มาต่อครับ...
เริ่มที่ site map(ของแท้) กับภาพ ไว้ก่อนนะครับแล้วจะค่อยๆ มาต่อครับ ตามสไตล์จบไม่ลงในครั้งเดียว
จากพักคืนแรกที่บ้านเพื่อนรุ่นน้อง เลยสวนสนบ่อแ้ก้วมาทางแม่สะเรียงนิดหน่อย มีที่สังเกตคือโค้งถนนรูปตัว S จากตอนที่แล้ว วันต่อมาเป้าหมายที่พักคืนที่สองของเราคือ ปางอุ๋ง ครับ

มาต่อแล้วครับ แหะๆ
อาต๋อย : ต่อวันที่สองครับ...
พี่แช่ : ครับ เราออกเดินทางจากที่พักบ้านเพื่อนรุ่นน้องคือแถวหมู่บ้านกองลอย เกือบจะถึงแม่สะเรียงแล้ว ก็ประมาณอีกซัก ๓๐ กิโลเมตร ซึ่งถ้าคำนวณระยะทางในแผนที่ จากกองลอยถึงปางอุ๋งก็ประมาณ ๓๐+๓๐+๖๗+๖๗+ประมาณ๓๐ เท่ากับ ๒๒๔ กิโลเมตร ก็เรียกว่าเดินทางทั้งวัน โดยเราออกจากที่พักมาก็โอ้เอ้ๆ จนเกือบ ๑๐ โมงเช้า ก็เลยต้องทำเวลากันหน่อย

เริ่มเดินทางจากที่พักครับ
แล้วก็ถึงแม่สะเรียง อีกประมาณ 45 นาทีต่อมาครับ ก็เห็นสัญลักษณ์นี้เด่นมาเลยครับ

พิพิธภัณฑ์...อะไรซักอย่าง จำชื่อไม่ได้ครับ

แวะซื้อเสบียงครับ
อาต๋อย : ทางที่มาถึงแม่สะเรียงเป็นยังไงครับ
พี่แช่ : ก็โค้งวกไปมาแต่ไม่ชัน ถือว่าวิ่งได้เรื่อยๆ แล้วสภาพถนนจัดว่าดีมากทีเดียวครับ อาต๋อยจะถามอะไรอีกมั๊ยครับ อีกหลายร้อยโลกว่าจะถึงปางอุ๋ง
อาต๋อย : โฮเคๆ เล่าไปตามสบาย เรื่องของมรึง เอ๊ย คุณเถอะครับ ต่อครับ
พี่แช่ : ครับ แหะๆ จากแม่สะเรียงก็เริ่มทำเวลาต่อ ถนนช่วงแรกๆ ทำตรงให้ดูยิ้มกริ่มครับ แต่วิ่งไปซักกิโลนึงก็เข้าอีกหรอบเดิม วกไปวนมา แต่ก็ไม่ชัน ยังขับได้พอเพลินๆ แต่น้องๆ เริ่มเงียบเสียงลง คือเริ่มตั้งหลักปรับสภาพร่างกายกัน จนเลยอำเภอแม่ลาน้อยมาหน่อย พอเห็นทางแวะพักจุดชมวิว ก็มีเสียงมาจากด้านหลังว่า พี่ๆ พักหน่อยเหอะ...

จุดชมวิวประมาณเส้นแม่ลาน้อยไปขุนยวมครับ ยังกะภาพเขียน สวยงามดีครับ

เริ่มออกอาการกันแล้วครับ

พอสร่างเมากันแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ
พี่แช่ : ขับไปๆ โค้งซ้ายทีแล้วก็มาขวาทีๆ แต่ก็ขับได้เรื่อยๆ เพราะไม่ชันอะไรนัก ก็พูดกันเล่นๆว่า ถ้าชาวแม่ฮ่องสอนไปขับรถแถวกำแพงเพชร จะเมารถมั๊ย เพราะเส้นกำแพงเพชร-ตากถนนตรงมากๆ
อาต๋อย : นี่ผมต้องฮามั๊ยครับ
พี่แช่ : ก็ตามใจมรึง เอ๊ย คุณสิครับ เดี๋ยวสัมภาษณ์เสร็จขอคุยหลังเวทีหน่อยนะครับ
อาต๋อย : ไม่ล่ะครับผมงานชุก แล้วนี่เที่ยงคืนจะถึงปางอุ๋งมั๊ยครับ
พี่แช่ : แหะๆ ต่อครับ... แล้วเราก็แวะทานข้าวกลางวันที่อำเภอขุนยวม ประมาณบ่ายๆ พักถึงประมาณบ่ายสอง เข้าห้องน้ำห้องท่าเสร็จก็รีบเดินทางเข้าอำเภอเมือง เพราะสิ่งที่เราต้องการมากคือ ใบประกาศ!!!

ก็มาถึงอำเภอเมืองประมาณบ่ายสามครึ่งครับ
กะว่าถ้าเจ้าหน้าที่กลับบ้านไปแล้ว เราจะตามไปถึงบ้าน

เลยประตูเมืองมานิดเดียวก็ถึง หอการค้า จ.แม่ฮ่องสอนครับ

ขึ้นบันไดไปชั้นสอง เดินแกว่งเล็กน้อย เพราะผ่านมาเป็นพันๆโค้งแล้ว

หน้าตาของใบประกาศ และสติ๊กเกอร์การันตีครับ
ปรากฏว่า ใบประกาศ จะมี 2 แบบครับ แบบคนขับ กับ แบบคนนั่งมาด้วย ถ้าแบบคนขับ เจ้าหน้าที่จะขอดูใบขับขี่ด้วยครับ ค่าธรรมเนียมก็ตามในภาพคือ 20 บาท
จากนั้นเราก็แวะตลาดซื้อของกินครับ เพราะทราบว่าข้างบนปางอุ๋งจะหาของกินยากซักหน่อย คือเลือกของกินไม่ค่อยได้ แล้วเราก็ไปกันต่อครับ
ปางอุ๋ง เป็นที่แรกที่เรารู้สึกว่า อ๋อ ถนนโค้งแบบหินๆ เป็นอย่างนี้นี่เอง ในช่วง 6 กิโลก่อนถึงที่หมายครับ คือ ปางอุ๋งเป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่บนยอดเขา ทางขึ้นหักโหมมากทีเดียวครับ

ทั้งโค้งและชัน

ค่อยๆไต่ขึ้นมาจนถึงที่หมายครับ

บรรยากาศบางส่วนเมื่อเข้าไปในหมู่บ้านครับ

ครับ ชื่อเป็นทางการของปางอุ๋งคือ...
สวนป่าตามโครงการพระราชดำริ ปางตอง ๒

จากภาพบน เลยมาทางซ้าย ขับรถไปอีกหน่อย็จะเห็นบ้านพักในโครงการฯทางขวามือครับ

ซ้ายมือก็จะเห็นอ่างเก็บน้ำ

สันเขื่อนที่เวลานักท่องเที่ยวมากางเต๊นท์ก็จะมักจะกางที่นี่เรียงต่อๆกันไป

ตอนไปถึงก็เวลาเย็นใกล้ค่ำแล้ว
ก็จัดการรับทานอาหารที่ซื้อมาจากแม่สะเรียง/ตลาดในอำเภอเมือง
อ้อ มีเรื่องที่พวกเราปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเลยครับ คือเราไปถามหาซื้อ 'น้ำแข็ง' ที่ร้านค้าในหมู่บ้านครับ เพราะว่าข้างบนนั้นไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงครับ ไม่มีตู้แช่ใดๆทั้งสิ้น ป้าคนขายทำหน้าแบบหงำ คือ งงปนขำ ว่ามาถามหาน้ำแข็งทำมั๊ย?!?
จากนั้นเราก็พักผ่อนตามอัธยาศรัย ปิดไฟฟ้า(ปั่น)ตอนสี่ทุ่ม...
ตัดภาพมาที่ตอนเช้าเลยก็แล้วกันครับ

วิวที่สวยงามยามเช้าครับ

อีกมุมนึงครับ
เช้ามาเราก็เดินชมวิวทิวทัศน์ รับอากาศบริสุทธิ์ ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

พอตั้งกล้องปุ๊บ แต่ละคนก็สวมบทบาทซะ

ไม่หวั่นแม้เป็นหลุมก่อไฟ
แล้วเราก็ออกเดินทางต่อไป จุดหมายคือ ปาย ครับ แต่วันนี้ซึ่งเป็นวันเที่ยวที่สาม เราได้วางแผนกันว่าจะเที่ยวหลายที่หน่อยครับ
อาต๋อย : เอ่อ นี่ยังไม่จบทริปหรือครับ
พี่แช่ : ยังครับยัง แต่ผมก็เริ่มขี้เกียจเล่าแล้วล่ะครับ ฟีดแบคไม่ค่อยมี เอ๊ะ รึว่าเป็นที่รายการของอาต๋อยครับ
อาต๋อย : คุณอย่ามาโทษผม เล่าๆ หยุดๆ ใครเขาจะมาตามอ่านของคุณกัน
พี่แช่ : ท่าจะจริงครับ แหะๆ...อ้ะ เล่าต่อ ตอนขาลงมาเราได้ถ่ายคลิปถนนทางลงมาบางจุดด้วยครับ เพราะตอนขาขึ้นมาคนในรถเงียบกริ๊บกันทั้งคัน สอบถามภายหลังได้ความว่า ช่วยกันลุ้นว่าจะขึ้นได้รึเปล่า เพราะทางคดเคี้ยวหักศอก แถมยังชัน แถมยังบางช่วงก็สูงขึ้นไปๆ แบบไม่เปิดโอกาสให้หยุดพัก ยิ่งรถเราบรรทุกเต็มอัตรา 7 คนพร้อมสัมภาระ ก็หินเอาเรื่องครับ
สภาพถนนช่วง 6 กม. จากปางอุ๋งลงมาครับ
อาต๋อย : เยี่ยมมากเลยครับคุณแช่ คุณขับรถเก่งมาก
พี่แช่ : สำหรับผมแล้วคำว่าขับรถเก่ง ไม่มีในความคิดครับ มีแต่คำว่า ขับรถให้ปลอดภัย คือปลอดภัยทั้งคนนั่ง และปลอดภัยทั้งรถที่ขับไป ซึ่งผมให้ความสำคัญมาก
เท่าที่ได้ยินบางคนขับรถแบบลาดชันมากๆลงมา แบบใส่เกียร์ว่างให้รถไหลแล้วเหยียบเบรคชะลอลงมา ซึ่งอันตรายมาก เป็นข้อห้ามของการขับรถทีเดียว เพราะรถจะพุ่งด้วยความเร็วโดยไม่มีกำลังรถฉุดเลย โอกาสเบรคแตกมีสูงมาก หรือมีบ้างที่ใส่เกียร์สูงวิ่งเร็ว แล้วใช้เบรคช่วย จนเบรคไหม้ อันนี้ก็เรียกได้ว่า ฝากความหวังไว้กับเบรค ซึ่งก็อันตรายไม่น้อย
ทั้งสองกรณีด้านบน ล้วนแล้วแต่บอกว่า โอ้ย สบาย ขับมาแล้วไม่มีปัญหา...ก็โชคดียังไงล่ะครับ ที่เบรคไม่แตก แต่ทำไมเราจะไปฝากความปลอดภัยกับคนในรถไว้กับเบรคอย่างเดียวล่ะครับ
ที่ถูกหลักคือ เราควรใช้เกียร์ต่ำ (1 หรือ 2 เต็มที่ไม่ควรเกิน 3) ขับลงมาในที่ลาดชันมากๆ เพื่อให้กำลังเครื่องฉุดรถไว้ ทำให้เราไม่ต้องเหยียบเบรคตลอดเวลา โดยใช้วิธีปล่อยรถให้วิ่งลงมา(ซึ่งมีกำลังเครื่องฉุดอยู่) อาจเหยียบคันเร่งหรือไม่ต้องก็ได้ ซึ่งถ้าชันมากๆ ส่วนใหญ่ไม่ต้องเหยียบคันเร่งก็ลงมาปรู๊ดแล้ว แล้วเหยียบเบรคเป็นช่วงๆ เพียงเพื่อชะลอรถไม่ให้วิ่งเร็วเกินไปในรอบเกียร์นั้นๆ
พูดง่ายๆ การขับรถเที่ยวในที่คดเคี้ยว ลาดชัน ควรมีการศึกษาข้อมูล และมีประสบการณ์ในการขับรถพอสมควร ซึ่งในเรื่องนี้ก็มักจะเจอพวกพูดเก่ง มีปมด้อยในการดำเนินชีวิต ชอบบอกว่าโอ้ย ไม่เท่าไหร่ๆ ลองมาแล้ว (ซึ่งไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า) มาพูดให้เขว ก็...ตัวใครตัวมันครับ
เอ๊ะ นี่ผมเล่าจริงจังไปรึเปล่าครับอาต๋อย
อาต๋อย : มรึง เอ๊ย คุณแช่อยากจะเล่าอะไรก็เล่าไปเถอะครับ ไม่มีใครเค้าฟัง เอ๊ย ไม่มีใครเค้าว่าคุณหรอก...
พี่แช่ : ครับๆ พอเราลงมาจาก 6 กิโล กริ๊บ ก็มาเจอสิ่ง(ที่ผมคิดว่า)มหัศจรรย์ครับ ดูภาพเลยครับ

ทุ่งหญ้าส่วนนึงราบลงไป แต่ไม่ทั้งหมด!!!

ดูใกล้ๆครับ
น้องๆบอกว่า ก็ลมมันพัดทุ่งหญามันก็ราบลงซิพี่แช่ ไม่เห็นแปลก แต่พี่แช่ก็บอกว่าถ้าเป็นลมพัดแล้วทำไมทุ่งหญ้าไม่ราบไปหมดล่ะ!!!
อาต๋อย : แล้วพี่แช่คิดว่าเป็นอะไรล่ะครับ
พี่แช่ : ผมว่าน่าจะเป็นยานบินต่างดาวยูเอฟโอลงจอดครับ บอกน้องๆก็ไม่มีใครยอมเชื่อผมเลย
อาต๋อย : เจริญครับคุณแช่?!?
โปรดติดตามในตอนที่ 3 น้ำตกผาเสื่อ, ภูโคลน, ถ้ำปลา และ...ถ้ำลอด!!!
เริ่มที่ site map(ของแท้) กับภาพ ไว้ก่อนนะครับแล้วจะค่อยๆ มาต่อครับ ตามสไตล์จบไม่ลงในครั้งเดียว

จากพักคืนแรกที่บ้านเพื่อนรุ่นน้อง เลยสวนสนบ่อแ้ก้วมาทางแม่สะเรียงนิดหน่อย มีที่สังเกตคือโค้งถนนรูปตัว S จากตอนที่แล้ว วันต่อมาเป้าหมายที่พักคืนที่สองของเราคือ ปางอุ๋ง ครับ

มาต่อแล้วครับ แหะๆ
อาต๋อย : ต่อวันที่สองครับ...
พี่แช่ : ครับ เราออกเดินทางจากที่พักบ้านเพื่อนรุ่นน้องคือแถวหมู่บ้านกองลอย เกือบจะถึงแม่สะเรียงแล้ว ก็ประมาณอีกซัก ๓๐ กิโลเมตร ซึ่งถ้าคำนวณระยะทางในแผนที่ จากกองลอยถึงปางอุ๋งก็ประมาณ ๓๐+๓๐+๖๗+๖๗+ประมาณ๓๐ เท่ากับ ๒๒๔ กิโลเมตร ก็เรียกว่าเดินทางทั้งวัน โดยเราออกจากที่พักมาก็โอ้เอ้ๆ จนเกือบ ๑๐ โมงเช้า ก็เลยต้องทำเวลากันหน่อย

เริ่มเดินทางจากที่พักครับ
แล้วก็ถึงแม่สะเรียง อีกประมาณ 45 นาทีต่อมาครับ ก็เห็นสัญลักษณ์นี้เด่นมาเลยครับ

พิพิธภัณฑ์...อะไรซักอย่าง จำชื่อไม่ได้ครับ

แวะซื้อเสบียงครับ
อาต๋อย : ทางที่มาถึงแม่สะเรียงเป็นยังไงครับ
พี่แช่ : ก็โค้งวกไปมาแต่ไม่ชัน ถือว่าวิ่งได้เรื่อยๆ แล้วสภาพถนนจัดว่าดีมากทีเดียวครับ อาต๋อยจะถามอะไรอีกมั๊ยครับ อีกหลายร้อยโลกว่าจะถึงปางอุ๋ง
อาต๋อย : โฮเคๆ เล่าไปตามสบาย เรื่องของมรึง เอ๊ย คุณเถอะครับ ต่อครับ
พี่แช่ : ครับ แหะๆ จากแม่สะเรียงก็เริ่มทำเวลาต่อ ถนนช่วงแรกๆ ทำตรงให้ดูยิ้มกริ่มครับ แต่วิ่งไปซักกิโลนึงก็เข้าอีกหรอบเดิม วกไปวนมา แต่ก็ไม่ชัน ยังขับได้พอเพลินๆ แต่น้องๆ เริ่มเงียบเสียงลง คือเริ่มตั้งหลักปรับสภาพร่างกายกัน จนเลยอำเภอแม่ลาน้อยมาหน่อย พอเห็นทางแวะพักจุดชมวิว ก็มีเสียงมาจากด้านหลังว่า พี่ๆ พักหน่อยเหอะ...

จุดชมวิวประมาณเส้นแม่ลาน้อยไปขุนยวมครับ ยังกะภาพเขียน สวยงามดีครับ

เริ่มออกอาการกันแล้วครับ

พอสร่างเมากันแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ
พี่แช่ : ขับไปๆ โค้งซ้ายทีแล้วก็มาขวาทีๆ แต่ก็ขับได้เรื่อยๆ เพราะไม่ชันอะไรนัก ก็พูดกันเล่นๆว่า ถ้าชาวแม่ฮ่องสอนไปขับรถแถวกำแพงเพชร จะเมารถมั๊ย เพราะเส้นกำแพงเพชร-ตากถนนตรงมากๆ
อาต๋อย : นี่ผมต้องฮามั๊ยครับ
พี่แช่ : ก็ตามใจมรึง เอ๊ย คุณสิครับ เดี๋ยวสัมภาษณ์เสร็จขอคุยหลังเวทีหน่อยนะครับ
อาต๋อย : ไม่ล่ะครับผมงานชุก แล้วนี่เที่ยงคืนจะถึงปางอุ๋งมั๊ยครับ
พี่แช่ : แหะๆ ต่อครับ... แล้วเราก็แวะทานข้าวกลางวันที่อำเภอขุนยวม ประมาณบ่ายๆ พักถึงประมาณบ่ายสอง เข้าห้องน้ำห้องท่าเสร็จก็รีบเดินทางเข้าอำเภอเมือง เพราะสิ่งที่เราต้องการมากคือ ใบประกาศ!!!

ก็มาถึงอำเภอเมืองประมาณบ่ายสามครึ่งครับ
กะว่าถ้าเจ้าหน้าที่กลับบ้านไปแล้ว เราจะตามไปถึงบ้าน

เลยประตูเมืองมานิดเดียวก็ถึง หอการค้า จ.แม่ฮ่องสอนครับ

ขึ้นบันไดไปชั้นสอง เดินแกว่งเล็กน้อย เพราะผ่านมาเป็นพันๆโค้งแล้ว

หน้าตาของใบประกาศ และสติ๊กเกอร์การันตีครับ
ปรากฏว่า ใบประกาศ จะมี 2 แบบครับ แบบคนขับ กับ แบบคนนั่งมาด้วย ถ้าแบบคนขับ เจ้าหน้าที่จะขอดูใบขับขี่ด้วยครับ ค่าธรรมเนียมก็ตามในภาพคือ 20 บาท
จากนั้นเราก็แวะตลาดซื้อของกินครับ เพราะทราบว่าข้างบนปางอุ๋งจะหาของกินยากซักหน่อย คือเลือกของกินไม่ค่อยได้ แล้วเราก็ไปกันต่อครับ
ปางอุ๋ง เป็นที่แรกที่เรารู้สึกว่า อ๋อ ถนนโค้งแบบหินๆ เป็นอย่างนี้นี่เอง ในช่วง 6 กิโลก่อนถึงที่หมายครับ คือ ปางอุ๋งเป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่บนยอดเขา ทางขึ้นหักโหมมากทีเดียวครับ

ทั้งโค้งและชัน

ค่อยๆไต่ขึ้นมาจนถึงที่หมายครับ

บรรยากาศบางส่วนเมื่อเข้าไปในหมู่บ้านครับ

ครับ ชื่อเป็นทางการของปางอุ๋งคือ...
สวนป่าตามโครงการพระราชดำริ ปางตอง ๒

จากภาพบน เลยมาทางซ้าย ขับรถไปอีกหน่อย็จะเห็นบ้านพักในโครงการฯทางขวามือครับ

ซ้ายมือก็จะเห็นอ่างเก็บน้ำ

สันเขื่อนที่เวลานักท่องเที่ยวมากางเต๊นท์ก็จะมักจะกางที่นี่เรียงต่อๆกันไป

ตอนไปถึงก็เวลาเย็นใกล้ค่ำแล้ว
ก็จัดการรับทานอาหารที่ซื้อมาจากแม่สะเรียง/ตลาดในอำเภอเมือง
อ้อ มีเรื่องที่พวกเราปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเลยครับ คือเราไปถามหาซื้อ 'น้ำแข็ง' ที่ร้านค้าในหมู่บ้านครับ เพราะว่าข้างบนนั้นไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงครับ ไม่มีตู้แช่ใดๆทั้งสิ้น ป้าคนขายทำหน้าแบบหงำ คือ งงปนขำ ว่ามาถามหาน้ำแข็งทำมั๊ย?!?
จากนั้นเราก็พักผ่อนตามอัธยาศรัย ปิดไฟฟ้า(ปั่น)ตอนสี่ทุ่ม...
ตัดภาพมาที่ตอนเช้าเลยก็แล้วกันครับ

วิวที่สวยงามยามเช้าครับ

อีกมุมนึงครับ
เช้ามาเราก็เดินชมวิวทิวทัศน์ รับอากาศบริสุทธิ์ ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

พอตั้งกล้องปุ๊บ แต่ละคนก็สวมบทบาทซะ

ไม่หวั่นแม้เป็นหลุมก่อไฟ
แล้วเราก็ออกเดินทางต่อไป จุดหมายคือ ปาย ครับ แต่วันนี้ซึ่งเป็นวันเที่ยวที่สาม เราได้วางแผนกันว่าจะเที่ยวหลายที่หน่อยครับ
อาต๋อย : เอ่อ นี่ยังไม่จบทริปหรือครับ
พี่แช่ : ยังครับยัง แต่ผมก็เริ่มขี้เกียจเล่าแล้วล่ะครับ ฟีดแบคไม่ค่อยมี เอ๊ะ รึว่าเป็นที่รายการของอาต๋อยครับ
อาต๋อย : คุณอย่ามาโทษผม เล่าๆ หยุดๆ ใครเขาจะมาตามอ่านของคุณกัน
พี่แช่ : ท่าจะจริงครับ แหะๆ...อ้ะ เล่าต่อ ตอนขาลงมาเราได้ถ่ายคลิปถนนทางลงมาบางจุดด้วยครับ เพราะตอนขาขึ้นมาคนในรถเงียบกริ๊บกันทั้งคัน สอบถามภายหลังได้ความว่า ช่วยกันลุ้นว่าจะขึ้นได้รึเปล่า เพราะทางคดเคี้ยวหักศอก แถมยังชัน แถมยังบางช่วงก็สูงขึ้นไปๆ แบบไม่เปิดโอกาสให้หยุดพัก ยิ่งรถเราบรรทุกเต็มอัตรา 7 คนพร้อมสัมภาระ ก็หินเอาเรื่องครับ
สภาพถนนช่วง 6 กม. จากปางอุ๋งลงมาครับ
อาต๋อย : เยี่ยมมากเลยครับคุณแช่ คุณขับรถเก่งมาก
พี่แช่ : สำหรับผมแล้วคำว่าขับรถเก่ง ไม่มีในความคิดครับ มีแต่คำว่า ขับรถให้ปลอดภัย คือปลอดภัยทั้งคนนั่ง และปลอดภัยทั้งรถที่ขับไป ซึ่งผมให้ความสำคัญมาก
เท่าที่ได้ยินบางคนขับรถแบบลาดชันมากๆลงมา แบบใส่เกียร์ว่างให้รถไหลแล้วเหยียบเบรคชะลอลงมา ซึ่งอันตรายมาก เป็นข้อห้ามของการขับรถทีเดียว เพราะรถจะพุ่งด้วยความเร็วโดยไม่มีกำลังรถฉุดเลย โอกาสเบรคแตกมีสูงมาก หรือมีบ้างที่ใส่เกียร์สูงวิ่งเร็ว แล้วใช้เบรคช่วย จนเบรคไหม้ อันนี้ก็เรียกได้ว่า ฝากความหวังไว้กับเบรค ซึ่งก็อันตรายไม่น้อย
ทั้งสองกรณีด้านบน ล้วนแล้วแต่บอกว่า โอ้ย สบาย ขับมาแล้วไม่มีปัญหา...ก็โชคดียังไงล่ะครับ ที่เบรคไม่แตก แต่ทำไมเราจะไปฝากความปลอดภัยกับคนในรถไว้กับเบรคอย่างเดียวล่ะครับ
ที่ถูกหลักคือ เราควรใช้เกียร์ต่ำ (1 หรือ 2 เต็มที่ไม่ควรเกิน 3) ขับลงมาในที่ลาดชันมากๆ เพื่อให้กำลังเครื่องฉุดรถไว้ ทำให้เราไม่ต้องเหยียบเบรคตลอดเวลา โดยใช้วิธีปล่อยรถให้วิ่งลงมา(ซึ่งมีกำลังเครื่องฉุดอยู่) อาจเหยียบคันเร่งหรือไม่ต้องก็ได้ ซึ่งถ้าชันมากๆ ส่วนใหญ่ไม่ต้องเหยียบคันเร่งก็ลงมาปรู๊ดแล้ว แล้วเหยียบเบรคเป็นช่วงๆ เพียงเพื่อชะลอรถไม่ให้วิ่งเร็วเกินไปในรอบเกียร์นั้นๆ
พูดง่ายๆ การขับรถเที่ยวในที่คดเคี้ยว ลาดชัน ควรมีการศึกษาข้อมูล และมีประสบการณ์ในการขับรถพอสมควร ซึ่งในเรื่องนี้ก็มักจะเจอพวกพูดเก่ง มีปมด้อยในการดำเนินชีวิต ชอบบอกว่าโอ้ย ไม่เท่าไหร่ๆ ลองมาแล้ว (ซึ่งไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า) มาพูดให้เขว ก็...ตัวใครตัวมันครับ
เอ๊ะ นี่ผมเล่าจริงจังไปรึเปล่าครับอาต๋อย
อาต๋อย : มรึง เอ๊ย คุณแช่อยากจะเล่าอะไรก็เล่าไปเถอะครับ ไม่มีใครเค้าฟัง เอ๊ย ไม่มีใครเค้าว่าคุณหรอก...
พี่แช่ : ครับๆ พอเราลงมาจาก 6 กิโล กริ๊บ ก็มาเจอสิ่ง(ที่ผมคิดว่า)มหัศจรรย์ครับ ดูภาพเลยครับ

ทุ่งหญ้าส่วนนึงราบลงไป แต่ไม่ทั้งหมด!!!

ดูใกล้ๆครับ
น้องๆบอกว่า ก็ลมมันพัดทุ่งหญามันก็ราบลงซิพี่แช่ ไม่เห็นแปลก แต่พี่แช่ก็บอกว่าถ้าเป็นลมพัดแล้วทำไมทุ่งหญ้าไม่ราบไปหมดล่ะ!!!
อาต๋อย : แล้วพี่แช่คิดว่าเป็นอะไรล่ะครับ
พี่แช่ : ผมว่าน่าจะเป็นยานบินต่างดาวยูเอฟโอลงจอดครับ บอกน้องๆก็ไม่มีใครยอมเชื่อผมเลย
อาต๋อย : เจริญครับคุณแช่?!?
โปรดติดตามในตอนที่ 3 น้ำตกผาเสื่อ, ภูโคลน, ถ้ำปลา และ...ถ้ำลอด!!!


Create Date :31 กรกฎาคม 2552
Last Update :13 กันยายน 2552 22:44:07 น.
Counter : Pageviews.
Comments :21
- Comment
โดย: somphoenix
โดย: NuHring
ตามติด ตอนต่อไปจ๊ะ
ปล.นู๋เคยกางแผนที่การเดินทางข้ามจังหวัด จาก กทม. ลง นครศรีฯ สองสามครั้ง สำหรับนู๋มันตื่นเต้น และลุ้นๆ ดีเน๊อะ
โดย: naragorn
มีแต่รูป ไม่ค่อยมีคำบรรยายเลยเนอะ..
โดย: เอื้องสามปอย
ลักษณะจะตามมาเขียนทีหลังนะคะ
โดย: เ จ้ า ตั ว ร้ า ย
อิหนูจารู้มั้ยว่า มานเป็นที่ไหนกันบ้างกั๋บ พี่ปู่แช่
โดย: NuHring
แล้วที่เป็ชฎาแหลมๆนั่นบ้านใครค่ะ
โดย: ปิ่นพระศิวะ
โดย: อุปนิกขิต
ปล.counter ของน้องหนูก็ม่ายขึ้นเหมียนกัลล์
โดย: NuHring
^
มาต่อแว้ว
โดย: อุปนิกขิต
โห...ท่าทางเรื่องจะยาว!!!
โดย: เ จ้ า ตั ว ร้ า ย
โดย: ปิ่นพระศิวะ
^
อ้าว จิงดิ?
โดย: อุปนิกขิต
โดย: ปิ่นพระศิวะ
โดย: NuHring
โดย: เ จ้ า ตั ว ร้ า ย
ดีๆ มีหลายที่เลย... สงสัย ทริป นี้จะอัพได้หลายที
มียานยูเอฟโอ ลงจอดด้วยหรือนี่ !!?!
โดย: naragorn
เคยขับรถจนเบรคมีกลิ่นโชยมาด้วยล่ะพี่ปู่...
แบบว่าเอารถเพื่อนไปซิ่งกันที่เชียงราย เจอะโค้งแล้วโค้งอีก
เดี๋ยวเบรค เบรคเร่งเครื่อง....เล่นเอามึนซะ
อีกสองวันจะมาตามอ่านต่อน๊า....เพราะกว่าพี่จะอัพอีกรอบคงต้องรอประมาณนั้น..อิอิ
โดย: NuHring
แม่ฮ่องสอนเป็นอีกจังหวัดที่อยากไป
แต่ไม่ได้ไปซะทีค่ะ
โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท
ส่วนใหญ่ก็คนกันเองทั้งน้าน
โดย: อุปนิกขิต
โดย: attractions (loveyoupantip