ในชะตากรรม-ความรักของมนุษย์
เสียงปรบมือต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ เคยเกิดขึ้นในปี 2005 เมื่อ Be with me ภาพยนตร์จากสิงคโปร์ ที่ได้รับเลือกเข้าฉายในสาย Directors’ Fortnight (หนังทุนสร้างน้อย แต่มีพลังทางศิลปะสูง) ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ได้รับการปรบมือยาวนานกว่า 5 นาที

เสียงปรบมือจบลง Be with me คือหนังที่เล่าชะตากรรมของคนเล็กๆในสังคมที่ผูกโยงกับเรื่องราวของความรัก
หนังดำเนินไปอย่างเศร้าๆ เล่าเรื่องนิ่งสนิท เกินกว่าครึ่งของหนังดูเหมือนไม่มีความหวังอะไรให้คนดู เพราะเต็มไปด้วยความเงียบในการเล่าเรื่อง
ความเงียบของหนังก่อตัวตั้งแต่เปิดเรื่องกินเวลาหลายนาที หนังพาเราไปจับจ้องค่อยๆไล่มองชะตากรรมของตัวละครหลายคน เริ่มตั้งแต่ “ลุงแก่ๆ” เจ้าของร้านขายของชำ คนดูได้เฝ้าสังเกตการณ์พฤติกรรมของลุงที่ใช้ชีวิตประจำวันปกติ แต่วันๆหนึ่งลุงก็ไม่พูดกับใครเลย- - 
หนังปล่อยให้แต่ละฉากของลุงดำเนินผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีเสียงใดๆของลุงเล็ดลอดให้เราได้ยิน ลุงแก่ๆอยู่ในความเงียบกับตัวเองเพียงลำพัง หนังตัดกลับมาเป็นเสียงเคาะแป้นคอมพิวเตอร์ดังรัวกระชั้นชิด “เด็กสาววัยรุ่น 2 คน” กำลังคุยกัน แต่เราไม่ได้ยินเสียงพวกเธอคุยกัน เพียงได้อ่านสิ่งที่พวกเธอคุยกันผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพราะทั้งสองกำลังแชท กว่าครึ่งเรื่องแรกหนังพาเราไปอ่านตัวอักษรพร่ำรักของพวกเธอผ่านการแชท และการส่งเมสเสจหากัน- - 
ทั้งสองอยู่กันเงียบๆในโลกของพวกเธอ โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ฉากต่อมา “ยามอ้วน” ที่อยู่ในห้องคอนโทรลของอาคารแห่งหนึ่ง แอบเคลื่อนกล้องวงจรปิดเฝ้าติดตามมองหญิงสาวนักบริหารที่ตัวเองแอบชอบทุกเช้า เป็นการจับตาดูอย่างเงียบๆ แม้ไม่มีเสียงใดมาบอก แต่ภาพที่ปรากฎเรารู้ได้ทันทีว่านี่เป็นการแอบรักมาเนิ่นนาน- - และไม่มีความหวังใดๆแม้สักนิด แต่ยามอ้วนก็ขอทำตามสิ่งที่อยู่ในหัวใจนั่นคือการพยายามเขียนจดหมายรักถึงหญิงสาวอย่างยากเย็น 
เรื่องราวของตัวละครทั้งหมดถูกร้อยรัด โดยมีชะตากรรมของตัวละคร “หญิงตาบอด หูหนวก” เป็นแกนเรื่อง อีกทั้งหนังมีนัยให้เห็นการใช้ช่องทางสื่อสารจำนวนมาก แต่ตัวละครในเรื่องก็ยังไม่เข้าใจกัน ฉะนั้นหากเทียบกับตัวละครต่างๆทในเรื่อง หญิงตาบอด หูหนวกที่ช่องทางสื่อสารเธอดูแคบที่สุด เสมือนเธอ “ขาด” ที่สุด และอยู่ในความ “เงียบ” กับตัวเองที่สุด แต่เธอกลับมีปัญหาต่อชะตากรรมตัวเองน้อยกว่าคนสมบูรณ์อื่นๆที่ว่ามา เราได้เห็นเธอเป็นครูสอนนักเรียน สอนวิธีสานกระดาษ ช้อปปิ้ง ทำกับข้าว แม้กระทั่งพิมพ์ดีดเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความรัก เธอตั้งคำถาม “รักแท้มีจริงหรือไม่” และเหมือนชีวิตของเธอนั่นเองที่ตอบคำถามหรือทลายทุกข์ให้กับทั้ง ลุงแก่ หญิงสาววัยรุ่น 2 คน และยามอ้วน ที่ต่างก็ “เลือก” หาทางออกจากความทุกข์ที่เกิดจากความรักทั้งในรูปแบบโศกนาฎกรรม และการยอมรับ

Be with me ดำเนินเรื่องอย่างนิ่งเอื่อย เงียบอย่างจงใจให้คนดูได้ซึมซับ ฉากที่เงียบและดีที่สุดคือการแช่ภาพหญิงตาบอดหูหนวกกำลังทำกับข้าว และนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวกินเวลาหลายนาที- - เราอาจสงสารในชะตากรรมของเธอ- - แต่ด้านหนึ่งมันแสดงให้เห็นว่า ชะตากรรมของมนุษย์แม้จะแสนสาหัส แต่ต้องอยู่ให้ได้ ใน Be with me เราจึงได้เห็นตัวละครในเรื่องที่ดูภายนอกสมบูรณ์กว่าเธอนั้น อันที่จริงทั้งขาด น่าสงสาร และหลงทางกว่ามากมาย ป.ล.หนังใช้นักแสดงหญิงตาบอดจริง "เทเรซ่า เฉิน" และชีวิตจริงเธอก็มีสีสันไม่แพ้ในหนังเช่นกัน จริงๆชีวิตเธอเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบทหนังเรื่องนี้นั่นเอง อีกป.ล.อันที่จริงหนังมีมุมที่พูดถึง "รักแท้มีจริงหรือไม่?" เป็นพล็อตหลักด้วยซ้ำ แต่เพราะอยากเขียนถึง "ความเงียบ" ของตัวละครมากกว่าค่ะ หนังใช้ความเงียบ และช่องทางสื่อสารหลายทาง(ยกเว้นการพูด) มุมมองต่อรักแท้ ใน Be with me บางครั้งอาจสมหวัง และไม่สมหวัง และบางครั้งรักแท้อาจอยู่กับเราไปตลอด โดยที่อีกฝ่ายอาจรู้ และไม่อาจรู้ก็ตาม
Create Date : 09 มิถุนายน 2552 |
|
7 comments |
Last Update : 9 มิถุนายน 2552 19:49:43 น. |
Counter : 5616 Pageviews. |
|
 |
|