ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

Smartwatch ใช่สำหรับเราแล้วแน่เหรอ?!?

ปีที่แล้วมาจนถึงปีนี้ เราได้เห็นกระแสร้อนแรงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไอทีตระกูลใหม่ที่เรียกว่า Wearable device กัน โดยเฉพาะในหมวดหมู่ที่เรียกว่า หรือภาษาไทยเขาชอบเรียกกันว่านาฬิกาอัจฉริยะ มีหลายแบรนด์ผลิตออกมาในหลากหลายรูปแบบทีเดียว

     กระแสมันแรงจนขนาดที่ว่า Apple เองก็ทนไม่ไหว ต้องลงมาลุยตลาดด้วย Apple Watch และแม้ว่าจะยังไม่มีของออกมาจำหน่าย ก็ยังต้องเอามาเปิดตัวแว้บๆ ยั่วให้คนอยากได้ก่อนเลยล่ะ

     พอเห็นของใหม่ออกมา เราก็อยากได้ อยากใส่กัน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมว่าบางครั้งเราก็ต้องถามตัวเองก่อนนะว่า “มันใช่สำหรับเราหรือเปล่า?!?” เพราะแม้มันจะชื่อวา่นาฬิกาอัจฉริยะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะกับทุกคน มันจะตอบโจทย์ของทุกคนนะครับ

     เอางี้ … หากคิดว่าจะซื้อ Smartwatch ไว้ใช้ซักเรือน ลองอ่านตามนี้ดูก่อนแล้วกัน เผื่อจะได้รู้ว่าแบบไหนเหมาะกับเรา หรือเราไม่เหมาะกับอะไรเลย (ฮา)

Standalone หรือ Companion ดี

     ถ้าจะให้แบ่งประเภทเป็นแบบสองกลุ่มใหญ่ๆ เลย Smartwatch ก็พอจะแบ่งออกได้เป็นแบบที่ใช้งานได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเชื่อมต่อกับอะไร หรือที่เรียกว่า Standalone กับแบบที่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนถึงจะใช้งานได้ หรือที่เรียกว่า Companion ครับ

     แบบ Standalone นั้นมักจะมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์สเปกแรงๆ หน่อย เพราะว่าต้องใช้ในการประมวลผลการทำงานต่างๆ แต่ก็แลกมาด้วยความสามารถที่มากขึ้น สามารถติดตั้ง App ได้ ปกติก็มักจะมากับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ และสามารถใส่ SIM card ได้ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ได้เลย ไม่ต้องง้อการ Tethering มาจากสมาร์ทโฟน

     บางตัวก็จะมีเซ็นเซอร์เพิ่มเข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์นับก้าว หรือเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เป็นต้น บางตัวก็มีกล้องดิจิตอลมาให้ด้วย กลายเป็นเหมือนกับอุปกรณ์สายลับกันเลยทีเดียว

     แต่ Smartwatch แบบนี้ไม่ค่อยมีใครเขาทำมาก เท่าที่เห็นก็จะมี Samsung Galaxy Gear S และ Neptune Pine นี่แหละ และพวกที่เป็น Standalone นี่ แบตเตอรี่จะไม่อึดครับ อย่างเก่งก็อยู่ได้ข้ามวันแต่อย่างมากก็ไม่เกินสองวันครับ อันนี้เป็นเพราะความที่มันมีหน่วยประมวลผลที่แรงระดับนึง

     และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าวโทรศัพท์มือถือนี่แหละ และเพื่อให้แบตเตอรี่อยู่ได้อึดๆ หน่อย มันก็เลยต้องใส่แบตเตอรี่เข้าไปเยอะนิดนึง และนั่นทำให้น้ำหนักของตัวเครื่องแอบหนักในระดับนึง

     ส่วนจำพวก Companion เนี่ย เป็นแบบที่ต้องใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนครับ โดยมากก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือน “หน้าจอที่สอง” ของสมาร์ทโฟนครับ คือ เอาไว้แสดงข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมีสายเข้า มีคนส่งอีเมล์มา ใครโพสต์ Facebook อะไรแบบนี้ หรือบางยี่ห้อบางรุ่นก็จะมีพวกเซ็นเซอร์ต่างๆ เพิ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเซ็นเซอร์นับก้าว และเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อใช้ในฐานะ Health tracker ครับ


     แต่ก็มีบ้างที่เพิ่มลูกเล่นให้มากกว่านั้น เช่น Samsung Galaxy Gear และ Samsung Galaxy Gear 2 ที่มีไมโครโฟนและลำโพงในตัว สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้ หรือ Huawei TalkBand B1 ที่สามารถปลดส่วนที่เป็นหน้าจอแสดงผลออกมากลายเป็น Bluetooth headset ใช้โทรศัพท์ได้

     พวกที่เป็น Companion นี่จะไม่ได้ใช้หน่วยประมวลผลสเปกสูงๆ เพราะไม่จำเป็นต้องประมวลผลอะไรมาก และนั่นก็เลยทำให้ไม่ต้องใส่แบตเตอรี่เข้าไปเยอะมาก แบตเตอรี่ก็ยังอึดพอที่จะใช้งานได้หลายวัน เช่น Pebble นี่อยู่ได้เป็นสัปดาห์ หรือ Samsung Galaxy Gear Fit อยู่ได้ราวๆ 4 วัน

ยึดติดกับแบรนด์ดีหรือเลือกแบบใช้กับแบรนด์ไหนก็ได้ดี

     พวกแบรนด์สมาร์ทโฟนหลายๆ แบรนด์ก็ทำ Smartwatch ขึ้นมาเพื่อใช้เป็น Companion ของสมาร์ทโฟนของตัวเอง บางยี่ห้อ เช่น Samsung ก็ทำขึ้นมาให้ใช้กับสมาร์ทโฟนของตัวเองและใช้ได้เฉพาะบางรุ่นที่สนับสนุนเท่านั้น

     พวกนี้มักจะใช้ได้กับเฉพาะสมาร์ทโฟนระดับกลางๆ ไปจนถึงระดับไฮเอนด์ของแบรนด์นั้นๆ เป็นหลัก พวกนี้จะมีข้อดีตรงที่ทำงานร่วมกับ App เฉพาะทางของแบรนด์นั้นๆ ได้ เช่น Samsung Galaxy Gear ก็จะทำงานเป็นเซ็นเซอร์เก็บข้อมูลให้กับ S Health ของ Samsung ได้ เป็นต้น

     Smartwatch พวกนี้มักจะมีความสามารถเยอะหน่อย เพราะแบรนด์เป็นคนทำเอง จึงสามารถเตรียม API สำหรับใช้งานเอาไว้ให้พร้อมได้ เปิดให้เข้าถึงฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ได้หลากหลายกว่า

     Apple Watch หรือ Samsung Galaxy Gear เป็นตัวอย่างของ Smartwatch ในประเภทนี้ครับ มันเหมาะสำหรับคนที่เป็นติ่งของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งโดยเฉพาะซะมากกว่า ใครที่ชอบเปลี่ยนยี่ห้อสมาร์ทโฟนไปเรื่อยๆ ไม่เหมาะกับ Smartwatch แบบนี้นะครับ

     อีกแบบนึงจะเป็นพวกไม่ยึดติดกับแบรนด์ ขอแค่ดาวน์โหลด App ของตัว Smartwatch มาติดตั้ง ก็พร้อมจะเชื่อมต่อแล้วใช้งานแล้ว พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นของ Third party ครับ แต่ก็มีบางแบรนด์ที่ทำออกมาเช่นกัน พวกนี้จะมีข้อจำกัดตรงที่มีความสามารถได้เท่าที่ API ของตัวระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนเขาเตรียมไว้ให้เท่านั้น

     ซึ่งมักจะไม่ได้เปิดให้เข้าถึงฟังก์ชั่นการทำงานลึกๆ ซักเท่าไหร่ (เช่น Apple เองก็ไม่ให้ App ที่ไม่ใช่ของตนเข้าถึง TouchID … อย่างน้อยก็ในตอนนี้ … เป็นต้น)

ความเห็นส่วนตัวของผมในการเลือก Smartwatch

จากที่ผมได้ลองใช้มาหลากหลายแบบ หลากหลายแบรนด์ ผมพบว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะซื้อ Smartwatch ในแบบที่เป็น Standalone ครับ อะไรทำให้ผมคิดแบบนี้น่ะเหรอ? มันก็เพราะว่า

- เทคโนโลยียังไม่พร้อมที่จะสร้าง Smartwatch แบบ Standalone ดีๆ ได้ … อย่างน้อยๆ แบตเตอรี่ก็ไม่อึดพอที่จะใช้งานหลายๆ วันแล้ว … จริงอยู่ การชาร์จแบตเตอรี่ทุกวันไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรนัก แต่ผมมองว่านาฬิกามันควรจะเป็นอะไรที่แบตเตอรี่ควรจะอึดอยู่ได้หลายๆ วันน่ะ … ส่วนเรื่องของฮาร์ดแวร์ก็ยังไม่แรงพอที่จะใช้งานได้อย่างเนียนๆ (พิจารณาจากการใช้งาน Neptune Pine)

- ผมยังไม่เห็นแบรนด์ไหนที่ตีโจทย์เรื่อง Wearable device ที่เป็น Standalone แตกเลย … แนะนำว่าควรรอต่ออีกพักใหญ่ๆ เพื่อดูว่ามีใครที่ตีโจทย์นี้แตกบ้าง

- ทั้งหน้าจอแสดงผล ทั้ง User Interface ทั้งการออกแบบอินพุต และท่วงท่าในการใช้งาน Smartwatch เพื่อทำหน้าที่แทน มันยังไม่ถูกหลักการยศาสตร์ซักเท่าไหร่ การใช้งาน Smartwatch ในฐานะ Standalone เป็นเวลานานๆ ไม่ใช่อะไรที่สะดวก แม้แบรนด์อย่าง Neptune ที่ออกตัว Neptune Duo มา โดยออกแบบให้มีส่วนที่เรียกว่า Pocket เข้ามาเสริมในการแสดงผลและอินพุต แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันยังมีอะไรขาดอยู่บางอย่างน่ะ

     สำหรับคนที่อยากลองใช้ Smartwatch ผมอยากแนะนำว่าลองเริ่มจากพวกที่เป็นแนว Companion จะดีกว่า ซึ่งแทบทุกแบรนด์มีฟังก์ชั่นความสามารถคลัายๆ กันอยู่แล้ว คือ เป็นได้ทั้งนาฬิกา ตรวจจับข้อมูลเรื่องการออกกำลังกาย และคอยแสดงการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนให้ได้แบบสบายๆ

     อยากให้ลองแบบนี้ดูก่อน เพราะว่าสนนราคาค่าตัวจะไม่แพงมากแบบพวก Standalone อยากให้ลองดูว่าฟังก์ชั่นความสามารถต่างๆ เนี่ยมันเพียงพอกับความต้องการแล้วหรือยัง

สนับสนุนเนื้อหา: 

สามารถรับข่าวสารเพิ่มเติมได้อีกทางที่ www.facebook.com/kafaakBlog




 

Create Date : 19 มีนาคม 2558    
Last Update : 19 มีนาคม 2558 8:23:14 น.
Counter : 827 Pageviews.  

คาด Apple เตรียมเปิดโปรแกรมให้ผู้ใช้ Android เอาเครื่องมาแลกซื้อ iPhone ได้

หลังจากที่ Tim Cook ได้เปิดเผยว่า iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ทำให้ตัวเลขผู้ที่ย้ายค่ายมาจาก Android เพิ่มขึ้นมากสุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้แอปเปิลเร่งเพิ่มแรงจูงใจมากขึ้น ด้วยการเปิดโปรแกรมนำ Android มา

โดยคาดว่าโปรแกรม Trade-in นี้จะคล้ายกับโปรแกรมเดิมที่เราสามารถนำสินค้าของแอปเปิลไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Mac มาแลกเป็น Gift Voucher ได้ที่ร้าน Apple Store

ทั้งนี้แหล่งข่าวจาก 9to5mac เผยว่าแอปเปิลเตรียมขยายโปรแกรมนี้สำหรับผู้ใช้ Android ซึ่งมูลค่าของเครื่องที่แลกได้ ก็ขึ้นอยู่กับสภาพและอายุใช้งานของแต่ละเครื่องอีกด้วย

ก่อนหน้านี้แอปเปิลได้ทำหน้าเว็บแนะนำขั้นตอนต่างๆ สำหรับผู้ที่ใช้ Android แล้วอยากเปลี่ยนมาเป็น iPhone มาแล้ว ซึ่งคาดว่าโปรแกรมนี้เมื่อเปิดตัวมา น่าจะจูงใจผู้ใช้ Android ให้ย้ายค่ายมาไม่น้อยเลยทีเดียว

ที่มา - 9to5mac




 

Create Date : 18 มีนาคม 2558    
Last Update : 18 มีนาคม 2558 8:26:56 น.
Counter : 778 Pageviews.  

3 เหตุผลที่ควรไปซื้อโน้ตบุ๊ค ในงาน Commart Summer Sale 2015

3 เหตุผลที่ควรไปซื้อ โน้ตบุ๊ค เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค อัลตราบุ๊ค ในงาน

เชื่อได้เลยว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนกำลังจดๆ จ้องๆ ที่จะซื้อ โน้ตบุ๊ค เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค อัลตราบุ๊ค กันอยู่ใช่ไหมละครับ แต่ก็ยังไม่มั่นใจกันใช่ไหมละ ว่าจะซื้อโน้ตบุ๊คที่ไหนอย่างไรดีถึงจะได้ราคาที่โดนใจ และได้ของแถมเยอะที่สุด แจ๋วที่สุด

     ซึ่งโอกาสได้มาถึงเพราะเหลือเวลา อีกไม่ถึง 3 วันแล้วละครับกับงาน Commart Summer Sale 2015 ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 19-22 มี.ค.57 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ในคราวนี้ได้ปรับรูปแบบมาเอาใจนักช็อปกันอย่างมากมายด้วยรูปแบบมาร์เก ตเพลส มากกว่าคอนเทนต์ในสัดส่วน 90% : 10% กันเลยทีเดียว บวกกับเหตุ อีก 3 เหตุผลที่ควรไปซื้อ โน้ตบุ๊ค เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค อัลตราบุ๊ค ในงาน Commart Summer Sale 2015 ซึ่งเมื่อเพื่อนๆ ได้อ่านรับรองว่าต้องอยากไปซื้อ โน้ตบุ๊ค เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค อัลตราบุ๊ค ในงานกันอย่างแน่นอน


1 Commart ตรงกับช่วงเปลี่ยนผ่านพอดี ลดราคาเยอะ

ช่วงสิ้นไตรมาศที่ 1 ข้ามมายังช่วงไตรมาศที่ 2 ของทุกมักจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ ของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค อัลตราบุ๊ค อยู่เสมอๆ ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงนี้หลายๆ เจ้าก็จะนำเอาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ตัวเก่า ส่วนตัวเก่าก็จะนำมาจัดโปรโมชั่นลดราคากันแบบเยอะเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งกับงาน Commart Summer Sale 2015 ที่หลายๆ ดีเลอร์จะนำโน้ตบุ๊ครุ่นก่อนมาลดราคา (ยกตัวอย่างเช่น Intel Core 4th Genneration Haswell พ่วงการ์ดจอ GeForce GTX 7xxM) หลักหลายๆพัน อาจจะมี 1 พันไปจนถึงหมื่นบาทก็ไม่แปลกครับ ซึ่งนับเป็นโอกาสเหมาะมากที่จะซื้อโน้ตบุ๊ครุ่นก่อน แต่ยังมีประสิทธิภาพที่สูงในราคาคุ้มค่ามากเป็นพิเศษ

ส่วนเพื่อนๆ ที่ไม่อยากโน้ตบุ๊ครุ่นก่อนในงาน Commart Summer Sale 2015 ทาง NBS รับรองได้เลยว่าในงานนี้จะมี โน้ตบุ๊ค เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค อัลตราบุ๊ค รุ่นใหม่ๆ (ยกตัวอย่างเช่น Intel Core Intel Core 5th Genneration Broadwell พ่วงการ์ดจอ GeForce GTX 9xxM) ให้เลือกซื้อหากันหลากหลายรุ่นกันอย่างจุใจแน่นอน แต่ในเรื่องราคาอาจจะลดได้ค่อนข้างน้อย แต่ถ้ามองในมุมของการซื้อก่อนใช้ก่อนรับรองถูกใจแน่นอน


2 Commart ผ่อนได้ 0% 24 เดือนได้ และลดจากป้ายได้อีกด้วยนะ

Commart Summer Sale 2015 แน่นอนว่าต้องมีการชำระเงินในลักษณะของการผ่อนแบบ 0% เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว แต่จะได้ 4 เดือน 24 เดือนก็แล้วแต่สถาบันการเงิน ซึ่งในงานมีโปรโมชั่นนี้มาแน่ๆ กับทุกๆ แบรนด์และทุกๆ ดีเลอร์ครับ แถมส่วนใหญ่ยังมาพร้อมด้วยเครดิตเงินคืนหลักพันไปจนถึงหลักหมื่นเรียกว่า คุ้มค่าสุดๆเลยละครับสำหรับคนที่ชอบรูดปรื๊ด รูดปรื๊ดกันอยู่แล้ว ซึ่งหาจากหน้าร้านปกติตามพันทิป หรือ IT Mall ต่างๆ ไม่ได้

เช่นกันกับในเรื่องของการชำระเงินสดที่นอกเหนือจาก โน้ตบุ๊ค เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค อัลตราบุ๊ค จะลดราคาตามธรรมเนียมของงาน Commart Summer Sale 2015 การซื้อแบบเงินสดเองก็สามารถต่อราคาพิเศษจากป้ายได้ด้วยละครับ ซึ่งบางเจ้าต่อดี ต่อกล้าหน่อยๆมีลดให้จากราคาโปรโมชั่นอีกมากถึง 3-10% กันเลยทีเดียว หรือว่าง่ายคือ 1 หมื่นลดเพิ่มอีกสูงสุด 1 พันบาทกันเลยทีเดียวละครับ

3 Commart ของแถม ของแจกเยอะ กิจกรรมเยอะขนกลับกันหน้ามืด

Commart Summer Sale 2015 เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นงานใหญ่ระดับประเทศที่แน่นอนว่าแบรนด์ต่างๆ ก็ต้องไปจัดบูธ และกิจกรรมมากมายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าซื้อ โน้ตบุ๊ค เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค อัลตราบุ๊ค ภายในงาน ขอเพียงกล้าขอเท่านั้นและรับรองของแถมมาเต็มสูบแน่นอนไม่ว่าจะเป็น แผ่นรองเม้าส์ , แฟลดไดร์ฟ , พัดลมระบายความร้อนโน้ตบุ๊ค , หูฟัง , เมาส์ไวเลส , คีย์บอร์ด , ชุดทำความสะอาด , Vocher ลดราคาต่างๆ , เสื้อแบรนด์ , กระเป๋าโน้ตบุ๊ค , External HDD , SSD หรือแม้แต่แรม 4GB-8GB ก็มีมาลด แลก แจก แถมกันในงานเลยละครับ หรือถ้าอยากได้แบบฟรีแนะนำให้ไปร่วมกิจกรรมจากทางบูธครับรับรองได้อะไรติด ไม้ติดมือกันมาไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน ขอเพียงใจกล้าๆ หน่อย

พอจะทำให้เพื่อนๆ มั่นใจกันบ้างไหมละครับกับ 3 เหตุผลที่ควรไปซื้อ โน้ตบุ๊ค เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค อัลตราบุ๊ค ในงาน Commart Summer Sale 2015 บอกได้เลยว่าถ้าเพื่อนๆ อยากได้โน้ตบุ๊คถูก ของแถมเยอะแล้วละก็ขอแนะนำให้ไปงานนี้กันได้เลยนะครับรับรองโดนใจแน่นอน ส่วนโปรโมชั่นในงานทางทีมงาน NotebookSPEC จะมาอัพเดทในวันงานให้ดูกันเรื่อยๆ ครับ

ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ




 

Create Date : 17 มีนาคม 2558    
Last Update : 17 มีนาคม 2558 8:24:03 น.
Counter : 1059 Pageviews.  

เหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้ iPhone เปลี่ยนมาใช้ Galaxy S6

ผลสำรวจชี้ เหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้ iPhone เปลี่ยนมาใช้ Samsung Galaxy S6 เป็นเพราะ...?

     ecoATM บริษัทรันเทิร์นสมาร์ทโฟนเก่า ได้เผยผลสำรวจ ผู้ใช้สมาร์ทโฟน ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี จำนวน 1,050 ราย ในหัวข้อ เหตุผลอะไรที่จะทำให้ผู้ใช้ iPhone เปลี่ยนมาใช้ Samsung Galaxy S6 ได้ ซึ่งผู้ทำการสำรวจ 22% เผยว่า ถ้าหาก Samsung Galaxy S6 เปิดตัวมาด้วยราคาที่ถูกกว่า ก็อาจจะเปลี่ยนใจมาใช้ก็ได้


Image Credit: Hallels

      แน่นอนว่าผลการสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใช้ iPhone ส่วนใหญ่เปลี่ยนใจมาใช้แบรนด์อื่นได้ยากพอสมควร เนื่องจากผลการสำรวจจำนวน 26% เผยว่า จะไม่มีทางเปลี่ยนใจมาใช้ Samsung Galaxy S6 โดยเด็ดขาด แต่ถ้าหากตัดปัจจัยด้านราคาออกไป

     สาเหตุที่จะทำให้ผู้ใช้ iPhone เปลี่ยนใจมาใช้ Samsung Galaxy S6 ก็คือ เรื่องของแบตเตอรี่ 21%, หน้าจอใหญ่กว่า 18% และอีก 3% จะเปลี่ยนมาใช้ Samsung Galaxy S6 ถ้าหากเซเลปที่ชื่นชอบ หันมาใช้ Samsung

รายละเอียดเพิ่มเติม : phonearena.com

สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com




 

Create Date : 17 มีนาคม 2558    
Last Update : 17 มีนาคม 2558 8:23:03 น.
Counter : 815 Pageviews.  

[รีวิว] Samsung Galaxy A5 มือถือดีไซน์เรียบหรู

[รีวิว] มือถือดีไซน์เรียบหรู สไตล์ Metal บางเฉียบเพียง 6.7 มิลลิเมตร ยกระดับการถ่ายภาพ Selfie อีกขั้น ด้วยกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล

     เรียกได้ว่าช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 นี้ มือถือจากแบรนด์ชั้นนำ เริ่มรุกตลาดกันอีกครั้ง โดยนอกจากจะเน้นในเรื่องของ สเปคและการออกแบบแล้ว มือถือ Selfie เริ่มได้นับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่น สมาร์ทโฟน ที่ทางทีมงาน techmoblog จะนำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ นั่นก็คือ Samsung Galaxy A5 นั่นเอง

     โดยมือถือซัมซุง รุ่นนี้ มาพร้อมกับ ดีไซน์สุดหรู ด้วยเทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ All-Metal Unibody ที่ถือว่า เป็น มือถือซัมซุง รุ่นแรกที่มีตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมด ซึ่งเป็นการออกแบบที่ต่อยอดมาจาก Samsung Galaxy Alpha นั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้น Samsung Galaxy A5 ยังบางเฉียบเพียง 6.7 มิลลิเมตร ที่ถือว่า เป็น สมาร์ทโฟนซัมซุงที่บางที่สุดที่เคยมีมาอีกด้วย

     สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ของ Samsung Galaxy A5 ก็ถือว่า น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลขนาดกว้าง 5 นิ้ว แบบ Super AMOLED, หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล

     กล้องด้านหน้าแบบ Selfie ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มาดูกันดีกว่าว่า Samsung Galaxy A5 รุ่นนี้ จะมีฟังก์ชันใดน่าสนใจอีกบ้าง กับบทความ รีวิว Samsung Galaxy A5 โดยทีมงาน techmoblog ครับ

สเปค Samsung Galaxy A5

    - จอแสดงผลกว้าง 5.0 นิ้ว แบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล (294 ppi)
    - หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core ARM Cortex-A53 Processor (Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410 chipset) ความเร็ว 1.2 GHz
    - หน่วยประมวลผลภาพ Adreno 306 GPU
    - RAM 2 GB
    - หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 64 GB
    - รัน Android 4.4.4 (KitKat)
    - กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
    - กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED

- แบตเตอรี่ขนาด 2300 mAh

รีวิว Samsung Galaxy A5 : ดีไซน์ และ การออกแบบ

     Samsung Galaxy A5 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.0 นิ้ว แบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล (294 ppi) ซึ่งตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด เหมาะมือ และน้ำหนักเบาเพียง 123 กรัม

     ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ลำโพงสำหรับสนทนา, Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม และกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ (Back)

     ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1 แบบ nanoSIM, ช่องใส่ซิมการ์ดที่ 2 แบบ nanoSIM หรือช่องสำหรับใส่หน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card (ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถใส่พร้อมกันได้) และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง และล็อคหน้าจอแสดงผล ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มปรับระดับเสียง

     ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา, พอร์ต microUSB และช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร

     Samsung Galaxy A5 มาพร้อมกับกล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และลำโพงเสียง โดยฝาหลัง ไม่สามารถถอดออกเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ครับ

รีวิว Samsung Galaxy A5 : อินเทอร์เฟส และการใช้งานเบื้องต้น

     Samsung Galaxy A5 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 (KitKat) และอินเทอร์เฟสแบบ TouchWiz UI ปลดล็อคหน้าจอได้ด้วยการปัด ส่วนการกดปุ่ม Power ค้างไว้ จะเข้าสู่เมนูลัด ซึ่งได้แก่ ปิดเครื่อง, โหมดการบิน, เริ่มใหม่, โหมดฉุกเฉิน, เปิด-ปิดเสียง และเปิด-ปิดระบบสั่น

     การกดปุ่ม Recent Apps ค้างไว้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบการใช้งานได้ตามใจ เช่น เปลี่ยนวอลเปเปอร์, เพิ่ม Widget และอื่นๆ แต่การแตะปุ่ม Recent Apps 1 ครั้ง จะเข้าสู่เมนู Multitasking นั่นเอง สามารถสลับการใช้งานไปยัง แอปพลิเคชันอื่น ที่เปิดก่อนหน้านั้นได้ หรือลบแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้งาน

     Notification Center แถบรวมการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งข้อความจาก SMS, อีเมล รวมไปถึงเมนูลัดในการตั้งค่าการใช้งาน เช่น เปิด-ปิด Wi-Fi, GPS, เสียง, การหมุนหน้าจอ, เปิด-ปิด Bluetooth รวมไปถึงการปรับความสว่างของหน้าจออีกด้วย

     Samsung Galaxy A5 มาพร้อมกับ Ultra Power Saving Mode โหมดประหยัดพลังงาน ด้วยการเปลี่ยนหน้าจอเป็นสีขาว-ดำ และปิดการใช้งานฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น ซึ่งสามารถใช้งานได้ต่อนานถึง 24 ชั่วโมง แม้ว่าแบตเตอรี่จะเหลือแค่ 10%

     สำหรับหน้ารวมแอปพลิเคชันทั้งหมดบน Samsung Galaxy A5 เครื่องนี้ จะเห็นได้ว่า ประกอบด้วย แอปพลิเคชันพื้นฐานให้ใช้งานกันครบถ้วนเลยทีเดียว แต่ถ้าหากยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ที่ Play Store

     ในส่วนของหน้าการใช้งานโทรศัพท์บน Samsung Galaxy A5 นอกจากจะสามารถกดโทรออกแบบปกติได้แล้ว ปุ่มล่างซ้าย จะเป็นการโทรแบบวีดีโอ

     บน Samsung Galaxy A5 นั้น มีเบราว์เซอร์ให้เลือกใช้งาน 2 แบบด้วยกัน นั่นก็คือ Android Browser และ Chrome แต่ถ้าหากยังไม่ถูกใจ สามารถดาวน์โหลดเบราว์เซอร์เพิ่มเติมได้ ที่ Play Store

     Samsung Galaxy A5 นั้นมาพร้อมกับระบบ GPS และ A-GPS ในตัว สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันประเภทการนำทางได้ทันที รวมถึงแอปพลิเคชัน ในเครื่องอย่าง Google Maps ด้วยเช่นเดียวกัน

ส่วนแอปพลิเคชันพื้นฐานบนเครื่อง นอกจากมีทั้ง เครื่องคิดเลข และ เครื่องบันทึกเสียง ให้ได้ใช้งานกันแล้ว

ยังมีวิทยุ FM ในตัวอีกด้วย ซึ่งก่อนใช้งาน จะเป็นเสียบหูฟังเสียก่อน

     สำหรับการดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน นอกจากจะมี Play Store แล้ว ยังมี GALAXY Apps ซึ่งเป็นแหล่งรวมแอปพลิเคชันที่ทาง ซัมซุง ได้คัดสรรมาให้ผู้ใช้ได้เลือกดาวน์โหลดกันนั่นเอง

มาทดสอบการเล่นเกมบน Samsung Galaxy A5 กันบ้าง โดยรุ่นนี้ มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core ARM Cortex-A53 Processor (Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410 chipset) ความเร็ว 1.2 GHz, หน่วยประมวลผลภาพ Adreno 306 GPU และ RAM 2 GB แน่นอนว่า สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด

     ปิดท้ายด้วยการทดสอบ Benchmark กันบ้าง โดยผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Quadrant วัดความเร็วในการทำงานของ CPU และกราฟฟิค อยู่ที่ 12285 คะแนน และ AnTuTu ทดสอบ CPU, 2D & 3D graphics, SD card และ Database อยู่ที่ 20006 คะแนน

ส่วนมัลติทัช รองรับที่ 10 จุดครับ

รีวิว Samsung Galaxy A5 : ทดสอบกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

     สำหรับ Samsung Galaxy A5 นั้น ถือว่าเป็น มือถือซัมซุง อีกรุ่น ที่เกิดมาเพื่อการ Selfie ด้วยกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพได้ด้วย การสั่งงานด้วยเสียง หรือยกฝ่ามือเพื่อชัตเตอร์ภาพ

     ไม่เพียงเท่านั้น Samsung Galaxy A5 ยังมาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพแบบ Wide Selfie สำหรับการถ่ายภาพกลุ่ม ด้วยการสร้างภาพ Selfie แบบ Panorama รวมภาพถ่าย 3 ภาพที่ถ่ายจากด้านซ้าย, ตรงกลาง และด้านขวาเข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถถ่ายภาพได้มุมกว้างถึง 120 องศาเลยทีเดียว

     สำหรับกล้องด้านหน้านั้น จะมี Beauty Mode นั้น ให้ปรับแต่งภาพทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ รีทัชใบหน้า, หน้าเพรียว และปรับตาโต ซึ่งปรับได้สูงสุดถึง 8 ระดับครับ

     นอกจากนี้ ยังมีโหมดที่เรียกว่า ยกฝ่ามือเซลฟี่ หรือการชัตเตอร์ภาพได้ง่ายๆ ด้วยการยกมือขึ้นนั่นเองครับ โดยเมื่อกล้องสามารถจับภาพ ฝ่ามือ ได้แล้ว จะทำการชัตเตอร์ให้ภายในเวลา 2 วินาที

รีวิว Samsung Galaxy A5 : ทดสอบกล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล

     ส่วนกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy A5 มาพร้อมเซ็นเซอร์ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดการถ่ายภาพให้เลือกมากมาย ได้แก่ อัตโนมัติ, เซลฟี่กล้องหลัง, พาโนรามา, กลางคืน และ GIF นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดโหมดการถ่ายรูปเพิ่มเติมได้

สำหรับการตั้งค่าการ ถ่ายภาพ ก็ได้แก่ ตั้งค่าการรับแสง, ISO, สมดุลสีขาว, โหมดเครื่องวัด, สัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, ขนาดของคลิปวีดีโอ, โหมดการบันทึก, แท็กสถานที่, เส้นตาราง, ควบคุมด้วยเสียง, ปุ่มระดับเสียง, ตรวจสอบรูปภาพ/วีดีโอ และรีเซ็ตการตั้งค่า

ลองมาชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล บน Samsung Galaxy A5 ครับ

สรุปการใช้งาน

สำหรับจุดเด่นอันดับแรกบน Samsung Galaxy A5 คงต้องยกให้กับเรื่องของ การออกแบบ ในดีไซน์ที่เรียกว่า Metal Slim Design ที่ ถือว่า เป็น มือถือซัมซุง รุ่นแรก ที่ถูกออกแบบด้วยโลหะทั้งหมด ทั้งด้านข้าง และด้านหลัง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความหรูหรา และสวยงามแล้ว ยังแข็งแรงทนทานอีกด้วย นอกจากนี้ ยังบางเฉียบเพียง 6.7 มิลลิเมตรเท่า นั้น บางที่สุดในบรรดา มือถือซัมซุง ทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้น Samsung Galaxy A5 ยังมาพร้อมกับ คุณสมบัติ ที่โดดเด่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลกว้าง 5 นิ้ว, หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.2 GHz, RAM ขนาด 2 GB, รองรับ NFC และรัน Android 4.4.4 (KitKat)

และจุดขายอีกอย่างบน Samsung Galaxy A5 ก็คงจะเป็นเรื่องของ กล้องถ่ายรูป ที่โดดเด่นทั้งกล้องด้านหน้า และด้านหลัง โดยกล้องด้านหน้า เป็นกล้องแบบ Selfie มาพร้อมความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และโหมดถ่ายภาพ Beauty Mode ที่ปรับแต่งใบหน้าให้สวยเนียนได้ดังใจ ส่วนกล้องด้านหลัง มาพร้อมกับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และโหมดการถ่ายภาพที่มีให้เลือกใช้กันอย่างจุใจ เรียกได้ว่า Samsung Galaxy A5 รุ่นนี้ เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่น ที่ครบครันทุกการใช้งานครับ โดยมีราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 12,900 บาท และมีให้เลือก 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สีขาว, สีดำ และสีทอง วางจำหน่ายแล้วที่ Samsung Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศครับ

จุดเด่นของ Samsung Galaxy A5

• ดีไซน์ตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมด ทั้งกรอบด้านข้าง และด้านหลังตัวเครื่อง
• บางเฉียบเพียง 6.7 มิลลิเมตร
• จอแสดงผลกว้าง 5.0 นิ้ว แบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล (294 ppi)
• หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core ARM Cortex-A53 Processor (Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410 chipset) ความเร็ว 1.2 GHz
• หน่วยประมวลผลภาพ Adreno 306 GPU
• RAM 2 GB
• หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 64 GB
• รัน Android 4.4.4 (KitKat)
• กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
• กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
• แบตเตอรี่ขนาด 2300 mAh
• รองรับเทคโนโลยี NFC
• ระบบ GPS ในตัว พร้อมฟังก์ชัน A-GPS และ GLONASS ระบบดาวเทียมของรัสเซีย
• Ultra Power Saving Mode โหมดประหยัดพลังงาน ด้วยการเปลี่ยนหน้าจอเป็นสีขาว-ดำ และปิดการใช้งานฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น ซึ่งสามารถใช้งานได้ต่อนานถึง 24 ชั่วโมง แม้ว่าแบตเตอรี่จะเหลือแค่ 10%
• มีวิทยุ FM ในตัว

จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม

• ไม่สามารถแกะฝาหลัง เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
• ความละเอียดของหน้าจอ ไม่ใช่ระดับ Full HD

ข้อควรทราบ: “เครื่อง Samsung Galaxy A5 ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ซัมซุง เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง”

สนับสนุนเนื้อหา: techmoblog.com




 

Create Date : 15 มีนาคม 2558    
Last Update : 15 มีนาคม 2558 21:23:07 น.
Counter : 1819 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.