A Piece Of Love
Group Blog
 
All blogs
 

ลูกแม่ไหว พาไปชิม

หลงใหลไส้อั่วสาวเจียงฮาย ในครัวกลิ่นอายญี่ปุ่น


ลูกแม่ไหว



วันที่นัดพบพี่วาสนา ทาเคชิตะ หรือพี่ตุ๊ เป็นวันใกล้ปีใหม่ ตอนแรกลูกแม่ไหว อยากคุยกับ พี่ตุ๊ เรื่องอาหารญี่ปุ่น เนื่องจาก บ้านวาสนา มีชื่อเสียงในหมู่ชาวญี่ปุ่นในเมืองไทยมากๆ แล้วตัวพี่ตุ๊เอง ก็มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี เคยสอนทำอาหารมา 15 ปีในญี่ปุ่น แต่หลังสามีชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต พี่ตุ๊ จึงกลับมาสอนทำอาหารให้แก่คนญี่ปุ่นในเมืองไทย ที่บ้านย่านโชคชัย 4 แล้วยังเปิดบ้านเป็นโฮมสเตย์อีกด้วย


ลูกแม่ไหว จึงโชคดีเป็นที่ยิ่ง เพราะวันนี้ แทนที่จะได้เจออาหารญี่ปุ่น กับได้พบความตื่นเต้นนับแต่เข้าประตูบ้านไปเลยทีเดียว บรรยากาศหน้าบ้านเหมือนเป็นงานบุญทางเหนือ เนื่องจากลูกแม่ไหว เคยไปแม่สายและเห็นบรรยากาศการร่วมมือร่วมใจของชาวเหนือมาแล้ว ได้เห็นผู้ใหญ่มาช่วยกัน บรรยากาศอบอุ่นน่ารัก และไปชิมน้ำเงี้ยวมาด้วย ซึ่งจำได้ว่าหม้อน้ำเงี้ยวใหญ่มากๆ

ที่สำคัญพี่ตุ๊ เป็นสาวแม่สายอีกต่างหาก ลูกแม่ไหว เลยเล่า ประสบการณ์ครั้งแรกกับ น้ำเงี้ยว ให้พี่ๆ เขาฟัง ซึ่งไม่ค่อยโปรดปรานเท่าไหร่ แต่อาหารเหนือที่ลูกแม่ไหวโปรดปราน ก็เจ้าไส้อั่วนี่แหละ เพราะกินแล้วรู้สึกเหมือนกินห่อหมกย่าง

วันนี้จึงเป็นลาภปากจริงๆ เพราะพี่ตุ๊ ทำเยอะเลย หลายกะละมังคนทำต้องพักไปกินข้าวเย็นก่อน ลูกแม่ไหวจึงมีโอกาสได้นั่งคุย นั่งดูขั้นตอนการยัดใส่ไส้หมูอ่อน ได้เห็นขั้นตอนที่ต้องเอาไม้ทิ่ม เพราะไม่ให้ไส้อั่ว แตก ถือเป็นภูมิปัญญาจาวเหนือโดยแท้ ใช่แล้ว ลูกแม่ไหว นั่งคุยอยู่นานจนไส้อั่วสุกมาเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะ เพราะฉะนั้นพร้อมชิมได้เลย น้ำลายไหล พี่ตุ๊ถามว่า ดื่มเบียร์ไหม ก็เอาสิคะ แหม ช่างมีความสุขเสียนี่กระไร แล้วยังมีแกงเนื้อให้ซดอีกด้วย แต่ลูกแม่ไหว จิตใจของฝักใผ่ไส้อั่วอย่างเดียวดีกว่า

แต่เนื่องด้วยได้เห็นวิธีการทำอย่างอินไซด์ จึงเก็บภาพประทับใจ เพราะไม่เคยเห็นวิธีการทำไส้อั่ว มาก่อน แล้วไส้อั่วมื้อยังเป็นไส้อั่ว นานาชาติจริงๆ เพราะคนที่เป็นคนทำคือคนเวียดนาม ที่พูดไทยป๋อทีเดียว สมาชิกที่บ้านพี่วาสนาสุดแสน พี่แต้ม พี่สาว ที่ใจดี และต้อนรับแขกเป็นทริปๆ ไป พี่ตุ๊เป็นสาวเชียงราย แต่ไปใช้ชีวิตญี่ปุ่น ลูกแม่ไหว ก็ไทยจีนๆ ปนๆ กัน ขั้นตอนการยัดไส้


มื้อนี้ ถือเป็นเตาถ่านที่รู้สึกแปลกตาอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นการย่างด้วยเตาถ่านในบรรยากาศเมืองเช่นนี้ ทำให้ลูกแม่ไหว คิดถึงวัยเด็กที่ลูกแม่ไหว ก่อเตาไฟ ด้วยกาบมะพร้าว ซึ่งต้องมีศิลปะในการวางเชื้อฟืน ซึ่งสนุกสนานมากทีเดียว

ซึ่งไส้อั่วเดิมถ้าย่างด้วยกาบมะพร้าวจะหอมอร่อยมาก แต่ตอนนี้เพื่อให้รวดเร็วขึ้น จึงเอาไปนึ่งก่อนก็เถอะ แล้วเอามาย่างอีกทีเพื่อให้สุกเร็วขึ้น แต่ถือเป็นอาหารที่ เป็นธรรมเนียมของ ชาวล้านนาไทย เป็นอาหารพื้นบ้านเหนือที่รู้จักกันดี กลายเป็นของฝากจากเชียงใหม่ ที่ในตลาดวโรรส จะแน่นเป็นร้านๆ ไป

แต่วันนี้ ไส้อั่ว ลูกแม่ไหว เห็นขั้นตอนการทำแล้วเหนื่อยแทนเครื่องบดที่เมื่อวานพี่ตุ๊บอกว่า เป็นเครื่องบดพริก แต่วันนี้กลายร่างมาเป็นเรื่องบรรจุไส้อั่ว มันดูอิสซี่ขึ้นเยอะ ถือเป็นเครื่องเอนกประสงค์ สามารถทำพริกแกงได้ และยังใช้ไส้อั่วได้อีกด้วย ส่วนผสมนั้น พี่แต้ม และพี่ตุ๊บอกว่า เราต้องตำพริกแกงเองเลือกหมูที่มีคุณภาพดี

การทำไส้อั่วนั้นจะทำเพียงปีละครั้งเท่านั้น ช่างเป็นโชคดีของลูกแม่ไหวจริงๆ พอไปถึง นั่งคุยจิบเบียร์กันสักพัก
พอไส้อั่วสุก ดาว สาวชาวเวียดนามที่พอไทยปร๋อ ก็จัดโต๊ะอาหาร ไส้อั่ว สีซีด กลายเป็นเหลืองจ้า ชวนน้ำลายไหล แล้วบนโต๊ะยังมี ผัดกาดจอ ซึงเป็นผักรวมๆ หลายๆ อย่าง แต่เดิม นิยมไว้ทานกับข้าวเหนียวหรือกับน้ำพริก แต่ในปัจจุบันไส้อั่ว มีพัฒนาการ เฉกเช่นอาหารอีสาน ฟิวชั่น กลายเป็นอาหารรับแขกในงานขันโตก ไปเสียแล้ว อีกทั้งการเป็นของฝาก ที่คู่กับ แคบหมู และน้ำพริกหนุ่มไปแล้ว

วิธีการทำแม้ดูเหมือนไม่ยาก แต่ต้องพิถีพิถัน พิจารณา รู้ไหมว่าต้องเตรียมงานกันตั้ง 2 วัน

ปัจจุบันเป็นอาหารที่คู่กับงานขันโตกแบบพื้นเมืองล้านนาต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ไส้อั่วพื้นบ้านจริงๆ แล้ว ไม่นิยมรับประทานกับผักเหมือนกับไส้กรอกอิสาน


ตอนที่ย่างจะมีไม้จิ้มๆ และมีผัก พริกแกงตำเอง พี่ตุ๊เขาจะไปจ่ายตลาดเอง เพื่อดูคุณภาพของสินค้าอย่างละเอียด

ก่อนกลับได้ไส้อั่ว กลับมาบ้านอีกถุงเบ้อเริ่ม
ให้ลูกแม่ไหว ผู้รักการชิม ได้ชิมแล้วชิมอีก
ขอบคุณมากค่ะ พี่ตุ๊ แห่ง บ้านวาสนา (โชคชัย4 แยก 56) เดี๋ยวไปอีกนะคะ ชักติดใจ








อย่าลืมแบ่งปันชิ้นส่วนความรักของคุณไว้ที่นี่บ้างนะคะ




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2551 19:41:45 น.
Counter : 410 Pageviews.  

บ้านสี่ขา

บ้านสี่ขา

๑ เจ้าหญิงเจนนี่


ไม่มีใครรู้จริงๆหรอกว่าสาแหรกตระกูลของเจ้าหล่อนเริ่มต้นมาจากไหน

แต่ที่แน่ๆ ก็คือพอเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวเรา เธอก็ถูกยกระดับขึ้นเป็นเจ้าหญิงน้อยๆ ของแม่ทันที จากนั้นรังสีเลือดสีน้ำเงินของเธอ(ซึ่งผมเชื่อว่าคงไม่มีจริงหรอก) ก็เปล่งประกายข่มใครๆ กันหมด ภายในไม่กี่วันเธอสามารถยกระดับตัวเองกลายเป็นลูกสาวคนโปรดของป๋าอีกคน

จากนั้นก็เป็นสุดรักของน้าวรรณ ไม่ใช่แค่สุดรักธรรมดานะ แต่คุณเธอสามารถเปลี่ยนความคิดของน้าวรรณที่มีต่อพวกสี่ขาอย่างเราๆได้ เหมือนมีมนต์วิเศษไปล้างสมองยังไงยังงั้น

ยัง ยังไม่พอ แม้พี่จูนแสนรักของผมจะทำท่าหมั่นไส้ความเย่อหยิ่งของเธอตั้งแต่เจอกันวันแรก แต่เอาเข้าจริงๆ พี่จูนก็พลอยหลงเสน่ห์เธอเข้าจนได้

เฮ้อ!

วันที่พี่จูนอารมณ์ดีๆจะเรียกเธอเสียงหวานเชียว

“เจนนี่มาเร็ว มารักกันหน่อย”

พี่จูนจะอุ้มเจ้าหล่อนขึ้นมากอดไว้ที่อก ยัยเจ้าหญิงเจนนี่ก็รู้หน้าที่ซะจริง พอถูกอุ้มเข้าทีไรก็เป็นได้อ้อนสุดฤทธิ์ หล่อนจะยื่นจมูกของหล่อนไปจูจุ๊บที่ปากหรือจมูกพี่จูนทันที บางทีก็แลบลิ้นออกมาเลียด้วยแหละ

“แหวะ!”

เสียงแหวะนั่นไม่ใช่เสียงผมคนเดียวหรอกนะ บางทีก็เป็นเสียงพี่จูนด้วย

ก็มันน่าแหวะจริงๆนี่ หมาอะไร้ทำท่าชูคอ เริด เชิด หยิ่ง เดินกรีดกรายเฉิดฉายเป็นเจ้าหญิงไปมา เหมือนคุณหนูผู้สูงส่งที่อยู่ในสังคมคนละชั้นกับพวกเรา แต่ที่ไหนได้สกปรกสุดๆ ครับผม

อย่า อย่าเพิ่งหาว่าผมพูดอะไรเว่อๆ ด้วยความอิจฉานะครับ ความสะอาดสะอ้านของแต่คนละคนน่ะเข่าไม่ได้ดูกันแค่ภายนอกหรอกนะ เขาดูกันที่นิสัยใจคอ และพฤติกรรมรวมๆด้วย

เจ้าหล่อนอาจจะขนสวย ฟูนุ่ม พองกลมไปทั้งตัว น่ารักน่าชังในสายตาของใครๆ แต่ที่ไหนได้...

รู้ไหมครับมีความลับอย่างหนึ่งที่แม่กับป๋ากลัวใครจะรู้แทบตาย ก็คือนิสัยแย่ๆที่แก้ไม่หายของลูกสาวคนโปรดครับ

จุ๊ จุ๊ อย่าเผลอไปปากโป้งบอกใครเชียวนะครับ เดี๋ยวแม่ดุผมแย่เลย

เจนนี่ชอบกินขี้ตัวเองครับ

ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ

อันนี้ผมขำมั่กมั่กๆ

เจ้าหญิงกินอึ !

คิดถึงเรื่องนี้ทีไรผมมีอันได้ขำกลิ้ง เวลาขำผมกับน้องแฮปปี้จะลงไปนอนหงายท้องไถหลังสะบัดตัวไปมา แล้วเราก็จะแอบเข้ามุมไปซุบซิบนินทายัยเจนนี่เรื่องชอบกินขี้กันเป็นชั่วโมงๆ

ด้วยเหตุนี้ ผมก็เลยไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเธอจะมีสายเลือดสีน้ำเงินติดตัวมาเหมือนท่วงท่าลีลาการวางมาดของเธอ ไม่มีทางเด็ดขาด แฮปปี้มันก็เห็นด้วยกับผมเหมือนกันแหละ เพียงแต่ไม่ได้อกมา

อันนี้ผมไม่ได้พูดเกินจริงนะครับ คนที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอจะไม่มีวันรู้หรอกว่าแจนนี่มีนิสัยแย่ๆ อะไรบ้าง แต่ส่วนใหญ่ใครๆ ก็เห็นแต่ภาพสวยๆ ของเธอทั้งนั้นแหละ

ก็แหมใครจะปล่อยให้เจ้าหญิงกินขี้ของเราออกไปโชว์ลีลาการกินขี้เพ่นพ่านนอกบ้านล่ะครับ เวลาที่เจ้าหล่อนไปไหนมาไหนก็มักจะเป็นตอนที่ปฏิบัติกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ตอนเช้าไปแล้ว บางวันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้าวรรณลืมเช็ดกลิ่นขี้ออกจากปากคุณเธอหรือเปล่า

ผมงี้ได้กลิ่นโชยจากปากเธอเป็นประจำ อยากจะอ้วก

มีแต่แฮปปี้นั่นแหละที่ไม่ยักกะเดือดร้อน ยัยเจ้าหญิงเพิ่งกินขี้มาใหม่ๆ มั้นก็ยังไปดมก้นดมปากเจ้าหล่อนอยู่อีก สงสัยเจ้าบ้านี้อาจจะพิสมัยกลิ่นอึแฮะ

แม่ก็เหมือนกัน รู้ว่ามันกินขี้ก็ยังอุ้มอยู่นั่นแหละ แล้วก็ปล่อยให้มันจูจุ๊บ เอาปากมาชนจมูกบ้างชนปากบ้าง ไม่รู้จะรักอะไรกันนักหนา

แถมแม่ยังบอกว่าปากคนกับปากหมาก็สกปรกพอๆกันนั่นแหละ คนก็กินอะไรสารพัดทั้งวี่ทั้งวัน สกปรกบ้างสะอาดบ้างปนเปกันไป แถมในช่องปากยังมีเชื้อแบคทีเรียเยอะแยะ แค่ยอมให้หมาแสดงความรักแบบที่หมาชอบบ้างจะเป็นไรไป

แต่แม่ก็ล้างปาก เช็ดจมูก ล้างมือสะอาดเอี่ยมทุกครั้งที่เลิกสัมผัสพวกเรานะ และบอกให้คนอื่นรักษาความสะอาดและอนามัยของตัวเองแบบแม่อย่างเคร่งครัด ซึ่งไม่มีใครแตกแถว โดยเฉพาะพี่จูนนั้นเป็นคุณหนูสุดสะอาดอยู่แล้ว

แม่ว่าเวลาคนอยู่กับหมา จะไปห้ามไม่ให้หมาแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติของมันไม่ได้หรอก แต่คนจะต้องรู้วิธีจัดการให้ดี เพราะคนมีสมองใหญ่กว่าคิดอะไรได้มากกว่า

“หมามันจะไปรู้อะไร” แม่ชอบพูดคำนี้อยู่เรื่อย แต่ความจริงผมรู้หลายเรื่องนะครับแม่

เรื่องที่แม่อธิบายมาผมก็ว่าแม่ไม่ได้หรอก เพราะอันที่จริงตัวผมเองก็ชอบจูบปากเลียปากคนที่ผมเลี้ยงเหมือนตัวอื่นๆ แหละครับ แต่ผมไม่ได้กินขี้นี่นา

แล้วแม่จะเอาผมไปเทียบกับหมากินขี้ได้ไง

วันไหนพี่จูนเกิดนึกรังเกียจที่เจนนี่เป็นหมากินขี้ขึ้นมาเธอก็จะเล่นกับผมมากหน่อย เรากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนโซฟาท่ามกลางสายตาดุแบบเหยี่ยวของแม่(แม่ว่าตีนผมสกปรกเลยไม่ค่อยอยากให้ขึ้นเหยียบบนโซฟา ทีเจนนี่ล่ะก็อุ้มไปนั่งชูคอเองเลย- หมั่นไส้) แล้วผมก็จะถือโอกาสจูบปากพี่จูน แถมแลบลิ้นออกมาเลียด้วยสองสามครั้งเป็นประจำ

ทำแบบนี้รู้นึกใกล้ชิดกันและอบอุ่นจะตายไป

พอโดนผมยื่นจมูกจะจุ๊บเข้าให้ พี่จูนก็จะทำท่าบ่ายเบี่ยง ร้องวุ้ยว้าย แต่สุดท้ายก็ยอมให้ผมจูบเป็นประจำแหละ ส่วนแฮปปี้นั้นนานๆ ทีถึงจะมีอารมณ์อยากจูบคนอื่น ส่วนใหญ่ผมเห็นแฮปปี้ชอบเลียหน้าคนเลี้ยงมากกว่าจูบปากอย่างที่ผมกับเจนนี่ชอบทำกัน

เรื่องหมาจูบคน คนจูบหมานี่ ผมว่าบ้านที่เลี้ยงสุนัขหลังไหนๆ คงเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เวลาเรารักกันเราก็คงอยากแสดงความรักกันในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการจูบกัน แต่ยังไง้ ยังไงผมก็ยังเห็นว่า หมาควรมีมารยาทพื้นฐานอยู่บ้าง

อย่างน้อยถ้าเรากินขี้มาเราก็ไม่ควรไปจูบปากใคร

เรื่องเจ้าหญิงเจนนี่กินขี้เนี่ย ผมเลยรับไม่ได้จริงๆ

นี่ยังไม่รวมเรื่องอื่นๆ ของเจ้าหล่อนอีกสารพัดนะ อย่าหาว่าผมนินทาเลย

วันไหนที่มีตลาดนัดในหมู่บ้าน พอน้าวรรณหยิบกุญแจรถเท่านั้นแหละ คุณเธอก็เตรียมพร้อมไปรอที่ประตูบ้านเลย พอน้าวรรณสวมรองเท้าเสร็จ เจ้าหล่อนก็จะยกสองขาหน้าขึ้นตะกายขาน้าวรรณปั๊บ แล้วก็ใช้สายตาออดอ้อนที่ได้ผลทุกครั้ง

โอ๊ย เห็นแล้วหมั่นไส้ขนาดหนัก

พอน้าวรรณทำท่าจะเดินหนี เจ้าหล่อนก็เริ่มอาละวาด เห่าเสียงแหลมแสบแก้วหู น่ารำคาญชะมัด หมาอะไรก็ไม่รู้ตัวนิดเดียวเห่าเสียงดังอย่างกับเสียงประทัด

จริงๆนะครับ เสียงเจ้าหล่อนเล็กแหลม และดังก้องแบบเสียงประทัดที่เขาจุดกันตอนตรุษจีนยังไงยังงั้น

ความจริงน้าวรรณน่ะใจอ่อนกับเจ้าหล่อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ เวลาไปตลาดนัดตอนกลางสัปดาห์ก็มักจะหิ้วเจนนี่ได้ด้วยทุกครั้งแหละ ที่ว่าน้าวรรณทำท่าจะเดินหนีคุณหนูนั้นเขาแกล้งล้อเล่นต่างหาก คงอยากจะดูว่าเจ้าหล่อนจะมีปฏิกิริยายังไง ซึ่งก็ได้ผลตามคาด ยัยเจนนี่ร้องตามลั่นบ้านทุกครั้งไป ไม่รู้น้าวรรณสนุกได้ไงกับเสียงแหลมปรี๊ดแบบนั้น

ผมล่ะเซ็งจริงๆ แต่พอไปบ่นกับแฮปปี้เขาก็ทำหน้ารำคาญใจยังไงก็ไม่รู้

โธ่เอ๊ย! ผมรู้หรอกน่าว่าแฮปปี้มันแอบชอบเจ้าหญิงกินขี้ของมันอยู่ ของแบบนี้พวกผู้ชายเขามองกันออก เวลาสุมหัวนินทาเจนนี่ ถ้าเป็นเรื่องตลกๆ อย่างตอนที่เจ้าหล่อนกินขี้ล่ะก็แฮปปี้จะคุยสนุกกับผมถูกใจหัวเราะเอิ๊กอ๊ากถึงขนาดลงไปนอนดิ้นทุ้กที...แต่พอพูดถึงเจนนี่เรื่องไม่ดีอื่นๆ เจ้าแฮปปี้ก็จะเริ่มออกอาการปกป้องขึ้นมาเชียว

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยน่าปล่อยเขาไปเหอะ ถามจริงเหอะพี่ลัคกี้อยากไปตลาดนัดจริงเหรอ ร้อนก็ร้อน คนก็เยอะ แถมพวกเราตัวใหญ่กว่าเจนนี่ตั้งเยอะ น้าวรรณเขาคงไม่มีปัญญาอุ้มไปหรอก หรือถ้าจะใส่สายจูงพาไปด้วยมันจะสนุกเหรอ ผมก็เหมือนกับพี่นั่นแหละเกลียดสายจูงจะตายไป”

แฮปปี้พูดกระแทกเสียงใส่หน้า

ฟังแล้วหงุดหงิดใจเหมือนผมไหมครับ

ก็จะไม่ให้หงุดหงิดใจได้ไงล่ะ ในเมื่อต้องเถียงกับหมาฉลาดๆ อย่างแฮปปี้ ไม่ว่าผมจะยกประเด็นอะไรมาพูด เจ้าแฮปปี้ก็ใช้ปัญญาของมันหาเหตุผลมาถกเถียงหักล้างความคิดของผมไปได้เสียทั้งหมด

อย่างเรื่องสายจูงนั่นแฮปปี้ก็พูดถูก พวกเราทุกคนเกลียดมันจะตายไป เรื่องอะไรจะต้องเอาคอเราไปพันธนาการไว้กับเชือกและปลอกคอแข็งๆ สากๆ เวลาถูกดึงไปไหนมาไหนเจ็บจะตายไป

เมื่อก่อนพวกเราทุกตัวจะต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลสัตว์ตรงปากซอยทางเข้าหมู่บ้านทุก ๒ เดือน เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจ ไปแต่ละทีวุ่นวายเป็นงานมหกรรมเลยแหละ ต้องใช้คนอย่างน้อย ๓ คนคุมพวกเราไปกัน คนหนึ่งอุ้มเจนนี่บนตัก คนหนึ่งขับรถ อีกคนดึงสายจูงปลอกคอผมกับแฮปปี้

เมื่อก่อนนี้มีหมาใหญ่อีกตัวคือมันนี่อยู่ด้วย ก็ต้องใส่สายจูงทั้งสามตัว พอลงจากรถเท่านั้นแหละพวกเราก็จะวิ่งกระเจิงไปคนละทาง

โธ่! ใครจะอยากเจ็บตัวล่ะครับ

กว่าจะต้อนพวกเราเข้าไปนั่งคอยหมอใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ ได้ก็ต้องออกแรงกันน่าดูทั้งคนจูงทั้งพวกเราที่ยังไงก็จะไม่ยอมฉีดยาเด็ดขาด

แต่ในที่สุดก็เสร็จหมอจนได้แหละครับ ถึงโรงเชือดแล้วนี่ใครจะปล่อยให้รอดออกมา

รสชาติของเข็มขีดยานั้นพวกเราซาบซึ้งกันถ้วนทั่ว เช่นเดียวกับรสชาติของสายจูงที่ดึงรั้งปลอกคอจนแทบหายใจไม่ออก

ภายหลังไม่ทราบว่าแม่ไปรู้วิธีมาจากไหน ตอนนี้เราไม่ต้องไปฉีดยาที่โรงพยาบาลกันอีกแล้ว มีคุณหมอมาฉีดให้เราถึงบ้านเลยแหละ ได้ยินแม่เรียกชื่อหมอว่า “กำพล” ฟังที่คุยกัน ดูเหมือนแม่จะสมัครเป็นสมาชิกโครงการสัตวแพทย์ตามบ้านอะไรเทือกนั้น โดยจ่ายค่าสมาชิกรายปีถูกๆ ให้กับคุณหมอ และรอคิวให้หมอมาฉีควัคซีนที่บ้านเราเป็นรอบๆ ทุกสองเดือน แบบนี้ทำให้พวกเราไม่ต้องเจ็บสองต่อเหมือนเดิม เหลือแค่เจ็บจากเข็มฉีดยาอย่างเดียว

แต่บางทีน้าวรรณก็ยังใช้สายจูงกับแฮปปี้บ้างตอนที่จับมันอาบน้ำ

ก็ตอนนี้แฮปปี้เป็นหมาตัวโตที่สุดในบ้านนี่ครับ(ไม่นับรวมบุญหลงซึ่งผมจะเล่าให้ฟังต่อไป) เวลาอาบน้ำแฮปปี้มันจะคึกสุดๆ แล้วก็ไม่อยู่นิ่งชอบวิ่งไปวิ่งมา บางทีฟองแชมพูยังเต็มตัวก็สะบัดขนพรืด น้ำกระจายไปทั่วแล้ววิ่งเล่นสนุกไปรอบบ้าน กว่าจะจับมาล้างตัวได้อีกก็หอบแฮ่ก น้าวรรณเลยต้องใช้สายจูงมาล็อคตัวแฮปปี้เอาไว้ไม่ให้ซ่า กว่าจะอาบกันเสร็จ ผมว่ามันคงเจ็บกระเดือกไม่น้อยเลยแหละ

ส่วนผมน่ะเหรอ ผมเป็นลูกรักคนแรกของน้าวรรณมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ เวลาบอกให้ทำอะไรผมยินดีทำตามคำสั่งทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะตอนอาบน้ำผมชอบให้น้าวรรณอาบน้ำให้จะตายไป มันสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก

ตอนอาบน้ำน้าวรรณจะชมผมเสียงดังให้ใครๆ ได้ยินทั่วเลยแหละว่าผมเป็นเด็กดี บอกให้ยืนนิ่งๆผมก็ยืนนิ่งให้ฟอกแชมพูไปทั่วตัวจนกว่าน้าวรรณจะพอใจ บอกให้สะบัดขนผมก็จะสะบัดขนทันอกทันใจ บอกให้อ้าปากตรวจฟัน ผมก็ไม่อิดออด มีอย่างเดียวล่ะครับที่ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผมเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นน้าวรรณหรือแม่กับป๋าก็ตาม นั่นคือตรงเล็บเท้าทั้ง ๔ ขาของผม

อันนี้เป็นเขตหวงห้าม อย่ามาแตะเชียวนะ ไง่งั้นผมแว้งเอาแน่

ไม่ใช่อะไรหรอก ผมจั๊กจี๊น่ะครับ ตอนจั๊กจี๋นี่มันขนลุกขนพองยังไงบอกไม่ถูก อยากจะดิ้นหนีท่าเดียว เวลาน้าวรรณฟอกสบู่ที่กีบเท้าให้ผมบางทีผมก็ฝืนตัวเอาไว้ไม่ยอมให้ทำง่ายๆ แต่เหมือนน้าวรรณจะรู้ใจครับ เมื่อผมไม่อยากให้ยุ่งก็จะไม่ยุ่ง หรือถ้าน้าวรรณอยากจะยุ่งแล้วโดนผมแฮ่ใส่ทำท่าจะแว้งกัดเอาน้าวรรณก็จะดุเสียงดัง ผมก็ต้องจ๋อยสิครับ

แต่ส่วนใหญ่แล้วเวลาอาบน้ำให้ผมน้าวรรณไม่ค่อยเหนื่อยเหมือนอาบให้แฮปปี้หรอกครับแล้วก็ใช้เวลาไม่มากด้วย ก็ผมเป็นเด็กดีเชื่อฟังที่น้าวรรณบอกเกือบทุกอย่างนี่นา

ส่วนยัยเจนนี่น่ะเหรอ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ...

ผมไม่อยากคิดถึงเจ้าหญิงกินขี้ตอนเปียกน้ำเลยแหละ น่าเกลียดชะมัดเลยครับ

ก็เนื่องมาจากคุณเธอเป็นหมาตระกูลขนยาวฟูฟ่องนั่นแหละครับ ตอนที่เนื้อตัวเธอแห้งสะอาดเป็นปกติ ก็จะดูฟู อ้วนกลมเหมือนกับมีเนื้อมีหนังเยอะแยะ แต่ที่ไหนได้ พอราดน้ำลงไปให้เปียกโชกขนยาวๆของเธอก็จะลีบลงเหลือบางนิดเดียวลู่ติดกับผิวหนัง เผยโฉมให้เห็นลำตัวแท้ๆ ของเธอที่เหมือนไส้กรอกดุ้นใหญ่ๆ ยาวๆ กลายเป็นหมาหน้าตาประหลาด พิลึกพิลั่น

เห็นแล้วจะบ้าตาย น่าเกลียดสุดๆเลย

นี่...แล้วก็อย่าหาว่าผมนินทาเลยนะ แม้แต่เจ้าแฮปปี้ยังไม่ค่อยกล้ามองสาวน้อยของมันตอนอาบน้ำเล้ย ผมว่ามันคงทำใจลำบากเหมือนกันนะที่ต้องมาเห็นโฉมงามในคราบหมาน้อยตกน้ำของจริง

แล้วที่น่าหมั่นไส้อีกอย่างก็คือ พอคุณเธออาบน้ำเสร็จแล้ว ยังต้องมีขบวนการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้และต้องเป่าขนให้แห้งสนิทอีกด้วยนะ เสียเวลาเป็นชั่วโมงเลย ขณะที่พวกเราสองคนพอเช็ดตัวเสร็จ นอนผึ่งแดดผึ่งลมสักครู่ใหญ่ๆขนก็แห้งแล้ว ไม่ต้องเดือดร้อนให้ใครมาเป่าขนเสริมสวยให้

ป๋าผมนั่นแหละตัวดี กำชับนักกำชับหนาทุกครั้งที่เจนนี่อาบน้ำ

“ต้องรีบเป่าขนให้แห้งนะ ไม่งั้นจะเหม็นเร็ว”

เจ้าหญิงกินขี้ของเราก็เลยได้รับเกียรติให้ใช้ดรายเป่าผมสุดรักสุดหวงของพี่จูนซึ่งมีประสิทธิภาพให้ลมแรงสะใจ มีทั้งลมร้อน ลมอุ่น ลมเย็น แล้วแต่จะเลือก

ยัยเจนนี่แรกๆเห็นดรายเป่าผมเข้าก็ทำท่าจะวิ่งหนี แต่พอน้าวรรณจับให้นอนนิ่งแล้วค่อยๆ เป่าลมอุ่นๆ ไปทั่วตัว หล่อนก็หลับตาพริ้ม ทำท่าสุโขสโมสร

เห็นแล้วผมทนไม่ได้หรอกครับ จะนินทากับแฮปปี้หน่อย พ่อคุณก็ทำท่ารำคาญเดินหนีดื้อๆไปซะงั้น เฮ้อ! ใครจะยอมร่วมวงนินทาแฟนตัวเองล่ะครับ

อ้าว! ผมเผลอบอกความลับเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย อุตส่าห์รับปากแฮปปี้แล้วเชียวนาว่าจะไม่พูด ยังไง้ยังไงก็จะไม่มีหลุดเด็ดขาด แต่มันก็หลุดออกมาจนได้

คืองี้ฮะ เมื่อเช้านี้เองแหละที่แฮปปี้มันยอมสารภาพความในใจกับผมว่า ไอ้ที่ผมชอบล้อว่ามันท่าจะชอบเจ้าหญิงกินขี้อยู่ไม่น้อยนั่นน่ะ ความจริงแล้วมันยิ่งกว่าชอบเสียอีก

“รักเลยแหละ”

ดู๊ ดู มันกล้าพูดได้งัยเนี่ย

“เฮ้ย เอ็งจะบ้ารึไง รักยัยเจ้าหญิงกินขี้เนี่ยนะ” ผมโพล่งขึ้นมาทันควัน

รับไม่ได้ เสียสกุลรุนชาติหมาพันธุ์ดีแบบแฮปปี้อย่างให้อภัยไม่ได้เลยนะ

โธ่ถัง!

“คิดดีๆนะเว้ยแฮปปี้ แกมันพวกหมาบีเกิ้ลเพ็ดดรีกรีเชียวนะ จะลดตัวลงมาคลุกวงในกับหมากินขี้ได้ไงวะ เสียหมาหมด” ตอนนั้นผมโกรธจนหน้าเขียว

“ช่วยไม่ได้...เรื่องหัวใจมันห้ามกันลำบากนะพี่”

“พี่รับไม่ได้ว่ะ” พอหาเหตุผลมาเถียงไม่ได้ผมก็พาลซะเลย

“อ้าว! พี่พูดแบบนี้ได้ไง ทีพี่แอบไปคบกับนังสีนวลตาดำหมาข้างถนนก๊กนั้น ผมยังไม่เคยว่าอะไรพี่ซักคำ” แฮปปี้คงโกรธผมจริงๆ พอมันพูดจบก็ละบัดตูดเดินหนีไปทางอื่น

ดูซิเพราะเจ้าหญิงกินขี้แท้ๆเชียวที่ทำให้ผมกับแฮปปี้ต้องมาโกรธกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง


///////


สุมิตรา


ช่วยกันแบ่งปันชิ้นส่วนความรักของคุณส่งมาลงที่บล็อกนี้ด้วยนะคะ




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2551    
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 11:23:16 น.
Counter : 468 Pageviews.  

หัวใจหล่น ที่ท่าวุ้ง

หัวใจหล่นหาย ...ที่ ท่าวุ้ง
ปรารถนา รัตนะ







พี่แหม่ม กับพูจ๊ะ
เป็นยังไงบ้าง เคยหัวใจหล่นออกจากร่างกันบ้างไหม ที่ถามเพราะมีครั้งหนึ่งที่ไปท่าวุ้ง แล้วกลับมาตัวเบาๆ หัวใจหล่นหายไว้แถวนั้นแน่เลย

ด้วยความที่อยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อมจากหน้าจอ ไปสู่ธรรมชาติ หลังจากที่เพื่อนแสนดี ถ่ายรูปมาให้ดู พร้อม ฟูล ออพชั่น แบบพอเพียง

มีเรือ โอเค
มีน้ำ เยี่ยมมาก
มีต้นไม้และหมา เพอร์เฟค

เพื่อนเก่าปลูกบ้านเล็กๆ น่ารักในสวน บนพื้นดินของบรรพบุรุษ ที่ ท่าวุ้ง ลพบุรี เพื่อนเอ้ชวนไปเที่ยวหลายครั้ง สุดท้ายกับครั้งล่าสุด
ไม่รู้จะปฏิเสธทำไม จึงตอบปากรับคำทันที เพราะถ้าไม่ว่าง มันก็คงไม่ว่างอีกทั้งชีวิต งั้นไปพักผ่อน แบบไม่มีงานดีกว่า จึงตั้งนาฬิกาปลุก 7 โมง ก่อนกระโดดขึ้นแท็กซี่ ไปมุดรถใต้ดิน เพื่อไปขึ้นรถไฟชั้นสาม ที่สถานีบางซื่อ

รถไฟชั้นสาม
การเดินทางโดยรถไฟ เป็นโจทย์ ที่เอ้ตั้งขึ้น เพราะอยากหาฉากใหม่ๆ ค่ะพี่แหม่ม เพราะรู้ว่าเราจะได้ฉากชีวิตที่หาไม่ได้ บนสายเอเชียหรือพหลโยธิน หรือบนรถสปรินเตอร์ แต่สิ่งที่ได้รับ แม้จะไม่สะดวกสบาย แต่ได้บรรยากาศชีวิต เอ้พบเด็กวัยรุ่นที่นั่งยกขาขึ้นมาชันเข่าตรงข้าม นุ่งกางเกงลายดอก แบบเด็ก วัยรุ่นบ้านเรา น้องชายเปิดเพลงไทยร่วมสมัยเสียงดังลั่น เพลงดังจากมือถือสายพันธุ์ฟินแลนด์ไว้บนหัวเข่า เขาดูไม่เหงา เขาจะไปไหน สักพักพอรถออกเขาเริ่มโทรศัพท์ จากกรุงเทพฯ – อยุธยา (ย้ำว่าคุยจนถึงอยุธยา) ที่สำคัญเขาคุยกับแม่
โธ่ ลูกแหง่นี่เอง
และ รถไฟ จอดอยู่เฉยๆ ที่ ชานชาลาบางซื่อ ครึ่งชั่วโมง ทำให้เพื่อน รอรับสถานีลพบุรี ต้องตระเวนกินของแถวศาลพระกาฬ ไปเรื่อยๆ

เพื่อนเก่า
หม่อน เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่อยู่ดีๆ ก็ห่างหาย หลังจากเอ้ เปลี่ยนมหาลัย จนวันหนึ่งเอ้คิดถึงหม่อนขึ้นมา ตามหาไม่เจอ เลยลองเซิร์ช ชื่อเธอ ทางอินเทอร์เน็ตปรากฏว่า ชื่อเธอเป็นไกด์ขึ้นทะเบียนของการท่องเที่ยวฯ
พูเชื่อไหมว่า เราค้นพบเพื่อนที่สนิทที่สุดทางอินเทอร์เน็ต แต่เบอร์บ้านเธอยังเบอร์เดิม แต่เราเอ้ ที่ทำเบอร์เพื่อนหายไป
จึงโทรหาเธอทันที ด้วยความคิดถึง เราได้คุยกันหลังไม่ได้คุยกันมา 10 กว่าปี
ตอนแรกเพื่อนไม่ยอมรับ เราก็เลยบอกเด็กที่รับสายว่า บอกว่า เพื่อนเก่า ชื่อ เอ้ โทรมาแล้วกัน โมโหโว้ย ตอนแรก เด็กไปตาม แล้วดันกลับมาบอกว่า ไม่อยู่

สุดท้ายวันนั้น เรากรี๊ดกันโลกเกือบแตก ก่อนนัดเจอกันที่ห้างย่านสยาม
หน้าร้านหนังสือ นั่นเธอเดินมาแล้ว
เรากอดกันน้ำตาไหลพราก
“เอ้ หายไปไหนมา”
“หม่อน นั่นแหละหาย”
“หม่อนไม่ได้หาย เอ้นั่นแหละหาย”
เรากอดกัน หอมแก้มกันอยู่ที่นั่นกินเวลาหลายวินาที

บรรยากาศเหมือนหมุนกล้องหมุนวนไปรอบตัวเรา เรากุมมือกัน เดินไปหาอะไรกิน จึงได้รู้เธอป่วย เป็นโรคเลือด เกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังชีวิตสนุกสนานกับการเป็นไกด์เดินทางทั่วโลก
แม้ประสบการณ์ที่ได้รับของเรา แตกต่าง การใช้ชีวิตที่ผ่านมา ไม่ได้มีอะไรร่วมกันเลย แต่วันเวลาแสนหวาน กลับมาพาเราไปสู่สิ่งเดียว ด้วยความที่เธอเป็นไกด์ ที่เคยป่วยจนหยุดหายใจ และเป็นโรคเลือด(และยังเป็นจนทุกวันนี้)
เธอเปิดให้ดูแขนที่เต็มไปด้วยจ้ำๆ ของเลือด เธอไม่สามารถใส่เสื้อแขนสั้นได้เลย
แม้สุขภาพจะไม่แข็งแรง แต่เธอยังเป็นคนเดิม เป็นหม่อนที่น่ารักของเอ้เสมอ
เธอช่างเอาอกเอาใจ และพูดเพราะ เธอเป็นคนละขั้วกับเอ้ ที่พูดน้อย และหยาบคาย สิ่งที่เราเหมือนกันคือ รักพื้นดิน รักน้ำ รักกองฟาง และอยากลงไปนอนอยู่ใต้พื้นดิน
เพื่อนเก่าและฉัน มาจากสถานที่ต่างกัน ชีวิตเรารับประสบการณ์มาต่างกัน แต่เรากำลังกลับสู่พื้นดิน

กินกาแฟในเรือ


พี่แหม่มจ๋า
เอ้ไม่ได้พูดเล่น ที่เอ้จะพเนจรนอนบ้านโน้นทีบ้านนี้ที
เอ้จะเขียนหนังสือเต็มเวลาในเวลาไม่ช้านี้ เพราะอะไรรู้ไหมคะ พี่แหม่ม เพราะเอ้หลงใหลกาแฟ บ้านพี่แหม่ม หลงใหลสวนพี่แหม่ม ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในยุโรป
และเช่นกัน เอ้ได้ประสบการณ์ที่ดีในการดื่มกาแฟที่บ้านหม่อน ด้วยค่ะ อือ คือจะเรียกว่า เรือหม่อนดีกว่า

ด้วยเวลาอันน้อยนิด เอ้ รีบตักตวง หลังนั่งตากน้ำค้างที่ระเบียง ถึงตี 1 ก่อนจะตั้งนาฬิกาปลุกเวลา 6 โมงเช้า เพื่อไปลงเรือในบึงกว้างใหญ่
ในยามเช้าเราสองคนวิ่งกันวุ่น แม้ไม่ได้ต้องรีบไปขึ้นรถทัวร์ให้ทัน หม่อน รีบชงกาแฟ หยิบขนมปังปิ้ง ให้เอ้ไปนั่งดื่มในเรือ อย่างเร่งด่วน เพราะกลัวแดดจะร้อน
เอ้ชวนวุ้นเส้นหมาลูกผสมวัย 2 เดือน ไปเล่นเรือด้วย “ไปวุ้นเส้นไปลงเรือกัน”
กลิ่นไอ และความเยือกเย็นจากผิวน้ำทำให้เอ้คิดสวนนาฬิเก ที่สวนโมกข์ เอ้ลอยเรืออยู่นิ่ง นึกถึงตัวเองเป็น The old girl and the sea พลางมองต้นกล้วย มองต้นมะม่วงที่เพิ่งผลิดอกออกลูกเล็กๆ
ภาพในวัยเด็กลอยเข้ามา คิดถึงวันที่เก็บมะม่วงลูกเล็กๆ ไปให้แม่ ด้วยความที่เห็นมะม่วงเป็นครั้งแรกในชีวิต และ หวังคำชมจากแม่
แต่กลายเป็น โดนแม่ดุว่า เก็บมาทำไม มันกินไม่ได้ ใจที่ตกไปอยู่ตาตุ่มในวันนั้น ย้อนรำลึกในวันที่เราโตขึ้นว่า แม้ทำดีอย่าเพิ่งหวังผล และต้นไม้ให้ความร่มเย็นกับเราเสมอ แม้วันนี้ ต้นมะม่วงเหล่านั้นล้มตายไปหมดแล้ว
รู้สึกว่า เป็นกาแฟที่อร่อยที่สุด เอ้ตะโกนบอกหม่อนว่า กาแฟมื้อนี้อร่อยที่สุดที่เคยกินมาเลย เพราะรู้สึกวิเศษกับบรรยากาศจริงๆ แม้มันจะไม่สามารถเปรียบกับรสชาติหวานหอมจากกาแฟฝีมือคนรักที่บ้าน ที่บังเอิญเขาไม่ได้ยินที่เอ้ตะโกน เพราะเอ้เคยบอกกับเขาว่ากาแฟที่บ้านอร่อยที่สุดเช่นกัน แต่ที่สุดไม่ได้มีได้แค่ครั้งเดียว เป็นที่สุดที่ต่างกรรมต่างวาระ
ก่อนหม่อนจะรีบมากดชัตเตอร์ ทั้งรัวและซูม ยังกับเราจะตายจากกันอย่างนั้น ราวกับเอ้ เป็นโจรร้ายที่พลัดหลงมา แถมเป็นผู้กำกับบอกให้เอ้พายเรือไปย้อนแสงพระอาทิตย์ ทุกอย่างดูจัดฉาก อย่างตั้งใจ เอ้มีความสุขล้นอย่างเต็มใจเช่นกัน เอ้พายเรือห่างหม่อน ออกมา พลางนั่งจิบกาแฟสลับพายเรือ มองเห็นหม่อน ยังคงเล็งกล้องกดชัตเตอร์ อยู่ไกลๆ เหมือนเอ้เป็นคนพลัดบ้านพลัดเมืองมา



หวนสู่ พื้นดิน


สักพัก หม่อน ตะโกนถามว่า จะกินอะไรเป็นอาหารกลางวัน อารมณ์แบบเข้าค่ายของคุณเธอเลย
ผัดกระเพราไหม
ได้ๆ
เอาไข่ดาวๆไหม
เอา
อาหารกลางวันฝีมือหม่อนทำ ก่อนจะพาไปเที่ยวครัว หม่อนเด็ดพริกที่อยู่แถวนั้น ก่อนเอ้จะไปยกต้มจืดที่เธอปรุงเสร็จแล้ว สิ่งเดียวที่เอ้ช่วยหม่อนคือ ยกกะทะเทต้มจืดลงชาม
“เอ นี่เราไม่ได้จับกะทะมานานแค่ไหนแล้ว"

มื้อกลางวันที่เป็นอาหารแฮนด์เมด หม่อน ทำต้มจืด เราซดกันพลางมองน้ำมองสวนที่หม่อนและแม่ของเธอบุกเบิก สุนทรียะจริงๆ
อิ่มแล้ว เราพากันไปเดินหอบฟาง เพื่อนำมาคุมดินไว้ ค่อยๆ ห่มฟางให้กับดิน เอ้เผลอยัดฟาง ลงในซอกดินที่แตกระแหง ตกเย็นรดน้ำต้นไม้ ก่อนเอ้จะอยากเก็บเปลือกหัวปลีที่มีรูปร่างเหมือนเรือใบ

จนลงท้ายด้วยการกระโจนน้ำ ว่ายน้ำเกาะเรือท้องแบน ที่มีหม่อนเป็นคนพาย

ตอนกลับเอ้มารถตู้ มาจากปั้มแห่งหนึ่งในอำเภอท่าวุ้ง ขณะที่เอ้กำลังกระจายรายได้ด้วยการซื้ออินทผลัมท้องถิ่น และขาไก่ ท่าวุ้งที่อร่อยมาก รสชาติออกหวานๆ
คืนนั้น เอ้ ลาจากท่าวุ้งมาด้วยรถตู้ไฮสปีด ถึงถนนวิภาวดี ไม่รู้ตัว
จนลงจากรถตู้ ขึ้นแท็กซี่ ไปโชคชัย 4
ระหว่างนั่งรถภาพแห่งความสุขตามมาหลอกหลอน

เราไปหอบฟางมาคลุมดิน หม่อนบอกมีงูเห่าด้วยนะแถวนี้ แต่เอ้เรียนรู้มาแล้วว่า เจองูให้อยู่เฉยๆ แล้วงูจะคืบคลานผ่านไป โลกนี้ก็เป็นของงูด้วยเหมือนกัน

รู้สึกร่างกายเบาๆ โหวงๆ หัวใจหล่นหายไปไหนไม่รู้ สงสัยจะอยู่บนเรือที่ ท่าวุ้ง
ถัดจากวันกลับมาจากสวน 10 วัน วุ้นเส้นหมดลมหายใจ เพราะไม่กินข้าวหลังจากที่เรากลับมา
ร่างของวุ้นเส้นคงอยู่ใต้พื้นดิน ตรงไหนสักแห่ง อีกไม่นานฉันจะไปเยี่ยมเจ้าวุ้นเส้น ลูกหมามือใหญ่


ชมพูจ๋า รู้ไหมมีคนรอคอยโจมตีบ้านของชมพูอยู่นะจ๊ะ




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2551    
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 21:35:12 น.
Counter : 925 Pageviews.  

ความรักของ Jewel

ความรักของ Jewel : อัลบั้ม GOODBYE ALICE IN WONDERLAND
ปรารถนา รัตนะ

สาวคาวบอยหน้าคุ้นๆ พกพากลิ่นไอโฟล์ค กลับมาแล้ว หลังจากเธอไปหลงคารม (ซาวน์) มาดอนน่า ไปหลงแสงสีดิสโก้ ในอัลบั้ม 0304 ชุดก่อน จีเวล กลับมาเป็นสาวคาวบอย เพราะการถูกประทับตีตราจนเธอเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ถือเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นศิลปินครบสูตร เป็นนักเขียน เป็นนักดนตรี นักแต่งเพลง นักเล่าเรื่อง นักกิจกรรมสังคม เป็นได้ทั้งหมดเท่าที่ชีวิตคนหนึ่งอยากเป็นและทำได้
จากเด็กน้อยที่เกิดที่รัฐยูท่าห์ แต่ไปเติบโตที่อลาสกา มีพ่อแม่รักในเสียงเพลงระดับที่ออกทัวร์เล็กๆ ในละแวกบ้าน จนวันหนึ่งเธอได้โชว์ด้วยตัวเอง กับผลงานของตัวเอง จนมีชุดแรก คือ Piece of you ในปี 1995
ถึงวันนี้ 11 ปีแล้ว อัลบั้มนี้จึงเป็นตัวตนที่ชัดเจนของเธอที่สุด กับชีวิตที่ขึ้นถึงจุดสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นยอดขายไปจนถึง การร้องเพลงประกอบหนังชื่อดังหลายเรื่อง อีกทั้งถูกประทับเป็นกวีสาวเซ็กซี่ที่สุด อัลบั้มจึงนี้เต็มไปด้วยความหวาน อบอุ่น และอบอวลด้วยกลิ่นอายของความรัก และบนปกหลังมีมดเดิน บนน้ำตาลเกาะ เมื่อเธออุทิศอัลบั้มนี้ให้ Ty คนรัก
“ for TY because in a world of fiction you are a truth I can believe in”
บทเพลงทั้งหมด มาในอารมณ์ เป็นโฟล์ค นุ่มๆ แต่มีทั้งในอารมณ์หวาน เศร้า สนุกสนาน ครบรสชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง จาก Again and Again อะคูสติคหวานๆ เย็นๆ มีท่อนฮุคติดหู สู่ Long Slow ride โชว์น้ำเสียงหวานๆ และ Goodbye alice เนื้อหาดี เล่าเรื่องยาวยืด Good day พูดเล่าเรื่องตัวเอง เป็นอะคูสติคหวานๆ บอกตัวตน
ก่อนจะเริ่มคึกคัก เมื่อเธอเหยียบคันเร่ง ใน Drive to you ตัวเพลงดูเรื่อยๆ ในแบ็คกราวน์ด ทันสมัย แต่มีฮุคติดหูเร่งเร็ว เมื่อคิดถึงชายหนุ่มที่ไม่อาจจะทิ้งเขาไปได้ ขับรถไปหาเขาซะให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า
ขณะที่ Last Dance Rodeo ช่างแผ่วเบา ไร้น้ำหนัก ฟังแล้วได้อารมณ์เซ็กซี่ เหมือนสาวน้อยเมื่อ 11 ปีก่อนแรกเยื้องย่างเข้าวงการ ส่วนในเพลง Stephenville TX ถือเป็นเพลงเด่นเพลงหนึ่ง ที่เธอเล่าบอกถึงรากเหง้าของเธอที่เพิ่งจะเปิดเผยตัวชัดเจน เมื่อเวลาผ่านไป ได้มีชีวิตว่ายตายเกิดในวงการแห่งนี้จนตกผลึก
เพราะไม่ใช่เวลาของ ความสด และ ความฉาบฉวยอีกแล้ว โทนรวมของอัลบั้มจึงออกมาง่ายๆ ไม่หวือหวา แต่ซึมลึก ละเมียดนุ่มหู เมื่อฟังเธอเล่าเรื่อง จีเวล สาวน้อยตัวเล็กๆ นี้ มาด้วยใจพร้อมรูปกายสวยงาม ครบเครื่อง และเป็นศิลปินที่ออกอัลบั้มแล้วไม่ลืมเอาสมองมาด้วย
“Trying to find justice with 6 strings try to make the world make sense out of me”
เธอว่าไว้อย่างนั้น




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2551    
Last Update : 21 มิถุนายน 2551 0:54:31 น.
Counter : 400 Pageviews.  

ผู้หญิงของใคร ผู้หญิงของจอมยุทธ์

ผู้หญิงของจอมยุทธ์

ปรารถนา รัตนะ

ขณะที่กำลังคิดถึงผู้หญิงของจอมยุทธ์ จากหนังกำลังภายใน คิดถึงมังกรหยก คิดถึงแก่นเรื่องธรรม อธรรมะ ลมปราณ สมาธิ กระบี่และเจ้าสำนัก ทำให้คิดเรื่อยเลยไปถึง โลกแห่งความวุ่นวายของการแก่งแย่งอำนาจ โลกที่กำลังแย่งชิงกันเป็นเจ้ายุทธจักร เป็นอันดับ1 เป็นมหาอำนาจ โลกแห่งการฟาดฟันด้วยอาวุธร้ายแรงทำลายล้าง ภาพ กระบี่ ม้า ขุนเขา ตัวละครกำลังภายใน ลมปราณ เจ้าสำนัก.... กำลังแปรเปลี่ยนไป
และอดคิดถึงนัยน์ตากร้าวของผู้หญิงของจอมยุทธ์ บุช ชื่อ คอนโดลีซซ่า ไรซ์ ไม่ได้ เสียดายที่เธอเป็นผู้หญิงที่เก่ง มีความสามารถ มีพื้นเพมาจากคนดำ จากรัฐอลาบาม่า ที่เคยถูกเหยียดผิว แต่กลับไปตกม้าตาย กับความภาคภูมิใจในการเดินทางสายเหยี่ยว นัยน์ตาของผู้หญิงของจอมยุทธ์ บุช แห่งโลกตะวันตกคนนี้ ช่างเหี้ยมเกรียม จนสงสัยว่า เธอเคยเยี่ยงกรายมาพบพานอะไรที่เป็นตะวันออกบ้างหรือไม่
เธอจึงไม่รู้ว่า จอมยุทธ์แห่งตะวันออก มักใช้วิธีเข้าครอบครองโดยสงบ หรือครอบครองที่ใจ ยึดใจคนในดินแดนนั้นๆ ได้ จะทำมาค้าขายอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ อยากได้น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือ ระเบิดปรมาณู ก็ไม่ยากเกิน
เราๆ ลูกครึ่งๆ จีน หลายคนคงได้ยิน ความลุ่มลึกของบรรพบุรุษจีนมานับครั้งไม่ถ้วน “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” จึงได้เห็นคืบคลานเงียบๆ ของ มาดาม อู๋อี๋ ของจีน ผูกไมตรีทั่วดินแดน และ มาดาม ลี โฮ ชิง ที่คือผู้หญิงของจอมยุทธ์ ตัวจริงแห่ง เทมาเส็ก ด้วยความเยี่ยมยุทธ์ จาก ลี กวนยู ที่หลังจากก่อตั้งสิงคโปร์ประเทศจำกัดขึ้น ท่านผู้เฒ่า ลี ผู้มีวิทยายุทธ์เลิศล้ำเดินแผนท่อก๊าซก่อนทันที โดยยึดหลักเป็นประเทศเล็กไม่รบกับใครทั้งสิ้น แถมยังทำเป็นม้าอารี ให้เดินท่อก๊าซจากมาเลเซียผ่านไปอินโดนีเซีย นอกจากจะได้ใช้ก๊าซด้วย ยังได้ค่าเช่าอีกต่างหาก แยบยลเหลือทน
ทุกวันนี้เราได้เห็นประธานาธิบดี หู จิ่น เทา จีนกำลังเดินเกมยิ้มน้อยๆ ไปทั่วโลก รัสเซีย อเมริกาใต้ รวมถึงแอฟริกาใต้ ที่โปรยยาหอม จูบปากจนได้แหล่งพลังงานมาไว้ในเมือง เป็นการใช้กำลังภายในเพียงเบาๆ แต่ได้ผลมหาศาล โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ และชีวิตทหารถึงสองพันกว่าคน อย่างการทำสงครามในอิรัก ที่กำลังจะกลายเป็นสงครามเวียดนาม 2 รบไม่มีทางชนะเพราะคนในพื้นที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมตะวันตกจึงเพิ่งตื่นเต้นกับหนังกำลังภายใน และตาค้าง กับการเหาะเหิน ทั้งๆ ที่เราคุ้นเคยกับหนังฮ่องกง กันมาแต่เด็กๆ โดยหนังเรื่อง ซูซัน ศึกเทพยุทธถล่มฟ้า(The legend of ZU ) นี่ดูแล้วรู้สึกพิเศษ และชอบหญิงสาวนาม หลี่อิงฉี ผู้บุคลิกเยือกเย็นและความสวยสะกดจิต หนังเป็นฝีมือของ ฉีเคอะ ที่ใช้เงินมากกว่า 90 ล้านเหรียญฮ่องกง เนรมิตจนกลายเป็นหนังที่ได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยี จากยุคเครื่องจักรเต็มที่ เป็นการฉีกขนบหนังกำลังภายใน ตัวพระนางบินโฉบเฉี่ยว แสงสีเต็มที่พร้อมความรวดเร็วที่แตกต่างจากหนังกำลังภายในยุคดั้งเดิม ถือเป็นสินค้าใหม่ของโลกฮอลลีวู้ดเต็มรูป
และที่ชื่นชมความพิสดารของ เทือกเขาซูซัน เพราะไม่เคยพบไม่เคยเห็นหนังกำลังภายในที่ไหนเป็นแบบนี้ บางห้วงเหมือนดูภาพปกอัลบั้มของวงโปรเกรสซีฟ ที่เคลื่อนไหว ขณะภาพและเทคนิคอีกทางไหลบ่า มาจาก ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ บ้างมีความเร็ววูบวาบ ดังดูจาก สตาร์ วอร์ส มีมนต์ดำขลุกขลิกจาก แฮรี่ พอตเตอร์ บ้างมีหุ่นเหล็ก จากญี่ปุ่นส่งเข้าชิง และ เทคนิคตระการจนทำให้มนุษย์ในเรื่องกลายเป็นตัวประกอบ ถือว่าเป็นจินตนาการหลอมรวมอันบรรเจิดของ ฉีเคอะ หยุดเบรกอารมณ์ และมีดนตรีไพเราะ ราวเหมือนได้ฟังอัลบั้มคอนเซ็ปท์เลยทีเดียว
หลี่อิงฉี ที่รับบทโดยดารานำอย่าง จางป๋อจือ เธอโลดแล่นไปในเอ็ฟเฟ็คในเรื่องอย่างไหลลื่น คู่เคียงกับจอมยุทธ์ โดยเทคนิคอลังการทั้งหลายจากฝีมือทีมงาน The Matrix พร้อมด้วยดาราอย่าง จางซือยี่ เจิ้งอวีเจี้ยน กู๋เทียนเล่อ เรื่องราวเล่าถึงความดี ความชั่ว และการแย่งชิงอำนาจ ระหว่างคู่กระบี่กับ มารโลหิต ผู้ สามารถทำลายล้างโลก ณ หุบเขา ซูซัน อันแสนไกล
ซูซัน ศึกเทพยุทธถล่มฟ้า มี หลี่อิงฉี คาแร็คเตอร์เก่งกาจ เป็นส่วนสำคัญ เป็นผู้หญิงที่จอมยุทธจะขาดไปไม่ได้ เมื่อต้องต่อสู้กับเหล่ามาร เธอ และ เสียนเทียนจง ผู้ศิษย์ เมื่อเวลาผ่านไป 100 ปี ในเรื่องมีการเล่าถึงการพบกันของ อาจารย์ และลูกศิษย์ เมื่อ 200 ปี ผ่านไป ไถ่ซือกู่เยี่ย กลับมาเป็น หลี่อิงฉี ก่อจากอัฐิ ---- ซือไทกู่เยี่ย เธอต้อง ฟื้นฟูร่างกาย ประสานกระบี่ เธอเข้มแข็ง แต่มีความอ่อนไหว เมื่อพบกับศิษย์อีกครั้ง เสียนเทียนจง
แล้ว แม่นาง หลี่อิงฉี ว่า เสียนเทียนจง คือศิษย์ และเขายังเป็นคนเดิมที่รอคอยแต่อาจารย์ เขาเป็นผู้ชายในฝัน มั่นในรัก
จำได้ว่า เรื่องราวกำลังภายในนั้น ผู้หญิงหลายคนเป็นแค่ตัวประกอบ แต่หลี่อิงฉี เป็น กระบี่เทียน เป็นกระบี่ที่ต้องหลอมรวมพลัง กับ กระบี่เหลย กระบี่เทียนกระบี่เหลย คือ กระบี่ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เหมือนหยินหยาง ประสานกัน ถ้ากระบี่ ซึ่งก็คือคน ออกนอกลู่นอกทางก็ไม่สามารถประสานได้ ผสมเรื่องราวบุคลิกลักษณะด้วยเทคนิค เธอพูดจาฉลาด ผลิตกับหลายตัวละครหญิง ไม้ประดับที่แสนงอน กระเง้ากระงอดจนน่ารำคาญ
ฟ้าดินยืนยง คุณธรรมค้ำจุน ไฟอยู่คนอยู่ เขาอยู่ คนอยู่ เขาล้ม คนม้วย ขุนเขาในที่นี้ คงไม่พ้นคุณธรรมที่ต้องอยู่ค้ำจุนโลก เพราะกระบี่คู่ หล่อหลอมใจ กระบี่ใดจะเทียมทาน และเรื่องราวอธรรม ต้องชนะ ธรรมะ คือแก่นแข็งแรงของเรื่อง
แล้ว ฉีเคอะ สตีเว่น สปิลเบิร์ก เอเชีย ยังเลือกดาราตามพิมพ์นิยม เขาเหมือนผู้กำกับบางคน เหมือนผู้ชายหลายคน ที่ชอบผู้หญิงแบบนี้ หน้าตาประมาณนี้ ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี ก็ยังหาคนหน้าตาคล้ายๆ เดิม จาก หลินชิงเสีย ที่งดงามสาวสดในเวอร์ชั่นแรก ซูซัน เทพยุทธเขามหัศจรรย์ (ZU:Warriors from the magic mountains) ในปี 1983 กับ ดาราบทนำคนใหม่ จางป๋อจือ ที่น่ารัก และเรื่องนี้และ หลายคนไม่ชอบ เพราะ บทรอง จางซือยี่ ซึ่งมอมแมม และ ไม่มีบทบาทเกินทน
ในความรู้สึกราวกับว่า ฉีเคอะ คือจอมยุทธ์ที่เลือกผู้หญิงในดวงใจ เพื่อมาเคียงข้างเขา ในห้วงเวลาหนึ่ง เป็นความสุขที่เขาเองรู้ดี
เทือกเขาซูชันนี้ เป็นที่ชื่นชอบของคนตะวันตก ในขณะที่หลายคนรับไม่ได้เอาเลย แต่ข้อดีคือการนำวัยเด็กกลับมา พร้อมดนตรีประกอบละเมียด ละไม และความยิ่งใหญ่ของผู้หญิงแห่งเทือกเขาคนนี้ ภาพนิ่งๆ ของหนังยังปลุกเร้าจินตนาการและพาย้อนกลับไปในวัยเด็ก ที่คิดอยากเหาะเหินเช่นกันหนัง แต่ทำได้เพียงเล่นปามีดสั้นไปที่ต้นกล้วยหลังบ้าน ที่ถูกมีดจนน่วม และตายลงในเวลาแต่มา พร้อมแทงหน่อมาใหม่ (ต้นกล้วยแสนรัก คิดถึงต้นกล้วย)
ผู้หญิงของ จอมยุทธ์ คงต้องเข้มแข็ง ในระดับขนาดต้องเป็นจอมยุทธ์ เสียเอง เพราะไม่ยากเลย ถ้าอยากเป็นจอมยุทธ์ ก็ต้องฝึกฝน ปะดาบ คารวะคนที่ควรคารวะ อันหมายถึงต้องมีวิจารณญาณในการแยกแยะขึ้นสูง เพราะนักบุญอาจพกมีดมาแทงข้างหลัง หรือหลวงจีนเจ้าสำนักวิตถาร อะไรก็เกิดขึ้นได้ ในโลกแห่งการแปรเปลี่ยน และยากจะแยกแยะ อะไรคือขาว อะไรคือดำ




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2551    
Last Update : 19 มิถุนายน 2551 14:55:20 น.
Counter : 1331 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

jangar
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




a piece of love เป็นพื้นที่สนทนาออนไลน์ เพื่อแลกเปลี่ยน ทัศนะ ความเป็นไปของชีวิตในทุกด้าน ของ ผู้หญิง 3 คน คือ สุมิตรา จันทร์เงา (แหม่ม) , อุรุดา โควินท์ (พู) และ ปรารถนา รัตนะ (เอ้)

และพร้อมแลกเปลี่ยนกับทุกท่านในทุกมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นความรัก ชีวิต ความผิดหวัง สมหวัง ครอบครัว หรือปัญหาใดๆ เพื่อให้ทุกท่านรู้ว่า ในโลกอ้างว้าง มุมนี้เป็นดั่ง ชิ้นส่วนความรัก ความห่วงหา เป็นมิตรภาพแท้ บนโลกออนไลน์ ที่(เขาว่า)เป็นความลวง
Friends' blogs
[Add jangar's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.