Belle & Sebastian... โครตไพเราะ
หลายวันก่อนผมไปเดินเล่นตลาดนัดจตุจักร ก็ไม่ได้มองหาอะไรเป็นพิเศษหรอก แค่อยากเรื่อยเปื่อยไปตามประสาวันหยุด ซึ่งผมกำลังคิดว่าตัวเองคิดผิดรึเปล่าที่มาเดินเล่นที่นี่ นั่นคือผมกำลังลืมไปว่าคนที่มาเดินที่นี่มีมหาศาลล้านแปด แดดก็ร้อน อากาศก็อ้าว ไม่สนุกเท่าไหร่นัก
แต่ก็ช่างเถอะ อย่างไรก็ตามผมไปเจอร้านขายซีดีเจ๋งๆเข้าให้แล้ว
ร้านนี้อยู่แถวๆโซนไหนก็จำไม่ได้ จำได้เพียงว่าเดินมั่วไปหมด แต่เจอร้านนี้เข้าโดยบังเอิญ ภายในร้านเต็มไปด้วยแผ่นซีดี กว่า 100% เป็นแผ่น... แผ่นซีดีมีหลายแนว ตั้งแต่ Easy listening, Chill out, House,ฺ Bossa, DrumNBass, ไล่ไปจนถึง Britpop เลยที่เดียว ส่วนใหญ่ก็เป็นวงที่ในเมืองไทยหาซื้อแผ่นได้ยากๆ หรือไม่ก็พวกแผ่นอิมพอร์ตไปเลยนู่น
สวรรค์กูหละทีนี้
ย้อยกลับไปสมัยที่ผมยังเป็นนักเรียนหัวเกรียน กางเกงขาสั้นอยู่นั้น นอกจากผมจะบ้า The Manics และคลั่งไคล้วงดนตรีจากอังกฤษ อาทิเช่น radiohead , The Verve, Embrace,Primal Scream,Pulp, blur และอื่นๆอีกเป็นเข่งๆแล้ว ผมยังชอบอ่านนิตยสาร Generation Terriorist มากๆ อีกด้วย แน่นอนว่าชาวเราที่ติดตามนิตยสารเล่มนี้จะรู้จักกับบทความของคุณ อาทิตย์ พรหมประสิทธิ์เป็นอย่างดี บ่อยๆที่คุณอาทิตย์นำวงดนตรีสุดเทห์ ฮิบ และโคตรไพเราะ มาให้เรารู้จัก บางครั้งวงที่คุณอาทิตย์แนะนำมาเหล่านั้น ก็หาฟังยากประหนึ่งเหมือนว่าเป็นดนตรีจากดาวอังคาร...
กว่าพันอัลบั้ม ร้อยวงดนตรี ที่คุณอาทิตย์เขียนลงบทความ จะมีแค่สิบกว่าอัลบั้มที่ผมได้มีโอกาสฟัง วงดนตรีหลายๆวง ผมก็ได้แค่ฝันและจินตนาการเอาจากตัวหนังสือ บางที่มันก็หายากเกินกว่าจะแสวงหามาฟัง
มีอยู่วงหนึ่งที่ผมติดใจอยากฟังมาตั้งแต่ครั้งกระนู้น นั่นคือ Belle & Sebastian วงดนตรี Folk-pop จากสก๊อตแลนด์
ผมอ่านบทความของคุณอาทิตย์ที่พุดถึงวงนี้ว่า Belle & Sebastian เป็นวงดนตรีที่ประกอบด้วยสมาชิก 7 คน (ในขณะนั้น ราวๆปี 1997-98) ได้แก่
Stuart Murdoch(vocals, guitar and keyboards) Isobel Campbell(vocals and cello) Stevie Jackson(vocals and guitar) Chris Geddes(keyboards) Richard Colburn(drums) Sarah Martin(violin, keyboards, guitar, and vocals) Stuart David(bass)
คุณอาทิตย์พูดถึงดนตรีของพวกเขาไว้ว่า "Belle and Sebastian" โดดเด่นงามสง่าเหมือนหงส์กลางถนนที่พลุกพล่าน พวกเขาคือความน่าแปลกใจที่หอมหวาน และเป็นความหอมหวานที่น่าแปลกใจ โลกของเขามีแต่ฤดูร้อน แต่เป็นฤดูร้อนที่มีเงามืดแห่งความโศกสลด...
ไอ้ผมในฐานะคนอ่านก็ได้แต่จินตนาการตาม นึกฝันว่ามันเป็นอย่างไรหนอ คงไพเราะน่าดู ผมจำได้ว่าเข้าไปถามวงนี้กับป้าร้านโดเรมี ป้าแกตอบว่า อ้อมี แต่เป็นแผ่นอิมพอร์ตนะ อยู่บนแผงบนสุดนู่นเลย ผมมองตามมือป้าแกขึ้นไปและผมเอื้อมไปหยิมมันมาดู หน้าปกเป็นสีเขียว มีชื่อวงอยู่ทางด้านขวาแล้วชื่ออัลบั้มอยู่ด้านล่างชื่อวงในมุมเดียวกัน มันเขียนไว้ว่า "The Boy with the Arab Strap" ผมอ่านและพลิกด้านหลังดูราคา ...ก็อะนะ ราคาแผ่นซีดีอิมพอร์ตในเวลานั้นแผ่นหนึ่งตกราวๆ 1500 2500 บาท หรือมากกว่านั้น ราคาของซีดีอิมพอร์ตถือว่าแพงมากสำหรับผมในสมัยที่ยังเป็นแค่นักเรียนมัธยม ที่แบมือขอตังค์พ่อแม่ไปโรงเรียนอยู่เลย ผมหันไปถามป้าแกอีกด้วยคำถามที่ผมรู้คำตอบอยู่แล้ว ป้าครับไม่มีเป็นเทปเหรอ ป้าแกส่ายหน้าแทนคำตอบ ผมยิ้มแหะๆ ลูบๆคลำๆมันสองสามที ก็ส่งมันคืนกลับไปบนชั้น
นี่คือความทรงจำล่าสุดของผมกับ ฺB&S The Boy with the Arab Strap จวบจนกระทั้งผมมาเจอร้านขายซีดีร้านนี้ที่ตลาดนัดจตุจักร (วกกลับมาจนได้)
ทันทีที่เห็น ผมไม่ลังเลที่จะซื้อมันเลย ผมขอทางร้านลองฟังหนึ่งเพลง เสียงเพลงแทรกแรก It Could Have Been a Brilliant Career ลอยมาเบาๆ แข่งกับเสียงเพลง 14 อีกครั้ง ของเสกโลโซ จากร้านข้างๆ
เข้าท่า ๆๆ โอเคมากเลย (ไม่ใช่ 14 อีกครั้งนะ) เสียงร้องที่แผ่วเบาไม่เต็มเสียง เข้ากันได้ดีกับเสียงกีตาร์โฟลด์ เปียนโน มีเสียงแตกพร่าของเบสเสียงต่ำ ผมคิดในใจโห ยอดไปเลย มีสำเนียงLoFi ด้วย เจ๋งๆ สมกับการรอคอย วันนั้นผมได้ ซีดีกลับบ้านสองแผ่นคือแผ่นนี้กับ KingSiZe ของ The Boo Radleys ที่ไพเราะเหลือเกิน
ผมไม่รอช้าที่จะเล่น B&S โดยเร็ว เพลงแรกเข้าท่า เพลงที่สอง Sleep the Clock Around ไพเราะยิ่งกว่า เสียงกีตาร์กับดรัมแมทชีนคลออยู่ด้านหลังแบบเดียวกับที่ Delakota ใช้ทำเพลง The Rock เพลงสาม Is It Wicked Not to Care? ทำเอาผมเคลิ้มไปกับน้ำเสียงของ Isobel และโดดเด่นด้วยเครื่องเคาะ Ease Your Feet in the Sea เพลงต่อมาก็พาผมสู่โลกแห่งดนตรีของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ A Space Boy Dream ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังฟัง Filter Happier ของ radiohead
Dirty Dream Number Two เป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุด เรียบง่าย เมโลดี้สวยงาม ท่อนฮุกสุดแสนจะติดหู กีตาร์ที่สตัรมมอย่างเมามันส์ประสานไปกับเครื่องสายและเครื่องเป่าลงตัวอย่างวิเศษ ช่วยเปิดไตเติลแทรก The Boy with the Arab Strap ที่โครตยอดเยี่ยม ในขณะที่ The Rollercoaster Ride ก็ทำหน้าที่ปิดอัลบั้มอย่างงดงาม และอลังการ
แม้ว่า CD ที่ผมได้มานั้นคุณภาพเสียงอาจจะไม่ได้ดีมากนักถึงขึ้นแย่เลยละ แต่ผมรัก Belle and Sebastian เข้าให้แล้ว The Boy with the Arab Strap ให้ความรู้สึกที่ไพเราะ ล่องลอย เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างกลางวันและกลางคืน มืดหม่น แต่ไพเราะสุดยอดด้วยเมโลดี้ที่งดงาม ลงตัว และเสียงร้องที่เข้ากับทุกๆอารมณ์ของเพลงจนทำให้คุณอิ่มเอิบใจ หลุ่มหลงสู่โลกของพวกเขา รักดนตรีของพวกเขาอย่างหักปักหัวปำ The Boy with the Arab Strap คืออัลบั้มที่คุณจะรู้สึกว่าไม่อยากให้ดำเนินไปถึงแทรกสุดท้าย คืออัลบั้มที่คุณอยากให้มีสัก 50 เพลง
ผมเสียดายมากที่ผมได้ฟังเพลงของพวกเขาช้าเกินไป ถ้าผมได้ฟังแต่เนิ่นๆ บางทีแนวเพลงที่ผมฟังอาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้
แม้ว่าปีนี้จะเป็นปี 2006 แล้ว แต่ The Boy with the Arab Strap นั้นสวยงามและไพเราะเกินกว่าที่จะมองข้าม ถ้าคุณชื่นชอบงานเพลงแนว Indie Pop จากเกาะอังกฤษและหลงรักวงอย่าง Tinderstick, Mercury Rev, The Beautiful South, หรือ Swan Dive โปรดอย่าลังเลที่จะหามาฟังให้ได้
หนึ่งในงานเพลงยอดเยี่ยมแห่งปี 1998
PS. The Boy With The Arab Strap คืองานเพลงชิ้นที่ 3 B&S ออกกับตราแผ่นเสียง Jeepster Records ในปี 1998 Credit: ขอบคุณคุณอาทิตย์ และ คุณป้าร้านโดเรมี สยามที่นำชื่อมาอ้างถึงโดยยังไม่ของอนุญาตล่วงหน้า / นิตยสาร Generation Terrorist / website wikipedia สำหรับการ Search และรูปภาพ
ข้อความข้างต้นทุกอักขระเป็นข้อความส่วนตัว ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคล กลุ่ม หรือใครและใคร ในทางลบ ...ถ้ามีข้อมูลส่วนใดผิดพลาดหรือมีข้อความส่วนใดไม่เหมาะสม กรุณาเมล์มาบอกได้ที่ mesia_82@yahoo.com หรือหลังไมค์ผ่านทางเว๊ปของพันธุ์ทิพย์ก็ได้ ขอบคุณครับ
Create Date : 04 กันยายน 2549 | | |
Last Update : 5 กันยายน 2549 15:11:55 น. |
Counter : 1811 Pageviews. |
| |
|
|
|