Group Blog
 
All Blogs
 

เกลียดหยุด คือ หยุดเกลียด

แบมเกลียดลูกนก

ลูกนกที่หัวโล้นๆ ไม่มีขน เห็นแต่หนัง
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

พักนี้ลูกนกเข้าใกล้ชีวิตแบมมากขึ้นทุกที ล่าสุดครอบครัวนกมาทำลังแถวๆ ที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ห้องนอนแบม คลอดลูกกันสนุกสนานไปหลายล็อต ตอนนอนได้ยินเสียงจุ๊บจิ๊บๆๆ ตลอดเวลา แบมอยู่ใกล้สิ่งที่เกลียดแค่ผนังกั้นทุกวันโดยไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง คิดในใจว่าก็ดี ถือเป็นเครื่องมือในการบริหารความเกลียด เกลียดกันก็จริง แต่ไม่จำเป็นต้องทำลายล้างกัน

วันนี้เปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆ จากสวน ก็ถึงกับช็อค ที่เห็นความเกลียดมาอยู่ตรงหน้า ก็เจ้าลูกนกวัยใกล้บินได้แล้ว ดันตกลงมาจากรังนอนนิ่งอยู่ที่พื้น ขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ส่ายหัวอันไร้ขน หง่อกแหง่ก ไปมา ยืนมองเนิ่นนานแบบความคิดเวียนวน ชั้นเกลียดเธออ่ะ เธอเจ็บไหม แต่ชั้นไม่สามารถช่วยนะ ชั้นใกล้เธอไม่ได้ แต่เธอจะรอดไหม....

ทำไงดีฟะ.... กลับมานั่งเทส้มตำที่เพิ่งซื้อมาใส่จาน นั่งทำใจอยู่นาน ก็ยังกินไม่ลง เอาฟะ เอาไงเอากัน เลยเอาขนมปังนิ่มๆ ทำเป็นชิ้นป่นๆ กับ เอาน้ำใส่ถาดพลาสติก เดินขาสั่นๆ ไปให้กิน อันนี้เต็มที่แล้วจริงๆ ขอให้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนที่เกลียดสิ่งนี้จริงๆ

ยิ่งเข้าไปใกล้ๆ ยิ่งแบบ อ๊ากกกกกกกกกกซ์ ต้องประคองสติมากมาย เพราะต้องเอาขนมปังกับน้ำไปจ่อใกล้ปากเค้า เค้าก็กลัวเราแต่ขยับไม่ได้ เราก็เกลียดเข้าแต่ต้องเข้าไปใกล้ๆ กลั้นหายใจจนจัดการแล้วเสร็จ ก็รีบวิ่งจู๊ดกลับเข้าบ้าน ไปซุ่มรอดู ภาวนาให้เค้าฝืนกิน จะได้มีแรง บินๆ ไปซะ กลัวนะเฟ้ยยย

ความรู้สึกแรก ตอนเห็นเค้ากิน ทำไมเรายิ้มก็ไม่รู้ ลุ้นยิ่งกว่าดูบอลโลก เธอกินขนมปังเสร็จ ก็ยังนั่งพักซักครู่ จิบน้ำนิดหน่อย แล้วเธอก็ลุกขึ้นได้ !!! แม่เจ้า ! ยูเรก้า ! เธอยืนสักพัก แล้วเธอก็ก้าวเข้าไปยืนในถาดน้ำ -_-' เธอทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร หรือเธอหวังจะให้วารีบำบัดขาเธอ เธอแช่อยู่อย่างนั้นนานพอดู แล้วเธอก็ค่อยๆ เดินออกจากถาด เดินต้วมเตี้ยมไปมา คงอยู่ระหว่างกายภาพบำบัด แบบเซ็งตัวเองว่า วันหลังชั้นจะไม่ซนจนตกลงมาอีกแล้ว




แบมกลับมานั่งกินส้มตำสบายใจ พลางคิดที่แม่สอนไว้ว่า ถ้าเราเกลียดใคร หรือแม้แต่ใครเกลียดเรา ความเกลียดนั้นหยุดได้ เมื่อเราหยุดเกลียด ฟังไปก็แบบว่าไม่เข้าใจ ยังไงเนี่ย แม่หมู พูดจางงๆ แม่เลยต้องแปลภาษาไทย เป็นภาษาไทย ให้ลูกที่เข้าไม่ถึงสัจธรรมฟังว่า ความรู้สึกเกลียดมันเกิดจากขยะในใจเราเอง ขยะที่มาจากการจดจำภาพแย่ คำพูดแย่ๆ ในอดีตในปัจจุบัน สะสมบ่มเน่ากันอยู่ตรงนั้น ใจเน่าๆ มันก็สร้างความรู้สึกที่เน่าหนอนพอกัน ถ้าหยุดความเน่าในใจได้ ใจมันก็ไม่รู้จักวิธีสร้างความรู้สึกเกลียด


ตกลงคือ เลิกเก็บ เลิกสะสม ภาพเน่าๆ คำพูดเน่าๆ จากคนเน่าๆ ที่ไม่สร้างสรรค์จิตใจ ความรู้สึกเกลียดชัง ก็จะหยุดลง


ในชีวิตทำงานแค่เปิดประตูห้องทำงาน ก็เจอแต่ความรู้สึกเน่าๆ จากคนเน่าๆ มากมาย มันก็ปกติของโลกต่างตอบแทน ประโยชน์ขององค์กร ประโยชน์ของหน่วยงาน ประโยชน์ของทีมงาน บางทีมันก็ไหลไปทิศทางเดียวกัน แต่บางทีมันก็ไหลเป็นกากบาทขัดแย้งกัน โลกแห่งการทำงานแบบ dark side จึงเต็มไปด้วยคนเน่าๆ ที่ยิ้มกับเราเสมอ ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความคิดเน่าๆ สมองคิดแต่เรื่องเน่าๆ และ ปากก็เชือดเฉือนคนอื่นด้วยคำพูดเน่าๆ


เกลียดหยุด คือ หยุดเกลียด หยุดเกลียดผู้คนเน่าๆ ด้วยการไม่รับทุกสิ่งเน่าจากพวกเขา เข้าไปในใจเรา สุขภาพจิตที่ดี จะเอื้อให้เราสามารถสร้างงานดีดี เมื่องานเราดี เราจะได้รับโอกาสให้ได้หนีไกลคนเน่าๆ เหล่านั้น ไปอยู่ที่สูงขึ้น สูงขึ้น และสูงขึ้น


จิตเราสบาย ไม่ทำร้ายผู้ใด
แต่จะมีใครอกแตกตายเพราะเราไม่เห็นเค้าอยู่ในสายตาไหม อันนี้เห็นจะรับผิดชอบไม่ไหวจริงๆ




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2553    
Last Update : 5 เมษายน 2554 23:39:26 น.
Counter : 1109 Pageviews.  

กระทู้ในตำนาน "ของฝากจากลุงกวาดถนน ให้คนทำงานทุกคน"

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้คุยกับเพื่อนเก่าชาวสีลม รื้อฟื้นเรื่องอดีตชาติมากมายมานั่งคุยกัน ซึ่งก็น่าแปลกดี ความเป็นเพื่อนนี่ มันเป็นอะไรที่แปลกดีที่ว่า ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว มันไม่มีวันจะจางหายไป แม้ไม่เจอกันนานเท่าไร หากชีวิตวนเวียนมาพบกัน มันก็ต่อติดกันได้เสมอไป


ไม่รู้คุยกันอิท่าไหน เลยเถิดไปถึงเรื่องราวหนึ่งที่แบมเคยเขียนไว้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว "ของฝากจากลุงกวาดถนน ให้คนทำงานทุกคน" เพื่อนบอกแบมว่า ได้ fwd บทความนี้ไปให้แฟนอ่าน แฟนเค้าก็บอกว่าได้อ่านมาก่อนหน้านี้แล้วทาง fwd mail เช่นเดียวกัน วันนี้เค้าทั้งคู่แต่งงานกันได้ 3 ปีแล้ว แบมฟังแล้วก็ให้รู้สึกดี ที่แบมมีส่วนอยู่ในตำนานรักของคนคู่หนึ่งด้วยล่ะ ขอให้รักนี้ยืนยงนะคะ


วันนี้ลองค้น google ดู ก็นั่งขำอยู่คนเดียว เพราะได้พบว่า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา คุณลุงกวาดถนน ของแบม ยังคงวนเวียนเพิ่มคุณค่าให้แก่คนทำงานอยู่บนโลกเน็ต คุณลุงน่าจะอยู่บนโลกเน็ตมากกว่าแบมเสียอีก เพราะแบมได้อ่าน บทความคุณลุงหลากหลายเวอร์ชั่นมาก 55555555555 บางเวอร์ชั่น กลายเป็นคนอื่นเขียนไปซะแล้ว มีทั้งคนเขียนที่เป็นหมอ เป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นสาวประเภทสองยังมีเลย ขำดีนะคะ


ไม่ดีนะคะ ไม่เอา อย่าทำอย่างนี้ การขโมยชิ้นงานผู้อื่น เป็นการฉ้อฉลชนิดหนึ่ง ไม่ควรทำอย่างยิ่ง


และนี่ คือ ต้นฉบับกระทู้ "ของฝากจากลุงกวาดถนน ให้คนทำงานทุกคน" หากในวันนี้ คุณลุงจะได้กลับมาเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดได้อีก แบมขอให้ผลแห่งกรรมดีนี้ ส่งคืนเป็นพลังให้คุณลุงสุขภาพแข็งแรงต่อไป

หมายเหตุ : แบมไม่ได้พบคุณลุงมา 5 ปีแล้วเพราะแบมย้ายบ้าน หากผู้ใดพบเห็นคุณลุงที่บริเวณซอยราชวิถี 2 รบกวนส่งข่าวให้แบมทราบด้วยค่ะ

//www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/silom/topic/B2434398/B2434398.html&Query=BAM_KA@

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ของฝากจากลุงกวาดถนน ให้คนทำงานทุกคน


เมื่อเช้าตื่นเช้าเป็นพิเศษ เลยได้ออกจากบ้านเร็ว ขับรถออกมาจากซอยเลยได้เจอ ลุงกวาดถนน หน้าตาคุ้นเคย เพราะแกประจำอยู่ซอยนี้มาหลายปีดีดัก ปกติ จะไม่มีเวลาทักกัน เพราะตื่นสายรีบมาก 55 แกเห็นรถแบมมา ก็จะ ตะเบ๊ะให้ เป็นการหยอกล้อภาคเช้า ในฐานะที่แบมเป็นลูกทหาร

เช้าวันนี้ฤกษ์ดีเวลาเหลือเฟือ เลยจอดรถแวะคุยกับแกซักหน่อย กี่ปีๆ แกก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ยืนคุยกับแกซักครู่ แกก็ไล่แบมไปทำงาน แบมขึ้นรถขับต่อ แต่ความคิดยังวนเวียนถึงหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับทัศนคติของลุงกวาดถนนที่เคยได้รับรู้มา และสร้างความชื่นชมให้เกิดขึ้นในใจเสมอว่า แกเป็นคนทำงานที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในความรู้สึกของแบม จึงอยากแนะนำเพื่อนๆ ให้รู้จักแกและเก็บเกี่ยวทัศนคติดีดีในการทำงานของแก ไปปรับใช้กับการทำงานของตน เพื่อวันหนึ่ง เพื่อนๆ จะได้มีโอกาสเป็นคนทำงานที่ยิ่งใหญ่ ในใจของใครซักคน

1. วันนี้คุยกับแกได้แป๊บเดียว แกก็ไล่แบมไปทำงาน ด้วยเหตุผลน่ารักๆ ของแกคือ "ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพักของลุง ไม่คุยเยอะ วันหลังคุยใหม่" ... ไอ้แบมถึงขั้นเหวอ เดินงงขึ้นรถ ขับจากไป

*** ความเคารพเวลาปฏิบัติงาน เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม หากวันนี้ เพื่อนๆ ยังคงใช้เวลาทานข้าวกลางวัน+แวะแบงค์+ชอปปิ้ง+ซื้อมะม่วงดอง ถึงบ่ายสอง หรือ หากวันนี้ เพื่อนๆ ยังคงใช้โทรศัพท์ขององค์กรเพื่อจู๋จี๋กับแฟน เมาท์กับเพื่อนเป็นชั่วโมง ...โปรดคิดถึงคำของลุงกวาดถนน ***

2. แบมจำได้ว่า น้อยครั้งมากที่แบมจะขับรถออกจากซอยโดยไม่ได้เจอแก วันหนึ่งฝนตกหนัก แบมยังเห็นแก นั่งก้มๆ เงยๆ แงะเศษใบไม้ที่อุดท่อระบายน้ำ เพื่อให้น้ำไหลผ่านได้สะดวก

*** ความมุ่งมั่นเพื่อทำให้งานในความรับผิดชอบของตน เป็นงานที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เสมอ เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม หากวันนี้ เพื่อนๆ ยังโทรไปขอลาหยุดงาน ด้วยเหตุผลลึกๆ ในใจที่ไม่ได้บอกฝ่ายบุคคลว่า ตื่นสายเลยขี้เกียจไป หรือ หากวันนี้ เพื่อนๆ ยังมีความคิดว่า "ทำแค่ที่สั่ง" .... โปรดนึกถึง ท่านั่งยองๆ แคะใบไม้ออกจากท่อของลุงกวาดถนน

3. มีครั้งหนึ่ง แบมแวะเติมน้ำมันที่หน้าปากซอยข้างๆ เจอลุงกวาดถนน กวาดอยู่แถวนั้น แบมก็ทัก "อ้าว ทำไมลุงมากวาดตรงนี้" ลุงบอกว่า "เพื่อนไม่มา" แบมถามว่า "แล้วหัวหน้าเขตให้ลุงมากวาดซอยนี้ด้วยเหรอคะ เหนื่อยแย่" ลุงบอกว่า "ทำไมต้องมีใครบอก?"

*** ความเอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมงาน เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม หากวันนี้ เพื่อนๆ ยังมีเวลานั่ง chat ในขณะที่เพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ ยุ่งหัวฟู หรือ หากวันนี้ เพื่อนๆ เริ่มเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน ตั้งแต่ก่อนเวลาเลิกงานครึ่งชั่วโมง ทั้งที่เพื่อนร่วมงานต้องทำงานล่วงเวลาเสมอ .... โปรดนึกถึง ภาพลุงกวาดถนนที่ต้องเดินไปอีก 500 เมตร เพื่อไปกวาดถนนแทนเพื่อน

4. ปีใหม่ปีที่แล้ว แบมถามแกว่า แกอยากได้อะไรเป็นของขวัญปีใหม่ เหล้านอกซักขวดไหมคะ? แกบอกว่า "อยากได้หมวกใบใหม่ ไว้ใส่ทำงานตอนแดดร้อนๆ" ส่วนปีนี้ แกบอกไว้นานแล้ว ว่า อยากได้กระติกน้ำที่มีที่คาดเอ็ว เพราะเวลากวาดถนนแล้วหิวน้ำ จะได้ไม่ต้องเดินไปกินไกลๆ แบมยังคิดว่า แบมจะหากระติกแบบเก็บความเย็นได้ ให้นะ

*** ความพยายามที่จะแสวงหาสิ่งที่สามารถเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการทำงาน เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม หากวันนี้ เพื่อนๆ ยังคงคิดว่า โบนัสปลายปี สำคัญกว่า การขอไปสัมนาอบรมเพื่อเพิ่มความรู้เรื่องงาน หรือ หากวันนี้ เพื่อนๆ ยังคงนั่งทำงานไป คิดไปว่า องค์กรควรจะให้อะไรกับเราเพิ่มขึ้นบ้าง แทนที่จะคิดว่า เราทำอะไรเพื่อองค์กรเพิ่มขึ้นได้บ้าง ... โปรดนึกถึง ลุงกวาดถนน กับหมวกใบเก๋ ใต้แสงแดดที่ร้อนจัด

5. ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นปีที่แล้วที่แกป่วย ไม่มาทำงานหลายวัน หลายๆ คนที่อยู่ในซอยนี้ รู้ข่าว ก็แห่ไปเยี่ยมแกที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง เข่าแกอักเสบ หลังจากนั้นไม่กี่วัน แกถูกย้ายจากโรงพยาบาลรัฐ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน ด้วยการเกื้อหนุนจากผู้ร่ำรวยน้ำใจที่อาศัยอยู่ในซอยแห่งนี้นั่นเอง (อันนี้แกเล่าให้ฟังหลังจากที่หายดีแล้ว แบมแย่มาก ไม่รู้เรื่องเลยไม่ได้ไปเยี่ยมแกเลย)

*** ความตั้งใจในการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างซื่อสัตย์และจริงใจสม่ำเสมอ(ลูกค้าของแกคือผู้ที่มีบ้านอยู่ในซอยนี้) เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และเชื่อเถอะ ว่าลูกค้าก็รู้ซึ้งถึงความตั้งใจ และจะตอบแทนความตั้งใจนั้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในสักวัน หากวันนี้ เพื่อนๆ ยังคงคิดว่า ลูกค้าที่เรื่องมากเป็นบุคคลที่น่ากำจัด หรือ หากวันนี้ เพื่อนๆ ยังคงปฏิบัติกับลูกค้าแบบขอไปที โปรดนึกถึงภาพลุงกวาดถนนนอนอยู่บนเตียงพยาบาล แล้วมีคนแปลกหน้ามาเยี่ยมเยือน เพื่อนๆ คงนึกออกว่าเป็นภาพที่น่าสุขใจเพียงใด******

ป่านนี้ลุงกวาดถนนคงหลับไปแล้ว เพราะต้องตื่นเช้า แต่แบมยังไม่หลับ ความคิดเรื่องเกี่ยวกับแกยังเวียนวน ยิ่งได้อ่านกระทู้ของเพื่อนบางคน แบมก็ยิ่งคิดถึงคุณลุงกวาดถนน

น่าภูมิใจแทน กทม. จริงๆ

จากคุณ : bam_ka@ - [ 30 ส.ค. 46 02:53:12 ]








 

Create Date : 17 ตุลาคม 2553    
Last Update : 17 ตุลาคม 2553 19:43:49 น.
Counter : 1000 Pageviews.  

เคยโดนขโมยผลงานกันไหมคะ?

ทำงานมาตั้งนาน
ได้ยินเรื่องนี้มาก็เยอะ
แต่ไม่ค่อย in เท่าไร จนกระทั่งได้มาเจอกับตัวเอง

เจอครั้งที่ 1 โฮะ! นึกภาพเหมือนเจอผีอ่ะค่ะ งงๆ เบลอๆ ที่เราเห็นเค้าถืองานกำลังพรีเซนท์อยู่นั่นทำไมมันคุ้นจัง เอ๊ย เอ๊ย มันของเรา เอ๊ย งง อะไรยังไง ... จบประชุมด้วยอาการเบลอ เมื่อกี๊มันคืออะไร

เจอครั้งที่ 2 Again ! เหตุการณ์เหมือนเดิม พัฒนาขึ้นเล็กน้อย ด้วยการปรับเปลี่ยนบางอย่างบนงาน ให้ไม่เหมือนเดิมเป๊ะๆ นั่งมอง ด้วยความสงสัย เพื่ออะไรคะเพื่ออะไร?

เจอครั้งที่ 3 ครั้งนี้ advance ขั้นสูงสุด ด้วยการนำงานแบมไป ลบชื่อแบมออก แล้วใส่ชื่อตัวเองลงไปแทน พร้อมเมล์ส่งกระจายทั่วองค์กร แถมยัง cc แบมด้วย โอ๊ววว เปิดเมล์ดูด้วยอาการอาย ... อายแทน บอกตรงๆ


เหตุการณ์ทั้ง 3 เกิดขึ้นโดยคนๆ เดียว ซึ่งมีอายุงานในองค์กรนี้ผ่านร้อนหนาวมากกว่าแบมหลายสิบปี


สิ่งเหล่านี้คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร มีเหตุผลอะไรในการกระทำนี้ ความรู้สึกของผู้ทำนั้นคืออะไร หลายคำถามวนเวียนอยู่ในสมองแบมแบบมึนงงยิ่งนัก เพราะไม่คิดฝันว่าจะเจอเรื่องราวอย่างนี้ ในองค์กรระดับนี้ ด้วยการกระทำของผู้ที่อยู่ในระดับบริหารอย่างนี้

จนถึงวันนี้แบมยังหาคำตอบไม่ได้แม้ซักคำถามเดียว แบมอยู่กับความสงสัยจนลืมความรู้สึกของตัวเอง ว่าแบมควรโกรธไหม? แบมควรจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะจนถึงวันนี้ แบมยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง ไม่แม้กระทั่งพูดคุย กับผู้ที่กระทำสิ่งนี้ หรือแม้แต่กับคนอื่นใดในองค์กร

แบมยังคงดำเนินชีวิตปกติ ยังคงสร้างงานปกติ แบมสร้าง charactor บนงานของแบมมากขึ้น เพราะแบมเชื่อว่า ทุกชิ้นงานมี charactor ของผู้ผลิตเสมอ (พูดเหมือนพวกประกอบวัตถุระเบิด)

แบมนั่งพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับพี่น้องที่ปลอดภัยพอ ทุกคนลงความเห็นว่า แบมต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ อะไรสักอย่างนั้นคืออะไร? บางคนให้แบมลุกขึ้นบอกผู้อื่นว่า งานนั้นเป็นของแบม บางคนให้แบมนั่งคุยกับผู้กระทำ และ บางคนให้แบมตอบโต้ด้วยวิธีการยิงคำถามข้อมูลลึกๆ เกี่ยวกับงานชิ้นนั้นต่อหน้าสาธารณชน


ฟังข้อเสนอแนะทั้งหลายก็ขำดี ถ้าแบมลุกขึ้นมาทำจริง ก็คงมีคนบาดเจ็บ แล้วอย่างไรต่อ มันจะทำให้แบมสุขภาพดีขึ้น อายุยืนยาวขึ้นหรือไม่? ก็คงไม่ ในเมื่อแบมยังหาคำตอบที่สร้างสรรค์ไม่ได้ แบมก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้ไปเพื่ออะไร


ถามว่าแบมโกรธไหม วูบแรกแบมคงมีโกรธนั่นแหละ แบมมันปุถุชนสามัญสูงสุด แต่ความรู้สึกหลังจากนั้นคงเป็นการอายแทนและสงสารเสียมากกว่า แบมเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยวิธีคิดแบบแบมเอง ว่า บางทีการที่คนๆ นี้มีนิสัยอย่างนี้ จึงทำให้องค์กรแช่เค้าไว้ที่ตรงนี้ ตรงที่ แบมซึ่งอายุน้อยกว่าเค้า 10 ปี เดินตามมาทันแล้ว แบมคิดว่า แค่นี้ ก็แสดงให้เห็นการพิพากษาของสังคมต่อคนๆ หนึ่งเรียบร้อยแล้ว


แบมจึงไม่ควรต้องไปแตะต้องใดๆ ให้เสียเวลาและพลังงานชีวิต เพราะในอีก 10 ปีข้างหน้า ณ วันที่แบมอายุเท่าเค้า แบมคงเดินยิ้มมีความสุขอยู่ที่ไหนซักแห่ง ในขณะที่เค้าอาจนั่งอยู่ที่เดิม และทำงานร่วมกับเด็กที่อายุน้อยกว่าเค้า 20 ปี


แบมไม่รู้ว่า แบมมีวิธีคิดโง่ๆ อ่อนด้อย หรือ แปลกประหลาดหรือไม่ ที่ไม่ตอบโต้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แบมไม่ตอบโต้ แต่แบมจำได้ แบมไม่แค้นเคืองใคร แต่ไม่ได้หมายความว่าแบมจะรักคุณเหมือนเดิม ต่างคนต่างมีวิถีกันไป หวังว่า คุณจะอยู่ตรงนี้ต่อไปนานพอที่จะได้เห็น ว่าปลายทางของผู้สร้าง กับ ผู้ลอกเลียนแบบนั้น .... มันช่างต่างกันโดยสิ้นเชิง


วันนี้ แบมเพิ่งคิดออก ว่า แนวทางสร้างสรรค์สุดที่แบมควรจะทำ คือ บอกให้โลกรู้ว่า ถ้าริจะเดินบนวิถีผู้สร้าง เราจะต้องเผชิญกับอุปสรรคและคนไร้คุณธรรมประเภทใดบ้าง ให้โลกระแวดระวัง เดินหลีกบุคคลเช่นคุณเสีย การหยุดเดินเพื่อตอบโต้นั้น เสียเวลา เสียพลังงาน และทำให้เป้าหมายของเราไกลมากขึ้นกว่าเดิม


หวังว่า ผู้สร้างทั้งหลาย จะมั่นคง และปลอดภัยจากความไร้คุณธรรมทั้งปวงบนหนทางการทำงานอันยาวไกล



แล้วเจอกันที่เส้นชัยนะคะ








 

Create Date : 17 ตุลาคม 2553    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2554 21:10:09 น.
Counter : 2935 Pageviews.  

"เยอะ"

พักนี้แบมรู้สึกว่า อะไรๆ รอบตัวแบมมันเยอะไปหมด

งานเยอะ
คนเยอะ
เรื่องราวเยอะ
ปัญหาเยอะ
ข้อมูลเยอะ

เวลาส่วนใหญ่ในที่ทำงานของแบม แบมแทบไม่สามารถสร้างสมาธิเพื่อทำงานประเภทวิเคราะห์ได้ เพราะความเยอะทั้งหลายทะลักใส่แบมทั้งวัน เงยหน้ามา ฟ้าก็มืดซะแล้ว

ที่แบมรู้สึกว่า มันเยอะ คงเป็นเพราะแบมเป็นคนประเภทที่ถูกฝึกมาให้ "น้อย" ยิ่งแบมแก่ขึ้น แบมยิ่งรู้สึกขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องในชีวิต ที่มีส่วนในการช่วยฝึกให้แบมเป็นคน "น้อย" ยิ่งแบมแก่ขึ้น แบมยิ่งเห็นค่าของการ "น้อย"


มีหลายการฝึกฝนที่แบมจำได้

++ แบมค้นพบข้อความ 3 บรรทัด ของท่านพุทธทาส ในกองหนังสือธรรมะมากมาย แบมจำได้ว่า แบมนั่งมองข้อความ 3 บรรทัดนั้นอยู่หลายนาที ด้วยความทึ่ง เพราะนั่นคือ แก่นของธรรมะ ที่แบมค้นหาในหนังสือกองใหญ่ไม่เจอ

++ พ่อแบมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ สะสมหนังสือ และปลูกฝังให้แบมชอบอ่านหนังสือ แต่พ่อมักจะสอนให้แบม "น้อย" พ่อไม่ขนหนังสือมาให้แบมอ่าน แต่พ่อจะถามแบมว่า หนังสือกองนี้ แบมอยากอ่านเล่มไหน พ่อไม่สนใจว่าแบมอ่านอะไร แต่พ่อจะถามแบมว่า แล้วแบมได้อะไรจากการอ่านสิ่งนั้น

++ อาจารย์สอนให้แบมอ่าน text book หลายร้อยหน้า แล้วให้แบมขีดเส้นใต้ 3 คำ ใน 1 paragraph ที่แบมคิดว่า เป็นหัวใจของเรื่องนี้

++ เจ้านายเก่าแบมมักเอาตัวเลขของธุรกิจที่มีปัญหามาให้แบมดูจนละลานตา แล้วถามแบมว่า ตกลงปัญหามันอยู่ตรงไหน เจอแล้วเดินมาบอกด้วย


หลากหลายวิธีการปลูกฝังนั้น แบมเชื่อว่า มันคือกุศโลบายที่แบมได้รับให้รู้จักการละทิ้ง การกรอง การกลั่น จาก "เยอะ" ให้กลายเป็น "น้อย" เพื่อสุดท้ายแบมจะได้ค้นพบสิ่งที่ใช่ ในเวลาที่ผู้อื่นกำลังท่วมอยู่กับความ "เยอะ"


แบมจึงโตมาแบบคน "น้อย"


++ บ่อยมาก ถึง มากที่สุด ที่แบมต้องรับบทบาทในการนั่งฟังเรื่องราวอันมากมาย เยอะแยะ ของผู้คนรอบตัว สมองฝั่งหนึ่งแบมฟังด้วยความเคารพ ส่วนสมองอีกฝั่งหนึ่ง กำลังสแกนหาสิ่งที่เค้าต้องการสื่อสาร หลังจากฟังครบ แบมจะมักจะเปิดปากด้วยคำถามว่า ทั้งหมดนี้มันคือเรื่องนี้ใช่หรือไม่? แล้วหลังจากวันนั้น อย่ามาให้แบมเล่าเรื่องทั้งหมดต่อ เพราะแบมจำเรื่องทั้งหมดไม่ได้แล้ว แบมจำได้แต่สิ่งที่เขาต้องการสื่อไม่เกิน 3 ประโยค ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าแบมจะเอาเรื่องราวไปบอกต่อใคร เพราะแบมจำไม่ได้หรอก ขอสารภาพ


++ แบมยังชอบอ่านหนังสือ แต่แบมค้นพบว่า แบมอ่านหนังสือน้อยกว่าหลายๆ คน เพราะแบมเลยเถิดไปถึงขั้น เลือกอ่านหนังสือที่แบมเอามาใช้กับชีวิตแบมได้ ในเมื่อแบมหาคำตอบไม่ได้ว่า แบมจะอ่านเยอะไปทำไมถ้าข้อมูลเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนในการพัฒนาตัว


++ แบมชอบถ่ายรูป แต่แบมถ่ายรูปน้อยกว่าเพื่อนอีกหลายคน เพราะแบมจะถ่ายต่อเมื่อแบมเจอสิ่งที่แบมอยากเก็บบันทึก ในขณะที่หลายคนถ่ายรูปแทบทุกสิ่งที่เจอไว้ก่อน เพื่อไปลบภาพที่ไม่อยากเก็บออกในวันหลัง


++ แบมเป็นคนมีเพื่อนน้อย แต่มีคนรู้จักเยอะ


++ แบมเป็นคนกินน้อย กินเมื่อหิว กินเฉพาะของที่ชอบกิน เพราะแบมไม่รู้จะกินสิ่งที่แบมไม่ชอบไปทำไม แบมเป็นคนเดินห้างน้อย เพราะแบมไม่รู้จะไปซื้ออะไร แบมเป็นคนชอบอยู่บ้าน แย่งแม่ดูทีวี ไปเที่ยวล๊าลลาน้อย เพราะแบมไม่รู้ว่าแบมจะไปกับคนที่ไม่อยากใช้เวลาอยู่ด้วย เพื่ออะไร


++ เวลาทำงานแบมพูดน้อย เวลาอยู่ในห้องประชุมแบมมักพูดเป็นคนสุดท้ายในเรื่องนั้นๆ แค่ไม่กี่ประโยค เพราะก่อนหน้านั้น แบมฟังและประมวลเรื่องราวอยู่ แบมเป็นคนไม่ชอบได้ยินความ "เยอะ" ที่พาออกนอกประเด็นในห้องประชุม แบมไม่ชอบคนไม่เคารพเวลาของคนอื่น และ แบมไม่ชอบการประชุมที่จบลงด้วยการไม่มีข้อตกลงร่วมกัน


++ แบมค้นพบความจริงที่น่าตกใจว่า ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารส่วนใหญ่ ไม่ว่าองค์กรใดๆ สนใจตัวเลขธุรกิจทีความ "เยอะ" โดยเฉพาะในบรรทัดบนสุด คือ รายได้ และ บรรทัดล่างสุด คือกำไร ในขณะที่แบมมองหาเรื่องราวระหว่างสองบรรทัดนี้ ด้วยคาดหวังจะเจอที่มาของรายได้และกำไรนั้น บ่อยครั้งแบมสนใจเรื่อง "น้อยๆ" แค่บรรทัดเดียว เพราะแบมพบว่าเป็นตัวเลขที่ไม่สมเหตุสมผล จนทำให้ รายได้และกำไรที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกันอยู่นั้น เป็นตัวเลขที่ผิดพลาด


เรื่องความ "น้อย" ของแบม บางครั้งทำให้แบมดูแปลกแยกจากคนในองค์กรไปบ้าง แต่อย่าคิดว่าแบมจะน้อยไปซะหมด แบมก็มีเรื่อง "เยอะ" ให้พอบาลานซ์ชีวิตบ้าง


++ แบมพูดเยอะ เรื่องดินฟ้าอากาศบ้าบอ เมื่ออยู่กับกลุ่มเพื่อนนอกองค์กร

++ แบมหัวเราะเยอะ เมื่ออยู่กับทีมงานที่สนิท ในเวลาที่บรรยากาศการทำงานมันเครียด เพราะแบมไม่ชอบอยู่กับความเครียด พักนี้แบมโดนข้อหาว่า ร่าเริงเกินไป ซึ่งไม่รู้แปลว่าอะไร

++ แบมทำงานเยอะ เพราะแบมไม่รู้จะทำอย่างอื่นทำไมในเมื่อองค์กรจ้างให้แบมมาทำงาน และแบมมักเลือกใช้วิธีทำงานเยอะๆ เพื่อเลี่ยงการต้องใช้เวลากับมนุษย์พันธุ์ "เยอะ"

++ แบมดูหนังเยอะ โดยเฉพาะวันที่ต้องรับเรื่องเยอะๆ ในองค์กร เพราะแบมไม่อยากให้เรื่องเหล่านั้น อยู่ในสมองแบมนาน แบมเลยไปเทมันออกหน้าโรงหนัง แล้วเดินสมองโบ๋ เข้าไปจำเรื่องหนังแทน


แบมเชื่อว่า มนุษย์เราเลือกที่จะ "เยอะ" ได้ และ เลือกที่จะ "น้อย" ได้
และแบมเชื่อว่า ถ้ามนุษย์ไม่เลือก ก็จะค้นพบว่า ตัวเอง "เยอะ" ในเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ จนเหลือที่ว่างสำหรับเรื่องที่เป็นสาระของชีวิต "น้อย" จนน่าตกใจ



หวังว่าทุกท่านจะจัดสรรเรื่อง "เยอะ" และ "น้อย" ของตัวเองได้ และสนุกสุขกับการใช้ชีวิตค่ะ









 

Create Date : 15 ตุลาคม 2553    
Last Update : 5 เมษายน 2554 23:23:18 น.
Counter : 685 Pageviews.  

ยิ่งสูง ยิ่งหนาว ยิ่งก้าว ยิ่งใกล้

ปีใหม่แล้ว เงยหน้าขึ้นมาอยู่ดีดีแก่ขึ้นอีกปี
ก็นึกขึ้นได้ว่า น่าจะเอาฤกษ์เอาชัย อัพบล็อก (ที่อัพปีละหน) ซะหน่อย

หนึ่งปีที่ผ่านมากับองค์กรใหม่ๆ องค์กรใหญ่ๆ มีเรื่องให้เรียนรู้มากมายจนน่าบันทึกเพื่อจดจำแต่ละก้าวของตัวเอง

ยิ่งสูง ก็ดูเหมือนจะยิ่งหนาว
เมื่อถูกเลือกให้อยู่สูง ก็เสมือนถูกเลือกให้ต้องเผชิญกับความหนาว

หนาว - เพราะต้องแบกรับความคาดหวังจากองค์กร
หนาว - เพราะต้องแบกรับความรับผิดชอบที่มีต่องาน
หนาว - เพราะต้องเผชิญความท้าทายจากผู้จับจ้องพร้อมที่จะมายืนแทนที่
หนาว - เพราะต้องเผชิญความยั่วยุจากผู้ที่ยุ่งเรื่องคนแต่ว่างเรื่องงาน
หนาว - เพราะต้องฉุดเคลื่อนทีมงานในกระด้ง

ท่ามกลางเรื่องหนาวๆ ในขณะที่ยังต้องก้าวเดิน
สิ่งที่เป็นเครื่องมือกันความหนาวที่ดีที่สุดคือ สติและสมาธิ
แปลกดี ที่แบมรู้สึกดีกับการอยู่ในที่หนาวๆ ในทุกๆ วันของการทำงาน
มันคือความสนุกกับตัวเอง ที่ได้แรงผลักในการพัฒนาตัวเองโดยไม่ต้องใช้พลังงานของตัวเอง
มันคือความตลกที่ได้เห็นทุกคนมะรุมมะตุ้ม วุ่นวายอยู่กับการยืนที่สูงของแบม เสมือนมันเป็นเรื่องสำคัญมากมาย
มันคือความรู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน ที่แบมได้ฝึกสมาธิและสติ ทุกๆ วัน โดยไม่ต้องห่มขาวเข้าวัด
มันคือสิ่งที่สร้างการเรียนรู้หลายเรื่องราวที่เป็นประโยชน์สำหรับการก้าว เพื่อเข้าใกล้ จุดหมายของชีวิต

แบมเรียนรู้ว่า คนที่มีหน้าที่แสดงให้คนอื่นเห็น ว่าอายุไม่เกี่ยวกับความรู้ ความมุ่งมั่น และ ความรับผิดชอบ คือ ตัวแบมเอง ไม่ใช่ภาระของคนอื่น แบมไม่มีปัญหากับการพิสูจน์ตัวเอง และแบมขอบคุณท่านที่ไม่มีปัญหากับข้อพิสูจน์ที่แบมแสดง


แบมเรียนรู้ว่า แม้ว่าสังคมโลกทำงานจะเหมือนบังคับให้แบมต้องเลือกข้าง แต่สุดท้ายแล้วแบมไม่จำเป็นต้องเลือกข้างใด เพราะแบมรับใช้เป้าหมายองค์กร มิใช่เป้าหมายของฝ่ายใด ภาวะการเมืองในสังคมใดๆ แบมซาบซึ้งดี แต่แบมไม่จำเป็นต้องไหลตามการเมืองในองค์กร หากแบมมีศิลปะในการแสดงออกที่ซื่อตรงต่อเป้าหมายองค์กร ไม่ว่าฝ่ายใด ก็ดูเหมือนจะไม่โหดพอที่จะเขี่ยแบมออกจากสังคม เพราะโดยสัจธรรมแล้ว ไม่มีผู้ใดต้องการรับบทเป็นผู้ร้าย

แบมเรียนรู้ว่า แม้แบมจะมุ่งมั่นจนถึงที่สุด บางครั้ง บางเป้าหมาย แบมก็ไม่สามารถบรรลุมันได้ เมื่อมันเป็นเช่นนั้น หากแบมยอมรับการไม่บรรลุด้วยการเรียนรู้เหตุที่ทำให้ไม่บรรลุด้วยความซื่อตรงกับตัวเอง สังคมจะจดจำเรื่องราวนี้ เฉพาะช่วงเวลาความมุ่งมั่นของแบม และพร้อมที่จะให้โอกาสแบมเสมอแม้แบมจะเคยก้าวพลาด

แบมเรียนรู้ว่า แบมต้องกราบขอบคุณครอบครัวอย่างสูง ที่สร้างวิธีคิดให้กับแบมในการสื่อสัมพันธ์กับทุกคนว่า ณ จุดเริ่มต้นของทุกสัมพันธ์นั้น คนทุกคนเป็นคนดี หากแบมทำให้เค้าดีกับแบมไม่ได้ แปลว่า แบมยังหาจุดดีของเค้าไม่เจอ แบมจึงต้องทำดีกับเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ ต่อไป เพราะด้วยวิธีคิดเช่นนี้ แบมค้นพบว่า ณ จุดหนึ่ง คนที่คิดไม่ดีกับแบมจะละอายใจจนหายตัวไปจากสายตา หรือ ไม่ก็ กลับมาดีต่อแบม เสมือนว่าที่ผ่านมาเป็นการละเมอ

แบมเรียนรู้ว่า แบมคิดถูกที่ศรัทธาความคิดตัวเองในเรื่อง มนุษย์ทุกคนมีตัวตนเป็นของตัวเอง ในการทำให้ทีมงานร่วมกันทำงานได้สำเร็จลุล่วงนั้น แบมจึงไม่ต้องการให้ใครต้องปรับเปลี่ยนตัวตนจนไม่เหลือความเป็นตัวเอง แบมต้องการแค่ตัวตนด้านที่เป็นแง่บวกของแต่ละคน มาประสานกันเพื่อเดินร่วมกันไป แบมมีความสุขกับการเดินร่วมกับทีมงานที่ไม่เพอร์เฟก แต่ไม่ยอมหยุดเดิน และ แบมมีความสุขกับการที่ได้รับรู้ว่า มีผู้อยากร่วมเดินทางกับแบมมากขึ้นเรื่อยๆ



วันนี้ แบมยังคงก้าว เพื่อเข้าใกล้จุดหมายของชีวิต ยิ่งก้าว ก็ยิ่งใกล้ เพราะจุดหมายของแบมชัดเจนเสมอมาเนิ่นนาน มันคือจุดที่ "พอ" สำหรับชีวิตแบมคนเดียว โดยที่ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับจุดหมายของใครได้


การเขียนครั้งนี้เพื่อเตือนตัวเองให้ตระหนัก จึงไม่ได้ไปเขียนในห้องสีลมที่เป็นห้องสาธารณะ แต่หากผู้ใดผ่านมาเจอ แบมขอ Happy New Year ให้ทุกท่านด้วยค่ะ ขอให้ทุกท่านได้มีช่วงเวลาตระหนักเตือนตัวเอง ได้ค้นพบสิ่งที่เรียนรู้ และ ได้ทบทวนระยะทางสู่เป้าหมายของชีวิต

อย่างแย่ (เหมือนแบม) ก็ซักปีละครั้งนะคะ
ปีที่ผ่านมา เรียนรู้อะไรกันบ้างคะ เผยเพื่อตระหนักร่วมกันบ้าง ก็ขอบคุณค่ะ

bam_ka@





 

Create Date : 02 มกราคม 2553    
Last Update : 2 มกราคม 2553 0:27:59 น.
Counter : 943 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

bam_ka@
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add bam_ka@'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.