ที่พักนักตระเวนแดนฝัน
Group Blog
 
All blogs
 

บทที่ 8 - สัญญา

8 – สัญญา

ริมประตูของเมืองอันรุ่งเรืองสมบูรณ์ ซี่งบวงสรวงเทศกาลแห่งเทพมาร
คือบ้านที่อาศัยแห่งนารีผู้ขานลำนำ และนักรบผู้มอบดวงใจให้นาง
เมื่อผู้ที่มีดวงใจเปลี่ยวเหงาคนหนึ่ง ได้พานพบผู้เดียวดายอ้างว้าง
ณ ใจกลางหัวใจ จึงก่อรักเหนือสัญญาเมล็ดพันธุ์ นารีนั้นขับขานเพลงอยู่เรื่อยไป

--------------------------------------------------------------------------

“ได้ยินว่าเรเลนทัสจะประกาศสงครามกับเมืองข้างเคียงอย่างนั้นหรือ” มาโอเอ่ยถามในเย็นวันหนึ่งที่เดินทางกลับมา ขณะที่ราพลังก้ากำลังง่วนอยู่กับการปรุงอาหาร

“ท่านเจ้าเมืองบอกว่าเมืองนั้นแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับเรา หากทิ้งช่วงไว้นาน...พวกมันอาจยกทัพมารุกรานพวกเราก่อนก็ได้” นางอธิบายตามที่ได้ฟังมา

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เพื่อไม่ให้ถูกรุกรานจึงต้องไปรุกรานพวกเขาก่อนหรือ เจ้าเมืองของเจ้าช่างมีตรรกะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย มิหนำซ้ำยังสร้างวิหารบูชาเทพแห่งหายนะและการทำลายล้างไว้เฉลิมฉลองรอท่าเสียอีก”

“มาโอ...”

“ข้ารู้แล้ว หากเจ้าไม่อยากให้บ่นก็จะไม่บ่นอีก แต่ข้าเป็นห่วงเจ้า ข้อนี้เจ้าก็รู้ดีนี่”

“ข้ารู้ดียิ่งกว่าใครทั้งนั้น” ราพลังก้าเดินมาโอบเขาจากด้านหลัง “มาโอที่รักของข้า...”

นางชอบเวลาที่ได้โอบกอดเขาเช่นนี้ ได้เห็นเขาเงยมองนาง และเห็นเงาสะท้อนของนางบนแก้วตาสีน้ำตาลแดงของเขา

“ข้ากลัว...ราพลังก้า” ชายหนุ่มกระซิบ “ข้ากลัวว่าพวกเขาจะบังคับให้เจ้าเข้าสู่สนามรบ เรย์วาเทลมีมนต์เพลงที่ใช้เพิ่มความฮึกเหิมให้แก่ทหาร ไปจนถึงข่มขวัญข้าศึกและสังหารพวกเขา ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้าไม่ทราบมนต์เพลงเหล่านั้นเลย”

หญิงสาวเพียงยิ้มตอบน้อยๆ ทั้งๆ ที่นางเคยฝันถึงมนต์เพลงเหล่านั้น มนต์เพลงที่มิได้ถูกถ่ายทอดให้นางจากเทพธิดาปีกสีขาวผู้อารี ทว่าเป็นเทพธิดาปีกสีดำคล้ายค้างคาวที่มีดวงหน้าคมเข้มและผมสีดำสยาย บทเพลงที่เทพธิดาขับขานให้นางนั้นรวดเร็ว ฟังดูโหดเหี้ยมและดุดันน่ากลัวแม้เพียงวรรคขึ้นต้น

จงแตกสลาย! แตกสลาย! แตกสลาย! จงแตกสลายไปเสีย!
จงแตกสลาย! แตกสลาย! แตกสลาย! จงแตกสลายไปเสีย!


เพลงอันตึงเครียดเหล่านั้นทำให้ราพลังก้าตกใจตื่นขึ้นกลางราตรีหลายต่อหลายครั้ง ทว่านางก็ไม่กล้าบอกใครเลยว่านางล่วงรู้พวกมัน แม้แต่มาโอผู้รู้จักธรรมชาติของเรย์วาเทลดีที่สุดในเรเลนทัส

“เรย์วาเทลมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนและใกล้ชิดกับธรรมชาติ กับสรรพชีวิตมากกว่ามนุษย์ ยิ่งเป็นเรย์วาเทลที่ผูกพันกับความงามของชีวิตอย่างเจ้าแล้ว ข้าเกรงว่าจิตของเจ้าอาจถูกทำลายลงได้ง่ายดายเหลือเกิน”

“ข้าไม่เป็นไรหรอก มาโอ” หญิงสาวกระซิบ “พวกเขาแค่ให้ข้าช่วยกล่อมเรือกสวนไร่นาให้ได้ผลผลิตมากๆ โดยเร็วเพื่อเก็บไว้เป็นเสบียงเท่านั้น พวกเขาไม่ให้ข้าออกไปรบแน่นอน”

“ดีแล้ว” มาโอหันหน้ามาจุมพิตแก้มของนาง “สงครามเป็นสิ่งที่น่าเศร้าและน่าสะพรึงกลัวที่สุด ข้ารู้ดี ราพลังก้า ข้ารู้...สิ่งที่ทำให้บ้านเกิดของข้าต้องเหลือเพียงเถ้าถ่านก็คือมันนั่นเอง กับ...”

“กับ...” ผู้ฟังทวนคำอย่างสงสัย

“ช่างเถิด” ชายหนุ่มหลบสายตาและเงียบไป

ราพลังก้าไม่ติดใจจะไต่ถาม นางยังคงส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะคลายอ้อมแขน แต่ก่อนจะได้เดินจากไป ชายหนุ่มกลับลุกจากเก้าอี้และคว้ามือของนางไว้ทันควัน

“ราพลังก้า”

“ทำไม มีอะไรหรือมาโอ”

นางตกใจเมื่อจู่ๆ เขาก็คุกเข่าลง ก่อนจะสวมแหวนวงหนึ่งให้กับนิ้วนางซ้ายของนาง แหวนทองสุกปลั่งที่มีพลอยเล็กๆ เรียงสลับเป็นรูปดอกไม้สีม่วงอเมทิสต์ และประดับด้วยใบสีเขียวเพอริโดต์

“แต่งงานกับข้าเถอะนะ ราพลังก้า” มาโอเอ่ยขณะเงยหน้าขึ้นสบตากับนาง “ข้า...ยังคงต้องออกเดินทางไปอีกครั้ง แต่หลังจากกลับมาครั้งนี้ข้าจะไม่ไปไหนเพียงลำพังอีกแล้ว หากเจ้าอยากอยู่ที่นี่...ข้าก็จะอยู่ด้วย แต่หากเจ้าอยากไป...เราก็จะเดินทางไปด้วยกัน ไม่มีวันจากกันอีกจนชั่วชีวิต”

“มาโอ...” หญิงสาวยิ้มออกมาทั้งน้ำตานองหน้า “ถึงข้าจะไม่พูด ท่านก็ทราบคำตอบของข้าดีแล้วใช่ไหม”

ชายหนุ่มยิ้มรับเช่นกัน ก่อนจะผุดลุกขึ้นโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันเป็นครั้งแรก...และคงอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน กระทั่งเมื่อกลิ่นเหม็นไหม้มาจากเตา ทั้งสองก็เพียงแต่หัวเราะขณะคลายอ้อมกอดจากกันเพื่อไปช่วยกันดับไฟเท่านั้น

--------------------------------------------------------------------------

“ถ้าเพียงเราอาจหยุดฟันเฟืองของเวลา ให้มีเพียงเราสองคู่เคียงกันตลอดไป...”
คือความฝันใฝ่แห่งองค์ธิดาเทพที่ไม่อาจได้สมหวัง

--------------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2552    
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 21:28:31 น.
Counter : 359 Pageviews.  

บทที่ 7 –เรย์วาเทล

7 –เรย์วาเทล

มาโอเป็นผู้สอนเรื่องต่างๆ ของเรย์วาเทลให้ข้า เขาบอกว่าได้ความรู้เรื่องเหล่านั้นมาจากการเดินทางไปยังเมืองใหญ่ต่างๆ ที่มีการค้นคว้าเรื่องเรย์วาเทลและบันทึกไว้มากมาย ข้าไม่อาจลืมได้เลยว่าสิ่งแรกที่เขาเอ่ยต่อข้าเกี่ยวกับเรย์วาเทลคืออะไร

ในโลกนี้มีเรย์วาเทลต้นกำเนิดสามตน ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ดูแลหอคอยอาร์ โทเนลิโก้ทั้งสามที่ค้ำจุนโลก คือเอโอเลีย เฟรเลีย และทีเรีย เรียกขานกันว่าสามเทพธิดาแห่งเอเลเมีย เรย์วาเทลต้นกำเนิดทั้งสามเป็นต้นกำเนิดการสร้างสรรค์เรย์วาเทลเบต้า และเรย์วาเทลเบต้าก็เป็นต้นกำเนิดการสร้างสรรค์เรย์วาเทลเบต้าเลือดบริสุทธิ์อีกต่อหนึ่ง

ข้าไม่ใคร่เข้าใจเรื่องต้นกำเนิดการสร้างสรรค์ที่มาโออธิบายได้เพียงว่าไม่เหมือนการกำเนิดของมนุษย์ หรือการกำเนิดจากครรภ์ ทว่าข้าเข้าใจสิ่งที่ตัวข้าเป็นชัดเจนถ่องแท้กว่า

...เรย์วาเทลรุ่นที่สาม...

เรย์วาเทลรุ่นที่สามถือกำเนิดจากแม่ที่เป็นเรย์วาเทล และพ่อที่เป็นมนุษย์

แต่แรกมาโอไม่ได้บอกโดยตรงว่าข้าเป็นเรย์วาเทลรุ่นที่สาม ทว่าข้าทราบได้ทันทีเมื่อเขากล่าวถึงลักษณะของพวกนาง

“ส่วนมากเรย์วาเทลพวกนี้จะมีรอยสัก และ...”

“รอยสัก เหมือนกับที่ข้ามีน่ะหรือ” ข้าขัดขึ้น

“รอยสัก...เจ้ามีรอยสักอย่างนั้นหรือ” สีหน้าของมาโอดูทั้งประหลาดใจและเคร่งเครียดอย่างบอกไม่ถูก

ข้าพยักหน้า ก่อนจะเลิกแขนเสื้อขึ้นให้เขาดูรอยสักคล้ายอักขระบางอย่าง

“ท่านยายบอกว่าข้ามีรอยสักนี้ตั้งแต่ท่านพบตัวข้าแล้ว”

“แล้ว...เจ้าก็เจ็บป่วยบ่อยๆ และมักมีไข้สูงมาตั้งแต่เด็กใช่ไหม”

“ใช่ ท่านทราบได้อย่างไรกัน”

มาโอกลับนิ่งเงียบไปนานจนข้าสังหรณ์ไม่ดี

“มีอะไรหรือ”

“ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงแต่นึกไม่ถึงเท่านั้นเองว่าเจ้าเป็นเรย์วาเทลรุ่นที่สาม ข้านึกว่าน่าจะเป็นเรย์วาเทลเบต้า หรือเบต้าเลือดบริสุทธิ์มากกว่า เพราะพวกรุ่นที่สามมักจะไม่มีอำนาจมากขนาดร้องเพลงเมตาฟาลิก้าได้”

“แต่...ถึงจะเป็นรุ่นที่สาม ข้าก็มีอำนาจช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้อย่างนี้ใช่ไหมคะ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วนี่นา”

“นั่นสินะ” มาโอยิ้มออกมา กระนั้น...ข้าก็รู้สึกเหมือนยิ้มของเขาช่างเฝื่อนเหลือเกิน

--------------------------------------------------------------------------

มาโอพักอยู่ในเรเลนทัสเพียงคืนเดียวก็จากไป แต่เขาสัญญาว่าจะกลับมาหาข้าอีกโดยเร็ว เพราะมีของที่ต้องการมอบให้ข้า และเราทั้งสองก็ได้พบกันอีกเดือนหนึ่งหลังจากนั้นในบ้านหลังใหม่ของข้า อันเป็นกระท่อมเล็กๆ ใกล้กับโคนของมหาพฤกษาอิมแพลนต้า ณ ที่นั่นข้ากับมาโอช่วยกันทำสวนครัวและแปลงดอกไม้เล็กๆ ตามแบบบ้านในความฝันที่ท่านยายเคยเล่าให้ข้าฟัง เช่นเดียวกับชาวหมู่บ้านเริ่มทำไร่นาและสร้างบ้านเรือนตามความฝันจากต้นไม้ที่งอกงามเป็นป่าย่อมๆ แผ่กระจายไปโดยรอบมหาพฤกษา ข้าตื้นตันมากเมื่อสิ่งแรกที่พวกเขาสร้างคือที่อยู่ของข้า กระนั้น พวกเขาก็บอกว่าสิ่งนี้ยังตอบแทนการที่ข้าฟื้นฟูเรเลนทัสได้ไม่หมดสิ้น

มาโอนำหนังสือภาษาฮิมนอส...ภาษาโบราณที่ปรากฏในบทเพลงซึ่งเทพธิดาสอนให้แก่ข้ามาฝาก พร้อมกับคำบอก

“เมื่ออำนาจเรย์วาเทลของเจ้าตื่นขึ้นมากกว่านี้ จะมีวันที่เจ้ารู้สึกไม่สบายจนต้องนอนพักเฉยๆ สักวันสองวันเพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวได้ เรื่องแบบนั้นอาจเกิดขึ้นราวสามเดือนครั้ง ข้าจะคอยอยู่ดูแลเจ้าในตอนนั้น”

เป็นเช่นที่มาโอพูด เพียงแค่สองวันหลังจากเขากลับมายังเรเลนทัส ข้าก็มีอาการประหลาดอย่างที่ว่า ข้าเองบรรยายไม่ใคร่ถูกนัก นอกจากว่ามีไข้สูงมากและเจ็บปวดในที่ที่บ่งบอกไม่ถูก ประหนึ่งมีเข็มนับร้อยนับพันเล่มทิ่มแทงอยู่ในร่าง มาโอคอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงของข้าและเช็ดตัวให้ข้าแทบตลอดเวลาที่ข้ามีอาการ จะออกห่างข้านานสักหน่อยก็เพื่อไปทำอาหารหรือต้มน้ำอุ่นมาให้ข้าเท่านั้น

สุดท้าย...เรื่องเช่นนั้นก็กลับกลายเป็นกิจวัตร และความเจ็บปวดอันแสนหวานที่ข้าคุ้นชิน น่าประหลาดที่การมีมาโอคอยดูแลข้าทำให้อาการเฉพาะของเรย์วาเทลเหล่านั้นไม่ทรมานเท่าไรในความรู้สึก ข้ากลับคิดว่าดีเสียอีกที่ข้าเป็นเรย์วาเทลและมีอาการเช่นนั้น หาไม่แล้ว...มาโอก็คงจะผ่านเลยข้าไปโดยไม่หวนคืนมาอีกเป็นแน่

นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้ายินดีในการเป็นเรย์วาเทล ก็คือการมาเยือนของเทพธิดาสีขาว

เทพธิดาพระองค์นั้นยังคงมาเยือนข้าในความฝัน และขับขานมนต์เพลงต่างๆ ให้ข้าฟัง บทเพลงที่นำพาพืชพรรณให้ผลิดอกออกผล บทเพลงที่รักษาอาการป่วยไข้หรือบาดเจ็บ บทเพลงที่ทำให้น้ำขุ่นข้นกลับใสสะอาด ข้าใช้มนต์ที่เทพธิดาสอนให้ช่วยเหลือชาวบ้านอย่างแข็งขัน ข้าดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา ดีใจที่ได้เห็นสีเขียวขจีของหมู่ไม้และสีสดใสของดอกไม้นานาพันธุ์ในดินแดนที่เคยแห้งแล้ง

ไม่นาน...ข้าพบว่าเรเลนทัสมิใช่หมู่บ้านแร้นแค้นอีกแล้ว หากแต่เป็นเมืองอันอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี ผู้คนใหม่ๆ อพยพเข้ามาและก่อสร้างบ้านเรือนจากไม้ จากอิฐ หัวหน้าหมู่บ้านกลายเป็นเจ้าเมือง ชาวเมืองหลายคนร่ำรวยด้วยการค้าขายพืชผลและปศุสัตว์ ชาวหมู่บ้านเพียงไม่กี่ร้อยคนกลับกลายเป็นพันคนในไม่ช้า

มาโอแวะเวียนมายังเรเลนทัสตรงตามกำหนดที่ข้าจะรู้สึกไม่สบายทุกครั้งอย่างแม่นยำ บางครั้งเขาออกเดินทางไปนานถึงเดือนครึ่ง แต่ก็กลับมาหาข้าเสมอ เขายังคงนำสิ่งต่างๆ จากแดนไกลมาฝากข้าอยู่เรื่อยๆ รวมถึงหนังสือภาษาฮิมนอสซึ่งค่อยๆ เต็มชั้นหนังสือไม้ที่เขาต่อให้ น่าประหลาดที่ข้าเรียนรู้ภาษานี้ได้รวดเร็วราวกับเคยรู้จักมาก่อน รวมทั้งภาษาฮิมนอสสำเนียงพาสตาเลียซึ่งสั้นกระชับกว่า และมาโอบอกว่ายากกว่า ทว่าข้ากลับรู้สึกคุ้นเคยกับสำเนียงหลังยิ่งกว่าภาษาฮิมนอสแบบมาตรฐานเสียอีก

มาโอบอกข้าว่าในโลกภายนอกยังมีเรย์วาเทลอื่นๆ อยู่ แต่ไม่มากนักในพื้นที่แถบนี้ บางครั้ง ข้านึกอยากตามมาโอออกไปดูโลกภายนอกสักครั้ง ส่วนหนึ่งเพื่อพบกับเรย์วาเทลตนอื่นๆ ทว่าพวกชาวบ้านล้วนไม่อยากให้ข้าจากไป พวกเขายังต้องพึ่งพาข้ามากมาย ข้าจึงได้แต่ปฏิเสธคำชวนของมาโอไปทุกครั้ง

“ขอให้พวกเขาพึ่งพาตนเองได้ก่อนเถอะนะ แล้วข้าจะไปกับท่านแน่ๆ”

“พวกเขาไม่ใช่เด็กแล้วนะ ราพลังก้า” มาโอมักตอบเช่นนี้พร้อมกับโคลงศีรษะ “เจ้าให้พวกเขาไปมากมายแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเรียกร้องจากเจ้าอยู่เรื่อยๆ เจ้าควรปรามให้พวกเขาพอเสียบ้าง ถึงจะมีอำนาจวิเศษกว่าผู้คนทั่วไป เรย์วาเทลก็มีร่างกายที่เปราะบางพอๆ กัน...หรือที่จริงอาจจะมากกว่ามนุษย์ธรรมดาเสียอีก อาการที่กำเริบอยู่ทุกๆ สามเดือนเป็นเครื่องบอกได้ดี”

กระนั้น มาโอก็ยอมตามความปรารถนาของข้า...เท่าที่ข้าแสดงให้เห็นว่าต้องการจากเขาเสมอ เขาต้องการให้ข้ามีความสุขที่สุด แม้นเขาจะมิได้เอ่ยคำนั้น...ข้าก็ประจักษ์แจ้งอยู่แก่ใจ

ข้าเองก็ปรารถนาจะมอบความสุขให้แก่เขา ข้าสัมผัสได้ว่าเขายังคงโหยหาการเดินทางราวกับตามหาบางสิ่ง ข้าจึงปล่อยให้เขาไปตามเส้นทางของเขาเสมอ เนื่องเพราะข้าทราบว่า...จุดสิ้นสุดของการเดินทางแต่ละครั้งคือกระท่อมเล็กๆ ของข้า ไม่มีวันเปลี่ยนแปรไปจากนี้

แม้นเมื่อเวลาผันผ่าน...ท่าทีของเขาจะบ่งบอกชัดเจนขึ้นว่าคงไม่กลับมาเหยียบย่างเรเลนทัสอีก...หากไม่มีข้ารออยู่ที่นี่ก็ตาม

--------------------------------------------------------------------------

เพลงเมตาฟาลิก้าฉบับสมบูรณ์ที่จริงเป็นเพลงที่ต้องร้องประสาน แต่ในนี้ราพลังก้าจะร้องคนเดียว และมีอำนาจลดลงพอสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับเมืองทั้งเมืองครับ จุดมุ่งหมายของการร้องประสานเมตาฟาลิก้าในเกมคือการสร้างแผ่นดินใหม่ทั้งทวีปเลยทีเดียว

ภาษาฮิมนอสเป็นภาษาเฉพาะของเกมอาร์โทเนลิโก้ ใช้ในบทเพลงและมีคำศัพท์กับไวยากรณ์เฉพาะตัว ลองอ่านข้อมูลดูตามนี้ได้ครับ แต่สารภาพว่าผมเองก็ไม่เคยอ่านอย่างจริงจังครับ ดูตามเนื้อเพลงที่มีคนแปลให้แล้วมากกว่า ^^a

//conlang.wikia.com/wiki/Conlang:Hymmnos

และแล้วเวลาก็ค่อยๆ ผ่านไปพร้อมกับความสงบสุข สิ่งใดจะรออยู่เบื้องหน้าราพลังก้ากับมาโอ ขอให้ติดตามต่อไปครับ :)




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 13:45:55 น.
Counter : 361 Pageviews.  

บทที่ 6 – บทเพลงเมตาฟาลิก้า

เพลงประจำตอนที่ 6 EXEC_with.METHOD_METAFALICA/.

6 – บทเพลงเมตาฟาลิก้า


นี่คือเรื่องราวของเด็กสาวนามราพลังก้า
นางขับขานบทเพลงแห่งเมล็ดพันธุ์ ณ ที่ที่ท้องฟ้าไร้สายฝน
นางได้พบกับเขา บุรุษนามมาโอ ทั้งสองตัดสินใจจะเลี้ยงดูเมล็ดพืชด้วยกัน
นางยังคงรดน้ำให้เมล็ดพืชนั้นด้วยความรัก


--------------------------------------------------------------------------

เด็กสาวปลูกเมล็ดพืชกลางพื้นทรายแห้งผากอีกครั้ง นางหลั่งน้ำตารดเมล็ดนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ทว่าเมล็ดพืชนั้นก็ไม่ยอมเติบโตเช่นทุกครั้ง

ราพลังก้าได้แต่มองเมล็ดพืชกลางผืนทรายอย่างสิ้นหวัง แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงเพลง

เป็นเสียงขับร้องของสตรีที่แว่วหวานเหลือเกิน...โหยไห้เหลือเกิน...แต่ก็ยังทรงพลังเหลือเกิน

เด็กสาวเงยหน้าขึ้นตามที่มาของเสียงนั้น นางเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างร่างหนึ่งบนปุยเมฆ ร่างที่สวมชุดสีขาวพิสุทธิ์ มีรัศมีเจิดจรัสบนศีรษะอันประดับด้วยเรือนผมยาวสีทองสว่าง ปีกสีขาวแผ่กว้างอยู่ด้านหลังร่างนั้น

เสียงเพลงอันไพเราะราวกับจะปลุกเมล็ดพืชให้ตื่นขึ้น รากของมันค่อยๆ ชอนไชลงบนผืนทราย ยอดสีเขียวอ่อนแตกขึ้นมา ก่อนจะแตกกิ่งก้านสาขารวดเร็วกว่าครั้งใด กิ่งหนึ่งของมหาพฤกษาช้อนร่างของราพลังก้าสูงขึ้นสู่ฟากฟ้า พานางไปเผชิญหน้ากับเทพธิดาผู้ขับขานเพลงนั้น ดวงหน้าที่นางมองแทบไม่เห็นท่ามกลางแสงเรืองรองกลับปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ขณะที่เทพธิดายื่นมือให้กับนาง

นางส่งมือให้อีกฝ่ายเช่นกัน ทว่าก่อนจะได้สัมผัสเพียงปลายนิ้ว...ราพลังก้าก็ตื่นขึ้นมาสู่เช้าวันที่สามของการเดิมพัน

--------------------------------------------------------------------------

เมล็ดพืชที่นางปลูกลงไหใส่ดินเมื่อสามวันก่อนโดยมีมาโอคอยแนะนำแตกใบอ่อนสองใบแล้ว ทว่านั่นไม่เพียงพอต่อเงื่อนไขของหัวหน้าหมู่บ้านแน่นอน

“ไม่มีวิธีทำให้ต้นไม้โตเร็วกว่านี้อีกแล้วหรือคะ” ราพลังก้าตั้งคำถามชายอีกคนที่มาช่วยนางรดน้ำให้แก่มัน เขาเสนอจะพักอยู่ในหมู่บ้านเรเลนทัสต่อไป อย่างน้อยก็จนกว่าจะครบสามวันและรู้ผลแพ้ชนะ

เด็กสาวรู้ดีว่ามาโอช่วยและให้กำลังใจนางทุกวิถีทาง แม้นเขาจะดูปลงตกอย่างสิ้นเชิงว่านางไม่มีวันได้ชัยแน่นอน

“ไม่มีหรอก กว่าต้นไม้จะสูงใหญ่ได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีจริงๆ ราพลังก้า” เขาไม่วายเสริม “อย่าเสียใจไปเลย เจ้าพยายามดีที่สุดแล้ว เราย้ายมันไปปลูกที่อื่นด้วยกันก็ได้”

มาโอบอกนางแล้วว่าเขาไม่มีบ้านเกิดให้กลับไป แต่เขาก็พอจะรู้จักเมืองหรือหมู่บ้านดีๆ ที่ผู้คนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเป็นมิตรต่อเขา ชายหนุ่มอาสาจะพานางไปตามหมู่บ้านหรือเมืองเหล่านั้น จนกว่านางจะพบที่ที่ต้องการลงหลักปักฐานจริงๆ

“แต่ในฝันของข้า...ต้นไม้นี่ก็เติบโตในชั่วพริบตาทุกครั้งนะ”

“ฝันก็คือฝัน ความฝันอาจเป็นเพียงภาพสะท้อนความปรารถนาของเจ้าเท่านั้นก็ได้”

“ถึงอย่างนั้น...” คิ้วเรียวดำขลับของเด็กสาวขมวดน้อยๆ “ข้าจะฝันเห็นต้นไม้สูงใหญ่ได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่เด็กข้าก็ไม่เคยเห็นต้นไม้ใหญ่จริงๆ เลย”

ความคิดของนางยังคงล่องลอยไปเรื่อยๆ

“เว้นแต่ความฝันเมื่อคืนนี้...”

“เมื่อคืนนี้หรือ” มาโอถาม

“เมื่อคืน...ข้าฝันว่า...ข้าหลั่งน้ำตารดเมล็ดพืชไปเท่าไรๆ มันก็ไม่งอกเงยเสียที แต่มีเทพธิดาองค์หนึ่ง...เทพธิดาผมทองมีปีกสีขาว ร้องเพลงบทหนึ่งที่ไพเราะมาก เพลงนั้นทำให้เมล็ดพืชเติบโตขึ้นจนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่”

“เพลง...อย่างนั้นหรือ” สีหน้าของมาโอพลันเปลี่ยนไปอย่างที่นางบอกไม่ถูก

ราพลังก้าหลับตาลงขณะค่อยๆ นึกทบทวน ถ้อยคำที่เทพธิดาองค์นั้นขับขานมีภาษาที่นางไม่รู้จักผสมด้วย แต่น่าแปลกที่นางกลับล่วงรู้ความหมายของเพลงบทนั้นชัดเจน ซ้ำยังจำท่วงทำนองได้ติดหู

ข้าจักกลายเป็นสายลมแห่งความหวังอย่างยินดี พร้อมกับท่านผู้เป็นที่รักของข้า
ข้ายินดีกลายเป็นผืนดินอุดมอย่างสัตย์ซื่อ พร้อมกับท่านผู้เป็นที่รักของข้า
และใฝ่หวังสุขนิรันดร์...

ข้าจะเติมเต็มห้วงฟ้า หลั่งลงมาสู่ดินชุ่มฉ่ำ
ยินถ้อยคำพร่ำอวยพรแซ่ซ้องยิ่งล้ำ จากเมล็ดพันธุ์ในห้วงนิทรา

หยดร่วงรินพราวดังเพชร หลั่งเป็นฝนไพลินขวัญนภา
จงสดับลำนำแจ้งสัญญาณเถิดหนา ว่าอรุณนำพากาลใหม่แล้ว

ขอกายาข้าพลันจ้าเจิด เกิดแสงเรืองรองในที่หลับใหล
ดวงไฟจางจงพลันจรัส ดังตะวันในยามอรุณ

เสียงที่ได้ยินเหล่านั้น คำที่ได้ยินเหล่านั้น เสียงที่ได้ยินเหล่านั้น ข้าจักรับทุกสิ่งอัน

จงฟังเถิดหนา เสียงแห่งหุบเหวที่ปิดตาย ดังก้องกังวานขึ้นแล้ว
จงฟังเถิดหนา เสียงแห่งหุบเหวที่ปิดตาย หายใจหนักหน่วงลึกล้ำ ส่งกำลังให้เปลี่ยนแปลง

ตื่นขึ้นมาในยามนี้เถิด รุ่งอรุณกำลังส่องประกาย
ด้วยชีวันอันข้ามอบให้ จงกลายเป็นลำนำบทเพลง

ขอจงย่างเท้าไปอย่างอ่อนโยน พร้อมกับแผ่นดินที่รักแสนผืนแผ่นนี้
จงก้าวเท้าไปอย่างมั่นคง ด้วยขาอันแข็งกล้าไม่มีหวั่น
โยงเชื่อมร้อยรอยเท้าเราด้วยกัน ให้สองเราก้าวเดินข้างเคียงจนสุดทาง
ชวนชี้ชมทุกสิ่งข้างทาง ในระหว่างเราก้าวเดินข้างกัน

บทเพลงแห่งการสร้างสรรค์ เมตาฟาลิก้า
จงกำเนิดใหม่!


กล้าไม้น้อยพลันงอกสูงพรวดพราด แตกตาใบใหม่และกิ่งก้านสาขายื่นยาวออกไป มาโอทำท่าจะคว้ามือของนางไปจากบริเวณนั้น ทว่าราพลังก้ากลับยืนนิ่งอยู่โดยไม่เกรงกลัว นางปล่อยให้กิ่งก้านของต้นไม้พานางสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนในความฝัน ทั้งๆ ที่ริมฝีปากบางและลำคอยังขับขานบทเพลงต่อไป ท่วงทำนองในตอนนี้เร็วขึ้นราวกับจะเริงรำตามการเติบโตของมหาพฤกษา

บทเพลงที่ท้วมท้นในอ้อมอกนี้
จักเติมเต็มธรณี หุบเขา และห้วงน้ำ
ไม่นานวัน พฤกษาที่โตเติบก้าวล้ำ
จักโอบกอดผืนดินที่หยั่งรากลงผดุงค้ำ

อา เศษเสี้ยวที่แตกจากฟากฟ้างามงดสีครามกระจ่างใส
ร่วงรินลงในมือที่รอรับของข้านี้

จงสาดส่องลงมา ลำแสงเจ้าเอย
จงโปรยปรายลงไป จากกลางอ้อมอกของข้า

อา จงสะท้อนก้องไป ในบทเพลงที่สานถักทอ
จงโตเติบไป เป็นปีกในที่อันไกลแสน
ในสายลมไกล ให้พัดพา ฝากห้วงคะนึงส่งไป
เกลียวแห่งอรุณ อันเรืองรอง แผ่กว้างออกไป
เป็นบทเพลง อธิษฐาน อันไม่มีจุดจบไซร้

สรรพสีเขียวขจีสดใสของหมู่หญ้าไพรและมวลผองมาลีงาม
ในวันนี้ ยังเนืองนองด้วยพรล้น
ไพเราะยิ่งเหลือ เสียงกระซิบซาบของชลธารและพฤกษาที่งอกเงย
โอ ท้องฟ้า โอ คำอธิษฐาน ดำเนินชั่วนิรันดร์

โอบอุ้มโลกที่ไม่อาจหาสิ่งใดเทียบเทียมในอุ้งมือไว้ไม่ปล่อยหาย
ก้าวเดินไป ในวันที่แสนพิสุทธิ์

อา ขอให้ผองเรา รับพรอันไม่มีสิ้นสุดไว้
และก้าวเดินไปสู่วันพรุ่งอันเรืองรอง

ห้วงคะนึงที่สานถักทอ ผืนแผ่นภพที่เรารัก เปี่ยมล้นด้วยพระพร อันเรืองรองลึกล้ำ
จงสาดส่องเถิดแสง อาบทอผองผู้ที่สร้างเสกสรรค์ห้วงสวรรค์อันอ่อนโยน
มอบให้รักชั่วนิรันดร์


ชาวเรเลนทัสมารวมตัวกันตั้งแต่เมื่อใด ราพลังก้าไม่ทันล่วงรู้ แต่เมื่อบทเพลงเมตาฟาลิก้าจบลง นางก็พบว่าผู้คนล้วนรายล้อมรอบโคนต้นไม้ใหญ่ บางคนโอบกอดต้นไม้ที่แผ่ร่มเงาบนพื้นดินพร้อมกับหลั่งน้ำตาอาบหน้า บนกิ่งก้านต่างๆ ปรากฏตาดอกซึ่งผลิบานและร่วงโรยเจริญเป็นผลสุกสีแดงในชั่วครู่เดียว สีดำแผ่กระจายจากรากของมันแทนที่ทรายรุ่มร้อน เป็นสีของดินดำอันอุดมจากบ้านเกิดของมาโอ

ในทันใดนั้น ทุกคนก็เยียวยาเมล็ดพืชโดยร่วมรดน้ำให้แก่มัน
เมล็ดพันธุ์นั้นขับขานบทเพลงแห่งความรัก ในที่ที่ท้องฟ้าไร้สายฝน
ทว่า...เมื่อผู้คนได้สัมผัสอำนาจศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ เมล็ดนั้นจึงโตเติบเป็นพฤกษาแห่งเทพ อิมแพลนต้า


หยาดฝนเริ่มโปรยปรายตามความฝันดั่งน้ำตาจากฟ้า ขณะที่เด็กสาวก้าวลงจากคาคบไม้ต่างๆ อย่างไม่กลัวเกรง ราวกับล่วงรู้หนทางลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยได้โดยไม่มีผู้ใดต้องบอก มาโอยืนรอนางอยู่ เบื้องหลังเขาคือชาวเรเลนทัสทุกเพศวัยรวมไปถึงหัวหน้าหมู่บ้าน

ชายวัยกลางคนเป็นผู้คุกเข่าลง ยังผลให้ชาวบ้านทุกๆ คนทำเช่นนั้น มีเพียงชายหนุ่มจากแดนไกลที่จูงมือนางลงจากรากไม้ชั้นสุดท้ายก่อนพื้นดิน

“ราพลังก้า อา...ท่านราพลังก้า พวกเราไม่ทราบเลยว่าท่านคือเทพธิดาแท้ๆ โปรดอภัยให้แก่พวกเราด้วยที่ล่วงเกินท่าน ท่าน...ได้สร้างปาฏิหาริย์ให้พวกเราประจักษ์ต่อสายตาแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยอย่างนอบน้อม “เรเลนทัสกลับมีร่มไม้ใหญ่ได้ด้วยอำนาจแห่งท่านจริงแท้”

ราพลังก้ารู้สึกราวกับตื่นจากห้วงภวังค์ นางเหลียวกลับไปมองไม้ใหญ่เบื้องหลังอย่างงุนงง

“อะไรกัน นี่ข้า...”

“เจ้าขับขานบทเพลงให้เมล็ดพืชเติบโตขึ้น” มาโอเป็นผู้ตอบโดยไม่มองหน้านาง “ข้า...ทราบมาว่า...ในโลกนี้มีสตรีผู้มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ เรียกขานกันว่าเรย์วาเทล พวกนางสามารถใช้มนต์แห่งเสียงเพลงบันดาลปาฏิหาริย์ต่างๆ ให้บังเกิดขึ้นได้”

เมื่อมาโอพบนาง...เขาได้รับรู้ความปรารถนาพิสุทธิ์ของนาง
มาโอปรารถนาจะทำให้ความปรารถนาพิสุทธิ์ของนางกลายเป็นความจริงให้จงได้
และความปรารถนาของทั้งสองก็ฟื้นคืนความหวังในหัวใจของผู้คน


“เรย์วาเทล” เด็กสาวพึมพำ ถ้อยคำนั้นประหลาดหู แต่คุ้นเคยในความทรงจำนัก “ข้าน่ะหรือ...คือเรย์วาเทล...”

“ใช่แล้ว” ชายหนุ่มรับ ด้วยสีหน้าที่ทั้งจริงจังและเคร่งขรึมอย่างประหลาด “ราพลังก้า เรย์วาเทลผู้ขับขานบทเพลงเมตาฟาลิก้า และนำพามหาพฤกษาอิมแพลนต้าให้งอกงาม...สู่เรเลนทัส”

ราพลังก้ารดน้ำให้แก่เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังซึ่งนางเพาะหว่าน
เมล็ดพันธุ์นั้นงอกงามเป็นผลไม้ที่ช่วยเหลือผู้คน
ดังนี้...ความปรารถนาที่จะปลูกต้นไม้เพื่อช่วยเหลือผองชนของราพลังก้าจึงได้สมหวัง


--------------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 13:38:03 น.
Counter : 324 Pageviews.  

บทที่ 5 - เดิมพัน

5 - เดิมพัน

“นังเด็กอวดดีนั่นเอาของพวกนี้มาให้ข้า บอกให้ข้าขายน้ำให้นาง พอข้าปฏิเสธแล้วไล่นางออกไป นางก็ทำเป็นมารยายั่วยวนข้า แต่พอนักเดินทางนี่เข้ามา นางก็ร้องขอความช่วยเหลือจากมัน มันเลยซ้อมข้า แล้วก็พานางออกไป หายเข้าไปในกระโจมด้วยกันจนท่านหัวหน้าหมู่บ้านเรียกออกมานี่ล่ะขอรับ” พ่อค้าประจำหมู่บ้านซึ่งมีใบหน้าบวมปูดเล่า พร้อมกับดันเครื่องประดับและเหรียญเงินที่ราพลังก้าทิ้งไว้ที่ร้านออกมาข้างหน้าหัวหน้าหมู่บ้าน

“ข้านำของพวกนี้มาซื้อน้ำจากท่านจริง แต่ท่านพูดปดที่ว่าข้ายั่วยวนท่าน ท่านต่างหากที่เป็นคนเสนอให้ข้ายอมแต่งงานกับท่าน พอข้าไม่ยอมก็คิดจะข่มเหงข้า นักเดินทางเป็นผู้เข้ามาช่วยข้า แล้วก็พาข้าไปพักผ่อนในกระโจมของข้าเองต่างหาก”

“ฮึ...ทำเป็นอ่อนระทวยจนเขาต้องอุ้มเข้าไปนี่นะ หลังจากนั้นพวกเจ้าพักผ่อนกันอย่างไรไม่ทราบ!” พ่อค้ายังไม่เลิกรา

“ข้าได้ยินมาว่านางขาดน้ำ จึงเพียงแค่ปฐมพยาบาลนางตามสมควรเท่านั้น” มาโอกล่าวขึ้นบ้าง “ข้าพร้อมสาบานว่าทุกสิ่งที่ข้ากระทำต่อพ่อค้าและแม่นางราพลังก้าล้วนมีเจตนาจะช่วยเหลือนางทั้งสิ้น”

หัวหน้าหมู่บ้านมองคู่กรณีทั้งสามอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยช้าๆ

“ท่านนักเดินทาง ข้าไม่คิดว่าท่านมีความผิดใดๆ อยู่แล้ว แต่เกรงว่าท่านจะถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือต่างหาก พวกเราลงโทษราพลังก้าโทษฐานขัดคำสั่งของหมู่บ้านโดยการไม่ให้น้ำแก่นางจนกว่านางจะสำนึกผิด แต่นางก็กลับคิดจะซื้อน้ำจากผู้อื่น ดังนั้นคนแรกที่มีความผิดและสมควรถูกลงโทษคือนาง”

สีหน้าของชายนักเดินทางกลับแปรเปลี่ยนไปทันที

“อ้อ! มิน่าเล่านางถึงได้ขาดน้ำจนสิ้นสติไปต่อหน้าข้า ไม่ทราบว่าท่านลงโทษพวกนางในทีแรกด้วยข้อผิดอันใดกันแน่”

หัวหน้าหมู่บ้านชะงักไปครู่หนึ่ง

“นั่นเป็นเรื่องภายในหมู่บ้านของพวกเรา ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างท่านรู้”

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน การไม่ให้ดื่มน้ำเลยก็เท่ากับการฆ่าคนคนหนึ่งภายในสามวัน ไม่ทราบว่านางมีความผิดร้ายแรงอันใดจึงต้องโทษเช่นนั้น หากนางไม่ได้ไปสังหารใคร...พวกท่านทำไมลงโทษผู้หญิงตัวคนเดียวหนักหนาถึงเพียงนี้” มาโอยังคงคาดคั้น

“นั่นเพราะ...นางนำน้ำของพวกเราไปใช้อย่างสูญเปล่าน่ะสิ” ชายผู้มากวัยกว่าตอบในที่สุด “นางยึดติดกับความฝันลมๆ แล้งๆ ว่าจะปลูกต้นไม้ให้ได้ จึงได้นำน้ำที่เราปันส่วนให้ไปรดน้ำเมล็ดพืชที่นางปลูกไว้ในทรายอยู่นั่นล่ะ ทุกหน้าแล้ง เรามีคนอดน้ำตายอยู่เสมอ ปีนี้มีถึงสามคน การเอาน้ำที่นางได้มาจากพวกเราไปรดต้นไม้อย่างเปล่าประโยชน์ไม่เท่ากับฆ่าพวกเราทางอ้อมอย่างนั้นหรือ”

ชายหนุ่มแค่นเสียง

“พวกท่านเลยตั้งใจจะฆ่านางก่อนเสียเอง”

“ท่านนักเดินทาง” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยเสียงหนักๆ “ท่านไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องภายในของพวกเรา”

“ข้าปล่อยให้มีคนตายต่อหน้าไม่ได้” มาโอตอบเสียงกร้าวยิ่งกว่า

“เช่นนั้น ท่านก็พาราพลังก้าไปเสียจากหมู่บ้านนี้ก็แล้วกัน พานางไปในที่ที่นางสามารถปลูกต้นไม้ของนางได้ อย่างนี้ก็เท่ากับแก้ปัญหาให้แก่ทุกฝ่าย”

ชาวบ้านอื่นๆ พยักหน้ารับ เว้นแต่พ่อค้าที่ถามขึ้นมา

“ห...หัวหน้าหมู่บ้าน แล้วที่นักเดินทางนี่มันซ้อมข้าล่ะ”

เขาเงียบเสียงทันทีที่ชายหนุ่มกวาดดวงตาคมกริบไปมองตน

“อ...เอ่อ...ข้าไม่ถือสาหาความอะไรก็ได้”

ท่ามกลางการสนทนาทั้งหมด ราพลังก้ากลับก้มหน้านิ่ง พวกเขาจะให้นางไปจากเรเลนทัส...จากผืนทรายที่ฝังร่างท่านยายผู้เป็นที่รักของนาง จากผู้คนที่เคยเมตตาและมอบไมตรีให้นางบ้าง...แม้จะไม่ทุกคน ทั้งๆ ที่นางปรารถนาจะให้เรเลนทัสได้เป็นที่ที่สุขสบายขึ้นกว่านี้ โดยเฉพาะเพื่อเด็กๆ และผู้คนที่เจ็บป่วยผ่ายผอมเพราะขาดน้ำและอาหารหรือ

...หรือความพยายามของนางจะยังคงน้อยเกินไปจริงๆ...

“เรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าไปกันได้” หัวหน้าหมู่บ้านตัดบท แต่เด็กสาวก็กลับเงยหน้าขึ้นทันควัน

“เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งให้ข้าไปเลยนะเจ้าคะ ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน!”

“อะไรกัน เจ้ายังต้องการอะไรอีก” ชายวัยกลางคนหันกลับมาอย่างรำคาญ

“อย่าเพิ่งให้ข้าไปเลย” ราพลังก้ารีบพูดออกไปอย่างร้อนรน “ขอเวลา...ขอเวลาสักหน่อยเถอะ ขอให้ข้าได้ปลูกต้นไม้ใหญ่ให้โตที่นี่เถอะนะเจ้าคะ ตอนนี้มีดินแล้ว...ถ้าพวกท่านปันส่วนน้ำให้ข้าได้เหมือนเดิม ข้าต้องทำได้แน่ๆ!”

“ราพลังก้า เจ้าคิดว่าการปลูกต้นไม้ให้โตขึ้นมาสักต้นหนึ่งใช้เวลาเท่าไรกัน”

เด็กสาวชะงักไป

“นั่นสิ เจ้าคงไม่รู้หรอก” หัวหน้าหมู่บ้านสำทับ “เพราะตั้งแต่เกิดมา เจ้าก็ไม่เคยเห็นต้นไม้โตขึ้นเลยสักครั้ง ลองดูภายในสัก...สามวันก็แล้วกัน”

“หมายความว่า...ถ้าข้าทำให้ต้นไม้นั้นเติบโตได้ภายในสามวัน พวกท่านจะไม่ไล่ข้าไปใช่ไหมเจ้าคะ”

ทุกๆ คนในที่นั้นหัวเราะร่วนเหมือนขบขันเต็มประดา เว้นเพียงมาโอที่ขมวดคิ้วนิ่งขึง

“ถ้าเจ้าทำได้ละก็นะ” หัวหน้าหมู่บ้านสรุปเมื่อเสียงหัวเราะแผ่วซา

--------------------------------------------------------------------------

และแล้วคู่พระนางก็ได้พบกัน ทั้งสองจะสามารถทำความฝันของราพลังก้าให้เป็นจริงได้หรือเปล่า ต้องรอดูต่อไปครับ :)




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 13:35:39 น.
Counter : 272 Pageviews.  

บทที่ 4 – บุรุษแห่งความหวัง

4 – บุรุษแห่งความหวัง

“เดินไหวไหม” แขนของชายคนนั้นเลื่อนเข้ามาจะประคองนางอีกครั้ง แต่ราพลังก้าก็พยายามทรงตัวด้วยแรงของนางเองขณะถอยออกห่าง

“ค...ค่ะ ขอบคุณมาก”

“ขอบคุณ...อีกแล้วหรือ”

“...ข...ขอโทษค่ะ”

เด็กสาวก้มหน้ามองพื้นทรายอย่างวางตัวไม่ถูก ด้วยความตื้นตันที่ชายหนุ่มช่วยพานางออกมานอกกระโจมของพ่อค้าโดยไม่ฟังคำทัดทานของเจ้าของสถานที่ นางคงพร่ำขอบคุณเขาหลายครั้งเกินไปจนเขาระอาเสียแล้วกระมัง

แต่แล้ว...ชายหนุ่มแปลกหน้าก็กลับหัวเราะเบาๆ

“ข้าไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่...แค่ไม่ต้องขอบคุณข้าบ่อยขนาดนั้นก็ได้”

“ก็...ท่านเป็นคนช่วยข้าไว้นี่คะ จาก...เรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของข้าเสียด้วย”

“เอาเถอะ เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ขอบคุณเทพเจ้าแทนเถอะ ที่บันดาลให้ข้ามาถึงตอนนั้นพอดี”

ราพลังก้าเงยหน้าขึ้นมองเขาหลังจากคำพูดนั้น หมายจะส่งยิ้มให้เขาแทนคำขอบคุณ แต่แล้ว...นางก็รู้สึกเหมือนพื้นทรายไหวยวบโคลงเคลง และร่างของตนฟุบลงอีกครั้ง

--------------------------------------------------------------------------

ท่านยาย... เด็กหญิงน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำไมพวกเขาถึงต้องแกล้งข้าด้วยล่ะคะ ทำไมพวกเขาถึงหาว่าข้าเป็นคนไม่ดี พ่อแม่ก็เป็นคนไม่ดีด้วยที่ทิ้งข้าไว้เป็นลูกกำพร้า ถ้าพ่อแม่ไม่ตายไปแล้ว...ทำไมพวกเขาจะทิ้งข้าไว้ละคะ... แล้วถ้าพวกเขาตายไปแล้ว...ทำไมพวกเขาถึงเป็นคนไม่ดี...แล้วข้าก็เป็นคนไม่ดีด้วย...

หลานไม่ได้เป็นคนไม่ดีหรอกนะ... เสียงสั่นพร่าแต่อ่อนโยนเหลือเกินดังขึ้นพร้อมสัมผัสของมือบนศีรษะ คนจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่การกระทำ...ไม่ใช่ว่ามีพ่อแม่หรือไม่ คนที่ล้อเลียนและแกล้งหลานอาจจะทำสิ่งที่ไม่ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นคนที่ไม่ดีไปเสียหมด แล้วหลานก็อย่าได้ทำให้ตนเองเป็นคนไม่ดีไปด้วยโดยการดุด่าต่อว่าพวกเขากลับ หรือทำสิ่งเลวร้ายใส่พวกเขาเลย หลานอยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อหลานเช่นไร...ก็จงปฏิบัติเช่นนั้นต่อพวกเขา แล้วสักวัน...พวกเขาจะตอบแทนไมตรีนั้น ราพลังก้าของยาย

แต่สักวันนั้นคือเมื่อไรละคะ...ท่านยาย ราพลังก้ายังพยายามไม่พออีกหรือคะ ราพลังก้ายังมอบไมตรีให้พวกเขาไม่พออีกหรือคะ ราพลังก้าอยากให้พวกเขาได้เห็นต้นไม้เขียวชอุ่มเหมือนที่เคยฝันเห็น...อยากให้พวกเขาได้ลิ้มรสผลไม้แสนหวานของต้นไม้นั้น อยากให้พวกเขาได้สัมผัสสายฝนชุ่มฉ่ำ แล้วทำไม...ทำไมพวกเขาต้องทำลายความหวังนั้นเองด้วย


หยดน้ำที่รินรดลงในคอแห้งผากทำให้เด็กสาวสงบลง ดูเหมือนเมื่อก่อนท่านยายจะเคยป้อนน้ำให้นางอย่างนี้ใช่ไหมนะ

ราพลังก้ากะพริบตาปริบๆ พบกับภาพหลังคากระโจมของตน นางแลเลยไปอีกก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟูก

“ฟื้นแล้วหรือ” ชายแปลกหน้าหันมาถามนาง

“นี่ข้า...”

“เจ้าหมดสติไป มีคนบอกข้าว่าเจ้าขาดน้ำ...แล้วก็กระโจมของเจ้าอยู่ตรงนี้ ข้าเลยพาเจ้ามาพักที่นี่ก่อน”

“แล้วน้ำ...”

“อยากได้น้ำอีกหรือ” เขาเข้าใจเป็นอีกอย่าง

“ไม่ใช่ค่ะ ข้าแค่...สงสัยว่านั่นเป็นน้ำของใคร” เด็กสาวค่อยพูดคล่องคอขึ้น

“ของข้าเอง ทำไมหรือ”

ราพลังก้าเสหลบนัยน์ตาประกายสีโกเมนที่จ้องตรงมาให้ร้อนผ่าวบนใบหน้า

“ขอโทษนะคะ แต่ข้า...คงต้องขอบคุณท่านอีกครั้งแล้วล่ะ”

อีกฝ่ายเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ

“นี่เจ้า...กลัวการต้องขอบคุณข้าขนาดนี้เชียวหรือ ข้าก็เพียงแค่...รู้สึกแปลกๆ ที่ได้ฟังคำขอบคุณซ้ำๆ ขนาดนั้นเท่านั้นเอง ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้เจ้ากลัว”

“ม...ไม่เป็นไรค่ะ ท่านไม่ได้ทำผิดอะไรเลยนี่นา” เด็กสาวรีบตอบตะกุกตะกัก “ข้า...ข้าแค่ไม่รู้ว่าจะทำให้ท่านไม่พอใจหรือเปล่า ก็...ก็ข้าไม่เคยพูดคุยกับคนนอกหมู่บ้านมาก่อนนี่คะ”

“คนนอกหมู่บ้านก็เป็นคนเหมือนกัน อย่าคิดอะไรมากเลย” ชายหนุ่มเงียบไปอีกครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้าชื่อมาโอ เป็นนักเดินทาง เจ้าล่ะ”

“ร...ราพลังก้า...ค่ะ”

“ราพลังก้า...เป็นชื่อที่เพราะดีนะ”

คนถูกชมชื่อเสหลบไปพร้อมกับลอบยิ้มขวยเขิน

“แล้ว...ท่านมาโอมาที่เรเลนทัสทำไมหรือคะ”

“ข้าแค่เดินทางผ่านมา กะจะแวะซื้อเสบียงสักหน่อย แล้วก็มาพบเจ้าเข้านี่ล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น...” เด็กสาวกังวลขึ้นมา “ท่านก็คงซื้อเสบียงที่นี่ไม่ได้แล้วสิคะ”

“หลังจากที่ข้าต่อยเจ้าของร้านจนตาเขียวน่ะหรือ...ข้าว่าคงไม่ได้จริงๆ นั่นล่ะ แต่ไม่เป็นไร ข้ายังมีเสบียงพอจะข้ามทะเลทรายไปถึงเมืองข้างหน้าได้ อย่าห่วงเลย”

“เดี๋ยวข้าจะแบ่งเสบียงให้ค่ะ” ราพลังก้ารีบลุกจากที่นอน “ข้ามีอาหารแห้งอยู่บ้าง ท่านเอาไปเถอะ ข้าจะได้ตอบแทนบุญคุณที่ท่านช่วยเหลือข้าด้วย”

“จะดีหรือ ข้าเป็นห่วงเจ้ามากกว่า ก็เจ้าเป็นคนที่ต้องอยู่ที่นี่นี่นา ต่อไปจะไปซื้อของกับพ่อค้านั่นได้อย่างไร”

“...ข้า...เอาตัวรอดได้อยู่แล้วล่ะค่ะ” เด็กสาวยักไหล่น้อยๆ “ข้าลำบากแต่เด็กมาจนชินแล้ว”

มาโอดูเหมือนจะยิ้มอย่างอ่อนใจ

“เจ้าไม่มีญาติเลยหรือ”

“ข้าเป็นเด็กกำพร้าค่ะ ท่านยายที่เลี้ยงข้ามาแต่เล็กไปพบข้าระหว่างอพยพมาเรเลนทัส ท่านเลยนำข้ามาเลี้ยง ของเพียงอย่างเดียวที่ท่านยายบอกว่าพบบนตัวข้ามีแต่ถุงใบนี้เท่านั้น คงเป็นของดูต่างหน้าจากพ่อแม่ที่แท้จริงของข้า”

ราพลังก้าช้อนถุงผ้าสีขาวซึ่งปักดิ้นทองขึ้นในอุ้งมือ มาโอขยับตัวเข้ามาใกล้อีกนิดหนึ่งเพื่อมองดูมันให้ถนัด

“ลวดลายปักดูไม่คล้ายงานของเมืองไหนที่ข้าเคยไปเลย น่าเสียดายนะ” เขาเปรย “แต่ปกติในถุงมักจะมีของอยู่ไม่ใช่หรือ ในถุงใบนี้ไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐานยืนยันตัวเจ้าเลยหรือ”

“มีแต่เมล็ดพืชค่ะ” นางล้วงลงไปหยิบเมล็ดหนึ่งให้เขาดู “ไม่มีใครทราบเลยว่าเป็นเมล็ดอะไร ข้าเองก็พยายามปลูกดู แต่ไม่เคยทำให้มันโตได้เลยเสียที”

“ไหนขอดูหน่อยซิ” มาโอแบมือใหญ่หนาของเขา สีหน้าพลันเคร่งเครียดขึ้นขณะเพ่งมองเมล็ดพืชนั้น “ประหลาดดี ข้าเองก็ไม่รู้จักเมล็ดพืชอย่างนี้เลย แต่ข้าเกรงว่ามันไม่น่าจะเติบโตในทะเลทรายได้อยู่แล้วกระมัง”

เขาส่งมันคืนให้กับนาง และนางก็เก็บเมล็ดพืชนั้นใส่ถุงโดยเร็ว

“ข้าเคยฝันน่ะค่ะ” ราพลังก้าตัดสินใจเล่า “ข้าฝันว่าปลูกต้นไม้นี้ได้กลางผืนทราย แล้วมันก็งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่ในเวลาชั่วพริบตา ออกผลสีแดงน่ารับประทานและทำให้ฝนตก ข้าคิดว่า...ถ้าข้าสามารถปลูกมันได้ตามความฝันก็คงดี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า”

“หากจะปลูกต้นไม้ใหญ่ก็คงต้องใช้ดิน น้ำ และปุ๋ยจำนวนมาก หากเป็นที่นี่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ทำไมเจ้าถึงไม่ลองไปปลูกที่อื่นดูล่ะ”

เด็กสาวยิ้มเฝื่อนๆ ขณะนึกคำตอบของคำถามที่ตนเคยตั้งกับตนเองเช่นกัน

“ข้า...ไม่ทราบจะไปที่ไหนได้ เรเลนทัสอาจจะลำบาก แต่...ที่นี่ก็เป็นที่ที่ข้าอยู่มาแต่เกิด ความทรงจำทั้งหมดของข้าเองก็อยู่ที่นี่ แล้วที่จริง...ข้าก็มีเพื่อนๆ มีคนที่รักและห่วงใยข้าอยู่ที่นี่เหมือนกันนะคะ”

“นั่นสินะ” ชายหนุ่มรับ “ข้าก็ใช่จะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้หรอก ถึงแม้ว่า...ข้าจะไม่มีที่ให้กลับแล้วก็เถอะ”

“ท่านมาโอ” นางเรียกอย่างประหลาดใจ ทว่าเขากลับทำเพียงถอนใจเบาๆ

“เรื่องนั้นผ่านมาเนิ่นนานจนข้าไม่รู้สึกอะไรกับมันอีกแล้ว อย่าใส่ใจเลย”

เด็กสาวฟังแล้วนิ่งเงียบไปด้วยไม่รู้จะพูดอะไร ชายอีกคนจึงกลับเป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนาใหม่เสียเอง

“เอ้อ ข้ามีของจะมอบให้เจ้า มันคงจะไม่มากมายนัก แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าได้บ้าง”

“อะไรหรือคะ”

มาโอล้วงลงไปในย่ามสัมภาระของเขา ก่อนจะหยิบถุงใบขนาดกลางใบหนึ่งมาส่งให้นาง

ราพลังก้ารับถุงนั้นมาคลี่ดู ก่อนจะช้อนสิ่งที่เป็นสีดำเหมือนเส้นผมของนาง แต่นุ่มหยุ่นและมีกลิ่นชื้นอย่างประหลาดออกมา

“นี่คือ...อะไรหรือคะ”

“ดินน่ะ จากบ้านเกิดของข้า” ชายหนุ่มตอบ “ข้าเก็บมันมาต่างของที่ระลึก”

“แต่ของสำคัญอย่างนี้...”

“ข้าไม่เคยอยู่ติดที่ ดินนี้ไม่เคยมีความจำเป็นต่อข้าอยู่แล้ว แต่เจ้าคงจะนำมันไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่าข้า รับไปเถอะ ข้าเองก็อยากให้เจ้าได้เห็นต้นไม้ที่เติบโต หากเจ้าอยู่ในเรเลนทัสมาแต่เกิดก็คงไม่เคยแม้แต่จะเห็นดินด้วยซ้ำกระมัง”

เด็กสาวพยักหน้ารับ แม้นสีหน้าจะบอกความเกรงใจเขาสุดแสน

“ขอบคุณมากค่ะ ท่านมาโอ”

“ไม่เป็นไรหรอก แต่...หากมันโตแล้วต้องให้ข้าได้ดูด้วยล่ะ”

“ค่ะ” ราพลังก้ารับหนักแน่น ทว่าไม่ทันจะสัญญาเป็นมั่นเหมาะ เสียงกราดเกรี้ยวก็ดังขึ้นที่หน้ากระโจมของนางทันควัน

“ราพลังก้า! พาเจ้าคนแปลกหน้านั่นออกมาเดี๋ยวนี้!!”

เด็กสาวหันขวับไปทางเงาร่างที่เห็นผ่านประตูกระโจมอย่างหวาดหวั่น ขณะที่ชายอีกคนมีสีหน้าที่ไม่อาจอ่านออก




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 13:33:47 น.
Counter : 281 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

Anithin
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add Anithin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.