มะลิป่าดอกน้อยกลิ่นหอมละมุนใจ<
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 

รักแรก..ลุ้น ละมุนใจ ตอนที่ 4

“ตื๊ด..ตื๊ด” ตะวันหงุดหงิดกับสัญญาณเสียงรอรับโทรศัพท์ ปริยากำลังทำอะไรอยู่ จึงรับโทรศัพท์ช้า
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ โต มีอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงหวานตอบมาตามสาย
“แป้งทำอะไรอยู่ครับ รับโทรศัพท์ช้าจัง” เขาถาม
“เอ่อ! แป้งอยู่ในห้องน้ำน่ะค่ะ เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นการตอบแบบเลี่ยงมากกว่า
แต่เขาก็ไม่อยากสนใจมากนักจึงบอกจุดประสงค์ที่เขาติดต่อปริยา
“วันนี้จะชวนแป้งออกไปหาซื้อของหน่อยน่ะ..ตอนบ่ายแป้งว่างหรือเปล่า”
เสียงปลายสายเงียบไปชั่วขณะ..และตอบกลับมาในที่สุด
“ตายจริงโตคะ บ่ายนี้แป้งมีธุระน่ะสิ คงไม่ว่างไปกับโต ขอโทษจริงๆ นะคะ”
“หรือครับ..งั้นก็ไม่เป็นไร..แล้วเมื่อไหร่แป้งจะมาทานข้าวเย็นที่บ้านอีกล่ะ คุณแม่ท่านบ่นคิดถึงคุณนะ”
“เอาไว้ว่างๆ นะคะ ช่วงนี้แป้งกำลังยุ๊งยุ่งค่ะ โตคะ แค่นี้ก่อนนะคะ มีสายเรียกซ้อนค่ะ”แล้วสัญญาณเสียงก็หายไป

ตะวันมองโทรศัพท์พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ หมู่นี้ปริยาเริ่มทำห่างเหินกับเขา โทรไปนัดก็ไม่เคยว่าง
ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ นี่เขาไม่ได้เห็นหน้าหล่อนมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว

”ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญ” สิ้นเสียง นัตยาเลขานุการของเขาเดินเข้ามา
“มีอะไรหรือนัต” เขาถาม
“นัตจะมาเรียนถามคุณโตว่าเอกสารที่นัตส่งให้เซ็นเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน..”
“ชุดไหนล่ะ”
“เอกสารเสนองบประมาณของฝ่ายผลิตน่ะค่ะ”
“…ฝ่ายผลิต..อืม” เขาครุ่นคิด..”อ้อ!ผมเอากลับไปดูต่อที่บ้าน..สงสัยคงอยู่ที่นั่น ต้องใช้ด่วนหรือ” เขาถาม
“ค่ะ..ฝ่ายผลิตเขาต้องการทราบว่างบประมาณที่เขาได้เป็นยังไง..เพื่อปรึกษากันน่ะค่ะ”
“งั้น..เดี๋ยวผมกลับไปเอาเอง..งานที่นี่ก็ไม่มีอะไรแล้ว..ผมจะเข้าอีกทีตอนบ่ายโมงนะ”

ว่าแล้ว ตะวันก็ออกจากบริษัทเพื่อกลับไปบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก ขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง
แต่อารมณ์ที่หงุดหงิดวันนี้ทำให้เขารู้สึกว่าระยะทางจากบริษัทกลับบ้านมันช่างไกลเหลือเกิน คงเพราะโทรศัพท์คุยกับปริยาเมื่อครู่
ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเขาโทรไปหา ปริยาจะดีใจและเต็มใจจะออกไปไหนมาไหนกับเขาเสมอ แต่ตอนนี้มักจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาพบหน้า
ที่สำคัญ น้ำเสียงที่ได้ยินจากโทรศัพท์ เขาพอจะจับได้ว่ากระแสเสียงนั้นมีบางอย่างปิดบังเขาอยู่ เขาคิดเรื่อยเปื่อยจนรถแล่นมาถึงบ้าน

ตะวันตรงขึ้นไปบนห้องที่เขาใช้เป็นห้องทำงาน เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นภายใน คือความเป็นระเบียบเรียบร้อย..กว่าทุกวัน
ไม่มีเอกสารกองสุมอยู่บนโต๊ะ..แล้วเอกสารชุดที่เขาต้องการล่ะ อยู่ไหน จำได้ว่าวางไว้อยู่บนโต๊ะ
ถึงแม้ว่าไม่รู่มันจะอยู่ส่วนไหนก็ตาม หาๆ เอาก็คงเจอ

“ นิด..นิด” เขาเรียกเมื่อนึกได้ว่าต้นเหตุน่าจะมาจากเด็กที่ดื้อมาจัดห้องเขาใหม่
“มีอะไรคะ คุณโต” เป็นกิ่งที่เข้ามาแทน
“นิดอยู่ไหน” ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เคร่งเครียดทำให้กิ่งรู้สึกใจคอไม่ดี
“อยู่..อยู่ที่สวนค่ะ..เพื่อนๆ คุณกลางมา”
”ไปตามมาพบฉันที่ห้องนี้ เดี๋ยวนี้” ตะวันกระแทกเสียงจนกิ่งลนลานรีบวิ่งออกจากห้องโดยเร็ว
และตรงดิ่งไปยังสวนสวยเพื่อเรียกหานิด กิ่งวิ่งมาจนเหนื่อยหอบแฮ่กๆ

“นิด นิด”
“มีอะไรกิ่ง”
“คุณโตเรียก ที่ห้องทำงาน แกไปทำอะไรไว้ หน้างี้ดุยังกะยักษ์”
“เหรอ..งั้นนิดจัดการเอง ขอบใจมาก”
อิสรีเดินขึ้นไปหาตะวัน..เมื่อประตูปิดลง เสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้น
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่า อย่ามายุ่งกับห้องทำงานมาก..เก็บเอกสารของฉันไว้ที่ไหน..อย่าบอกว่าทิ้งนะ”..
อิสรีชักจะชินกับหน้าดุของเจ้านายคนนี้เสียแล้ว เธอจึงยิ้มน้อยๆ และเดินเข้าไปหาตะวันพร้อมถามว่า

“คุณโตต้องการอะไรล่ะคะ”
“เอกสารที่ฉันวางไว้..อยู่ไหน” เขายังทำหน้าดุ
อิสรียิ้มกว้างกว่าเก่า พร้อมชี้ไปด้านหลังเขา
“ในแฟ้มด้านหลังน่ะค่ะ”..เธอเดินผ่านเขาไปยังที่วางแฟ้ม “ต้องการชุดไหนคะ”
ตะวันยังทำหน้าเฉย ”ใบเสนองบประมาณของฝ่ายผลิต”
อิสรีใช้นิ้วไล่ไปจนเจอ และหยิบแฟ้มสีดำอันหนึ่งออกมา
“นี่ค่ะ ของฝ่ายผลิต” เธอยื่นให้ตะวัน
“ขอโทษด้วยนะคะที่นิดไม่ได้เรียนคุณตะวัน..ว่าอะไรอยู่ที่ไหน เอกสารที่อยู่บนโต๊ะ นิดแยกเข้าแฟ้มหมดแล้ว ตามหมวดหมู่..คุณโตน่าจะหาไม่ยาก”

ตะวันคลายความเคร่งเครียดบนใบหน้า แต่สีหน้าเขาก็ยังเรียบเฉย
“คุณโต..ยิ้มหน่อยสิคะ ทำหน้าเครียดมากๆ เดี๋ยวแก่เร็วนะคะ คุณแป้งไม่สนใจไม่รู้ด้วยนะ” หญิงสาวล้อชายหนุ่ม หวังให้เขาอารมณ์ดี..แต่ว่า..
“ไม่เกี่ยวกับเรา..ออกไปได้แล้ว”ตะวันหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิม

“ค่ะ” อิสรีรับคำเสียงอ่อย และเดินออกไปด้วยความไม่เข้าใจ ว่าตัวเองพูดอะไรผิดหูไปหรือเปล่า
ตะวันเองก็รู้สึกผิดเมื่อเห็นสีหน้าของนิดจากยิ้มแป้นเป็นอันต้องหุบ เพราะความหงุดหงิดของเขา..ความจริงถ้าเขามองสักนิด
อ่านสักหน่อย จะเห็นว่านิดจัดเอกสารของเขาเป็นหมวดหมู่ดีมากอย่างที่เขาเคยตั้งใจ นิดจัดแยกเอกสารลงแฟ้มได้อย่างเรียบร้อย
เขาหยิบบางแฟ้มขึ้นมาดู ทุกอย่างถูกต้อง ไม่มีเอกสารชุดไหนอยู่ผิดที่ผิดทางของมัน ท่าทางไม่ธรรมดาเสียแล้วเด็กคนนี้
เก็บงานได้ละเอียดและถูกต้อง ทั้งๆ ที่เอกสารบางชุดเป็นภาษาอังกฤษ ตะวันคิดถึงเรื่องคืนก่อนที่เห็นเด็กนิดกับหนังสือนิยายสืบสวน
ฉบับภาษาอังกฤษ สงสัยไม่ใช่แค่พลิกไปพลิกมาเสียแล้วกระมัง

“ ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้น สิ้นเสียงอนุญาต ประตูเปิดออกพร้อมกับเด็กนิดเดินถือแก้วน้ำเข้ามา
“น้ำดื่มเย็นๆ ค่ะคุณโต” ..คราวนี้ อิสรีไม่กล้ายิ้ม ไม่รู้ว่า ตาหน้ายักษ์สุดหล่อจะยังโกรธอยู่หรือเปล่า
“ขอบใจ” หน้าเขายังเรียบเฉย อิสรีจึงหันหลัง คิดในใจว่า ‘ออกไปข้างนอกดีกว่า อยู่ข้างในนี้อึดอัด..หายใจไม่สะดวก’

“นิด”
“คะ”
“บ่ายนี้พอจะว่างไหม..ไปเป็นเพื่อนฉันซื้อของหน่อย”ตะวันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขยับแว่นสีเงินบนใบหน้าให้เข้าที่
“คะ..” อิสรีไม่เชื่อหูตัวเอง..คุณตะวันชวนเธอไปซื้อของ
เขาถามย้ำ “ว่างไหม”
“ค่ะ…ว่างค่ะ”

“งั้น..ไปเปลี่ยนชุดสักหน่อยนะ..แล้วเจอกันที่รถ..ฉันจะไปบอกป้าสายให้”
“ค่ะ” อะไรกันหนักหนาหนอเจ้านายคนนี้ อยู่ๆ ก็มาดุ อยู่ๆ ก็พูดดี แถมยังพูดแกมบังคับจนเธอไม่อาจปฏิเสธต้องออกไปกับเขา
อุตส่าห์รีบทำงานให้เสร็จจะได้ไปคุยกับเพื่อนๆ ก็คงต้องกินแห้วเสียแล้ว

ตะวันยืนรอนิดอยู่ที่รถ สักพัก เด็กนิดก็ออกมาในชุดเสื้อเชิ๊ตสีเขียวสดใส กับกระโปรงยีนต์สีดำกรอมเข่า
รับกับถุงเท้าสีขาวลายการ์ตูนและรองเท้าผ้าใบสีเขียวขี้ม้าพิมพ์ลาย…พอแต่งตัว เด็กนิดดูเปลี่ยนไปมาก..จากชุดเสื้อยืดเก่าๆ
กางเกงยีนส์สามส่วนที่หล่อนใส่เป็นประจำ..ใครเห็นก็คงไม่เชื่อว่าเป็นเด็กรับใช้ในบ้านเขา

“ไปกันเถอะค่ะ คุณโต” อิสรีบอกเมื่อเห็นว่าเจ้านายกำลังจ้องเธออย่างไม่วางตาด้วยสีหน้าครุ่นคิด เพราะคิ้วเขามุ่น
ตาคมภายใต้กรอบแว่นนั้นคงกำลังมองอย่างสงสัยในตัวเธออย่างแน่นอน
ตะวันพาอิสรีไปที่บริษัทก่อนเพื่อนำเอกสารไปให้นัตยา เลขาของเขา

“ไปซื้อของอะไรที่ไหนคะคุณโต” อิสรีถามหลังจากที่รถเคลื่อนออกจากบริษัทได้สักพัก
“พวกเสื้อผ้า ของเล่นของใช้ สำหรับเด็กผู้ชาย 6 ขวบและพวกขนมสำหรับเด็กๆ “
“คะ ซื้อไปทำไมคะ”
“เธอนี่ช่างซักช่างถามจัง” เขาไม่ยอมตอบคำถามแต่กลับเย้าหญิงสาวเล่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน คงเพราะตอนนี้ทั้งคู่อยู่ข้างนอก
และเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่านิดคือเด็กรับใช้ในบ้าน เหมือนกันว่าเขาออกมากับผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง

“ก็อยากรู้นี่คะ” หญิงสาวพูดพร้อมส่งค้อนวงใหญ่ให้ตะวัน
เออนะ..ยัยเด็กนิดนี่ พอทำหน้างอนก็น่ารักดีแฮะ น่าแกล้งจัง
“เอาไว้ไปถึงแล้วก็รู้เองล่ะ”

+๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
กว่าจะซื้อของเสร็จก็กินเวลาไปถึงบ่าย 3 โมง ตะวันขับรถเลี้ยวออกจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่จังหวัดนนทบุรี อิสรีสงสัยตลอดทางว่าเขาจะไปไหนกันแน่
หอบซื้อของมามากมาย จนตัวรถเลี้ยวเข้าประตูที่เธอเห็นป้ายข้างหน้าว่าเป็นบ้านเด็ก จึงร้องอ๋อในใจ ว่าเขาคงมาทำบุญกับเด็กกำพร้า

“สวัสดีครับ คุณพ่อ” เด็กชายตัวกลมป้อม วิ่งพนมมือเข้ามาหาตะวัน เขาย่อตัวนั่งลงรับหนูน้อย
“สวัสดีครับต้น เป็นเด็กดีหรือเปล่าครับ” เขาถามพร้อมลูบหัวต้นด้วยความเอ็นดู
เด็กน้อยพยักหน้า “ครับ ต้นเป็นเด็กดี ไม่ดื้อครับ”
ต้นเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่มากับพ่อ ไม่ใช่แม่แป้งนี่นา เขาทำหน้าสงสัย
“นี่ พี่นิดครับต้น”
ต้นยกมือไหว้ และยิ้มให้ นิดรู้สึกเอ็นดูเด็กชายตรงหน้า
“สวัสดีครับต้น” เธอรับไหว้และยิ้มอย่างเป็นมิตร

“ต้นเป็นเด็กที่ฉันอุปถัมภ์อยู่” ตะวันหันมาบอกอิสรี และออกเดินนำไปกับเด็กต้น
“คุณครูอยู่หรือเปล่าครับต้น”
“อยู่ครับ”
“เดี๋ยวพ่อจะไปคุยกับคุณครู ต้นเล่นกับพี่นิดนะ อ้อ! อย่าลืมแบ่งขนมให้เพื่อนๆ ด้วยนะครับ
“ครับ”

ตะวันเดินไป ปล่อยให้เด็กต้นจูงมืออิสรีไปเล่นกับเพื่อนๆ อิสรีรู้สึกแปลกใจมากที่ได้เห็นอีกด้านของผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนดีมาก
ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะรับอุปการะเด็กกำพร้าเอาไว้ด้วย ยิ่งทำให้อิสรีรู้สึกทึ่งและคิดว่าต้องมองผู้ชายคนนี้ใหม่ ภายใต้หน้าตาเรียบเฉยนั้น
มีผู้ชายที่แสนอบอุ่นที่สุดเท่าที่เธอรู้จักมาซ่อนอยู่

ตะวันมาขออนุญาตพาต้นไปเที่ยวพักร้อนที่ทะเลกับครอบครัว ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี เขาจึงต้องมาทำเรื่องแจ้งกับทางบ้านเด็กเพื่อดำเนินการ
ขออนุญาตไว้แต่เนิ่น

ตะวันได้เจอกับน้องต้นเมื่อสองปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่เขากับปริยาเดินทางไปทำบุญเลี้ยงอาหารเที่ยงที่บ้านเด็กในวันเกิดปริยา
เขาได้พบกับเด็กชายตาแป๋ววัยสามขวบ ที่นั่งนิ่งเรียบร้อย ไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อน จนเขาเข้าไปทัก ไปพูดคุย ชวนเล่น ชวนกินข้าว
ตอนแรกน้องต้นไม่ยอมคุยหรือมองหน้าเขาเลย จนต้องเอาของเล่นเข้าล่อบ้าง สร้างความคุ้นเคยโดยการแวะเวียนไปถามว่าเอาขนมไหม
เอาข้าวอีกหรือเปล่า จนกระทั่ง ก่อนเขาจะกลับบ้าน เด็กชายตัวน้อยเดินเตาะแตะเข้ามาก้มหน้าเขินอาย พูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ขอบคุณครับ”

ตะวันรู้สึกประทับใจในตัวเด็กน้อย เขาจึงกลับไปที่บ้านเด็กอีกครั้ง ขอสอบถามประวัติของน้องต้น
ทราบเบื้องต้นว่าพ่อแม่น้องต้นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน ทิ้งน้องต้นวัยสองขวบครึ่งให้อยู่กับยายวัย 65 ปี
ต่อมาไม่นานมีองค์กรการกุศลองค์กรหนึ่งนำยายและน้องต้นมาที่บ้านเด็กเพื่อทำเรื่องฝากน้องต้นให้อยู่ที่นั่น เนื่องจากยายนั้นสุขภาพไม่ดี
ไม่สามารถดูแลตัวเองและน้องต้นได้ จึงต้องแยกจากหลานและตัวเองก็ต้องไปอยู่บ้านพักคนชรา
แต่ก็มีเงื่อนไขพิเศษว่าเจ้าหน้าที่จากองค์กรการกุศลที่พาตัวไปหรือเจ้าหน้าที่จากบ้านเด็กต้องพาน้องต้นไปเยี่ยมเธอบ้าง หรือจะให้เธอมาหาหลานก็ได้

แต่โชคของยายไม่ดีนัก ไม่ทันจะได้อยู่ดูหลานจนโตก็ต้องมาเสียชีวิตในครึ่งปีต่อมา ดังนั้น น้องต้นจึงถือว่าเป็นเด็กกำพร้าโดยสมบูรณ์
ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เด็กน้อยอยู่ในบ้านเด็กด้วยอาการหงอยเหงา ไม่ค่อยร่าเริงหรือเล่นกับเพื่อนคนอื่น ค่อนข้างเก็บตัว
เจ้าหน้าที่ของบ้านเด็กก็กังวลว่าน้องต้นจะมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพจิตใจ

ตะวันตัดสินใจขอรับอุปการะน้องต้นให้อยู่ในปกครองของตน ซึ่งทุกคนทางบ้านก็เห็นด้วยทั้งยังรักและเอ็นดูน้องต้นมาก
แต่ตะวันก็ยังรับต้นไปอยู่ที่บ้านด้วยไม่ได้ เนื่องจากตัวเขาเองยังโสดและไม่อยากเพิ่มภาระให้มารดาด้วย
เขาจึงขอให้น้องต้นอยู่บ้านเด็กแต่เขาจะส่งเสียเลี้ยงดู จนกว่าเขาจะพร้อม จึงรับตัวน้องต้นมาอยู่ด้วยกัน จนตอนนี้น้องต้นอายุห้าขวบแล้ว
คงอีกไม่นานที่จะรับเด็กคนนี้เข้าบ้านได้ อย่างน้อยก็คงเป็นตอนที่เขาแต่งงานแล้ว

ชายหนุ่มเดินออกมาเห็นกลุ่มเด็กๆ นั่งล้อมวง มีเด็กสาวผมสั้นในเสื้อเชิ๊ตสีเขียวกำลังเล่าเรื่องอะไรสักอย่างประกอบท่าทาง
ดูท่าเด็กๆ จะชอบใจ ปรบมือกันใหญ่ คนกลางวงก็สนุกยิ่งออกท่าทางมากขึ้น เขามองอยู่เพลิน

นิด.. เด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนายกลางน้องชายของเขา…อะไรหลายอย่างทำให้เขารู้สึกว่า อยากรู้จักกับผู้หญิงคนนี้มากขึ้น
เขารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มของเธอ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะคิดอย่างไร เขาสังเกตว่าในช่วงแรกๆ นิดจะเกร็งกับเขาทั้งๆ ที่กับคนอื่น
เธอยิ้มและพูดคุยได้สบาย อาจเป็นเพราะสีหน้าเคร่งเครียดนี่ก็ได้ แต่ตอนหลังเธอคงจะชินถึงได้เฉยๆ เวลาเจอเขา
ก็มีแต่วันนี้แหละ ที่หน้ายิ้มๆ นั้นต้องหุบเพราะเขา เขาก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นหรอก ก็งานมันยุ่งนี่นา ไหนจะเรื่องของปริยาที่ทำให้เขาวุ่นวายใจอีก

ปริยา ใช่แล้ว เขาออกจะหงุดหงิดไปนิด เพราะความเปลี่ยนแปลงของปริยาด้วย ทำไมเขาจะไม่ได้ยินข่าวล่ะ เพื่อนเขาเพิ่งโทรมาบอกว่า
ปริยากำลังควงกับดิษฐ์ นักธุรกิจหน้าใหม่ ไฟแรง แล้วที่แย่ เพื่อนเขายังไปรู้มาว่า ทั้งสองคนเคยคบกันเป็นแฟนมาก่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน
จนนายดิษฐ์ไปเรียนต่อเมืองนอกจึงเลิกกัน

เขาหยุดคิดเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดก่อนจะมองไปยังเด็กสาวที่ตอนนี้หยุดเล่าเรื่องให้เด็กๆ ฟัง
เขาเห็นมีชาวต่างชาติสองคนเข้าไปถามอะไรนิดสักอย่าง และเห็นว่าเด็กนิดตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีอาการเคอะเขิน
เสียดายว่าเขาอยู่ไกลไม่ได้ยินที่เธอพูด อยากรู้จริงเชียวว่าสำเนียงจะดีแค่ไหน เขาจึงเดินเข้าไปใกล้

“เขามาถามอะไรเหรอนิด” เขาถามออกมาเมื่อชาวต่างชาติเดินออกไปแล้ว
“คือ เขามาถามทางน่ะค่ะ”
“เธอนี่เก่งน่ะ พูดภาษาอังกฤษคล่องเชียว ทำไมถึงมาทำงานเป็นคนใช้ได้ล่ะ” ตะวันรุกถามเพื่อดูเชิง

หญิงสาวทำตาโตเลิ่กลั่กก่อนจะตอบ “กะ..เก่งที่ไหนกันคะคุณโต ก็แบบสเน็คๆ ฟิซๆ ล่ะค่ะ นิดอยู่กะบี่ ได้เจอฝรั่งบ่อย
ก็พอพูดได้อยู่บ้างแต่ไม่เก่งมากหรอกค่ะ” อิสรีได้แต่ขบเขี้ยงเคี้ยวฟันอยู่ในใจไม่น่าพลาดให้เขาเห็นเลย ดีนะที่เขาไม่ได้ยินที่เธอพูด
ไม่อย่างนั้นคงจะจับได้ว่า นั่นไม่ใช่ภาษาอังกฤษระดับชาวบ้าน แต่เป็นระดับเรียนเป็นวิชาโทในมหาวิทยาลัยเลยล่ะ

“เหรอ” ตะวันเลิกคิ้วแบบไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่ก็เงียบไม่ซักอะไรต่อ ก่อนจะก้มตัวลงพูดกับคนตัวเล็กที่เดินเข้ามายืนข้างพี่สาวคนใหม่
“ต้นครับ พ่อมาขออนุญาตคุณครูพาต้นไปเที่ยวทะเล วันศุกร์หน้าพ่อจะมารับ เตรียมตัวเอาไว้นะครับ”
เด็กน้อยยิ้มอย่างดีใจ “เย้!ต้นรอวันนี้มานานแล้ว คุณพ่อบอกอากลางด้วยนะครับ อากลางเคยสัญญาว่าจะพาต้นขี่เจ็ทสกี นะครับ”
“ครับผม” ตะวันยิ้ม

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550
11 comments
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2550 12:04:48 น.
Counter : 3788 Pageviews.

 

"ติ๊ดๆ ก๊อกๆ" ..




 

โดย: Shaleebow 5 มกราคม 2552 16:33:02 น.  

 

 

โดย: Shaleebow 3 มกราคม 2554 15:54:19 น.  

 






 

โดย: Shaleebow 31 ธันวาคม 2554 19:52:57 น.  

 






 

โดย: Shaleebow 2 มกราคม 2556 3:04:51 น.  

 


อืม ..หลานเราคงซาบ่ยดี ..



 

โดย: Shaleebow 2 มกราคม 2557 13:20:25 น.  

 






 

โดย: Shaleebow 1 มกราคม 2558 15:31:18 น.  

 











..

 

โดย: Shaleebow 1 มกราคม 2559 13:38:12 น.  

 

สบายดีเน๊าะ ..





 

โดย: Shaleebow 1 มกราคม 2560 21:32:46 น.  

 



สุข สมหวัง สาว สวยขึ้นๆๆๆๆๆ ..

 

โดย: Shaleebow 31 ธันวาคม 2560 20:06:25 น.  

 



..

 

โดย: Shaleebow 4 มกราคม 2562 12:52:14 น.  

 



 

โดย: Shaleebow 31 ธันวาคม 2562 18:19:41 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ละมุนใจ
Location :
กระบี่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แสบ ซ่า ซน ป่วน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคร๊าบ


















Friends' blogs
[Add ละมุนใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.