bloggang.com mainmenu search
สวัสดีครับ ต้องออกตัวก่อนเลยครับว่าผมมิได้ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งการอัพบล็อกท่องเที่ยวกับหลานๆคนไหนนะครับ

อันที่จริงเป็นจะเป็นการทดลองเขียนด้วยซ้ำครับว่าเขียนแนวท่องเที่ยวแล้วจะเป็นยังไง

ผมไปเที่ยว ทองผาภูมิ มาครับ




อาจมีหลานบางคนหรือหลายคนสงสัยปนหมั่นไส้ ว่าผมกำลังเตรียมงาน MPS อยู่แล้วยังหนีไปเที่ยวอีก...ช้าก่อนครับ โปรดฟังคำอธิบาย คือจุดหมายที่จะไปนี้คือ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยไปพักที่ บ้านทาร์ซาน ซึ่งต้องจองล่วงหน้านานถึง 6 เดือนมาแล้วครับ คือ ทริปนี้วางแผนว่าจะไปที่นี่นานถึงครึ่งปีแล้ว

แต่รายละเอียดการไปเที่ยว เราไม่ได้วางเลยครับ เรียกว่าดุ่ยๆ ไปก็ว่าได้


๘ ธันวาคม ๒๕๕๐

ทริปนี้มีไปด้วยกัน 9 คน ครับ รวมคนขับก็เป็น 10 คน ก็หนึ่งรถตู้พอดี เราก็นัดขึ้นรถกัน 2 จุด คือ ที่ม.แห่งหนึ่งแถวม.เกษตร (อ๋อ ก็ม.เกษตรนั่นแหละครับ ) กับที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า

ผมมีหน้าที่ขับรถไปรับ 2 สาว คือ ดาริเมยา เจ๊ใหญ่ของน้องๆ กับอีกคนหนึ่งซึ่งขอเรียกว่า ชิสุกะ ไปขึ้นรถตู้ที่ม.เกษตรฯ

ขณะที่ออกจากม. เกษตร เจ๊ดาริฯ เธอก็โทรตามสมาชิกคนอื่นให้มาที่จุดนัดหมายคือที่เซ็นฯปิ่นเกล้า คนอื่นไม่มีปัญหา แต่มีอยู่สองคนที่จับใจความได้ดังนี้

คนแรกสมมุติชื่อ โนบิตะ คนนี้บ้านอยู่แถวชัยพฤกษ์ปิ่นเกล้า เจ๊เธอก็โทรจิกให้มาที่เซ็นทรัลได้แล้ว แต่ได้ยินเจ๊บอกว่าเซ็นฯลาดพร้าว เราก็ทักกันว่าเฮ้ยไม่ใช่ เจ๊ก็บอกอ๋อ พูดผิดๆหมายถึงเซ็นฯปิ่นเกล้า ก็โอเค จบเรื่องนี้ไป


โนบิตะ


คนที่สองสมมุติชื่อ จูออน คนนี้เธอมาถึงเร็ว โทรมาหาเจ๊ เจ๊ก็บอกว่าบ้านอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์นี่ รีบออกมาทำไม ให้กลับไปนอนที่บ้านก่อน เราก็โอเค สงสัยบ้านอยู่ใกล้เซ็นฯปิ่นเกล้า


จูออน




ปรากฏ พอถึงเซ็นฯ ปิ่นเกล้า ทุกคนที่นัดหมายมากันครบ ยกเว้น โนบิตะ กับ จูออน???

ปรากฏ โทรเช็ค โนบิตะ ตอนนี้อยู่เซ็นทรัล ลาดพร้าว!!! เพราะที่เจ๊ดาริฯพูด โนบิตะแกเชื่อครับ ต้องให้รีบบึ่งแท๊กซี่มาอย่างด่วน คิดดูครับ คนอยู่ปิ่นเกล้าแท้ๆ ต้องบึ่งไปลาดพร้าว แล้วก็รีบกลับมาปิ่นเกล้าอีกครั้ง!?!

ส่วน จูออน ปรากฏ เธอไปรอที่เมเจอร์ปิ่นเกล้าครับ ก็ข้ามฝั่งมา คือคนนี้ถามไปถามมาเธออยู่บางมดครับ ทีนี้เจ๊ดาริฯที่บอกให้เธอกลับไปนอนที่บ้านก่อนนั้น คือเจ๊แกคิดว่าตอนจูออนโทรมานั้นอยู่ที่ป้ายรถหน้าบ้านที่บางมด ยังดีครับที่จูออนเธอไม่เชื่อเจ๊ แล้วกลับจากปิ่นเกล้าไปรอที่บางมด ไม่งั้นยังนึกภาพไม่ออกเลยครับว่าจะทำยังไงกันดี

นี่แค่ยกแรกนะครับ ยังไม่ออกจากกรุงเทพฯเลย ก็เป็นไปได้ถึงขนาดนี้


ภาพสมาชิกที่ไปบางส่วนตอนแวะรับทานอาหารครับ
จากซ้ายไปขวา : จูออน - ชิสุกะ - แม่ค้าขายข้าวแกง (ไม่ได้ไปด้วย) - ปู่ - หนึ่ง - พี่ปลา - หญิง


หลังจากผ่านความโกลาหลไปพักนึง เราก็มุ่งหน้าไปที่จังหวัดกาญจนบุรีครับ โดยวางแผนกันในรถว่า จุดหมายแรกที่เราจะไปคือ ช่องเขาขาด



Hellfire Pass ช่องไฟนรก เป็นสถานที่ในประวัติศาสตร์ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่เลยไทรโยคใหญ่ไปนิดนึงครับ เป็นช่องเขาขาดที่ถ้าจำไม่ผิด ทหารอักษะบังคับให้เชลยพันธมิตร เจาะช่องนี้เพื่อทำทางรถไฟผ่านไปให้ได้ ก็ทางรถไฟสายข้ามแม่น้ำแควนั่นแหละครับ

เชลยฯ ถูกบังคับให้ทำงานวันล่ะ 18 ชั่วโมง กินข้าว-ผักดอง วันละสองมื้อ โหดร้ายมาก จึงเสียชีวิตกันมากครับที่นี่

ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ก็จะมีพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ ซึ่งบอกเรื่องราวพร้อมทั้งรวบรวมสิ่งต่างๆ ในยุคนั้น อยู่ใกล้ๆ กับสถานที่จริง ซึ่งจะมีทางเดินลงจากเขาไปดูด้วยครับ

เป็นสถานที่ที่น่าเข้าชมครับ คือดูแล้วหดหู่กับสงครามมาก





สไลด์ที่ฉายในพิพิธภัณฑ์ครับ


ค่าเข้าชม 5 บาทครับ... ถ้าเข้าห้องน้ำ

หลังจากชมพิพิธภัณฑ์ เราก็จะลงไปดู ช่องเขาขาด กันล่ะครับ ว่าเป็นยังไง ทางเดินก็แปลก ให้ขึ้นเขาไปก่อนแล้วค่อยลง นัยว่าไปให้ชมวิวก่อน

ก็เดินกันไปอย่างมุ่งมั่นครับ


ชอบภาพนี้มากเลยครับ ปู่เดินกะแดะดี



พักเดียว หยุดมองหน้ากันครับ แล้วตกลงกันว่า โอเค ช่องเขาขาด จบ ลงดีกว่า แหะๆ




เอ... คุยมาตั้งนาน ยังไม่ถึงทองผาภูมิซักที งั้นตัดภาพไปที่ทองผาภูมิเลยครับ

อำเภอทองผาภูมิ ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งที่เราจะไปอุทยานแห่งชาติกันนี้ ต้องขับรถวนอ้อม/ข้ามเขาหลายตลบ ระยะทางประมาณ 30 กว่ากิโล แต่วิ่งเป็นชั่วโมงเลยครับ

มีจุดแวะพักรถระหว่างทางครับ ที่จริงจะบอกว่าแวะพักแหวะก็ได้ครับ เพราะในรถก็มี โนบิตะ ที่แอบไปแหวะ

อีกคนที่เกือบแหวะคือ จูออน ครับ เธอเข้ามาบอกว่าเธอแค่เกือบ เพราะเสียดายก๋วยเตี๋ยวร้านเจ๊ดำ ก็โอเคครับ เหตุผลรับฟังได้ เพียงแต่ก๋วยเตี๋ยวน่ะ อยู่ที่ตลาดทองผาภูมิ ชื่อร้านอะไรก็ไม่รู้ ส่วนร้านเจ๊ดำน่ะ เป็นร้านข้าวแกงอยู่ตรงสี่แยกลาดหญ้าครับ




พอไปถึงอุทยานฯ ไปยืนยันที่พัก แล้วก็ยังครับ ยังไม่เข้าที่พัก เราเดินทางต่อไปที่เหมืองปิล็อก สุดเขตชายแดนไทย





ที่นั่นจะมีจุดที่เป็นเส้นแบ่งระหว่าง ไทย-เมียนมาร์ ครับ ซึ่งก็คุ้มดีคุ้มร้าย อย่างวันที่ไป ตชด.บอกว่าอย่าไปเดินข้ามเขตมัน เอ๊ย เขตเมียนมาร์ เพราะบอลซีเกมส์หญิงเมียนมาร์ชนะไทย ตอนนี้แกเลยไม่คุยกะคนไทย... เอ้อ ทำไปได้

จุดนั้นจะเป็นจุดชมวิวทั้งไทย และ เมียนมาร์ ด้วยครับ ก็จะมีจุดถ่ายภาพ ซึ่งก่อนหน้าเราจะเข้าไป ก็มีคณะอื่นกำลังถ่ายภาพกันอยู่ ช่างภาพที่ถ่ายนั้นแกบอกว่าให้คนถูกถ่ายส่งเสียงว่า "เห้" นัยว่าจะได้ฉีกยิ้มเห็นฟัน

ซึ่งปู่กำชับพวกเราที่ไปเป็นมั่นเหมาะว่าห้ามพูดคำนี้เด็ดขาดเวลาถ่ายภาพ เพราะเราไม่ เห้




สังเกตขนาดธงสิครับ จุดเชื่อมสัมพันธไมตรี เหอะๆๆ



เจดีย์วัดเหมืองปิล็อก มุมจากจุดเชื่อมฯครับ



ทิวทัศน์มุมหนึ่งจากจุดเชื่อมฯครับ



หลังจากที่เรากลับมาจากเหมืองปิล็อก ก็กลับมาที่อช.ทองผาภูมิค่ำแล้ว ตอนแรกก็กะว่าจะลงภาพมืดๆ แล้วบอกว่ากลับมาตอนค่ำ มืดมาก ก็เกรงว่าจะแป้กมุข ดังนั้น จึงนำภาพวันอื่นมาลงนะครับ แบบว่าซีเควนซ์จะกระโดดซักนิด แต่อารมณ์ได้




และนี่คือที่พักที่ต้องจองล่วงหน้านานถึงครึ่งปีครับ บ้านทาร์ซาน ๓ และ ๔ มีชานพักอยู่ตรงกลาง


บ้านทาร์ซาน ๓ ครับ ผู้ชายยึด



บ้านทาร์ซาน ๔ ครับ ใหญ่กว่าทาร์ซาน ๓ ผู้หญิงยึดตามฟอร์ม



ชานพักครับ


บ้านทาร์ซานนี้ ก็คงจะคล้ายๆ บ้านบนต้นไม้ของ รพินทร์ ไพรวัลย์ แหละครับ โดย บ้านทาร์ซานจะหันหน้าเข้าหาหุบเหวทางด้านตะวันออก เรียกได้ว่าวิวตอนเช้าจะสวยมาก เห็นปลายฟ้าเชียวแหละครับ แต่หลับตาลงไม่ยักกะพบใครในจินตนาการเหมือนที่เพลงว่าไว้เลยครับ

เพียงแต่ผมหยิบภาพหลานๆเธอมาก็เกรงใจน่ะครับ เลือกแต่ภาพฮาๆ มาอย่างเดียว

ความสูงของบ้านก็เอาการอยู่ครับ สังเกต ชิซูกะ ที่ลงไปยืนข้างล่างสิครับ เห็นตัวเล็กไปเลย แต่หน้ายังแป้นน่ารักเชียว




ตัดภาพมาที่ตอนถึงบ้านทาร์ซานในวันที่ ๘ กันต่อครับ ตอนนั้นก็ค่ำแล้ว ลมแรงมาก หนาวมากๆ ครับ อุณหภูมิลดลงเรื่อยๆ ความเพี้ยนของแต่ละคนก็เพิ่มเป็นอัตราส่วนผกผันกับอุณหภูมิ

ก่อนอื่นก็ต้องหาอะไรรับทานกันครับ



จากนั้นก็ร้องเพลงกันโหวกเหวกเหมือนคนเมาบลูเบอรี่ชีสพาย ซึ่งก็ไม่น่าเป็นไปได้ ก็คงจะเป็นเพราะความหนาวมั๊งครับ



ร้องเพลงจนไม่รู้จะร้องอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปนอนครับ

เช้ามืดก็ตื่นกันขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ แบบว่าทำยังกะเกิดมาไม่เคยเห็นกัน แต่ก็สวยมากจริงๆครับ พวกเรามากันที่นี่เพราะสิ่งนี้





เรื่องราววันอื่นจะเป็นยังไง โปรดติดตามในหัวข้อบล็อกต่อไปครับ...









ขอขอบคุณภาพสวยๆ จากกล้องของหลานๆที่ไปด้วยกันนะครับ
Create Date :11 ธันวาคม 2550 Last Update :14 กรกฎาคม 2553 19:39:00 น. Counter : Pageviews. Comments :33