bloggang.com mainmenu search



เก๊กเท่ ก่อนออกเดินทางโยกเยกกันต่อ


แผนที่ฉบับออฟโร้ด


แถมยังแทนที่เราจะลงแพ ก็ไม่ครับ เราชอบโยกเยก ก็ขับออกตามเส้นคอนกรีต+ลูกรัง+ลาดยาง (อันที่จริงน่าจะเรียกว่า ราดยาง เพราะถนนเกิดจากการ 'ราด' ยางมะตอยแล้วบดอัด) ตามเส้นทางห้วยแม่ขมิ้น-น้ำตกเอราวัณ ซึ่งผู้อ่านหลายคนก็คงจะเคยเดินทางตามเส้นนี้มาบ้างแล้ว


บางส่วนของเส้นทาง น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น-น้ำตกเอราวัณ


ตอนแรกก็กะจะลุยม้วนเดียวจบ แต่วิ่งไปเกือบค่อนทาง น้องๆด้านหลังก็บอก พี่ๆ แวะถ้ำพระธาตุก่อนก็ได้นะ... อ๋อ เปล่า ไม่ได้แวะไปเที่ยวหรอกครับ เพราะต้องเดินขึ้นทางชันไปอีกตั้ง ๔๐๐ เมตรแน่ะ ก็กะจะแวะขอจนท.เข้าห้องน้ำกันน่ะครับ แต่ทำไปทำมาเลยแวะทานข้าวกลางวันกันซะเลย คือเราออกเดินทางกันประมาณเก้าโมงเช้า แวะชมนกชมไม้ ขับรถกระโดกกระเดก ถึงถ้ำพระธาตุก็ประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆแล้ว...จากนั้นก็ออกเดินทางกันต่อไปครับ


แวะที่ไหนต้องเก๊กเท่ที่นั่น จนแม้แต่สุนัขยังอดมองไม่ได้


ภาพถ่ายดาวเทียมเส้นทาง น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น-น้ำตกเอราวัณ
เช็คเส้นทางเมื่อกลับมาแล้วครับ สีดำคืออ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน


พอมาถึงช่วงน้ำตกเอราวัณ, เขื่อนศรีนครินทร์ เช็คเวลาแล้วไม่แน่ใจว่าเส้นทางที่เราจะไปนั้นจะใช้เวลาเท่าไหร่ ตอนนั้นก็ประมาณบ่ายโมงแล้ว เราจึงตัดสินใจขับรถต่อไปครับ โดยพอถึงถนนใหญ่ก็เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางที่จะไปอ.ศรีสวัสดิ์ ซึ่งช่วงแรกก็มีการขับไต่เขากันเล็กน้อย

พอถึงแยกลงแพลัดตัดทางไปอ.ศรีสวัสดิ์ เราก็ไม่ไปทางนั้นครับ เราเลี้ยวขวาไปตามถนนซึ่งเลียบแอ่งน้ำบนเขื่อนศรีนครินทร์ไป ถนนเส้นนี้เงียบ เปลี่ยว และวังเวงมากครับ แต่เชื่อว่าไม่มีอันตรายใดๆ และที่สำคัญ...วิวสวยงามจับใจมากเลยครับ ยังกับขับรถแถวพังงาน่ะครับ คือ เราจะเห็นคล้ายๆ กับเกาะกลางทะเลเป็นหย่อมๆ (ซึ่งที่จริงคือ ยอดเขาที่โผล่พ้นแอ่งน้ำในเขื่อนขึ้นมา) สวยงามแปลกตามากเลยครับ จนสงสัยว่าทำไม ททท. ถึงไม่โปรโมตเส้นทางนี้ คือโอเค ใครใคร่เดินทางเร็วก็เดินทางข้ามแพไป แต่ถ้ามีเวลาก็มีทางเลือกคือถนนเส้นนี้ ให้ชมวิวทิวทัศน์อันงดงาม ซึ่งน่าจะวิน-วินทั้งกิจการข้ามแพและคนไปท่องเที่ยวนะครับ เพราะนักท่องเที่ยวก็จะเยอะมากขึ้น


ทิวทัศน์ที่งดงามบางส่วนจากอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนศรีนครินทร์
ช่วงเส้นทางไปอำเภอศรีสวัสดิ์ (ของจริงสวยกว่านี้มากครับ)


เมื่อถัดจากถนนเลียบปางอุ๋งเมืองกาญจน์ (ก็ ปางอุ๋ง หมายถึง อ่างเก็บน้ำบนเขาสูงนี่ครับ) เราก็ขับต่อไปตามถนนเส้นศรีสวัสดิ์ไปเรื่อยๆ หลายๆสายตาของพวกเราก็คอยมองไปทางขวามือ หวังว่าจะเจอทางออฟโร้ดเพื่อที่จะไปถ้ำธารลอดตามแผนที่ที่เรามี (ซึ่งเราลืมนึกไปว่าหนังสืออ้างอิงนั้น พิมพ์มาได้เกือบสิบปีแล้ว!!!) แต่ก็ไม่ยักกะเจอซักที ผ่านอำเภอศรีสวัสดิ์ก็แล้ว ผ่านทางลงแพไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นก็แล้ว ก็ยังไม่เจอ ทางก็ยิ่งเปล่าเปลี่ยวไปทุกทีๆ บ้านคนก็ยิ่งน้อยลงๆ...

จนกระทั่งเราวิ่งไปถึงวัดแห่งหนึ่งครับ ซึ่งตอนนั้นทั้งคันรถอยากเข้าห้องน้ำกันทุกคนแล้ว จึงเลี้ยวขวาเข้าไปขออาศัยใบบุญวัดเข้าห้องน้ำครับ ก็เห็นป้ายชื่อวัดว่า 'วัดถ้ำองจุ'


ภาพถ่ายดาวเทียมเส้นทาง น้ำตกเอราวัณ-วัดถ้ำองจุ
เช็คเส้นทางเมื่อกลับมาแล้วครับ สีดำคืออ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน


วัดถ้ำองจุนี้ บรรยากาศโดยรอบทะมึน ชวนข่มขวัญพอสมควรเลยครับ (ทั้งๆที่อีกฝั่งหนึ่งของถนนมีโรงเรียนวัดถ้ำองจุอยู่ ซึ่งค่อนข้างกว้างขวาง แต่บรรยากาศคนละฝั่งนี้แตกต่างกันมาก) ขุนเขาตระหง่านเป็นแนวยาวอยู่ด้านข้างวัด รู้สึกวังเวงยังไงชอบกลกับบรรยากาศโดยรอบแถวๆนี้ เรียกว่าความรู้สึกผมนะครับ ผมรู้สึกว่าถ้ามียานบิน UFO ร่อนลงมาจอด หรือว่าโผบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้าล่ะก็ ผมจะไม่แปลกใจเลย...ก็ลองคิดดูแล้วกันครับว่าบรรยากาศอึมครึมแค่ไหน

น่าแปลกใจครับที่เราไม่ได้ถ่ายภาพบริเวณวัดถ้ำองจุมาเลย ส่วนตัวผมเองตอนนั้นกำลังรู้สึกแปลกๆอยู่น่ะครับ คาดว่าพรรคพวกคงรู้สึกคล้ายๆกัน เลยไม่ได้มีใครยกกล้องขึนมาถ่ายไว้เลย แล้วก็มารู้ทีหลังนี่เองครับว่าบริเวณวัดที่มีถ้ำชื่อว่า ถ้ำองจุ นั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง คือตอนนั้นบรรยากาศวังเวงมากจริงๆครับ และที่ผมแปลกใจยิ่งขึ้นคือ เมื่อกี้ลองเซิร์ชในกูเกิลกะว่าจะหาภาพบริเวณวัดและป้ายชื่อวัดมาประกอบข้อเขียน ก็พบว่ายังหาไม่เจอเลยครับ เจอแต่ภาพภายในวัด ภายในถ้ำ หรือภาพโรงเรียน...แปลกดีครับ อ้อ ชื่อวัดนี้มีทั้งภาษาไทยและภาษาพม่าด้วยครับ ทำให้พวกเราตอนนั้นสงสัยกันแล้วล่ะครับ ว่าจะหลงทางกันมาไกลแล้วหรือเปล่า

เราเริ่มเปิดแผนที่ฉบับใหญ่กันอีกครั้ง ก็พบว่าในแผนที่นี้ (เป็นแผนที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างโด่งดัง แต่อย่าไปรู้เลยครับว่าเป็นของสนพ.ไหน อัพเดทปี ๒๕๕๒ ล่าสุดนี่ด้วยนะครับ) ระบุว่าถนนสายหลักจะสิ้นสุดลงที่บริเวณวัดถ้ำองจุนี่แหละครับ นั่นหมายถึง ไม่เราหลงทางแล้วก็เดี๋ยวเราคงได้เจอทางออฟโร้ดซักที แต่ผมเองก็แหม่งๆว่าทำไมเรามาไกลจังเมื่อเทียบกับแผนที่ฉบับออฟโร้ด แต่เมื่อปรึกษาพี่ป้าง ปางอุ๋ง ต้นหนการเดินทางครั้งนี้แล้ว ก็ตกลงกันว่าจะเดินหน้าต่อไปอีกหน่อย เดี๋ยวก็รู้ว่า หลง หรือ มาถูกทาง...



และหลังจากนี้เป็นต้นไปครับ ที่เราได้เผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สะเทือนขวัญ สั่นคลอนประสาท มาเป็นระลอกๆ ตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ยันรุ่งเช้าของวันต่อมา ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น...โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

Create Date :04 ธันวาคม 2552 Last Update :4 ธันวาคม 2552 13:44:06 น. Counter : Pageviews. Comments :17