(การ์ดเตือนใจ) สิ่งสุดท้ายที่อยากมอง คืออะไร

English version, Click here

ถ้าจะต้องสูญเสียดวงตาไป
สิ่งสุดท้ายที่อยากมองคืออะไร




Create Date : 19 มีนาคม 2555
Last Update : 17 กรกฎาคม 2557 21:26:03 น.
Counter : 872 Pageviews.

อุทิศส่วนกุศล บุญเราจะลดลงหรือไม่ - อ้างอิงจากพระสูตร


มาดูเฉลยกัน
การอุทิศส่วนกุศล บุญของเราจะลดลงหรือไม่
โดยอ้างอิงจากพระสูตร



"...เราจะเปรียบให้ท่านฟัง
ประทีปในเรือนหลังหนึ่ง
ในบ้าน ๑๐๐ ตระกูล พึงลุกโพลงขึ้น
เรือนอื่นเอาตะเกียงของตนมาต่อไฟไป
แสงสว่างของประทีปดวงเดิม ยังมีอยู่หรือไม่

พระปัจเจกพุทธเจ้าว่า
ฉันนั้นนั่นแล ท่านผู้เป็นบัณฑิต
เมื่อท่านให้ส่วนบุญแก่คนอื่น
ให้แก่คนไปเท่าใด บุญเท่านั้นย่อมเจริญ
ส่วนหนึ่งเป็นของท่าน ส่วนหนึ่งเป็นของเขา
บุญก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น ดังนี้..."




เรียบเรียงจาก
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
ภิกขุวรรคที่ ๒๕ เรื่อง "เรื่องสุมนสามเณร"
//www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=35&p=12




ภาพจาก //www.watmaheyong.org




Create Date : 14 มีนาคม 2555
Last Update : 17 กรกฎาคม 2557 21:25:33 น.
Counter : 1061 Pageviews.

(การ์ดคำสอน) จงรักษาสัจจะ


"ผู้ที่จะประสบความสำเร็จนั้น
ต้องมี "สัจจะ"
เป็นตายร้ายดีอย่างไร
ก็จะรักษาสัจจะไว้ให้ได้"


การ์ดคำสอน พระครูเกษมธรรมทัต (พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี) - จงรักษาสัจจะ
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



Create Date : 09 มีนาคม 2555
Last Update : 17 กรกฎาคม 2557 21:40:58 น.
Counter : 1648 Pageviews.

(การ์ดคำสอน) จงลงมือทำวันนี้






"...ลองได้ยินธรรมะเกี่ยวกับ
การเจริญสติจนถึงขนาดนี้แล้ว
แล้วยังไม่ทำเนี่ย จะทำเมื่อไหร่
ไม่เริ่มวันนี้จะเริ่มเมื่อไหร่ รอให้แก่รึ
รอให้ตายรึ หรือจะไปเริ่มชาติหน้า

หรือจะไปรอพระศรีอาริย์
ถ้านิสัยสันดานขี้เกียจขี้คร้าน
ไปเจอพระศรีอาริย์ก็ยิ่งขี้เกียจกว่านี้อีก
เพราะสะสมนิสัยไม่ดีไป

เพราะฉะนั้นต้องฝึกนะ
หัดเจริญสติตั้งแต่วันนี้เลย
ไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัย
ที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้..."
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช




เว็บไซต์พระอาจารย์ ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
//www.dhamma.com

พระธรรมเทศนา วันที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๑
อ่านเนื้อหาทั้งหมดได้จากที่นี่ //www.dhammada.net/2011/01/15/6192/

ขอบคุณภาพต้นฉบับจาก
บ้านจิตสบาย - แหล่งเรียนรู้และภาวนาโดยการเจริญสติ
//www.jitsabuy.com/




Create Date : 07 มีนาคม 2555
Last Update : 17 กรกฎาคม 2557 21:44:10 น.
Counter : 1965 Pageviews.

ถ้าจะกราบไหว้... ต้องทำด้วยปัญญา



อ่านด้วยปัญญานะคะ (-/\-) บทความนี้

แล้วเราจะได้ปัญญาจากท่านพุทธทาส

คะ...







"...การยึดถืออาจารย์จะเป็นกรงขังวิญญาณของผู้ยึด

การถอนความยึดถือติดแน่นในลัทธิและนิกายนั้น
ย่อมหมายถึงการไม่ยึดถือในบุคคล
หรือวัตถุภายนอกอื่น ๆ ด้วย.
การยึดถือบุคคลภายนอก เช่น
ความยึดว่าบุคคลผู้นี้
หรืออาจารย์คนนั้นเป็นพระอรหันต์,
หรืออาจารย์ของเราบรรลุมรรคผลขั้นนั้นขั้นนี้
เพื่อจะได้มีความเชื่อความเลื่อมใส
และยึดเอาเป็นที่พึ่งแต่ผู้เดียว
เช่นนี้เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างหนัก.
การยึดถือเช่นนั้นแทนที่จะส่งเสริม
กลับกลายเป็นกรงที่กักขังดวงวิญญาณของผู้ยึดไว้
ให้กลายเป็นลูกนกที่อ่อนแอ

ถ้าเป็นผู้ตื่นอาจารย์เกินไป
ก็เป็นโอกาสที่จะถูกหลอกลวง
จากอาจารย์ที่เป็นอลัชชีหรือลวงโลก.
ถึงแม้ว่าบุคคลที่ตนยึดถือนั้น
จะเป็นพระอรหันต์จริง ๆ ก็ตาม
การยึดถือนั้นก็ยังไม่มีประโยชน์อันใด
เพราะว่าตนจะรู้จักพระอรหันต์ไม่ได้
เว้นแต่ตนเป็นพระอรหันต์เองมาแล้ว;
การยึดถือของตน จึงยึดไม่ถูกองค์พระอรหันต์
แต่ไปยึดถูกทิฏฐิที่โง่เขลาหรืออ่อนแอ
อย่างใดอย่างหนึ่งเข้าเท่านั้น,
หรืออย่างดีที่สุด ก็ไปยึดเข้า
ที่เปลือกกายของพระอรหันต์
จะมีประโยชน์บ้างบางอย่างก็แต่ในขั้นศีลธรรม
แต่เป็นของมืดมัวสำหรับความหลุดพ้นของจิต.
เพราะฉะนั้น จึงต้องพยายาม
ที่จะเห็นธรรมหรือองค์อรหันต์ที่แท้จริง
แทนการพยายามยึดถือผู้นั้นผู้นี้ว่า เป็นพระอรหันต์.

การกราบไหว้พระภิกษุสงฆ์
มิใช่ด้วยความยึดถือในบุคคลนั้น ๆ
แต่เป็นการกราบไหว้ ธง หรือ
เครื่องหมายของพระอรหันต์
ทำนองเดียวกับที่เรากราบไหว้พระพุทธรูป
อันเป็นเครื่องหมายแทนองค์พระพุทธเจ้า,
หรือกล่าวอย่างธรรมดาที่สุด
ก็เช่นเดียวกับราษฏรทุกคนเคารพผ้าธงไตรรงค์
อันเป็นเครื่องหมายแทนชาติ.
หรือถ้าเรามองเห็นคุณความดีอย่างอื่นประจักษ์ชัด
เรากราบไหว้คุณความดีนั้น ๆ เท่าที่รู้กันอยู่,
แต่เราไม่ควรทึกทักเอาว่านั่นเป็นพระอรหันต์
อย่างพวกที่ตื่นพระอรหันต์.

เราใช้ตัวเราเองพิจารณาเองว่า
ตามที่ท่านผู้นั้นกระทำอยู่นั้น
จะเป็นการถอนตนออกจากโลก หรือทุกข์ หรือหาไม่
และเราจะทำตามอย่างท่านได้
ก็เฉพาะแต่ข้อที่ทำไปก็เห็นไปพร้อมกัน
ว่าสามารถละกิเลสได้เพียงไร,
และละได้แล้วจริง ๆ.
เพราะฉะนั้น เราอาจกราบไหว้
สิ่งที่ควรกราบไหว้ทั่วไปก็ได้
โดยปราศจากความยึดถือ
ชนิดที่เป็นกรงกักขังหัวใจ
เป็นแต่กราบไหว้ด้วยปัญญา
ที่รู้สิ่งที่ควรกระทำ.

การกราบไหว้ ทำด้วยปัญญา ไม่ต้องยึดถือ

การกราบไหว้เฉพาะอิฐปูน
ที่เขาก่อเป็นพระพุทธรูป
หรืออนุสาวรีย์อย่างอื่น ๆ
ถือกันว่า เป็นการกระทำ
ของคนที่ปราศจากความรู้
หรือของคนโง่เขลา.
ความจริง; ท่านประสงค์ให้กราบไหว้
คุณความดี ของบุคคลที่
เขาสร้างอนุสาวรีย์นั้น ๆ ให้เท่านั้น.
เมื่อท่านผู้นั้นมีชีวิตอยู่
ตัวท่านหรือร่างกายของท่าน
เป็นผู้ที่รับการกราบไหว้
แทนคุณงามความดีในตัวท่าน.
เมื่อท่านตายแล้ว ผู้อื่นช่วยกันสร้างอนุสาวรีย์
ให้เป็นที่รับการกราบไหว้แทนร่างกายท่าน.
เพราะฉะนั้น ใจความสำคัญจึงมีอยู่ว่า
ไม่ได้กราบอิฐปูน,
แต่กราบไหว้คุณงามความดีของเขา,
และทั้งกระทำโดยไม่ต้องยึดถือ.
ทั้งนี้เพราะเหตุว่า
เราจะไปยึดถือคุณงามความดีของผู้อื่นไม่ได้
ทำได้ก็แต่เพียงบูชาเขาด้วยน้ำใจที่ยุติธรรม
หรือถือเอาเขาเป็นบุคคลตัวอย่าง
ในคุณความดีอันประจักษ์ชัดแล้วนี้.

การไหว้พระพุทธรูปเหมือนเซ่นผีเป็นความยึดถือผิด

แต่เมื่อสังเกตดูโดยถี่ถ้วนแล้ว
เราส่วนมากได้ละเลยความจริงอันนี้
และได้ปล่อยให้การยึดถือเข้าครอบงำหนักขึ้น.
แม้ในหมู่พวกพุทธบริษัทเอง
ก็มีไม่ใช่น้อยที่ทำไปด้วยความยึดถือ
และกระทำแก่พระพุทธรูปซึ่งเป็นอิฐปูนนั้น
ราวกะทำแก่คนที่มีชีวิตจิตใจจริง ๆ
และเป็นคนที่ละโมบเสียด้วย.

พระพุทธรูปถูกประดับประดาด้วยผ้าสีต่าง ๆ
เช่นเดียวกับเทวรูปของฮินดู
ถูกประดับด้วยทอง เงิน
และเปลี่ยนให้ตามฤดูกาลในปีหนึ่ง ๆ
พระพุทธรูปได้รับการถวายอาหารคาวหวาน
คล้ายกับเครื่องเซ่นผี
ได้รับการพรมน้ำหอม
และอื่น ๆ อีกมากเหลือที่จะพรรณา.
ทั้งหมดนี้เมื่อพิจารณาดูแล้ว
ก็ไม่มีเหตุผลอย่างอื่นใด
นอกจากความยึดถืออันผิดๆ
และเลยกระทงแห่งศีลธรรมที่ดีงามไปเสียลิบลับ,
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ผลร้าย คือ
การกักกั้นจิตไม่ให้เข้าถึงพุทธธรรม
ชนิดที่พระพุทธองค์ทรงประสงค์ให้สาวกเข้าถึง.

ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระชนม์ชีพอยู่
ไม่มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นบูชา
ไม่มีการไหว้รูปเคารพ
มีบ้างก็แต่เจดีย์สร้างขึ้น
เป็นอนุสาวรีย์แก่คนชั้นพระศาสดา
เพื่อเกิดความสังเวชแก่ผู้พบเห็น
เรียกสังเวชนียสถาน
และเป็นกุศลแก่ผู้ได้ความสังเวช.
แต่ในสมัยนี้มีการสร้าง
พระพุทธรูปขึ้นเกลื่อนกลาด
บูชากันอย่างรูปเคารพ
ได้รับการกระทำเช่นเดียวกันกับ
การเซ่นผีหรือการเล่นตุ๊กตาของเด็กเล็ก ๆ ;
ซึ่งถ้าหากพระผู้มีพระภาคเจ้า
ยังทรงพระชนม์อยู่ถึงเวลานี้
หรือได้เสด็จมาเห็นเหตุการณ์
ที่พลิกแพลงไปถึงเพียงนี้
คงจะทรงเห็นพ้องด้วยพระมะหะหมัด
ศาสดาแห่งชนชาวอิสลาม
ในการที่ห้ามสร้างรูปเคารพ
ที่สร้างขึ้นเพื่อหลงติด
เขวออกไปนอกทาง
แห่งการเข้าถึงพุทธธรรม
และคงทรงห้ามมิให้ปล่อยความเชื่อถือหรือนับถือ
ให้ไหลไปโดยปราศจากเหตุผลเช่นนี้
จนผิดจากความประสงค์เดิม.

เรากราบไหว้พระพุทธเจ้าในฐานะทรงเป็นดวงประทีป

เรากราบไหว้พระผู้มีพระภาคเจ้า
ด้วยอำนาจที่เรามีจิตแจ่มใส
มีปิติปราโมทย์ในพระองค์
เพราะได้ทรงค้นพบสิ่งอันเร้นลับ
หรือพุทธธรรมดังกล่าวแล้ว.
เราได้ฟังธรรมที่พระองค์ทรงประกาศ
พร้อมทั้งอรรถะพยัญชนะ
พร้อมทั้งเหตุผลบริสุทธิ์บริบูรณ์
ไพเราะทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด
พอที่จะให้เกิดความเชื่อขึ้นในตนเอง
โดยไม่ต้องเชื่อตามพระองค์
ว่าถ้าทำไปเช่นนั้นจริง ๆ
ความทุกข์จะหมดไปได้

เรากราบไหว้ในชั้นนี้โดยไม่ต้องยึดถือ
ว่าพระองค์เป็นอะไร มากไปกว่า
ผู้ที่ส่องประทีปให้เราเดินไปเอง
และแสงสว่างแห่งดวงประทีปนั้นเราก็เห็นชัดอยู่
โดยนัยนี้จึงไม่มีการยึดถือ
ชนิดที่จะพลิกคว่ำพระองค์ลงมาเป็นเจ้าผี
ที่คอยอำนวยสิ่งต่าง ๆ ให้
ตามที่ผู้เซ่นไหว้เขาต้องการ.
ทั้งไม่ต้องยึดถือแม้แต่เพียงว่า
พระองค์จะช่วยเราหรือพาเราไป,
เพราะพระองค์ตรัสว่า เราจะต้องเดินไปเอง
พระองค์ส่องไฟให้เราจุดดวงไฟ
ชนิดเดียวกับของพระองค์ขึ้นเพื่อเราเอง..."


เนื้อหาข้อความ จากหนังสือที่ได้รับคำพยากรณ์ว่า "จะไม่ตาย"


"วิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม" (ที่หน้า 92-97)
ของท่าน พุทธทาส อินทปัญโญ







Create Date : 03 มีนาคม 2555
Last Update : 17 กรกฎาคม 2557 21:44:57 น.
Counter : 900 Pageviews.

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

อาณาจักรสีเขียว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



ขอบพระคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมคะ

แล้วแวะเข้ามาเยี่ยมชมที่บล็อก ลิงค์นี้กันนะ
http://dhammaway.wordpress.com
แนะนำมากๆ
All Blog
  •  Bloggang.com