ที่พักนักตระเวนแดนฝัน
Group Blog
 
All blogs
 

บทส่งท้าย – เมล็ดพันธุ์แห่งความหวัง

บทส่งท้าย – เมล็ดพันธุ์แห่งความหวัง

ฟ้ายังไม่สาง ทว่าชายหนุ่มกลับพบเพียงฟูกว่างเปล่าข้างกาย เปลหลังเล็กข้างเตียงของทั้งสองก็ว่างเปล่าไร้เงาของบุตรสาววัยทารกเช่นกัน

กระนั้น เสียงร้องเพลงกล่อมอันอ่อนโยนยังบ่งบอกที่อยู่ของคนทั้งคู่ ภรรยาของเขานั่งอยู่ใต้แสงจันทร์เบื้องนอก มองไปทางทุ่งดอกไม้ซึ่งผลิบานสะพรั่งบนพื้นดินที่ไร้การจับจองของอดีตเมืองเรเลนทัส ทางน้ำบนสองแก้มของนางสะท้อนแสงสีเงินแห่งราตรีชัดเจน

“เจ้าร้องไห้ทำไมหรือ” เขาถาม

“ให้กับภาพที่เห็น” นางตอบ “คืนนี้ ท่านอินเฟลมาลาข้า นางบอกว่าได้สอนมนต์เพลงทุกบทที่นางทราบให้แก่ข้าจนหมดแล้ว นางยังให้ข้าได้เห็นสิ่งที่จะเป็นไปในอนาคตอีกด้วย”

“สิ่งที่จะเป็นไป...อย่างนั้นหรือ”

“ไม่ใช่ข้าหรอกที่จะขับขานเมตาฟาลิก้าเพื่อสร้างแผ่นดินใหม่ และไม่ใช่ฟีร่าด้วย” หญิงสาวแตะที่หน้าผากของเด็กน้อยผู้มีเส้นผมของนางกับดวงตาของสามีอย่างแผ่วเบา “ผู้ที่ข้าจะเปิดเผยใจจริงด้วยได้มีเพียงท่าน และผู้ที่ฟีร่าจะเปิดเผยใจด้วยได้ก็ยังมิใช่ผู้คนนับพันที่ต้องการแผ่นดินใหม่ เวลาจะผ่านไปนับร้อยปี จนกว่าจะถึงกำเนิดของเด็กสาวทั้งสองคนที่มีดวงใจบริสุทธิ์สื่อถึงกัน และสื่อถึงคนนับพันได้กระทั่งสามารถประสานบทเพลงเมตาฟาลิก้า หนึ่งในนั้นคือสายเลือดของฟีร่า พวกนางจะต้องเผชิญอุปสรรคและความทุกข์มากมาย แต่ก็จะได้พบผู้เป็นที่รักและความสุขอันมีค่ายิ่งกว่านั้นเช่นกัน”

“เช่นนั่นก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มรับขณะนั่งลงข้างนาง และกุมมือของนางไว้ “เด็กๆ พวกนั้นจะมีความสุขในที่สุดเช่นนั้นสินะ”

หญิงสาวเหม่อมองไปเบื้องหน้า ไม่เหลียวไปทางบ้านที่สร้างในโพลงกลวงของต้นไม้เบื้องหลังเลยแม้แต่น้อยก่อนจะเอ่ยลอยๆ

“เราไปจากที่นี่กันเถอะ”

“ไปที่ไหน”

“ที่ที่มีชีวิตและผู้คนรออยู่ ข้าไม่อยากกลับมาที่นี่อีกแล้ว” ผู้ภรรยาตอบ “ข้าอยากให้ฟีร่าได้เติบโตในที่ที่เหมาะสมกับนางกว่านี้ ให้นางได้พบปะและเรียนรู้ผู้คน ให้นางมีจิตใจอ่อนโยนแต่ระแวดระวังอันตราย ให้นางได้เห็นว่าโลกนี้ยังมีสิ่งที่อัปลักษณ์ชั่วร้ายอยู่มาก แต่ก็ยังมีสิ่งที่สดสวยดีงามอีกมากมายนัก”

“แน่นอน” สามีรับ “จากนี้ ที่ใดก็ตามที่เจ้าหรือฟีร่าอยากไป ข้าจะเป็นผู้พาไปเอง จนกว่าจะมีผู้รับช่วงเป็นเพื่อนร่วมทางของฟีร่าแทนเราสองคน และคนคนนั้นพิสูจน์ต่อเราสองคนได้ว่าเขาคู่ควรต่อหน้าที่นั้น”

บัดนี้ทั้งสองเป็นอิสระ อัศวินประจำวิหารแห่งพาสตาเลียนามมาโอได้ตายไปในหน้าที่ที่หมู่บ้านอันเกิดฝนตกหนักและเขื่อนหินแตกตามรายงานของผู้กองบรานเชสก้า ไม่มีมาโอผู้ได้รับมอบหมายให้ตามหาเรย์วาเทลที่สามารถขับขานบทเพลงเมตาฟาลิก้าได้ต่อไป ส่วนราพลังก้า เรย์วาเทลผู้ก่อกำเนิดตำนานหนึ่งต่อเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแห่งเรเลนทัสก็คงเป็นเพียงคำเล่าขานเท่านั้น

มีเพียงชายหญิง สามีภรรยา และบิดามารดาคู่หนึ่งที่ตัดสินใจออกไปจากสวนแห่งนิรันดร์อันนิ่งสนิท เพื่อมอบชีวิตให้แก่เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังของทั้งสอง ซึ่งจะงดงามผลิบานดอกผลเป็นความหวังแด่ชนทั้งผองสืบไป

ดังนี้...เรื่องราวเพื่อความสุขแห่งผู้เป็นที่รักจึงได้จบสิ้นลง

- จบบริบูรณ์ –

--------------------------------------------------------------------------


แรกสุด ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องของราพลังก้ากับมาโอมาถึงบทสุดท้าย โดยเฉพาะเจ้าของคอมเมนต์ทุกคนครับ ทั้งคุณเม็ดบ๊วยกับคุณ kotoba จากบอร์ดพ็อคเก็ต คุณ Ryuune_chan จากบอร์ด AF คุณนอนดูดาว คุณฉะกันสิ คุณ RAsen คุณ HT กับคุณชิกไก้ปั่วจากบอร์ดเจเจ คุณ scottie กับ คุณ Mnemosyne จากบอร์ดพันทิป คุณ EvilFiRe น้องปลาตากลม กับคุณชนมันทุกที จากบอร์ดเด็กดี รวมทั้งคุณ oนิลไพลินo ที่เพิ่มเรื่องนี้เป็น fav ขอบคุณ Blue Mouse จากบอร์ดเจเจที่อ่านและให้คอมเมนต์ช่วยในการแก้ไขเรื่องช่วงต้น และคุณ Runaway Guy จากบอร์ดพ็อคเก็ต ผู้อ่านและให้คอมเมนต์เรื่องเพลง กับชี้จุดต่างของแฟนฟิคนี้กับเกม ให้ผู้เขียนที่ไม่เคยเล่นเกมแต่เขียนจากความชอบเพลงล้วนๆ ครับ m<_ _>m

ส่วนตัวผมคิดว่าทายาทของฟีร่าผู้ร้องเพลงเมตาฟาลิก้า ก็คือโครเช่ นางเอกอีกคนในเกม Ar Tonelico 2 ซึ่งตรงนี้เป็นจินตนาการของผมล้วนๆ และเหตุที่ต้องเป็นโครเช่ก็เพราะนามสกุลที่แท้จริงของเธอคือ ทรูเอลีวาธ (Truelywaath) ซึ่งในภาษาฮิมนอสแปลว่าการกำเนิดใหม่ มีการใบ้เล็กน้อยว่านี่คือนามสกุลของมาโอ (มาคิดอีกที...ตอนฟีร่าแต่งงานไม่เปลี่ยนนามสกุลหรือ แต่นั่นเป็นเรื่องหลังจากนี้ หนุ่มคนนั้นอาจถูกมาโอหักคอให้แต่งเข้าตระกูลแทนก็ได้...มั้งนะ ^^a)

และเรื่องที่มาโอรอดก็กำหนดไว้แต่ต้นแล้ว ไม่สิ ต้องบอกว่าตอนเขียนไม่คิดว่ามาโอจะตายเลยมากกว่า แต่ให้มาโอถูกน้ำพัดเจียนตายบ้างเพื่อให้ราพลังก้าตระหนักว่าแทบต้องสูญเสียมาโอไปเมื่อเข้าใจสิ่งที่มาโอพยายามบอกมาตลอด เขียนจนจบแล้วก็คิดบ้างว่าหากมาโอตายจริงๆ ตอนจบน่าจะทรงพลังกว่านี้ แต่ก็คิดว่าตอนจบแบบมีความสุขอย่างเรียบๆ นี้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับสามพ่อแม่ลูก และผมก็ยินดีกับทั้งสามครับ

หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านมีความสุข...ตามชื่อ "เรื่องราวเพื่อความสุขแห่งผู้เป็นที่รัก" ครับ :)

อนิธิน




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 10:14:57 น.
Counter : 451 Pageviews.  

บทที่ 27 – บทเพลงแห่งอิมแพลนต้า

27 – บทเพลงแห่งอิมแพลนต้า

เพลงประจำตอน METHOD_IMPLANTA


แสงตะวันอันกล้าแรง สาดส่องไปทั่วทั้งโลกา
เหมือนดังพรของอรุณ เราผองควรแซ่ซ้องสรรเสริญ
เหมือนเยียวยาและบรรเทา ความเศร้าโศกหนาวยาวนาน
นารีราพลังก้าร่ำร้องครวญขาน อธิษฐานด้วยหยาดน้ำตานอง
ฝากความหวังและการไถ่บาปให้แก่เมล็ดพันธุ์ที่พันหนึ่ง

นิ้วที่ย้อมด้วยสีแดง แห่งมวลกลีบผกาที่ร่วงโรย
หน้าผากที่ประทับโดยคมเรียวหนามร้อยทอ
ข้าจักเป็นเช่นสัญญา ประจักษ์พยานแห่งการถอนไถ่
มงกุฎหนามรับสวมสอดศีรษะไว้ แม้แสนเจ็ดปวด
หยดน้ำร่วงโรยริน เป็นรอยทางบนแก้มใส
ซึมซับแทรกลงไปในดินที่กระหาย
หล่อเลี้ยงชุ่มชโลมรากกล้าไม้แห่งชีวิต
เจ้าที่ข้าฝันใฝ่ให้หยาดวรุณพรม หลั่งรินรดเลี้ยง

สิ่งที่ไหลพรั่งพรูจากอ้อมอกนี้
คือแสงที่เริงรำทอประกาย
เมล็ดแห่งถ้อยภาวนากำลังเฉิดฉาย
กลับกลายงอกเป็นปาฏิหาริย์

บนซากหักพังแห่งกาลเวลาที่ถูกลืมเลือน ราพลังก้ากระซิบต่อมาโอ
“ชีวิตมนุษย์ให้กำเนิดได้แต่สิ่งที่น่ารังเกียจทั้งสิ้น”
ดังนั้นทั้งสองจึงสร้างโลกอันเป็นนิรันดร์ ปราศจากความกังวลหรือโศกเศร้า
“ที่นี่คือสวนแห่งความสุข ผืนดินนี้คือความหวังสุดท้ายของสองเรา”
มาโอกอดราพลังก้าไว้และบอกนาง
“ไม่ว่าผู้คนจะโง่เขลาเพียงไร จงอย่าปักใจเชื่อเช่นนั้นเลย
มนุษย์ก็มีหัวใจที่ดีงามได้เช่นกัน
มากับข้าเถิด
เงาสะท้อนของความชั่วร้ายและตัณหานับพันในดวงตาของเจ้าทำให้ข้าเศร้าใจ
ข้าจะเปิดเผยดวงใจอันงดงามที่พันหนึ่งให้แก่เจ้า และข้าปรารถนาให้ดวงใจนั้นจับใจของเจ้า”

เท้านวลขาวที่ก้าวล้ำ ลงเหยียบโคลนเลนให้ต้องหมองหม่น
ปีกก็กลับต้องเลอะเปรอะแปดเปื้อนไปในที่สุด
แต่ตราบจนชีพมลาย ข้าจักมุ่งไปไม่มีย่อหย่อน
โบยบินไปยังแดนแสนไกลของพรุ่งนี้ ที่เชื่อมั่นไว้
สักวันเมื่อสิ้นสุด การไถ่ถอนสิ้นทั้งผอง
ในวันนั้นพวกเราคงได้ร่วมขับขาน

ลำนำแห่งความปรารถนาไม่สิ้นสุดนี้
หล่อหลอมห้วงคำนึงให้ลึกล้ำ
ปลายนิ้วที่ร้อยเรียงพันเกี่ยวเพิ่มพูนยิ่งไป
ประดุจก้านกลีบของผองผกา

สิ่งที่ไหลพรั่งพรูจากอ้อมอกนี้
คือแสงที่สาดส่องฉายลงมา
เหล่าพฤกษาแห่งความหวังเอย คงในไม่ช้า
จักโตสูงถึงยังฟากฟ้า

เพื่อที่จะเยียวยาความเจ็บปวดนับพัน ทั้งสองเดินทางไปทั่วโลกา
ระหว่างทาง นางได้เห็นความอบอุ่นและดวงใจของผู้คน
ความทรงจำอันงดงามพันหนึ่งความทรงจำได้เยียวยาภายในกายของราพลังก้า
คืนหนึ่งใต้แสงจันทร์เต็มดวง นางจึงหวนกลับไปสู่สถานที่แห่งนั้นอีกครั้ง
ขณะยืนอยู่บนสถานที่แห่งความตายอันเย็นเยียบที่ถูกจำขังไว้
ราพลังก้าเผยความโศกเศร้าของนางด้วยความเกรงกลัว
“ที่นี่เป็นเพียงนครแห่งความตาย
หาใช่สวนแห่งความสุขเลยแม้แต่น้อย”
น้ำตาของนางยิ่งหลั่งไหลและความปรารถนาอันแรงกล้าโอบอุ้มอ้อมอกของนางไว้

“ข้าจักมอบชีวิตให้แก่เมล็ดที่พันหนึ่ง”


--------------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 10:14:22 น.
Counter : 284 Pageviews.  

บทที่ 26 – สายสัมพันธ์

26 – สายสัมพันธ์

เพลงประจำตอน Bonds~KIZNA


ราพลังก้ามองออกไปนอกหน้าต่างใต้แสงอาทิตย์อัสดง นางกลับมาอยู่ในโรงแรมหลังเดิม ห้องพักห้องเดิม ริมหน้าต่างบานเดิมกับที่นางเคยเบื่อหน่าย ดูทิวทัศน์เดิมๆ ที่กลับทั้งงดงามและน่าหวาดหวั่นไปในขณะเดียวกัน

งดงาม...เนื่องจากภาพนี้เกือบจะไม่เหลือให้เห็นอีกแล้วเพราะน้ำที่อาจไหลบ่าลงมาถล่มหมู่บ้าน หากไม่ได้อิมแพลนต้าที่งอกขึ้นมาสกัดความเร็วของน้ำทันท่วงที

น่าหวาดหวั่น...เพราะภาพนี้ไม่มีมาโออยู่เคียงข้างนางอีกแล้ว

หญิงสาวนึกถึงสิ่งที่ตนเคยทำในห้องนี้ นางเอาแต่นอน เอาแต่เหม่อมองหน้าต่าง เอาแต่เงียบเฉยต่อมาโอ ทำไมตอนนั้นนางจึงไม่พูดคุยกับเขา ไม่ทำให้เขาสุขสบายใจขึ้น นางมาตระหนักได้เมื่อสายเกินไปแล้วจริงๆ

กระนั้น...

“ท่านมาโอบอกว่า...หากเขาไม่กลับมา ให้ฝากบอกท่านว่าเขารักท่านที่สุด แล้วก็...ชื่อของลูกของท่าน...”

มาโอ...หรือ...ฟีร่า

ทำไม...ท่านไม่กลับมาบอกข้าเองเล่ามาโอ
ราพลังก้าตั้งคำถาม กลับมาโอบกอดข้า...โอบกอดลูกของเรา ข้ารู้แล้วว่าข้ารักเขาได้ แต่หากไม่มีท่านแล้ว เขาจะสัมผัสความรักของพ่อได้อย่างไร

หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตา นางไม่อยากร้องไห้ไว้เป็นลางทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามาโอปลอดภัยหรือไม่ กระนั้นนางก็ไม่อาจทนได้ ความอัดอั้นในอกของนางมีมากเกินไป

ราพลังก้าซบหน้ากับขอบหน้าต่าง แล้วสะอื้นไห้ตลอดทั้งเย็นนั้น

หากท่านอภัยให้ใจของข้าได้
ข้าจะกอดท่านไว้แน่นและไม่ยอมให้ท่านจากไปที่ใดอีกเช่นในวันวาน
ในยามนี้ หากความปรารถนาของข้าสามารถเป็นจริงได้ข้อหนึ่ง ข้าอยากจะเก็บไออุ่นของท่าน
ไว้ภายในร่างอันเย็นเยียบของข้า
ในยามนี้ หากความปรารถนาของข้าสามารถเป็นจริงได้ข้อหนึ่ง ข้าอยากกอดท่านไว้แนบแน่นเหลือเกิน


--------------------------------------------------------------------------

นางมารู้สึกตัวเมื่อมีเสียงตะโกนโหวกเหวกจากนอกหน้าต่าง

แม้ค่ำแล้ว พวกชาวบ้านก็ยังถือตะเกียงออกมาดู ราพลังก้าเบิกตาโพลงเมื่อเห็นพวกอัศวินของวิหารหามเปลที่มีร่างหนึ่งนอนอยู่บนนั้นมาตามท้องถนนในหมู่บ้าน หญิงสาวรีบไปที่ประตูทันที ใจของนางแทบโลดลิ่วลงไปก่อนร่าง

“มาโอ—!”

เปลของคนเจ็บเข้ามาในโรงแรมแล้วเมื่อราพลังก้าไปถึง นางโผเข้าซบชายหนุ่มที่มีรอยแผลเต็มร่างบนนั้นด้วยความดีใจ และได้รับรอยยิ้มเหยเกตอบแทนจากเขาหลังจากเสียงร้องเบาๆ

“ระวังหน่อย แม่หญิง” อัศวินวัยฉกรรจ์หัวเราะ “เขาบาดเจ็บหนักน่าดู แต่ถ้าเทียบกับระยะทางที่ถูกน้ำพัดไปก็ถือว่าเล็กน้อยมากทีเดียว”

ราพลังก้าแทบไม่ได้ยิน นางมองเพียงมาโอ สบตากับเขาด้วยรอยยิ้มและน้ำตาราวกับไม่ได้พบกันมานานนับหลายปี

“ให้เขาขึ้นไปนอนพักเถอะ” อัศวินคนเดิมเตือนกลั้วหัวเราะ “แล้วก็ใช้มนต์เพลงรักษาให้เขาด้วย หากเป็นเจ้า คงร้องเพลงไม่ทันจบก่อนเขาจะลุกขึ้นมากอดเจ้าด้วยซ้ำ”

--------------------------------------------------------------------------

ไม่นาน ทั้งสองได้อยู่ในห้องเป็นส่วนตัวอีกครั้ง หญิงสาวขับขานเพลงแห่งการรักษาให้เขา ก่อนจะตรวจดูอีกครั้งว่าบาดแผลต่างๆ หายเรียบร้อยดี แล้วจึงทิ้งร่างลงนอนเคียงเขา มือของทั้งสองสอดประสานเกาะกุมแนบแน่น

“อสูรน้ำตัวนั้นช่วยข้าไว้” ชายหนุ่มเล่า “จำได้คลับคลาว่ามันคาบชายผ้าคลุมข้า ดึงข้าขึ้นไปบนกิ่งอิมแพลนต้าของเจ้าต้นหนึ่ง ถึงอย่างนั้นข้าก็คิดว่าคงต้องตายแน่นอน รู้สึกเหมือนกระดูกในร่างกายหักไปหลายท่อนเหลือเกิน ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ข้ายังต้องกลับมาหาเจ้ากับลูก แต่ตอนที่พวกอัศวินพบข้า ข้าแทบหลับไปเสียแล้ว...”

“แต่ท่านก็ยังคงตื่นอยู่ถึงตอนนี้ เพื่อที่จะมาพบข้าให้ได้ไม่ใช่หรือ”

ราพลังก้าบีบมือของเขาเบาๆ และเขาก็บีบมือของนางตอบ

“ท่านบรานเชสก้าบอกว่าจะแจ้งวิหารแห่งพาสตาเลียว่าข้าตายไปแล้ว” มาโอเอ่ยลอยๆ “ในเหตุการณ์นี้”

“อย่างนั้นหรือ”

“ท่านเห็นเจ้าขับขานเมตาฟาลิก้า แต่ท่านก็ไม่คิดจะบังคับให้เจ้ากลับไปพาสตาเลียด้วยกันหรอก ข้ารู้มาแต่ต้นแล้ว” ชายหนุ่มอธิบาย “หลายปีก่อน ท่านเคยมีคนรักที่เป็นเรย์วาเทล นางตายด้วยอาการอินเฟลฟีร่า วิหารแห่งพาสตาเลียคุมตัวนางไว้”

“แต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะรับใช้วิหารต่อไปอย่างนี้หรือ”

“ทุกคนวิหารก็ไม่ได้เลวร้ายเสียหมดหรอก ที่จริงก็มีเหตุผลที่พวกเขาจะกักกันเรย์วาเทลที่มีอาการ เพราะโรคนี้ร้ายแรงและสามารถติดต่อในเรย์วาเทลได้อย่างรวดเร็วมาก การบำบัดด้วยไดฟ์ก็มีอันตรายสูง พวกเขาไม่อยากให้มีเรย์วาเทลหรือผู้คนล้มตายมากกว่านี้”

“แต่ท่านก็ยังตัดสินใจจะช่วยข้าในตอนนั้น”

“ข้าอยู่โดยขาดเจ้าไม่ได้ ข้าคิดว่าหากช่วยเจ้าไม่ได้ก็จะยอมตายไปด้วยกัน ข้าเลือกความรักมาก่อนหน้าที่ ส่วนท่านบรานเชสก้าเลือกหน้าที่มาก่อนความรัก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทางของใครคนใดคนหนึ่งเป็นทางที่ถูกต้องที่สุด”

“ถึงอย่างนั้น ตอนนี้ท่านบรานเชสก้าก็เลือกช่วยท่านกับข้าแทนที่จะทำตามหน้าที่” ราพลังก้าเปรย “มนุษย์ช่างซับซ้อนจริงๆ นะ”

“แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วไม่ใช่หรือ” มาโอถาม

หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเคลื่อนศีรษะมาพิงไหล่ของชายหนุ่ม ฟังเสียงหัวใจที่ยังเต้นอยู่ในอกนั้น

มีถ้อยคำมากมายที่นางอยากเอ่ยต่อเขา ทั้งขอโทษ ทั้งพร่ำบอกรัก ทั้งบอกความยินดีที่มีเขาอยู่เคียงข้างอีกครั้ง แต่ก็มิรู้จะเริ่มต้นจากจุดใด ด้วยเหตุนั้นเองที่ทำให้นางตัดสินใจเลือกหนทางที่สะดวกต่อนางที่สุด

ลำแสงอันอ่อนโยนสาดส่องเหนือคนทั้งผอง
โอบอุ้มความรักของพวกเขาเหล่านั้น
ในความสุขใหม่ที่ถือกำเนิดนี้
ข้าจับมือของท่านไว้ด้วยความปรีดา

แม้นสีสันแห่งใจข้าจะจางหายไป
แม้นว่าสักวันข้าจะลืมเลือนความโศกเศร้าไป

เสียงของข้าจะลอยล่องเหนือฟ้าเป็นบทเพลง
ข้ามีความสุขเพราะยามนี้มีท่านข้างกาย ผู้เป็นที่รักของข้า

หากความรู้สึกของข้าส่งถึงท่านได้
ข้าจะกลายเป็นบทเพลงอย่างยินดีเพื่อรักนี้
เพราะรอยยิ้มอันไม่มีวันแปรเปลี่ยนของท่านยังอยู่ที่นี่
ชั่วนิรันดร์

การวิวาทของเราสองจะไม่ย้อนซ้ำ
แม้เราจะต้องเสียใจภายหลังที่หมางใจกัน
เราจจะเลี้ยงดูและปกป้องชีวิตใหม่ที่งอกงามนี้
ด้วยมือของสองเรา

โปรดช่วยข้าทำให้ดอกไม้แห่งความอ่อนโยนนี้ผลิบานและกลายเป็นบทเพลงเถิด
เราจะโอบอุ้มความรู้สึกอันอบอุ่นที่สื่อถึงกันนี้
ชั่วนิรันดร์

แม้นมือของสองเราต้องแยกจาก
สายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันสิ้นสุดก็ยังคงพันผูกสองเราไว้


--------------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 10:12:16 น.
Counter : 321 Pageviews.  

บทที่ 25 – ผูกพันชั่วนิรันดร์

25 – ผูกพันชั่วนิรันดร์

เพลงประจำตอน Eternally Connected


ชายหนุ่มกระโจนลงน้ำที่กลับเชี่ยวกรากในทันที

แรงโน้มถ่วงและแรงอัดของน้ำเบื้องหน้าเขื่อนที่แตกออกช่างมหาศาล ทว่าเขายังคงค้นหาราพลังก้าโดยไม่ลดละ นางอยู่เพียงไม่ไกลนี้เอง มาโอโอบนางไว้จากด้านหลังก่อนจะรีบว่ายหาฝั่ง

น้ำไหลเร็วเหลือเกิน เขาคว้าได้ก้อนหินที่โผล่พ้นน้ำก้อนหนึ่ง หินนั้นมีทั้งส่วนที่ลื่นด้วยตะไคร่และแง่แหลมคมบาดมือ แต่มาโอยังพยายามเกาะไว้แน่นไม่มีปล่อย ก่อนจะดึงราพลังก้าเข้าไปใกล้ฝั่ง

“ช่วยรับนางไว้ที!”

ท่านบรานเชสก้าทำตามนั้น ใจของชายหนุ่มโล่งอกอย่างไม่อาจบรรยายเมื่อร่างอ่อนปวกเปียกของหญิงสาวถูกดึงขึ้นฝั่งได้สำเร็จ กระนั้นเขายังกลัวว่านางจะหยุดหายใจไปเสียแล้วหรือไม่

ครั้นราพลังก้าเริ่มสำลักและไอโขลกจนตัวโยน มาโอก็ถอนใจเฮือกใหญ่

...เขามัวแต่มองนางจนไม่ทันสังเกตคลื่นลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาอีกครั้งเลย...

--------------------------------------------------------------------------

เมื่อลืมตาขึ้น สติของหญิงสาวก็ค่อยๆ คลายจากความสับสน นางจำได้เลือนรางเพียงว่าตนร้องเพลงให้อสูรน้ำสงบลง ก่อนจะได้ยินเสียงดังน่ากลัวและรู้สึกได้ว่าร่างของนางผลุบลงไปในน้ำ ใครสักคนช่วยนางขึ้นมา แล้วนางก็มานั่งมองน้ำเชี่ยวกรากไหลผ่านซากเขื่อนที่พังทลายอยู่บนฝั่งในสภาพเปียกโชก หันไปมองคนที่ประคองตนเองอยู่ก็พบว่าเป็นอัศวินวัยฉกรรจ์ที่ไม่คุ้นหน้า มีอัศวินอีกห้าคนยืนมองพื้นน้ำด้วยสีหน้าตกใจและสลด

“มาโอ...” ราพลังก้าเริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที

“เขาลงไปช่วยเจ้า” อัศวินที่ดูอายุมากที่สุดตอบเพียงเท่านั้น “...ข้าขอโทษด้วย”

หญิงสาวจ้องตรงไปเบื้องหน้าราวกับไม่เห็นสิ่งใด มาโอตกอยู่ในกระแสเชี่ยวกรากนี้เสียแล้วหรือ

นางจะไม่มีวันพบเขา ไม่มีวันได้ยินเสียงเขาอีกแล้วหรือ

“ท่านบรานเชสก้า แล้วพวกชาวบ้าน...”

“แม่หญิง พวกชาวบ้านอพยพออกมาได้ทันกาลหรือเปล่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน ท่านทราบไหม”

ราพลังก้าไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น

“แม่หญิง...”

อัศวินอาวุโสหันไปสั่นศีรษะห้ามผู้ใต้บังคับบัญชา ทว่าหญิงสาวกลับไม่นำพาเสียแล้ว นางนึกถึงเพียงมาโอ มาโออยู่ในกระแสน้ำเชี่ยวกรากนี้หรือ นางยังไม่ได้ขอโทษเขาเลย ถ้อยคำสุดท้ายที่นางเอ่ยต่อเขานั้นโหดร้ายเกินไป

“ข้าจะไม่ไปไหนทั้งสิ้นหากท่านไม่ไปด้วย ต่อให้ต้องตายอยู่ที่นี่ก็ตาม!”

“แม่หญิง—!” อัศวินคว้าแขนของนางไว้เมื่อนางผุดลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปที่ริมน้ำ “อย่าคิดสั้น! มาโออุตส่าห์ช่วยชีวิตเจ้าไว้ไม่ใช่หรือ!”

ราพลังก้าหันกลับไปมองเขาอย่างแน่วแน่

“ข้าจะช่วยเขา ข้าต้องช่วยเขาให้ได้”

ฝ่ายตรงข้ามปล่อยมือเมื่อเห็นแววตาของนาง หญิงสาวหยิบถุงผ้าที่นางยังคงร้อยติดคอขึ้นมา เทเมล็ดพันธุ์ในถุงนั้นลงไปในลำธารทั้งหมดโดยไม่เสียดาย

อิมแพลนต้า...ได้โปรดช่วยมาโอด้วยเถิด

ราพลังก้าขับขานเพลงเมตาฟาลิก้าอีกครั้งด้วยใจทั้งดวง ใจที่สื่อความรักต่อคนผู้หนึ่งให้ทั้งโลกได้รับรู้

หากท่านอภัยให้ใจของข้าได้
ข้าจะกอดท่านไว้แน่นและไม่ยอมให้ท่านจากไปที่ใดอีกเช่นในวันวาน
ในยามนี้ หากความปรารถนาของข้าสามารถเป็นจริงได้ข้อหนึ่ง ข้าอยากจะเก็บไออุ่นของท่าน
ไว้ภายในร่างอันเย็นเยียบของข้า
ในยามนี้ หากความปรารถนาของข้าสามารถเป็นจริงได้ข้อหนึ่ง ข้าอยากกอดท่านไว้แนบแน่นเหลือเกิน

กิ่งก้านของอิมแพลนต้างอกงามตามทางลาดที่น้ำไหลโจนไล่กันเป็นป่าย่อมๆ ชะลอน้ำแรงให้ลดความเชี่ยวกรากลง ราพลังก้าภาวนาให้กิ่งใดกิ่งหนึ่งรับร่างของมาโอไว้ ให้เขารอดชีวิตกลับมาหานางอีกครั้ง

ได้โปรด...กลับมาหาข้าเถอะ มาโอ กลับมาหาข้ากับลูก กลับมาเลี้ยงดูลูกของเราด้วยกันเถอะนะ

อย่าจากข้าไป...ในตอนที่ข้าเพิ่งเข้าใจสิ่งที่ท่านพยายามบอกข้ามาตลอดเลย...


ราพลังก้าร้องเพลงเมตาฟาลิก้าด้วยพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ แม้เมื่ออิมแพลนต้าเติบโตถึงขีดสุดแล้ว หญิงสาวยังคงยืนกรานกับพวกอัศวินว่าจะไปตามหามาโอพร้อมกันกับพวกเขา

นางคงจะทำเช่นนั้นจริงๆ เสียแล้ว หากว่าอัศวินแห่งวิหารที่ได้รับคำสั่งจากมาโอให้ดูแลนางจะไม่มาถึงเสียก่อน และยืนกรานให้นางกลับลงไปพักผ่อนกับพวกชาวบ้าน โดยอ้างเรื่องเด็กในครรภ์ที่นางมีหน้าที่ต้องปกป้องแทนในส่วนของสามี

นั่นทำให้ราพลังก้ายอมจำนน เพราะนางเองก็ไม่ยอมสูญเสียเด็กที่เป็นสายใยความผูกพันชั่วนิรันดร์ของนางกับมาโอไปเช่นกัน

--------------------------------------------------------------------------

ครั้งนี้มีเพลงถึงสามเพลง เพลงละตอน แต่ละเพลงก็เพราะแตกต่างกันไปครับ อย่าง MIO นี่ผมติดใจตรงทำนองที่ร่าเริงรวดเร็ว แถมยังเป็นภาษาฮิมนอสหมดทั้งเพลง เพลงบทสดุดีแห่งรักนี่ก็ให้ความรู้สึกสว่างดี ส่วนเพลงที่สาม เศร้าซึ้ง แต่ในด้านเนื้อเรื่องก็ตัดมาใส่ให้ท่อนที่รู้สึกว่าเข้ากับใจของราพลังก้าที่สุดครับ

ในทีแรก คิดไว้ว่าราพลังก้าจะร้องเพลงช่วยมาโอปราบอสูรน้ำในการต่อสู้ แต่คิดว่าร้องให้ต่างฝ่ายสงบและล้มเลิกความคิดจะต่อสู้กันเห็นจะเข้ากับการกลับมามีความรักและการเชื่อใจอีก

สำหรับตอนหน้า บทสรุปของมาโอกับราพลังก้าจะเป็นอย่างไร รอชมได้ครับ




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 21:51:48 น.
Counter : 234 Pageviews.  

บทที่ 24 – บทเพลงสดุดีแห่งความรัก

24 – บทเพลงสดุดีแห่งความรัก

เพลงประจำตอน EXEC_over._METHOD_SUBLIMATION/.~omness chs ciel sos infel


ร่างใหญ่ยาวของอสูรน้ำรูปร่างคล้ายงูดิ้นปราดอีกครั้ง ปลายหางติดเงี่ยงของมันฟาดร่างของอัศวินเคราะห์ร้ายบนตลิ่งกระเด็นไปพร้อมกันถึงสองคน

มาโอหมายอาศัยจังหวะนั้นเข้าถึงจุดตายที่ดวงตาของมัน ทว่าอสูรน้ำเองก็รู้ทัน ปากของมันอ้ากว้างพ่นไอพิษจนเขาต้องยกโล่ขึ้นกันพลางถอยออกมา

กระนั้นเขายังหอบน้อยๆ รู้สึกได้ถึงความอ่อนเพลียในร่าง อสูรน้ำประเภทนี้ไม่มีพิษร้ายแรงนัก ทว่าความน่ากลัวคือละอองพิษของมันกระจายเป็นวงกว้างและทำให้หายใจติดขัด ขยับตัวลำบากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อ พิษก็จะสำแดงผลออกมามากขึ้น และสุดท้ายอสูรน้ำก็สามารถใช้เขี้ยวหรือเงี่ยงที่หางสังหารเหยื่อที่ถูกพิษได้โดยง่าย

ตอนนี้เหลืออัศวินเพียงไม่กี่คนที่สามารถสู้ได้อยู่ มีเขา มีท่านผู้กองบรานเชสก้า กับอัศวินใหม่ที่เขาไม่รู้จักอีกสองคน โอกาสชนะดูริบหรี่ลงทุกที อย่าว่าแต่จะชนะทันการก่อนผนังเขื่อนที่ถูกอสูรน้ำพยายามหาทางเจาะเข้าไปแตกออกมาเลย

ที่จริงอสูรน้ำพันธุ์นี้ไม่ถือว่าดุร้ายมาก พวกมันอาศัยตามแม่น้ำใหญ่และทะเลสาบโดยไม่รบกวนใครหากไม่ถูกคุกคามก่อน แต่เป็นเพราะฝนตกหนักจนน้ำปั่นป่วน มันจึงได้ถูกกระแสน้ำพัดมาถึงที่นี่ และเมื่อไม่อาจว่ายทวนกระแสกลับขึ้นไปก็คิดจะเจาะเขื่อนเพื่อสร้างทางออกใหม่

กว่าฝนจะหยุดตกและแดดส่องก็สายเกินเสียแล้ว พวกอัศวินต่อสู้กับอสูรน้ำจนมันเริ่มจนตรอก ต่อให้พวกเขาพยายามล่าถอยไปตอนนี้ มันก็เห็นทีจะจ้องจัดการคนที่บาดเจ็บหนักจนหมดเพื่อป้องกันตัวแน่นอน

อสูรน้ำส่งเสียงฟ่อดังอีกครั้งก่อนจะพุ่งหัวเข้ามา มาโอฉากหลบ ก่อนจะตระหนักได้ว่าเป้าหมายการโจมตีที่แท้จริงไม่ใช่เขา แต่เป็นอัศวินบาดเจ็บซึ่งอยู่ในระยะเงี่ยงหางของมัน

แต่แล้ว น้ำกลับพวยพุ่งสูงเข้าใส่หางของอสูรน้ำ ปัดเงี่ยงอันยาวแหลมจนกระเด็นไป

ชายหนุ่มหันไปเห็นใครคนหนึ่งที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่

“ราพลังก้า!”

หญิงสาวยืนเด่นบนผิวน้ำเบื้องหน้าอสูร นัยน์ตาของนางสงบนิ่งแน่วแน่

มาโออยากถามว่านางมาได้อย่างไร ก่อนจะได้คำตอบทันควันว่าโดยมนต์เพลงวารีมิต้องสงสัย เขาอยากปราดเข้าไปขวางหน้านาง ยิ่งเมื่อเห็นอสูรน้ำอ้าปากอันมีเขี้ยวแหลมคมอย่างแช่มช้า ทว่าราพลังก้ายังคงยืนเฉย ริมฝีปากของนางค่อยๆ คลี่ออกเป็นบทเพลงบางเบาแว่วหวาน

เหมือนหมู่นกที่โบยบินบนฟ้า

เหมือนพฤกษาที่เริงรำในลมไหว
เหมือนหมู่ปลาที่แหวกว่ายในวารี
เหมือนผองสัตว์ที่วิ่งไปบนผืนดิน
ข้าจักยินดีถ่ายทอดเสียงแห่งความเบิกบานของข้าสู่โลกนี้

โปรดสดุดีแสงสว่างแห่งรักเถิด
โปรดสดุดีพรอันงดงามดั่งดอกไม้แรกแย้ม
โปรดสดุดีสิ่งที่เทพมอบให้ในกายเรา
บัดนี้ ข้ายินดีแปรชีพของข้าเป็นโลกเพื่อรัก จงสดุดีเถิด

ข้ายินดีที่ได้เห็นท่านหลับใหลด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มนั้นมาจากความทุกข์ทั้งมวลที่สลายหายไป
ข้ายินดีที่ได้เห็นท่านผ่อนคลาย
และคิดว่าสิ่งใดกันที่ท่านรักที่สุด และสิ่งใดกันที่สำคัญที่สุดต่อท่าน

ข้าจักยินดีปกป้องโลกนี้เพื่อรัก
ข้าจักไม่ย่อหย่อนต่อความผิดพลาดแม้เพียงอย่างเดียว

โปรดสดุดีให้แก่การอภัยผู้มีบาป
โปรดสดุดีเพราะรัศมีแห่งอรุณจะไม่จางหายไป
ยามนี้ จงมอบใจของท่านให้ข้ารวบรวมเป็นหนทางสู่ความหวัง จงสดุดีเถิด
ท้องฟ้าที่ย้อมสีแห่งรุ่งอรุณ และตัวข้าเองสั่นไหวเมื่อสัมผัสความเปลี่ยนแปลง
ขอจงพยายามจับดาวดวงน้อยอีกครั้งเถิด

ความโศกเศร้ามิได้มาถึงเราแล้วบัดนี้
แม้ผู้คนจะยังคงสิ้นหวัง
แต่พวกเขาจะเลิกอาศัยในป่าแห่งความมืดมิด

ข้ายินดีที่ฝูงผีเสื้อโบยบินจับจองหยาดน้ำค้าง
และร่อนลงเกาะเปลือกตาอันหลับใหลของท่านอย่างแผ่วเบา
หมู่พฤกษาผลิใบใหม่เสร็จสิ้นแล้ว
และยืนต้นโอบอุ้มเราด้วยเสียงกระซิบซาบ

ข้าเศร้าใจที่ท่านเศร้าใจ
เพราะความทุกข์ทรมานและการร่ำไห้ที่มาจากความทรงจำในอดีต
ข้าจักมอบอ้อมกอดของข้าให้แก่ท่าน และปลอบประโลมท่าน
ข้าจักมอบกายของข้าให้โลกนี้ และจักลบล้างความโศกเศร้าทั้งมวลไปจากโลก

ข้าขอมอบตนเองและเศษเสี้ยวแห่งเทพในตัวข้า
ข้าจักยินดีที่จะได้ร้องเพลงเพื่อท่าน และชำระล้างโลกให้บริสุทธิ์
ข้าจักยินดีที่จะแปรชีพของข้าเป็นโลกเพื่อความรัก
ข้าจักยินดีที่จะปกป้องโลกใบนี้เพื่อความรัก

ข้ายินดีที่ได้อยู่กับท่าน ข้าปรารถนาจะอยู่กับท่านตลอดไป
ข้ายินดีที่ได้อยู่กับท่าน

ทั้งเหล่าอัศวินแห่งพาสตาเลียรวมทั้งมาโอ และอสูรน้ำล้วนฟังบทเพลงของนางนิ่งอยู่ บางสิ่งหลั่งไหลเข้ามาในใจของพวกเขา สิ่งอันอบอุ่นอ่อนโยนผ่อนคลายที่มิอาจอธิบาย ทว่าจำกัดความได้เพียงคำเดียว

...รัก...

...ความรักที่มีต่อโลกนี้ทั้งใบ...ต่อทุกสิ่งในโลก...ทั้งสิ่งที่งดงามและอัปลักษณ์...ทั้งสิ่งที่ดีงามและชั่วร้าย...ทั้งสิ่งที่ไม่อาจจำกัดความได้ว่าเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด

ราพลังก้าแปรเปลี่ยนเป็นร่างของความรัก โลกของความรักที่อภัยได้ทุกสิ่ง ทั้งบาดแผลจากการห้ำหั่นและพิษจากความหวาดกลัวของคู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายค่อยๆ จางหายไป อสูรน้ำลดเงี่ยงหางอันมีพิษร้ายลง ศีรษะของมันค้อมต่ำให้หญิงสาวลูบหน้าผากอันปกคลุมด้วยเกล็ดใหญ่กว่าฝ่ามือของนางหลายเท่าตัวราวกับเป็นลูกสุนัขเชื่องๆ ก่อนที่มันจะหลีกไปแล้วมุดร่างลงน้ำ ว่ายทวนกระแสน้ำที่กลับไหลเอื่อยขึ้นไปอย่างแช่มช้า

มาโอยิ้มให้นาง สบตากับนาง บัดนี้ราพลังก้าของเขากลับกลายจากเมล็ดพืชสีเทาซึ่งปฏิเสธจะงอกงามเป็นมหาพฤกษาที่ยืนหยัดแข็งแกร่งในชั่วพริบตาเสียแล้ว นางดูเข้มแข็งและเปี่ยมด้วยรักอันไร้ข้อแม้เกินกว่าที่เขาอาจนึกฝัน

แต่ยังมิทันเอ่ยสิ่งใด ผืนดินก็สั่นสะเทือน เสียงหินแตกน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น

มาโอเบิกตากว้างเมื่อเห็นผืนน้ำที่กลับปั่นป่วนกลืนกินร่างของหญิงอันเป็นที่รักในพริบตา

“ราพลังก้า—!!”

--------------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 21:47:36 น.
Counter : 362 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

Anithin
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add Anithin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.