bloggang.com mainmenu search
ตั้งใจว่าจะจบแบบปาหมอน แต่มีสมาชิกเรียกร้องมากมายเยอะแยะ เท่าที่นับก็ประมาณ 3 คนแน่ะ คนนึงเป็นแฟนคลับเหนียวแน่น อีกคนก็ขาแซวประจำบล็อก อีกคนเป็นสมาชิกใหม่ครับ พูดง่ายๆ คือ มีเสียงเรียกร้องแบบไม่ลำเอียงตั้งคนนึงแน่ะ

ผมก็ประเภทบ้ายอซะด้วยครับ อัพเป็นอัพ จัดให้ครับ


เริ่มแรกขอย้อนกลับไปที่น้ำตกจ๊อกกระดิ่นครับ มาชมภาพเคลื่อนไหวเพื่อเป็น ประสบการณ์มาม่า กันครับว่าไปไหนให้ถามให้ละเอียด เช่น รถตู้ลงได้ แล้วเวลาขึ้นน่ะขึ้นได้รึเปล่า อะไรทำนองนี้ครับ




หลานเจ้าตัวร้ายถามหลังจากดูคลิปว่า 3000 ปีที่ผมเอ่ยถึงคืออะไร
คือคนเรานี่แปลกครับ เจออะไรพิกลๆ ก็มักจะเจอซ้ำๆ เรื่องเดินขึ้นเขาผมกับหลานๆ ก็เคยเดินกันมาแล้วครับ เมื่อปี 48 หลังกลับจากน้ำตกที่คุณนายขาวมณีเธอชอบ ผมก็บอกหลานๆว่า ลองไปดูภาพเขียน 3000 ปี กันมั๊ย เห็นในหนังสือท่องเที่ยวบอกไว้ว่าอยู่แถวนี้แหละ ก็พบแล้วเดินกันขึ้นไปครับ

ทางรกมาก ชันมาก ซึ้งบ้ามากเลยครับที่เดินกันขึ้นไป เพราะหลังจากผ่านไป 1500 ปี ก็ไม่ไหวครับ ความบ้าติดลบ ค่อยๆเดินลงกันมาอย่างหงอยๆ แหะๆ

ดูตัวอย่างทางขึ้นสิครับ





สำหรับเรื่องบทสนทนายามดึก และภาพเหตุการณ์ชวนขนหัวตั้ง มีความเป็นมาดังนี้ครับ...

คือหลังจากที่เรากลับจากน้ำตกจ๊อกกระดิ่น มาถึงอช.ทองผาภูมิ ถ่ายภาพๆๆๆๆๆ แล้วก็รับทานอาหารที่ร้านของอช. ก็พอดีค่ำครับ เราก็กลับไปที่บ้านทาร์ซาน แล้วก็ออกมาสนทนากันต่อที่ชานพัก ก็เป็นยามค่ำ สนทนากันถึงดึก อากาศหนาวมากครับ ถึงกับขนหัวตั้ง

มีอยู่ช่วงนึงที่นั่งคุยกันครับ มืดมาก อยู่ดีๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียงนึงดีงขึ้นมาท่ามกลางความมืดนั้น ก็หันมามองหน้ากันเลิ่กลั่กๆ เลยครับ บางคนเตรียมจะหนีเข้าห้องกันเลย

กลัวกันพอสมควรเลยครับ เพราะเสียงนั้นดังประมาณว่า กว๊ากๆๆๆๆ เสียงนกเงือกมหาประลัยตัวเดิมน่ะครับ

พวกเราก็บ่นปนสงสัยกันว่าทำไมมันยังไม่นอนอีก ผมก็เสนอวิธีว่า ถ้ามันบินเข้ามาตอนนี้จะเอาแวเลียมยัดลงในขนมเปี๊ยะให้มันกิน มันจะได้หลับ ก็ไม่ยักกะมีใครเห็นด้วยซักคน ไม่เข้าใจจริงๆ อิๆ

เรื่องที่คุยกันก็สัพเพเหระครับ ยกเว้นเรื่องเดียวคือ ประสบการณ์สยองจิต เพราะน้องคนนึงเธอขอไว้ครับบอกว่าทนฟังไม่ได้ ซึ่งผมได้ทดสอบดูแล้ว ปรากฏว่าเธอพูดจริงครับ

ก็มี โนบิตะ ครับ จะเป็นคนคล้ายๆ พนักงานทะเบียนราษฎร์ คอยซักถามประวัติคนนั้นคนนี้ แต่แปลกครับ แกมีวาทะศิลป์ดีมาก เพราะผมก็หลวมตัวเผยไต๋เรื่องส่วนตัวออกไปหลายเรื่องอยู่ แหะๆ

คุยกันอยู่ถึงดึกดื่น ไม่มีใครไปนอนซักคนเดียว ก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งครับ กว่าจะไปนอนกัน

นี่แหละครับ บทสนทนายามดึก และภาพเหตุการณ์ชวนขนหัวตั้ง

เรื่องมาเฉลยครับว่า ทำไมไม่มีใครเข้าไปนอนในห้องพักก่อนคนอื่นเลย หลายคนยอมนอนหนาวอยู่ที่ชานพักนั้น คือ ผมคุยสนุก เอ๊ย เพราะว่ามีอยู่สองสามคนครับที่เห็นอะไรแปลกๆ มายืนด้อมๆมองๆ แถวใต้บ้านทาร์ซาน เป็นเงาๆ ซึ่งใต้บ้านนั้นค่อนข้างลึกและรก แถมยังมืด ไม่มีใครคนไหนหรอกครับที่จะไปยืนเหมือนหลบอยู่มุมต้นไม้เหมือนหนังอินเดียแบบนั้น...แล้วใครล่ะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ที่แน่ๆ คนที่เห็นแล้วง่วงนอนคือ ชิซูกะ ก็ไม่ยอมไปนอนในห้องครับ ทนง่วงไม่ได้เลยนอนที่ชานพักซะงั้น แถมยังถือไฟฉายเป็นอาวุธอีกด้วยครับ



ลองดูสิครับ ใต้บ้านทาร์ซานฝั่งเลยชานพักออกไป ใคร จะไปยืนอยู่ได้หนอเวลาค่ำๆ หุบเหวนะนั่น



หลังจากที่ผจญกับนกเงือกอีกครั้ง รับทานอาหารรองท้อง เราก็กลับมาจากอช.ทองผาภูมิครับ โดยมีจุดหมายต่อไปคือ ค่ายสุรสีห์ เพื่อที่จะมาติดต่อเรื่องงาน MPS ครับ

นี้คือสถานที่จัดแคมป์ไฟครับ เถื่อนพอยังครับ



เราได้ไปวางตำแหน่งอาบน้ำ วางเต๊นท์ แนวเวที ฯลฯ ก็ได้มากพอสมควรครับ คิดว่าพร้อมแล้วสำหรับงานที่จะจัดในวันที่ 19-20 มกราคม 2551

สรุปการไปเที่ยวคราวนี้ก็เหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไรใหม่

คือสนุกสนาน เบิกบานมิตรภาพ เหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไรใหม่กว่านี้อีกแล้ว








Create Date :18 ธันวาคม 2550 Last Update :14 กรกฎาคม 2553 19:39:53 น. Counter : Pageviews. Comments :43