๑๓ มกราคม ๒๕๖๕ // 2022年1月13日 // January 13, 2022 ฉันย้อนกลับไปอ่านบันทึกเก่า ๆ ที่เคยเขียนไว้ใน bloggang นี้ แล้วรู้สึกตลกดีนะ ดีใจจัง ที่ข้อมูลในนี้ไม่สูญหาย ยังคงมีอยู่ ขอบคุณ Bloggang มากเลยนะคะ ถ้าหายไป คงเสียดายแย่ ฉันเขียน blog นี้มาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี พ.ศ.2553 จนตอนนี้ มกราคม ปี พ.ศ.2565 แล้ว เขียนตั้งแต่อายุ 23 จนตอนนี้ 34-35 10 กว่าปีแล้ว สิ่งที่เขียนไว้ ข้อมูลต่าง ๆ ก็ยังคงอยู่ ขอบคุณ bloggang จากใจจริง ขอให้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนาน ๆ เลยนะคะ อากาศร้อนเนอะ ทั้งที่เพิ่งจะเดือนมกราคมเท่านั้นเอง แต่อากาศก็ร้อนมาก วันที่ 16 นี้ ฉันก็จะต้องไปฉีดวัคซีนโมเดอร์นา เข็มสองแล้วนะ ก็ขอให้ฉันมีชีวิตรอดและปลอดภัย มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกประมาณ 15 ปีเพื่อดูแลแมวทั้ง 12 ตัวต่อไป เบื่อ ไม่อยากไปฉีด ก็ต้องไป เพราะโดนสังคมโลกบังคับ 555555555555555555555 ทั้งที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่า ตัวเองจะฉีดไปเพื่ออะไรเหมือนกัน 1.ไม่ได้คลุกคลีกับใครที่เป็นคนเลย กอดหอมแต่กับแมว 12 ตัวของตัวเอง 2.ไม่ได้เดินทางไปไหนไกลเลย ต่างจังหวัด ต่างประเทศ ไม่เคยไป วัน ๆ อยู่แต่ในถ้ำ(เป็นการเปรียบเปรย) 555555555555555555 3.ดูแลตัวเองดีมาก ป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นโรคติดต่อใด ๆ เลย สองปีที่ผ่านมา เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าฉันจริงจังแค่ไหน ฉันก็เลยไม่แน่ใจว่า ฉันเนี่ย ฉีดวัคซีนโควิดไปเพื่ออะไร? เพื่อให้ประเทศไทยและโลกใบนี้ จดสถิติ แค่นั้น แล้วก็เพื่อเป็นหนึ่งในการทดลองวัคซีนโมเดอร์นา ก็แค่นั้น 555555555555 วัคซีนในตอนนี้ ก็อย่างที่รู้กัน เขาเรียกว่าอะไรนะ วัคซีนชั่วคราว วัคซีนฉุกเฉิน อะไรทำนองนั้นป่ะ? คือ ยังไม่ได้เป็นวัคซีนหลักที่ใช้ในการป้องกัน และควบคุมโควิดได้อย่างดีเยี่ยม จบครบทุกสายพันธุ์ ยังคงทดลองไปเรื่อย ๆ ยังไม่ได้มีตัวไหนเลยที่ได้ผลกับทุกสายพันธุ์ ไม่เหมือนกับวัคซีนตัวอื่น ๆ ในโลก ที่ใช้ป้องกันโรคนั้น ๆ อย่างดีเยี่ยม เพราะผ่านการทดลองมาหลายปีแล้ว แต่วัคซีนโควิดนี้ มันเพิ่งจะมี ฉีดอันนี้ไป ฉีดอันที่มีอยู่ในตอนนี้ไปก่อน แล้วเดี๋ยววันข้างหน้า ก็เรียกให้ฉันไปฉีดตัวใหม่อีกแล้ว ฉันก็ไม่แน่ใจว่า ความคิดฉันมันเป็นความคิดที่ถูกหรือผิดนะ แต่ฉันก็คิดแบบนี้อ่ะ 555555555555555555555 และทุกครั้งเลยนะ พอรู้ตัวว่าใกล้จะไปฉีดวัคซีนโควิดทีไร ก็ทำให้ฉันรู้สึกแพนิคอีกแล้ว โควิดที่มีมา 2 ปี ก็ยังไม่เคยทำให้ฉันแพนิค แต่วัคซีนโควิด ทำให้ฉันแพนิคตลอดเลย 555555555555555 แพนิคคืออะไร แพนิค ก็คือ อาการวิตกกังวลเกินกว่าเหตุ ซึ่งฉันเป็น ฉันจะเป็นเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองมีความเครียดกับสิ่ง ๆ หนึ่งมากจนเกินไป อาการของแพนิค มีอะไรบ้าง สำหรับคนอื่น ฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉัน ฉันจะเป็นแบบนี้ - รู้สึกร้อนที่ใบหน้า - มึน ๆ เหมือนจะวูบ - ปวดหัว ปวดตุ๊บ ๆ - ปวดท้อง ปั่นป่วนท้อง - เหงื่อแตก เหงื่อเยอะ - มือเท้าเย็น - ใจสั่น ใจเต้นเร็ว ตื่นเต้น - คลื่นไส้ อยากจะอาเจียน ถ้าหากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นมา สำหรับฉันแล้ว กว่าจะผ่านพ้นมันไปได้ มันทรมานมาก มันยากมากที่จะผ่านมันไป ฉันต้องทำใจให้สบาย ๆ ทำสมาธิ ควบคุมการหายใจ ปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมากหรือกังวลจนเกินเหตุ ใช้เวลาค่อนข้างนานนะ 1-2 ชั่วโมง กว่าจะควบคุมตัวเองได้ อาการแพนิคจะเกิดขึ้นได้ ก็ตอนที่ฉันกำลังเครียดมาก ๆ คือ คิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วเกิดความเครียดขึ้นมามาก ๆ มากจนไม่สามารถควบคุมความคิดได้ ความคิดพุ่งทะยานเกินกว่าจะควบคุม เมื่อคิดแบบนั้น ร่างกายก็ตอบสนองด้วยการแสดงอาการแพนิคออกมา พอสมองคิดฟุ้งซ่าน ร่างกายก็มีอาการแบบนั้น คราวนี้ก็ทำให้ฉันบ้าไปเลย 555555555555555555 จิตใจเตลิดเปิดเปิง 55555555555555555555 เข้าใจความหมายป่ะ? เตลิดเปิดเปิง หมายความว่า กระจัดกระจายไปคนละทาง คือฉันจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีกต่อไป หนทางที่จะแก้คือ ฉันจะต้องพยายามพาร่างกายของตัวเอง ไปอยู่ในที่ที่สงบที่สุด ปราศจากผู้คนและสิ่งรบกวนใด ๆ นั่งหรือนอนก็ได้ ทำสมาธิ ค่อย ๆ หายใจเข้าออก ถ้าหายใจทางจมูกไม่ได้ ก็หายใจทางปาก คือทำยังไงก็ได้ ให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายลง ทรมานมากนะ ความรู้สึกแพนิคของฉันเนี่ย แน่นอนว่า ตอนนี้ ฉันยังไม่มีอาการอะไร 555555555555555 แข็งแรง ปกติดี สภาพจิตใจ มีความสมบูรณ์ดี วันที่ไปฉีดก็ไม่เป็น ไม่มีอาการอะไร เพราะ... ฉันจะไม่เป็นแพนิค ถ้าหากเรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับมัน อยู่กับสิ่งที่เราคิดมาก คือ ถ้าเจอมันซึ่ง ๆ หน้า ฉันจะไม่มีอาการอะไร ฉันจะมั่นใจ กล้าท้าชน 555555555555555555555 แต่ฉันจะมีอาการแพนิค ก็ต่อเมื่อ ฉันไม่ได้อยู่ซึ่ง ๆ หน้ากับสิ่งที่เรากำลังคิดมาก คือ จะอธิบายยังไงดี? คือ ฉันจะแพนิคก็เพราะว่าความคิดของเรา เราคิดมาก คิดไปก่อนล่วงหน้าว่ามันจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีตามมา คิดโดยที่เราก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่เราเอาแต่คิดไปก่อน ถ้าให้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ก็คือว่า สมมติว่า ฉันกำลังจะต้องเล่นรถไฟเหาะ ซึ่งในความเป็นจริง ฉันไม่เล่นนะ ฉันแค่สมมติให้ดูเฉย ๆ ว่า อาการแพนิคของฉันมันจะเกิดขึ้นตอนไหน สมมติว่า ในวันพรุ่งนี้ ฉันจะต้องไปเล่นรถไฟเหาะ ฉันก็จะคิดไปล่วงหน้าว่า มันต้องแย่แน่ ๆ ฉันอาจหัวใจวาย รถไฟเหาะอาจไปค้างอยู่ข้างบน ในแบบห้อยหัวลงมา เครื่องอาจไม่ทำงาน รถไฟอาจจะหลุดจากราง คือ ฉันจะคิดอยู่แบบนั้นอ่ะ คิดจนบ้า 555555555555555555555555555 จนอาการแพนิคออกมา แต่พอถึงวันจริง หากต้องนั่งลงไปที่เบาะของรถไฟเหาะแล้ว ฉันจะไม่คิดอะไรเลย เพราะเราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราคิดแล้ว เพราะฉะนั้น เราไม่มีเวลาที่จะแสดงอาการอะไรออกมาได้อีก มีทางเดียวคือ ลุย 5555555555555555555555 แต่พอหลังจากที่เล่นรถไฟเหาะเสร็จแล้ว พอลงมาเดิน คราวนี้แหละ จะกลับไปคิดมากอีกครั้ง หัวใจฉันทำไมเต้นแรงเกินไป ทำไมรู้สึกเวียนหัว ฉันไม่น่าไปเล่นรถไฟเหาะเลย ฉันไม่น่าทำมันลงไปเลย ก็จะกลับไปแพนิคอีกครั้ง เพราะความคิดของตัวเอง นี่ก็คือสมมติเหตุการณ์ตัวอย่าง สำหรับอาการแพนิคของตัวเอง คือ ฉันจะมีอาการตอนก่อนวันที่จะเผชิญ และหลังวันที่เผชิญมันลงไปแล้ว แต่วันที่เผชิญซึ่ง ๆ หน้า ฉันจะไม่มีอาการอะไรเลย สรุปก็คือ ตอนนี้ ฉันยังไม่มีอาการอะไร เดี๋ยวพอวันที่ 15 ก่อนไปฉีด ฉันอาจจะแพนิคขึ้นมาได้ และวันที่ 17 หลังจากที่ไปฉีด ก็จะมีอาการเช่นกัน 55555555555555 ในเข็มแรก ฉันก็เป็นนะ แต่ฉันไม่ได้บอกว่า ฉันมีอาการแพนิค เพราะฉันก็แยกไม่ออกแล้วว่า นี่เป็นอาการแพนิคของฉันเอง หรือเป็นผลข้างเคียงจากวัคซีนกันแน่ 5555555555555555 เห็นฉันขำแบบนี้ แต่พอมีอาการจริง ๆ แล้ว มันขำไม่ออกนะ 555555555555555555555 และนี่ก็คือผลเสียจากวัคซีนโควิด ที่เกิดขึ้นกับฉัน อย่างอื่นฉันยังไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ มันเป็นพิษต่อความคิดฉันเหลือเกิน วัคซีนอื่น ๆ ฉันไม่เป็น แต่วัคซีนโควิด ฉันกลับเป็น ก็คงเป็นเพราะ ... อ่านข่าวเยอะเกินไปมั้ง แล้ววัคซีนนี้ มันเพิ่งมีอ่ะเนอะ ฉันก็เลยยังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ หรือไม่ก็ วัคซีนอื่น ๆ ฉันเป็นคนเลือกเอง อยากจะฉีดมันเอง แต่วัคซีนนี้ ฉันโดนสังคมโลกบังคับ 555555555555555555 ความรู้สึกมันเลยต่างกัน การไปด้วยตัวเอง กับ การโดนบังคับให้ต้องไป ก็ภาวนาให้ตัวเองรอดและปลอดภัยก็แล้วกัน ขออยู่ต่ออีกประมาณ 15 ปีเพื่อเลี้ยงแมว 12 ตัว ฉันพอใจแล้ว เข็มแรก ฉันไม่มีอาการอะไร นอกจากอาการแพนิคของตัวเอง เพราะฉะนั้น เข็มสอง ฉันก็ขอให้ตัวเองเป็นเหมือนเข็มแรกด้วยเถิด และทุกคนที่ไปฉีดก็เช่นกัน ขอให้ปลอดภัย ไม่มีอาการข้างเคียงอะไรที่รุนแรง ก่อนไป โพสรูปแมว 12 ตัวที่เลี้ยงไว้ดีกว่า ส่วนหน้าตาเจ้าของ ไม่ต้องโพส 555555555555555555 แก่แล้ว อาย ไม่ได้เกี่ยวกับแก่หรอก เกี่ยวว่า ไม่สวยมากกว่า เลยอาย 5555555555555555 เรียงอายุแมวไปเลยแล้วกัน เริ่มต้นที่ พี่เหมียวหรือพี่พลอย อายุ 17 ปี แก่สุดในบ้าน ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่ที่ฉันอายุ 18 ปี 5555555555555555555555 โคตรเด็กเลย จนตอนนี้ แมวก็แก่ คนก็เริ่มจะแก่เหมือนกัน ตัวที่สองคือ พี่เพชรหรือพี่นุ้ง อายุ 12 ปี แก่รองลงมา ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่ที่ฉันอายุ 23 ตั้งแต่หน้ายังใส ๆ จนตอนนี้ รอยตีนกาเริ่มหนา 5555555555555555555 ต่อมาคือ พวกบรรดาแมวหนุ่มสาว ก็คือแม่แมวกับลูก ๆ ของมัน พวกนี้คือฉันเริ่มเลี้ยงตอนอายุ 29-30 ก็คือเมื่อไม่นานมานี้ เริ่มต้นที่ แม่แมว อายุ 7 ปี ฉันชอบเรียกมันว่า อีนางวาสนา 555555555555555555555555 เพราะตอนที่มันเป็นแมวจร พาลูก ๆ มา สภาพมันตอนนั้นคือผอมโซ แต่ตอนนี้ ผู้ดีมาก อ้วนมาก น่ารักมาก เป็นวาสนาแล้วที่ได้อยู่ 55555555555555555555555555 ต่อมาคือพวกลูก ๆ ของแม่แมว ริกะและแบ๊ว อายุ 6 ปี ลายเดียวกัน ลายสามสี แล้วก็ ทองเข้มและขาว อายุ 6 ปี ซนทั้งคู่ 5555555555555555555 แต่ทองเข้ม เขาซน แต่เขาไม่ดื้อ เขาใจดี แต่ขาว ซน ดื้อ ชอบหาเรื่องตัวอื่น ต่อไปคือ บุตะ อายุ 6 ปี น่ารัก ขาวชอบมาหาเรื่องบุตะอยู่เสมอเลย แต่บุตะก็ไม่ยอม บุตะก็สู้กลับ 55555555555555555555 ลูกทะเลาะกัน เราเป็นแม่ เราก็เซ็ง ต่อไปคือ ไวท์และจูเนียร์ อายุ 5 ปี สองตัวนี้ก็เช่นกัน ชอบเขม่นกัน แต่ยังดีที่พอห้าม แล้วยังฟัง พวกตัวผู้ ชอบทะเลาะกันประจำเลย และต่อไปคือ จัมโบ้กับตัวเล็ก อายุ 5 ปี ลายเดียวกัน แต่คนละเพศ และคนละไซส์ด้วย 5555555555555555555555 ครบแล้ว 12 ตัว ความสุขและความหวังที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉันในช่วงเวลานี้ ก็คือ"การที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกแมวทั้ง 12 ตัวนี้แหละ" นอกเหนือจากนั้น ฉันไม่มีความหมายอะไร และไม่มีค่าอะไรต่อสิ่งใด มีค่าให้กับแมว 12 ตัวของตัวเอง แค่นั้น ไม่น่าเชื่อเนอะ เป็นแค่หมา แค่แมว แต่กลับมอบความสุขให้กับฉันที่เป็นคนได้ 555555555555555555 มหัศจรรย์จริง ๆ สามารถเยียวยาความรู้สึกของฉันได้ พวกมันทำให้ฉันมีพลัง มีความเข้มแข็งที่จะอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ ถ้าไม่มีพวกมัน ที่ผ่านมาและในเวลานี้ โลกใบนี้ก็คงไม่มีฉันไปนานแล้ว ต้องขอบคุณพวกมันจริง ๆ เราต่างมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นความหมายของกันและกัน อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ นะลูก แม่รักพวกหนูมาก ก่อนไป แถมรูปยอดรัก ยอดดวงใจ 55555555555555555555555 สุดที่รัก สุดหัวใจ ขาดไปใจก็ขาด นั่นก็คือ ไจแอนท์ หมาแก่ของฉันนั่นเอง กลายร่างเป็นต้นมะลิไปซะแล้ว 5555555555555555555555 นอนในดิน เป็นปุ๋ยให้ต้นมะลิเจริญงอกงาม ส่งกลิ่นหอมให้แม่ชื่นใจ ความจริง ต้นมะลิในปัจจุบันคือใหญ่ สูงกว่านี้ นี่มันรูปเก่าแล้ว รูปปีที่แล้ว เพราะฉันขี้เกียจถ่าย 5555555555555555 พวกรูปแมวด้วย ก็คือรูปของปีที่แล้ว ต้นปี รูปตอนปัจจุบัน ขี้เกียจถ่าย เดี๋ยวเอาไว้ ฉีดวัคซีนเสร็จก่อน จะมาอัพเดทรูปใหม่ ๆ ให้นะ ไปล่ะ นี่แหละค่ะ ลูกชายอภิชาตบุตรของฉัน กลายร่างเป็นต้นมะลิ 5555555555555555555555 นี่ก็รูปเก่า สมัยที่พี่แอนท์ยังเป็นหนุ่ม หล่อเนอะ หล่อแค่ไหน ก็คิดดูแล้วกัน หมาตัวเมีย วิ่งมาหาถึงที่บ้าน มายืนมองหน้ารั้ว 55555555555555555 แต่ลูกชายฉัน บริสุทธิ์ เวอร์จิ้นมาก ลูกชายไม่สนใจเลย ลูกชายเกิดมา จนลาโลกไปแล้ว ลูกชายไม่เคยมีเมียเลย 555555555555555555555555 ทั้งที่ไม่เคยทำหมัน แต่ลูกชายก็กลับไม่เคยรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศ ลูกชายคือ อภิชาตบุตร ฉันอยากยกมือไหว้ลูกเลย 555555555555555555555 นิสัยก็ดีมาก เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย กินง่าย ว่านอนสอนง่าย ดีทุกอย่าง ดีหมดจด มีอย่างเดียวที่ไม่ดีคือ เกิดมาเป็นหมา แค่นั้น ถ้าเป็นคน เราคงจะได้อยู่ด้วยกันไปอีกนาน คงไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่ 15 ปีหรอก ลูกจ๋า แม่รักลูกนะครับ
เลี้ยงแมวได้เก่งมาก เราก็เพิ่งเริ่มเลี้ยงค่ะ ตัวโตสุดเพิ่งจะปีกว่าเอง
ตอนแรกอะนะ ว่าจะเลี้ยงแค่สองตัวแต่ไปๆมาๆงอกมาห้าตัวได้ไงก็ไม่รู้อ่า