|
บทที่ 3 - การแลกเปลี่ยน
3 - การแลกเปลี่ยน
คืนนั้น ราพลังก้ากลับหยิบเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งจากในถุงออกมาวางในไหเล็กๆ ที่นางกอบทรายใส่จนเต็ม แทนที่ถาดทรายที่ถูกทำลายไปพร้อมกับเมล็ดพืชของนาง นางไม่มีน้ำใดที่จะใช้รดมันได้นอกจากน้ำตา
วันต่อมา...ราพลังก้ายังคงรดเมล็ดพืชของนางด้วยน้ำตา นางเป็นคนที่หลั่งน้ำตาได้ง่ายดายเพียงชั่วนึกถึงเรื่องโศกเศร้าและเดียวดาย เรื่องที่มีอยู่มากมายในชีวิตของเด็กกำพร้าไร้ที่มาในเรเลนทัสอย่างนาง ทว่าวันต่อมา ดวงตาของนางก็บวมแดงแห้งผากและน้ำตาแห้งเหือด นางเพิ่งตระหนักได้ว่าหากร่างกายไม่ได้รับน้ำเลย...แล้วนางจะสร้างน้ำตาต่อไปได้อย่างไรกัน
ก่อนหน้านี้ยังมีเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน หรือพวกเด็กๆ ที่เอาใจช่วยนาง นำน้ำที่เหลือจากส่วนของพวกเขามาปันให้นางบ้าง แต่วันนี้ไม่มีใครมาหานางเลย พวกเขาคงถูกพ่อแม่ห้ามปราม มิเช่นนั้นก็กลัวจะถูกหัวหน้าหมู่บ้านลงโทษทัณฑ์ไปด้วยกระมัง
ถึงจะเสียใจอยู่บ้าง แต่นางก็บอกว่าเป็นอย่างนี้คงดีกว่าปล่อยให้คนอื่นๆ ต้องถูกลงโทษเดือดร้อนไปด้วย
ในวันนั้นเองที่นางตัดสินใจ...
-------------------------------------------------------------------------- นี่เป็นของมีค่าทั้งหมดที่ข้ามี ได้โปรดให้ข้าแลกของพวกนี้กับน้ำด้วยเถอะ
เด็กสาวเลื่อนเหรียญเงินเก่าๆ และเครื่องประดับทำจากลูกปัดหินทั้งที่พอมีค่าและไม่ค่อยมีค่าให้กับพ่อค้าประจำหมู่บ้านในกระโจมของเขา นั่นเป็นของที่หญิงชราที่เคยเลี้ยงดูนางในตอนต้นชีวิตมอบให้ด้วยความเอ็นดู หรือมิเช่นนั้นก็เหลือจากสินจ้างที่นางได้จากการทำงานต่างๆ เช่นปะชุนเสื้อผ้าหรือเลี้ยงเด็ก
หัวหน้าหมู่บ้านห้ามไม่ให้ให้น้ำแก่เจ้า เจ้าไม่รู้หรือ พ่อค้ากลับย้อนถาม
ข้ารู้... ราพลังก้าได้แต่ตอบเบาๆ ทั้งๆ ที่ก้มหน้านิ่งอยู่ แต่...แต่ข้าทำตามเงื่อนไขของเขาไม่ได้ ข้าได้แต่หวังว่าท่านจะเมตตา...ได้โปรดขายน้ำให้ข้าเถอะ
น้ำเป็นสิ่งมีค่ามากของพวกเรา ลำพังของที่เจ้ามอบให้ยังไม่มีค่าพอจะได้สักถ้วยเลย
แต่...นี่ก็เป็นของทั้งหมดที่ข้ามีแล้ว ข้าไม่มีสิ่งอื่นที่จะมาแลกเปลี่ยนได้จริงๆ ราพลังก้าสั่นศีรษะ
เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ นอกจาก...
นอกจาก... เด็กสาวเหลือบมองชายผู้มากวัยกว่าตรงหน้าอย่างสงสัย
นอกจาก...เราจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน หรือเจ้าว่าอย่างไร
เธอกลืนน้ำลายฝืดๆ เมื่อเริ่มสังหรณ์ไม่ดี
ข้า...ข้าไม่เข้าใจ
เมียข้าก็เพิ่งคลอดลูกตายเมื่อปีกลายนี่เอง ส่วนเจ้าก็โตเป็นสาวแล้ว ข้ายังไม่อยากเชื่อเลยว่าเมื่อวันก่อนเจ้ายังเป็นเด็กกะโปโลนั่งเล่นกลางทรายอยู่เท่านั้นเอง ถึงอย่างไร...อีกไม่นานหัวหน้าหมู่บ้านก็ต้องกำหนดให้เจ้าแต่งงานกับใครสักคนในหมู่บ้านของเราอยู่แล้ว รับแต่งงานกับข้าจะเสียหายตรงไหน
แต่ข้า...
ข้ามีฐานะกว่าใครๆ หลายคนที่นี่นะ ราพลังก้า นางฟังแล้วแทบไม่กล้ามองหน้าชายวัยกลางคนซึ่งมีหนวดเครารุงรัง และฟันเปื้อนคราบเหลืองด้วยยาสูบ ถึงข้าจะดูแก่ไปสักหน่อยสำหรับเจ้า...แต่ข้าก็พอจะเลี้ยงดูเจ้าให้สุขสบายไปชั่วชีวิตได้ เจ้าเองก็เคยช่วยเลี้ยงลูกๆ ให้ข้าจนพวกแกติดเจ้าขนาดนั้น พวกแกยอมรับเจ้าเป็นแม่ได้ไม่ยากหรอก
แต่ข้า...ข้าต้องการเพียงแค่น้ำ...
ข้าไม่ถือหรอกถ้าเจ้าจะปลูกต้นไม้ตามความฝันของเจ้าต่อไป ข้ามีน้ำให้เจ้าเหลือเฟืออยู่แล้ว และมีสิ่งอื่นให้เจ้ามากกว่านั้นด้วย
ราพลังก้ากลับยิ่งสับสน ความฝันอันแรงกล้าของนางจะต้องแลกมาด้วยการแต่งงานที่นางไม่ปรารถนาหรือ นางยังคงมีความฝันอีกอย่างเช่นเดียวกับเด็กสาวทั่วๆ ไปว่าจะได้พบรักและแต่งงานกับคนที่รัก แม้นจะไม่มีชายใดหรือเด็กหนุ่มคนใดที่ทำให้ใจของนางหวั่นไหวเช่นนั้นได้เลยในเรเลนทัสแห่งนี้
กระนั้น...
รีบๆ ตัดสินใจเถอะ แล้วข้าจะรีบให้เจ้าได้ดื่มน้ำ ดูเหมือนเจ้าจะอ่อนเพลียพอสมควรเลยนี่
คำพูดต่อมากลับจุดไฟโทสะของนางให้ลุกโชน เขานำเอาความกระหายน้ำของนางมาบีบบังคับ นี่ไม่ใช่คนที่นางปรารถนาหรือแม้แต่จะยินยอมแต่งงานด้วยแน่นอน
ข้าจะลืมเรื่องทุกอย่างที่ท่านพูดเมื่อครู่เสียให้หมด ขอตัวก่อน
นางตั้งท่าจะลุกขึ้นจากเบาะนั่ง แต่ก็พลันวิงเวียนวูบจนทรุดลง แต่ดูเหมือนใครบางคนจะรับร่างของนางไว้
นางมาตั้งสติได้ว่าชายคนนั้นเป็นใครก็เมื่อสายตาที่หายพร่าเห็นใบหน้าของพ่อค้าอยู่ตรงหน้า ใจของนางเย็นวาบเมื่อบอกได้จากความเหี้ยมเกรียมของสีหน้า...ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะช่วยนางด้วยความปรารถนาดีแน่นอน
...อย่า!
อย่าเล่นตัวนักเลย เด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเจ้าจะเอาตัวรอดอย่างไรได้ นี่ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่แท้ๆ นะ
ราพลังก้าพยายามดิ้นรน ทว่านางก็ตระหนักได้ว่าตนอ่อนเพลียไร้แรงเพราะความขาดน้ำ จะมีหนทางหลบรอดได้อย่างไรกัน กระทั่งเสียงจะร้องตะโกนก็ยังแห้งผากเหือดหายในลำคอ
พ่อค้าหัวเราะร่วนเมื่อนางปิดตาแน่นด้วยความรังเกียจ
ดี...เป็นเด็กดีอย่างนี้ล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะไปขอให้นักบวชทำพิธีให้ จะให้เจ้าแต่งตัวเป็นเจ้าสาวที่สวยจนใครๆ ต้องอิจฉาทีเดียว
เจ้าสาวที่สวยจนใครๆ ต้องอิจฉาน่ะหรือ...ข้าไม่ได้อยากเป็นเลยแม้แต่นิดเดียว! เด็กสาวร่ำร้องทั้งๆ ที่ไม่เหลือน้ำตาให้หลั่ง แต่นางก็มองไม่เห็นหนทางอื่น นอกเสียจากใครสักคนจะช่วยนาง...ช่วยนางไปให้พ้นจากชายคนนี้ที
ฉับพลันประตูกระโจมกลับสะบัดพรึบขึ้นราวกับตอบสนองคำอ้อนวอน ราพลังก้าลืมตาขึ้นเห็นชายคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้าแสงแดดเจิดจ้า
แม้นภาพในคลองจักษุจะกลับหัวจากมุมที่นางนอนแหงนมอง และแสงแดดจะย้อนเข้ามาจนเขาดูราวกับเป็นเงาเงื้อมไร้ตัวตน นางกลับเห็นเขาชัดเจนเสียจนไม่น่าเชื่อ เขาสวมผ้าคลุมหนังที่มีชายขาดลุ่ยเหมือนนักเดินทางไกล คาดดาบไว้ที่เอว มีผมสีดำยาวปรกบ่า และนัยน์ตาสีน้ำตาลประกายแดงดุจโกเมน นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองนางกับชายอีกคนเบื้องหน้าไม่กะพริบอย่างประหลาดใจ และดูเหมือนจะกระอักกระอ่วน
อ...เอ้อ... พ่อค้าเป็นคนตั้งสติเอ่ยก่อน ข้าขออภัย ตอนนี้ปิดร้านอยู่ เดี๋ยวท่านค่อยมาทีหลังเถอะนะ
ชายผู้นั้นไม่พูดอะไร แต่พยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน
ราพลังก้ารู้ว่าวินาทีต่อมา...เขาจะสะบัดกายหันกลับไป และนางก็จะต้องถูกทิ้งให้รับชะตากรรมที่ไม่อาจหนีพ้นในที่สุด นางพยายามรวบรวมความกล้าและกำลังเพื่อที่จะเปล่งเสียง แม้นจะได้ผลเพียงแหบแห้งแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ
ช...ช่วยข้าด้วย...
-------------------------------------------------------------------------- เรื่องนี้แต่ละตอนค่อนข้างสั้น ดังนั้นผมจะทะยอยลงแบบสองสัปดาห์ครั้ง หรือถ้าสัปดาห์ละครั้งจะรวบเป็นสองถึงสามตอนนะครับ
คอมเมนต์ได้เสมอนะครับ :)
Create Date : 13 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 16:50:09 น. |
Counter : 525 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บทที่ 2 เมืองแห่งทะเลทราย
2 เมืองแห่งทะเลทราย
ยามนี้ขอจงฟัง เรื่องของความปวดร้าว ในด้าวแดนต้องสาป เรื่องของบาปเศร้าแสน
ในเมืองเรเลนทัสซึ่งบัดนี้จบสิ้นด้วยแค้น ดาบคมนับหมื่นแสนทิ่มแทงด้วยโลภโทสัน
จอมเวทช่วยรักษาแดนโดยอำนาจเทพไท้ องค์เทพแห่งภัยผอง โปรดมล้างศัตรูโดยพลัน
เพื่อตอบแทนเครื่องสังเวยด้วยความรุ่งเรืองอนันต์ เพื่อสงครามอันต้องคำสาปสุดสิ้นด้วยชัย เรเลนทัสเป็นเมืองในอดีตทะเลทราย...
เมืองนี้คงมิอาจถือกำเนิดขึ้นได้หากปราศจากสงคราม มหาสงครามใหญ่ขับไล่ผู้คนจากมาตุภูมิ บีบคั้นเชลยที่แตกฉานซ่านเซ็นพลัดถิ่นให้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน พักพิงโอเอซิสเล็กๆ กลางทะเลทรายต่างที่อาศัย ผู้คนมากมายหวังว่าพวกเขาจะสร้างบ้านเมืองอันอุดมสมบูรณ์จากสถานที่แห่งนี้ได้ กระนั้นก็ได้แต่ดำรงชีพอย่างแร้นแค้นด้วยการล่าสัตว์และเก็บขายหินกับแร่มีค่า เมล็ดพันธุ์ใดๆ ก็ตามที่พวกเขานำติดตัวหรือซื้อหามาดูเหมือนจะไม่อาจงอกงามได้เลยท่ามกลางผืนทราย
ผู้คนล้วนเชื่อเช่นนั้นและเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เพื่อวันข้างหน้าที่มิรู้ว่าจะมาถึงเมื่อใด ยกเว้นเพียงผู้เดียว
เด็กสาวที่มีนามว่าราพลังก้า...
ราพลังก้าเฝ้าถนอมเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่ง ในที่ที่มีเพียงเม็ดทรายมากมาย ครั้งหนึ่งมีเด็กสาวนามราพลังก้า ซึ่งเห็นเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งงอกงามจากผืนทราย นางปรารถนาจะเลี้ยงดูเมล็ดพืชนั้น ให้งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่ นางเชื่อมั่นในเมล็ดน้อยๆ นั้น และมอบทั้งความรักกับน้ำให้แก่มัน
เท้าใหญ่เหยียบลงบดบี้กล้าไม้สีเขียวอ่อนที่กำลังแตกใบกลางผืนทราย ทิ้งเด็กสาวผู้มองให้จ้องตาค้าง ใบเลี้ยงสีเขียวอ่อนและลำต้นบอบบางสีขาวที่นางเฝ้าทะนุถนอมจนได้เห็นเป็นครั้งแรกกลับแหลกเหลวชอกช้ำ นางรู้สึกราวกับมันกำลังกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและสิ้นหวังพอๆ กับใจปรารถนาของนาง
ใจปรารถนาอันเกิดจากความฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในฝันนั้นนางล้วงเข้าไปในถุงผ้าสีขาวปักลวดลายด้วยไหมทองซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ติดตัวนางมาแต่จำความได้ และหยิบเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งออกมา นางฝังเมล็ดพืชนั้นลงใต้ผืนทราย และหลั่งน้ำตารินรดมัน ฉับพลัน เมล็ดนั้นก็งอกเงย แตกใบเป็นสีเขียวอันงดงามที่สุดที่นางเคยเห็น มันยังคงเติบโตต่อไปจนมีลำต้นห่อหุ้มด้วยเปลือกหนาสีน้ำตาล แตกกิ่งก้านสาขากว้างใหญ่ยิ่งกว่าหลังคากระโจมใดๆ ที่นางเคยเห็นในแดนทะเลทราย ก่อนจะออกผลสีแดงสุกฉ่ำ น่ากินกว่าผลไม้แห้งใดๆ ที่ชาวเรเลนทัสต้องซื้อหาจากแดนไกลด้วยราคาแสนแพง และนำพาฝนชื่นฉ่ำที่นางเคยได้ยินเพียงในคำเล่าให้โปรยปรายลงมา
นางหวังอยากให้ทุกคนได้ลิ้มรสผลไม้ที่ดูน่ากินที่สุดนั้น แต่ความพยายามครั้งแรกของนางกลับถูกดับลงกลางคัน ด้วยเท้าของหนึ่งในคนที่นางปรารถนาจะให้ได้ผลไม้นั้นไป
เลิกฝันกลางวันเถอะ ราพลังก้า เราปลูกอะไรในทะเลทรายนี้ไม่ได้หรอก ฝืนไปก็มีแต่จะเสียน้ำที่มีค่าและเสียใจตัวเจ้าเองเปล่าๆ ชายคนนั้นยังคงพูด มีคนจะอดน้ำตายอยู่แล้ว ยังจะเอาน้ำมาทำเรื่องอย่างนี้อีก
ก็เพราะมีคนจะอดน้ำตายน่ะสิ ข้าถึงอยากปลูกต้นไม้...เพราะหากสำเร็จฝนจะตกลงมาให้ทุกๆ คนไม่ต้องทนหิวน้ำต่อไป ราพลังก้าให้เหตุผล แต่ผู้ฟังกลับโคลงศีรษะ
ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนเลย
ข้า...ข้าฝันว่าเมล็ดพืชของข้างอกเป็นต้นไม้ใหญ่ได้จริงๆ นะ! เป็นต้นไม้ใหญ่ที่ออกผลน่ากินด้วย! ถ้าพวกท่านให้ข้าเลี้ยงมันต่อไป...ข้าต้องทำได้แน่ๆ!
เจ้าอาจเลี้ยงให้มันแตกใบอ่อนได้ แต่จะให้โตเป็นต้นไม้ใหญ่น่ะหรือ เจ้าคิดว่าต้นไม้งอกรากลงพื้นทรายได้อย่างไรกัน ไม่นานมันก็จะขาดน้ำตาย มิเช่นนั้นก็ตายเพราะขาดดิน เมล็ดพืชจะงอกได้ก็เฉพาะในพื้นดิน...ในครรภ์ของพระแม่ธรณีเท่านั้น
แต่ในฝันของข้า...
มันก็แค่ฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น เลิกทำเรื่องไร้ประโยชน์อย่างนี้เสียเถอะ
ชายที่รับดูแลนางรวมกับเด็กกำพร้าคนอื่นๆ ในหมู่บ้านหลังสิ้นท่านยายผู้อารีเดินจากไป ทิ้งเด็กสาวให้หลั่งน้ำตารดซากของกล้าไม้ที่บอบช้ำเกินเยียวยาเพียงลำพัง
ผู้คนล้วนทำร้ายนาง และทำลายต้นกล้าของนางหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาบอกต่อนางว่า...นั่นเป็นความพยายามที่ไร้ค่า ทว่า...นางยังคงอยู่เคียงข้างเมล็ดพืชเพื่อปกป้องมันเสมอ นางเชื่อมั่นในต้นกล้านั้น และมอบทั้งความรักกับน้ำให้แก่มัน ทว่า...นางไม่มีพละกำลังเพียงพอ
อีกแล้วหรือเด็กคนนี้!
ดื้อด้านจริงๆ เชียว
ก็คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้านี่น้า...
ปีนี้ขาดน้ำตายไปตั้งสามคนแล้วยังกล้าทำเรื่องอย่างนี้อีก
ราพลังก้าก้มหน้าลงท่ามกลางวงล้อมของชาวหมู่บ้านคนอื่นๆ นางไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาจึงได้โมโหโกรธานัก ก็นางเพียงเจียดน้ำดื่มที่ตนได้รับปันส่วนมาให้แก่เมล็ดพืชของนางทีละเล็กทีละน้อยเท่านั้นเอง นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเด็กชายที่ขอตามมาดูถาดใส่ทรายที่นางใช้ปลูกเมล็ดพืชซ่อนไว้จึงได้บอกต่อพ่อแม่ของเขา ทั้งๆ ที่นางขอให้เขาสัญญาไว้แล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ นางไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงต้องทำเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดฉุดกระชากลากตัวนางมายังหน้ากระโจมของหัวหน้าหมู่บ้าน
ราพลังก้า เจ้ากำลังทำสิ่งที่ผิดต่อกฎของพวกเรามาก รู้ไหม เสียงเคร่งเครียดของเจ้าของสถานที่เอ่ย
ข้าไม่ทราบว่าข้าทำผิดอะไร ข้าเพียงแต่ทำตามความฝันของข้าเท่านั้นเองนี่เจ้าคะ
ความฝันของเจ้าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ราพลังก้า เราไม่มีดินและน้ำพอจะปลูกต้นไม้ใดๆ ได้หรอก พวกเรารู้ว่าเจ้าอยากให้เรเลนทัสมีต้นไม้เขียวขจี แต่สิ่งที่เจ้ากำลังทำก็มีเพียงผลาญน้ำสะอาดของพวกเราไปอย่างไร้ค่าเท่านั้น
ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าไม่ได้ใช้น้ำสิ้นเปลืองใดๆ เลยนะเจ้าคะ ข้าก็เพียง...แบ่งน้ำสะอาดที่ข้าได้ปันส่วนมาในแต่ละวันมารดมันเท่านั้นเอง แล้วน้ำนั่นก็เป็นน้ำที่เหลือจากที่ข้าดื่มเพียงพอในแต่ละวันด้วย
แต่ถ้าเจ้าไม่นำน้ำที่เหลือไปรดต้นไม้ เจ้าก็จะใช้น้ำปันส่วนของในแต่ละวันน้อยลงตามไปด้วย แล้วน้ำส่วนนั้นก็อาจต่อชีวิตคนอื่นๆ ที่ใกล้จะขาดน้ำตายได้ หรือว่าไม่จริง...
แต่ว่า... ราพลังก้ากำลังจะแย้งว่าถึงอย่างไรน้ำที่รดต้นไม้ไปก็ยังน้อยนิดเหลือเกิน ทว่าชายผู้มากวัยกว่าดูเหมือนจะไม่รับฟัง
ราพลังก้า ส่งถุงเมล็ดพืชมาให้ข้า
ผู้ฟังเบิกตาโพลง
ไม่ได้...ไม่ได้เจ้าค่ะ ถุงผ้านี้เป็นสิ่งเดียวที่ติดตัวข้ามาแต่กำเนิด! เป็นของดูต่างหน้าเพียงอย่างเดียวของพ่อแม่ที่ข้าไม่เคยรู้จักนะเจ้าคะ!
ราพลังก้า เจ้าต้องเลือก หากเจ้าเลือกที่จะเลิกล้มความพยายามอันไร้ค่านั้น แล้วส่งถุงผ้ามาให้ข้าเก็บไว้แทนคำสัญญา พวกเราก็จะถือว่าเจ้าเป็นสมาชิกของพวกเราเหมือนเดิม แต่หากเจ้ายังดึงดันจะปลูกพืชต่อไป เจ้าก็จะไม่มีวันได้รับการปันส่วนน้ำอีก
...อะไรนะ! เด็กสาวอุทานด้วยความตะลึงงัน
จนกว่าเจ้าจะยอมละทิฐิของเจ้าเสียที เรเลนทัสไม่มีวันเขียวขจีได้เหมือนบ้านเกิดของพวกเรา เจ้าไม่รู้หรือ
แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไปไม่ได้! ราพลังก้าโต้ตอบ ในเมื่อยังไม่ได้ลองปลูกต้นไม้ดูเลย แล้วจะรู้ได้อย่างไร!
ชายวัยกลางคนมีสีหน้าเจ็บปวดเพียงแวบ ก่อนจะกลับเป็นเรียบเฉยดังเดิม
ก็เพราะเคยลองแล้วน่ะสิถึงได้รู้ ข้าอายุมากกว่าเด็กอย่างเจ้ากี่เท่า ข้าเห็นใครๆ ที่เคยทำไร่นาก่อนหน้าหนีมาเรเลนทัสลองปลูกพืชมากมายหลายชนิดมาแล้ว ทุกครั้งจบลงด้วยความล้มเหลวทั้งนั้น แล้วเด็กที่ไม่รู้อะไรอย่างเจ้าจะไปทำได้อย่างไร
หัวหน้าหมู่บ้านสะบัดกาย เดินกลับเข้าไปในกระโจม ปล่อยให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ดึงตัวนางออกมากลางผืนทราย แล้วทิ้งนางให้ซบร่างอ่อนระโหยอยู่กลางแสงแดดจ้าตรงนั้น
นางตั้งคำถาม เหตุใด...พวกเขาถึงได้อยากลืมเลือนเรื่องนี้เหลือเกินนะ ...ไยผู้คนจึงได้สูญเสียความหวังไปเช่นนี้...
Create Date : 13 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 16:45:56 น. |
Counter : 357 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บทที่ 1 ลำนำแห่งราพลังก้า
1 ลำนำแห่งราพลังก้า
โอ แสงศักดิ์สิทธิ์เอย โปรดมอบอำนาจให้ข้าคุ้มครองตนเอง โอ แสงศักดิ์สิทธิ์เอย โปรดมอบอำนาจให้ข้าคุ้มครองตนเองแลชีวิตที่กำลังเติบใหญ่นี้ แสงเอย ท่านมอบอำนาจได้เช่นไรยังเป็นปริศนาจริงแท้ ขอแสงอันยิ่งใหญ่ปกป้องผู้เป็นที่รักของพวกเรา ขอผองเราภาวนาถึงความคุ้มครอง ขอดวงเพลิงเจิดจรัสปกป้องคุ้มครองพวกเราบนพิภพแห่งความลี้ลับนี้ ข้าขอพันผูกเจ้าต่อทวารบถแห่งแสง แลตัดเจ้าขาดจากพิภพอันลี้ลับนี้ขณะที่เราย่างก้าวผ่านไป ขอเราถวายเครื่องสังเวยแด่แสงแห่งปวงเทพเจ้าอันเป็นที่รักของเรา... บนพิภพอันลี้ลับนี้ ใต้แสงตะวันเจิดจ้า ร่างระหงงดงามเผยอริมฝีปากสีผลท้อสุก ขับขานเพลงกลางผืนดินที่ดูเหมือนจะรกร้าง กระนั้นผืนดินสีดำใต้เท้าขาวนวลเปลือยเปล่าก็ยังแลดูอุดมสมบูรณ์ ชื้นฉ่ำด้วยน้ำและแร่ธาตุที่พร้อมหล่อเลี้ยง
เมื่อได้สดับเสียงเพลงของนาง เมล็ดข้าวซึ่งเพิ่งผ่านการหว่านไถมีการเคลื่อนไหวราวกับทารกที่กระดิกตัวน้อยๆ ตามเสียงขับกล่อมของมารดา เปลือกหุ้มเมล็ดแตกออกใต้ผืนดินซึ่งมิมีผู้ใดเห็น รากขาวสะอาดชอนไชสู่ดิน ดูดกลืนสรรพสารแห่งชีวิตในครรภ์ของแม่ธรณี
ไม่นาน ใบสีเขียวอ่อนดุจยอดหญ้าก็งอกแทงขึ้นสู่แสง เติบโตเป็นทิวข้าวยอดสูงราวเข่า
ไม่นานอีก ดอกข้าวน้อยๆ ชูช่อผลิบาน เกสรผสมผสานคละเคล้ากันในสายลม
ไม่นานต่อมา รวงข้าวแตกออก ค่อยๆ โน้มตัวลงต่ำด้วยน้ำหนักแห่งเมล็ดใหม่อันอ้วนท้วน
มิช้านาน บรรดารวงข้าวสุกปลั่งสีทองล้วนน้อมต่ำราวกับจะคารวะมารดาผู้ให้กำเนิด ทั้งพระแม่ธรณีและหญิงสาวสะคราญที่มีเรือนผมสีดินดำอุดมกับนัยน์ตาสีเขียวใบไม้ที่ยืนอยู่กลางท้องทุ่ง ร่างของนางแลเด่นเป็นสง่าใต้แสงตะวันเรืองรอง ภายในเวลาชั่วลำนำบทหนึ่งจบลง
นางกวาดสายตามองผองข้าวสาลีใหม่แห่งฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งผลิดอกออกผลรวดเร็วกว่าฤดูเก็บเกี่ยวในอีกหลายเดือนข้างหน้านัก ก่อนจะปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามหน้าผากพร้อมคลี่ยิ้มน้อยๆ
การขับลำนำกล่อมข้าวสาลีทั้งนานั้นเหน็ดเหนื่อยราวกับทำงานหว่านเมล็ดข้าวมาทั้งวัน ทว่าผลที่ได้เห็นช่างน่าอิ่มใจเสมอ
ขอบใจเจ้ามาก ราพลังก้า ชายวัยกลางคนร่างท้วมค่อยๆ ก้าวเข้ามาหานางตามรอยแยกของแถวต้นข้าว บ่ายนี้จะได้เก็บเกี่ยวข้าวชุดที่สามของปีเสียที จากนี้อีกห้าวันคงต้องรบกวนขอแรงเจ้าอีกครั้ง
สีหน้าของหญิงสาวพลันแปรไป
ท่านคะ ข้าคิดว่า...เราน่าจะมีข้าวพอสำหรับปีนี้แล้วนี่คะ...
ก็จริง แต่สงครามใกล้มาถึงในไม่ช้าแล้ว เรายิ่งจำเป็นต้องมีข้าวเก็บไว้ในยุ้งฉางให้เหลือเฟือ...ขนาดที่ต่อให้พวกศัตรูยกทัพมาปิดล้อมสิบปีก็ยังไร้ผล เจ้าคงเข้าใจนะ
แต่ข้า...ข้าไม่อยากให้มีสงครามขึ้นเลย หากเป็นไปได้...ท่านจะกรุณาบอกท่านเจ้าเมืองเลยไม่ได้หรือคะ ข้าคิดว่าพวกเรา...
สงครามนี้เป็นไปเพื่อความรุ่งเรืองของเมืองเรเลนทัสของพวกเรา เจ้าอย่ากังวลเลย ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีที่สุดเพื่อเมืองแห่งนี้ก็พอ
ราพลังก้ายังคงมองชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าอ้อนวอน ทว่าอีกฝ่ายกลับก้มหน้าลง มือล้วงไปหยิบเหรียญทองในถุงขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
นี่ค่าเหนื่อยของเจ้า ขอบใจมาก แล้วข้าจะส่งคนไปเรียกอีกนะ
ข้าไม่ต้องการเงินหรอกค่ะ ข้าเพียงแต่หวังให้ชาวเมืองทุกคนได้มีอาหารเพียงพอ แต่ว่า...
รับไปเถิด เหรียญทองร้อนผ่าวถูกวางลงในมือบอบบางของนาง ข้ารู้ว่าเจ้าก็พอดูแลตนเองได้ แต่มีเงินติดตัวไว้ใช้สอยบ้างก็ดีเหมือนกัน เจ้าเองก็ไม่รู้ว่ามาโอจะกลับมาเมื่อไรมิใช่หรือ
...ค่ะ สีหน้าของนางเจื่อนลงเพราะชื่อที่ถูกเอ่ย และนางก็ยอมจำนนแต่โดยดี
ก็ดี เอ้อ...ถ้าเจ้ามีเวลาก็แวะไร่องุ่นข้างๆ ด้วยนะ พวกเขาเองก็กำลังถามหาเจ้าพอดี สวนแอปเปิลด้วยเหมือนกัน
...ข้าทราบแล้วค่ะ
ราพลังก้าก้มหน้ามองพื้นหันจากไป สองเท้าเปลือยเปล่าเหนื่อยอ่อนพาร่างออกจากทุ่งข้าวสาลีที่กำลังสุกปลั่ง นางเดินไปตามเส้นทางสู่ต้นไม้ใหญ่ที่แตกกิ่งก้านสาขาสูงเหนือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ในเมือง อันมีเพียงยอดวิหารสีดำทะมึนที่ค่อยๆ สูงขึ้นทุกวันราวกับจะประชันกันในสักวัน ร่มไม้นั่นเองที่มอบร่มเงาให้แก่กระท่อมหลังน้อยของนางกับผู้ที่เป็นกำลังใจให้แก่นางเสมอมา บัดนี้นางมิปรารถนาสิ่งใดนอกจากโผเข้าหาอ้อมกอดของเขาแล้วร่ำไห้ ทว่าผู้ที่นางอยากให้ซับน้ำตาให้แก่นางในบัดนี้คงอยู่ไกลแสน มีเพียงร่มไม้ใหญ่ผู้เป็นทั้งมารดาและบุตรของนางเท่านั้นที่คอยทำหน้าที่นั้น
มารดา...ที่ปลอบประโลมนาง และบุตรที่นางเลี้ยงดูให้เติบโตภายในเวลาเพียงไม่ถึงชั่ววัน ด้วยความสามารถอันไม่คาดฝันของนางซึ่งพลิกโฉมหน้าและความคิดของชาวเรเลนทัสไปอย่างสิ้นเชิง ทว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นกลับนำความปลาบปลื้มมาให้นางน้อยนัก
ข้า...เคยคิดว่าแค่มีพืชพรรณอาหารอุดมสมบูรณ์แล้ว...ทุกๆ คนจะเพียงพอเสียอีก ข้า...ในวัยเยาว์ช่างเขลานัก นานเหลือเกินกว่าข้าจะได้เรียนรู้ว่าความปรารถนาของมนุษย์มากล้นกว่าจำนวนนับใดๆ ใหญ่โตเกินภาชนะบรรจุใดๆ และอาจหยาบช้าได้กว่าสิ่งปฏิกูลโสมมใดๆ ข้า...ได้ทราบโดยแทบแลกกับชีวิตและผู้เป็นที่รักของข้า แต่เหนือสิ่งอื่นใด...แลกด้วยศรัทธาของข้าเอง
Create Date : 13 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 16:37:26 น. |
Counter : 271 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บทนำ - เนินเขาขับขาน ตำนานแห่งราพลังก้า
เปิดเพลงฟังตามไปด้วยจะได้อรรถรสยิ่งขึ้นครับ :)
บทนำ Singing Hills - Salavec Rhaplanca เนินเขาขับขาน ตำนานแห่งราพลังก้า
แม้นท่ามกลางความแร้นแค้น
บรรยากาศของหมู่บ้านในงานเทศกาลกลับกำลังครึกครื้น แม้นผืนดินแตกระแหง
ใบหน้าของเหล่าชาวบ้านกลับระบายด้วยรอยยิ้ม ช่างแตกต่างกับภาพในความทรงจำของข้าเสียเหลือเกิน
ในภาพเหล่านั้น แม้นท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์แห่งพรรณพฤกษ์...บรรยากาศของเมืองกลับเงียบขรึมตึงเครียด แม้นผืนดินระบายด้วยสีเขียวขจีและสีรุ้งแห่งมวลมาลี...ใบหน้าของชาวเมืองกลับบึ้งตึงขึ้งโกรธ
ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดพวกเขาจึงยินดีกันนัก ข้าเอ่ยถามชายข้างกาย ดูสิ รอบข้างล้วนแห้งแล้ง พวกเขาเองก็ผ่ายผอมเจียนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกอยู่แล้ว
เอ...เพราะวันนี้เป็นงานเทศกาลกระมัง เขาผู้นั้นไม่วายแสร้งสันนิษฐาน แม้นข้าจะบอกได้จากน้ำเสียงว่าเขาทราบมากกว่านั้น และนำพาข้ามายังที่แห่งนี้ด้วยเหตุที่แจ่มชัดกว่านั้น
มาโอ ข้าทราบว่าท่านทราบ โปรดอย่าเก็บงำต่อข้าอีกเลย เหตุใดท่านจึงพาข้ามายังหมู่บ้านนี้ มีสิ่งใดกันที่ท่านต้องการให้ข้าเห็น
หาคำตอบด้วยตัวเจ้าเองเถิด ราพลังก้า และขออย่ามองด้วยดวงตาของเจ้าเพียงอย่างเดียว แต่โปรดฟังด้วย ฟังทุกเสียงที่พวกเขาขับขานจากห้วงแห่งใจ
ข้าแลตามสายตาของเขา ยังยกพื้นไม้ที่ต่อหยาบๆ เหล่านักดนตรีและเด็กสาวทั้งหลายเรียงแถว พวกเขาและพวกนางแต่ละคนอยู่ในชุดชาวบ้านธรรมดา เด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้านักแสดงอื่นๆ ทุกคน นางถอนสายบัวคำนับผู้ชมซึ่งก็ล้วนเป็นชาวบ้านสามัญ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงกังวานใสดั่งระฆังแก้ว
ขอทวยเทพเจ้าเมตตาต่อการขับลำนำของพวกเรา ขอผองพระองค์อย่าถือสาความผิดพลาดที่มนุษย์เคยกระทำ...และอาจกระทำ ขอโปรดทรงอำนวยพรให้แก่ความปรารถนาของพวกเราตามบทเพลงนี้
ส่วนพวกท่าน เพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย ขอโปรดมอบจิตแก่พวกเรา เพื่อกระทำพิธีบวงสรวงในปีนี้ให้ดำเนินไปด้วยดีเถิด
นางค้อมศีรษะ มีเสียงปรบมือจากชาวบ้านดังก้องก่อนจะกลับแผ่วลง สตรีเบื้องหลังเด็กสาวพากันขับขานประสานกัน
อำนาจ...อุทิศให้ครองคุ้มผู้เป็นที่รัก ข้ายืนตะลึงด้วยความงามแห่งเสียงนั้น ก่อนจะนิ่งงันยิ่งกว่าด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบากริ่งเกรงของเด็กสาวเบื้องหน้า...เสียงที่ยังมิได้ใส่ท่วงทำนองใดๆ
ตำนานแห่งราพลังก้า ตำนานแห่งข้า...อย่างนั้นหรือ
ลำนำของพวกนางดำเนินต่อไป...ท่ามกลางเสียงกลอง เครื่องเคาะเหล็ก และเครื่องสายที่ค่อยๆ ดังประสาน ไหลเรื่อยไปดุจเดียวกับความทรงจำของข้าผู้เฝ้ามอง ความทรงจำเหล่านั้นหวนคืนสู่ห้วงกาลไกลแสน...
-------------------------------------------------------------------------- ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ :)
เรื่องนี้ ที่จริงอาจเรียกได้ว่าเป็นฟิคเพลงกึ่งแฟนฟิคแบบแปลกๆ ของเกม Ar Tonelico 2 ซึ่งผมไม่ได้เล่น แต่ชอบเพลงต่างๆ ที่ Shikata Akiko แต่งให้เกมนี้ โดยเฉพาะเพลงชุดหนึ่งที่บอกเล่าตำนานของราพลังก้ากับมาโอ ซึ่งทั้งสองคนไม่ได้ปรากฏตัวในเกม ต่อมา ในอัลบั้ม Harmonia ซึ่งเป็นอัลบั้มเพลงต่างหากของ Shikata ก็มีเพลง Utau Oka - Salavec Rhaplanca ซึ่งบอกเล่าเนื้อเรื่องอีกส่วนหนึ่งของราพลังก้าไว้ ผมลองอ่านเนื้อเพลงแปลแล้วชอบ จึงได้เขียนเป็นแฟนฟิคสั้นขนาดยาว ตอนหนึ่งมีความยาวประมาณ 1-3 หน้าขึ้นมาครับ
เขียนโดยตั้งใจให้คนที่ไม่ได้เล่นเกมสามารถอ่านได้เช่นเคย มีความเห็นอะไรก็บอกกันได้ครับ
ชื่อพระเอกของเรื่องนี้ มาโอ เป็นชื่อที่ได้จากเพลงในเกมอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าเหมียวมาโอ ของคุณพัณณิดา ภูมิวัฒน์ นะครับ ^^a
Credits
- เพลง Utau Oka - Salavec Rhaplanca ของ Shikata Akiko ลงในยูทูบโดยคุณ Shiriko89
- เพลงอื่นๆ ของเกม Ar Tonelico II ที่เกี่ยวกับตำนานของราพลังก้า ในตอนนี้คือเพลง Exec Metafalica ร้องโดย Shimotsuki Haruka เป็นเนื้อเพลงช่วงที่พูดถึงความพยายามปลูกต้นไม้ในทรายของราพลังก้า ผู้คนทำร้าย และราพลังก้าตั้งคำถามถึงความหวังครับ
- คำแปลเพลงภาษาอังกฤษโดยคุณ Lazy กับคุณ Aquagon แห่งบอร์ด A Reyvateil's Melody Fansite ของ Ar Tonelico
- ข้อมูลประกอบเรื่องโลกทัศน์ของเกม จาก The Ar Tonelico Wiki
Create Date : 13 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 16:44:17 น. |
Counter : 373 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|