|
ดูกี่ครั้งก็น้ำตาไหล Pursuit of Happiness
เช้านี้ นั่งดูเรื่องนี้ไม่ได้เริ่มตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง แต่ก็จำได้แทบจะทั้งเรื่อง จำไม่ได้แล้วว่าดูหนังเรื่องนี้มากี่ครั้งกันแล้วนะ....แต่ว่าเรียกน้ำตาได้ทุกครั้งเลย ฉากประทับใจที่ชอบ คือ ฉากที่ Will Smith ต้องไปนอนที่ห้องน้ำ เรื่องราวช่วงตอนนั้น มันสุดๆ จริงๆ..... ฉากที่ดีอีกฉาก คือ ฉากที่ Will Smith ถูกเรียกเข้าไปพบในห้องทำงานผู้บริหาร ฉากนี้ Will เล่นได้ดีมาก ตอนก่อนที่จะเดินเข้าไป ประมาณว่า เค้าจะไล่ชั้นออกมั๊ย ชั้นทำไรผิดพลาดไปรึป่าว....ต่างๆ นานา ประมาณว่า ไม่รู้เรียกไปทำไม กะลังทำงานอยู่นะ ต้องมีไรแน่ๆ เราต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่หรือป่าวนะ...ประมาณนั้น แต่พอผู้บริหารบอกว่า Because tomorrow's going to be your first day...if you'd like to work here as a broker. Oh YES! finally he get a job!!! Will น้ำตาไหลแบบนิ่งๆ ไม่มีบทพูดไรมากหลังจากนี้ แต่สีหน้าบอกได้เลยว่า มันผ่านไปได้แล้ว เค้าทำได้ พรุ่งนี้ชั้นจะมีบ้านอยู่แล้ว ชั้นจะมีเงินเดือน ลูกจะมีที่นอนที่ดีขึ้น หนังเรื่องนี้ ไม่พูดถึงลูกไม่ได้ เพราะเด็กเล่นได้ดีมาก ส่งอารมณ์ได้ดีพอๆกะพ่อเลย บางฉากมีให้เห็นด้านที่รุนแรงบ้าง อย่างเช่น ฉากที่ Will พยายามวิ่งไปขึ้นรถเมล์ให้ทันที่ไปรอคิวบ้านพักสำหรับ homeless ฉากนั้น Crist หรือ Will Smith ต้องแซงคิวคนเพื่อขึ้นรถเมล์ และยังลากลูกโดนไม่สนใจว่าของเล่นที่ลูกมีอยู่ชิ้นเดียวมันหล่นไปแล้วนะ ยังคิดอยู่ว่า ถ้าเราเจอคนที่มาแซงคิวเราแบบนั้น เราคงพูดว่าไปแล้วแน่ๆ เพราะไม่ชอบคนแซงคิว แต่ถ้าคนที่แซงคิว เค้ามีเหตุผลที่ต้องแซงเพื่อไปให้ทันคิวที่พัก เรื่องจริงก็ต้องปล่อยให้คนๆ นี้แซงไปแหล่ะนะ แต่ชีวิตจริง เราก็ไม่รู้อะนะ ว่าคนที่แซงคิวเราแต่ละคนเค้ามีเหตุผลอะไรมากแค่นั้น ที่พอจะอนุโลมให้ได้บ้าง สรุปมาที่หนัง "ชอบ" จบ เรื่องนี้ ขัดทุกที ถ้าจะต้องเขียนว่า happyness ซึ่ง Crist ก็อธิบายให้ฟังในหนังว่า มันเขียนผิดนะ ฉากที่เค้ามองไปที่ตัวอักษรนี้บนกำแพง บังเอิญได้ไปอ่าน blog ของ Stan Williams เค้าเขียนไว้ดีว่า เพื่อให้รู้ว่า การจะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ เราต้องเป็นคนทำด้วยตัวเราเอง เพราะฉนั้น มันต้องเป็น I มาแทนที่ Y Stan บอกไว้ว่า I ในหนังนี้ แทนคำว่า พ่อ ประมาณว่า พ่อต้องรับผิดชอบ ต้องสู้ทุกอย่าง เพื่อจะก้าวไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ และความฝันที่จะก้าวไปให้ถึงได้ เราเท่านั้นที่จะเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง....Stan นี่เค้าวิเคราะห์มาได้ดีเนอะ ดูเรื่องนี้จบก็คิดถึงหนังสือเรื่อง ต้นส้มแสนรัก (My sweet-Orange tree) เขียนโดย โจเซ วาสคอนเซลอส เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่จำได้ว่า ซ์้อมาจาก แพร่พิทยา ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว 5555 ตอนนั้น น่าจะอยู่ชั้นประถมปลาย หรือ ม.ต้น จำไม่ได้แหล่ะ ช่วงนั้น บ้าวรรณกรรมเยาวชนมาก มีหลายเล่มที่ยังชอบและคิดถึงอยู่เลย อย่างของ โรอัลล์ ดาห์ล ก็ชอบทุกเล่มที่เขียนเลย ต้นส้มแสนรักเป็นอะไรที่ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร (สมัยตะก่อน) ไม่รู้ตอนนี้กลับมาอ่านจะร้องไห้อีกมั๊ย เป็นหนังสือดีๆ ที่ทำให้จำชื่อคนเขียนได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่ชื่อผู้แต่งก็จำยากแถมตอนนั้นก็เด็กกะเป๊ยก แต่มันประทับใจไปแล้วนิ เรื่องนี้ มีภาค 2 แต่จำได้ว่าไม่ได้อ่าน เพราะกลัวว่าจะมาตัดต้นส้มทิ้งไป หรือโดนตัดทิ้งตั้งแต่ตอนจบของภาค 1 จำไม่ได้ แต่รู้ว่ากัวจะรับไม่ได้กะภาค 2 เลยไม่ดู พอๆ กะเรื่อง โต๊ะโต๊ะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง เรื่องนี้ก็สนุก จำไม่ได้ว่าเป็นไงแล้ว แต่จำได้ว่ามีเล่ม 2 ก็ไม่กล้าอ่านเมหือนกัน กัวไม่สนุกเหมือนเล่มแรก หนังสือเล่มไหนประทับใจมากๆ บางทีก็ไม่อยากอ่านเล่มถัดไป เพราะกลัวความรู้สึกจะเปลี่ยน ไปทำงานต่อดีกั๋ว....
Create Date : 19 มกราคม 2555 |
Last Update : 19 มกราคม 2555 9:09:09 น. |
|
11 comments
|
Counter : 1365 Pageviews. |
|
|
|
โดย: usakhae_177 วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:9:25:35 น. |
|
|
|
โดย: หมอเต่าหลังตุง (pintakai ) วันที่: 20 มกราคม 2555 เวลา:11:42:35 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:54:31 น. |
|
|
|
โดย: nootikky วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:46:24 น. |
|
|
|
โดย: KeRiDa วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:15:56 น. |
|
|
|
| |
|
|
ลูกเค้าตอนโตเล่นกับเฉินหลง( กังฟู ) อีกเรื่องก็ดีค่ะ...