บันทึกหนึ่ง...ถึงเรื่อง 'หนังสือ'
ในช่วงที่วิกฤตการณ์ว้าวุ่นโกลาหลของบ้านเมืองกำลังดำเนินไปอย่างนี้.. ภาวะความเครียดของคนเรียนคนทำงานที่มีอยู่เดิมตามวิถีประจำวันก็เพิ่มปริมาณขึ้นไปอีกเป็นเท่าทวี สภาพอากาศที่ร้อนระอุพาหงุดหงิดรำคาญใจได้ง่ายๆอยู่แล้วก็กลับร้อนแรงแสบผิวยิ่งขึ้น ด้วยเพลิงกิเลสในใจของคนบางกลุ่มที่ไม่เพียงเกิดปะทุขึ้นในใจ... แต่ยังปล่อยให้มันเผาทำลายความดีงามในหัวใจตัวเองจนแทบไม่เหลือ และซ้ำร้ายไปกว่านั้น...ยังปล่อยเพลิงไฟนั้นลุกลามออกมาเผาทำลายชีวิตเพื่อนร่วมชาติสร้างความวุ่นวาย ลามปามไปทั่ว...ฉันเองก็ได้แต่ภาวนาว่าเรื่องราวร้ายๆเหล่านี้มันจะสงบลงในเร็ววัน... หันหน้าคุยกันดีๆ จับมือกันด้วยสันติ...ไม่ดีกว่าหรือไงนะ?
จากที่ฉันเองเคยเขียนเอาไว้ในบล็อกที่แล้วว่า... ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงสอบ summative ครั้งแรกของการเรียนปี ๓ และจะกลับมาเจอเพื่อนๆอีกครั้งเมื่อสอบเสร็จ ซึ่งตอนนี้ก็ครบกำหนดนั้นแล้ว... แต่ปรากฏว่าการสอบครั้งแรกของฉันยังไม่เสร็จสิ้นเลย ด้วยเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นซึ่งทำให้ ศอฉ.ออกมาประกาศให้สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์เป็นวันหยุดราชการ... การสอบวิชา 'เภสัชวิทยา' ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งรายวิชาก็เลยต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ฉันมีเวลาว่างเพิ่มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว และยังได้กลับมาอยู่บ้านต่างจังหวัดหลายวันเลย ก่อนหน้าที่จะกลับมา...ฉันได้มีโอกาสไปเดินเล่น 'ร้านหนังสือนายอินทร์' หลังจากที่ไม่ได้ไปมาพักใหญ่ๆ คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันไปเยือนสาขาฝั่งท่าพระจันทร์ แทนที่จะตรงไปยังร้านใต้ตึกพระศรีฯ ในรั้วศิริราชอย่างเคย... เหตุเพราะคุณเพื่อนสนิทเป็นคนชวนไปเดินเล่นกันฝั่งโน้น เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง และมีแผนไปหยิบสอยหนังสือมาไว้ในครอบครองสักเล่มสองเล่ม... สุดท้ายฉันก็เลยได้อะไรดีๆติดไม้ติดมือและหัวใจ กลับมาด้วยเหมือนกัน...
จิตใจที่ปั่นป่วน ตึงเครียดเล็กน้อย ทั้งจากเรื่องสอบ สถานการณ์บ้านเมือง อีกทั้งเรื่องหัวใจ...ในวันนั้น ทำให้ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในร้านหนังสือ...ก็สัมผัสได้ถึง 'ความสงบสุข' อวลอยู่รอบกาย ภายในร้านมีผู้คนอยู่ไม่มากนัก เปิดเพลงทำนองนุ่มๆคลอไปด้วย...ขับกล่อมจิตใจให้ชื่นบานขึ้นมา... ช่างเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ชวนพักพิง ช่วยชะลอจังหวะก้าวของชีวิตให้ช้าลง ...จริงๆ ฉันเริ่มสอดส่ายสายตาสำรวจ 'หนังสือ' หน้าใหม่ที่วางเรียงรายอยู่บนแผง... ไล่เรียงทำความรู้จักอย่าง 'ผิวเผิน' จาก 'ปก' หนังสือบางเล่มหน้าตาสวยเด่น สรรพคุณน่าสนใจ จนต้องหยิบจับมาดูนิดๆหน่อยๆ... แต่ใจก็ยังรู้สึกว่า 'ไม่ใช่' เพราะยังไม่มีอารมณ์อยากจะอ่านหนังสือแนวนั้นบางเล่มก็ได้แต่มองเล็งๆเอาไว้ เคยได้ยินชื่อมาหนาหู และคิดว่าอยากอ่านแต่ ณ ตอนนั้นยังไม่รู้สึกว่าอยากอ่านเป็นที่สุด บอกตัวเองว่าไว้มีโอกาสแล้วจะหามาอ่านดูก็แล้วกัน จึงเดินผ่านไป...พบและทำความรู้จักหนังสือเล่มอื่นๆ... จริงๆแล้ว...ฉันก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรชัดเจน... ไม่ได้เอารายชื่อหนังสือที่เคยอยากได้ติดตัวมาด้วย แต่การได้ไล่ทำความรู้จักหนังสืออย่างนี้ก็เป็นเรืองสนุก เหมือนอยู่ในโลกเล็กๆที่ฉันอยากจะท่องไปสำรวจไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น... เพื่อทำความรู้จักกับ 'เพื่อนใหม่' มากหน้าหลายตาบรรดาเพื่อนๆที่นี่...ล้วนดูจริงใจ น่าคบหา มากด้วยความรู้ ความบันเทิงที่พร้อมแบ่งปัน ถ้าฉันได้เลือกเพื่อนที่ดูน่าคบหา...มาทำความรู้จักเป็นการส่วนตัวอีกสักหน่อย ฉันเชื่อว่าฉันจะได้เพื่อนที่แสนดีเพิ่มขึ้นจากที่นี่อย่างไม่ยากเย็น เพื่อนที่ไว้ใจได้ ซื่อตรง และทำให้ฉันมองโลกกว้างขึ้น... นี่แหละนะ...ทำไมฉันถึงรัก 'หนังสือ' และชอบไปเดิน 'ร้านหนังสือ'
ฉันพบผลงานล่าสุดของคุณนิ้วกลม ที่ฉันสนใจอยากลองอ่านดู ('บุกคนสำคัญ') แต่ก็คิดว่าเพื่อนสนิทมีแล้วเดี๋ยวขอยืมมาอ่านเอาละกันนะ... เจอหนังสือ How to ในเรื่องของความรักที่น่าสนใจ แต่ก็นึกได้ว่า ฉันค่อนข้างรู้ดีในเรื่อง 'วิธีการ' อยู่แล้ว มากพอแล้ว และยังผ่านพ้นช่วงแห่งการแสวงหา 'คนที่ใช่' หรือจะเรียกว่าอยู่ในช่วง 'พัก' ก็ได้มั้ง... จากนั้นฉันก็ยังพบกับหนังสือชีวิตหมอหลายเล่ม ซึ่งเป็นแนวที่ฉันเคยอ่าน และค่อนข้างชอบ มันเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ฉันจะต้องเผชิญในวันข้างหน้า และก็รู้สึกอยากอ่านขึ้นมาช่วงนี้ แต่ก็กลัวอ่านเล่มที่เจอแล้วจะผิดหวัง...
หลังจากการเดินเปิดหูเปิดตา...เก็บรายละเอียดเพื่อนหน้าใหม่พักหนึ่ง... ผ่านเลยหนังสือที่เหมือนจะอยากได้แต่ยังไม่อยากซื้อเหล่านั้นไป, ฉันก็ได้พบเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่ง... มีชื่อว่า 'ความลับในความรัก (Conditions of Love : The Philosophy of Intimacy)' เป็นหนังสือปรัชญาความรัก งานแปลของ คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา จากงานเขียนของ John Armstrong คำโปรยของหนังสือมีว่า 'ถ้าความรักทำให้ตาบอด หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ตาสว่าง' จริงอยู่ฉันคิดมาอยู่แล้วว่า พอแล้วกับหนังสือรักๆประเภท How to หรือ สอนให้รู้จักความรัก แต่หนังสือแนว 'ปรัชญา' นั้นมันให้อะไรมากกว่านั้น...มันไม่เหมือนกันเสียทีเดียวหรอก... ฉันกำลังโหยหาอยากอ่านอะไรที่เป็นสัจธรรม ความจริง หรือทฤษฎีที่ถูกตั้งขึ้นแต่มีความหนักแน่นพอเพียง อยากทำความเข้าใจมูลเหตุต้นตอของกระบวนการทางด้านความรู้สึก จิตใจ และความรักอยู่พอดี... ที่สำคัญมันเป็นจังหวะที่ฉันอยากเขียนหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา ซึ่งต้องอาศัยที่ปรึกษาหรือแหล่งอ้างอิงที่ดี เพื่อมาวิเคราะห์ความรู้สึกจากประสบการณ์ของฉันที่ฉันกำลังจะใส่ลงไปงานเขียน เพื่อให้ทั้งตัวเองและคนอ่านเข้าใจถูกทางและชัดเจนยิ่งขึ้น... ฉันจึงลังเลอยู่เพียง 2-3 นาทีก่อนตัดสินใจฉวยคว้าหนังสือเล่มนี้เอาไว้ด้วยอาการ 'หลงเสน่ห์' เข้าแล้วมันเป็นหนังสือเล่มเดียวในวันนั้นที่ฉันคว้าติดตัวกลับมาด้วย
แม้ 'วันหยุดกะทันหัน' แบบนี้จะเป็นอะไรที่ฉันและใครๆก็ไม่เห็นด้วย แต่ก็นับเป็นจังหวะดีที่ฉันได้พักจิตพักใจและค่อยๆซึมซับความคิดจากเพื่อนใหม่ที่ฉันพาติดตัวกลับมาบ้าน... การอ่านหนังสือดีๆสักเล่มนี่มันทำให้ทั้งความสงบและความสุขแก่หัวใจจริงๆ นอกจากหนังสือเล่มดังกล่าวแล้ว กลับมาบ้าน...ฉันก็นึกขึ้นได้ว่ามีหนังสืออีกเล่มวางนอนรออยู่นานแล้ว'ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน' ...หนังสือของคุณ วินทร์ เลียววาริณ ที่คนสำคัญคนหนึ่งแนะนำให้อ่าน... ช่างเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองยามนี้เสียเหลือเกิน... มากไปกว่านั้น...แม่ยังได้ซื้อหนังสือไว้ให้ฉันสองเล่มทีเดียว เป็นหนังสือแนว How to สร้างกำลังใจและความสุขในความโสด ! 'เพื่อนใหม่' มากมายเสียขนาดนี้ ฉันเลยอดที่จะเขียนหัวข้อนี้ไม่ได้อย่างไรล่ะ... จะว่าไปแล้ว...การทำความรู้จักกับหนังสือต่างๆก็คงเหมือนกับการทำความรู้จักผู้คน... หลายครั้งที่มีคนนำหนังสือมาเปรียบเปรยกับความรัก... ว่าการจะเลือกใครสักคนมาคบก็เหมือนกับการเลือกหนังสือมาอ่านสักเล่ม เราจะมองมันที่ปก ที่ชื่อ หรือ ชื่อเสียง...ก็สุดแท้แต่เหตุผลและรสนิยมส่วนบุคคล แล้วเมื่อได้พบกันแล้วเราจะเปิดใจทำความรู้จักเนื้อแท้ข้างในของมันหรือเปล่า ก็ขึ้นกับทั้งความประทับใจ (อันมีเหตุผลบ้างไม่มีเหตุผลบ้าง) ทั้งจังหวะและโอกาส หรือแม้แต่เรื่องงบประมาณ ...ด้วยซ้ำไป และเมื่อวานนี้เองที่...ฉันได้ไปเจอคำถามบนกระทู้ออนไลน์แห่งหนึ่ง ถามว่า... "หนังสือก็เหมือนความรัก แล้วคุณจะเปรียบตัวคุณและคนที่คุณรักเหมือนหนังสืออะไร?" ฉันจึงขอนำคำตอบมาลงในนี้ด้วยเพื่อเป็นการปิดท้าย entry นี้ค่ะ...ฉันเปรียบตัวฉันเองเป็นหนังสือ...'ปรัชญาความรัก' นี่แหละ (แหมไม่ค่อยเลย)ปกนอกอาจจะดูเรียบๆ ไม่ดึงดูด น่าสนใจนัก แต่ก็อาจจะมีอะไรที่ดึงใครบางคนมาสนใจได้บ้างตามโอกาส หรือถ้ามีคนที่สนใจในทางเดียวกัน แนวเดียวกันก็คงจะเริ่มทำความรู้จักกันได้ไม่ยาก... ฉันออกจะให้ความสำคัญกับเรื่อง 'ความรัก', 'จิตใจ', และ 'ความสัมพันธ์' จึงครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้บ่อยพอสมครว ฉันชอบคิดอะไรล้ำลึก ลึกซึ้ง จนบางทีคนอื่นก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ชอบเรื่องราวที่เป็นคติมีแง่คิดกับชีวิต หรือเป็นบทสรุปจากประสบการณ์ชีวิต ซึ่งบางครั้งฉันก็ชอบพูดอะไรกินใจ สรุปความคิด ตั้งเงื่อนไขขึ้นมา แต่หลายทีอาจจะช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ดีเท่าที่พูดหรือบอกคนอื่นก็ได้... แม้จะมุ่งเน้นไปเรื่องความรักความสัมพันธ์กับผู้คน แต่ความคิดของฉันก็ต่อยอดไปถึงการดำเนินชีวิตด้านอื่นๆด้วย ชอบกล่าวถึงอะไรที่เป็นทั้งปรัชญา และมีสัจจธรรม อีกทั้งกำลังใจแฝงอยู่... นักอ่านจำนวนหนึ่งอาจจะไม่สนใจ ส่วนคนที่สนใจพอเปิดอ่านดูแล้วจะอ่านไม่ไหวจนต้องวางลง ด้วยความราบเรียบ เนิบนาบ ไม่ใคร่จะมีมุขเด็ดสอดแทรกอยู่ในหนังสืออย่างฉัน แถมมีความคิดจริงจังจนบางทีอาจจะน่าอึดอัดเข้าใจยาก... แต่ก็มีอะไรน่าค้นหาพอประมาณ มีความสดใส ความหวัง และจินตนาการ คนที่ถูกใจในรสเดียวกัน หรืออะไรแนวนี้เท่านั้นจึงจะอ่านอย่างมีความสุข และอ่านมันจนจบ... ส่วนคนที่ฉันรัก...ฉันไม่ขอพูดถึงในทีนี้นะคะ เพราะกำลังพยายามจะไม่รักแล้ว... แล้วคุณล่ะคะ...เปรียบเทียบตัวคุณเองเป็นหนังสือประเภทไหน?
ฝากของแถมทิ้งท้ายไว้อีกหนึ่งอย่างคือเพลง "ขอเป็นตัวเลือก" ของวงกะลานะคะ... พอดีว่าเพลงนี้เข้ากับ entry นี้ดีเหมือนกัน..."...ให้ความรักเป็นหนังสือ เพียงแค่เธอค่อยๆอ่าน ค้นหาใจของเธอ..."
สุดท้ายแล้วจริง, ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ ดูแลตัวเองดีๆ ดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัยนะคะ หวังว่าสิ่งชั่วร้ายและความรุนแรงทั้งหลายจะไม่สามารถทำอะไรคนดีๆได้ และสิ่งเหล่านั้นคงจะมลายหายไปจากประเทศเราในเร็ววัน... (ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตด้วยค่ะ)
Create Date : 20 พฤษภาคม 2553
9 comments
Last Update : 20 พฤษภาคม 2553 1:24:03 น.
Counter : 1880 Pageviews.
บางครั้ง ไม่ได้ซื้ออะไรมากมาย แต่ก็ชอบเดินดูค่ะ
เห็นหนังสือมากหน้าหลายตา แล้วมีความสุขมากๆๆ
แต่บางครั้ง ถ้าตั้งใจไปซื้อจริงๆ จะเอารายชื่อไปด้วย
ถ้าไม่มีเป้าหมาย กระเป๋าฉีกแน่นอน..ยิ่งบ้าซื้อหนังสือ
เพลงของกะลาเพลงนี้เพราะมากค่ะ..ช่วงเวลาหนึ่ง
ก็เคยชอบมากๆ เปิดฟังตลอดทั้งวันเลย..เสียงโดนใจด้วย
"หนังสือก็เหมือนความรัก แล้วคุณ
จะเปรียบตัวคุณและคนที่คุณรักเหมือนหนังสืออะไร?"
^
^
ว๊าก..ก..ตอบยากจัง