ทาน คือการทำกุศลที่ได้บุญ การให้อภัย คือการทำกุศลที่ได้บุญมากกว่า
Group Blog
 
All blogs
 
เตรียมของไหว้ ตรุษจีน เฮง เฮง เฮง รับปีฉลู

                 ใกล้เข้ามาสำหรับวันปีใหม่จีน หรือ ตรุษจีน ปี 2552 เพื่อเสริมความเฮงรับตรุษจีน ปีฉลู เทสโก้ โลตัส เชิญ อาจารย์ วิศิษฎ์ เตชะเกษม ผู้ศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมจีน มาให้ความรู้และให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเพณีตรุษจีน การจัดเตรียมของไหว้ต่างๆ ไปจนถึงพิธีการไหว้ที่ถูกต้อง


 


                อาจารย์วิศิษฎ์บอกว่า ชาวจีนจะถือวันแรกของเดือนแรก หรือวันขึ้นหนึ่งค่ำเดือน


                                                         หนึ่ง เป็น วัน ตรุษจีน ซึ่งในปีนี้ ตรงกับ วันที่ 26 มกราคม เป็นวันไหว้เพื่อต้อนรับเทพเจ้า


                                                          แห่งโชคลาภ (ไฉซิ้งเอี๊ย หรือไฉเสิน-อีเย๋) เพื่อให้บังเกิดความร่ำรวยและอำนาจบารมี 


                                             
พิธีกรรมการไหว้ตามประเพณี ดังนี้


                  วันจันทร์ที่ 19 มกราคม ดิถี 24 ค่ำ เดือน 12 จีน เป็นวันไหว้เทพเจ้ากลับสวรรค์ ของสำคัญในการไหว้ ขนม ข้าวเหนียวพร้อมน้ำตาลทรายแดง

                  วันเสาร์ที่ 24 มกราคม ดิถี 29 ค่ำ เดือน 12 จีน เป็นวันจับจ่ายซื้อของเตรียมไหว้เจ้า

                   วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม ดิถี 30 ค่ำ เดือน 12 เป็นวันไหว้บรรพบุรุษและไหว้วิญญาณไร้ญาติ สัมภเวสีทั้งหลาย เป็นการทำบุญทำทานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในวันรุ่งขึ้น

                   วันจันทร์ที่ 26 มกราคม ดิถี 1 ค่ำ เดือนหนึ่ง จีนถือเป็นวันถือ เป็นวันเทศกาลแรกของปี เป็นวันตรุษจีนจะไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภไฉซิ้งเอี๊ย เพื่อความเป็นสิริมงคล ร่ำรวยเงินทอง ตลอดปีใหม่ และในวันนี้เป็นวันที่ลูกหลานได้กราบไหว้ บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย ผู้มีพระคุณเพื่อแสดงความกตัญญู และแสดงความนอบน้อม โดยของสำคัญในการไหว้ได้แก่ ส้มสีทอง หมายถึง ความสวัสดีมหามงคล จำนวน 4 ผล (ตามแบบชาวจีน แต้จิ๋ว)


วันตรุษจีน, ปีฉลู
นอกจากนี้อาจารย์วิศิษฎ์ยังอธิบายถึงความหมายของอาหาร ผลไม้ และขนม ไหว้ตรุษจีน ด้วย

เริ่มจาก ผลไม้ไหว้ "กล้วย" กวักโชคลาภ และขอให้ลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง "แอปเปิ้ล" ความสันติสุข สันติภาพ "สาลี่" โชคลาภมาถึง (ควรระวัง ไม่นิยมไหว้บรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ) "ส้มทอง" ความสวัสดีมหามงคล "องุ่น" ความเพิ่มพูน

อาหารไหว้ เริ่มด้วย "ไก่" ความสง่างาม ขุนนาง ยศ และความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน "เป็ด" สิ่งบริสุทธิ์ ความสะอาด ความสามารถอันหลากหลาย "ปลา, ปลาหมึก" เหลือกินเหลือใช้ "หมู" ความอุดมสมบูรณ์

ขนมไหว้ "ขนมเข่ง" ความหวานชื่น ชีวิตมีความราบรื่น รูปลักษณ์มีความหมายของชะลอมที่เก็บของ เมื่อรวมกันกับความหวานชื่น หมายถึง ความหวานชื่นอันสมบูรณ์ "ขนมถ้วยฟู, ขนมสาลี่" ความเพิ่มพูน เฟื่องฟู

สวัสดีปีใหม่แบบจีนๆ "ซิน เจีย ยู่อี่ ซินนี้ ฮวดไช้"






Free TextEditor


Create Date : 22 มกราคม 2552
Last Update : 22 มกราคม 2552 3:57:55 น. 3 comments
Counter : 952 Pageviews.

 
นี่ถ้าตอนนี้อยู่เมืองไทย ก็คงได้ช่วยที่บ้านจัดของ
ที่สำคัญจะได้อังเป่าด้วย ฮี่ๆๆ


โดย: UStogetheR วันที่: 22 มกราคม 2552 เวลา:4:33:24 น.  

 
ตอนนี้รอรับอังเปาจากเพื่อนอยู่เหมือนกันค่ะ อิอิ


โดย: sony23 วันที่: 22 มกราคม 2552 เวลา:7:44:47 น.  

 


มาอ่านบทความดี ๆ จ้า

ทานกลางวันหรือยังจ๊ะ

คิดถึงเสมอนะ...


โดย: I_sabai วันที่: 22 มกราคม 2552 เวลา:12:36:55 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

drunkcat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




กตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติจากพระครรภ์พระมารดาแล้ว ในที่สุดองค์สมเด็จพระประทีปแก้วใกล้จะถึงวาระที่จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะองค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงบำเพ็ญบารมีมาครบ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ควรจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ในวันหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จประพาสพระราชอุทยาน ก็ทรงพบเด็กเกิดใหม่ วันต่อมาทรงพบคนแก่ คนป่วย แล้วก็คนตาย วันสุดท้ายทรงพบสมณะ

ความจริงเวลานั้นพระที่แต่งตัวแบบนี้ ไม่มีในโลก แต่ว่าเทวทูตทั้ง ๕ ที่เรียกกว่า เทวทูต คือ เด็กก็ดี คนแก่ก็ดี คนป่วยก็ดี คนตายก็ดี พระก็ดี ที่ปรากฏกับสายพระเนตรขององค์สมเด็จพระชินสีห์ เมื่อยังเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ท่านบอกว่า เวลานั้นเทวดาแสดงขึ้นให้ปรากฏ ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระบรมสุคตเห็นคนเกิดยังเด็กเล็ก แล้วต่อมาพบคนแก่ แล้วก็พบคนป่วย แล้วก็พบคนตาย น้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า

"โลกนี้ทุกข์หนอ ไม่มีอะไรเป็นสุข หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้"

ต่อมาวันสุดท้าย องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเห็นสมณะวิสัยก็เข้าใจว่าทางนิพพานมีอยู่ ทางนี้เป็นทางสิ้นทุกข์ เหตุฉะนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูจึงได้ตัดสินพระทัยออกบวช นี่ขอเล่าลัดๆ นะ แต่ความจริงเรื่องนี้ยาวมาก
Friends' blogs
[Add drunkcat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.