Group Blog
 
All Blogs
 
คู่แข่งทางธุรกิจ....พันธมิตรทางการค้า

โห....... อันนี้นานมากๆ ค่ะ ตั้งแต่ปี 2004

*********************************************

อันเนื่องด้วยความสำนึกผิด ที่หายหน้าหายหัวไปนาน เพื่อนพี่น้องก็ยังให้อภัย Happy Birthday ให้ เลยคิดว่า เอ..เราน่าจะทำตัวให้เป็นประโยชน์มากกว่าเดิม ตอบแทนให้กับมิตรภาพดีดี ที่เราได้รับนานี่... -_-'

เลยมาเฉลยดีกว่า ที่หายไปเพราะ ลงไปภูเก็ตมาเมื่อต้นเดือนค่ะ เพราะมีศูนย์การค้าเปิดใหม่ที่นั่น แล้วแบรนด์เล็ก แบรนด์น้อยทั้งหลายที่อยู่ในความรับผิดชอบ ก็ลงไปเปิดร้านที่นั่นด้วย

ด้วยความที่ภูเก็ตเป็นตลาดใหม่ สำหรับบางแบรนด์ งานแบมเลยยืดเยื้อ แม้ว่าจะกลับขึ้นมากรุงเทพฯแล้วก็ตาม

เกริ่นมา 3 ย่อหน้า เข้าเรื่องดีกว่า การลงไปภูเก็ตครั้งนี้ ให้อะไรหลายอย่างที่มีค่าสำหรับแบม แล้วแบมก็เชื่อว่า น่าจะเป็นสิ่งที่พอจะมีประโยชน์กับทุกคน ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในธุรกิจไหน หรือเป็นผู้ประกอบการอยู่ในธุรกิจใด

แบมอยู่ในธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจที่ใครๆ มองว่า ต้องไวและโหดถึงจะอยู่รอด เผลออาจโดนเชือดได้ เพราะแข่งขันกันรุนแรงแทบฆ่ากันตาย แต่สำหรับแบม แบมคิดว่า ธุรกิจร้านอาหารนี่สนุกนะ โดยเฉพาะตอนเปิดร้านใหม่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเปิดร้านใหม่ พร้อมๆ กับการเปิดใหม่ของศูนย์การค้าด้วย

ก่อนหน้าการเปิดศูนย์ฯ หนึ่งวันทุกอย่างจะฉุกละหุกและยุ่งเหยิงสุดขีด ขอให้นึกภาพ ว่า ในศูนย์การค้าหนึ่งๆ มีร้านอาหารเป็นสิบแบรนด์ ต่างสี ต่างค่าย ต่างก็ต้องเตรียมความพร้อมของร้านตัวเอง พร้อมๆ ไปกับการประชุมๆๆๆ เพื่อวางกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อช่วงชิงลูกค้าที่จะหลั่งไหลมาในวันรุ่งขึ้น บรรยากาศมันน่าจะตัวใครตัวมัน อึมครึมชอบกล แต่ความจริงกลับไม่ใช่...

เพราะเราไม่ใช่ “ศัตรู” ต่อกัน เราเป็นเพียงผู้ที่บังเอิญอยู่ร่วมในสนามการแข่งขันเดียวกัน เราเป็นแค่ “คู่แข่งทางธุรกิจ” แค่นั้นเอง

บรรยากาศในวันก่อนเปิดศูนย์ฯ เป็นบรรยากาศที่ลูกค้าหรือคนทั่วไปอาจงง หากมีโอกาสเห็น เพราะพวกเราจะมีธรรมเนียมปฏิบัติต่อกันอย่างหนึ่ง คือ แต่ละแบรนด์จะทำการปรุงแต่งอาหารของตนอย่างสุดฝีมือเต็มที่ โดยถือว่าเป็นการ Soft Test เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ไปด้วยในตัว หลังจากอาหารเสร็จแล้ว บรรดาผู้บริหารร้านแต่ละแบรนด์ ต่างก็จะจัดขบวนพาเหรดพาพนักงานในร้านของตน ออกเยี่ยมร้านของแบรนด์อื่นๆ เพื่อทำความรู้จักกัน และ เชิญมาร่วมทานอาหารของร้านตนเอง งานนี้ ไม่มีค่าย ไม่มีเส้นแบ่งใดๆ มีแต่เรื่องอิ่มท้องและเสียงหัวเราะล้วนๆ...

เรามีธรรมเนียมแบบนี้เพื่ออะไร? หลายคนตอบได้ หลายคนบอกมันหาเรื่องกินฟรี แต่จริงๆ แล้ว เป้าหมายของธรรมเนียมนี้ คือ การปลูกฝังทัศนคติ “การเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ” ให้แก่พนักงานของแต่ละร้าน เราอยู่ในธุรกิจนี้ เพื่อแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ทำให้ลูกค้ายอมรับ (ที่จะจ่ายเงินให้เรา)

แล้วทัศนคติอย่างนี้ มันดีอย่างไร ? มันไม่ได้ดีแต่เฉพาะผู้บริหาร แต่มันดีต่อพนักงานร้านโดยตรง โดยเฉพาะหลังจากผู้บริหารกลับสู่มาตุภูมิกันหมดแล้ว เมื่อพนักงานมองผู้แข่งขันเป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู ชีวิตการทำงานจะง่ายขึ้นเยอะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หลังม่านการต่อสู้ในแต่ละวัน พนักงานแต่ละแบรนด์ แบ่งข้าวกล่องกินกัน (บางแบรนด์ขายดีไม่มีเวลาซื้อ แบรนด์ขายไม่ดีซื้อมาฝาก) วิ่งขอยืมเหรียญบาทกัน ขอยืมน้ำแข็งกัน ขอตัวพนักงานข้ามแบรนด์ข้ามค่ายก็ยังมี (เช่น แบรนด์เล็กๆ ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก มักจะหาพนักงานยาก จึงมักฝากแบรนด์ใหญ่ๆ ช่วยรับสมัครพนักงานด้วย ) ... ธุรกิจร้านอาหารนี่ มันสนุกดีจริงๆ ว่าไหม?

การปลูกฝังทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่เป็นหน้าที่โดยตรงของผู้บริหาร วัฒนธรรมขององค์กรที่ถูกสร้างและปฏิบัติโดยผู้บริหาร จะหลั่งไหลซึมลงไปทั่วองค์กร มันคือ คำอธิบายง่ายๆ “คุณเป็นอย่างไร ลูกน้องคุณก็เป็นอย่างนั้น” ถ้าคุณชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง บอกว่า เกลียดมัน มันบังหน้าร้านเรา พรุ่งนี้ จะมีลูกน้องที่ภักดีต่อคุณถามคุณว่า จะให้ตัดเลยไหม ถ้าคุณบอกว่า เออ ต้นไม้นี้ดี ยืนต้นอยู่ตั้งไกล แต่ยังมีร่มเงามาถึงเรา มีคนมาพักใต้ร่มเงาเยอะเลย ลูกค้าเราน่าจะเยอะขึ้นนะ พรุ่งนี้ ลูกน้องคุณจะเอาผ้าสี ไปผูกต้นไม้นั้น 555 ไม่ใช่ๆๆ... อันนี้ล้อเล่น ลูกน้องคุณจะรู้สึกเป็นมิตรกับต้นไม้จังเลยต่างหาก

พาเหรดชวนกินแหลก ของพวกเราไม่ได้จำกัด อยู่แค่ในธุรกิจร้านอาหาร แต่เราเดินไปทั่ว เชิญไปทั่ว และแน่นอน ที่ๆ เรามุ่งจะเดินไปเชิญ คือ ผู้ที่เราคาดหวัง ว่า จะเป็น “พันธมิตรทางการค้า” ของเราในอนาคตนั่นแหละ

ใครกัน จะเป็นพันธมิตรทางการค้าเราได้? ก็ธุรกิจที่มีลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มเดียวกับเราน่ะสิ ผูกมิตรไว้เถิด ไม่เสียหลาย อนาคตมีโอกาสร่วมกันหาเงินแน่นอน อ้อ.... ยังไม่หมดเนอะ เรายังเดินไกล ไปเชิญธุรกิจอื่นๆ ที่เอื้อต่อการปฏิบัติงานของร้านด้วย ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารในศูนย์ฯ (พนักงานร้านเราต้องฝากเงินเข้าแบงค์นี้ทุกวัน) เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ (พนักงานร้านเราต้องติดต่อประสานงานประจำ) หรือแม้แต่ แม่บ้าน และ รปภ. ที่เดินไปเดินมาในศูนย์ฯ ต่างก็มีส่วนช่วยให้งานของเรา ง่ายยยยย... ขึ้นทั้งนั้น

กระทู้นี้ยาวเหยียดตามเคย ขออภัย รู้สึกผิดที่ทำให้ตาลาย แต่ก็ยังอยากเล่า แบมเชื่อว่า มันไม่มีหรอก การที่ใครสักคนจะเดินมายืนอยู่ตรงหน้าคุณ แล้วปวารณาตัวเองว่า เฮ๊! คุณ ชั้นเป็นศัตรูของคุณนะ ! สิ่งที่เป็นตัวตัดสินว่า ใครเป็นศัตรูของเราหรือไม่ อย่างไร จริงๆ แล้ว มันก็คือ “ใจ” เราเอง ไม่ใช่หรือ? แบมคิดว่า บรรยากาศแห่งความเป็นมิตร เกิดได้ทุกมุมในสังคม ไม่ว่าคุณจะอยู่ในธุรกิจไหนก็ตาม ถ้าจะมีบางมุมที่ยังไม่มีบรรยกาศอย่างนี้ แบมคิดว่า มันเป็นเพราะ “ยังไม่มีคนเริ่มสร้าง” แค่นั้นเอง บางที อาซิ่มร้านตรงข้ามที่ยืนหน้าหงิกมองร้านคุณอยู่ อาจรอให้คุณเดินไปทักก็ได้นะ ลองดูสิคะ

จากคุณ : bam_ka@ - [ 16 ก.ย. 47 01:59:33 ]



Create Date : 19 ธันวาคม 2551
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 17:42:25 น. 0 comments
Counter : 1045 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bam_ka@
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add bam_ka@'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.