Group Blog All Blog
|
Tokiya : Japanese Full Course
ที่ร้าน Tokiya เจ้าของไม่ต้องบอก ดูได้จากรูปนี้ ![]() ที่ร้านนี้เป็นอาหารญี่ปุ่นแบบ full course คือเสิร์ฟไล่ไปเลย 8 เมนู ถ้าจ่ายเงินก็ 499 ต่อหัว ไม่บวกเพิ่ม ส่วนเรากินฟรี อิอิ อยู่ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ ชั้น 2 ใกล้ๆบันไดเลื่อนจ๊ะ (มุมเดิม อดีน่าจะเคยเป็น Outback Steak) ภายในร้านจ๊ะ ![]() ![]() บนโต๊ะ มีคู่มือเล็กๆคอยบอกลำดับการเสิร์ฟอาหาร พร้อมปากกา แจกฟรี (หลังให้ทำแบบประเมินความพึงพอใจ เขียนดีนะเนี่ยปากกา 555) ![]() ส้อมพร้อม ตะเกียบพร้อม ลุย!! ![]() เสริฟชาร้อนเรียกน้ำย่อยรออาหารก่อนเนอะ ![]() เอ้า!....เริ่มที่ จานที่ 1 Appetizer Tokiya Style Eringi หรือเห็ดออริจิผัดซอสโทคิยะ ![]() และ Kalamari หมึกวงกรอบ อร่อยมั่กๆๆ ![]() จานที่ 2 Salad สลัดเป็ดรมควัน (Smoked Duck Salad) อร่อยเว่อร์ๆ ![]() และ สลัดปลาแซลมอน (Smoked Salmon Salad) ![]() จานที่ 3 Soup มีให้เลือก 4 เมนู แต่ไปกับเพื่อนสองคนก็ได้มาสองเมนูตามนี้ Osuimono หรือซุปกา ซุปใสๆกินไปอุ่นๆท้อง ![]() และ Lobster Bisque ซุปครีมล็อปสเตอร์ ... กินแล้ว งงๆ มันๆ เลี่ยนๆ ไม่ชอบ แหะแหะ ![]() จานที่ 4 Rice Dishes มีสองเมนู ได้มาพอดีสองเรา Chashudon ข้าวหน้าหมูชาชู ซอสเด็ดสูตรโตเกียว (เราว่าธรรมดา เก๋ตรงโอ่งน้อยมากกว่า) ![]() Kani Kama Salad Roll ข้าวปั้นสอดไส้สลัดปูอัด ![]() จานที่ 5 Juice Mulberry Vinegar Juice บังคับกินเมนูเดียวจ๊ะ น้ำมัลเบอร์รี่อมเปรี้ยวเย็นๆ ก่อนเริ่มจานหลัก (ถ่ายมาไม่มีความชัดเล้ยยย) ![]() จานที่ 6 Main Course มาแว้วววว ของเราเลือก Tokiya Australian Beef Steak สองชิ้นใหญ่ อร่อยจนจุก แต่ซอสที่ได้มาไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร แต่เนื้อนุ่มมากๆเลย ![]() ส่วนเพื่อนเลือกอันนี้ Fish Fillet and Grilled Chicken แจ่วอร่อยนะ 555 ![]() จานที่ 7 Dessert กับ Milk Panna Cotta ที่เพื่อนหลงรักสุดใจ ![]() ส่วนของเราคือ Layer Cream Cake สปอนจ์เค้ก รสชาติธรรมดาๆ ![]() จานที่ 8 Drink สุดท้ายมีทั้งแบบร้อนและเย็น เพื่อนเลือกชาส้มโอแบบร้อน ซึ่งไม่ได้ถ่ายมา มันก็ธรรมดาๆนะ 555 ส่วนเราเลือกอันนี้ Blue Lemon เป็นโซดาหน่อยๆ หลังกินเนื้อเข้าไป แก้วนี้ช่วยได้เยอะ อร่อยด้วย สีก็สวย ![]() จบเสียที อยากบอกว่าอิ่มตั้งแต่ก่อนเข้า Main Course อ่ะ ฮ่าาาาา ประทับใจไหม ก็ดี แต่ไม่ได้อร๊อยยยย อร่อยแบบต้องกลับไปอีกอ่ะนะ เรามันพวกไม่เข้าใจฟิวชั่นไง เอาไว้ถ่ายรูปสวยนี่ชอบ แต่อยากได้รสชาติแบบญี่ปุ่นจัดๆมากกว่า พอมาฟิวชั่น ถึงขั้นงง แต่กินฟรี....อย่าคิดมาก อิอิ Rice Bar : Korean Healthy Kitchen
มื้อกลางวันความปรารถนาพลุ่งพล่านต่อการกินหมี่เย็น แนงมยอน พุ่งจนระงับไม่อยู่ จึงเกิดอาการ search internet หาร้านอาหารเกาหลีที่ใกล้กับออฟฟิศมากที่สุด เจอร้านนี้คนพูดเยอะ ที่สำคัญขายหมี่เย็นจ้าาาา Rice Bar : Korean Healthy Kitchen ![]() คว้ากระเป๋ารีบแล่นไปที่ร้านด้วยใจเบิกบาน ณ ซอยศาลาแดง ข้างตึก Zuellig เดินเข้าไปนิดเดียวก็เห็นแล้ว อยู่ซ้ายมือ ตรงข้าม เซเว่นอีเลเว่น ร้านเล็กๆน่ารัก มองข้างนอกนึกว่า Coffee Shop ซะอีกนะ ![]() ทั้งร้านน่าจะจุได้ไม่เกิน 15 ที่ล่ะมั้ง ![]() แต่ก็มีโต๊ะเสริมด้านนอกประมาณ 2 ตัว.....สองตัว สี่ที่นั่ง ![]() เมนูแนะนำเขียนบอกไว้ในกระดานดำ ![]() แต่งร้านด้วยชาข้าวโพดและข้าวสาร วางจำหน่ายจ๊ะ ![]() ทำมันตรงนี้แหละ open kitchen สุดๆ ![]() รับเมนูมา จิ้มจึ้กลงไป เมนู 12 ที่ปรารถนาาาาาาาา ![]() พนักงานบอกว่าเมนูนี้สามเดือนคนสั่งที คนไทยไม่ค่อยชอบกิน เลยเลิกทำขาย หัวใจห่อเหี่ยว แฟ่บลงยังกับลูกโป่งถูกปล่ยอลม ในหัวได้ยินเสียงดัง....แต่ววววว สุดท้ายมองไปมาเลยสั่ง ราบ๊อกกีมากินแก้ช้ำใจ พอสั่งเครื่องดื่ม เค้าบอกว่าชาข้าวโพดกับชาบาร์เล่ย์ ฮิตนะ ![]() แต่ไม่ชอบทั้งสองอย่างเลยขอชาลูกพีช เขาบอกเป็นกระป๋องนะ แหง่ะ งั้นไม่เอา งั้นเอาพื้นๆก็ได้ ชามะนาวล่ะกัน ผล....ได้เจ้านี้มา ![]() ![]() ![]() ![]() ช้อนและตะเกียบพร้อมลุย ![]() และในที่สุดมันก็มา ราบ๊อกกี (รามยอน+ต๊อกบ๊อกี ใส่ลูกชิ้นปลา หัวหอม ผัดซอสโกชูจัง เผ็ดนิดเดียว เสิร์ฟพร้อมไข่ต้มครึ่งฟอง) ![]() มันอร่อยมากกกกกกนะ ฟินไปเลย รสชาติเกาหลีแท้ๆ หลายคนอาจสงสัยมันก็แค่มาม่าผัดโกชูจัง มันรสชาติเกาหลีแท้ๆได้ไง เราบอกไม่ได้จริงๆ แต่ตอนที่เข้าปากไปคำแรกนี่ นึกว่านั่งอยู่ที่ร้านคิมบับชอนกุกหน้า SBS ประมาณนั้นเลย 555 กินแล้วมีความสุขเว่อร์ๆ 155 บาท คือราคาของมัน อันนี้อีกเมนูที่เราว่า ใช่ มันเกาหลีอ่ะ พิบิบบับหม้อดิน ทำด้วยข้าวกล้อง 149 บาท อร่อยเหมือนกัน ![]() แล้วนี่ของเพื่อนข้าวผิดกิมจิ จานละ 139 บาท ![]() ราคาอาหารไม่แพงเกินไปนัก แถมได้รสชาติแบบเชฟจากแดนกิมจิมาทำเอง ปลาบปลื้มมมมมมมม อร่อย เดี๋ยวกลับไปอีก ฮ่าๆๆๆๆ ขอบคุณรูปภาพบางส่วนจาก CR. rice bar FB Sindang-dong Tteokbokki Town
ใคร?? มาบงไฮมอนี หรือ คุณย่ามาบงในตำนานนั้น กล่าวไว้ว่า ในปี 1953 คุณย่ามาบงลิมนั้นบังเอิ๊นนนนน บังเอิญทำต๊อกหล่นใส่หม้อจาจังมยอน แล้วก็หม่ำซะนี่ เอ๊ะ อร่อยแหะ ตอนหลังย่าเลยลองใส่โกชูจังเข้าไปอีก ป๊าดดดดดดิโธ่ อร่อยหนัก!! ย่าเลยสร้างสูตรลับในตำนานที่ไม่มีใครล่วงรู้ (ยกเว้นคิมฮยอนจุง - - นางว่านางรู้) และโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ ที่มาเนี่ย นอกจากอยากกินเองแล้ว อีกอย่างคือเพราะพ่อเจ้าประคุณบอกว่าได้ตระเวนชิมทุกร้านในย่านี้แล้ว ก็....ตามมาบ้าง แหะแหะ ณ ที่นี้ Sindang-dong Tteokbokki Town นั้นมาได้ง่ายดาย ลงที่สถานี Sindang จากสาย 2 หรือ 6 ก็ได้ ทางออก 7 เดินไปเลย ป้ายมีบอกตลอดทาง รับรองไม่หลง เปิดขายตั้งแต่ 9 โมงเช้า - เที่ยงคืน (แล้วแต่ร้านนะจ๊ะ) มาถึงจะเจอป้ายต้อนรับจริงจัง > ![]() และนี่คือร้านคุณย่า ![]() ทั้งเส้นนี้มีร้านขายต๊อกโบกีเยอะมากกกกกก เป็นย่านขายต๊อกโบกีจริงจัง ![]() ร้านมีต๊อกโบกีทะเลขายด้วย ![]() บางร้านออกทีวีหลากช่อง ![]() บางร้านก็เป็นโลเกชั่นถ่ายละคร ![]() ใครใคร่รับประทานร้านไหน เชิญตามสะดวกจ๊ะ เพราะดูว่าจะอร่อยทุกร้านไป ปกติแล้ว ต๊อกโบกีจะทานขั้นต่ำ 2 คนต่อหม้อ เพราะมันค่อนข้างเยอะไง หม้อนึงประมาณ 8,000 - 10,000 วอน แล้วแต่ประเภท (แอ๊ ลืมถ่ายเมนูมา) มีเมนูแนะนำ คือ Jeukseok Tteokbokki ราคาปกติสำหรับสองท่านคือ 11,000 วอน ประกอบไปด้วย ต๊อก+โอเด้ง+จอลมยอน+รามยอน+ไข่+มันดู ต๊อก ก็คือ ต๊อกโบกี แท่งๆที่เรารู้จักแหละ โอเด้ง ในที่นี่คือลูกชิ้นปลา แบบแผ่นๆที่ปกติเสียบไม้ขาย จอลมยอน คือ บะหมี่เกาหลีชนิดนึง เหนียวหน่อย เป็นเส้นตรงๆ รามยอน คือ มาม่าเกาหลี มันดู คือ เกี๊ยวซ่า แถมไร้ไส้ใดๆ 555 แต่เนื่องจากอิฉันฉายเดี่ยว คุณป้าเลยลดจำนวนลงให้นิดนึง และสนนราคาแค่ 4,000 วอน!!! กรี๊ดดดดดด ถูกเว่อร์!!! กินหมดด้วย ประเด็นอยู่ตรงนี้ มันอร่อยมากจริงๆนะ กินเพลินเลย กินไม่ทันด้วย มันเหือด ติดหม้อ 555 หม้อนี้ของเรา ![]() ใส่น้ำ คลุกๆ ![]() ใกล้สุกแล้ว ![]() กินล่ะน่ะ....งั่มๆๆๆ ![]() ไม่ไหวแย้วววววว จุก....อิ่มมาก ![]() ไว้มาใหม่นะคะ ![]() ![]() ![]() ![]() Kitty Cafe ณ ฮงแด
วันนี้มีภาระกิจที่ต้องทำ
นั่นคือหิ้วพุงแน่นๆ ไปกินขนมที่คิตตี้คาเฟ่ เพื่อถ่ายรูปมาฝากพี่และน้องที่ชอบแมวชมพูนั่นเอง หลังจากเพิ่งอิ่มหมูย่างเกาหลีเจ้าประจำย่านฮงแดแล้ว เราก็ยังต้องมากินต่ออีก แหง่ะ ![]() พุงแทบแตก ใครเคยมาที่ฮงแดก็นั่นแหละ....มาทางเส้นหน้ามหาลัยเลยจ้า ร้านอยู่แถวๆนี้แหละ เอา Tony Moly เป็นที่มั่น ถ้าออกขวาก็เป็น Trick Eye Museum แต่ถ้าออกทางซ้ายก็จะเจอถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งเดินตรงไปเรื่อยๆนิดนึงก็เจอ Kitty Cafe แล้วล่ะ ร้านนี้เหมาะกับคนรักคิตตี้หรือคนที่ชอบอะไรกุ๊กกิ๊กนะ ไม่งั้นจะเงิบได้ (เช่นเรา) มันชมพูววววววววววววว มากๆ เข้าร้านไปเจอเคาท์เตอร์ก่อนเลยจ้า มาสั่งขนมเครื่องดื่มกันตรงนี้ ![]() ไหนดูเมนูบ้าง มีอะไรๆ ![]() สั่งเสร็จแล้ว ไปหาที่นั่งกัน เรามานั่งชั้นหนึ่ง มีโซฟา ![]() แล้วก็ wirless call เวลาเมนูของเราทำเสร็จมันจิสั่นๆให้ไปรับของ ![]() ในร้านมีไวไฟให้ใช้ฟรีนะ แต่ต่อไม่ติด 555 ระหว่างรอ ก็สำรวจร้านหน่อย อันนี้ตู้ดิสเพลย์ของ ขายด้วยนะจ๊ะ ![]() แวะไปดูห้องน้ำต่อ ![]() อันนี้ห้องน้ำชาย ถ่ายได้แต่ประตู 555+ ![]() อันนี้ห้องน้ำหญิง มีคนเข้าเลยไม่ได้ถ่าย ![]() โอ๊ะ ของกินมาแล้ว ไปหม่ำๆก่อน พอเป็นพิธี กินมากไม่ดี พุงแตก มอคค่า คาราเมล (อย่าถามถึงรสชาติ อร่อยไหมไม่รู้ เพราะมันลวกปาก ลิ้นชา ต่อมรับรสพังเลยทีเดียว) ![]() กับ ฟรุ๊ตวัฟเฟิล ... มีเป็นราดช็อกโกแลตเฉยๆ กาแฟ วานิลา สตอเบอรี่ให้เลือกตามสะดวกนะ แต่เราเอาอันนี้ มีไอติมวนิลากะผลไม้ ![]() วัฟเฟิลอร่อยดี อุ่นๆ ไม่หวานมาก เอ๊ะ ปกติมันต้องรสชาติยังไงอ่ะ ไม่ค่อยกิน 555 กินเสร็จก็ไปแอบดูชั้นสองหน่อย มีโต๊ะไม้น่ารักเยอะแยะ ![]() แล้วก็ส่องห้องน้ำอีกที ห้องน้ำชั้นสองก็น่ารัก ![]() กระจกหน้าอ่างล่างมือนี่น่ารักมากๆ ชอบจัง ![]() สำรวจไปเรื่อยล่ะ กลับกันดีกว่า หน้าร้าน ลืมถ่ายแบบโล่งๆ เลยต้องอัญเชิญนางแบบมาสิงสถิตย์ด้วย 55 ![]() The Strawberry Cake from Ginza
มาอีกแล้วตระกูลโตเกียวบานาน่า ขนมเยอะ และค่อยๆได้กินทีละอัน ฮ่าๆๆๆ พาลสงสัยคนย่านกินซ่าชอบกินกล้วยพร้อมสตอฯ หรืออย่างไร จึงออกขนมมาแบบนี้และชื่อนี้ 555
|
ณ เงา
![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
Link |