Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 3》 ตอนที่ 9

สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

ตีพิมพ์ครั้งแรก : 4 พฤศจิกายน 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :

แปลโดย : WangAnJun


จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 3 - ตอนที่ 9



9-1


“ ไท่จื่อ พ่อของข้าไม่ได้เป็นคนผิด คนที่ควรจะเข้าไปอยู่ในคุกควรจะเป็นข้ามากกว่า ท่านช่วยไปพูดกับหวงตี้ให้ทีนะ ” จี้ฉินหู่อ้อนวอนไท่จื่อหลิวจี้ว์

“ ทำไมเจ้าไม่ไปพูดกับหวงตี้เองล่ะ ” หลี่ฮั่นเอ่ยถาม

“ ก็พ่อของข้าห้ามไม่ให้ข้าไปเข้าเฝ้าหวงตี้ ท่านต้องการจะยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ”

“ เฮ้อ มีพ่อกับเค้าบ้างสักคนก็คงจะดีเหมือนกันเนอะ ” หลี่ฮั่นรู้สึกอิจฉา

“ เจ้าเห็นคำพูดของข้าเป็นเรื่องขำขำเหรอ ” จี้ฉินหู่รู้สึกฉุน กล่าวหาว่าหลี่ฮั่นพูดว่ากระทบตน

“ ข้าจะมีสิทธิ์อะไรไปหัวเราะเจ้าได้ เจ้ามีเรื่องเดือดร้อนก็มีพ่อคอยคุ้มครองปกป้อง หากเปลี่ยนมาเป็นข้า ข้าก็คงจะต้องทนทุกข์อยู่เพียงคนเดียวแน่ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ใครให้พ่อของข้าไม่อยู่เองล่ะเนอะ ” หลี่ฮั่นพูดด้วยความน้อยใจนิดๆ



ไท่จื่อหลิวจี้ว์รีบเอ่ยห้าม “ เอาล่ะ พวกเจ้าเถียงกันเรื่องพ่ออยู่ได้ ที่มาหาข้าไม่ใช่ต้องการให้ข้าไปหาพ่อของข้าหรอกหรือไง ”

“ ไท่จื่อ ก็มีแต่ท่านคนเดียวเท่านั้นแหละที่พอจะพูดกับหวงตี้ได้ ” หลี่ฮั่นบอกกับไท่จื่อหลิวจี้ว์

จี้ฉินหู่รีบเอ่ย “ ช่วยทูลบอกหวงตี้ ให้ข้าเข้าไปอยู่ในคุกแทนพ่อของข้าทีนะ แม้ข้าจะไม่ได้เป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์(忠臣) แต่ขอให้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกกตัญญู(孝子)ก็ยังดี ”

“ พวกเจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน เอาไว้ให้ข้าหาโอกาสเหมาะๆก่อน ” ไท่จื่อหลิวจี้ว์บอกกับคนทั้งสอง



9-2


ซือหม่าเชียนกำลังนั่งเขียนงานอยู่ภายในห้อง หลิวซี่จวินยกน้ำชาเข้ามาให้ แต่ยกมาวางอีท่าไหนไม่รู้ทำน้ำชาหกใส่งานเขียนของซือหม่าเชียน

“ ขอประทานโทษค่ะ ท่านใต้เท้า ” หลิวซี่จวินรีบเอาชายแขนเสื้อมาซับน้ำที่หกพร้อมกับเอ่ย “ ข้าน้อยจะหยิบกระดาษไม้ใผ่มาให้ใหม่ ”

“ ไม่ต้อง ” ซือหม่าเชียนเอ่ย

หลิวซี่จวินเอื้อมมือไปหยิบกระดาษไม้ไผ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ก็พลาดทำให้กองกระดาษไม้ไผ่ร่วงหล่นจากโต๊ะ จึงก้มลงเก็บ

“ แม่นางหลิงจือซือหม่าเชียนเรียกชื่อของหลิวซี่จวิน

“ ใต้เท้า เรียกข้าหรือเปล่า ” หลิวซี่จวินเอ่ยถามโดยไม่กล้าหันหน้าไปมองผู้ถาม



ซือหม่าเชียนเห็นท่าทางที่ดูเงอะงะของหลิวซี่จวินแล้วก็เอ่ยปลอบ “ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป งานเขียนชิ้นนี้ข้าคิดว่าข้าเขียนไม่ค่อยดีเท่าไร ตั้งใจจะเขียนใหม่ แต่เจ้าก็มาช่วยให้ข้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ”

“ ข้าช่างโง่เง่าเสียนี่กระไร ” หลิวซี่จวินเอ่ยว่าตนเอง

“ เจ้าอยู่ที่บ้านเคยทำงานพวกนี้มาก่อนหรือเปล่า ”

“ ข้าเคยทำ ” หลิวซี่จวินตอบไม่ค่อยจะเต็มเสียง

“ คนอื่นเป็นคนยกน้ำชามาให้เจ้า หรือว่าเจ้าเป็นคนยกน้ำชามาให้คนอื่น ”

“ แน่นอน เป็นข้าที่ยกน้ำชาเสิร์ฟคุณชายกัว ”

“ ไหนเจ้าแบมือของเจ้าออกมาให้ข้าดูทีสิ ”

หลิวซี่จวินค่อยๆแบมือของตนเองออกมาให้ซือหม่าเชียนดู

“ มือของเจ้าดูไม่เหมือนคนทำงานหนัก(粗活) ดูเหมือนมือที่ใช้เขียนตัวหนังสือซะมากกว่า ”

หลิวซี่จวินรีบหุบมือของตนเองทันทีก่อนจะเอ่ยไปว่า “ ใต้เท้าได้โปรดอย่าล้อข้าเล่น ”

“ ใครสอนหนังสือให้กับเจ้า ”

“ ท่านพ่อของข้าที่ตายไปแล้ว ”

“ แต่ว่าในจดหมายของกัวเจี่ย เขียนบอกไว้ว่าพ่อของเจ้าตาย(亡故)ไปตั้งแต่เจ้ายังเล็ก ในตอนนั้นเจ้าเพิ่งจะอายุสามขวบก็ได้รับการสอนให้เริ่มรู้จักเขียนตัวอักษร(开蒙识字)แล้ว ”

“ ในจดหมายเค้าเขียนไว้ว่าอย่างนั้นหรือ ”

“ เจ้าอย่าบอกกับข้านะว่า เจ้าไม่เคยอ่านจดหมายฉบับนั้นมาก่อน อันที่จริงเจ้าก็คงคิดอยากที่จะรู้ ว่าเค้าเขียนแนะนำเจ้าไว้ว่าอย่างไร เมื่อสักครู่ข้าก็เรียกเจ้าว่าหลิงจือซือหม่าเชียนเงียบไปสักครู่ก่อนจะถามออกไปว่า “ แม่นาง เจ้าเป็นใครกันแน่ ”

“ ใต้เท้า ท่านเป็นอะไรไปเหรอ ข้าก็คือหลิงจือ ชื่อนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว ”

ซือหม่าเชียนถอนหายใจ “ แสดงว่าเจ้ายังไม่ไว้ใจข้า ข้าซือหม่าเชียนเป็นนักประวัติศาสตร์(史家) นักประวัติศาสตร์จะจดบันทึกไม่ได้หากไม่มีหลักฐานแหล่งที่มา(无一字无出处) ไม่ว่าจะเป็น โจวเทียนจื่อ(周天子) ฉินสื่อหวง(秦始皇 - ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฉิน หรือจิ๋นซีฮ่องเต้) หรือแม้แต่สามเทพห้ากษัตริย์(三皇五帝 1) ช่วงเวลาแต่ละยุคสมัยก็ห่างกันเป็นเวลาหลายปี ข้าล้วนต้องคาดคะเน(揣摩)เอาด้วยความระมัดระวัง เจ้ากับข้าก็อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม(近在咫尺) แล้วจะให้ข้าถ่ายทอดตัวหนังสือที่มีความคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้อง(以讹传讹)ได้อย่างไร”

“ หวงตี้เสด็จ เสียงของขันทีตะโกนดังลอยมา

“ เจ้าไม่ต้องไปไหน อยู่กับข้ารอรับเสด็จหวงตี้ ” ซือหม่าเชียนบอกหลิวซี่จวินที่มีทีท่าตกใจ

“ ข้าพระองค์ซือหม่าเชียน ถวายบังคมฝ่าพระบาท ” ซือหม่าเชียนพร้อมกับหลิวซี่จวินคุกเข่าถวายความเคารพเมื่อฮั่นอู่ตี้เสด็จเข้ามาในห้อง

ไท่สื่อลิ่งของเราทำงานทั้งวันทั้งคืน(夜以继日)ตามที่เราคิดไว้ไม่ผิด จุดเทียนไขเพื่อเขียนบทความกองโตของเค้า เจ้าลุกขึ้นเถอะ ”

“ ขอบพระทัย พะย่ะค่ะ ” ซือหม่าเชียนกับหลิวซี่จวินลุกขึ้นยืน

“ เรานอนไม่ค่อยหลับ เลยออกมาเดินเล่น หน่วยงานต่างๆก็หยุดพักผ่อนกันไปหมดแล้ว เหลือแต่บ้านเจ้าที่ยังมีแสงสว่างไสวอยู่ กำลังเขียนอะไรอยู่หรือ ”



“ ชีวประวัติของท่านนายพลใหญ่จี้อันซื่อ พะย่ะค่ะ ”

“ เจ้าวางงานเขียนชิ้นนี้ไว้ก่อน เขียนไว้แต่เนิ่นๆตอนหลังก็ต้องมาแก้ไขอยู่ดี แล้วงานเขียนของอ๋องเจียงตูหลิวเฟยล่ะ เจ้าเขียนเสร็จแล้วหรือยัง ”

“ ยังเป็นงานร่างที่เขียนไว้ในความคิดของข้าพระองค์อยู่ พะย่ะค่ะ ”

“ ที่จริงเค้าก็เข้าไปอยู่ในวงล้อแห่งการเวียนว่ายตายเกิดไปแล้ว เจ้าจะเขียนอะไรก็ได้ได้ตามสบาย ”

“ ทูลฝ่าพระบาท เรื่องที่เกี่ยวกับอ๋องเจียงตูนั้น ข้าพระองค์ยังมีอยู่หลายประเด็นที่ยังไม่ชัดเจนดี ข้อมูลก็มีไม่เพียงพอ คนใกล้ชิดคนที่รู้เรื่องราวของเค้าดี ข้าพระองค์ก็ยังไม่ได้ไปสอบถาม ข้าพระองค์เห็นว่า เอาไว้หลังจากที่ข้าพระองค์ได้ไปสอบถามข้อมูลมาให้ได้มากกว่านี้ ค่อยลงมือเขียนก็ยังไม่สาย พะย่ะค่ะ ”

“ สายไปแล้วล่ะ คนในครอบครัวของเค้าได้ถูกเนรเทศไปใช้แรงงานอยู่ที่หลิ่งหนาน(岭南 2)ดินแดนที่เต็มไปด้วยไข้ป่า เจ้าจะไปตามถามคนที่ใกล้ชิดของเค้าได้ที่ไหนอีก ”

“ พวกเค้าออกเดินทางไปแล้วหรือ พะย่ะค่ะ ”

“ ไปได้สองสามวันแล้ว จะเหลือก็แต่คนที่กำลังหลบหนีที่ชื่อหลิวซี่จวิน

“ งั้นข้าพระองค์ก็หมดโอกาสที่จะพบกับนางแล้ว พะย่ะค่ะ ”

“ เจ้าไม่ต้องเขียนให้มันละเอียดลออมากนัก(洋洋洒洒)ก็ได้ เอาแค่พอสังเขป(寥寥数语)ก็พอ ” ฮั่นอู่ตี้ทรงเสนอความคิดเห็น “ เจ้าก็เขียนไปว่า สติฟั่นเฟือนจนก่อความผิดมหันต์(横行不法) เลยถูกสวรรค์ลงโทษจนตายอย่างอนาถ(粉身碎骨) แม้แต่ความตายก็ไม่สามารถจะลบล้างความผิดที่เค้ากระทำเอาไว้ได้(死有余辜) ”

“ ดูเหมือนว่าหลิวเฟยจะปลิดชีพตนเองด้วยยาพิษนะ พะย่ะค่ะ ” ซือหม่าเชียนทูลแย้ง

ไท่สื่อลิ่งของเราดูจะให้ความสำคัญกับถ้อยคำตัวอักษรมากเกินไปหน่อยนะ(咬文嚼字) ”

“ นักประวัติศาสตร์จะตวัดปลายพู่กันได้ เรื่องที่เขียนก็ควรจะมีมูล พะย่ะค่ะ ”

“ ตามใจ งั้นเจ้าก็เปลี่ยนจากตายอย่างอนาถไปเป็นกลัวการลงโทษจนฆ่าตัวตายก็แล้วกัน ” ตรัสเสร็จก็เสด็จกลับ

“ น้อมส่งเสด็จ พะย่ะค่ะ ”

ฮั่นอู่ตี้ชะงักพระองค์แล้วหันมาตรัสถาม “ แล้วคนนี้ใคร ”

“ หญิงรับใช้ของข้าพระองค์ พะย่ะค่ะ ”

“ มาใหม่หรือ ”

“ มาได้ครี่งปีกว่าแล้ว พะย่ะค่ะ ”

“ ท่าทางดูเหมือนเด็กขี้อาย(小鸟依人) ” ฮั่นอู่ตี้ทรงทอดพระเนตรหลิวซี่จวินแล้วตรัสถาม “ รู้หนังสือหรือเปล่า ”

“ พอรู้บ้างนิดหน่อย เพคะ ” หลิวซี่จวินก้มหน้าไม่กล้าสบสายตา

“ หนังสือที่นี่มีอยู่มากมายก่ายกอง(浩如烟海) การที่ได้มารับใช้ไท่สื่อลิ่งถือเป็นความโชคดี(福气)ของเจ้านะ ” ตรัสจบก็เสด็จกลับตำหนัก

[1 三皇五帝(ซันหวงอู่ตี้) หรือยุคของสามเทพห้ากษัตริย์ เป็นยุคแรกๆของกษัตริย์ผู้ปกครองบ้านเมืองของชาวจีนสมัยตั้งแต่ครั้งที่ยังไม่ได้มีการก่อตั้งเป็นราชวงศ์ กษัตริย์สามองค์แรกที่ได้ถูกยกย่องจนเหมือนกับเป็นเทพได้แก่ ซุ่ยเหริน(燧人) ฝูซี(伏羲) เสินหนง(神农) ส่วนห้ากษัตริย์ได้แก่ หวงตี้(黄帝) จวนซีว์(颛顼) ตี้คู่(帝喾) ถังเหยา(唐尧) อี๋ว์ซุ่น(虞舜)]

[2 เป็นชื่อเรียกดินแดน(ปัจจุบันก็คือกว่างตง(广东) กว่างซี(广西))ที่อยู่ทางตอนใต้ของอู่หลิ่ง(五岭)หรือเทือกเขาทั้งห้า(ได้แก่ ต้าอี่ว์หลิ่ง(大庾岭) ตูผางหลิ่ง(都庞岭) ฉีเถืยนหลิ่ง(骑田岭) เหมิงจู่หลิ่ง(萌渚岭) เย่ว์เฉิงหลิ่ง(越城岭))]



9-3


จี้ฉินหู่ยืนเกาะลูกกรงดูจี้อันซื่อที่นั่งนิ่งเฉย

“ ท่านพ่อ ท่านรีบทานข้าวสิ ข้าวเย็นหมดแล้ว ” แต่จี้อันซื่อกลับหลับตาแล้วเอนตัวลงนอน เมื่อเห็นปลอดคนคุมจี้ฉินหู่ก็เอ่ยเบาๆว่า “ ไท่จื่อรับปากลูกแล้วว่าจะช่วยพูดแทนท่านให้ ”

จี้อันซื่อรีบผุดลุกขึ้นนั่งเอ่ยถามทันที “ เจ้าบอกอะไรไท่จื่อไปบ้าง แล้วเจ้าเอ่ยถึงบ้านจอมยุทธ์กัวหรือเปล่า ”

“ เปล่า ”

“ คำเดียวก็ไม่ได้เอ่ยนะ ” จี้อันซื่อลุกขึ้นเดินมาถามลูกชายใกล้ๆ

“ ก็ท่านพ่อเป็นคนกำชับลูกไว้ไม่ใช่เหรอ ”



จี้อันซื่อถอนหายใจ “ จงจำไว้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน หรือจะกับใคร หากเจ้าเอ่ยชื่อกัวเจี่ยขึ้นมาล่ะก็ พวกเราตัดขาดความเป็นพ่อลูกกัน ”

“ แต่ว่าไท่จื่อก็ไม่ใช่คนอื่นนะท่านพ่อ ”

“ ถ้าเค้าไม่ใช่คนอื่น เจ้าก็เป็นคนอื่นแล้วล่ะ ”

“ ไม่นะท่านพ่อ ลูกกับเค้าได้สาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว ยังมีหลี่ฮั่นด้วยอีกคน ”

“ เจ้าว่าอะไรนะ ” จี้อันซื่อตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน “ ไปสาบานกันตั้งแต่เมื่อไร ”

“ เมื่อตอนที่พวกเราลงจากกำแพงหมื่นลี้ฉางเฉิง สาบานกันต่อหน้าสุสานของท่านนายพลอาวุโสหลีกว่าง แม้ไม่ได้ร่วมเกิดวันเดียวกัน แต่ก็ขอตายวันเดียวกัน ”

“ เด็กอ่อนประสบการณ์อย่างพวกเจ้า ไม่รู้อะไรควรไม่ควรบ้างหรืออย่างไร ” จี้อันซื่อดุว่าลูกชาย

“ แล้วมันไม่ดียังไงล่ะ ท่านพ่อ ” จี้ฉินหู่สังสัย

“ ทางที่ดีเจ้าควรจะลืมให้หมด เจ้าคิดว่าตีตนเสมอมังกรแล้วจะได้เป็นพระญาติกับมังกรอย่างงั้นเหรอ ”

จี้ฉินหู่ก็ยังไม่หายสังสัยกับคำพูดของพ่ออยู่ดี “ แล้ว..แล้วมันจะเป็นยังไงล่ะ ท่านพ่อ ก็ในเมื่อ..เมื่อก่อนหวงตี้ตอนที่ทรงดำรงตำแหน่งไท่จื่อก็ยังมีพี่น้องร่วมสาบานตั้งหลายคนเลย ”

“ ตอนนี้กับตอนนั้นเอาไปเปรียบกันไม่ได้ หวงตี้ยังไงก็เป็นหวงตี้ ข้ารับใช้ยังไงก็ยังเป็นข้ารับใช้อยู่วันยังค่ำ ” จี้อันซื่อสั่งกำชับลูกชายไปว่า “ เจ้าไปบอกไท่จื่อเลยว่าไม่ต้องไปขอร้องแทนข้า ข้าไม่ต้องการ ”



9-4


ไท่จื่อหลิวจี้ว์เดินทางไปเข้าเฝ้าฮั่นอู่ตี้ที่ตำหนักซวนซื่อเก๋อ(宣室阁)



“ ลูกจี้ว์ หลังจากที่กลับมาจากกำแพงหมื่นลี้ฉางเฉิง พ่อก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับเจ้าเลย หลายวันมานี้เจ้าทำอะไรบ้าง ”

“ ทูลเสด็จพ่อ ลูกอ่านตำราแล้วก็ศึกษาประวัติศาสตร์อยู่ พระเจ้าค่ะ ”

“ แล้วเจ้าอ่านตำราเล่มไหนอยู่ล่ะ ”

“ ลูกกำลังอ่านตำราจั่วจ้วน(左传 3)อยู่ อ่านแล้วเห็นว่ามีเรื่องที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง พระเจ้าค่ะ ”

“ ไหนเจ้าลองว่ามาสิ ”

“ ในตำรากล่าวไว้ว่า กษัตริย์แห่งแคว้นจิ้น(晋国)จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำให้แก่เหล่าขุนนาง ในนั้นมีนายพลอยู่คนหนึ่งที่ชื่อว่า ถังเจี่ยว(唐狡) เค้าดื่มเหล้าเข้าไปมากมาย แล้วได้กระทำความผิดในงานเลี้ยงโดยการเข้าไปขโมยกอดมเหสีแห่งแคว้นจิ้น ”

“ ทำอย่างนั้นแล้วไม่มีใครเห็นกันเลยเหรอ ” ฮั่นอู่ตี้ตรัสถามอย่างสงสัย

“ คนอื่นๆต่างก็ดื่มไปมากเหมือนกัน เลยไม่ทันได้สังเกต ส่วนมเหสีแห่งแคว้นจิ้นก็ไม่รู้จักว่าเค้าเป็นใคร จึงได้แอบขโมยดึงขนนกสีแดงที่เสียบอยู่บนหมวกของเค้า จากนั้นก็ได้ไปบอกความแก่พระสวามีเพื่อให้จับตัวชายผู้นี้มาลงโทษ”

“ สุดท้ายกษัตริย์แห่งแคว้นจิ้นไม่เพียงแต่จะไม่ลงโทษเค้า แต่กลับมีรับสั่งให้ดับไฟ แล้วบอกให้นายทหารนายพลคนอื่นๆดึงขนนกที่เสียบอยู่บนหมวกออก ใช่หรือไม่ ”

“ ที่แท้เสด็จพ่อก็ทรงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ”

[3 左传(จั่วจ้วน) เป็นบันทึกประวัติศาสตร์จีนยุคสมัยชุนชิว]




ติดตามอ่านต่อในคราวหน้า



Create Date : 26 สิงหาคม 2550
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2550 12:15:22 น. 1 comments
Counter : 9161 Pageviews.

 
ชอบจัง เรื่องนี้จะดูได้จากไหนค่ะ


โดย: 慧莹 IP: 118.174.205.218 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:27:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.