Group Blog
|
🍓 เล่าประสบการณ์ชีวิต T1D เบาหวานที่รัก - -❀ รีวิว : ❀- -❀- -❀- -❀ รีวิวชีวิต T1D อยู่กับเบาหวานยังไงให้เป็นสุข ❀- -❀- -❀- -❀ #T1D #เบาหวาน #Diabetes ︷εїз︷ (◕‿◕✿) - - - ✿ "My Life with T1D (Type 1 Diabetes)" ✿ - - - ![]() ของแพทจะเป็นสไตล์แบบญี่ปุ่นที่เขานิยมทำกัน คือการใช้ววิธีชั่งอาหารที่จะกิน ในบล๊อกนี้น้า ![]() https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pinkyprettypatty&month=01-04-2021&group=15&gblog=1 อ่ะมาเล่ากัน เท้าความนิดหน่อยว่า ![]() Type 1 Diabetes = เบาหวานชนิดที่ 1 ต้องพึ่งพาการฉีดอินซูลินตลอดชีวิต ![]() ![]() ฉันเป็นเมื่อไหร่ : วันที่ 19 มกราคม 2561 แล้วจะหายไหม : ไม่หายจ้า ต้องฉีดยา (อินซูลินนั่นแหล่ะ) ตลอดชีวิต นอกเสียแต่ว่า ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อยข้างสูง ชั้นไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น เกิดจากอะไร : ขนาดหมอที่ดูแลยังให้คำตอบไม่ได้เลย แต่เชื่อว่าตับอ่อน ย้ำว่า "ตับอ่อน" ถูกทำลายอย่างรุนแรง จึงทำให้ไม่สามารถผลิตอินซูลินเองได้ มันต่างจาก ชนิดที่ 2 ยังไง : ต่างตรงที่ชนิดที่ 2 ตับอ่อนสามารถผลิตอินซูลินมาใช้เองได้บ้าง จะไม่หนักเท่าชนิดที่ 1 ที่ชั้นเป็น ของชั้นนี่ ตับอ่อนนอนนิ่งไม่ไหวติงเลย 555 รู้สึกยังไงเมื่อรู้ว่าเป็น : งง + ตกใจเส้ ถามได้ 555 ตอนนี้จิตใจเป็นอย่างไรบ้าง : จิตใจดี มีกำลังใจ เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ใช้ธรรมะบำบัด ฟื้นฟูจิตใจ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่เรามอง ถ้าเรามัวแต่ย่ำอยู่กับที่ มันก็ออกจากวงจรเดิม ๆ ไม่ได้ ก็มาเริ่มต้นกันใหม่ ใส่ใจตัวเองมากขึ้น กินอาหารที่ดี รักตัวเอง ออกกำลังกายให้มากขึ้น อะไรคือสิ่งที่ให้กำลังใจ : คนในครอบครัวนะ แพทว่าสำคัญสุด ถ้าคนในครอบครัวอ่อนแอ ฟูมฟาย คนไข้จะยิ่ง Double ความเจ็บปวดทั้งกายและใจ โดยเฉพาะใจนี่แหล่ะ ยิ่งพ่อแม่มาร้องไห้ คนไข้นี่อาจจิตายได้เลย ไม่มีไม้หลักไว้ค้ำชูจิตใจ ดังนั้น หัวหน้าครอบครัวต้องเข้มแข็ง ให้กำลังใจ ปลอบใจพอ ไม่ต้องฟูมฟาย ตีโพยตีพาย โทษทุกสิ่งอัน เล่าเหตุการณ์ให้ฟังหน่อยจิ ว่ามันเกิด/รู้ได้ยังไงว่าเป็นเบาหวาน : ได้สิ มานั่งล้อมวงกัน ขอใช้คำที่อ่านง่ายๆ สไตล์วัยรุ่นยุคนี้นะ ใช้คำแบบทางการอ่านแล้วไม่มันส์ ไม่อิน ประสบการณ์การอยู่ห้องฉุกเฉินของชั้น มีอยู่ว่า ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() "นี่หมอเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า น่าจะเกิดจากอาหารเป็นพิษนะคะ ไม่น่าใช่เบาหวาน ตอนนั้นมีข่าวเรื่องอาหารทะเลเป็นพิษ ทำไมไม่ใช่อาหารเป็นพิษล่ะ" สารพัดอ้างและมโนไปแบบสับสนในชีวิต หมอก็สั่งให้น้ำเกลือ เข็มเจาะเต็มไปหมดทั้งแขน แล้วยกป้ายงดอาหารตัวโตให้ "ห้ามกินนะครับ นมเปรี้ยวนี่ก็กินอีกไม่ได้ งดอาหารด่วน" นางพยาบาลเดินมาพร้อมสายสวนปัสสาวะ เพราะเราเดินเซๆไปเข้าห้องน้ำตลอดเวลา แล้วหมอก็เดินหายไปในซอกหลืบแห่งความเค้วงคว้างงง ... ... ![]() ![]() หลังจากนั้นก็อยู่ตรงนั้น อยู่ห้องรวมฉุกเฉินแบบนั้นเฝ้าดูอาการไปอีก 2 วัน เพราะไม่มีห้องแยกให้อยู่ ก็มีนางพยาบาลมาเช็ดตัว เปลี่ยนชุด ทาแป้งให้ทุกเช้า ชุดโรงพยาบาลบางมาก เป็นชุดสีฟ้าแบบผูก ๆ ข้างหน้า ด้วยความที่เขาให้น้ำเกลือ เลยไม่ได้กินข้าวตามปกติ ![]() ![]() ![]() เริ่มเบื่อ วันวันก็เกาะที่กั้นข้างเตียงห้อยหัวลงมา ก้มมองถุงฉี่อุ่น ๆ ของตัวเองว่าเมื่อไหร่มันจะเต็มน๊า (ว่างแหล่ะดูออก) อยู่ไปสัก 3-4 วันเริ่มเห้ยปวดฉี่ ทำไมฉี่ไม่ออก ไม่ลงถุง เหมือนจะมีตะกอนตรงสายฉี่ มันอาจจะอุดตันก็ได้ ก็อดทนไปดูก่อน เพราะนางพยาบาลไม่ให้ลุกออกไปเข้าห้องน้ำ เขาต้องให้กินน้ำที่ตวงไว้ให้ได้ตามที่วัด เพื่อจะได้ดูการทำงานของไตด้วย แต่สุดท้ายแล้ว หมอก็ให้ถอดสายฉี่ออก เพราะมันเริ่มจะมีเลือดออกมาปนกับฉี่แล้ว อะไรแบบนี้เราก้ต้องสังเกตตัวเราเองด้วย มีอะไรก็แจ้งพยาบาลไป เลยมีโอกาสได้เดินไปฉี่อย่างมนุษย์ปกติแล้วล่ะน้า ![]() และเราก็เริ่มสังเกตการทำงานของพี่หมอและพยาบาล (ไม่ได้จะอะไรนะ แค่ว่างเฉย ๆ) การวัดไข้วัดความดัน ว่าวัดทุกกี่ชั่วโมง พี่พยาบาลเดินมาปลุกตอนตี 4 มาวัดไข้วัดความดัน ในทุก ๆ วันพี่พยาบาลจะฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าไปในเข็มที่ถูกเจาะและฝังคาไว้ที่ข้อมือ มันเจ็บแสบมาก ปวดทุกเช้า ใครเขามาทำอะไรกับเราตอนไหนก็จดไว้หมด เจาะเลือดปลายนิ้วทุกครั้งก็จะถามพี่ ๆ เขาตลอดว่าได้เท่าไหร่ พี่หมอมาประมาณ 10 โมง หมอหล่อมาก ๆ แอบปลื้มอยู่เงียบ ๆ ในซอกเตียงเล็ก ๆ ก็แอ๊บไปถามเค้าว่า ค่าเลือดควรได้เท่าไหร่คะพี่หมอ แล้วทำไมมันไม่เห็นจะเท่ากันทุกมื้อ ทำไมบางวันมันก็สูง 200 กว่า บางวันก็ต่ำ 40 ก็มี แต่ถ้าค่าเลือดต่ำมาก ๆ จะรู้สึกเวียนหัว เหงื่อแตกอย่างไร้สาเหตุ อยู่ ๆ หน้ามืด เป็นต้น ค่าเลือดควรอยู่ที่ 90 - 150 (สำหรับคนเป็นเบาหวานอ่านะ) วันไหนต่ำพี่พยาบาลก็จะใจดีชงน้ำแดงมาให้กิน แอร๊ย... อยากน้ำตาลตกบ่อย ๆ จัง จะได้กินน้ำหวานด้วย (ในใจคิดแบบนั้นนะ ณ ตอนนั้น) ![]() เขาก็เริ่มฉีดอินซูลินให้ เจ็บมากกกกกก ฉีดที่พุงเราทางฝั่งขวา จำได้แม่นเพราะ ฉีดด้วยไซลิงค์ปลอกสีส้ม (เข็มใหญ่ที่สุดและในตอนนั้น) บางวันโชคร้ายได้พี่บุรุษพยาบาลฉีดอินซูลินให้ก็จะเจ็บหน่อย เราไม่เข้าใจ ทำไมต้องฉีด แล้วจะต้องฉีดแบบนี้ไปอีกนานไหม มันเจ็บตลอดเวลา ทำไมเขาต้องฉีดหลังอาหาร ทำไมต้องเจาะปลายนิ้วมือ เจาะทุกทีก็สะดุ้งเจ็บทุกที มีหลาย ๆ คำถามที่สงสัยในหัว เขาจะเปิดให้ญาติมาเยี่ยมผู้ป่วยได้ 3 เวลาเท่านั้น คือ รอบ 6 - 7 โมงเช้า เที่ยว - บ่ายโมง และอีกทีก็ 6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม แม่กลับบ้านไปเตรียมผ้าห่ม ชุดกันหนาว ถุงเท้า กางเกงวอร์มขายาวมาเพิ่ม และมีพวงมาลัยติดมาด้วย ทุกเช้าแม่จะมาเยี่ยมพร้อมทั้งอาหารติดมือมาเล็ก ๆน้อย ๆ ชั้นยอมรับว่ากินอาหารโรงพยาบาลไม่ได้เลย หมอจำกัดให้กินแค่ข้าวต้มทุกมื้อ ย้ำว่าทุกมื้อ มันก็ช่างน่าอนาจใจที่ตอนนั้นชั้นไปขอข้าวคนป่วยโรคไตเตียงข้างๆมากิน เพราะเราหิวมาก อาหารแค่ข้าวต้มนั้นไม่เพียงพอ ปกติเราใช้พลังงานเยอะมาก กินก็ต้องเบิ้ลตัลหลอดดด แต่ก็เพื่อเอาตัวรอดจริง ๆ ก็มิควรทำอ่านะ ภาพซ้ายเป็นน้ำเกลือไว้ล้างหลอดที่คาไว้บนมือสำหรับฉีดยาฆ่าเชื้อ ยาฆ่าเชื้อหลอดกลาง สำหรับชั้นนี้มันเยอะและใหญ่มากกฉีดที่หลังมือ (เขาคาเข็มไว้) หลอดขวา คือ ไซลิงค์สำหรับฉีดอินซูลินที่พุง อันนี้ขออนุญาตพี่พยาบาลถ่ายรูปแล้วไว้เป็นวิทยาทาน เพราะเราเองก็ไม่รุ้ว่ามันมีอะไรบ้าง เริ่มต้นจากศูนย์เลยจริง ๆ ![]() อยู่ที่นี่มา 5 วันและก็เริ่มเบื่อ ๆ จากคนที่แข็งแรงเดินทนทาน พลังเยอะ ออกกำลังกายหนักๆ อยู่ ๆ ให้มานอนติดเตียง ก็จะเฉา ๆ ซึม ๆ ไป เพราะห้ามลงจากเตียง พี่พยาบาลกลัวล้มหัวฟาดไปจะงานเข้า ไหนจะสายน้ำเกลือ ไหนจะสายฉี่ ก็แทบจะขยับตัวไม่ได้ แต่ก็นะ ด้วยความซนก็เลยค่อย ๆ เดินไปที่เคานเตอร์พี่พยาบาล อยู่ตรงข้ามเตียง 5 ก้าว 3 ทุ่มในคืนนั้น "พี่คะพี่คะ ... หนูขอกระดาษรียูสที่ไม่ใช้แล้วสักแผ่นกับปากกาสักแท่งได้ไหมคะ" ดีใจที่พี่เขาก็มีให้ด้วย และก็เดินลากอุปกรณ์ทั้งหลายกลับมาทำตาโต ๆ ที่เตียงตัวเองอย่างมีความสุข บรรจงพับครึ่งกระดาษ เพราะกลัวกระดาษหมด ค่อย ๆ เริ่มจดข้อมูลไป (มือซ้ายยังมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด) ใช้มือข้างขวาเขียนได้อย่างเดียว เราก็เปลี่ยนจากการสังเกตพฤติกรรมพยาบาลเป็นการจดข้อมูลแทน (เริ่มมีอะไรทำและ) ก็จดว่าเจาะค่าเลือดได้เท่าไหร่ วัน ๆ นึง เจาะ 4 ครั้ง คือ 05.00 , 11.00 , 14.00 และ 20.00 น. อาจจะไม่เป๊ะทุกครั้งนะ แต่เฉลี่ยแล้วเจาะเลือดเวลาประมาณนี้ อาหารเป็นอาหารที่โรงพยาบาลจัดให้ เลือกไม่ได้ กินวันละ 3 เวลา คือ 05.00 , 11.50 และ 18.00 น. เวลาการเสริฟ์อาหารนี่ช่างเป็นเวลาที่รอคอยมาก ๆ ใจจดใจจ่อ เพราะหิว (กินแต่ข้าวต้มกับเครื่องเคียง) ![]() หมอเริ่มมาดูแผลที่ให้น้ำเกลือและตัดสินใจเปลี่ยนฝั่งมือ เพราะผิวตรงที่มีรอยเจาะ เริ่มคัน ๆ บวม ๆ แล้ว เจาะให้ยาฆ่าเชื้อ (ให้ทุกเช้า เพราะในโรงพยาบาลมีแต่เชื้อโรค กลัวเราจะติดเชื้อในกระแสเลือด พี่พยาบาลเขาอธิบายมางั้นนะ) แพทก็พยายามจด ลายมืออย่าถาม จดว่าฉี่ไปกี่ครั้ง ก็ขีด ๆ ไว้ เขียนทีก็เจ็บที ก็ฝืน ๆ เขียนไป เป็นคนที่ชอบจดชอบวาด ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อยู่ห้อง ER จะต้องควบคุมอาหารตามที่เขียนไว้ เขาบังคับให้กินอาหารอ่อน (ข้าวต้มทุกมื้อ) จำกัด 1500 แคลต่อวัน น้ำหนักลดลงฮวบๆ เลย ถามว่าหิวไหมก็หิวแหล่ะ จากคนกินเยอะ แข็งแรง เลยรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ ![]() หันซ้ายแลขวา เตียงข้างๆ ทำไมเขากินไม่หมดนะ แอบเสียดาย เลยเดินไปขอเขากินต่อ แห่ะๆ ทำไมชั้นเป็นคนแบบนี้ แอร๊ย บางวันก็มีผลไม้ ก็แอบซุกๆไว้ กินตอนกลางคืน จะได้ประทังความหิวได้บ้าง หมอจะได้ไม่ว่า ว่ากินอาหารนอกโรงพยาบาย นี่คืออาหารในโรงพยาบาลของแท้ทรูนะจ๊ะ แค่แบ่งกินเอา ในบางวันที่น้ำตาลตกองุ่นนี่แหล่ะพอจะช่วยเราได้บ้าง วันไหนหนักๆ ก็จะเรียกพี่พยาบาลมาเจาะเลือกปลายนิ้วให้ ถ้าค่ามันต่ำมาก พี่เขาก็จะชงน้ำแดงให้กิน ก็จะเป็นแบบนี้วนๆ ไป ตอนแรกๆ เราก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าทำไมต้องเจ็บตัวตลอดเวลาที่อาหารต้องเข้าปาก ดีไม่ดี อาจจะต้องเจาะหลังอาหารด้วย (2 ชั่วโมงหลังอาหาร) เพื่อวัดค่าน้ำตาลในเลือด มันเป็นความเจ็บที่บอกไม่ถูกเจ็บแบบสะดุ้งๆ อ่ะ บางคนก็เจาะไม่เจ็บบางคนนี่ปวดเลย เหมือนถูกหนามตำตลอดเวลา (พยายามบรรยายความรู้สึกไม่รู้คนอื่นเป็นแบบเราไหม) อาหารที่โรงพยาบาลนี่จัดสวยงาม เป็นถาดหลุม แต่การให้กินข้าวตอนตี 5 นี่ทรมานที่สุดและ ความรู้สึกเราอ่านะ มันกลืนไม่ลง แต่ก็เข้าใจแหล่ะว่าพยาบาลต้องเปลี่ยนกะเปลี่ยนเวร คนป่วยเลยต้องมากินแต่เช้า เขาจะได้ปิดจ๊อบกลับบ้านกันได้ บางวันแม่ก็แอบทำซุบร้อนๆมาเสริมให้ด้วย ไม่ใส่น้ำตาลเลย ![]() เราก็ถามหมอว่า เราจะหายไหม เราจะต้องอยู่ในสภาพนี้อีกนานไหม เราอยากออกไปทำงาน อยากออกไปเจอเพื่อน เราต้องติดอยู่ในห้องฉุกเฉินอีกกี่วัน ซึ่งพี่หมอก็บอกว่า เขาเองก็ไม่รู้หรอกนะว่า จะหายไหม หรือสาเหตุมาจากอะไร ขั้นแรกต้องขอตรวจสอบดูก่อนว่า เรานี่เป็นเบาหวานประเภทไหน ห๊ะ!! เบาหวานมีประเภทด้วยหร๋อ แล้วมันมีกี่ประเภทอ่า แล้วเราเป็นแบบไหน เท่าที่จับใจความได้ หมอหล่อ ๆ ก็พยายามอธิบาย ด้วยภาษาหมอ เราก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จับประเด็นได้ว่า เบาหวานมี 2 ประเภท คือ แบบที่น่าจะหายได้ และแบบที่ ไม่มีวันหายได้ เอ๊าาา อะไรยังไง จิตตก งง แพร๊บ เบาหวานชนิดที่ 1 (T1D) : ตับอ่อน ไม่ทำงาน แล้ว ไม่สามารถผลิตอินซูลินเองได้แล้ว ต้องพึ่งการฉีดยา เท่าที่ผ่านมาคนเป็นเบาหวานประเภทนี้ต้องฉีดยา/หรือ/อินซูลินนั่นล่ะ ฉีดตลอดชีวิต เบาหวานชนิดที่ 2 (T2D) : ตับอ่อน พอที่จะผลิตอินซูลินได้บ้าง หมอเลยให้กินยาเม็ด ๆ เราก็ถามพี่หมอว่า กินยาเม็ดดีกว่าการฉีดไหมอ่า : พี่หมอบอกว่าฉีดจะดีกว่าแบบกิน เพราะจะตกค้างและมีผลกระทบในระยะยาวอาจมีโรคอื่นร่วมด้วย เราควรกินยาจีนหรือวิตามินอะไรเพิ่มไหม : พี่หมอบอกว่า อยากให้รักษาด้วยวิธีของหมอแบบแพทย์แผนปัจจุบันไปก่อน ยา/สมุนไพรบางตัวเราอาจจะแพ้ / กินไม่ถูกวิธีอาจจะทำให้แย่ได้ ![]() ชั้นมาอยู่ที่นี่สักระยะแล้ว เริ่มคันหัวมาก ๆ ด้วยสายที่เจาะระโยงรถยาง แม่เลยต้องมาสระผมให้ สงสารนางมากต้องนั่งรถเทียวไปเทียวมาหามาเยี่ยมทุกวัน และตอนนี้ก็มาสระผมให้ทุรักทุเรเปียกไปหมด เพราะต้องห้อยหัวลงแล้วสระ (รพ.ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นแล้วน้ำคือแบบหนาวมากก ๆ) ไม่ได้สระผมมาเกือบจะอาทิตย์แล้ว คือยังไงก็ต้องสระให้ได้ แล้วออกจากห้องฉุกเฉินไม่ได้ด้วย สระเสร็จแม่ก็มานั่งสางผมให้ และก็ถักเปียสองข้าง ใส่เสื้อกันหนาวอุ่น ๆ ที่เตรียมมาให้ ถุงเท้านุ่ม ๆ หลับสบายกับผ้าปิดตาฟู ๆ ขน ๆ สีชมพู 555 เลยทำให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วใครจะมาดีเท่าคนครอบครัว ใครจะดีที่สุดกับเราในวันที่เราล้มเจ็บ ซุปไก่ที่แม่ต้มเคี่ยวมาตั้งกะตีสี่ แล้วใส่กระติกมาให้ทุกเช้าคือทำด้วยใจจริงๆ กลัวลูกหิว อย่างน้อยก็กินรองท้องไปก่อนได้ ถึงแม้ว่าจะเยี่ยมได้ครั้งละ 1 ชั่วโมงแต่ก็เป็นชั่วโมงที่มีค่าที่สุดเลยนะ ![]() วันที่ 6 ที่อยู่โรงพยาบาลก็เริ่มเบื่อและก็เริ่มวาดรูปเท่าที่จะทำได้ นั่นคือ อิชั้นเอง นั่งบนเตียง กลางห้อง กลางคืนของคืนหนึ่ง...เราหลับก็ฝันเห็นเทวดาหน้าตาดี มายืนตรงนั้นแหล่ะตามภาพด้านล่าง ตัดผมสั่น ๆ เกรียน ๆ เลย แต่ดูผ่องใส ไม่น่ากลัว มีแสงสีทองรอบ ๆ ตื่นมาเราก็ไม่ได้อะไรนะ ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร ก็เลยแค่อยากเก็บความทรงจำกับฟีลลิ่งนี้เอาไว้ เลยวาดรูปใส่มือถืออีกมือก็เจาะเข็มคาไว้แบบนั้นเลยเรียกตัวเองว่า ศิลปินมือเดียว อยู่ที่นี่ไม่ค่อยจะมีเพื่อน ไม่มีใครคุยกับใครกันนัก บางคนก็นอนทั้งวัน บางคนก็ฟอกไตอยู่ข้างเตียงของชั้นทั้งซ้ายขวา เห็นพี่พยาบาลลากถุงเปลี่ยนน้ำล้างไตไปมา กองเต็มไปหมด บางเตียงก็มีญาติมาเยี่ยมซื้อองุ่นลูกใหญ่ ๆ มาเต็มเลย แอบอยากกิน เตียงเกือบท้ายซอยนู๊นน ถูกเข็นเข้ามากลางดึกคืนหนึ่ง เหมือนจะมาด้วยปัญหาเกี่ยวกับโรคทางหัวใจ นางก็บ่น ๆ เรื่องหมอนสูงไปต่ำไป นางพยาบาลก็เอาใจไม่ถูก แกคงปวดอะไรสักอย่าง ตกดึกในคืนนั้นประมาณตี 2-3 เราก็กึ่งหลับกึ่งตื่น อ้าว ทำไมแกถูกเข็นมาไว้ตรงปลายเท้าอิชั้นละ พยาบาลมุงดูกันใหญ่ เราก็เลยลุกมาเผือกกะเค้าด้วย เหมือนแกจะช๊อคไป แล้วก็ถูกเข็นไปห้องฉุกเฉิน แล้ว..แกก็ไม่กลับมาห้องนี้อีกเลย .. อีกทีก็มาญาติใส่ชุดดำมาเซ็นเอกสาร เก็บของแล้วก็จากไปอย่างเงียบ ๆ เออ ชีวิตเราก็แค่นี้เน่อะ ผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ไปต่อ เลยมาประติดประต่อเรื่องความฝัน เทวดาคนนั้นคงมาดูและรอรับคนเตียงนั้นอยู่ล่ะมั๊ง แหม๋ แล้วเตียงอิชั้นก็ดันมาอยู่แถวทางสามแพร่งอีก บางเตียงก็ถูกญาติเอามาทิ้ง (แบบนี้ก็มีด้วย) คือ เดินไปเข้าห้องน้ำทีก็จะเห็นแต่ละเตียงดูซึมดูโทรม เตียงตรงข้ามก็เป็นไข้หวัดใหญ่มา หมอก็ต้องมาฉีดยาฆ่าเชื้อให้ทุกคนทั้งห้องทุกวัน กลัวจะติดกัน ![]() อีกสิ่งที่สำคัญ คือ พระเครื่อง ที่เราหลับได้อย่างสบายใจก็คงเพราะพระนี่แหล่ะนะ วางไว้บนหัวเตียงก็อุ่นใจดี บริจาคให้กับโรงพยาบาลแล้วเขาก็มีพระให้ เราไม่ใช่คนกลัวอะไรง่าย ๆ แต่ก็ไม่หลบหลู่ เราก็เชื่อแหล่ะว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่มีจริง ก็อยุ่ร่วมกันอย่างสันติวิธีโน๊ะ ฮ่าๆๆๆ ![]() อีกสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับชั้น คือ สิ่งนี้ก่อนที่โรงพยาบาลจะยอมปล่อยอิชั้นคืนสู่สังคมมนุษย์ปกติ พี่หมอบอกว่า จะต้องอยู่ให้ได้ถ้าไม่มีคนดูแล ดังนั้น คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเองนะจ๊ะ อิชั้นถูกส่งไปเรียนรู้ด้านการฉีดยาให้ตัวเอง วิธีการใช้เข็ม การกินอาหาร หมอบอกว่าอาหารก็ต้องไปเรียนนับขาบนะ ห๊ะ อะไรนะ ? อะไรคือ นับขาบ นับตะขาบหร๋อ หรืออะไร น้องงง 555 คือ หมอก็ไม่มาอธิบายอย่างที่เล่าไปตอนแรก ๆ มีอะไรก็ต้องไปศึกษาเอาเอง การนับขาบ (จริงๆ มันน่าจะเขียนว่าการนับ คาร์บนะ แต่เขาออกเสียงกันแปลก ๆ ว่าขาบ คาร์บก็คือ คาร์โบไฮเดรต แหล่ะ อาหารที่เรากินเข้าไปจะมีคาร์บ (ขอใช้คำนี้และกันนะ) พี่หมอเตรียมสั่งของเซทใหญ่ใส่กระติกมาให้เลย อันนี้คือ อิชั้นเบิกได้ เลยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มีปากกาฉีดยาแบบออโต้รุ่นใหม่ล่าสุดสีน้ำเงิน มันคืออะไรอ่า ปากกาฉีดยา คือ ทุกสิ่งแปลกใหม่สำหรับชั้นมาก ยังกะไปเรียนอยู่ฮอกวอส์ด ที่เค้ามีไม้คฑาเสกได้ อันนี้ก็เสกให้น้ำตาลลงได้นะ 555 ยา/อินซูลินต้องเก็บในความเย็น หมอเลยให้ยืมกระติกมาก่อน ![]() พร้อมออกเดินทางไปเรียนนับคาร์บกันค่ะ คนที่สอนเป็นนักโภชนาการประจำโรงพยาบาล เอาพุงปลอมมาสอนด้วย สอนใช้เข็มฉีดยา (แต่ยังไม่ทำจริงนะเป็นภาคทฤษฎี) การกินอาหารต้องกินให้ครบ 5 หมู่โดยเน้นกินผักและโปรตีนที่ดี ไขมันที่ดี ควรลดน้ำตาล คาร์บ/Carb/Carbohydrate คือ แป้งและน้ำตาล (กินแป้งมาสุดท้ายแล้วแป้งก็จะกลายเป็นน้ำตาลอยู่ดี) ตับอ่อนเรามีปัญหาคือ ไม่สามารถผลิตอินซูลินเองได้เลย เรียกชาวเราว่าชาว T1D : Type 1 Diabetes ดังนั้น การควบคุมน้ำตาลให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมคือ สิ่งที่ควรปฏิบัติ และฉีดอินซูลินให้เหมาะสมกับร่างกายให้มันสัมพันธ์กับอาหาร ![]() ฉีดอินซูลินตามภาพที่ขึ้นไว้ให้ด้านบนเลยนะ หลังจากที่เราเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนั้น เกือบครึ่งเดือน หมอก็ยอมปล่อยแพทกลับคืนสู่สังคม เนื่องจากสามารถอยู่เองได้โดยพึ่งยา/อินซูลินแบบฉีด สามารถฉีดยาได้เองแล้ว ภาวะทางจิตปกติดีไม่ซึมเศร้า มีกำลังใจดีมากจนล้นเลยแหล่ะ ก็โชคดีที่มีคนรู้จักให้เบอร์ติดต่อพี่พยาบาลที่โรงพยาบาลรัฐแห่งนึงมา เลยได้มีโอกาสไปเรียนนับคาร์บและเริ่มมารักษาที่โรงพยาบาลนี้ ก็มีเข้าชมรมผู้ป่วยเบาหวานสำหรับคนโตด้วย มีเข้าค่ายทำกิจกรรมกลุ่มผู้เป็นเบาหวาน เป็นประโยชน์มาก แล้วเราเองก้ชอบไปช่วยเหลือคนป่วยที่โปรเจ็คนี้ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนไดอารี่ที่คุณกำลังอ่านอยู่นี่แหล่ะ เผื่อช่วยเหลือ และมาให้กำลังใจ ลดอัตราการเสียชีวิตจากอาการเบาหวาน เทคนิคการดูแลสุขภาพต่าง ๆ เท่าที่เราพอจะช่วยได้ เรื่องมันยาวมากๆ เลย อ่านไปก่อนนะ เด่วจะค่อยๆ พัฒนาและแบ่งหัวข้อการเขียนให้น่าสนใจมากขึ้น) ![]() ภาพบนเป็นวิธีการฉีดอินซูลิน วิธีหยิบหนังพร้อมไขมันขึ้นมา แบบนี้ฉีดจะไม่มีเลือดออกมาและไม่ค่อยเจ็บ อินซูลินที่เราใช้ มี 2 แบบ (สำหรับที่เราใช้นะตามที่เขาสอนมา) คือ แบบระยะสั้น และ ระยะยาว (จริง ๆ มันมีหลายตัวแหล่ะ มีแบบผสมผสาน ออกฤทธิ์ช้า/เร็ว สาระพัดแบบเลย) แต่ ณ ที่นี้ แพทจะบอกง่าย ๆ แค่ 2 แบบไปก่อนสำหรับชาว T1D มือใหม่หัดขับ อินซูลินที่ "แพท" ใช้มีกี่ประเภท เราใช้ 2 แบบจ้า ระยะสั้น (เราใช้ NoVoRapid) ออกฤทธิ์ระยะสั้น ใช้สำหรับฉีดหลังอาหาร ต้องนับมื้ออาหารให้เป้นก่อน มีในชมรมเบาหวาน คลีนิคคาร์บ ลอง Search หาดูได้ เด่วเราอาจจะแปะ ๆ ข้อมูลไว้ให้ในนี้ ระยะยาว (เราใช้ Toujeo) ออกฤทธิ์ระยะยาว 24 ชั่วโมง เป็นอินซูลินพื้นฐาน ห้ามขาดยาตัวนี้ ถึงแม้ว่าจะถูกสั่งให้อดอาหาร แต่ยาตัวนี้ต้องฉีดทุกครั้งอย่าได้ขาด อันนี้คือข้อสำคัญและต้องจำไว้เสมอนะ บอกพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย เพราะ หมอบางท่านไม่ได้จบมาทางสายเบาหวานก็จะไม่รู้ในจุดนี้ ![]() อันนี้วาดระหว่างนอนเบื่อ ๆ ที่โรงพยาบาล ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ไป ทำไมถึงเรียกว่าเบาหวาน ชื่อมันส่อๆ ไปทางกินของหวานเยอะใช่ไหม จริง ๆ แล้วคือไม่ใช่ เบาหวานมีมานานตั้งแต่ยุคอียิปต์นู่น ฉี่มาแล้วมดมาตอม เลยเรียกว่า เบาหวาน (ทำให้คนเข้าใจผิดว่า คนเป็นโรคนี้จะกินน้ำตาลไม่ได้เลย) แต่มันคือ ภาวะตับอ่อนมีปัญหา ถ้าจะเรียกให้มันสื่อถึงอาการอ่านะ ก็ไปหาข้อมูลอ่านเอาเองบ้าง ฟัง ๆ เขาบ้างมาจดลงสมุดของตัวเอง ศึกษาเอง (ปล.เราไม่ใช่หมอ/พยาบาลนะ แต่เรียนรู้เอาเอง) ![]() ภาพบนนี้เราวาดเองนะ ถ้าผิดก้ขออภัยด้วย ชาวเรานี่เบต้าเซลล์มีปัญหา ทำให้ไม่มีกุญแจไปเปิดช่องที่รับน้ำตาล ที่จะไหลเข้าไปสู่เซลล์เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานได้ ดังนั้น จึงต้องฉีดอินซูลินเข้าไปเพื่อไปเป็นกุญแจปลดล๊อคให้เซลล์เปิดรับเอาน้ำตาลไปใช้ได้ การออกกำลังกายจึงเป็นการใช้พลังงานจากเซลล์ ซึ่งเซลล์นี้แหล่ะจะดูดเอาน้ำตาลที่เรากินๆ เข้าไปไปเปลี่ยนเป็นพลังงานในกล้ามเนื้อ (งงมั๊ยอ่า) ดังนั้น พี่หมอเลยบอกว่าให้สร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาเยอะๆ จะได้เอาไว้ใช้ดูดน้ำตาลในเลือดออกไปจากระบบเลือด ถ้าน้ำตาลในเลือดเยอะไป ก็จะมีภาวะเลือดเป็นกรด DKI เราสามารถใช้แผ่นตรวจฉี่มาตรวจได้ ![]() หรือเราสามารถเจอะดูน้ำตาลในเลือดจากปลายนิ้วได้โดยตรงก็ได้ ซึ่งสามารถซื้อได้จากโรงพยาบาล แนะนำว่าควรมีติดตัวไว้ตลอด เวลาเป็นอะไรขึ้นมาหน้ามืดเป็นลมก็จะได้เอามาเจาะและแก้ไขให้ถูกต้อง สูตร "เจาะ-นับ-ฉีด-กิน" เป็นสูตรหลักของชาว T1D เจาะเลือดปลายนิ้วก่อนการกินอาหารหลักทุกมื้อ นับคาร์บทุกมื้ออาหารก่อนกิน ฉีดอินซูลินตามที่คำนวณ และสุดท้ายคือ กินอาหารที่เราคำนวณไว้ อย่าทิ้งระยะห่างไว้นานเกินไป เทคนิคการเจาะเลือดปลายนิ้ว เจาะไงไม่ให้เจ็บ/ปวดมาก : เจาะข้าง ๆ นิ้วนะคะ อย่างเจาะตรงกลาง เพราะมันจะปวดมาก แล้วเราก้สลับ ๆ นิ้วที่เจาะด้วย หมั่นเปลี่ยนหัวเข็มเจาะบ่อย ๆ ก่อนเจาะล้างมือให้สะอาด จะถูจะเช็ดแอลกอฮอล์อะไรก้ทำไป แต่ต้องเจาะตอนมือแห้ง ๆ นะอย่างน้ำเปียกเยิ้ม เด่วได้ค่าเลือดไม่ตรง ้พราะมีส่วนของน้ำ/แอลกอฮอลผสมมาด้วย อันนี้เราสังเกตเองนะ ดูจากสีเลือดถ้าเลือดสีเจ้มจ้นแดงน่ากินนี่เดาๆด้เลยว่าเลือดน่าจะหนืด ๆ น้ำตาลน่าจะสูง อาจจะมีไขมันด้วยแหล่ะ ฉะนั้นอย่ากินไขมันเยอะ เพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดค้างอยู่นาน ถ้าเลือดใสๆ สีจางๆ เหมือนน้ำ ก็ถือว่าโอเคอยู่นะ เลือดไม่หนืดไม่หวาน (คิดถึงเวลาคนชงชาเย็นแล้วมันหนืดๆ นี่แหม๋ มันคงหวานชื่นใจดีจัง มันคงเข้าไปในกระแสเลือดเรา อันนี้เตือนไว้อย่ากินเยอะ) ![]() อาการน้ำตาลต่ำเป็นยังไงล่ะ (อันนี้ตอบจากสิ่งที่เราเป็นนะ) ค่าเลือด 90 ลงไป : สิ่งแรกคือ เหงื่อแตก อยู่ ๆ เหงื่อ ก็ออกมามาผิดปกติ (รูทวารทั้ง 5 เตรียมจะเปิดนั้นแหล่ะมั๊ง) ตาเริ่มจะมีสีขาว มองอะไรก็จะขาวไปหมด (คิดว่าม่านตาน่าจะขยายนะเปิดรับแสงเข้ามาหมดทุกทิศทาง) สมองจะเริ่มสั่งการว่า เรากำลังจะไม่ไหวแล้ว เหมือนเวลาเราวิ่งๆๆๆๆ หนักๆ แล้วเห็นท้องฟ้าเหลือง นั่นแหล่ะอาการเดียวกันเลย น้ำตาลหมด หมดแรง แขนขาจะค่อยๆเริ่มไม่มีแรง ช่วงนี้เสี่ยงการล้มหัวฟาดพื้นได้ อย่างอิชั้นชอบน้ำตาลตกเวลาสระผม เพราะผมยาวมากใช้เวลาในห้องน้ำนานๆ ต้องบอกคนที่บ้าน เปิดประตูห้องน้ำไว้อย่าล๊อคเด่วช่วยไม่ทัน ![]() แก้ไขไงดี : ให้เตรียมของหวานที่พกพาง่ายที่สุด กินเข้าไป เช่น น้ำหวานเจ้มจ้น ลูกอมก็ อัดไปเลย 2 - 3 เม็ด เคี้ยว ๆ ให้แตก แล้วกลืน นั่งพักสักพักก็จะดีขึ้น เปิดระบายให้ลมผ่าน อย่างให้คนมารุมดูเรา เพราะเหงื่อจะออกมามากให้ลมพัดผ่านหรือไปหาที่นั่งเย็น ๆ ดื่มน้ำเย็น ๆ ก็ช่วยให้สดชื่น หรือจะกินน้ำหวาน แต่อย่าลืมว่าถ้ากินมาก็น้ำตาลขึ้นอีก ดูฉลากข้างกล่อง/กระป๋องก็พอจะช่วยได้ กล่องนึงประมาณ 2 คาร์บ ขึ้นอยู่กับว่า ร่างกายเราต้องการน้ำตาลมากน้อยขนาดไหน (เจาะเลือดดูเอา) สูตรการฉีดอินซูลินที่พี่หมอคำนวณให้ กรณีน้ำตาลตก ก่อนที่เราจะกินอาหารมื้อหลัก ให้ใช้วิธีลดอินซูลิน คือ ถ้าน้ำตาลต่ำ 90 ให้ลดการฉีดลง -0.5 75 ให้ลดการฉีดลง -1 55 ให้ลดการฉีดลง -1.5 40 ให้ลดการฉีดลง -2 30 ให้ลดการฉีดลง -2.5 เป็นต้น ทั้งนี้กรุณาปรึกษาหมอประจำตัวท่านด้วยนะคะ อันนี้เราเอาตัวเรามาเป้นตัวอย่างในการคำนวณการฉีดอินซูลินแต่ละครั้งตามที่พี่หมอแนะนำมา ของเราจะคำนวณตามอาหารที่เรากิน ทำไมน้ำตาลตก : เกิดได้หลายสาเหตุ บางนี้เราออกกำลังกายมากไปเช่นวิ่งแล้ว เหงื่อมันออกเยอะ น้ำตาลที่เล่าไปข้างต้นก็จะถูกกล้ามเนื้อใช้ไปอย่างรวดเร็ว น้ำตาลในร่างเลยไม่พอ การเสียน้ำอย่างหนัก เช่น ท้องเสีย ดื่มชาบางอย่างเข้าไป อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า สมุนไพร/ชาบางตัวมีส่วนลดน้ำตาล แต่ๆๆๆ เราก็อย่าลืมนะว่าร่างกายเราต้องการน้ำตาลมาให้กล้ามเนื้อใช้ด้วย ถ้ากินชา ต้องระวังให้ดี ๆ ที่ขายๆในร้านขายปลีกชื่อดังก็มีให้เลือกมากมาย นั่นก็ต้องระวังด้วย เพราะบางตัวก็มีขับฉี่ด้วย อันนี้เคยมาแล้วเลยเล่าจากประสบการณ์ให้ฟังได้ ![]() อาการน้ำตาลสูงเป็นยังไง : เหมือนมีสิ่งที่มองไม่เห็นมาบีบคอ แอร๊ยย (พยายามเขียนให้เห็นภาพ) เหมือนกรดไหลย้อนมันแสบคือ เจ็บหน้าอก ฉี่ตลอดเวลา (ร่างกายพยายามจะขับเอาน้ำตาลส่วนเกินออก) และเลือดเป็นกรด จะมีคีโตนไหลปนมากับฉี่ เวลาตรวจด้วยแผ่นก็จะขึ้นเป็นแถบสี ตามภาพ ยิ่งสีแดงจนม่วงยิ่งอันตราย ตานี้ก็มีคนถามเรื่องคนป่วยเบาหวาน T1D กินอาหารคีโตนดีไหม ที่มุ่งเน้นกินแต่ไขมัน งดแป้งงดน้ำตาล บอกเลยว่าไม่ดีแบบไม่ต้องคิด ไม่ควรทำ เพราะอาหารมันจัดทำให้น้ำตาลในเลือดไม่ลง เอาไปใช้เข้าสู่เซลล์ได้ยากมันหนืดมันเหนียว พอน้ำตาลไม่เข้าเซลล์ เช่นกล้ามเนื้อก็จะอ่อนแรงลง อย่าลืมว่าตับอ่อนเราไม่ทำงานนะไม่เหมือนคนทั่วไป ที่สามารถผลิตอินซูลินเองได้ นอกจากนี้ ก็รุ้สึกอืดท้องง่าย ตอนแรกอิชั้นก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมกินอะไรก็ท้องอืดบ่อยจัง เอ๊ะ หรือว่า อิ่มบุญนะกินนิดเดียวก็อิ่มยาว แต่ถ้ากินเยอะมันก็จะจุก เข้าใจคนมีลมในท้องเยอะๆแล้วมันระบายไม่ได้มั๊ย ตด ปวดท้อง ถ้าน้ำตาลสูงค้างไว้นานๆ ก็เกิดภาวะเลือดเป็นกรด แบบที่อิชั้นเล่าไปตอนต้นว่าอ้วกตลอดเวลาจนเข้าโรงพยาบาล นั่นแหล่ะ ![]() แก้ไขไงดี : แน่นอนล่ะว่าตอนนี้ร่างกายต้องการอินซูลินด่วน ๆ เราก้ต้องฉีดอินซูลินเข้าไปตามที่ได้แนะนำไปแล้วข้างต้น แต่ๆ ทั้งนี้ต้องปรึกษาหมอเบาหวานเฉพาะทางด้วย บางคนเป็นชนิดที่ 2 T2D บางคนใช้วิธีกินยา อันนี้ของเราใช้วิธีการฉีดเป็นหลักนะ หมอเบาหวานจะช่วยวิเคราะห์ให้ว่า เราควรใช้ยา/อินซูลินปริมาณเท่าไหร่ดี ซึ่งแต่ละคนจะต้องการอินซูลินที่ไม่เท่ากัน ทั้งน้ำหนักตัว ความสูง กิจกรรมที่ทำเป็นต้น อ่ะยกตัวอย่างของแพทนะ แพทสูง 178 น้ำหนัก 66 ทำกิจกรรมหนักเดินวิ่ง ออกกำลังกายบ่อย จะฉีดไงดี ถ้าน้ำตาลสูง 150 จะฉีด +0.5 180 จะฉีด+1 250 จะฉีด +2 300 จะฉีด +3 350 จะฉีด +4 400 จะฉีด +5 450 จะฉีด +6 500 จะฉีด +7 อินซูลินตามภาพด้านบน เป็นอินซูลินที่พอจะมีขายตามร้านขายยา ปกติเราใช้ NovoRapid ต้องไปซื้อตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ เท่านั้น พอดี เรามีงานต่างจังหวัดแล้วยาเกิดหมดขึ้นมาพอดี พี่หมอเลยบอกว่าสามารถใช้ตัวนี้แทนได้ อันนี้เก็บมาเล่าให้ฟัง ดังนั้น การออกต่างจังหวัดไกล ๆ ต้องเตรียมตัวให้ดี ๆ ถ้ายาหมดจะต้องมีแผน 2 ร้านขายยาบางร้านยังไม่รู้จัก โนโว้แร๊บปิดเลย ยังถามเราอีกแหน่ะว่า มีอินซูลินออกฤทธิืเร็วแบบนี้ด้วยหร๋อ 555 ทางที่ดีมีเบอร์โทรคุณหมอประจำตัวเราติดมือไว้จะดีสุด Cinnamon บด/อบเชยบด อันนี้ก็ดีนะ แนะนำใช้ช่วยระบายลมในท้องสำหรับคนเป็นเบาหวานท้องมันคอยจะอืดถ้าไม่ได้ฉีดอินซูลิน อันนี้ก็พอช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างที่บอก มันจะไม่หายปวดท้อง/ปวดท้องเพราะลมจนกว่าจะฉีดอินซูลิน ฉีดปุ๊บ ลมระบายออกทันที เชื่อเลา เลาตดมาก่อน เรารู้ดี 555 ถ้าทำทุกอย่างที่ว่ามาแล้วมันไม่ดีขึ้นไปหาหมอเถ่อะ อย่าทนนะขอร้อง ![]() ทำไมน้ำตาลสูงล่ะ : เอ๊าาา ยัง..ยังจะกล้าถามอี๊กก 555 ก็กินของหวานน้ำตาลเยอะไงล๊า ไม่ก็ลืมฉีดอินซูลิน ขวดยา/อินซูลินแตกร้าวราน หรืออาจกินของที่มีไขมันสูง แค๊ปหมู ขนมทอด ๆ โรตีกรอบ ข้าวโพดคั่ว อันนี้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เราจะรู้ตัวเราเองแหล่ะว่า มันเกิดจากอะไร เราต้องวิเคราะห์ตัวเองได้ ตัวเราเองใช้วิธีถ่ายภาพอาหารทุกมื้อเลย ลงเฟสบ้าง ไม่ก็ลงใน IG เราสามารถเปิดดูได้ตลอดเวลาเลยว่า มันเกิดอะไรขึ้น ไปตามดูของเแพทก็ได้นะ ก็จะถ่ายรูปอาหาร แต่ละมื้อหลัก พร้อมเจาะเลือดวางลงไปในภาพนั้นด้วย เราสามารถวิเคราะห์เองได้เลยว่า อะไรคือปัญหาของมื้อนั้นๆ เป็นไปได้ที่ยา/อินซูลินเรามีปัญหา มันเสีย ฯลฯ นอกจากนี้อยากพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมอีกสักนิดนึง ขยะที่เกิดจากโรคเบาหวาน เช่น หัวเข็มฉีดยา แผ่นตรวจเลือด เราอย่าทิ้งเรี่ยราด หาขวดเล็ก ๆ สักใบมาใส่ให้เรียบร้อย คนเก็บขยะจะได้ไม่เกิดอันตรายอันเกิดจากตัวเราเป็นคนสร้าง Harm Reduction ![]() เด่วเราว่าจะเขียน Content เพิ่มมันก็น่าสนใจดี วิธีการเก็บอินซูลิน วิธีการดูอินซูลินที่ใช้งานได้ และไม่ควรใช้งาน หน้าามันเป็นยังไง ขวดอินซูลินร้าวรานก็ไม่ควรนำมาใช้เพราะลมมันเข้าไปทำปฏิกิริยา เอาเป็นว่า ฉบับนี้เป็นฉบับประเดิมไปก่อน เล่าแบบองค์รวม ถ้ามีเวลาจะค่อยๆใส่เนื้อหาและข้อมูลพร้อมภาพปลากรอบ เอ้ย ภาพประกอบ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น หวังว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาตินะ ขอบุญคุณงามความดีนี้เกิดแก่ พ่อแม่ผู้ให้ชีวิต ครูบาอาจารย์ที่คอยสั่งสอน ทีมหมอพยายามผู้ประสิทธิประสาทวิชาให้ ข้าพเจ้าขอยกบุญนี้แก่ท่าน โปรดอนุโมทนารับบุญจากการให้ทานด้านความรู้โดยไม่ขอสิ่งใดตอบแทน สามารถดูรูปอาหารที่มาดามแม่ทำให้กินได้ใน Instagram : patty_food_diary พยายามลงรูปมา 3 ปีแล้วค่ะ เหมือนเป็นไดอารี่ คอยเอาไว้ตรวจดูน้ำตาลว่าเป็นยังไงบ้าง อาหารที่กินโอเคหรือไม่โอเค จะได้ย้อนตามดูและแก้ปัญหาได้ พี่หมอก็สามารถมาดูย้อนหลังได้ เวลามีปัญหา ถ้าน้ำตาลขึ้นสูง แสดงว่า อาหารมื้อก่อนหน้าอาจจะมัน และอาจจะคำนวณผิดพลาด ถ้าน้ำตาลลงต่ำ แสดงว่า อาหารมื้อก่อนหน้าจะค่อนข้างคลีน ไม่มัน หรืออาจมีการออกกำลังกายหรืออาจมีปัจจัยอื่น ![]() สามารถเข้ามาเม้าส์เข้ามาเม้นต์กันได้น่ะ เผื่อได้ไอเดียไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง ไม่มากก็น้อย ด้วยรักและคิดถึง–With Love and Happyness, ![]() เขียนเพื่อเอามาแชร์ไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคุณ ในการสรรหาสิ่งดีเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณ ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ใครอะไรแต่ประการใดเน้อ เอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟังล้วนๆเลยค่ะ บางอย่างเราอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ก็อ่านเอาไว้เป็นข้อมูล เพราะเราไม่ได้เรียนหมอ เราก็เลยจะใช้คำที่เข้าใจง่ายๆ ( /) ❤ ( . .)/ c(”)(”) - - - ✿ แพทตี้-Patty ✿ - -- ..*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*...*.. .⋰⋱⋰⋱⋰⋱⋰♥ Patty ♥⋰⋱⋰⋱⋰⋱ อยากให้รักตัวเองมากๆนะ ไม่ต้องไปใส่ใจกับสิ่งกระทบรอบข้าง ทำวันนี้ให้ดีที่สุดจ้าทุกคน เป็นกำลังใจให้นะ
![]() โดย: แพทตี้เอง (PinkyPrettyPatty
![]() น่าติดตามคะ ชีวิตจริงผ่านเรื่องเล่า
โดย: พี่พรทิพย์ IP: 202.28.177.126 วันที่: 22 มีนาคม 2564 เวลา:14:14:17 น.
|
PinkyPrettyPatty
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ◕‿-。 \(o`з´o)/ ◕‿-。 == สวัสดีชาวโลกทั้ง 3 โลก แพทตี้เอง == ตอนนี้พยายามจะเขียนภาษาอังกฤษนะ มีอะไรก็แนะนำก็บอกกันได้ ชอบทำกิจกรรม ท่องเที่ยว ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ถ้ามีที่ไหนดีๆ เจ๋ง ก็บอกได้จะตามไปดู ถ้าเขียนอะไรผิดพลาดหรือพาดพิงสิ่งใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ จะดีมากถ้าช่วยเขียนคอมเมนทต์เป็นกำลังใจให้ซี่เขียนต่อจะได้รู้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนสนใจอ่านบล็อกของเราบ้าง อิอิ Hello Friends, I try to write my blog in English and also in Thai. If I wrote something wrong can make any comment to me it would be very appreciated! to cheer me up to write it and share my experience more and more. Have a nice day! Cheers Patty Friends Blog
| |||