Welcome to my blog
3 วัน 2 คืน ฟุกุโอกะ ประตูสู่เกาะคิวชู (ตอนที่ 1: วัดนันโซอิน+ห้างลาลาพอร์ต)


สถานที่ท่องเที่ยว : วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple), จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka), Japan
พิกัด GPS : 33° 37' 11.23" N 130° 34' 23.00" E

ในบรรดาประเทศต่างๆทั่วโลก คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ประเทศญี่ปุ่น (Japan) ถือเป็นจุดหมายปลายทางลำดับต้นๆที่คนไทยอยากไปเยือนมากที่สุด แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมานั้น ทำให้การเดินทางไปยังต่างประเทศ รวมทั้งประเทศญี่ปุ่นทำได้ยาก เพราะทางการรัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจปิดพรมแดน และปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ เป็นเวลามากกว่า 3 ปี จนมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ประเทศนี้ก็กลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ทริปญี่ปุ่นทริปแรกหลังโควิดของผมจึงเกิดขึ้นครับ

สำหรับในทริปนี้ ผมไม่ได้ไปเที่ยวที่เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างโตเกียว โอซาก้า หรือเกียวโต นะครับ แต่ผมเลือกที่จะไปยังเกาะทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เกาะนั้นมีชื่อว่า เกาะคิวชู (Kyushu)  ครับ โดยทริปนี้ผมเดินทางในช่วงระหว่างวันที่ 2-9 มกราคม 2566 รวมเป็นระยะเวลา 8 วัน 7 คืน โดยเราเที่ยวใน ภูมิภาคคิวชูเหนือ (Northern Kyushu) ใน 4 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ ฟุกุโอกะ (Fukuoka), นางาซากิ (Nagasaki), คุมาโมโต้ (Kumamoto) และ โออิตะ (Oita) ครับ โดยในบล็อกนี้ เราจะมาเริ่มต้นที่ฟุกุโอกะกันก่อนครับ


รู้จักกับเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City)

เมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka city) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะคิวชู และมีใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหกของญี่ปุ่น ที่นี่เป็นเมืองหลวงของ จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka Prefecture) และมีศูนย์กลางของเมืองอยู่ที่ สถานีรถไฟฮากาตะ (Hakata Train station) 

 

หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมชื่อสถานีรถไฟ กับชื่อเมืองถึงไม่เหมือนกันเหมือนกับเมืองอื่นๆของญี่ปุ่น เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปในอดีตครับ

จริงๆก่อนหน้านั้น บริเวณที่เป็นเมืองฟุกุโอกะในปัจจุบันประกอบไปด้วยเมืองใหญ่ 2 เมืองที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นนั่นก็คือ เมืองฟุกุโอกะ ซึ่งเป็นเมืองเอกของแคว้นที่มีซามูไรเป็นผู้ปกครอง ในขณะที่ เมืองฮากาตะ ก็ถือเป็นเมืองการค้าขนาดใหญ่บนเกาะคิวชู และมีพ่อค้าผู้ทรงอิทธิพลเป็นผู้ปกครอง ต่อมาในปี 1889 หลังจากเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ ระบบเจ้าผู้ครองแคว้นหรือไดเมียวได้ถูกยกเลิกไป และญี่ปุ่นมีการปฏิรูปการปกครองเป็นระบบจังหวัดต่างๆ จึงมีการรวมเอา 2 เมืองนี้เข้าไว้ด้วยกัน ปัญหาคือ เมืองนี้จะถูกเรียกว่าอะไรดี เพราะทั้งสองเมืองก็ถือเป็นเมืองใหญ่ ในตอนแรกสุด ก็มีการประชุมตกลงกันว่าจะใช้ชื่อเมืองว่า ฮากาตะ (เพราะศูนย์กลางการปกครองของเมืองอยู่ทางฝั่งนี้) แต่แล้วก็มีซามูไรกลุ่มหนึ่ง บุกเข้ามาในที่ประชุม และบังคับให้ใช้ชื่อเมืองว่าฟุกุโอกะ และก็มีการใช้ชื่อเมืองนี้มาจนถึงปัจจุบัน ส่วนชื่อฮากาตะนั้น จะเอาไว้ใช้เรียกย่านที่เป็นศูนย์กลางของเมืองฟุกุโอกะซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟในปัจจุบัน

การเดินทางภายในเมืองฟุกุโอกะค่อนข้างสะดวกครับ เพราะที่นี่มีทั้งรถเมล์ และระบบรถไฟใต้ดินซึ่งเชื่อมต่อไปยังศูนย์กลางของเมืองที่สถานีรถไฟฮากาตะ สำหรับระบบรถไฟใต้ดิน ปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 สาย แต่สายที่เราจะใช้ในการเดินทางเป็นหลักคือ สายสีส้ม หรือ Airport line ซึ่งจะวิ่งผ่านจุดสำคัญๆของเมืองอย่างสนามบิน ย่านฮากาตะ (Hakata), ย่านเทนจิน (Tenjin) รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของเมืองอีกหลายแห่งครับ นอกจากระบบรถไฟใต้ดินแล้ว เรายังสามารถเดินทางไปเที่ยวยังเมืองข้างเคียงภายในจังหวัดฟุกุโอกะได้ด้วยระบบรถไฟของ JR และระบบรถไฟเอกชน ซึ่งในทริปนี้ เราได้ใช้สำหรับการเดินทางไปยัง วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple), ห้าง LaLaport และ เมืองดาไซฟุ (Dazaifu)

แผนเที่ยว

วันที่หนึ่ง

  • ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานนานาชาติฟุกุโอกะ (Fukuoka International Airport) ด้วยสายการบิน Thai Air Asia เที่ยวบินที่ FD736
  • เช้า เดินทางถึงฟุกุโอกะ (Fukuoka) เดินทางไปยังโรงแรมด้วยรถไฟใต้ดิน
  • ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วไปเที่ยวที่วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple)
  • เย็น ไปเที่ยวที่ห้าง Lalaport / ชมกันดั้มยักษ์ที่ตั้งอยู่หน้าห้าง
วันที่สอง
  • นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองดาไซฟุ (Dazaifu)
  • เที่ยวศาลเจ้าดาไซฟุ (Dazaifu tenmangu shrine) และตะลุยกินที่ถนนคนเดินหน้าศาลเจ้า
  • กลับไปยังเมืองฟุกุโอกะ เดินเล่นเที่ยวชมวัดและศาลเจ้าต่างๆที่ย่านเมืองเก่ากิออน (Gion)

วันที่สาม

  • เดินทางออกจากเมืองฟุกุโอกะ เพื่อไปเที่ยวเมืองอื่นๆบนเกาะคิวชู 


ที่พักในเมืองฟุกุโอกะ

ในเมืองฟุกุโอกะ มีอยู่ 2 ย่านด้วยกันที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพัก นั่นก็คือ ย่านฮากาตะ (Hakata) และ ย่านเทนจิน (Tenjin) ครับ สำหรับย่านฮากาตะนั้น จะเหมาะกับคนที่ต้องการเที่ยวไปยังต่างเมือง เพราะใกล้สถานีรถไฟของ JR ทำให้เดินทางไปมาระหว่างเมืองค่อนข้างสะดวก ในขณะที่ย่านเทนจินจะเป็นย่านแหล่งช็อปปิ้ง เหมาะกับคนที่เป็นสายช็อป เพราะมีห้างสรรพสินค้าเพียบ (แต่ไม่ได้เยอะเท่าที่โตเกียวนะ)

สำหรับทริปนี้ ผมเลือกพักที่ย่านฮากาตะครับ เพราะผมไม่ใช่สายช็อป แล้วก็ต้องการเดินทางไปยังเมืองต่างๆด้วย ก็เลยต้องการเน้นเดินทางสะดวก

ทริปนี้ผมเลือกพักที่ Hotel WBF Grande Hakata เป็นโรงแรมตั้งอยู่ในเมืองฟุกุโอกะ ใกล้กับสถานี Hakata ในระยะที่เดินได้ (ประมาณ 800 เมตร) ข้อดีของที่นี่คือ ที่ตั้งโรงแรมที่ใกล้กับสถานีรถไฟ ทำให้ไปไหนมาไหนได้สะดวก หาของกินก็ง่าย ส่วนบริการอื่นๆก็ตามมาตรฐานญี่ปุ่นทั่วไป แต่ข้อเสียของที่นี่คือ ห้องค่อนข้างแคบตามสไตล์โรงแรมในญี่ปุ่นครับ

ราคาของโรงแรมนี้ตอนผมไป อยู่ที่ 2,831 บาทต่อคืน สำหรับห้องแบบ Twin bed (2 เตียง) ครับ พอหารออกมาต่อคนจะอยู่ที่ 1,415 บาทต่อคนต่อคืน โดยผมจองผ่านอโกด้าครับ

วันที่หนึ่ง

เริ่มต้นทริปในวันแรกกันครับ ทริปนี้เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง เพิ่มเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติฟุกุโอกะ (Fukuoka) บนเกาะคิวชู ด้วยสายการบิน Thai Air Asia เที่ยวบินที่ FD736 ครับ ข้อดีของเที่ยวบินนี้ก็คือ จะออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตอนดึก แล้วก็ไปถึงที่ฟุกุโอกะในตอนเช้า เราเลยสามารถเที่ยวได้ตั้งแต่วันแรก เป็นการประหยัดค่าโรงแรมไปได้ 1 คืน

รูทนี้จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงครับ ถือเป็นรูทที่ใช้เวลาเดินทางนานที่สุดของสายการบิน Thai Air Asia และจะทำการบินด้วยเครื่องบินแบบ Airbus A321 Neo ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางด้วยเที่ยวบินนี้ สามารถดูรีวิวได้จากคลิปนี้จากทาง HFLIGHT นะครับ เค้ารีวิวละเอียดดีมาก

เมื่อเราเดินทางไปถึงที่สนามบินฟุกุโอกะ จะมีเจ้าหน้าที่ของทางการญี่ปุ่นมาตรวจสอบการลงทะเบียนของเราในเว็บ Visit Japan ซึ่งถ้าเราลงทะเบียนครบถ้วนสมบูรณ์ เราจะได้ QR code 3 อัน เอาไว้โชว์กับเจ้าหน้าที่ 3 จุด ได้แก่ ด่านกักกันโรค, ด่านตรวจคนเข้าเมือง และ ด่านศุลกากร 

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทะเบียนในเว็บ Visit Japan สามารถดูได้ที่นี่ครับ https://travel.trueid.net/detail/VRe9z5JgbwMR

(สำหรับใครที่วางแผนจะเดินทางไปญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ไม่ต้องใช้หลักฐานการฉีดวัคซีนใดๆแล้วครับ พูดง่ายๆคือ ไม่ฉีดวัคซีนเลยก็เข้าญี่ปุ่นได้แล้ว แต่ยังคงต้องลงทะเบียนในเว็บ visit japan อยู่)

สนามบินฟุกุโอกะ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฟุกุโอกะเลยครับ โดยเราสามารถนั่งรถไฟใต้ดินหรือรถบัสของทางสนามบินเพื่อไปยังศูนย์กลางของเมืองที่ สถานีรถไฟฮากาตะ (Hakata Train station) ก็ได้ ราคาพอๆกันคือ อยู่ที่ 260 เยน (รถไฟใต้ดิน) และ 270 เยน (รถบัส) ครับ แต่ถ้าใครจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน จะต้องนั่งรถชัตเติ้ลบัสฟรีของทางสนามบินจากอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (International terminal) เพื่อไปยังสถานีรถไฟใต้ดินที่อยู่ใกล้ๆกับอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic terminal) ก่อน ซึ่งถ้าใครมีสัมภาระเยอะๆ อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ผมเลยแนะนำให้ขึ้นรถบัสดีกว่าครับ เพราะรถจะมารับเราที่ International Terminal เลย

หลังจากที่เราเอาของไปฝากไว้ที่ๆพัก เราก็ไปเที่ยวที่ วัดนันโซอิน (Nanzoin temple) จริงๆวัดนี้อยู่นอกเมืองฟุกุโอกะนะ วิธีการเดินทางคือ ต้องขึ้นรถไฟของ JR จากสถานีรถไฟฮากาตะ มาลงที่ สถานีรถไฟคิโดะ นันโซอินมาเอะ (Kido Nanzoin-mae station) ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ค่ารถไฟอยู่ที่ 380 เยน

จากสถานีรถไฟ เดินไปอีกนิดเดียวจะถึงตัววัดครับ วัดนี้เป็นวัดในศาสนาพุทธนิกายชินงอน ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน 88 วัดบนเส้นทางแสวงบุญของเกาะคิวชู จริงๆก่อนหน้านี้วัดนี้อยู่ที่ ภูเขาโคยะซัง (Koyasan) ที่จังหวัดวากายามะ (Wakayama) ในภูมิภาคคันไซ (Kansai) แต่ต่อมาในปี 1886 ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างศาสนาพุทธ กับศาสนาชินโต รวมทั้งความเชื่อดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น วัดจึงถูกขับไล่ให้มาตั้งอยู่บนเกาะคิวชูแทนมาจนถึงปัจจุบัน

ไฮไลท์ของวัดนี้ก็คือ พระนอน ครับ พระนอนองค์นี้สร้างขึ้นจากทองสำริด และถือเป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (ใหญ่เท่าเครื่องบิน Boeing 747)

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระองค์นี้ก็คือ ที่นี่มีความเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างประเทศพม่า กล่าวคือ ในอดีตวัดนี้ได้บริจาคสิ่งของต่างๆ ทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องเขียน และของใช้ต่างๆ ให้กับเด็กในประเทศพม่า และเพื่อเป็นการตอบแทน ทางการพม่าเลยส่งพระบรมสารีริกธาตุมาให้ กับทางวัด ทางวัดจึงมีการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้คือ เพื่อเป็นที่บรรจุของพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมานั่นเอง

ว่ากันว่า การมาขอพรที่วัดนี้จะทำให้เกิดโชคลาภครับ เพราะมีข่าวลือว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นด้วยเงินของเจ้าอาวาสที่ถูกหวยหลายครั้ง คนไทยหลายคนมาขอพรที่พระพุทธรูปองค์นี้ (ด้วยการลูบที่พระบาท หรือฝ่าเท้าขององค์พระ)

โดยส่วนตัว ผมชอบวัดนี้นะครับ เพราะบรรยากาศที่นี่เงียบสงบ (แม้ว่าวันที่ไปคนจะเยอะก็ตาม) นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีพวกรูปปั้น เทวรูป และศิลปะต่างๆ ที่ผสมผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ถือเป็นการเปิดทริปคิวชูที่เป็นสิริมงคลมากครับ











ในช่วงเย็นของทริปวันแรก เรามาเดินเล่นกันที่ ห้างลาลาพอร์ต (LaLa Port) จริงๆแล้ว ห้างลาลาพอร์ตมีอยู่หลายสาขาทั่วทั้งญี่ปุ่น แต่สาขาที่ฟุกุโอกะมีความโดดเด่นคือ จะมี กันดั้ม ขนาดใหญ่อยู่หน้าห้าง ซึ่งกันดั้มตัวนี้เป็นกันดั้มตัวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ป่น (ว่ากันว่าใหญ่เท่าตัวจริงเลย)



หลังจากดูกันดั้มเสร็จ เราก็เดินขึ้นมาที่ชั้น 3 ของห้าง ซึ่งจะมี Food court อยู่ มื้อนี้เราทานเป็นข้าวหน้าเนื้อ ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,200 เยนครับ

การเดินทางมายังห้างนี้ ให้นั่งรถไฟของ JR จากสถานีฮากาตะ มาลงที่ สถานีทาเกชิตะ (Takeshita) แล้วเดินต่อไปอีก 750 เมตรนะครับ

พอทานเสร็จ เราก็กลับโรงแรมไปเช็คอิน แล้วพักผ่อนเอาแรงสำหรับเที่ยวในวันรุ่งขึ้นครับ ริวิวในวันแรกของทริปฟุกุโอกะก็ขอจบเพียงเท่านี้นะครับ

บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง




Create Date : 06 มีนาคม 2566
Last Update : 3 พฤษภาคม 2567 22:12:33 น. 2 comments
Counter : 2866 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไวน์กับสายน้ำ


 
ชอบไปญี่ปุ่นครับ ดูสบาย ๆ บ้านเมืองสะอาด แม้ห้องพักจะแคบ
คือผมไปพัก รร.สามดาว 555 เวลาลากกระเป๋าไปเก็บข้างใน
ต้องเอียงข้าง.. ห้องน้ำเข้าไปแล้วไม่ต้องกลัวล้มมือยันสอง
ข้างได้สบาย

แต่ข้างบนห้องพักดูสบายกว้าง พอดูราคามิน่า แพง..

เจ้ากันตั้ม(ใช่เปล่า) ผมก็เดินแหงนดูครู่เดียวส่วนใหญ่ผมจะ
อยู่ในห้างใกล้ ๆ กันมากกว่าครับ.. จำชื่อเมืองไม่ค่อยได้ส่วนใหญ่
จะนอนที่ใหม่ทุกคน ยกเว้นมีซ้ำครั้งเดียวคงเป็นด้วยแถวนั้นมี
แหล่งเที่ยวมากแห่ง


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 7 มีนาคม 2566 เวลา:7:18:21 น.  

 
ที่พักของจริงก็แคบครับ พอญี่ปุ่นเปิดประเทศหลังโควิด ราคาโรงแรมก็แพงขึ้นเยอะเลยครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 23 เมษายน 2566 เวลา:22:11:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.