ฟังอาจารย์เล่าเรื่องนี้ค่ะ "บุญมี กับ กรรมบัง"





boonme-kambang
หรือฟังคลิปเสียงนี้ใน Youtube ได้ทีลิงค์นี้ค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=OFZ8hTavImM





เรื่องของ "บุญมี กับ กรรมบัง"

เพื่อนสองคนนี้รักกันมาก
เพื่อนคนหนึ่งชื่อบุญมี บุญมีเป็นผู้มีปัญญาแบบปิ๊งปั้งเลย
ส่วนกรรมบังจะทึบๆ ทื่อๆ แต่สองคนนี้เป็นเพื่อนซี้กัน
เพราะฉะนั้นกรรมบังมีอะไรก็จะปรึกษาบุญมี
เพราะว่าเชื่อในสติปัญญาของบุญมี

มีอยู่วันหนึ่ง กรรมบังก็มาเล่าให้บุญมีฟังว่า

"ฉันเบื่อจังเลย อึดอัดมากด้วย
ห้องที่ฉันอยู่เนี่ยมันเล็กนิดเดียว
เงินก็มีอยู่แค่นี้ ที่จะไปเช่าห้องอยู่ก็มีอยู่แค่นี้
แต่ไม่ชอบเลย ห้องมันเล็ก
ทำยังไงเงินที่มีอยู่นี่ ถึงจะไปเช่าห้องได้ใหญ่กว่านี้"

บุญมีพอได้ยินเพื่อนก็เลยถามกลับไปว่า
"แล้วเงินมีเท่าไหร่"

กรรมบัง : "มีอยู่ 500 เนี่ย"

บุญมี : "500 หรอ ตอนนี้เช่าห้องแล้วใช่ไหม"

กรรมบัง : "เช่าไปแล้ว"

บุญมี : "แล้วเหลือเท่าไหร่"

กรรมบัง : "เหลือ 500 เนี่ย กินทั้งเดือนเลย

บุญมี : "อืม เอางี้ๆ ไปซื้อแพะตัวหนึ่ง"

กรรมบัง: "ซื้อแพะ? ตัวนึง 200 เลยนะ?"

บุญมี : "อืม ไปซื้อแพะมา เอาตัวผู้นะ ต้องตัวผู้ด้วย"

กรรมบัง : "ซื้อมาทำไม เดี๋ยวเงินหมด"

บุญมีก็หันไปมองหน้าแบบจ้องตา

กรรมบัง : "โอเคๆๆๆ"



...ก็เดินไปซื้อแพะ...



กรรมบัง : "ซื้อมาแล้วทำยังไง?"

บุญมี : "ก็เอาไปเลี้ยง"

กรรมบัง : "หา?? เลี้ยงที่ไหน อยู่ห้องพัก"

บุญมี : "เออ ก็เลี้ยงในห้องนั่นแหละ"

กรรมบัง : "เอ้า?"

บุญมี : "เออเลี้ยงไปเหอะ ถามอยู่นั่นล่ะ"



ก็เอาแพะเข้าไปเลี้ยง

ตกกลางคืนแพะก็เดินไม่หยุด
ทั้งฉี่ ทั้งขี้ ทั้งเยี่ยว ทั้งวิ่งจะออกไปข้างนอก
ไปมาจับขังไว้ในห้องสี่เหลี่ยม
โอย...ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกัน
รำคาญก็รำคาญ เหม็นก็เหม็น ห้องก็เล็กอยู่แล้ว
เที่ยวนี้ทำไมทำอย่างนี้ เจ็บใจ นอนแค้นทั้งคืน

ตื่นมาก็ลากแพะไปหาบุญมีแต่เช้าเลย
(ตาโหลเลยเมื่อคืนไม่ได้นอน)
ไปถึงก็ต่อว่าไม่หยุดเลย

บุญมีก็นั่งฟังอยู่พักหนึ่ง
พอเห็นเพื่อนพูดจนเหนื่อยแล้วด่าเสร็จแล้ว

บุญมี : "อืม แล้วจะเอาไงล่ะ"

กรรมบัง : "ก็ใช่สิ! แล้วจะเอายังไงเนี่ย!"

บุญมี : "เอางี้ ไปซื้อตัวเมียอีกตัวหนึ่ง"

กรรมบังยั้วสุดขีดเลย

กรรมบัง : "นี่พูดจริงพูดเล่นเนี่ย"

บุญมี : "พูดจริง เคยพูดเล่นที่ไหน"

กรรมบัง : "นี่จะแกล้งกันหรือเปล่าเนี่ย?"

บุญมี : "ไม่แกล้ง แล้วเหลือตังค์เท่าไหร่ล่ะ"

กรรมบัง : "ก็เหลือ 300 เนี่ย ซื้อไปแล้ว 200"

บุญมี : "ไปซื้อตัวเมียนะ เที่ยวนี้ตัวเมีย"

กรรมบัง : "ทำไมต้องตัวเมีย??"

บุญมี : "เออ ตัวเมียนั่นแหละ"



...ก็ไปตลาด เพราะเชื่อบุญมี...



ไปได้มาอีกตัว เลยเหลือร้อยเดียวเลยทีนี้
ลากกลับมาพะรุงพะรังสองตัว
ตกกลางคืนลากเข้าห้องอีก โอ๊ยทีนี้
ตัวเดียวก็จะแย่แล้ว ทีนี้ตัวผู้ได้ตัวเมียเลย
ยุ่งกันใหญ่เลยในห้อง มันวุ่นวายมาก
ทั้งขี้ทั้งเยี่ยวเต็มไปหมด
รำคาญสุดๆ กว่าเดิมทีนี้
ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน มันเดินย่ำเอาเลย

เช้ามานี่แค้นสุดๆ ลากไปทั้งคู่เลยด้วยความแค้น
กระชากลากถูกไปหาบุญมี
แล้วทีนี้ว่าด่าแล้วก็สาธยายความทุกข์ให้ได้ฟัง
เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เป็นชั่วโมง
จนเหนื่อย ถามจะเอายังไงทีนี้

บุญมี : "เอาอย่างนี้ละกัน ขอโทษที เอาไปขายเหอะ"

กรรมบัง : "หา?? เอาไปขายหรอ
เหลือตัวละร้อยยังไม่รู้จะได้รึเปล่า"

บุญมี : "เออ ขายไปเหอะถ้างั้น"

กรรมบัง : "อะไร! ทีหลังไม่ฟังแล้ว! แกล้งกันรึเปล่า"

บุญมี : "ขอโทษที ไปขายเหอะไป"
แล้วบุญมีก็เดินหลบเข้าบ้านไปเลย

กรรมบัง : "อื้มมมม..."



ก็ลากแพะไปตลาด ไปนั่งขายอีก



กว่าจะมีคนซื้อ ขายได้ตังค์มาตัวละ 100
ซื้อมาตัวละ 200 ขาดทุนเฉยๆ เลย
เหลือตัวละร้อย ขาดทุนไปสองร้อย
แค้นเพื่อน ใจอกุศลเลย

กลับบ้าน ไม่ไหวแล้ว เพลีย
ไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาสองคืน

พอเปิดห้องโอโห... ขี้แพะเต็มไปหมด
ล้างห้องกว่าจะหมด

พอล้างเสร็จก็เอนตัวลงนอนเลย

"เฮ้อออ... ห้องค่อยกว้างขึ้นหน่อย...

เอาแพะไปขาย ค่อยหลับสบายหน่อย..."

...พึ่งรู้สึกว่าห้องมันกว้างขึ้น...

...แล้วก็นอนหลับอย่างมีความสุข...



กรรมบังเอ๋ย... เจอบุญมีเล่นซะห้องกว้างเลย

เสียไป 200 ห้องกว้างเลย
เห็นหรือยังการทำห้องให้กว้างโดยใช้ปัญญา

เพราะอะไรรู้ไหม

ผมลองให้ท่านคิดดูให้เป็นธรรมะ
แสดงว่ามันต้องมีสภาพธรรมอยู่ข้างใน

เพราะจิตทุกคนมีโมหะ(ความหลง) แต่เราไม่เห็นเลย
ผมถามความรู้สึกวันแรกที่ท่านเรียนจบ
แล้วท่านเข้าไปสมัครงาน
สมมุติว่าตอนนี้แล้วกัน
เขาบอกว่าปริญญาตรีจะได้หมื่นห้า
เราเรียนมาก็มีแต่เสียเงินค่าเทอม
จบปริญญา นี่ครั้งแรกจะได้เงินเดือนแล้ว

เจ้านายบอก "หมื่นสี่ เอาไหม ทดลองงานก่อน"

"เอา"

เพราะเราจะได้เงินตั้งหมื่นสี่
เราไม่เคยได้เงินเดือนมาก่อน นี่คือเงินเดือนที่เราจะได้มาฟรีๆ

เราทำงานไปได้เงินเดือนเดือนแรก
ดีใจมาก หมื่นสี่
เดือนที่สอง ได้มาอีกหมื่นสี่
เราก็เริ่มไปซื้อข้าวซื้อของ
เดือนที่สาม ได้หมื่นสี่
เพราะยังอยู่ใน Probation (ช่วงทดลองงาน)

พอถึงช่วงพ้นโปร นึกว่าจะได้หมื่นห้า
เจ้านายบอก
"งานของคุณแค่นี้ เอาไปแค่หมื่นสี่ละกัน จะเอาไม่เอา?"

"เฮ้ย โกงฉันพันนึง"

เอาล่ะมันโกงฉันพันนึงล่ะ

แล้วถ้าเขาบอกว่า
"ตกลงเราจ้างได้แค่หมื่นสาม"

...นี่มันโกงเรานะเนี่ย...

"ถ้าไม่เอาคุณก็คงต้องออกไป"

...งั้นออก...

กลับไปอยู่ที่ศูนย์

...ไม่ได้ มันโกงเรา...



เพราะว่าทุกครั้งจิตจะไปเกาะ
เกาะ เกาะ เกาะ
แล้วมันไม่ยอมรีเซ็ตตัวเองกลับมาที่ศูนย์
มนุษย์จึงมีแต่ความโลภ
แล้วก็อยากได้เพิ่มขึ้น อยากได้เพิ่มขึ้น
เพราะจิตไม่ยอมรีเซ็ตตัวเองกลับมาที่ศูนย์

ถ้าจิตรีเซ็ตตัวเองกลับมาที่ศูนย์เมื่อไหร่
ทุกบาททุกสตางค์ จะกลายเป็นได้ฟรีทุกขณะ
ตลอดการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้

คนๆ นั้นจึงมีความสุข






เรียบเรียงจากเรื่องเล่าในคอร์สปฏิบัติธรรม
มัคคานุคาเข้ม ชื่อคอร์สว่า "ไฟลุกกลางหอธรรม"
ธรรมบรรยายโดย อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม

สามารถดูธรรมบรรยายคอร์สนี้ฉบับเต็มได้ที่นี่ค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=lB5iN17oKJI&list=PLg335evdAUbb0ARKin2CuNvkRkiAV3_uh&index=1

และสามารถติดตามข่าวสารจาก อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม ได้ที่
//www.suanyindee.net/

FB: ผู้เดินตามมรรค
https://www.facebook.com/groups/605097869545632/

และศึกษาธรรมะเพิ่มเติมได้ที่
https://makkanuka.wordpress.com/


หมายเหตุ: บทความนี้ประกอบด้วยเรื่องเล่า
ที่ไม่ทราบท่านใดได้เป็นผู้ประพันธ์ไว้ เป็นเรื่องราวที่มีเนื้อหาที่ดีมาก
ขอขอบคุณผู้ประพันธ์ไว้ ณ ที่นี้ที่ได้รังสรรค์ผลงานนี้ไว้

ขออนุญาตนำเรื่องนี้มาเล่า เพื่อเป็นอุทาหรณ์
และใช้ในการเรียนการสอนต่อไป
(ทั้งนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วนไปบ้าง
เพื่อให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่ต้องการสอนในขณะนั้นๆ)





Create Date : 04 ธันวาคม 2557
Last Update : 1 สิงหาคม 2558 22:54:46 น.
Counter : 1094 Pageviews.

(ฉบับการ์ตูน) ก้อนอิฐที่ไม่เข้าที่เข้าทางสองก้อน


(ถ้าภาพไม่ขึ้น ให้โหลดหน้านี้ใหม่อีกทีนึงนะคะ)



หลังจากการซื้อที่ดินเพื่อสร้างวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖ นั้น เราก็หมดตัวและเป็นหนึ้โดยที่ยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ แม้แต่เพิงที่อาศัยได้บนที่ดินผืนนั้น ในช่วงสองสามอาทิตย์แรก เราต้องอาศัยนอนอยู่บนบานประตูเก่าๆ ที่ซื้อมาถูกๆ จากคนขายของเก่า เราหนุนบานประตูเก่าๆ นั้นให้สูงขึ้นจากพื้นดินด้วยก้อนอิฐ (เราไม่มีแม้แต่เบาะนอน นั่นก็เป็นของแน่อยู่แล้วเพราะว่าเราเป็นพระป่านี่)


ท่านเจ้าอาวาสได้บานประตูที่ดีที่สุด เป็นบานประตูเรียบๆ ส่วนบานประตูของอาตมาเป็นชนิดที่มีบัว แถมยังมีรูขนาดใหญ่พอควรอยู่ตรงกลางตรงบริเวณที่เคยติดลูกบิด โชคดีนะที่เขาถอดลูกบิดออกไปแล้ว แต่เจ้ารูนี่ก็ยังคงอยู่เกือบจะกลางเตียงประตูของอาตมาทีเดียว อาตมาเคยพูดตลกๆว่า อาตมาไม่ต้องลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำหรอกนะ! ความจริงที่แสนหนาวก็คือว่า ลมสามารถพัดกรูผ่านเจ้ารูนี่มาถึงตัวอาตมา ทำให้อาตมาไม่ค่อยได้หลับได้นอนในช่วงค่ำคืนเหล่านั้น




พวกเราเป็นพระจนๆ ที่ต้องการอาคารที่พักอาศัย แต่ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะจ้างช่างก่อสร้างได้ แค่ค่าวัสดุต่างๆ ก็แพงเกินพอแล้ว อาตมาจึงต้องเรียนรู้ว่าเขาทำงานก่อสร้างกันอย่างไร เตรียมฐานรากอย่างไร ตลอดจนถึงการผสมคอนกรีต การก่ออิฐการตั้งหลังคา งานประปา และทุกๆ อย่าง ก่อนจะบวชอาตมาเคยเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีและเป็นครูโรงเรียนมัธยมผู้ไม่เคยคุ้นกับการใช้แรงงานด้วยมือทั้งสองนี้ เพียงไม่กี่ปีอาตมากลายเป็นช่างก่อสร้างที่มีฝีมือไม่เบา ขนาดที่จะสามารถเรียกคณะทำงานของอาตมาได้ว่าบริษัทพุทธก่อสร้าง (BBC- Buddhist Building Company) แต่ขณะที่เริ่มต้นนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเอามากๆ




การก่ออิฐอาจจะดูเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแค่โปะปูนลงไปแล้ววางก้อนอิฐ แตะด้านนี้ทีด้านนั้นทีให้เข้าที่ ตอนอาตมาเริ่มก่ออิฐใหม่ๆ อาตมาแตะกดมุมหนึ่งลงเพื่อให้ได้ระดับ อีกมุมหนึ่งกลับยกขึ้น พออาตมากดด้านที่ยกขึ้นนั้นให้ลงมา อิฐก็เริ่มแตกแถวแตกแนว หลังจากที่อาตมาดันมันให้กลับเข้าที่ มุมแรกก็เริ่มสูงเกินไปอีกแล้ว โยมลองทำดูซิ!


เพราะอาตมาเป็นพระ อาตมาจึงมีความอดทนและมีเวลาที่จะทำงานได้โดยไม่จำกัด อาตมาจึงทำงานอย่างประณีตที่สุด โดยไม่สนว่าจะต้องใช้เวลายาวนานเท่าใด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอิฐทุกๆ ก้อนจะถูกวางไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ในที่สุดการก่อกำแพงอิฐแผงแรกของอาตมาก็สำเร็จลง อาตมาก้าวถอยออกมายืนชื่นชมผลงาน




ในชั่วขณะนั้นแหละที่อาตมาสังเกตเห็น




...โอ้ย!... อาตมาก่ออิฐพลาดไปสองก้อน อิฐก้อนอื่นๆ เป็นแถวเป็นแนวสวยงาม มีแต่เจ้าอิฐสองก้อนนี่แหละที่เอียงๆ ทำมุมกับแนวอิฐก้อนอื่นๆ มันดูแย่มากๆ เลย มันทำให้กำแพงทั้งแผงดูไม่ดีเลย


ขณะนั้นปูนก่ออิฐก็แข็งเกินกว่าที่จะสามารถดึงอิฐออกมาก่อใหม่เสียแล้ว อาตมาจึงกราบเรียนท่านเจ้าอาวาส ขอทุบกำแพงเพื่อเริ่มต้นก่ออิฐใหม่อีกครั้ง หรือถ้าจะให้ดีก็อยากจะระเบิดมันทิ้งไปเลย อาตมาก่ออิฐไม่ดี และอาตมาก็รู้สึกอับอาย ท่านเจ้าอาวาสไม่อนุญาตให้รื้อ กำแพงนี้จะต้องคงอยู่




เวลาอาตมาพาแขกเยี่ยมชมวัดที่เริ่มตั้งใหม่ของเรา อาตมาพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพาแขกเดินไปทางกำแพงนั้น อาตมาไม่อยากให้ใครๆ เห็นมันเลย




จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปได้สามสี่เดือน ขณะที่อาตมากำลังเดินอยู่กับผู้มาเยี่ยมวัดคนหนึ่ง เขาสังเกตเห็นกำแพงนั้น แล้วก็เปรยขึ้นมาว่า


"กำแพงนี่สวยดี"




อาตมาถามเขาด้วยความประหลาดใจว่า "คุณลืมแว่นสายตาของคุณไว้ในรถรึเปล่า? สายตาคุณเสื่อมรึเปล่า? คุณไม่เห็นรึว่ามีอิฐถึงสองก้อนที่วางไม่ดีจนทำให้กำแพงนี้เสียหายหมด?"




คำพูดที่เขาตอบอาตมานั้นได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติทั้งหมดของอาตมาต่อกำแพงนั้น ต่อตัวอาตมาเอง และต่อหลายๆ แง่มุมของชีวิต เขาบอกอาตมาว่า "ใช่ ผมเห็นอิฐที่วางไม่ดีสองก้อนนั้น แต่ผมก็ได้เห็นด้วยว่ามีอิฐอีก ๙๙๘ ก้อน ก่อไว้อย่างสวยงามเป็นระเบียบ"




อาตมาถึงกับอึ้งทีเดียว นับเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนที่อาตมาสามารถมองเห็นอิฐก้อนอื่นๆ บนกำแพงนั้นนอกเหนือจากเจ้าสองก้อนที่เป็นปัญหา




ไม่ว่าจะเป็นอิฐที่อยู่ด้านบน ด้านล่าง ด้านซ้าย และด้านขวาของเจ้าอิฐสองก้อนนั้น ล้วนแต่เป็นอิฐที่ก่อนไว้อย่างดีไม่มีที่ติ ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนอิฐที่ดีนี้มีมากกว่าเจ้าอิฐไม่ดีสองก้อนนั้นมากมายนัก ก่อนหน้านี้ตาของอาตมาจับจ้องเฉพาะแต่ที่อิฐสองก้อนนั้น ตาของอาตมามืดบอดต่อสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด อาตมาจึงไม่อาจทนมองกำแพงนั้นได้และไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้เห็นกำแพงนั้นด้วย เป็นเหตุให้อาตมาอยากจะทลายกำแพงนั้นทิ้ง เดี๋ยวนี้เมื่ออาตมาสามารถเห็นอิฐดีๆ แล้ว กำแพงนั้นก็ไม่น่าเกลียดอีกต่อไป มันก็เป็นเหมือนกับที่ผู้มาเยี่ยมคนนั้นพูด "กำแพงนี่สวยดี" เดี๋ยวนี้กำแพงนั้นก็ยังคงอยู่ แม้เวลาจะผ่านไป ๒๐ ปีแล้ว อาตมาเองก็ลืมเสียแล้วว่าเจ้าอิฐไม่ดีสองก้อนนั้นมันอยู่ตรงไหนแน่ อาตมาไม่สามารถเห็นจุดที่ผิดพลาดนั้นจริงๆ




มนุษย์เราสักกี่คนที่ตัดสัมพันธ์หรือหย่าร้างเพียงเพราะเขาเพ่งมองเห็นแต่ 'อิฐที่ไม่ดีสองก้อน' ที่อยู่ในตัวคู่ชีวิตของเขา พวกเรากี่คนที่เคยรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังจนอาจจะคิดฆ่าตัวตาย เพียงเพราะเรามองเห็นแต่ 'อิฐที่ไม่ดีสองก้อน' ในตัวของเรา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงมี 'อิฐที่ดีและอิฐที่ดีจนไม่มีที่ติ' มากมายอยู่เคียงข้างส่วนที่บกพร่อง ไม่ว่าจะมองไปทางข้างบน ข้างล่าง ข้างซ้าย ข้างขวา เพียงแต่เรามองมันไม่เห็นเท่านั้น แทนที่จะเห็นสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ สายตาของเรากลับเพ่งมองจดจ่อเฉพาะสิ่งที่ผิดพลาด ทั้งหมดที่เราเห็นมีแต่สิ่งผิดพลาด จนเราคิดอยากจะทำลายมันทิ้งเสีย มันน่าเศร้าจริงๆ ที่หลายครั้งหลายหนเราได้ลงมือทลาย 'กำแพงที่ดี' นั้นไปจริงๆ




เราทุกคนย่อมมี 'ก้อนอิฐที่ไม่เข้าที่เข้าทางสองก้อน' แต่แต่ละคนก็ย่อมมี 'ก้อนอิฐที่ดีจนไม่มีที่ติ' จำนวนมากมายกว่าข้อบกพร่องหลายเท่า เมื่อเรามองเห็นมันแล้ว สิ่งต่างๆ ก็ดูจะไม่เลวร้ายนัก ไม่เพียงแต่เราจะสามารถอยู่กับตนเองและข้อผิดพลาดบางประการของเราได้อย่างสุขสงบแล้ว เรายังสามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตร่วมกับสามีหรือภรรยาของเราด้วย นับเป็นข่าวร้ายสำหรับทนายความผู้เชี่ยวชาญเรื่องการหย่าร้างแต่เป็นข่าวดีสำหรับโยม




อาตมาได้เล่าเรื่องสั้นๆ นี้หลายครั้ง ช่างก่อสร้างคนหนึ่งที่ได้ฟังเรื่องนี้ได้มาพบอาตมาเพื่อบอกความลับเกี่ยวกับงานก่อสร้างเขาบอกว่า "ช่างก่อสร้างอย่างเราๆ นี้ มักจะทำสิ่งผิดพลาดได้เสมอ เพียงแต่เราจะบอกลูกค้าของเราว่ามันเป็นเอกลักษณ์พิเศษที่ไม่มีบ้านใดในละแวกนั้นมีเหมือน แถมเรายังเบิกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสองสามพันเหรียญอีกด้วย"


ฉะนั้น มันเป็นไปได้ที่เอกลักษณ์พิเศษจะมีจุดเริ่มต้นมาจากความผิดพลาด ในทำนองเดียวกัน ถ้าเพียงแต่โยมจะเลิกมองจดจ้องอยู่แต่เฉพาะข้อผิดพลาด สิ่งที่โยมเห็นว่าเป็นข้อบกพร่องในตัวโยม ในตัวสามีหรือภรรยาของโยม และในชีวิตทั่วๆ ไปอาจจะกลับกลายเป็น 'ลักษณะพิเศษเฉพาะตัว' ที่จะเพิ่มคุณค่าให้แก่ชีวิตของโยมนะ”





เรื่องเล่าส่วนหนึ่งจากหนังสือ "ชวนม่วนชื่น"
เรื่อง "ก้อนอิฐที่ไม่เข้าที่เข้าทางสองก้อน"

ธรรมะบันเทิงหลายเรื่องเล่า
โดย พระอาจารย์พรหมวงโส

สามารถดาวโหลด เสียงอ่านหนังสือ(audio book) ฉบับเต็ม
ของหนังสือนี้ ในรูป mp3 ได้ที่นี่
//dhammaway.wordpress.com/2013/03/23/mp3-chun-mun-chune/

หรือดาวโหลดเป็น pdf ได้ที่นี่
//www.thawsischool.com/old/dhamma-book/download/chuanmuanchaen.pdf

หนังสือ "ชวนม่วนชื่น" นี้ แปลมาจากหนังสือต้นฉบับภาษาอังกฤษ
คือ "Openning the Door of Your Heart" แปลโดย ศรีวรา อิสสระ





Create Date : 27 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2557 11:35:27 น.
Counter : 4956 Pageviews.

ฟังเสียงอ่านหนังสือ ชวนม่วนชื่น (mp3)





chun-mun-chune


ฟังสนุกๆเพลินๆดีค่ะ มีแง่คิดมุมมองต่อโลก และคุณค่ากับชีวิตเราหลายอย่างจริงๆ
เป็นไฟล์เสียงอ่านมีเสียงประกอบดนตรีคลอนิดๆ

"ชวนม่วนชื่น" เป็นหนังสือที่เขียนโดย พระอาจารย์พรหมวงโส
(เสียงอ่านโดย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล)


โด่งดังมากค่ะเรื่องนี้ แนะนำเลย ลองดาวโหลดไปฟังดูนะ


001 - คำปรารภในการทำซีดี
002 - คำนำ
003 - จากผู้แปล
004 - คำอุทิศกุศล


005 - บทที่ 1 ความสมบูรณ์แบบและความรู้สึกผิด ก้อนอิฐที่ไม่เข้าที่เข้าทางสองก้อน
006 - สวนเซน
007 - เท่าที่ทำแล้วก็เสร็จแล้ว
008 - ทำสวนทวนทุกข์
009 - ความรู้สึกผิดและการให้อภัย
010 - ความรู้สึกผิดของอาชญากร
011 - เด็กนักเรียนห้อง ข
012 - เด็กน้อยในซุปเปอร์มาเก็ต
013 - ผิดกันถ้วนหน้า
014 - จงปล่อยวางความรู้สึกผิดตลอดกาล






049 - บทที่ 6 ปัญหาวิกฤติและการแก้ไขด้วยเมตตา กฏแห่งกรรม
050 - ดื่มชาเมื่อไม่มีทางออก
051 - ไปตามกระแส
052 - ติดกับระหว่างเสือและงู
053 - คำแนะนำเพื่อชีวิต
054 - มีปัญหารึ
055 - การตัดสินใจ
056 - การโทษผู้อื่น
057 - คำถามสามข้อของจักรพรรดิ
058 - วัวร้องไห้
059 - เด็กหญิงเล็กๆ กับเพื่อนของเธอ
060 - งู นายกเทศมนตรี และพระ
061 - งูตัวร้าย





084 - บทที่ 10 อิสรภาพและความอ่อนน้อมถ่อมตน อิสระสองประเภท
085 - อิสระชนิดไหนล่ะที่ท่านชอบ
086 - โลกเสรี
087 - อาหารค่ำกับองค์กรนิรโทษกรรมสากล
088 - การแต่งตัวของพระ
089 - หัวเราะตัวเอง
090 - การหัวเราะที่ดังสุดของหมามะกัน
091 - เหม็นลม
092 - เมื่ออาตมาบรรลุธรรม
093 - หมอหรือหมู
094 - ฮาริคริชน่า
095 - ค้อนใคร
096 - มองเป็นเรื่องตลกดีกว่า
097 - ไอ้โง่










Create Date : 27 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2557 11:12:03 น.
Counter : 919 Pageviews.

ข้อควรระวัง เสริมการปฏิบัติธรรม ข้อคิดจากเรื่อง "นกกับต้นไม้"






หากที่บ้านท่านมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง
มีรังนก แล้วก็นกออกจากไข่
นกตัวนั้น ลูกนก จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
เกิดขึ้นมาบนต้นไม้ต้นนั้น


หลังจากนั้นนกก็ค่อยๆโตขึ้นตามลำดับ
โตจนกระทั่งถึงวันนึง นกกับท่านพูดกันรู้เรื่อง
(...ไม่รู้โตแบบไหน...)


the-bird-and-the-tree-1


ท่านก็ไปคุยกับลูกนก ถึงต้นไม้ที่มันอยู่
ลูกนกก็คุยๆๆๆ เรื่องต้นไม้ๆๆ เรื่องผลไม้ที่ออกลูก
ให้ท่านฟังด้วยความชื่นชมยินดี ว่าเป็นมันเป็นของมัน


ท่านก็ เอ๊ะ...?
เธอบอกว่าต้นไม้เป็นของเธอหรอ?


"อ้าว ใช่สิ ก็ฉันอยู่ที่นี่ นี่มันเป็นของฉัน เห็นไหมล่ะ
มันโตขึ้นทุกวันเลย ฉันก็โตขึ้นทุกวัน เราโตขึ้นด้วยกัน

เวลาฉันไปหาปุ๋ย หาอะไรมาหยอดๆๆๆที่โคน
มันก็แข็งแรงออกลูกเห็นไหม
ฉันดีใจมาก ฉันมีความสุขมาก
เวลามันออกลูก ออกมาเป็นผลไม้

แต่บางช่วงเวลาที่ เพลี้ย มีหนอนมากิน
ฉันก็เศร้าใจนะ ฉันทุกข์ใจกับต้นไม้ของฉัน
ต้นไม้ของฉันจะต้องตายแล้ว
เราจะต้องตายด้วยกันอีกแล้ว"


ท่านยืนฟังนกพูดซักพัก ท่านชักเอะใจ
นกเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ
ท่านบอกว่า

"ลูกนก อย่าหาว่าเสือกเลยนะ แต่จะบอกความจริงให้
ว่าต้นไม้กับลูกนกไม่เกี่ยวกันเลย"


the-bird-and-the-tree-2


นกเคือง
พูดกันอยู่หลายตั้ง พูดกันไม่รู้เรื่อง
ท่านพยามคิดว่าทำยังไงหว่านกถึงจะรู้ความจริง


ท่านจึงโพล่งขึ้นมา
อาศัยด้วยความที่เคยเป็นนักปฏิบัติมาก่อน
จึงบอกลูกนกบอกว่า เอาอย่างนี้ นกเอ๊ย ด้วยความหวังดี
จากนี้ไปนะ สังเกตตัวเอง แล้วก็สังเกตต้นไม้ไปเรื่อย

ตามดูตามรู้ ไปเรื่อยๆ
แล้วซักพักเธอจะเห็นความจริง

จากนั้นท่านก็ผละออกจากบ้านนั้นไปธุระที่อื่น
เป็นเวลานานหลายปี


ในเวลาต่อมา... ท่านกลับมาที่บ้านหลังนั้นอีก
นั่งชมสวนอยู่ เห็นต้นไม้ แว๊บขึ้นมา
เห็นนกเกาะอยู่พอดี ตัวมันโตขึ้นแล้ว
จึงเดินเข้าไปหาลูกนก
อ้อไม่ใช่ลูกนกแล้ว ตอนนี้นกตัวโตแล้ว


ด้วยความคิดว่าเที่ยวนี้มันต้องรู้ความจริงแล้ว
เพราะมันโตแล้วมันน่าจะมีวุฒิภาวะพอแล้ว
แล้วมันก็สังเกตมาเรื่อยๆแล้ว ตามดูตามรู้มาเรื่อยๆแล้ว


the-bird-and-the-tree-4


เป็นไงล่ะนก รู้ความจริงแล้วใช่ไหม
ว่าต้นไม้กับแกน่ะมันไม่เกี่ยวกันเลย
มันเป็นคนละส่วนกัน แกไปยึดเฉยๆว่าต้นไม้เป็นของแก


นกบอก
"พูดอะไร?
เมื่อหลายปีก่อนก็พูดอย่างนี้ทีนึงแล้ว
นี่มาถึงยังพูดอย่างนี้อีก
ฉันก็สงเกตมาตลอดนี่แหละ
แต่ฉันก็...ทำไมหรอ...?
ต้นไม้ก็เป็นของฉันอยู่ดีอ่ะ"


the-bird-and-the-tree-5


งานนี้เจ้าของบ้านเอะใจ
นกมันดูยังไงเนี่ย ทำไมมันถึงไม่เห็น
ว่าต้นไม้กับมันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
มันไปยึดต้นไม้ขึ้นมาเฉยๆ ทำไมมันถึงไม่เห็น ?


ท่านเริ่มรู้สึกว่า เรื่องง่ายๆกลายเป็นเรื่องยากซะแล้วแฮะ
หลังจากนั้นเจ้าของบ้านเริ่มแอบดูนกของตัวเองว่ามันดูต้นไม้ยังไงมันถึงไม่รู้


ไม่ต้องมาก เฝ้าดูแค่วันเดียว
อ๋อเลย...
ไอ้นกเอ๊ย...
มันดันดูต้นไม้แบบแม่ดูลูกนี่หว่า
แล้วมันจะไปรู้ความจริงได้ยังไง


ทำไมหรอแม่ดูลูกเป็นไงหรอ


the-bird-and-the-tree-6


ถ้ามีคนมาบอกคุณบอกว่า

"นี่! ลูกคุณน่ะ ปากเสีย เกเร
แกล้งเพื่อน ไม่มีสัมมาคารวะ มูมมาม"

ความจริงท่านปรี๊ดขึ้นตั้งแต่คำแรกแล้ว
ไม่รอจนถึงคำที่สี่หรอก ดีไม่ดีตุ๊บกลับไปแล้ว
ท่านโกรธตั้งแต่เค้าพูดคำแรกแล้ว
หลังจากนั้นด้วยความขุ่นเคือง แต่เอาล่ะ
ไหนลองดูสิ มันจริงอย่างที่เค้าว่ารึเปล่าลูกเรา


ลูกท่านก็ด่าเพื่อนที่เล่นด้วย
"อื้ม... เด็กมันก็อย่างนี้แหละ"
...กินอาหารมูมมาม...
"อ้าว... ก็มันหิวอ่ะ"
...ไม่มีสัมมาคารวะ...
"เด็กรุ่นใหม่ก็อย่างนี้ทุกคนแหละ"
"มันเป็นอะไรหรอ ไอ้นั่นก็ใส่ร้ายลูกจนเกินเหตุ"


the-bird-and-the-tree-7


อีกสองวันผ่านมา
เพื่อนข้างบ้านเอาลูกมาฝาก
เพราะเค้าจะไปเข้าคอร์สปฏิบัติ เจ็ดวัน
เลยเอาลูกไปฝากข้างบ้าน


ทะเลาะกัน เด็กสองคนทะเลาะกัน
ไอ้นั่นก็ด่าไอ้นี่ ได้นี่ก็ด่าไอ้นั่น
ตอนกินข้าวก็หกทั้งคู่เลย

"ไม่มีสัมมาคารวะ เจอเราเลี้ยงแทนให้
มันยังไม่เคยเคารพไม่เคยยกมือไหว้"
ท่านบอก "โหย... แม่มันสอนมายังไงว่ะเนี่ย
ทำไมเกเรอย่างเนี่ย ด่าเป็นไฟเลย
กินอาหารมูมมามชิบเป๋งเลย
ที่บ้านสงสัยอยู่กันต่ำมากเลยเนี่ย"


the-bird-and-the-tree-8


เนี่ย ลูกคนอื่นเห็นหมด ลูกตัวเองมองไม่เห็นเลย

เพราะมันมี "ความเอนเอียง" ในการดู


วันนี้ท่านปฏิบัติมากี่ปีแล้ว ผมไม่ได้ว่าอะไรนะ
(..แต่ไม่ได้ว่าไม่รู้จะพูดถามทำไม...)
เฝ้าตามดูตามรู้มานานแค่ไหนแล้ว
ทำไมมันไม่โพล่งขึ้นมาซักทีว่านี่มันไม่ใช่เรา
ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา

เพราะท่านดูกายกับใจด้วยความเอนเอียง
ท่านไม่มีความตรงไปตรงมาในการดู
ท่านไม่ดูลูกเหมือนกับให้กรรมการข้างนอกมาดูนี่
ถ้าท่านเอากรรมการข้างนอก ไปจ้างคนนอกมาดูสิ
ท่านจะเห็นเลย คนนอกจะบอกได้เลยว่า
"เด็กสองคนน่ะ แย่พอกัน"


แต่นี่ท่านบอกว่าลูกท่านโอเค ลูกคนอื่นใช้ไม่ได้
เพราะท่านดูด้วยความเป็นเราเป็นของเรา
ดูยังไงมันก็ไม่ขาด ดูยังไงมันก็ไม่แจ้ง
ดูให้ตายเถอะ เพราะว่าอะไร
(...พูดเสียงดังไปอย่างนั้นแต่
ไม่ได้โกรธนะเดี๋ยวนึกว่าทำไมต้องดุด้วย...)


นี่ ดูตรงนี้นะ
เวลาเดินจงกรมเดินอย่างนี้ใช่ไหม


the-bird-and-the-tree-9


เห็นอาการเคลื่อนนะ
เห็นอาการเคลื่อนนะ
ไม่ใช่เห็นเท้าขวาเท้าซ้ายนะ
ไม่ใช่เราดูเท้าเดินนะ

เมื่อจิตตั้งมั่น สิ่งที่จะเห็นมีแค่สองอย่างนะ
มีผู้รูั กับ ผู้ถูกรู้

จะเป็นรูป หรือจะเป็นอาการ หรือเป็นพฤติกรรม
หรือเป็นพลังงานที่ออกมาก็ได้


เพราะฉะนั้นถ้าเดินจงกรมถูกจริงๆเนี่ย
ไม่นานต้องโพล่งขึ้นมาแน่ๆ
ว่านี่เป็นธาตุ ไม่ใช่เรา
เพราะมันจะเหลือแค่ผู้รู้ กับผู้ถูกรู้
ไม่มีเรา เพราะตำแหน่งมีอยู่แค่นี้


the-bird-and-the-tree-10


กำลังฟังผมอยู่เนี่ย ทำความรู้สึกที่ก้นครับ
อาสนะเป็นยังไงครับ
นิ่ม อุ่น ถูกไหมครับ


ก่อนผมพูดมีอาสนะไหม
ก่อนผมพูดมีก้นไหม


ก้นมีตอนผมพูดนี้ มันจึงดำริตริตรึกก้นขึ้นมา
มันจึงฉายก้นขึ้นมา


ตอนฉายก้นขึ้นมาเนี่ย ตอนนี้สังเกตที่ก้นครับ
รู้ลมไหมครับ ?


ไม่รู้


เห็นหรือยังวิญญาณ ปุ๊ปปั๊ปๆ มันดับอย่างนี้
ให้เห็นว่ามีแค่นี้ก่อน เห็นธรรมคู่ก่อน
มีผู้รู้กับผู้ถูกรู้ มีแค่นี้
แล้วเดี๋ยวไม่นานล่ะ แล้วก็ภาวนาไป


คล้ายๆทำเล่นๆ อย่าจงใจให้มาก
อย่าบีบคั้น อย่าข่มขืนใจ
อย่าข่มขืนใจเพราะว่าใจจะไม่เกิดกัมมนีโย
คืออาการแคล่วคล่องว่องไวของจิตมันจะเกิดไม่ได้
เพราะท่านทำแบบ...


the-bird-and-the-tree-11


ทำให้เหมือนเค้าเป็นกัลยาณมิตร น่ะ
ทำเหมือนภาวนาเนี่ย ภาวนาเนี่ยแบบเรื่องโคนันทิวิสาล
เด็กรุ่นใหม่รู้ไหมเนี่ย เรียนไหม ไม่ได้เรียนนะ? หรือว่าผมเรียนอยู่โรงเรียนเดียวเนี่ย?


โคนันทิวิสาล เป็นวัวที่เจ้านายด่าเอา พูดเอา จิกเอา ตีเอา
วัวไม่ยอมเดิน ทำไงก็ไม่เดิน
จนกระทั่งไปถามคนหรือว่าคนเดินผ่านมาอะไรนี่ล่ะ
ผมจำไม่ค่อยได้แล้วมันนาน
เค้าบอกว่าไปพูดกับวัวดีๆสิ
วัว... พ่อเจ้าประคุณ ช่วยเดินเถอะนะ อะไรอย่างนี้นะ
วัวก็เลยเดิน

พูดกันดีๆก็ได้


the-bird-and-the-tree-13


จิตมีธาตุรู้ ตรัสรู้ได้ทีเดียว
อย่าทำเหมือนเค้าเป็นเด็กๆ
อย่าทำเหมือนเค้าเป็น แบบ... เป็นควาย
จริงๆเค้าน่ะไม่ได้เป็นหรอก


ค่อยๆตะล่อมเข้ามา
เนื่องจาก มันเป็นธรรมชาติที่เรียนรู้ได้ ฝึกได้


แต่เพราะความไม่รู้
เค้าจึงไปยึดถือขันธ์ เค้าจึงไปยึดถือตัวเอง
เมื่อไปยึดถือขันธ์ จึงก่อให้เกิดเหตุเกิดของขันธ์


...




จากธรรมบรรยายโดย
อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม

สามารถดาวโหลดไฟล์เสียงคอร์สปฏิบัติธรรมนี้ได้ที่นี่ค่ะ
"คอร์สเข้มขังเดี่ยว - ทุบเปลือก ทำลายเมล็ด"
//dhammaway.wordpress.com/2014/09/16/destroy-seed-ajprasert/

ติดตามข้อธรรมเพิ่มเติมได้ที่
//dhammaway.wordpress.com/tag/อ-ประเสริฐ-อุทัยเฉลิม/





Create Date : 30 ตุลาคม 2557
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2557 13:20:58 น.
Counter : 1106 Pageviews.

อ่านเรื่อง "อะไรคือสิ่งสำคัญ"




what-is-the-importance



มีผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่ง ไปเดินเที่ยวกันในป่า
เดินเที่ยวชมนกชมไม้ ชมธรรมชาติกันในป่า
เดินจูงมือกันไป กระหนุงกระหนิงน่ารัก
หลังจากเดินเข้าไปในป่าลึกไปเรื่อยๆ ก็มีเสียงร้อง



'..เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก..'



ผู้หญิงพอได้ยินเสียงร้องก็ยิ้มอย่างมีความสุข



"โอ้..ป่านี้มันธรรมชาติจริงๆ คุณลองฟังดูสิ
เป็ดที่นี่ร้องเพราะจริงๆเลย"



ผู้ชายหันมามองหน้า "..ไก่!.."



แล้วก็เดินกันต่อไป
เดินจูงมือกันไปกระหนุงกระหนิงต่อไป
เสียงก็ดังขึ้นมาอีกในป่านั้น



'..เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก..'



ผู้หญิงก็ยิ้มอย่างมีความสุข



"โอ...ในป่านี้คงมีอาหารเหมาะสมจริงๆ
เสียงมันได้สดใสจริงๆนะเป็ดที่นี่"



ผู้ชายหันไปมองหน้าอีกครั้งนึง
มองหน้าแบบเหยียดหยามแบบโง่ๆ



"นี่แยกไม่ออกหรือไงว่าอะไรเป็ดอะไรไก่ หืม! บ้าจริงๆ!"



แล้วก็เดินกันต่อไป



ผู้หญิงเริ่มซึม



'..เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก..' ก็ดังต่อไป



ครั้งนี้ผู้หญิงกำลังจะพูดอะไร
แต่ผู้ชายหันมามองหน้า แล้วก็เงียบ



เธอไม่พูดอะไร



แล้วซักพักน้ำตาก็เริ่มไหล



เธอแอบไปเช็ดน้ำตา
ไม่อยากจะให้แฟนเห็นเพราะกลัวแฟนจะไม่สบายใจ



ระหว่างที่เดินต่อไป เอ้กอี๊เอ้กเอ๊ก ก็ยังดังขึ้นมาอีก



ผู้หญิงเงียบกริบ
ไม่แสดงอาการใดใดทั้งสิ้น



ครั้งนี้ผู้ชายหันมายิ้มแล้วก็บอกว่า
"อื้มมม.. เป็ดมันร้องเพราะจริงๆอย่างคุณว่าแฮะ"



ผู้หญิงหันมามองหน้าแล้วก็ยิ้ม



แล้วก็เดินจับมือกัน แล้วก็เดินต่อไป



ผู้ชายเริ่มนึกในใจว่า
จะไปสนใจทำไมว่ามันเป็ดหรือมันไก่
คนที่เราต้องสนใจคือคนที่กำลังเดินอยู่ข้างเราต่างหาก
มันจะเป็ดก็ช่างมัน จะไก่ก็ช่างมัน



แต่วันนี้พวกเราเจ้าเหตุเจ้าผลกันเกินไปรึเปล่า
จะเอาชนะคะคานกันให้ได้เกินไปรึเปล่า



คนที่เราต้องดูแลห่วงใยเอาใจใส่
อาจจะไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นก็ได้




อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม
จากธรรมบรรยายในคอร์สปฏิบัติธรรม 'มัคคานุคาเบื้องต้น'

ดูคลิปวีดีโอตอนช่วงนี้ได้ที่นี่ค่ะ
"ความรัก หยดน้ำตา กับธรรมดาของสรรพสิ่ง"
https://www.youtube.com/watch?v=HvdXLIxQP9Q

สามารถติดตามฟังธรรมบรรยาย mp3 และอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
//www.suanyindee.net

และศึกษาธรรมะจาก อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม เพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
//dhammaway.wordpress.com/tag/อ-ประเสริฐ-อุทัยเฉลิม/




Create Date : 29 ตุลาคม 2557
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2557 13:22:40 น.
Counter : 839 Pageviews.

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

อาณาจักรสีเขียว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



ขอบพระคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมคะ

แล้วแวะเข้ามาเยี่ยมชมที่บล็อก ลิงค์นี้กันนะ
http://dhammaway.wordpress.com
แนะนำมากๆ
All Blog
  •  Bloggang.com