ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ชมธรรมชาติเขียวขจี ทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก

แม้หน้าฝนปีนี้จะมาช้ากว่าทุกปี แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุ่งป่าเขียวขจีแห่งทุ่งแสลงหลวงลดน้อยความสวยงามไป คู่หูพาเที่ยวฉบับนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปที่ ‘อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง' พาขึ้นไปดูต้นสนสองใบและธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ ณ ทุ่งนางพญา

การเดินทางครั้งนี้มีความตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดเวลา เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราทีมงานคู่หูเดินทางมาเที่ยวยังที่แห่งนี่ ที่สำคัญอากาศค่อนข้างครึมมีฝนตกตลอดเส้นทาง แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาสทุกอย่างมีสองด้านเสมอ เพราะการที่ฝนตกทำให้ตลอดเส้นทางการเดินทาง เราจะได้เห็นหมอกลอยนวลขาวอยู่บนยอดเขาใกล้ไกลตลอดทาง โรแมนติกมากๆ ประทับใจสุดๆ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วหน้าฝนก็มีความงดงามของธรรมชาติซุกซ่อนตัวอยู่เช่นกัน

อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ ท้องที่อำเภอวังทอง อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอเขาค้อ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ มีสภาพธรรมชาติ ทิวทัศน์ และลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแหล่ง เช่น ถ้ำ น้ำตก ทุ่งหญ้าโล่งใหญ่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด มีเนื้อที่ประมาณ 789,000 ไร่ หรือ 1,262.40 ตารางกิโลเมตร สำหรับชื่อของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงนี้ เป็นชื่อของทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ทางด้านทิศใต้ของอุทยานฯ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ว่าการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงประมาณ 60 กิโลเมตร สันนิษฐานว่าชื่อทุ่งแสลงมาจากชื่อพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งในทุ่งหญ้าแห่งนี้ คือ ต้นแสลงใจ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ผลสุกสีแสด คาดว่าในสมัยก่อนมีต้นแสลงใจขนาดใหญ่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับสภาพภูมิประเทศเป็นเนินสูงๆ ต่ำๆ มีป่าหลายชนิด และสัตว์ป่าชุกชุม จึงตั้งชื่อว่า "ทุ่งแสลงหลวง" ให้สมกับเป็นพื้นที่ที่รวบรวมความหลากหลายของธรรมชาติไว้

ภูมิประเทศมีลักษณะเป็นภูเขาคล้ายหลังเต่า เป็นเทือกเขาหินปูนทอดเป็นแนวยาวมีจุดสูงสุดคือ บริเวณเขาแค เป็นต้นน้ำลำธารหลายสาย เช่น ห้วยเข็กใหญ่ ห้วยเข็กน้อย ลำน้ำทุ้ม คลองชมภู และคลองวังทอง เป็นต้น ฤดูฝนอยู่ในระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม และฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศจะหนาวเย็นมากเหมาะแก่การไป พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้สนสองใบ มะม่วงป่า ประดู่ และทุ่งหญ้าที่เป็นพื้นที่โล่งกว้างใหญ่มีสนและไม้ดอกขึ้นสลับกันอยู่ สามารถมากางเต็นท์ได้ ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ทุ่งนางพญาและทุ่งโนนสน แต่ 2 ที่หลังนี้ไม่มีบริการไฟฟ้าและห้องน้ำอยู่กันแบบธรรมชาติล้วนๆ ซึ่งการเดินทางไปแต่ละจุดนั้นต้องใช้รถที่มีประสิทธิภาพสักหน่อย ยิ่งเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อยิ่งดี เพราะในช่วงหน้าฝนถนนค่อนข้างลื่นชัน กิจกรรมที่นิยมมากคือการขี่จักรยานเที่ยวชมธรรมชาติรอบๆ อุทยานฯ

สำหรับทุ่งนางพญานั้นจะอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 14 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง จากนั้นถ้าต้องการไปยังทุ่งโนนสนต่อก็ต้องเดินทางเข้าไปอีก 18 กิโลเมตร ระหว่างทางเราจะได้พบ ต้นดอกกระเจียวขาว เอื้องชะนี เอื้องคำปากไก่ เฟิร์นชนิดต่างๆ เป็นต้น เมื่อเราได้มายืนอยู่ท่ามกลางป่าทุ่งสนสองใบ เราจะได้ยินเสียงลม วีด วิ้ว อยู่ตลอดเวลา ขอบอกว่ามันเป็นเสียงที่บรรเลงโดยธรรมชาติล้วนๆ การเดินทางครั้งนี้เราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 เดินทางมาจากทางจังหวัดพิษณุโลก-หล่มสัก ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย และที่ขาดไม่ได้คือร้านกาแฟจุดพักรถระหว่างทาง คราวนี้เรามาแวะพักรถที่ร้าน Route 12 ซึ่งเป็นร้านที่เปิดใหม่อยู่ห่างจากที่ว่าการอุทยานทุ่งแสลงหลวงประมาณ 15 กิโลเมตร สถานที่สวยงามมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง รสชาติกาแฟใช้ได้ ส่วนด้านล่างก็มีร้านอาหาร Food Fusion Restaurant ไว้บริการอีกด้วยมีอาหารให้เลือกไม่กี่เมนูแต่ขอบอกทุกเมนูอร่อยหมดไม่ว่าจะเป็น ยำเห็ดพันธุ์โต สลัดซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง ข้าวไก่อบ ฯลฯ

ความโรแมนติกของบรรยากาศและสถานที่ พร้อมทั้งความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติทำให้ทุ่งแสลงหลวงในหน้าฝน เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจมาก และในโอกาสต่อไปเราจะกลับมาเยือนทุ่งแสลงหลวงนี้อีกครั้งในช่วงฤดูหนาว เพราะครั้งหน้าเราจะพาคุณมาชม ทุ่งแสลงหลวงในแบบฉบับพื้นป่าทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย พร้อมดอกไม้นานาพันธุ์

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

+ น้ำตกแก่งซอง
เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานทุ่งแสลงหลวง ด้านจังหวัดพิษณุโลก ทางหลวงหมายเลข 12 กม. 45 เกิดจากลำน้ำเข็กลดระดับทำให้ธารน้ำมีลักษณะเป็นน้ำตกมีขนาดใหญ่ ในช่วงฤดูฝนน้ำจะมีลักษณะสีน้ำตาลขุ่น แต่ในช่วงฤดูหนาวและร้อนเมื่อน้ำลดระดับลงน้ำจะมีสีขาวใส สามารถพายเรือคายัคเล่นได้

+ วัดราชคีรีหิรัญยาราม (เขาสมอแคลง)
มาสักการะเจ้าแม่กวนอิมหยกขาว ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูงถึง 3.5 เมตร สร้างมาจากหินหยกขาวชิ้นเดียว ได้รับการปลุกเสกจากวัดหยินธงเป่าเตี้ยน ประเทศจีน บริเวณโดยรอบวัดยังจัดสร้างองค์พระพุทธรูปสำคัญปรางค์ต่างๆ ประดิษฐาน เพื่อให้เป็นที่กราบไหว้สักการะของพุทธสากนิกชนชาวพุทธโดยทั่วไป

+ เจดีย์ยอดด้วน (เขาสมอแคลง)
มีอายุราว 700 ปี พงศาวดารเหนือบันทึกไว้ว่า พระยาจิตรไวย แห่งเจ้าเมืองน่านสร้างเจดีย์องค์นี้เพื่อบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์เถระเจ้า คือ พระอุบาลีเถระและพระศิริมานนท์เถระ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ 2 รูปที่ได้รับนิมนต์เป็นประธานฝ่ายสงฆ์สร้างพระพุทธชินราช ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร มีการซ่อมแซมและบูรณะมาหลายครั้งแล้ว ลักษณะเจดีย์เป็นทรงลังกา มีฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ 3 ชั้น หลังจากนั้นจะเป็นฐานย่อแปดเหลี่ยมแล้วขึ้นเป็นองค์ระฆัง ลักษณะเด่นของที่นี่คือบริเวณยอดเจดีย์องค์ระฆังจะมีเพียงแค่ครึ่งซีกเท่านั้น

+ พระมหาธาตุเจดีย์ศรีบวรชินรัตน์ (เขาสมอแคลง)
สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 9 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและบูชาความดีของบูรพมหากษัตริย์นักรบไทย ส่วนยอดที่เป็นดอกบัวของพระมหาธาตุเจดีย์นั้นได้บรรจุพระบรมธาตุ คือ พระนลาต (กระดูกส่วนหน้าผาก) และพระบรมสารีริกธาตุส่วนต่างๆ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

+ โรงเจไซทีฮุกตึ๊ง ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย (เขาสมอแคลง)
มีความวิจิตรสวยงามมาก มีจุดที่ให้ได้กราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง อาทิ เข้าเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ สักการะเจ้าแม่กวนอิมพันมือ เดินชมสวนสวรรค์แห่งเทพเจ้า พร้อมชมจุดชมวิวดอยสุเทพ 2 มอง ซึ่งสามารถมองเห็นทุ่งนา บ้านเรือนและบริเวณโดยรอบของอำเภอวังทอง

Tips ข้อมูลการเดินทาง

การเดินทางไปทุ่งแสลงหลวง โดยรถยนต์ส่วนตัวสามารถใช้เส้นทางได้ 2 เส้นทาง คือ
• เส้นทางแรก จากจังหวัดเพชรบูรณ์ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 21 ไปทางอำเภอหล่มสัก ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงบ้านนางั่วแล้วเลี้ยวซ้าย ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2258 ขึ้นเขาค้อผ่านสี่แยกบ้านสะเดาะพงผ่านพระตำหนักเขาค้อ ตรงไปจนถึงบ้านทางตะวันเลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึงหน่วยจัดการอุทยานฯ ทุ่งแสลงหลวงที่ 1 (หนองแม่นา)
• เส้นที่สอง จากจังหวัดพิษณุโลกใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 เส้นพิษณุโลก-หล่มสัก ประมาณ 100 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่เขาค้อผ่านหน้าอำเภอเขาค้อ ถึงสี่แยกบ้านสะเดาะพงแล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2258 ผ่านพระตำหนักเขาค้อตรงไปบ้านทางตะวัน เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึงหน่วยจัดการอุทยานฯ ทุ่งแสลงหลวงที่ 1 (หนองแม่นา)

โดยรถโดยสารประจำทาง ทาง บขส. มีบริการมายบัส คือรถด่วนพิเศษไม่จอดระหว่างทาง วิ่งตรงจากกรุงเทพฯ - พิษณุโลก จากนั้นก็โดยสารรถประจำทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก ลงรถที่บ้านแค้มป์สน กิโลเมตรที่ 100 แล้วว่าจ้างเหมารถสองแถวที่ปากทางแค้มป์สนไปยังหน่วยฯ หนองแม่นา สามารถสอบถามตารางเดินรถ บขส. ได้ที่ Call Center 1490

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ตู้ ปณ. 64 อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65120 โทร. 0-5526-8019



  • สนับสนุนเนื้อหา นิตยสารคู่หูเดินทาง




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2556    
Last Update : 23 สิงหาคม 2556 7:53:40 น.
Counter : 15722 Pageviews.  

แล่นฝ่าเกลียวคลื่นมุ่งสู่ เกาะทะลุ

ถ้าพูดถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลายคนนึกถึง มาก่อนเป็นอันดับแรก แต่ทว่าทริปนี้เราจะไม่ขอพาคุณไปยังถิ่นมีหอย เพราะหวยงวดที่ออกจะขอไปโผล่ที่ "เกาะทะลุ" สุดยอดเกาะมหาเสน่ห์ แห่งอำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์


แม้จะเป็นช่วงหน้าหนาว แต่การเดินทางไปยังประจวบฯ ก็ยังมีฝนตกประปรายบ้างเป็นระยะๆ ซึ่งทำให้การเดินทางเข้าสู่อำเภอบางสะพานน้อยในครั้งนี้ ล่าช้ากว่ากำหนดเสียเล็กน้อย



ระหว่างทางอันแสนเปล่าเปลี่ยว ที่มีเพียงสวนมะพร้าวตลอดเส้นทาง อาจสร้างอารมณ์เบื่อเล็กๆ น้อยๆ ให้กับคนกรุงอย่างเราๆ แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณได้ลงจากรถ แล้วมีลมทะเลอันเหนียวเหนอะพัดผ่านตามแขนขา เมื่อนั่นคุณจะรู้สึกคุ้มค่ากับการเดินทางราว 4 ชั่วโมง ที่ยังคงไม่จบลงเพียงนั่งอยู่บนรถลา เพราะเรายังต้องเผชิญกับคลื่นลูกโต เพื่อฝ่าฝูงปลาไปยังจุดหมายปลายทาง

ระยะทางจากฝั่งไปถึงเกาะทะลุอยู่ห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งถ้านั่งรถไปคงใช้เวลาไม่กี่อึดใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องใช้เรือในการสันจร จึงทำให้กินเวลาไปถึง 20 นาที แต่ทว่า 20 นาทีนี้ เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจกับท้องทะเลที่สำเภาลำน้อยต้องตัดเกลียวคลื่นฝ่าออกไป จนเรียกได้ว่า อารมณ์ของการไปเกาะทะลุก็เหมือนกับได้นั่งเรือไวกิ้งตามสวนสนุก

สาวๆ หลายคนแอบส่งเสียงกรี๊ดเมื่อเรือปะทะกับคลื่นลูกโต ซึ่งในตอนแรกก็มีเพียงไม่กี่คนที่ส่งเสียงร้อง แต่เมื่อผ่านไปสักพัก ผู้คนเกือบทั้งลำเรือก็ทั้งเฮ ทั้งกรี๊ด จนอาการคลื่นไส้ที่มีอยู่หายไปกับสายน้ำ


ในที่สุด ก็มาถึงเกาะที่เขาว่ากันว่า น้ำใส ปลาตรึม แถมปะการังยังอุดมสมบูรณ์ เมื่อทุกคนได้สวมสน็อกเกอร์และเสื้อชูชีพพร้อมแล้ว เราก็มาออกสำรวจความงามของเกาะทะลุกันเลยดีกว่า ว่าจะสมคำร่ำลือสักเพียงใด

เมื่อได้โดดลงน้ำ ต้องบอกรับเลยว่า คุณจะประหลาดใจกับความใสแจ๋วของท้องทะเล เพราะแม้จะยังไม่ได้ดำดิ่งลงใต้พื้นน้ำ แต่เราก็สามารถเห็นแนวปะการัง และหมู่ปลาน้อยใหญ่ จนเกือบจะเชื่อว่ากำลังแหวกว่ายอยู่ในท้องทะเลของแถบอันดามัน ปลานกแก้ว ปลานีโม ต่างว่ายมารายล้อมรอบๆ ตัวผู้มาเยี่ยมเยือน และคอยตอดนิดตอดหน่อย พร้อมทั้งโอบอุ้มจนเหมือนกับคุณก็คือเจ้าสมุทร

สนุกกับฝูงปลาจนหนำใจ ก็มาถึงตาของปะการัง ที่อุดมสมบูรณ์และมากด้วยสีสัน หอยมือเสือ ปะการังสมอง ปะการังเขากวาง และดอกไม้ทะเล ต่างมีให้เห็นและคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ทุกที่ แต่เมื่อได้ดำน้ำแล้วก็อย่ามัวแต่ก้มหน้าก้มตามองดูความงามใต้ท้องทะเลเพียงอย่างเดียว เพราะมาถึงเกาะทะลุแล้ว คุณต้องพินิจพิจารณาความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ให้เกาะแห่งนี้มีรูลอดผ่าน จนสามารถมองเห็นอีกฟากฝั่งโดนไม่ต้องลงทุนเดินอ้อมให้เสียแรง


อยู่ในท้องทะเลเสียนาน เนื้อตัวเริ่มเปื่อย ก็คงถึงเวลาแล้วที่จะลาจากเกาะทะลุ แสงแดดอ่อนๆ ตกกระทบช่องว่างของเกาะ ช่างเป็นภาพประทับใจ จนไม่อยากจากไปเข้าสู่อ้อมอกเมืองกรุง

สุดท้ายแล้ว ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลายคนขอเก็บความงามเหล่านี้เอาไว้ด้วยกล้องดิจิตอล และในดวงใจ โดยผู้เยี่ยมเยือนจำต้องกลับไปด้วยสำเภาลำเดิมพร้อมกับแตงโมหวานเย็นที่คุณลุงคนขับของเรือบอกว่า ช่วยให้ชุ่มคอหลังดำน้ำนานๆ


สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปสัมผัสความงามของเกาะทะลุสามารถไปได้โดยทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) มุ่งหน้าสู่ อำเภอบางสะพาน เมื่อไปถึงอำเภอบางสะพานก็ตรงไปอีกราวๆ 17 กิโลเมตร จะพบไฟแดงให้เลี้ยวขวา จากนั้นวิ่งไปอีกประมาณ 12 กิโลเมตร ก็จะพบท่าเรือไปเกาะทะลุ




  • สนับสนุนเนื้อหา emaginfo




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2556    
Last Update : 22 สิงหาคม 2556 7:42:26 น.
Counter : 2438 Pageviews.  

10 ที่เที่ยวอัพเดทฉะเชิงเทรา สนุกได้ทั้งปี

1.ตลาดโบราณนครเนื่องเขต เดิมชื่อ " ตลาดสี่แยกท่าไข่ " เป็นตลาดเก่าที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันมีร้านค้าขายอาหารน่ากินมากมาย ทำให้ผู้มาเยือนสนุกอิ่มเอมกับบรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางวิถีชีวิตริมน้ำของชาวบ้าน

2.ตลาดคลองสวน 100 ปี ตลาดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับตลาดแบบไทยจีนที่อยู่กันอย่างเรียบง่าย แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดชวนให้มาพักผ่อน ด้วยรอยยิ้มน่ารักๆ ของพ่อค้าแม่ขาย

3.วัดนครเนื่องเขต เดิมชื่อ วัดต้นตาล วัดแห่งนี้มีโบสถ์ที่สวยงามทำจากกระเบื้องเคลือบดินเผาทั้งหลัง และเราสามารถลอดใต้โบสถ์ พร้อมปิดทองลูกนิมิตที่อยู่ใจกลางโบสถ์ เชื่อว่าหากมาวัดนี้ต้องอิ่มบุญอิ่มใจอย่างแน่นอน

4.วัดชมโพธยาราม ตั้งอยู่ในตำบลโสธร หากใครได้มาวัดนี้เปรียบเหมือนได้ไปชมสังเวชนียสถานทั้ง 4 ที่อยู่ในต่างประเทศ เพราะที่นี่ได้จำลองทั้งหมดมาไว้ในวัดเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรมเทศนา และปรินิพพาน แต่ที่เป็นจุดเด่นของวัดนี้ก็คือ "เจดีย์พุทธคยา" ซึ่งได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน

5.เกาะนก แหล่งศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนในตำบลท่าข้าม บริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง มาที่นี่สามารถชมโลมาอิรวดีที่จะมาว่ายน้ำอวดโฉมให้นักได้ตื่นตาตื่นใจแบบใกล้ชิดในช่วงของเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ของทุกปี 

6.สวนปาล์มฟาร์มนก แหล่งเพาะพันธุ์และจำหน่ายนกแก้วมาคอว์ที่รวบรวมนกแก้วไว้หลากหลายสายพันธุ์ เราสามารถพบเห็นนกแก้วน่ารักๆ ได้จากที่นี่ อีกทั้งสวนปาร์มฟาร์มนกยังมีที่พักเปิดให้บริการอยู่ท่ามกลางสวนปาล์มหลากหลายสายพันธุ์อีกด้วย

7.ตลาดน้ำบางคล้า อิ่มท้องไปกับอาหารพื้นบ้านรสชาติถูกปากทั้งอาหารคาว อาหารหวานโดยนั่งรับประทานอาหารได้บนแพ ซึ่งคุณจะรู้สึกว่าอะไรๆ ก็น่ากินไปหมด นอกจากนี้ยังมีสินค้าพื้นบ้านนานาชนิดให้เลือกซื้อเป็นของที่ระลึกหรือของฝากอีกมากมาย

8.วัดหงษ์ทอง หรืออีกชื่อหนึ่งว่า " วัดกลางน้ำ" เนื่องจากได้ก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ของป่าชายเลนยื่นออกไปในทะเล มีจุดเด่นคือโบสถ์ที่อยู่กลางน้ำ อีกทั้งมี "พระธาตุมหาคงคาเจดีย์" ตั้งอยู่ข้างๆ เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความน่าสนใจเมื่อได้เดินทางมาท่องเที่ยว จ.ฉะเชิงเทรา

9.ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี ตลาดโบราณอายุกว่า 100 ปี เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในสไตล์วินเทจแวะเวียนมาหาของกินโบราณๆ อร่อยๆ หากินได้ยากจากที่อื่น แต่ที่นี่ก็มีให้เลือกซื้อหากันอย่างหลากหลาย 

10.วัดปากน้ำโจ้โล้ เป็นวัดที่มีโบสถ์สีทองอร่ามตา ถือเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ทาสีทองทั้งหลัง และความพิเศษของวัดนี้นักท่องเที่ยวสามารถลอดใต้ฐานพระประธานเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย

เรียบเรียงโดย : ทศพร สุภาพ




  • สนับสนุนเนื้อหา สนุกท่องเที่ยว




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2556    
Last Update : 21 สิงหาคม 2556 7:42:05 น.
Counter : 2462 Pageviews.  

ย่ำรอยทางคุณชายรณพีร์ ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ

ภาพบรรยากาศสวยๆ ดูน่าเกรงขาม ของชายหนุ่มรูปงามสง่ากับท่วงท่ามุ่งมั่นสมเป็นนาวิกโยธินนั้น ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่หลงใหลใฝ่ฝันเคลิบเคลิ้มตามตัวละคร "คุณชายรณพีร์"แห่งซีรีส์ละคร "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ที่เพิ่งจะลาจอไป คงเหลือแต่เพียงความประทับใจที่วันเวลาพาให้เลือนหายไปพร้อมกับวงจรของการผลิตละครป้อนผู้ชมให้นิยมกับเรื่องใหม่ๆ ตัวละครใหม่ๆ วันแล้ววันเล่า แต่สำหรับใครหลายคน ภาพประทับใจในละครสะท้อนความรู้สึกให้อยากติดตาม ค้นหา แหล่งที่มาที่ไปที่สร้างให้ตัวละครโดดเด่นจับใจ บทคุณชายรณพีร์นักบินหนุ่มนั้น


อาจไม่ถึงกับทำให้บางคนคลั่งไคล้ หากแต่สถานที่ถ่ายทำต่างหากที่ชวนให้อยาก "ตามรอยละคร" สร้างเทรนด์ใหม่ให้กับคนไทยหัวใจท่องเที่ยวผู้ชอบเสาะแสวงหามุมมองใหม่ๆตามความสนใจของตัวเอง หากคิดเช่นนั้นแล้ว ทริปในวันนี้ของเราจะไม่ผิดหวัง เพราะสถานที่ถ่ายทำละครตอนคุณชายรณพีร์นั้นมีอยู่จริง แถมยังเปิดให้เข้าชมได้จริงๆ

ที่สำคัญยิ่งคือได้ความรู้และสาระการบินอีกมากมายติดตัวกลับบ้านไปด้วย เรามาเยี่ยม "พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ" สถานที่ถ่ายทำละครตอนที่ว่า ด้วยเห็นว่า อยู่ในกรุงเทพ เดินทางสะดวกง่ายดาย แต่น้อยคนนักจะใส่ใจ เพราะได้ยินแค่ชื่อพิพิธภัณฑ์ บางคนเบ้หน้าบอกว่าไม่สำราญ แต่นั่นคือความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งนั้น ซ่อนประวัติความเป็นมาและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องไว้มากมาย ที่สำคัญคือหากตั้งใจมาชม จะพบว่าเดินไปมุมไหนก็สนุกสนานเพลิดเพลินกับสาระตื่นตาตื่นใจกับการรวบรวมอดีตไว้ให้เรารำลึกศึกษา ก็น่าเสียดายหากใครคิดจะมองข้าม

พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศเพิ่งได้รับการบูรณะและจัดสร้างใหม่ หลังจากที่กองทัพอากาศดอนเมืองต้องเจอกับมหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อ 2 ปีก่อน นับเป็นความเสียหายร้ายแรงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งดอนเมืองมาเกือบ 100 ปี หลังบูรณะใหม่ ก็เผยให้เห็นความมั่นคงแข็งแกร่งอีกครั้ง นับว่าเป็นการฟื้นตัวที่รวดเร็วทีเดียว

ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมยุทธภัณฑ์และสันติภัณฑ์ของกองทัพอากาศตั้งแต่เริ่มกิจการบิน เป็นการบอกเล่าประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของกองทัพอากาศไทย ที่เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าไปเรียนรู้และเข้าชมได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ปัจจุบันนี้ ได้แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 อาคาร และมีการจัดแสดงอากาศยานกลางแจ้ง โดยมีการรวบรวมอากาศยานแบบเก่าหลากหลายแบบ บางเครื่องก็มีหลงเหลืออยู่เพียงลำเดียวในโลก บางเครื่องเป็นเครื่องที่ออกแบบและสร้างโดยคนไทย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอากาศยานที่หาชมได้ยากแล้ว

จุดที่ควรมาชมคือห้องโถงที่เก็บรักษาเครื่องบิน F-5 ลำใหญ่ จะเห็นข้อความประทับชวนปลุกใจว่า "น่านฟ้าไทยไม่ให้ใครย่ำยี" ที่จุดนี้ จะประกอบด้วยแผนที่กองบินจังหวัดต่างๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย ไม่ไกลกันนักก็ยังมีการแสดงประวัติการบินของชาติไทยตั้งแต่สมัยชาวฝรั่งเศสเป็นผู้บุกเบิก
ดังจะเห็นเครื่องบินจำลองยุคแรกในสมัยที่หน่อเนื้อเชื้อพระวงศ์และบรรพบุรุษนักบินของกองทัพอากาศได้ไปร่ำเรียนการบินที่ประเทศฝรั่งเศส หลายท่านเป็นที่รู้จักและยังคงเป็นปูชนียบุคคลและผู้มีคุณูปการต่อแวดวงการบินมาจนถึงทุกวันนี้

เดินมาเรื่อยยิ่งจะทำให้ภูมิใจกับอดีตซึ่งเราสามารถซ่อมและสร้างเครื่องบินได้เอง ซ่อมเอง สร้างเอง เป็นเครื่องบินที่สร้างจากไม้ มีไม้ประเภทต่าง ๆ ไม้โมก, ไม้ยมหอม, ไม้ตาเสือ ที่จัดแสดงให้ได้ชม เดินถัดมาอีกเป็นการแสดงเครื่องบินที่ไปรบสมัยกรณีพิพาทอินโดจีน เป็นสงครามทางอากาศครั้งแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ.2484 กับฝรั่งเศส ถัดมามีเครื่องบินHawk III ซึ่งเหลืออยู่เพียงลำเดียวในโลกเท่านั้น เดินถัดมาอีกนิดจะมีการแสดงภาพสมัยญี่ปุ่นบินในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กองบิน 5 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484

เดินเรื่อยมาอีกห้องโถงคราวนี้เป็นเครื่องบินยุคใหม่ครับ เป็นเครื่อง F-5A เครื่องแรกของโลกซึ่งปลดประจำการแล้วแสดงโชว์อยู่ หากเดินตรงมาจะพบเครื่องบินจองเรียงกัน 2 แถว ตรงข้ามกัน แต่มีเครื่องบินลำหนึ่งโดดเด่น จอดขวางอยู่ด้านในสุดนั่นคือ เครื่องบินบริพัตร เป็นเครื่องบินแบบทิ้งระเบิด พันโทหลวงเวชยันรังสฤษดิ์เป็นผู้ออกแบบ ตัวเครื่องมี 2 ที่นั่ง สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2470 หรือเมื่อ 86 ปี มาแล้ว ลำตัวเครื่องบิน เป็นอลูมิเนีย ปีกเป็น 2 ชั้น เป็นความน่าทึ่งของบรรพบุรุษไทยเราผู้เก่งกาจในการบิน เครื่องบินลำนี้สามารถสร้างเครื่องบินขับไล่และทิ้งระเบิดได้ 2 แบบ

ใช้เทคนิคใบพัดอยู่ข้างหน้าเครื่องบินหมุนผลักเครื่องบินให้ไปข้างหน้า ขณะเดียวกันก็สามารถยิงลูกกระสุนปืนออกมาโดยไม่สัมผัสใบพัด จัดว่าเป็นการออกแบบที่เหนือชั้นในสมัยนั้น ทางด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดงเครื่องบินในที่โล่งแจ้งท้ังด้านหน้าและด้านหลัง มีโรงจัดแสดง เฮลิคอปเตอร์ในสมัยก่อน แถมยังมี Flight Simulator เครื่องฝึกบินจำลอง และเครื่องปรับสภาพอากาศ ในสมัยเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วมาจัดแสดงให้ชมด้วย ยังมีอีกหลายจุดที่อยากให้หยุดชมจนเอามาบอกเล่าได้ไม่หมด เอาเป็นว่าถ้าอยากตามรอยละครดังหรือมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ฉีกกรอบออกไป

พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศคือโจทย์ใหม่ที่อยากให้ไปเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศอยู่บนถนนพหลโยธินสายเก่าด้านหลังกองทัพอากาศ เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เว้นวันหยุดนขัตฤกษ์ ดื่มด่ำกับความรู้คู่ประวัติศาสตร์แล้ว อาจจะได้มุมมองดีๆ กลับมา ซึ่งเราหวังว่าสิ่งที่นักทั้งหลายจะได้รับจากที่นี่จะไม่สูญเปล่าตามละครที่ปิดฉากอำลาจอไป




  • สนับสนุนเนื้อหา emaginfo




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2556    
Last Update : 20 สิงหาคม 2556 7:40:18 น.
Counter : 1530 Pageviews.  

เทยเที่ยวไทย 16 สิงหาคม 2556

เทยเที่ยวไทย 16 สิงหาคม 2556


เทยเที่ยวไทย 16 สิงหาคม 2556

เทยเที่ยวไทย 16 สิงหาคม 2556




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2556    
Last Update : 19 สิงหาคม 2556 7:57:26 น.
Counter : 1158 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.