจเลย” สารั้งแขนเพื่อนไว้ให้หยุดคุยกันก่อน


“ไม่มีอะไรหรอก... เราไปไหว้พระกันดีกว่า แล้วจะได้กลับไปทำงานต่อ” พาสคว้ามือเพื่อนสาวพาเข้าไปในพระอุโบสถ


.
ณุหรือพิษณุวันนี้เขามาในชุดลำลองด้วยเสื้อโปโลแขนสั้นกางเกงยีนสีซีดตัวโปรด เขามาเดินเที่ยวในอำเภอและแวะมาไหว้พระที่วัดพอดี ชายหนุ่มเห็นพาสกับสาเข้าเขาก็ได้แต่เดินตามสาวทั้งสองมาห่างๆ จนเมื่อทั้งคู่หายเข้าไปในพระอุโบสถ


ชายหนุ่มจึงตามเข้าไปเขายืนมองสาวเท่ห์ที่ใส่เสื้อสองชั้นตัวในสีขาวตัวนอกเป็นคอปกสีดำ กางเกงยีนตัวโคล่งเหมือนพยายามปิดบังหุ่นเอาไว้ ผิวหน้าที่เนียนเรียบสีนวลมีเลือดฝาด คิ้วโก่งได้รูปโดยไม่ต้องเติมแต่ง ริมฝีปากอิ่มเต็มดูเย้ายวน จมูกน้อยๆ ที่ดูรั้น เจ้าของคงเป็นสาวที่ดื้อไม่ใช่น้อย แต่กิริยาท่าทางที่เธอแสดงออกตอนนี้ช่างขัดกับการแต่งตัวและท่าทีปกติที่แสนจะห้าวเสียเหลือเกิน ท่านั่งพับเพียบเรียบร้อยการกราบที่นุ่มนวลทำให้เขายิ้มออก เขารู้ได้เองว่าเธอคนนี้เป็นหญิงแท้เพียงแต่การทำงานและความรับผิดชอบทำให้เธอต้องทำตัวให้เป็นแมน


.
ชายหนุ่มหลบออกมาเมื่อเห็นทั้งสองสาวขยับตัวลุกขึ้น เขารอจนทั้งสองออกไปแล้วจึงเข้าไปกราบพราะประธาน ชายหนุ่มนั่งพับเพียบเขาเงยหน้ามองพระพักตร์ของท่าน เห็นพระโอษถ์ที่ดูยิ้มละไม พระเนตรที่หลุบต่ำเหมือนมองลงมาเบื้องล่างเพื่อปลอบประโลมจิตใจและเพื่อปลดทุกข์ให้กับพุทธศาสนิกชนทุกวรรณะไม่มีการแบ่งชนชั้น อยู่ที่ใครจะสามารถรับรู้ได้ถึงแก่นแห่งรสพระธรรมคำสอนอย่างแท้จริง


ณุคิดถึงความฝันของตนเองตั้งแต่ตอนครบเบญจเพศมาซึ่งแต่ก่อนความฝันนั้นนานๆ ครั้งจึงจะปรากฎ แต่ช่วงเดือนที่เขาได้ทำเรื่องจะย้ายลงมาชายหนุ่มฝันเห็นหญิงสาวผมยาวสลวยที่มองเขาด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความรัก ดวงตาและริมฝีปากอิ่มยิ้มหวานให้เขา เสียงใสกังวาลเอื้อนเอ่ยนามของใครคนหนึ่ง


“พิชญะ” นั่นคือชื่อของเขาคนนั้น


ชายหนุ่มจำได้ดีว่าชื่อที่หลุดจากปากของเขาที่เรียกเธอไว้ทุกครั้งในความฝัน “ฑิมพิกา”


และสองวันนี้เขาได้พบกับเธอ หญิงสาวมาดเท่ห์ที่มีใบหน้าเหมือนกับที่เขาฝันเห็นมานานวันนี้เขาจะได้เจอเธอไหมเขาอยากรู้จักกับหญิงคนนี้เหลือเกิน เธอจะฝันเหมือนกับเขาไหม ณุเฝ้าถามตัวเองเขาอยากรู้จริงๆ


ที่บ้านพักนายตำรวจเหล่าตำรวจในสถานีต่างมารวมตัวกันเพื่อเลี้ยงส่งสารวัตรขจร ทุกคนมาในชุดลำลองและมีชาวบ้านร้านค้าผู้ใหญ่ของอำเภอพากันมาร่วมเลี้ยงส่งและการได้ไปกินตำแหน่งผู้กำกับฯ ของสารวัตรขจร ว่าที่ผู้กำกับฯ ดูช่างยิ้มสดใส ทั้งที่ที่เขาจะกลับไปนั้นแม้จะเป็นบ้านเกิดแต่ก็เป็นถิ่นอันตรายอยู่ไม่น้อย


นายอิทธิศักดิ์ส่งวงดนตรีมาเล่นในงานส่วนตัวเองมาพร้อมกับกระเช้าของขวัญขนาดใหญ่


“วันนี้สารวัตรต้องรับนะครับ.... ไม่อย่างนั้นผมไม่ยอมจริงๆ” อิทธิศักดิ์ส่งกระเช้าให้


“ครับ.... ขอบคุณครับ” ตั้งแต่เขามาทำงานที่สถานีตำรวจแห่งนี้เขาไม่เคยรับของขวัญจากใครทั้งนั้น เขาเป็นตำรวจมือสะอาดคนหนึ่งที่หาได้ไม่ง่ายนัก แต่คงต้องยอมรับว่ายังคงมีให้เห็นอยู่บ้าง


“เชิญหาที่นั่งตามสบายนะครับคุณอิทธิศักดิ์” สารวัตรกล่าวอย่างเป็นกันเอง


“เอ่อ... พาส เอ๊ย หมวดพาสนามาหรือยังครับ” อิทธิศักดิ์ถามพร้อมกับชะเง้อเข้าไปด้านใน


“มาแล้วครับมาช่วยดูแลเรื่องอาหารรับรองแขกตั้งแต่เมื่อบ่าย... ตอนนี้คงนั่งอยู่กับผู้กำกับกรและคุณสาด้านในละครับ” เขาพูดยิ้มๆ


“ครับ... ผมเข้าไปด้านในละครับ” อิทธิศักดิ์รีบตรงเข้าไปทันที


สารวัตรขจรมองตามหลังนายอิทธิศักดิ์ไปเพียงครู่ พอหันกลับมาเขาก็พบกับณุ


“อ้าวมาแล้ว.... เชิญครับไปด้านในกัน... ผมจะพาไปแนะนำให้รู้จักกับทุกคน” ขจรเดินนำหน้าณุเข้าไป


พาสกำลังหน้านิ่วคิ้วผูกปมอยู่ในขณะที่อิทธิศักดิ์กำลังพยายามพูดด้วย ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเดี๋ยวนี้พาสยังไม่ได้นอนเลย นั่นยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดนายคนนี้เป็นเท่าทวี พาสตั้งท่าจะลุกหนี แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเธอเห็นสายตาปรามของกรที่มองมา


กรเองก็ใช่ว่าจะพอใจนักที่นายอิทธิศักดิ์มาตามตอแยพาส แต่เขาไม่ต้องการให้พาสแสดงกิริยาไม่ดีต่อหน้าผู้คนเพราะคนที่มาไม่ได้มีเฉพาะพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีคนอีกหลายกลุ่มทีเดียว


“พี่กร...” พาสเรียกชื่อคนตรงข้ามเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด พาสได้แต่ทำหน้าง้ำ


นายอิทธิศักดิ์ดูจะไม่ได้สนใจอะไรเขาเอาแต่ยิ้มให้หญิงสาว สำหรับหนุ่มตี๋คนนี้แล้วไม่ว่าพาสจะทำอะไรก็น่ารักไปหมด จะโกรธจะว่าเขาอย่างไรก็ไม่เคยถือสาสักครั้ง ขอเพียงให้เขาได้พูดได้คุยกับเธอเท่านั้นก็พอ


“วันมะรืนนี้อิทจะเข้ากรุงเทพฯ พาสอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม อิทจะซื้อมาให้”


“ไม่ต้อง.... บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่เอา” พาสพูดเสียงเรียบ


“ก็อิทอยากซื้อให้พาสนี่ครับ ไว้อิทเลือกมาให้แล้วกันนะ พาสต้องชอบแน่ๆ” เขาหมายมั่น เขาไม่ได้รู้เลยว่าของที่เขาซื้อมาให้นั้นพาสเอาไปแจกบรรดาภรรยาผู้ใต้บังคับบัญชาหรือไม่ก็ตำรวจสาวๆ ในสถานีหมด

----------------------------------------------------------2


ขจรแนะนำณุให้รู้จักกับแขกที่มางานเลี้ยงส่งเขาตลอดทาง จนมาหยุดอยู่ด้านหลังของสาวมาดเท่ห์


“ทุกคนครับผมขอแนะนำให้ได้รู้จักกับสารวัตรพิษณุ เขาจะมาประจำที่อำเภอของเรา”ขจรบอกกับทุกคนที่นั่งอยู่


“กับผมคงไม่ต้องแนะนำแล้วล่ะขจร” กรบอก


“ครับ” ณุทำความเคารพ


แล้วกำลังจะหันไปทางสาแต่ก็ถูกอิทธิศักดิ์ลุกขึ้นยื่นมือมาหาเสียก่อน “ผมอิทธิศักดิ์ครับเป็นเจ้าของธุรกิจในจังหวัดมีการค้าหลายอย่างครับ ยังไงถ้ามีอะไรขาดเหลือสารวัตรบอกผมได้นะครับ เดี๋ยวผมจัดการให้ได้”


“สวัสดีครับคุณอิทธิศักดิ์ และต้องขอขอบคุณนะครับสำหรับความมีน้ำใจแต่ผมคงไม่รบกวนหรอกครับ” ณุบอกด้วยสีหน้าเรียบเป็นปกติ


“อะ.... ครับ” อิทธิศักดิ์ดูเสียหน้าเล็กน้อย เขากลับมาลงนั่งข้างพาสตามเดิม


“สวัสดีค่ะสารวัตร สาเป็นน้องของพี่กรค่ะ” สาที่นั่งอยู่อีกด้านของพาสไหว้สารวัตรหนุ่ม


“ครับ... ยินดีที่ได้รู้จักคุณสาครับ” ณุยิ้มน้อยๆให้


“ยินดีเช่นกันค่ะ”


พาสเองตามตำแหน่งและหน้าที่แล้วเธอจำเป็นต้องทำความเคารพสารวัตรคนใหม่ พาสขยับตัวลุกขึ้นเธอเลื่อนเก้าอี้ให้พ้นตัว หญิงสาวหันหลังมายืดตัวตรงทำความเคารพ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม เมื่อเธอมองเห็นหน้าของณุชัดๆ


สายตาที่มองมายังเธอดูหวานหยด แต่มันกลับทำให้พาสเห็นเป็นดวงตาคมของชายในความฝัน สาวเท่ห์ถึงกับหน้าถอดสีด้วยความคาดไม่ถึงร่างกายของเธอเซถอยไปชนเข้ากับเก้าอี้


“ระวัง....” ณุรีบคว้าตัวของพาสไว้ เขากลัวว่าเธอจะล้ม แล้วก็เหมือนมีกระแสอะไรบางอย่างที่แล่นผ่านเข้าสู่ร่างกายของสองหนุ่มสาว


จู่ๆ ร่างน้อยก็อ่อนยวบไปทันที ดีที่ว่าณุจับเธอไว้แล้ว เขาสวมกอดร่างของเธอไว้ทั้งตัว


“พาส” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจกับภาพตรงหน้า เสียงเซ็งแซ่ของผู้คนใกล้ๆ กันนั้นทำให้วงนอกต่างพากันสนใจขึ้นมาว่าเกิดอะไรขึ้น


“ผมจะพาเธอไปพักที่ไหนได้ครับ” ณุถาม เขากอดร่างน้อยไว้ด้วยความเป็นห่วง ไม่มีใครได้ทันสังเกตว่าท่าทีของชายหนุ่มดูหวงแหนหญิงในอ้อมกอด เขาไม่ยอมแม้แต่จะให้อิทธิศักดิ์แตะต้องตัวเธอ


“พาสมีห้องอยู่ที่นี่ค่ะ” สารีบหยิบกระเป๋าเป้ของพาสล้วงเอากุญแจออกมา


“พี่พาพาสไปเองก็ได้” กรทำท่าเดินเข้ามา เพื่อจะรับตัวพาส


“ไม่เป็นไรครับ...ผมพาไปได้” ณุรีบจัดการช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นมาแนบอก


“.........” กรมองสารวัตรคนใหม่นิ่ง


“ไปค่ะ” สาบอก เธอไม่ได้สนใจอะไรนอกจากห่วงเพื่อน
ณุอุ้มพาสตามหลังสาไปคนที่เหลือต่างมองตามไป กรเริ่มรู้สึกได้ว่าคนๆ นั้นดูท่าจะมาเป็นคู่แข่งของเขา แต่สิ่งที่คาใจเขาคือทั้งสองไม่น่าจะรู้จักกันมาก่อน แล้วทำไมณุถึงมีทีท่าห่วงและหวงพาสอย่างชัดเจนขนาดนั้น


แขกเหรื่อต่างวิภากวิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ ระหว่างพาสกับสารวัตรคนใหม่ สาวๆ บางคนดูจะหวงหมวดพาสสาวหล่อของกรมนี้มาก แต่บางคนเริ่มจะติดใจในความหล่อเหลาของสารวัตรใหม่ก็พากันหมั่นไส้พาส ต่างคนก็ต่างใจกันไปคนละทาง


ณุอุ้มร่างน้อยมาวางลงบนที่นอนนุ่ม เขาคุกเข่าอยู่ข้างๆ เตียงมือข้างหนึ่งท้าวอยู่บนที่นอนอีกข้างก็ค่อยๆ ปัดผมที่ปลกหน้าของพาสออก เขามองวงหน้าของหญิงสาวที่กำลังสลบไสล ณุมองที่ริมฝีปากอิ่มเขากำลังจะเลื่อนมือใหญ่ลงมาหาริมฝีปากนั้นแต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อเสียงสาที่ดังมาจากด้านนอกประตูห้อง สาเข้ามาพร้อมกับยาหอม


“มาแล้วค่ะยา.... สงสัยว่าพาสจะเหนื่อยนะคะเลยเป็นลมไป เนี่ยตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลย จริงๆ ก็ไม่ได้นอนหลับสนิทมาหลายวันแล้ว” สาก็พูดไปเรื่อยเธอไม่ได้สนใจชายหนุ่มสักนิด


“ครับ..” ณุตอบรับ เขาลุกออกห่างเพื่อให้สาเข้าไปดูแลเพื่อน


“ปกติเขาแข็งแรงนะคะ... ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน... ยกเว้นเมื่อคราว...” สาพูดแล้วก็ต้องหยุด เพราะคิดว่าพูดมากเกินควรไปแล้ว เธอเสหันไปสนใจเพื่อนแทน สาวหวานเอายาดมอังที่จมูกเพื่อน


“พาส.... พาส...” สาเรียกเพื่อน


“ขอโทษนะครับ.... ที่บอกว่ายกเว้นเนี่ยอะไรพอบอกได้ไหมครับผมเป็นพวกไม่ได้รับความกระจ่างแล้วจะคาใจน่ะครับ” ณุถาม


สาหันมามองชายหนุ่มนิดหน่อยก่อนตอบ “เขาเคยเป็นลมครั้งหนึ่งค่ะ เมื่อตอนเพื่อนร่วมงานเสียชีวิตน่ะค่ะ”


“อือ....” พาสเริ่มขยับตัว


“พาส... เป็นไงบ้าง” สารีบหันกลับมาดูเพื่อน


“สา...” พาสค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสาวเรียก


“จ้ะสาเอง... พาสดีขึ้นหรือยัง”


“อืม... ดีขึ้นแล้ว” พาสยิ้มให้ สักครู่เธอก็พยายามลุกขึ้น


“นอนพักก่อนดีกว่า... พาสคงเหนื่อยนอนสักหน่อยนะแล้วค่อยลงไป” สาใช้มือกดไหล่เพื่อน


“พาสไม่เป็นไร.... เราลงไปกันเถอะพาสไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง” พาสจับแขนเพื่อน เธอขยับมานั่งตรงขอบเตียง พาสมองเลยเพื่อนสาวไปยังชายหนุ่มที่ยืนพิงผนังห้อง
พาสรู้สึกเสียหน้ามากที่ต้องมาเป็นลมในอ้อมแขนของผู้ชายแปลกหน้า ทั้งที่ปกติเธอก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น แล้วยังมาเป็นต่อหน้าคนทั้งอำเภออีกด้วย พาสถึงกับอยากจะพาลคนตรงหน้า


“ขอบคุณ” พาสพูดเสียงเรียบดูออกจะห้วนไปสักนิดเสียด้วยซ้ำ


“ไม่เป็นไรครับ... ผมเต็มใจ ผู้หมวดอุตส่าห์มาเป็นลมในอ้อมแขนทั้งที” ณุแหย่เมื่อเห็นว่าเธอทำท่าแข็งใส่เขา ทั้งที่เขาออกจะเป็นห่วงเธอขนาดนี้


“นี่สารวัตรพูดดีๆ นะ ใครเค้าอยากไปเป็นลมในอ้อมแขนของสารวัตรกัน” พาสขึ้นเสียง


“อ้าวผมจะไปรู้ได้ไงละครับ... ก็จู่ๆ” ณุยิ้มกริ่ม


“ฉันไม่ใช่แบบที่สารวัตรคิดนะ” พาสโวย


“ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย หรือว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ” ณุขยับเข้ามาใกล้


“เฮ้ย....” พาสตั้งท่าจะสวนคำต่อแต่ถูกเพื่อนสาวปิดปากไว้ซะก่อน


“พอแล้วพาส... สารวัตรเขาช่วยพามาส่งก็ขอบคุณเขาดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอไงล่ะ”


“ก็ขอบคุณแล้วไง” พาสว่า


“พูดให้ดีกว่านี้หน่อยสิ พูดเป็นมะนาวไม่มีน้ำเอาซะเลย” สาว่าเพื่อน เธอรู้นิสัยพาสดีว่าคงรู้สึกไม่ดีนักกับสภาพที่เกิดขึ้น


ณุมองหน้าที่บึ้งตึงของพาสด้วยรอยยิ้ม เธอคนนี้แม้ขณะหน้าง้ำก็ยังคงดูน่ารัก เวลาโกรธแก้มใสกลับเป็นสีชมพูระเรื่อน่ามอง


“ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับคุณสา ผู้หมวดเธอจะได้พักผ่อนให้สบายกว่านี้”


“ค่ะขอโทษแทนพาสด้วยนะคะ... ยังไงก็ขอบคุณสารวัตรด้วย” สายิ้มอย่างจริงใจให้กับณุ


“ครับ... ไว้เจอกันนะครับหมวด” ณุยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พาส


“.........” พาสมองณุไปแบบตาขวางๆ


ณุยิ้มให้กับสาแล้วมองนิ่งที่พาสอีกครั้งก่อนก้าวออกจากห้องไป เขากลับมาที่จัดงานด้วยใบหน้าที่สดใส ชายหนุ่มนึกถึงร่างน้อยที่แสนจะนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมจางๆ จากร่างของเธอทำใหเขาต้องยิ้มอย่างเป็นสุข


“.........พาสเป็นอย่างไรบ้าง” กรถามขึ้นเมื่อณุเดินมาที่โต๊ะ


“ได้สติแล้วครับ... เห็นคุณสาว่าหมวดเธอเหนื่อยมาหลายวัน”


“ใช่....คงอย่างนั้น” กรพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาว


“อย่างนี้เค้กเซอร์ไพรส์วันเกิดนี่ละครับ” อิทธิศักดิ์ถามขึ้น เขาต้องการจัดงานวันเกิดให้พาสแต่รู้ว่าหญิงสาวคงไม่ยินดี เขาจึงหอบเอาเค้กก้อนใหญ่มามอบให้เธอที่นี่


“วันนี้วันเกิดหมวดพาสนาเหรอครับ” ณุมองเค้กแล้วถามขึ้น


“ใช่.... แต่ปกติพาสเขาจะกลับบ้านไปเลี้ยงกันที่นั่น พอดีวันนี้มีเลี้ยงส่งสารวัตรขจรเลยไม่ได้กลับ” กรตอบ


“ถ้าพี่พาสได้สติแล้ว.... เดี๋ยวก็คงจะลงมาละครับ” กำธรบอก


“นั่งกันเถอะณุ” ขจรตบไหล่สารวัตรหนุ่ม ส่วนตัวขจรเองเดินมาลงนั่งข้างๆ กร ณุนั่งลงตรงที่นั่งเดิมของพาสติดกับอิทธิศักดิ์


“เอ่อ.... คือ” อิทธิศักดิ์ เหมือนอยากจะบอกณุว่านี้เป็นที่นั่งของพาส แต่เขาก็ไม่กล้า ยิ่งเมื่อณุมองกลับมาที่เขา ทำให้หนุ่มตี๋ได้แต่เพียงยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม


สักพักพาสก็กลับมาที่งานเลี้ยงเธอมาที่โต๊ะ พอเห็นณุที่นั่งอยู่ตรงที่ของเธอหญิงสาวก็หน้าบูด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรพอดีกลับสาวๆ พากันเข้ามาหาและอวยพรวันเกิดให้ ต่างพากันจูงมือพาสให้ไปทางโต๊ะของพวกเธอ


“หมวดคะวันนี้วันเกิดหมวดพวกเรามีอะไรจะเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ มาด้วยกันหน่อยนะคะ”


“ฮะ.... ได้สิฮะ” พาสยิ้มแย้มกับสาวๆ


“น่ารักจังค่ะหมวด.... มาเร็วค่ะ” หนิงสาวเปรี้ยวซ่าประจำอำเภอเข้ามาควงแขนพาส ส่วนแขนอีกข้างก็มีนิดสาวอวบมาเบียดจนสาต้องปล่อยมือจากพาส


“นี่พวกเธอ....” สาตั้งท่าจะโวย แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว พวกสาวๆ ต่างพากันลากพาสไปที่กลุ่มของพวกเธอ
-----------------------------------------------------------3


พาสหันกลับมายิ้มให้เพื่อนสาวแล้วสายตาก็เผลอเหลือบไปมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ เขาเองก็มองเธออยู่เช่นกัน พาสต้องรีบหันกลับหัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่


พาสถูกพามานั่งที่โต๊ะของกลุ่มสาวเปรี้ยวประจำอำเภอ ทุกคนต่างพากันเอาอกเอาใจพาสสารพัด หาน้ำให้ทานหาขนมมาส่งแทบจะประเคนถึงปากถ้าพาสยอม


“เมื่อกี้หมวดพาสเป็นอะไรไปคะ หนิงเป็นห้วงเป็นห่วง”


“พาสอดนอนมาหลายวันน่ะฮะ พอลุกกระทันหันก็เลยหน้ามืดไป” พาสพูดแก้ตัวไป


“เห็นไหม.... ฉันบอกพวกหล่อนแล้ว ช่วงนี้เห็นหมวดทำงานหามรุ่งหามค่ำ” นิดรีบหันไปพยักเพยิดกับสาวๆ ในกลุ่ม


“โถ... น่าสงสารหมวดจัง คงเหนื่อยนะคะ” สาวหนิงหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา จะซับเหงื่อตามไรผมให้


พาสเบี่ยงตัวหลบนิดหน่อยแต่พอเห็นสีหน้าน้อยใจของหนิงเข้า พาสจึงทำเป็นจับมือของหญิงสาวไว้ส่วนอีกมือก็รับผ้ามาจากมือเรียวนั้น


“พาสเช็ดเองดีกว่าฮะ เดี๋ยวคนอื่นจะเขม่นหนิงเอา พาสไม่อยากเห็นหนิงถูกคนอื่นรังแก” พาสกระซิบเบาๆ พร้อมกับทำตาหวานใส่


“ค่ะ...” สายตาของพาสทำเอาสาวหนิงถึงกับเพ้อ


“คุยอะไรกันแค่สองคนคะหมวด” สาวอีกคนในโต๊ะถามอย่างงอนๆ


“ไม่มีอะไรฮะ...โธ่ พาสไม่กล้ามีความลับกับทุกคนหรอกฮะ” พาสทำเสียงออดอ้อน ทั้งที่ในใจตอนนี้อยากหนีไปให้พ้นๆ จากกลุ่มของสาวๆ เสียเหลือเกิน


ระหว่างที่สาวๆ แย่งกันพูดกับพาสอยู่นั้น มีสาวสูงวัยท่าทางภูมิฐานเดินมาที่โต๊ะที่พาสนั่งอยู่ ข้างกายเธอมีเด็กสาวเดินตามหลังมาในมือถือกล่องของขวัญมาด้วยหนึ่งกล่องใหญ่


“พาส.... ลูก” คุณนายอัญชสาเรียกพาส


“แม่อัญมาได้ไงคะ” พาสรีบผละจากสาวๆ ทันที เธอตรงเข้าไปสวมกอดผู้สูงวัย


“วันนี้แม่รอพาสทั้งวันคิดว่าหนูจะมาหาแม่ก่อนกลับบ้านสวน จนยายจุ๋มมาบอกว่าเห็นหนูวุ่นทั้งวันและมาช่วยงานเลี้ยงส่งสารวัตรขจรแม่ก็เลยมานี่ละ”


คุณนายอัญชสา เป็นภรรยาม่ายของอดีตท่านผู้ว่าฯ ที่ล่วงลับไปเมื่อเกือบปีที่ผ่านมา ท่านรักและเอ็นดูพาสมากเพราะท่านทั้งสองไม่มีบุตรเลยสักคน ยิ่งเห็นถึงความขยันทำงานและความอ่อนน้อมของพาส ท่านถึงกับไปขอพาสกับทางบิดามารดาที่บ้านสวน


“หนูขอโทษค่ะ มัวแต่ยุ่งๆ เลยลืมโทรบอกแม่อัญ” พาสกราบลงที่อกของผู้สูงวัย


“จ้า... ไม่เป็นไร นี่แม่ก็กะว่าจะมาหาสารวัตรอยู่พอดี” ท่านว่า


สารวัตรขจรเข้ามาหาคนทั้งสอง เขายกมือไหว้คุณนายผู้ว่าฯ ด้วยความเคารพ “ไม่คิดว่าคุณอัญจะให้เกียรติมาถึงนี่ เชิญไปนั่งด้วยกันที่โต๊ะผู้กำกับนะครับ”


“ค่ะสารวัตร อิฉันจริงๆ ก็แค่ต้องการมาตามลูกสาวน่ะค่ะเห็นหายไปหลายวัน” คุณอัญลูบแขนพาส


“อ้อครับ.... ช่วงนี้หมวดเธอยุ่งครับ ผมยังแทบจะไม่ได้เห็นหน้าเธอเลย” สารวัตรยิ้มมองไปทางพาส


“ก็ยุ่งจริงๆ นี่คะแม่อัญ หนูก็ทำแต่งานนี่ละค่ะ เลยไม่ได้แวะไปหา” พาสยิ้มอ้อน


“จ้า.... แม่ละเชื่อเราเลยขยันจริงๆ”


“สิ้นปีนี้หมวดก็จะได้ปรับเป็นผู้กองแล้วนะครับคุณอัญ” สารวัตรที่เดินคู่มากับคุณอัญชสาบอก


“อ้าวเหรอ...” ท่านอุทานกับสารวัตร แล้วหันไปทางพาส “ไม่เห็นหนูบอกแม่สักคำ”


“เอ่อ...” พาสงง เธอหันไปมองทางสารวัตรขจร


“เธอเองก็ยังไม่รู้หรอกครับ พอดีผมคุยกับผู้กำกับเมื่อวันก่อน” ขจรไขข้อข้องใจ


“ดีจริง เนี่ยเพราะหนูมีผลงานเห็นไหม ทำงานมาสองปีก็ได้เลี่อนเป็นผู้กองแล้ว” คุณอัญคว้าพาสมากอดด้วยความดีใจ


“แต่หนูว่ามันเร็วไปไหมคะแม่อัญ.... สารวัตร” พาสเหลียวมองทางสารวัตรขจร เธอกลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเธอใช้เส้นทั้งจากทางคุณนายท่านผู้ว่า และจากพี่กร


“ใครเค้าจะว่าละพาส.... ผลงานของพาสที่ผ่านมานี่หลายชิ้นมากเลยนะเด่นๆ ทั้งนั้น” ขจรพูดให้กำลังใจ


“ใช่ทุกอย่างที่หนูทำไม่ได้เกิดจากคนอื่นนะ เกิดจากฝีมือของลูกเองทั้งนั้น” คุณอัญบอก เธอรู้ว่าพาสกลัวคำครหา


“ค่ะ... ขอบคุณนะคะแม่อัญ ขอบคุณฮะสารวัตร” พาสยิ้มออกมาได้บ้าง


ทั้งสามมาที่โต๊ะเดิมที่กรนั่งอยู่ กรลุกขึ้นไหว้คุณอัญชสา ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ต้องลุกตาม สาไหว้พร้อมกับยิ้มให้ผู้สูงวัย


“มาตามพาสถึงงานเลยเหรอคะคุณแม่”


“สิจ๊ะ ลูกไม่ไปหาก็ต้องมาตามเนี่ยละจ๊ะ แม่สา” คุณอัญยิ้มรับ


คุณนายผู้ว่าฯ มองไปทางชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “คุณคงจะเป็นสารวัตรคนใหม่สินะคะ”


“ครับ สวัสดีครับคุณอัญชสา ผมนับถือท่านผู้ว่ามานานแล้ว แต่ก็ไม่สามารถลงมางานศพของท่านได้”


“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ท่านไปสบายแล้ว” คุณอัญยิ้มน้อยๆ


“เชิญครับ....” กรเลื่อนเก้าอี้ให้


“ขอบใจนะผู้กำกับ”


กรกับพาสช่วยพยุงผู้สูงวัยกันคนละด้าน กรกับพาสยิ้มให้กัน ภาพคนทั้งสองนั้นดูจะเป็นที่ชื่นชมของใครหลายๆ คน แต่ไม่ใช่สำหรับณุที่นั่งมองอยู่เขาจ้องมองไปที่พาสไม่วางตา พาสหันมาเห็นสายตาของณุเข้าเธอถึงกับทำอะไรไม่ถูกจำต้องเสมองไปทางอื่น เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่กล้าที่จะสบลูกในตาของคนตรงข้ามนัก


“สารวัตรจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่คะ” คุณอัญถาม


“คงเป็นต้นเดือนนี้ละครับคุณอัญชสา” ณุหันไปตอบ


“เรียกป้าเฉยๆ ก็ได้ค่ะ กันเองดี”


“ครับขอบคุณครับ” ณุยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง


“จุ๋มเอากล่องของมา” คุณอัญ หันไปทางเด็กที่บ้าน


“ค่ะ” จุ๋มเข้ามาใกล้ๆ แล้วส่งกล่องนั้นมาทางพาส


“อันนี้เป็นของขวัญวันเกิดของหนูนะลูก” คุณอัญแตะที่กล่องใบใหญ่นั้น


พาสรับกล่องมาจากจุ๋ม หญิงสาวมองหน้าคุณอัญด้วยความรู้สึกทั้งรักและเคารพผู้สูงวัย เธอไม่เคยหวังว่าจะได้อะไรจากท่านแม้แต่น้อย แต่ท่านก็มอบให้เธอมากมายทั้งความรักความเอ็นดูเอาใจใส่ พาสวางของบนโต๊ะแล้วก็ลงมาคุกเข่ากับพื้นกราบลงที่ตักของท่านก่อนจะสวมกอดเอวท่านไว้แน่น


“ขอบคุณค่ะแม่อัญ” พาสพูดเสียงสั่นเครือน้ำตาซึม


“อะไรกัน นายตำรวจหญิงมาทำบ่อน้ำตาตื้นได้ไงกันจ๊ะ...หือ” คุณอัญแหย่ แต่สองมือของท่านก็โอบพาสไว้เช่นกัน


เพียงครู่เดียวเสียงดนตรีกับเสียงอวยพรวันเกิดก็ดังขึ้น ทำให้พาสต้องลุกขึ้นมา เธอยิ้มให้กับทุกคนรอบๆ งาน และคนที่ยืนข้างๆ เธอแต่ไม่มองไปทางณุสักนิด


“สุขสันต์วันเกิดนะครับพาส ขอให้พาสมีความสุขมากๆ” อิทธิศักดิ์ฉวยโอกาสอวยพรก่อนใคร


“แม่ขอให้ลูกพบกับสิ่งที่ดีในชีวิต” คุณอัญชสากล่าวพร้อมกับลูบหลังไหล่พาส


“พี่ก็ขอให้พาสมีความสุขมากๆ นะ สุขภาพแข็งแรง” กรยิ้มหวานให้พาส


“ขอบคุณทุกคนมากๆ ฮะ ทั้งที่เป็นงานเลี้ยงส่งสารวัตรขจรแท้ๆ ต้องขอบคุณสารวัตรด้วยนะฮะ” พาสไหว้ขจร


“พี่ยินดีที่ได้อวยพรพาสเช่นกัน เพราะถ้าพี่กลับไปแล้วไม่รู้จะได้มาอีกเมื่อไหร่” ขจรพูดเนิบๆ


“ไว้พาสจะลงไปเยี่ยมพี่ขจรเองก็ได้ฮะ” พาสบอก


“อืมแล้วพี่จะรอ” ขจรยิ้มรับ


“เอาตัดเค้กได้แล้วพาส สาอยากกินเค้ก” สาส่งจานกับมีดให้เพื่อน


“ไม่งกกินเลยนะ” พาสเอาด้ามมีดพลาสติกจิ้มหน้าผากเพื่อน ทุกคนต่างพากันหัวเราะขันไปกับสาที่ทำแลบลิ้นใส่พาส


ณุได้แต่ยิ้มน้อยๆ เขาได้แต่มองหญิงสาวอยู่ห่างๆ ปล่อยให้คนอื่นๆ เข้าไปอวยพรพาส ชายหนุ่มนั่งนิ่งสายตาจับจ้องอยู่ที่เธอตลอด เขาได้พบกับเธอคนนั้นแล้วและเขามั่นใจว่าเธอต้องฝันเห็นเขาเช่นกัน แต่แบบไหนล่ะถึงทำให้สาวห้าวคนนี้ถึงกับหน้าซีดไป ณุอยากรู้คำตอบ

จบบทที่ 3 ค่ะ





 

Create Date : 03 กันยายน 2549    
Last Update : 6 กันยายน 2549 2:45:13 น.
Counter : 276 Pageviews.  

ตราบนิรันดร์ บทที่ 2

บทที่ 2 เมื่อแรกพบ


หน้าคอนโดฯ พาสลงจากรถในมือหอบผลไม้กับของกินหลากหลายอย่างที่มารดาจัดมาเพื่อแจกจ่ายให้กับคนดูแลคอนโดฯ ตอนนี้พาสใส่เพียงเสื้อตัวในสีขาวแขนสั้นเสื้อแจ๊คเก๊ตถูกผูกไว้กับเอว เมื่อใส่เสื้อน้อยชิ้นทำให้สามารถเห็นรูปร่างได้อย่างชัดเจนว่าเธอมีหุ่นที่สมส่วนไม่อ้วนไม่ผอม ผิวเนื้อนวลขาวผุดผาด หนุ่มๆ ต่างมองเหลียวหลังจนตากลับ แต่ก็ต้องผงะหลบเมื่อเจอสายตาคมวาวของสาวห้าวทุกครั้งไป


พาสเดินเอาของมาวางที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ “พี่นิ พี่แจง แม่ฝากผลไม้กับขนมมาให้ทานกันนะฮะพี่”


“อุ๊ย... ขอบคุณค่ะคุณพาส... ฝากขอบคุณคุณแม่ด้วยนะคะ อุตส่าห์เอามาฝากอยู่เรื่อยเชียว” สาวใหญ่ยิ้มหวานให้พาส


“ฮะ... ส่วนถุงนี้ยังไงฝากไว้ให้น้าชุ่มรปภ.ด้วยนะฮะ” พาสส่งถุงอีกชุดให้กับแจง


“ค่า... เดี๋ยวพี่แจงเอาไว้ให้แกเอง” แจงรับเอาไปวางไว้ด้านหลัง


“พาสไปก่อนนะฮะ....” พาสยิ้มให้แล้วก็เดินเข้าไปด้านในที่เป็นลิฟท์


สองสาวต่างชะเง้อคอยาวมองตามหลังพาสจนสาวห้าวเข้าลิฟท์ไป แล้วหันกลับมายิ้มให้กัน


“น่าเสียดายเนอะพี่นิ นี่ถ้าเป็นผู้ชายนะหนูจะจีบพี่พาสซะเอง”


“ยายแจงแกจะเป็นผู้ชายไปจีบคุณพาสเค้าเหรอ” นิมองแจงแบบ งงๆ


“ใช่สิพี่ดูสิสวยก็สวย ผิวก็นะ น่าอิจฉาน่าดู เสียแต่ชอบแต่งตัวยังกับพวกผู้ชาย.... เฮ้อ” แจงทำหน้าเสียดาย


“แต่พี่กลับชอบคุณพาสที่เป็นแบบนี้นะดูน่ารักดี บางอารมณ์ก็มีแก่นๆ ให้เห็น” พี่นิยิ้มหวาน


แจงมองค้อมสาวใหญ่ที่ทำในตาเชื่อม แล้วก็ต้องสะกิดให้พี่นิดูว่าดาริสาเดินผ่านทั้งสองคนเข้าไปด้านใน


“พี่นิคงต้องผ่านด่านคุณคนสวยนั่นก่อนละมั้งพี่ ช่วงนี้เห็นมาทุกวัน” แจงบอก


“นั่นสิ.... เฮ้อ” นิถอนใจอย่างเซ็งๆ


ภายในห้องพักของพาสสาวห้าวกำลังนั่งอ่านเอกสารบนโต๊ะทำงาน มีวิทยุสื่อสารเปิดทิ้งไว้เสียงที่ออกจากคลื่นวิทยุส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องการตรวจตามปกติมีการจับกุมพวกก่อกวนบนท้องถนน กับเรื่องอื่นทั่วๆ ไป ข้างๆ ก็มีกุญแจมือกับซองบรรจุปืนวางอยู่เพื่อเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์


สาเปิดประตูเข้าห้องมา “พาส... สามาแล้วนะ. มีข้าวต้มร้อนๆ มาฝากด้วย”


“จ้า....” พาสขานรับทั้งที่ยังคงอ่านงานตรงหน้า พาสให้กุญแจสาไว้เพื่อสะดวกต่อสาเวลาจะมาจะไป


“วันนี้พาสต้องออกไปอีกหรือเปล่า” สาถามเพราะปกติแล้วพาสทำงานไม่เป็นเวลาอยู่แล้ว บางครั้งก็หายไปเกือบทั้งคืน บางครั้งเพียงไม่นานก็กลับมา ถ้าพาสเข้าเวรเธอจะรู้จากพี่กรเสมอ


“อืม... อีกพักน่ะรอธรมารับวันนี้ว่าจะขี่มอเตอร์ไซด์ไป” พาสเองบางครั้งก็ต้องการความคล่องตัว การใช้มอเตอร์ไซด์ในที่ๆ รถพลุกพล่านจึงเป็นอีกทางเลือกของเธอเสมอ


“พาสได้พักบ้างหรือยัง” สาถามไปมือก็แกะห่อข้าวจากถุง


“ได้พักแล้วไม่ต้องห่วงนะ” พาสหันมายิ้มให้เพื่อน


“ดีแล้วหล่ะ..... มาแบ่งข้าวกันคนละหน่อยลองท้อง” สามาดึงมือเพื่อนให้ลุกไปนั่งที่โต๊ะอาหาร


ทั้งสองคนตักข้าวต้มทานกันไปเรื่อยๆ จนหมด นั่งพักกันอีกครู่หนึ่งสาก็ขอตัวไปอาบน้ำปล่อยให้พาสกลับไปนั่งทำงานต่อ


“ติ๊ด... ติ๊ด.... ติ๊ด...” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแล้วเงียบไปเป็นสัญญาณให้รู้ว่ากำธรมารออยู่ข้างล่างแล้ว พาสลุกขึ้นรวบทุกอย่างบนโต๊ะมาเหน็บเข้าที่ เสร็จแล้วก็เดินมาเคาะประตูห้องน้ำ


“สา... พาสไปก่อนนะ... ล็อคประตูให้ดีๆ หล่ะ”


“จ้า...”


พาสคว้าแจ็คเก๊ตตัวเดิมมาสวมแล้วออกจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะล็อกประตูห้องให้เรียบร้อย


รถมอเตอร์ไซด์ตำรวจแล่นนำรถตำรวจสองคันเข้ามาจอดมุมหนึ่งนอกบริเวณผับชื่อดังใจกลางเมือง ตำรวจทุกนายลงมายืนเรียงรอรับคำสั่ง


“พวกคุณรออยู่ด้านนอกก่อนนะ ถ้าไม่มีคำสั่งห้ามเข้าไปเด็ดขาด..... ถ้าเห็นใครท่าทางมีพิรุธให้เข้าจับกุมได้ทันที” พาสสั่งการด้วยมาดน่าเกรงขาม


“ครับผม” ทุกคนขานเสียงดังฟังชัด


“ไปธร” พาสขึ้นค่อมมอเตอร์ไซด์เข้าไปในที่จอดรถของผับหรู


กำธรเข้าไปจอดนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถเพื่อรอการดำเนินการขั้นต่อไป พาสคุยกระซิบคุยอะไรบางอย่างกับกำธรแล้วเธอก็ให้เขาเข้าไปภายในผับนั้นก่อน


ด้านในที่มุมชั้นสองมีผู้ชายรูปร่างสันทัดกำลังยกวิทยุสื่อสารขึ้นมาเมื่อเขามองลงมาด้านล่างเห็นสิ่งที่ต้องการ


“ทูน่า 3 เรียกทูน่า1 ตอบด้วย” เขาพูดทวนเบาๆ อีกครั้ง


“ว่าไป” พาสยกวิทยุขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเรียก


“ตอนนี้ลูกแมวน้อยกินเหยื่อแล้วครับ” ชายหนุ่มบอก


“ว.2 รับทราบ ว04 ตามแผน” พาสรีบเข้าไปในผับทันที


เมื่อเข้าไปพาสก็เห็นผู้ชายผอมแห้งลักษณะเหมือนคนติดยาทำสัญญาณไปทางผู้ชายร่างใหญ่หน้าตากวนประสาทยืนสูบบุหรี่อยู่มุมหนึ่งกำลังส่งซองอะไรบางอย่างให้กับพวกสาวๆ พาสให้สัญญาณอีกครั้ง เสียงเพลงในผับก็เงียบลงไฟกลับสว่างขึ้นมาแทนที่


ตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายเข้าไปแสดงบัตรสีแดงและแจ้งข้อหาต่อชายคนดังกล่าวเพื่อเข้าดำเนินการจับกุม ซึ่งชายคนนั้นก็ทำการต่อสู้ขัดขืนอยู่สักพักก่อนจะยอมจำนน ส่วนตำรวจอีกสองนายตามไปจับสาวๆ ที่พากันวิ่งหนีเมื่อเห็นตำรวจ


“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ขอให้นั่งอยู่กับที่ อย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่”พาสตะโกนแข่งกับเสียงอึกกระทึกของเหล่านักเที่ยว พวกนักเที่ยวที่กำลังแตกตื่นเมื่อได้ยินดังนั้นก็พากันนั่งลง


จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่จากด้านนอกก็เข้ามาสมทบ เพื่อตรวจสารเสพติดของพวกนักเที่ยวและถือโอกาสตรวจบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อดูว่ามีนักเที่ยวที่ยังอายุไม่ถึงเกณฑ์หรือไม่


เมื่อดูแลทุกอย่างให้ดำเนินไปได้เป็นที่เรียบร้อย พาสกับกำธรก็กลับมาที่กรมตำรวจเพื่อดำเนินการลงบันทึกรายงานประจำวัน และตรวจดูความสงบเรียบร้อยอีกครั้ง กำธรยังคงนั่งรอลูกพี่ที่นั่งทำงานอยู่เพื่อรอไปส่งลูกพี่กลับ สักพักพาสมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วหันไปมองกำธรที่เริ่มนั่งสับปะงก หญิงสาวจึงเก็บเอกสารเข้าลิ้นชักแล้วล็อกกุญแจ


“ธร....” เธอเดินไปสะกิดกำธรเบาๆ


“ครับ...” กำธรสะดุ้งพรวดพลาดลุกขึ้นทำความเคารพ


“ฮึฮึ... ไปกลับได้แล้ว” พาสขำลูกน้องแล้วก็เดินนำหน้าไป
------------------------------------------------------------------1


พาสกับกำธรเดินลงมาจากสถานีตำรวจทั้งสองต่างคุยกันถึงเรื่องของคนที่ถูกจับกุมมาในวันนี้


“นายยอดยิ่งนี่เป็นแขนขาให้นายหนึ่งไอ้เจ้าคนที่เราต้องการ นี่เท่ากับเราตัดแขนขาของนายหนึ่งไป ตอนนี้ก็รอเวลาที่จะเริ่มแผนต่อไปแต่อย่าทำให้เป็นพิรุธล่ะ” พาสพูดขณะที่อยู่กันเพียงลำพังตรงที่จอดรถมอเตอร์ไซด์ซึ่งเป็นลานโล่ง


“ครับพี่พาสไม่ต้องห่วง” กำธรขึ้นคร่อมสตาร์ทรถ


“ดี... ยังไงก็รอบคอบให้มากเข้าใจไหม”


“ครับ” ธรส่งหมวกกันน็อกให้พาส พร้อมกับจับรถให้มั่นเพื่อให้พาสขึ้นซ้อนท้าย


พาสขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซด์ด้วยท่าทางชำนิชำนาญ พร้อมกับใส่หมวกเมื่อพร้อมเธอก็ตบที่บ่าของกำธรเบาๆ รถมอเตอร์ไซด์ก็แล่นฉิวออกจากสถานีตำรวจไป


.
ประตูห้องถูกเปิดพาสเดินเข้ามาในห้องเธอเดินไปที่ห้องนอนเป็นที่แรก สายตามองไปยังเพื่อนสาวที่นอนหลับสนิทก่อนจะถอดแจ๊คเก๊ตใส่ในไม้แขวนแล้วแขวนไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า สาวห้าวหยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดสำหรับเปลี่ยนหายเข้าไปในห้องน้ำ สักพักใหญ่พาสกลับออกมาด้วยชุดนอนตัวหลวมเป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนสีขาว หญิงสาวมาลงนอนข้างๆ เพื่อน


“เป็นไงบ้างวันนี้ ได้คนที่ต้องการไหม” สาถามพร้อมกับพลิกตัวมากอดแขนเพื่อน


พาสเอียงหน้าเพียงเล็กน้อยมองคนที่จ้องหน้าเธอนี่ง สาวห้าวยิ้มให้ “ทำเป็นหลับที่แท้ก็แกล้งหรอกรึ...”


“ก็อยากรอพาสนี่นา” สายิ้มให้


“อืม... คนนี้เนี่ยเป็นรายที่เล็งไว้อยู่ สายที่อยู่ในผับก็รายงานเข้ามาพอดี” พาสพูดเพียงสั้นๆ


“แล้วพาสเหนื่อยไหมวันนี้” สาถาม


“ไม่หรอกจ้ะ... แค่ไปคุมการทำงานเท่านั้นมีหมู่น้อยคอยรายงานข่าวจากด้านใน ส่วนอื่นก็เป็นไปตามแผนทุกอย่าง”


“พาสเก่งจัง....” สายิ้มเอาใจเพื่อน


“เก่งจริงก็ดีสิ พาสอยากให้พวกนี้มันไม่มีที่ซุกหัวอยู่ อยากให้สังคมเราหมดสิ้นยาเสพติด คนติดยา คนค้ายา มันเป็นวัฎจักรที่ไม่สิ้นสุดสักที เก่าไปใหม่มาอยู่ร่ำไป เงินมันได้ง่ายด้วยละมั้ง” พาสพูดอย่างเซ็งๆ


“เอาน่า พาสก็ทำเต็มที่กับงานทุกชิ้นเสมอ สาเองก็อยากให้ตำรวจทุกคนคิดอย่างพาส เพราะตำรวจเดี๋ยวนี้เองก็..” สาพูดค้างไว้อย่างรู้กันดี


เพราะงั้นงานทุกอย่างของพาสถึงเป็นความลับเสมอ อย่างการจับกุมในครั้งนี้พาสก็ใช้ลูกน้องคนสนิทที่เคยคุ้นกันดี แต่ก็ไม่ได้บอกแผนการณ์ใดมากไปกว่าจับกุมพ่อค้ายารายย่อยเท่านั้น คนที่รู้ลึกถึงแผนการณ์มีจริงๆ เพียงไม่กี่คน รวมถึงหัวหน้าหน่วยของเธอคือกร


“อืม.... พาสก็อยากให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร ทำงานด้วยความสุจริต แต่อย่างว่าทุกคนก็มีความต้องการไปคนละอย่าง” พาสพูดอย่างปลงๆ


“จ้า... คุณตำรวจหญิง นอนเถอะทำงานมาเหนื่อยๆ ปล่อยทุกอย่างทิ้งไปก่อนนะ นอนให้หลับจะได้มีแรงไปทำหน้าที่ต่อ” สาลูบแขนเพื่อน


“คร้าบบบบบ” พาสตบมือเพื่อนเบาๆ


“นอนๆ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดใส” สาซบหน้าแนบกับไหล่ของเพื่อนรัก


.
ความเพลียทำให้พาสสามารถหลับไปได้ในเวลาเพียงไม่นาน หญิงสาวตกสู่ห้วงแห่งความฝัน ในฝันนั้นเธอได้ยินแต่เสียงเพรียกหาแต่ชื่อของสาวคนหนึ่ง ชื่อเดิมกับที่เธอเคยได้ยินมาตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ภาพใบหน้าของชายร่างสันทัดดูช่างลางเลือนนัก พาสพยายามเพ่งมองหน้าของเค้าคนนั้น แล้วจู่ๆ ภาพก็เปลี่ยนไปกลายเป็นภาพของชายที่ชุ่มไปด้วยเลือด เธอเห็นเลือดเต็มหน้าของคนคนนั้น เขาคนนั้นเหมือนพยายามจะไขว้คว้าตัวของพาส เธอตกใจสุดขีดกับภาพที่เห็นหญิงสาวร้องเสียงหลง


“ไม่มมมมมมมมมมม....”


“พาส พาส ตื่นสิ พาส” สาเขย่าเพื่อนที่ดิ้นไม่หยุดเสียงร้องของพาสทำให้เธอตกใจตื่น


พาสหยุดดิ้นสาวห้าวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองเพื่อน เธอรู้สึกเหนื่อยเหงื่อกาฬแตกไปทั่วทั้งตัว หญิงสาวค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่ง มือน้อยๆ ยกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลย้อยเข้าตา


“พาสฝันร้ายมากเหรอคราวนี้” สาถามเธอไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นอย่างนี้มาก่อน


“...” พาสได้แต่พยักหน้า


“มะรืนนี้จะวันเกิดพาสแล้ว เราไปถวายสังฆทานกันดีกว่านะจิตใจจะได้สบาย” สาชวนพาสไปทำบุญ


“.... อืมก็ดีเหมือนกัน สาไปกับพาสด้วยนะ” พาสเองก็เป็นคนชอบทำบุญอยู่แล้วไม่เคยขาด แต่ช่วงนี้งานยุ่งๆ ทำให้เธอห่างจากการเข้าวัดไปพักใหญ่


“ไปล้างหน้าล้างตัวหน่อยไหม จะได้สบายตัวขึ้น” สาเอ่ยถาม


“จ้ะ..” พาสลุกไปจากที่นอนไปเข้าห้องน้ำ


.
สาวห้าวเปิดก๊อกให้น้ำไหลลงสู่อ่างล้างหน้าหญิงสาวยื่นมือทั้งสองข้างรองรับน้ำใสสะอาดมาล้างหน้า แล้วก็มองหน้าตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ พาสวักน้ำล้างหน้าอีกก่อนจะเอาน้ำลูบไปตามแขนและคอเพื่อไล่ภาพต่างๆ ให้ออกไป


“ผ้าจ้ะ” สาที่ยืนอยู่ริมประตูส่งผ้าให้


“ขอบใจนะ” พาสรับมาเช็ดหน้าลวกๆ แล้วเช็ดไปตามคอและแขน


สาเดินนำมาที่บาร์เล็กๆ ข้างๆ โต๊ะอาหาร สาวหวานอุ่นนมร้อนมายื่นส่งให้กับพาส “เอ้า... กินนมอุ่นๆ จะได้สบายขึ้น”
-----------------------------------------------------------------2


“ขอบใจ” พาสรับมาแก้วนมจากเพื่อนมาดื่มรวดเดียวหมด


“น้ำจ้ะ” สาส่งแก้วน้ำเปล่าให้ แล้วสาก็หันไปลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ


พาสดื่มน้ำตามหลังจากดื่มนมหมดแล้ว “สามาอยู่ดูแลพาสทุกวันอย่างนี้ พี่อนันต์ไม่ว่าเอาเหรอ” พาสถามถึงคนรักของเพื่อน


“ไม่หรอก.... ทุกวันนี้พี่เขาก็ทำแต่งาน ไม่ค่อยว่าง ยิ่งเขารู้ว่าอยู่กับพาสพี่นันต์เค้าก็หายห่วงแล้วละ”


“ระวังเหอะ.... พี่เขาจะไปหาคนใหม่” พาสแซว


“ไม่กล้าหรอก.... พี่อนันต์นะกว่าจะฝ่าด่านพี่กรกับพาสได้ก็แทบแย่” สาพูดยิ้มๆ เธอนึกถึงตอนเริ่มคบกับอนันต์หนุ่มนักเรียนนอกแรกๆ เมื่อราวๆ สองปีก่อนได้เป็นอย่างดี ว่าคนรักของเธอต้องโดนมาสารพัด ถูกซักฟอกจนขาวทั้งโดนข่มโดนขู่จากทั้งพี่ชายและเพื่อนรักมาตลอด กว่าทั้งสองคนจะยอมรับในตัวหนุ่มหล่อร่างท้วมของเธอได้ก็เล่นเอาอนันต์หงอไปนาน


“ยังไงก็ไปดูแลพี่เขาบ้าง เดี๋ยวเค้าจะหาว่าพาสยึดสาไว้คนเดียว”


“จ้า... โถ นะเราก็นึกว่าห่วงเรา ที่แท้ก็...” สายิ้มขำ


“ไม่ได้สิ... พาสก็ต้องห่วงสวัสดิภาพตัวเองเหมือนกันนะ” พาสว่า


“อย่างพาสเนี่ยนะ ต้องห่วงสวัสดิภาพ” สาเข้ามาล็อคคอเพื่อน


“อืม... ฮ่าฮ่า” พาสหัวเราะเสียงใส


.
สายวันใหม่ที่โต๊ะทำงานของพาสมีดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่มีดอกกุหลาบแดงดอกใหญ่แซมอยู่ตรงกลางช่อ วางเด่นจนคนที่ผ่านไปมาต่างต้องหันกลับมามอง ส่วนคนที่คุ้นเคยบางคนดูจะไม่สนใจเท่าใดเพราะเห็นจนชินแล้ว สาวห้าวเดินมาจะถึงโต๊ะทำงานสายตาแลเห็นช่อดอกไม้แต่ไกลก็ทำหน้าเบ้ เธอมาลงนั่งสายตามองไปที่การ์ด มือก็เอื้อมไปหยิบมาพลิกอ่านข้อความที่เขียนบนการ์ด

‘ ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จอีกครั้งครับ.... รัก อิทธิศักดิ์ ’

เมื่ออ่านข้อความจบพาสก็เอาการ์ดใบใหม่ที่ได้มาเสียบเข้าไปรวมกันกับการ์ดของเก่าที่นายอิทธิศักดิ์เจ้าของช่อดอกไม้นี้ส่งมาให้ทุกครั้งที่พาสทำงานได้ลุล่วงตั้งแต่ก่อนหน้านี้


นายอิทธิศักดิ์เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ทำการค้าหลายต่อหลายอย่างในจังหวัดนี้ พาสถูกนายคนนี้ตามตื้อตั้งแต่สมัยวัยรุ่นจนมาถึงปัจจุบัน นายคนนี้เป็นหนุ่มตี๋หน้าตาก็ใช้ได้เสียแต่ชอบอวดรวยแต่งตัวเว่อร์สุดๆ และตามติดหนึบซึ่งพาสไม่ชอบเอาซะเลย แต่ไม่ว่าจะถูกว่าอย่างไรนายคนนี้ก็ไม่ถอยทำให้พาสต้องใช้วิธีนิ่งไม่สนใจ


“หมู่ธร” พาสเรียกลูกน้องคู่ใจ


“ครับหมวด” ธรรีบมายืนตัวตรงหน้าโต๊ะพาส


“บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้ามีมาอีกให้ทำไง” พาสพูดพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้


“ครับ... ให้เก็บการ์ดไว้แต่ช่อดอกไม้ไปทิ้งให้ไกลๆ” ธรรับมาถือไว้ เขารู้ดีว่าการที่พาสเก็บการ์ดไว้เพื่อเป็นการเตือนสติว่าตนเองทำงานไปถึงไหนแล้วจับกุมมาได้แค่ไหน แล้วยังคงต้องมีต่อไปเรื่อยไม่มีวันจบ ไม่ได้ต้องการเก็บไว้เป็นอวดใครว่าฉันเก่งที่ทำงานสำเร็จ


พาสมองหน้าลูกน้องนิ่งคิ้วขมวดเป็นปม “แล้วทำไมยังอยู่บนโต๊ะอีก”


“คือผมนึกว่าวันนี้หมวดคงไม่เข้าเช้าก็เลย..” ธรยิ้มแหยๆ ให้ลูกพี่


“เออดี.... ไปเอาไปให้พ้นหน้าเลยไป” พาสโบกมือไล่


“ครับผม” ธรหอบช่อกุหลาบออกไป จุดหมายคงไม่พ้นพวกตำรวจสาวๆ กับแม่ค้าสาวแถวกรม


พาสเปิดเครื่องคอมฯ แล้วก็หยิบแฟ้มงานขึ้นมาเธอนั่งทำงานของตัวเองเงียบๆ ไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายด้วย หญิงสาวทำงานของตัวเองไปเรื่อยไม่ได้สนใจใครจนเวลาล่วงเข้าตอนเที่ยง


ธรเข้ามายืนข้างๆ โต๊ะของพาสตอนใกล้เที่ยง “หมวดครับ”


“อะไรหรือ...” พาสละจากงานในมือมองหน้าธร


“หัวหน้าเรียกครับ”


“อือ.... ไป” พาสลุกขึ้นพร้อมกับรวบเอกสารบนโต๊ะทั้งหมดและแผ่นซีดีในเครื่องไปด้วย เธอไม่เคยเซฟงานไว้ในเครื่องคอมฯ ที่ทำงานเลยถ้าเป็นงานเฉพาะกิจและของกลางที่บรรจุไว้เต็มถุงดำใบใหญ่


ธรเดินตามหลังลูกพี่ไปเขาอยากจะช่วยถือของให้ แต่ก็รู้ว่าพาสไม่เคยยอมให้ช่วยสักครั้ง ดูลูกพี่เขาจะเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยง้อหรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาสาวห้าวมักออกหน้าเสมอไม่มีหนีและไม่เคยท้อให้เห็น


พาสไม่ได้รู้สักนิดว่ามีชายในชุดตำรวจนายหนึ่งเฝ้ามองเธอมาสักระยะหนึ่งแล้ว เขามองตามเธอที่หายเข้าไปในห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมาได้สักพักหนึ่งแล้ว


“ฑิมพิกา”


ชื่อที่พาสมักจะได้ยินในความฝันถูกเอ่ยจากริมฝีปากบางของตำรวจหนุ่มเจ้าของหุ่นล่ำสันรูปร่างสันทัดผิวพรรณสะอาดสะอ้าน ชายหนุ่มสะดุดตาพาสตั้งแต่ตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องของผู้กำกับฯ แล้ว หญิงสาวที่เหมือนหลุดออกมาจากความฝันของเขา แม้ว่าเธอจะดูห้าวๆ ผมที่ซอยนั้นผิดไปจากหญิงในฝันก็ตาม ชายหนุ่มได้แต่ตะลึงมองด้วยคาดไม่ถึง


.
พาสนั่งรายงานผลการเข้าจับกุมนายยอดยิ่งพร้อมกับหลักฐานคือยาบ้าจำนวนมากและยาอีอีกจำนวนหนึ่ง


“เราจับกุมได้อย่างคาหลังคาเขา ทำให้นายยอดยิ่งดิ้นไม่หยุดงานคราวนี้ต้องยกความชอบให้กับหมู่เจดฮะ” พาสมักจะบอกถึงผลงานของลูกน้องเสมอไม่เคยคิดจะเอามาเป็นความชอบส่วนตัวสักครั้ง


“ดีมาก.... งานเราก็เท่ากับก้าวไปอีกขั้น” กรเปิดเอกสารดูคร่าวๆ ก่อนเก็บเข้าแฟ้มงาน ส่วนยาทั้งหมดกรยื่นส่งกลับมาให้พาส


“เอาของกลางทั้งหมดส่งต่อให้ทางภาคได้เลยนะพาส”


“ฮะ....” พาสรับคำ


“ผมช่วยครับ” แต่ธรรีบเข้ามารับของกลางไปถือให้เอง


“พาสรู้หรือยังว่าสารวัตรขจรจะขอย้ายตัวเองลงใต้” การถามพาส


“รู้แล้วฮะ... คุยกันเมื่อสองวันก่อน สารวัตรแกอยากกลับไปทำงานที่บ้านเกิดไปรับตำแหน่งใหญ่กว่าด้วยนี่ฮะ” พาสกับสารวัตรขจรสนิทกันพอควร เพราะได้ร่วมงานกันบ่อยครั้งในการเข้าจับกุมแหล่งค้ายา


"พี่อดเป็นห่วงไม่ได้นี่สิ" กรเองดูจะเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานคนนี้อยู่ไม่น้อย เพราะทั้งสองสนิทกันมาหลายปีก่อนที่พาสจะเข้ามาเป็นตำรวจ


"ไม่ต้องห่วงหรอกฮะ พี่ขจรแกเก่ง" พาสว่า


“แล้วสารวัตรคนใหม่ที่จะมาประจำสถานีเรานี่จะมาเมื่อไหร่ฮะ” พาสถามขึ้น


“สารวัตรใหม่มารายงานตัวแล้วเมื่อพักใหญ่... เพิ่งออกไปได้สักพักนี่เอง” กรบอกกับพาส


“ฮะ....”


“เลยยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักกัน” กรบอก


“ไม่เป็นไรฮะ อีกหน่อยก็ต้องเจอกันอยู่ดี” พาสดูไม่ได้สนใจอะไรนักกับสารวัตรใหม่


“เขาจะมาเริ่มงานต่อจากสารวัตรขจรทันทีต้นเดือนที่จะถึงนี้” กรบอก


“ฮะ...” พาสพยักหน้ารับ


“ผมเห็นสารวัตรใหม่ยืนอยู่ตรงทางเดินที่จะไปห้องสารวัตรขจรนะครับ” กำธรนึกถึงหน้าคนที่มองลูกพี่ของเขานิ่ง แต่ธรไม่กล้าบอกพาสด้วยกลัวว่าหญิงสาวจะว่าเอา เธอไม่ชอบให้ใครพูดอะไรที่ดูไม่เหมาะสมต่อหน้า


“เที่ยงแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า” กรเอ่ยชวนพาส


“ครับ” ธรรีบรับคำทันทีเพราะเขาหิวเต็มที่แล้ว


พาสกับกรได้แต่มองหน้ากันยิ้มๆ ทั้งสองต่างชินกับพฤติกรรมของกำธรเสียแล้ว กำธรเป็นคนสนุกสนานคิดอะไรก็ทำอย่างนั้นไม่เสแสร้งประจบประแจง และก็มีความรอบคอบจริงจังกับงานที่รับมอบหมายเสมอ


.
ที่ห้องสารวัตรขจรนายตำรวจวัยสามสิบต้นๆ กำลังพูดคุยกับนายตำรวจใหม่ที่จะมารับหน้าที่ต่อจากเขา


“พรุ่งนี้จะมีเลี้ยงส่งผม.... ยังไงก็เชิญมานะครับจะได้แนะนำให้ได้รู้จักกับทุกคนในสถานีไม่งั้นคงต้องแนะนำกันอีกนาน”


“ครับ... ผมคงต้องรบกวนให้สารวัตรช่วยแนะนำงานอีกด้วยนะครับ”


“ได้สิครับ... เอ ผมขอเรียกชื่อนะครับจะได้เป็นกันเอง” ขจรเอ่ยขึ้น


“ครับ.... ผมขอเรียกพี่ขจรนะครับ”


“พี่รู้มาว่า ณุประจำอยู่ทางเหนือจังหวัดไหนนะ” ขจรถามขึ้น


“เชียงรายครับ... พอดีคุณพ่อคุณแม่ท่านอยากให้กลับมาประจำที่นี่เพราะจะได้มาอยู่ใกล้ๆ ท่าน” นายตำรวจหนุ่มตอบ


“อืม... ก็ดี” ขจรพยักหน้า “แต่พี่รู้มาอีกอย่างคือณุดังทางด้านช่วยหน่วยป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นพิเศษ”


“ครับผมต้องการให้ประเทศเราปราศจากยาเสพติด แต่คงยากครับ” ณุพูดสีหน้าจริงจัง


“ไว้พี่จะแนะนำให้รู้จักผู้กองสาวประจำสถานีของเรา เก่งมากและทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ”


“หน่วยนี้มีผู้หญิงด้วยหรือครับ... ทำด้านไหน” ณุถามอย่างแปลกใจ


“หัวหน้าหน่วยคนหนึ่งเชียวหล่ะ ทำด้านนี้มาสามปีแล้วเป็นสาวห้าว แต่คบง่ายนิสัยดีมาก”


“ครับ... พรุ่งนี้คงได้พบกัน” ณุยิ้มกับขจรที่ดูจะนิยมชมชอบคนที่กล่าวถึงอยู่ไม่น้อย


จบบทที่ 2 ค่ะ




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2549    
Last Update : 1 กันยายน 2549 3:19:19 น.
Counter : 283 Pageviews.  

ตราบนิรันดร์ บทที่ 1

บทที่ 1 สิ่งที่ห่างไกล
---------------------------------------------------------------


“ฑิมพิกา.... พิกา”


เสียงเพรียกแผ่วดังแว่วหวาน ด้องโสตประสาทของคนที่หลับไหลให้ต้องสะดุ้งลืมตาโพลงในตอนดึก สายตาสอดส่ายไปทั่วห้องแล้วมาจบลงตรงสาวผมยาวสลวยที่นอนอยู่ข้างตัว เธอคนนั้นยังคงหลับสนิทอยู่ข้างๆ เมื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืดรอบตัวแล้วจึงลุกออกจากที่นอน


คนในชุดเสื้อยืดตัวหลวมสีฟ้าหม่นกับกางเกงขาสั้นสีดำ เดินตรงไปที่ตู้เย็นก้มๆ เงยๆ อยู่พักก็ได้น้ำอัดลม เปิดฝาปับก็ยกขึ้นดื่มแก้ดับกระหาย จากนั้นก็เดินมาคว้าเอากีต้าร์ตัวโปรดไปนั่งที่หน้าระเบียงคอนโดฯ นิ้วเรียวยาวนั่งปรับสายกีต้าร์ก่อนจะเริ่มดีดเบาๆ พอเข้าที่ก็เริ่มเกาสายกีต้าร์ เสียงเพลงที่ดังออกมาเป็นเพลงนุ่มๆ สบายๆ เสียงร้องคลอออกมาช่างหวานเสนาะหู


ที่อีกด้านภายในห้องนอนสาวที่นอนอยู่มือก็ควานไปข้างตัว เมื่อไม่กระทบกับคนที่ควรจะพบ จึงลุกขึ้นนั่งมองฝ่าความมืดหา


“พาส.... พาส....” สาวร่างน้อยรีบก้าวลงจากที่นอน เปิดห้องออกมาก็ได้ยินเสียงร้องแว่วมาจากระเบียงห้อง เธอจึงตรงไปที่ระเบียงทันที


“พาส.... ตื่นกลางดึกอีกแล้ว...” เธอโอบรอบคอคนที่นั่งอยู่จากทางด้านหลัง


“อืม... พาสเสียงดังทำให้สาตื่นหรือเปล่า.... ขอโทษนะ” คนที่นั่งอยู่วางกีต้าร์ลงข้างตัว


“ไม่ใช่หรอกจ้ะ.... สาตื่นมาเองไม่เห็นพาสก็เลยออกมาหา” สามาลงนั่งที่เก้าอี้ตัวใกล้ๆ กัน


พาสพยักหน้าเป็นการรับรู้ คนตรงหน้าดาริสาเป็นสาวที่ออกจะดูห้าวๆ แต่ก็เป็นคนที่สวยทีเดียว แก้มใสๆ แต่ดวงตากลับดูคล้ำเพราะการอดนอน สาเอื้อมมือมาลูบใต้ตาคมนั้นเบาๆ


“ตาคล้ำมากเลยนะ.. พาสต้องระวังหล่ะเดี๋ยวก็หมดสวยกันพอดี”


“ขอเป็นหล่อหน้าตาดีไม่ได้เหรอ.... ไม่เห็นชอบเลยที่ว่าสวยเนี่ย” พาสจับมือสาวสวยมากุมไว้


“ใช้ท่าทีแบบนี้กับสาไม่ได้หรอกพาสน่ะ... เอาไปใช้กับสาวอื่นเถอะ” สาหัวเราะเบาๆ


“โธ่..... ซะงั้น” พาสยิ้มน้อยๆ ให้กับสาวข้างตัว


“ฝันร้ายอีกแล้วใช่ไหม....” สาถามด้วยความเป็นห่วง ว่าช่วงหลายวันมานี่พาสฝันร้ายทุกคืน ทำงานมาทั้งวันยังมาตื่นกลางดึกอีกร่างกายก็ดูจะแย่ตาม


“ก็ไม่เชิงนะ สองวันมานี่เหมือนได้ยินใครเรียกชื่อ.... แต่ไม่ใช่ชื่อพาสนะ สงสัยคงไปได้ยินที่ไหนมาสักที่แหละ” พาสเองก็พยายามนึกว่าตอนทำงานไปได้ยินใครเรียกชื่อนี้ที่ไหน


“ก็ไม่ดีอยู่ดีแหละ.... พาสจะแย่เอาพี่กรเป็นห่วงพาสมากเลยนะถึงให้สามาอยู่เป็นเพื่อน” สาพูดถึงพี่ชายสุดเฮียบของเธอ ที่ออกจะห่วงลูกน้องสาวห้าวคนนี้เสียเหลือเกิน แต่เธอกับพาสเองก็สนิทกันมาตั้งแต่พาสเข้าทำงานกับพี่ชายเธอ พาสไปร่วมก๊วนเฮฮาที่บ้านเสมอ ถ้าเวลาหยุดตรงกัน


“ไปเถอะ... ไปนอนกันดีกว่านะ......... เดี๋ยวพรุ่งนี้พาสต้องไปรายงานตัวก่อนเที่ยงไม่ใช่เหรอ” สาวร่างบางลุกพร้อมกับดึงมือคนที่นั่งอยู่ให้ลุกตาม


“แต่พาสยังไม่ง่วงเลย...” พูดไปแต่ก็เดินตามโดยดี


“ไม่ง่วงก็ต้องนอน หัวถึงหมอนเดี๋ยวก็หลับได้เองแหละ” สาจูงมือเพื่อนเข้าห้อง


ทั้งสองต่างกลับมายังที่นอนพาสล้มตัวลงนอนดึงตุ๊กตาที่ติดตั้งแต่เด็กมากอดไว้แทนหมอนข้าง ดาริสาดึงผ้มห่มมาคลุมให้มือก็ลูบหลังพาสเบาๆ เหมือนแม่กล่อมให้ลูกน้อยนอน


“พยายามหลับนะ... พรุ่งนี้จะได้หน้าตาสดใสไปทำงาน”


“อืม... ขอบใจนะสา” พาสพูดทั้งทีไม่หันมามองเพื่อนสาว


สายังคงลูบไปเรื่อยๆ จนรู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของพาส เธอจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องมานั่งที่โซฟา หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออก


“ฮาโหล......... พี่กร”


เช้าวันใหม่สาที่วุ่นกับการทำแซนวิสให้คนที่ยังคงนอนหลับอยู่ เธอจัดการห่อด้วยพลาสติกกันอากาศเข้าแล้วเอาวางไว้ให้บนโต๊ะอาหารตัวย่อม สาเขียนโน๊ตข้อความไว้บนแซนวิส จากนั้นก็กลับเข้ามาดูพาสนิดหน่อย ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องพักของพาสไป


พาสในชุดแจ๊คเก็ตสีดำเข้ารูป กางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ ผมที่ใส่เยลปัดเข้าทรงอย่างหล่อสวมแว่นตาดำเดินออกมาจากลิฟท์ของคอนโดฯ เธอส่งจูบเป็นทักทายให้สาวๆ พนักงานประจำคอนโดฯ ที่เธอพัก ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันกรี๊ดได้ทุกครั้ง


“คุณพาสคะ... พี่ทำขนมเผื่อให้คุณพาสไปทานเป็นของว่างที่ทำงานนะคะ” พี่นิผู้ดูแลหลักของคอนโดฯ ส่งถุงขนมให้


“ขอบคุณฮะ.... รบกวนพี่ทุกทีเลย พาสยังไม่ได้ตอบแทนพี่สักครั้ง” พาสทำท่าเกรงใจ


“โถ... ไม่ต้องหรอกค่ะแค่คุณพาสทานขนมของพี่.... พี่ก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ” พี่นิยิ้มหวานให้


“งั้นก็ขอบคุณอีกครั้งนะฮะ.... พาสไปทำงานก่อนเดี๋ยวสายเจ้านายจะว่าเอา” พาสยิ้มให้ก่อนเดินออกมาจากคอนโดฯ


สาวมาดเท่ห์เดินจะถึงรถเก๋งคู่กายเธอเห็นคนก้มๆ เงยๆ อยู่บริเวณรถ หญิงสาวจึงค่อยๆ ก้าวย่างเข้าไปอย่างช้าๆ ตั้งท่าระวังภัยเต็มที่


“เฮ้ย.... หยุดนะ.... ทำไรวะ” พาสตะโกนเสียงดัง


คนที่ด้อมๆ อยู่พรวดพราดขึ้นยืน “ผมเอง.... พี่พาส”


พอเห็นห้าคนที่มาทำลับๆ ล่อๆ พาสก็ผ่อนลมหายใจออก “ไอ้หอกหัก.... แล้วเอ็งมาทำอะไรรถพี่วะหะ”


“ก็ดูความเรียบร้อยให้ไง... เนี่ยผมหวังดีนาพี่พาส... เผื่อพวกหนุ่มๆ ที่พี่ไปทำให้แฟนเค้าทิ้งมาวางระเบิดรถพี่” พูดพร้อมกับเดินอ้อมกลับมาทางด้านประตูคนขับ กำธรหรือธรลูกน้องคนสนิทและเป็นตัวกวนประสาทอันดับหนึ่งของกลุ่ม แบมือมาตรงหน้าพาส


“เอ็งแบมือกะจะเอาลูกตะกั่วเหรอ.... หะ.... ตังค์ไม่มีเว้ย.... หลีกไปได้แหละ เดี๋ยวไปรายงานตัวสายไม่อยากโดนด่าเว้ย” พาสโบกมือไล่ให้หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเพราะกลำแดง ตัวใหญ่เป็นนักเล่นกล้ามให้หลบไป


“ม่ายใช่.... ผมไม่ได้ขอตังค์.... ผมขอกุญแจเจ้าแก่ของพี่ต่างหาก เนี่ยพี่กรสั่งมาให้มาขับรถให้พี่โดยเฉพาะเลย” กำธรยังคงยืนพิงประตูไว้


“อะไรวะ... พี่แค่นอนไม่หลับเนี่ยมันเป็นเรื่องใหญ่นักหรือไงวะ... ไม่ต้องเลยพี่ขับได้.. ไม่ได้เป็นไรสักหน่อย” พาสเข้าไปผลักคนตัวใหญ่ให้พ้นทาง


“เหอะพี่.... ไหนๆ ผมก็มาแล้ว... พี่ยอมให้ผมขับให้สักวันเหอะ... พักนี้พี่ไม่ได้พักเลยนะ ไหนจะทำงานลัวยังมานอนไม่พออีก.. เดี๋ยวเป็นไรไปผมไม่มีคนแกล้งมันเหงานะพี่” กำธรยิ้มกวนๆ ให้พาส


“เอ็งจะหลบไปดีๆ หรืออยากถูกเตะก่อน... เจ้าธร” พาสทำคิ้วขมวดจ้องหน้าคนตัวโต


“พี่พาส.... ผมไม่อยากถูกพี่กรด่านะพี่ พี่ก็รู้พี่กรน่ะโคตรเลยนา”


พาสยังเงียบตาจ้องหน้าลูกน้องเขม็ง “ว่าไง...หลบไปดีๆ ซะเจ้าธร”


“โถ่.... พี่พาส” คนร่างใหญ่ทำเสียงโอดโอย แต่พอคนที่ตัวเล็กกว่าเกือบครึ่งขยับเข้าไปใกล้ก็ต้องถอยออก


“ก็ได้... แต่พี่ห้ามบอกพี่กรนะว่าพี่ขับมาเอง....”


“เออ... รู้น่า” พาสพยักหน้า หญิงสาวเปิดประตูสตาร์ทรถเพื่อวอร์มเครื่อง


กำธรวิ่งอ้อมกลับไปอีกด้านขึ้นนั่งประจำที่ด้านหน้าคู่กับพาส ความที่เป็นคนร่างใหญ่


ทำให้รถของพาสดูแคบไปถนัดใจ สาวมาดกวนมองลูกน้องหนุ่มด้วยความขำขัน


“พี่พาสเปลี่ยนรถซะทีเหอะ.... ผมนั่งลำบากเกินเนี่ย” กำธรพยายามปรับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ตัวเอง


“ตัวแกใหญ่มาโทษอะไรรถพี่วะหะ.... ไอ้นี่” พาสหันไปทำตาขวางใส่ธร


“โทษคร้าบ.......... ลืมไปรถพี่พาสห้ามแตะ” กำธรทำหน้าทะเล้น


“เออสิ....” พาสขับรถออกจากลานจอด


พาสเดินผ่านขึ้นมาทางด้านหลังอาคารเพราะไม่ต้องการไปเจอเจ้าหน้าที่สาวๆ


ที่คอยตามแจเวลาที่เธอมา และอีกอย่างเธอไม่ต้องการทำตัวเป็นจุดเด่นให้ใครมาสนใจ


“พี่กรฮะ” พาสถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องหัวหน้าอย่างคนคุ้นเคย


“สวัสดีครับ ผู้การครับ” กำธรทำความเคารพด้วยท่าทางสมชาติชายนายตำรวจ


“เออ... ตามสบาย” กรพูดกับกำธร แล้วหันกลับมาทางพาสเขายิ้มให้เธอ


“พาสนั่งสิ... ทำรายงานส่งให้พี่รึเปล่าเรื่องเมื่อวานนี้”


“ฮะ... เรียบร้อยพี่” พาสลงนั่งพร้อมกับส่งแฟ้มบางให้กรที่เป็นหัวหน้าหน่วยของเธอ


“พาสทำสรุปทุกอย่างไว้ทั้งหมดและเอกสารรับรองผลการตรวจจากทางโรงพยาบาล


ที่ยืนยันผลตามที่เราได้แจ้งกับผู้ต้องหา แน่นหนาฮะไม่มีทางรอดไปได้”


“ดีมาก.... เออเมื่อคืนยังฝันร้ายอีกเหรอ... เรื่องเจ้าชัชหรือเปล่า” กรเข้าใจว่า


การที่พาสฝันร้ายติดต่อกันนั้นสาเหตุมาจากเพื่อนร่วมงานคนที่เข้าไปเป็นสาย


ของหน่วยถูกยิงตายต่อหน้า ขณะที่ทีมของพาสตามหลังเข้าไปห้ามไว้ไม่ทัน


เล่นเอาคนที่เคยเข้มแข็งอย่างพาสถึงกับเป็นลมล้มไปเฉยๆ ดีว่ากำธรอยู่ใกล้


จึงช้อนลูกพี่ไว้ได้ทันไม่งั้นคงล้มฟาดพื้นไปแล้ว ทำให้เขาต้องให้สาไปนอนเป็นเพื่อน


พาสที่ห้อง สาจึงรายงานตลอดว่าพาสฝันร้ายทุกคืนแต่ก็ไม่บอกว่าฝันว่าไง


ทำให้ทุกคนคิดว่าคงเป็นเรื่องชัช


“สาโทรรายงานสินะฮะ.... มิน่าพี่กรถึงให้เจ้าธรมันไปรับพาส”


“พี่เป็นห่วงเห็นเราสนิทกับเจ้าชัชมาก” กรพูดเสียงเรียบ


“ฮะ... ขอบคุณพี่กรมากเลย... แต่พาสไม่เป็นไรหรอกฮะ... ก็แค่ฝันอะไรไร้สาระไปเรื่อยละฮะ” พาสตอบเลี่ยงไป


เธอไม่อยากต้องอธิบายอะไรมากนัก กับความฝันแปลกๆ ของเธอ


พาสไม่ต้องการให้ใครต้องคิดมากไปด้วย ยิ่งกับคนตรงหน้าที่เธอรู้ว่าเค้าช่างห่วงใย


เธอเสมอมาตลอด 3 ปีของการทำงาน ร่วมกัน กรเป็นคนที่ให้โอกาสผู้หญิงอย่างเธอ


ให้ได้ทำงานนี้แทนการนั่งโต๊ะ ที่เธอแสนเกลียด แต่กรก็คอยดูแลเป็นห่วงและ


แนะนำงานให้จนเธอคล่อง พาสไปพักที่บ้านของกรบ่อยเพื่อความสะดวก


ทำให้เธอกับสาน้องสาวของกรได้รู้จักกัน เธอและสาจึงสนิทกันมาตั้งแต่นั้น


ยิ่งช่วงสองอาทิตย์มานี่ก็ตามมาที่ห้องมาคอยดูแลไม่ได้ห่าง เธอรักเพื่อนคนนี้มาก


และรักพี่กรเหมือนพี่ชายแท้ๆ อีกด้วย


ภาพที่เธอเห็นในวันที่ชัชวาลเพื่อนคู่หูถูกยิงจากการเข้าจับกุมกลุ่มคนร้ายในคดีค้าของเถื่อน


แต่เผอิญกลุ่มที่ชัชไปเป็นสายก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน ตอนรู้ข่าวพาส กำธร


กับตำรวจอีกสองนายรีบตามไป แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เนี่องจากกลุ่มคนร้าย


ทำการขัดขืนการจับกุมและยิงสวนกลับทำให้ตำรวจต้องใช้ความรุนแรง


ชัชเองก็เหมือนคนทำอะไรไม่ถูกเขาตกที่นั่งลำบากจำต้องชักปืนออกมา


ทำให้ตำรวจเข้าใจผิด ชัชจึงเสียชีวิตไปด้วยเหตุเข้าใจผิดนั้น ภาพของเพื่อน


ที่เลือดท่วมตัวแม้มันจะแย่สำหรับพาสมากเพียงใด แต่มันกลับทำให้เธอ


เห็นภาพคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนของเธอ มีสภาพเลือดท่วมตัวเช่นกันเขาคนนั้นทั่วหน้า


มีเลือดอาบไปทั่วชุดที่ใส่ก็แปลกๆ ไม่ใช่ของสมัยนี้ เขาคนนั้นกำลังจะโผเข้าหาเธอ


ทำเอาหญิงสาวถึงกับตกใจสุดขีดหมดสติทันที แล้วเธอก็ฝันอย่างนี้มาเรื่อยๆ


แต่ในฝันเธอเห็นผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนตัวเองในชุดนุ่งผ้าซิ่นแค่เข่า เสื้อลูกไม้มีระบาย


ผมยาวสลวยกำลังยืนนิ่งดวงตาเบิกกว้างตกใจมองผู้ชายคนนั้นถูกรุมทำร้าย


เขาเอ่ยปากไล่ให้เธอหนีไป ภาพที่ทำให้พาสตกใจตื่นทุกครั้งคือ


ภาพลมหายใจสุดท้ายของชายที่ถูกแทงด้วยมีดเล่มยาว พาสไม่เห็นหน้าคนที่ทำร้ายเขา


เธอเห็นเพียงตาที่บ่งบอกถึงความห่วงใย สายตาที่บอกอะไรบางอย่างต่อหญิงคนนั้น


“พาส.... พาส” กรเรียกสาวห้าวที่เงียบไป


“พี่พาส...” กำธรสะกิดแขนลูกพี่เพื่อเรียกสติ เขาเองก็ห่วงพาสไม่น้อย


พาสสะดุ้งเล็กน้อยเธอเหลียวมองกำธรนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับมาทางกรที่มองด้วยสายตาเป็นห่วง


“เอ่อ.... ฮะ.... พี่กร”


“พี่ว่าช่วงนี้พาสดูเพลียๆ นะ... พักสักสอง สามวันไหมพี่จะทำเรื่องให้”


“ไม่ฮะ... พาสอยากทำงานมากกว่า..” พาสยิ้มให้กับคนตรงหน้า


“แต่พี่อยากให้พาสได้พักสักหน่อย... ปกติก็ไปบ้านสวนอยู่แล้วนี่ก็ไปนอนพักสักหน่อยดีไปอยู่กับพ่อแม่หลายๆ วันหน่อย” กรพยายามเกลี้ยกล่อม


พาสกลับหันไปสนใจแฟ้มเอกสารบนโต๊ะของกรแทน “นี่แฟ้มอะไรฮะ... งานใหม่เหรอพี่กร”


“อืม.... พี่กำลังอ่านประวัตินายคนนี้อยู่เห็นว่าเป็นรายย่อยที่เริ่มแผ่ขยายใหญ่ขึ้น พี่จะใช้มันเพื่อสาวไปถึงตัวการใหญ่อีกที เราจะต้องหาทางใช้ให้มาเป็นสายให้ได้ พี่ไม่ต้องการเสียลูกน้องมือดีอีก ต่อไปนี้เราจะไม่ใช้พวกเดียวกันอีกต่อไป พี่ไม่ต้องการให้ทุกคนไปเสี่ยงทั้งการติดยาและเสี่ยงตายโดยที่เราไม่สามารถช่วยเขาได้” กรส่งแฟ้มให้พาส


เขาพูดอธิบายให้พาสได้รับรู้ถึงการแผนของเขา และเขารู้ว่าพาสต้องการเปลี่ยนเรื่อง


การได้รู้จักและทำงานร่วมกันมาทำให้เขารู้ใจกันและกันเป็นอย่างดี


กรจึงยอมจำยอมต่อคนตรงหน้าไปโดยปริยาย


“คนนี้พาสเคยเห็นนะพี่กร... รู้สึกว่าเคยถูกจับมาหลายครั้งแล้วแต่เอาผิดไม่ได้สักทีในเรื่องยาเสพติดเนี่ย... แต่ก็โดนคดีพวกลักขโมยกับทำร้ายร่างกายบ่อยไม่ใช่เล่นนะพี่”พาสส่งต่อให้กำธรดู


กำธรมองรูปแล้วพลิกดูประวัติที่ดูจะตรงกับที่พาสกล่าวมาทั้งหมด “ครับเป็นไปตามที่พี่พาสบอกทุกอย่าง ผมก็พอจำได้ว่าเมื่อต้นเดือนก่อนก็เคยตามพี่พาสไปจับแต่เหมือนมันรู้แกว ค้นทั้งบ้านก็ไม่พบหลักฐานอะไรสักอย่าง”


“แต่พี่มั่นใจว่าถ้าพาสตั้งใจต้องสามารถทำได้ พี่ต้องการให้พาสกับธรติดตามไอ้หมอนี่ ทำไงก็ได้ให้มันถูกจับขณะที่จะส่งต่อยาและรับเงินเพื่อมัดตัวให้ดิ้นไม่หลุด” กรทำหน้าเชื่อมั่นในตัวพาสเป็นอย่างมาก


“ฮะ / ครับ” พาสและกำธรรับคำหัวหน้าหน่วย


“งานนี้พี่ให้พาสเลือกคนที่พาสไว้ใจตามใจเลยนะ” กรบอกกับสาวห้าว


“ขอบคุณฮะ... ไงพาสไปก่อนนะพี่กร” พาสลุกขึ้นทำความเคารพ


เธอไม่ลืมเอาเอกสารชุดดังกล่าวมาด้วย แล้วเดินออกไปทันที


กำธรทำความเคารพหัวหน้าแล้วรีบวิ่งตามพาส “พี่พาสรอด้วยสิ”
-------------------------------------------------------------จบบทที่ 1 ค่ะ 25 / 8 / 49
--------------------------------------------------------------------


กรมองประตูที่ถูกปิดตามหลังลูกน้องทั้งสองไป หนุ่มใหญ่หยิบเอกสารที่วางอยู่ด้านข้างตัวขึ้นมาดูเป็นเอกสารของทางราชการเรื่องการรายงานตัวของนายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งในรูปถ่ายนั้น หน้าตาของตำรวจนายนี้ดูหมดจดรูปหล่อ ดวงตาเรียว ริมฝีปากบาง ท่าทางดูน่าจะเป็นหนุ่มสำอาง กรมองพินิจก่อนจะเก็บเข้าลิ้นชักโต๊ะทำงาน เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ถอนใจยาว กรลุกขึ้นไปยืนพิงกรอบหน้าต่างมองลงไปเห็นรถกระป๋องของพาสกำลังเลี้ยวออกจากประตู เขายิ้มบางๆ ออกมาด้วยความรักที่เขามีต่อสาวห้าวคนนี้


พาสขับรถมาส่งกำธรที่บ้านพักของกรม “ อย่าลืมที่สั่งละ แล้วไปเจอกันที่นัดนะ ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาดเข้าใจไหม”


“ครับพี่.... ไม่ต้องย้ำทุกครั้งก็ได้ผมไม่ปากมากหรอกน่า” กำธรโวยลูกพี่เบาๆ


“เออ... ก็แค่เตือนทำเป็น... ไปแล้ว” พาสยิ้มกวนๆ ให้น้องก่อนขับรถจากไป


.
ที่บ้านไม้สองชั้นหลังน้อยที่ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้สารพัน ไม้ใหญ่ให้ร่มเงารอบๆ บ้านมีพุ่มแก้วออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้น ส่งกลิ่นหอมรวยระรินมาตามลม เมื่อมองผ่านเข้าไปด้านหน้าชานที่ปลูกยื่นล้ำลงไปในสระบัวขนาดใหญ่ พาสกำลังนั่งเอาหลังพิงเสามุมที่ติดกับตัวบ้าน เธอยกเข่าทั้งสองยกตั้งฉากกับพื้นแขนทั้งสองกอดแนบไว้กับอก ดวงตากลมโตเหม่อมองไปยังบัวหลวงที่เบ่งบานเห็นหมู่ผมรเก็บเกี่ยวน้ำหวานจากเกสรสีเหลืองนวล เสียงซออู้บรรเลงเพลงขเมรไทรโยค เสียงร้องหวานแว่วดังขับกล่อมมาจากด้านในตัวเรือน


“บรรยายความตามท้าย.... เอ๋อ... เออ... เอย... สเด็จ.... ยาท... เออ... เออ... เอ่... เออ....”


หญิงสาวยิ้มบางๆ บนหน้าก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงด้วยความง่วงที่สะสมมาหลายวัน แต่เพียงไม่นานกำธรกับพวกอีกสามคนก็เดินเข้ามาทั้งหมดหยุดอยู่ตรงประตูบานบานเตี้ย ทั้งหมดทำท่าจะถอยกลับ เมื่อเห็นพาสกำลังหลับ


“เข้ามาเหอะ” พาสพูดทั้งที่ยังคงหลับตา


ทั้งสามมองหน้ากันยิ้มๆ กำธรเดินนำเข้าไปหาลูกพี่เป็นคนแรก ที่เหลือก็ค่อยๆ เดินตามมาลงนั่งไม่ห่างนัก


“พี่พาสไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะพี่” กำธรถาม


“จ่าโต้งกับหมู่เมธี... งานที่บอกไว้ได้ความว่าไง” พาสมองไปทางหนุ่มหุ่นสันทัดกับชายวัยสามสิบกว่ารูปร่างท้วมๆ ผิวเข้ม


“ครับ.... ได้คนที่ไว้ใจได้มาสองคนครับหมวด เคยรับของจากนายหนึ่งคนที่เราต้องการตัวเนี่ย ไปขายต่อหลังๆ ติดซะเองน่ะครับ แต่ตอนนี้เลิกยาแล้วนะครับหมวด” โต้งชายร่างท้วมรายงานตามที่ได้รับมอบหมายให้ไปหาสายที่จะทำงานให้


“ได้มาเร็วดีนะฮะ.... แล้วทำไมถึงเลิกได้ละฮะจ่าโต้ง...”


“ครับได้มาเพราะสองคนนี้แม่เค้ามาขอให้พาไปเลิกน่ะครับ.... ก็เลยลองติดต่อดูทางแม่เค้ายินดีช่วย” จ่าโต้งตอบ


“อืม... ดีงั้นเรามาวางแผนต่อไปกันดีกว่า งานนี้ต้องจับให้มั่นแล้วยังต้องวางแผนเผื่อทางหนีทีไล่ให้กับสายของเราสองคนนี้ให้ดี พาสไม่อยากให้ทั้งสองเป็นอันตราย”


พาสหันไปทางกำธร “ธรเข้าไปเอากองงานที่พี่วางไว้บนโต๊ะทำงานให้หน่อย”


“ไม่ต้องจ้ะ... แม่เอามาให้นี่แล้ว” แม่พัชรีหอบกองเอกสารเดินออกมาจากด้านในตัวบ้าน หมู่เจดกับหมู่น้อยรีบลุกเข้าไปรับทันที


น้องสาวร่างบางถือถาดน้ำกับขนมตามหลังมารดามา กำธรรีบกุรีกุจอเข้าไปรับเขาเอ็นดูน้องสาวคนขยันของพาสเหมือนน้องสาวแท้ๆ


“วันนี้ซ้อมร้องแค่นี้หรือน้องเหมียว” กำธรถามเมื่อเห็นว่าปกติเหมียวจะซ้อมถึงเย็นเป็นประจำ


“วันนี้แม่ให้พักเสียงน่ะพี่ธร เสียงเหมียวมันแห้งๆ กลัวว่าจะเป็นไข้เดี๋ยวจะทำให้เส้นเสียงเสียซะหมด” เด็กสาวตอบเสียงใส


พาสยิ้มให้น้องสาว “ตอนนี้ปิดเทอมแล้วก็อยู่ช่วยแม่สอนเด็กเล็กรำอยู่กับบ้านละรู้ไหมเหมียว”


“โห.... พี่พาสอ่ะไม่เห็นมาช่วยบ้างเลยเด็กๆ ถามหานะพี่ ทั้งไวโอลินทั้งซอสามสายน่ะ”


“เอาน่าไว้งานนี้เสร็จจะหาเวลามาเล่นกับเด็กๆ”


“จ้า...” เหมียวขานรับตาใส


ครอบครัวของพาสนั้นรับสอนดนตรีไทยเป็นหลัก สอนรำ สอนร้อง ส่วนดนตรีสากลรับสอนเพียงเปียโนกับไวโอลินเท่านั้น และยังรับงานแสดงตามแต่ผู้ว่าจ้างต้องการ เด็กๆ ที่ไปจะมีรายได้กันทุกคน ไม่มีการหักเปอร์เซ็นต์ใดๆ ทั้งสิ้น ช่วงว่างๆ พาสจะมาช่วยสอนซอสามสายกับไวโอลินให้กับเด็กๆ พาสชอบเรียนสองอย่างนี้จากบิดา แต่ก็สามารถรำได้สมัยเด็กๆ เคยถูกบังคับให้รำตามงานเสมอ แม้จะไม่ชอบแต่พาสจะถือว่าเมื่อรับปากแล้วต้องทำให้ได้และทำให้ดีอีกด้วย ซึ่งทุกครั้งเธอก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี


เมื่อมารดาและน้องสาวกลับไปด้านในกันแล้วพาสก็เริ่มวางแผนงาน เธอขีดเขียนลงบนแผ่นกระดาษ พูดคุยโดยมีนายตำรวจทั้งสี่โต้ตอบแสดงความคิดเห็น ทั้งห้าคนต่างมีท่าทีที่จริงจังกับงานของตัวเองทุกคนต่างกล้าที่จะบอกแนวคิดของตัวต่อผู้หมวดสาว และจะเคารพการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของสาวห้าวคนนี้เสมอ


หลังจากคุยงานเสร็จทั้งสี่ก็ขอตัวกลับก่อน เพื่อไปจัดเตรียมการทุกอย่างตามที่ได้คุยกันไว้


“จ่าเรื่องนี้ปิดให้สนิทนะ.. เพราะพาสไม่รู้ว่าในกรมเรามีสายของพวกนั้นหรือเปล่า สองครั้งแล้วที่เราไม่สามารถทำอะไรมันได้ ไม่งั้นคงไม่ต้องมาประชุมกันถึงนี่” พาสมายืนส่งทั้งสี่


“ครับผม” จ่าโต้งทำความเคารพ


“บอกแล้วไงอยู่กันเองไม่ต้องก็ได้” พาสไม่อยากให้ผู้สูงวัยกว่าต้องมาทำความเคารพเธอนัก


“ครับ” จ่าโต้งยิ้มน้อยๆ


พาสหันมาทางลูกน้องคนสนิท “ธรกับหมู่น้อยต้องคอยช่วยกันสอดส่องดูแลสายของเราให้ดี ถ้ามีอะไรให้แจ้งทันทีเข้าใจนะ”


“ครับผม” ทั้งสามทำความเคารพ


“อ้อหมู่เจดตามเรื่องเงินชดเชยของชัชด้วยนะอย่าให้ช้าละ พาสต้องการให้ครอบครัวของชัชได้รับเงินนี้โดยเร็วที่สุด” พาสสั่งงานเจด


“ครับ”


.
ชีวิตของนายตำรวจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นอนก็นอนไม่เป็นเวลายิ่งหน่วยงานของพวกเธอยิ่งแล้วต้องคอยสอดส่องตลอด ต้องมุ่งมั่นกับงานมาก แต่พอมีตำรวจไม่ดีสักนายก็ทำให้ประชาชนมองพวกเธอไปในทางที่เสียหาย นายบางครั้งก็ไม่ได้ใส่ใจนักรอมีผลงานใหญ่ๆ ก็ต้องยกให้เป็นความดีความชอบให้นายไป มีการทำข่าวอะไรก็ต้องนำเสนอต่อนาย คนทำงานจริงๆ อยู่ข้างหลังเป็นเพียงตัวประกอบ ตายไปยังไม่มีใครสนใจสักนิด ต้องให้พรรคพวกกันเนี่ยช่วยวิ่งเต้นไม่งั้นคงลำบาก ยิ่งกับครอบครัวของชัชด้วยแล้วแม่ก็แก่พ่อก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง ท่านก็เอาแต่เพ้อถึงลูกชายเพียงคนเดียวของท่านเสมอ พาสมักจะให้พวกพ้องเจียดเวลาไปดูแลท่านเสมอ ถ้าเธอว่างก็จะแวะเอาของไปให้และไปช่วยดูแลบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนบุตรชายของท่านได้


“... ไปเหอะ ขับรถระวังกันหน่อย”


พาสยืนส่งทั้งสี่จนรถมอเตอร์ไซด์ของธร กับรถกระบะเก่าของจ่าโต้งขับพ้นสายตาไปหญิงสาวจึงกลับเข้ามาในบ้าน


เหมียวสาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ด กำลังปูเสื่อตรงจุดเดิมที่พาสนั่งอยู่เมื่อครู่ก่อน น้องสาวยิ้มให้พี่ที่ไม่ค่อยจะได้กลับมาบ้านนัก แต่ถ้ามีงานลับพิเศษพาสจะพาพรรคพวกคนสนิทมาชุมนุมที่บ้านเสมอ เพราะเป็นที่ส่วนตัวรอบๆ เป็นสวน อีกทั้งถ้ามีคนแปลกหน้ามาด้อมๆ มองๆ เหล่าสุนัขเฝ้าสวนคงเห่ากันระงม


“แม่ให้มาปูเสื่อให้พี่พาสได้นอนพักก่อน แล้วเดี๋ยวเย็นนี้อยู่กินข้าวด้วยกันนะพี่พาส” พูดพร้อมกับจูงพี่สาวมาที่เสื่อ น้องสาววางหมอนลงแล้วตบที่หมอนเป็นเชิงชวนให้พาสล้มตัวลงนอน


“ว่าแต่แม่ไปทำกับข้าวเหรอ... งั้นไปช่วยแม่ดีกว่า” พาสทำท่าจะลุกขึ้น


“ไม่ต้องเลย... แม่ว่าตาพี่พาสคล้ำมาก สั่งให้นอนพักอย่างเดียว” เหมียวดึงมือพี่สาวไว้


“เรื่องแค่นี้ขี้ผงน่า.... พี่สบายมาก” พาสบอกพร้อมกับเบ่งกล้ามให้น้องดู


“จ้า.... แต่แม่สั่งมาให้พี่พาสนอน ไม่งั้นจะฟ้องพ่อ” เหมียวขู่ เพราะรู้ว่าพาสกลัวพ่อที่สุด


“เอ้า... นอนก็นอนไม่ต้องเอาพ่อมาขู่หรอก” พาสล้มตัวลงนอนหันหลังออกไปทางสระหลับตาลง


“ฮิฮิ...” เหมียวหัวเราะใสลำคอ น้องสาวเอาพัดมาค่อยๆ โบกเบาๆ ทั้งที่ก็ไม่ได้ร้อนอะไรแต่พอพัดก็ทำให้เย็นสบายขึ้น น้องสาวร้องเพลงคลอเบาๆ เหมือนจะกล่อมให้พี่ได้หลับ


“นี่พี่แกไม่ใช่เด็กนะไม่ต้องร้องเพลงกล่อมก็ได้” พาสพูดแต่ก็ไม่ได้หันกลับมามองน้องสาว


“น่านอนไปเหอะ...” น้องจอมแก่นโบกพัดให้


“พี่ว่าแกไปช่วยแม่ดีกว่าไหมเจ้าเหมียว... เนี่ยหาเรื่องอู้ละสิเจ้าตัวแสบ” พาสพลิกหันกลับมามองน้องสาว


“ชริ... รู้ทักนักนะ” เหมียวทำหน้ายู่ แล้วก็เอาพัดยัดใส่มือพาส แล้วก็ลุกกลับเจ้าบ้านไป


“อืม....” พาสหันกลับไปมองทางเดิม หญิงสาวหลับตาลง ปล่อยใจให้สบายก่อนจะค่อยๆ หลับไปในที่สุด




บทที่ 1 จบ







 

Create Date : 13 สิงหาคม 2549    
Last Update : 26 สิงหาคม 2549 20:24:05 น.
Counter : 254 Pageviews.  

1  2  3  

jd_spn
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




-ความรักเป็นสิ่งสวยงามแต่มิใช่จะเกิดได้ง่ายดาย เมื่อได้มาก็จงเก็บรักษาไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
-อยากมอบสิ่งดีๆ ให้กับทุกคน และมอบความรักให้กับคนอันเป็นที่รักทุกคน
คุยกันหลังไมค่กดที่ตุ๊กตาเด็กเล่นน้ำนะคะ
cursor
Friends' blogs
[Add jd_spn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.